เจาะลึก..เพ่คุณ.. - เจาะลึก..เพ่คุณ.. นิยาย เจาะลึก..เพ่คุณ.. : Dek-D.com - Writer

    เจาะลึก..เพ่คุณ..

    บทสามพาดจร้า...และปาหวัดนิๆหน่อๆ

    ผู้เข้าชมรวม

    168

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    168

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  7 เม.ย. 50 / 17:57 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      เริ่มกานเลยเน้ออออ...

      ชื่อ-นามสกุล นิชคุณ หรเวชกุล
      ชื่อเล่น คุณ
      อายุ 18 ปี
      ส่วนสูง 180 เซนติเมตร
      น้ำหนัก 62 กิโลกรัม
      วันเกิด 24 มิถุนายน 2531 

      ต่อไปเปนบทสามพาดน้า.....

      คุยกันเรื่องส่วนตัว

      หน้าเหมือนหนุ่มเกาหลี จริงๆ เป็นลูกครึ่งหรือเปล่า
      ผมเป็นคนไทยแท้ เป็นคนไทย-จีนที่มีในไทยทั่วๆ ไป ครอบครัวแม่เป็นคนจีน ครอบครัวพ่อก็จะครึ่งไทย-ครึ่งจีน แต่พ่อกับแม่จะอยู่ที่เมืองไทยตั้งแต่เด็กๆ ผมเองยังไม่เคยไปเมืองจีนเลย ส่วนตัวผมเกิดที่อเมริกา จากนั้นพอ 2 ขวบก็ย้ายกลับมาที่เมืองไทย พออายุ 12 ปี ก็ย้ายไปเรียนที่นิวซีแลนด์อยู่จนถึงอายุ 14 ปี ก็ย้ายไปเรียนต่อที่อเมริกา

      ทำไมถึงย้ายไป-มาหลายประเทศ
      พ่อแม่อยากให้เรียนภาษาอังกฤษ ตอนแรกที่ไปนิวซีแลนด์เพราะที่อเมริกายังไม่มีที่พัก แล้วเผอิญมีป้าอยู่ที่นั่น คุณไปกับพี่ชาย 2 คน คุณพ่อ คุณแม่จะอยู่ที่เมืองไทยตลอด

      มีพี่น้องกี่คน แล้วที่บ้านทำอะไร
      คุณมีพี่น้องทั้งหมด 4 คน คุณเป็นคนที่ 2 มีพี่ชายหนึ่งคนอยู่อเมริกา อายุ 21 ปี แล้วก็น้องสาว 2 คน อยู่เมืองไทย คนหนึ่งอายุ 17 ปีอีกคนอายุ 13 ปี ส่วนคุณพ่อคุณแม่เมื่อก่อนทำธุรกิจเครื่องประดับ ตอนนี้เปลี่ยนมาทำธุรกิจเกี่ยวกับยา

      อยู่ที่อเมริกาเป็นอย่างไร
      ไปเรียนไฮสคูล (ม.3-6) ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย เมืองเทริโอ คุณพ่อคุณแม่เป็นคนเลือกให้ ก็มีความสุขดี ใช้ชีวิตปกติ ไม่ได้ออกไปช็อปปิ้งเท่าไร ส่วนมากจะหมดเงินไปกับการกิน เป็นคนชอบกิน ดึกๆ ตี 3-4 ก็ยังเดินออกไปหาอะไรกิน แต่ก็ไม่เคยอ้วน ไม่รู้ทำไม คุณไม่เคยอ้วนเลยนะ เวลาเรียนเสร็จ ก็จะไปทำกิจกรรม คือจะไปตีแบดมินตัน คุณจะมีแข่งบ่อยๆ ก็ต้องไปซ้อม

      ถ้าถามว่าที่บ้านพ่อกับแม่เลี้ยงลูกแบบไหน
      พ่อแม่เลี้ยงมาแบบให้คิดเอง เขาจะถามว่า ทำไมคนนั้นถึงคิด ถึงทำแบบนี้ ให้เราอธิบายให้ฟัง แต่ก็จะไม่ได้บอกว่า สิ่งที่เราตอบมันใช่หรือไม่ใช่ เพียงแต่จะชี้ให้เห็นอีกมุมหนึ่ง อย่างบางครั้งเวลาคุณโกรธ โมโห หาว่าคนอื่นไม่ได้เรื่อง คุณพ่อ คุณแม่ก็จะอธิบาย ว่าทำไมเขาถึงเป็นแบบนั้น ต้องมองโลกในแง่ดี เขาอาจจะผ่านอะไรรุนแรงมา พ่อจะสอนเสมอว่า พระเจ้าให้สมองมาก่อนปาก เพราะฉะนั้นต้องคิดก่อนพูด ก่อนทำ ไม่ใช่พูด หรือทำไปแล้วค่อยมารู้สึกผิด

      ย้อนกลับไปตอนเด็กๆ ฝันอยากเป็นอะไร
      เด็กๆ ฝันอยากเป็นเชฟ คุณชอบปรุงอาหาร ไม่รู้ทำไม อยู่อเมริกาก็ทำให้เพื่อนกินบ้าง ชอบทำไปเรื่อยๆ คิดสูตรของตัวเอง อนาคตคุณตั้งใจ จะเปิดร้านอาหารชื่อว่า "อะไรก็ได้" เพราะคนทั่วไปมักชอบพูดติดปากเวลาถามว่าจะกินอะไร ก็มักจะตอบว่า อะไรก็ได้ เลยคิดว่าจะเปิดร้านอาหารชื่อนี้

      คุยต่อเรื่องว่าที่ "ซูเปอร์สตาร์"

      มาอยู่ "เจวายพี" สังกัดเดียวกับเรนได้อย่างไร
      ประมาณปี 2548 ตอนนั้นคุณอยู่อเมริกา ได้ไปดูคอนเสิร์ตเรนกับเพื่อนๆ เผอิญบริษัท เจวายพี เขามีออดิชั่นศิลปินที่นั่นอยู่ แล้วช่วงที่คุณกำลังเดินออกจากฮอลล์ ก็มีคนของบริษัทเข้ามาทักเป็นภาษาเกาหลี คิดว่าคุณเป็นคนเกาหลี แล้วก็ชักชวนให้ไปออดิชั่น ตอนนั้นคุณไม่ได้สนใจ แต่เขาก็ไม่ยอมให้กลับ คุณก็เลยให้เบอร์โทรศัพท์เขาไปแทน

      จากนั้นเขาก็โทรมาตื๊อ 3 วัน คุณก็เลยลองไปดู มันไม่มีอะไรต้องเสีย พอไปถึงร้านกาแฟที่เขานัด ก็นึกว่า เขาจะพาไปสถานที่ออดิชั่น ปรากฏว่า เขาตั้งกล้องให้เราร้องและเต้นให้ดูหน้าร้านกาแฟเลย เป็นเรื่องที่น่าอายมาก กลับบ้านไปต้องนอนคุมโปง ผ่านไป 3 อาทิตย์เขาก็โทรให้ไปกินข้าวด้วย แล้วก็บอกให้คุณไปเกาหลีเลย มีที่พัก ที่โรงเรียนทุกอย่างให้หมด

      แล้วอย่างไรต่อ
      คุณก็โทรไปถามพ่อ คุยให้ฟังว่า เจวายพี เป็นยังไง พ่อก็บอกให้ไปเลย ย้ายไปเลย โอกาสแบบนี้มันหนึ่งในล้านจริงๆ เพราะเขาไปออดิชั่นมาถึง 11 ประเทศทั่วโลก แล้วมีคุณคนเดียวที่ผ่าน ตอนแรกก็งง ว่าทำไมเขาถึงเลือกเรา ซึ่งเขาก็บอกว่า เรามีศักยภาพที่จะพัฒนาเป็นศิลปินได้ จากนั้น 2-3 เดือน หลังจากเรียนจบไฮสคูล ก็เดินทางไปเกาหลี ที่บ้านไม่มีใครรั้งเลย คุณยายก็ชอบเรนอยู่แล้วด้วย

      ไปเกาหลีต้องทำอะไรบ้าง
      คุณไปอยู่หอกับเพื่อนร่วมบริษัท วันแรกไปถึงเขาก็ให้ไปซ้อมเต้นเลย 2 ชั่วโมง คุณยังงงๆ อยู่เลย พูดภาษาเกาหลีก็ไม่ได้ ในรุ่นเดียวกัน 20 คน มีคุณคนเดียวที่เป็นคนต่างชาติ นอกนั้นเป็นคนเกาหลีหมดเลย เวลาสื่อสารกับเพื่อนๆ ก็จะใช้ภาษามือเลย

      แล้วในแต่ละวันต้องทำอะไรบ้าง
      ใน 7 วัน จะต้องเรียนเต้น เรียนร้องเพลง เรียนภาษาเกาหลี เรียนภาษาจีน เพราะเขาอยากให้ไปตีตลาดจีน เขามองว่า ถ้าคนจีนซื้อแผ่นสัก 1 เปอร์เซ็นต์ก็เป็นหลัก 10 ล้านแล้ว ส่วนเวลาพัก ก็จะเป็นชั่วโมงๆ ไป ถ้าป่วย ไม่สบายก็พักได้ แต่ถ้าจะออกไปข้างนอกไปหาเพื่อนเขาไม่อนุญาต นอกจากครอบครัวมาถึงจะให้หยุดได้

      ระบบการเรียน การสอน ที่นั่นเป็นอย่างไร
      โดดเรียนมากก็ไม่ได้ ไม่พัฒนาก็ไม่ได้ เขาจะทดสอบเราทุกเดือน ถ้าไม่พัฒนามากๆ ก็ไล่ออก ถือว่าเราไม่ตั้งใจเอง ต้องแข่งขันกับเพื่อนๆ ด้วย ใครเด่นออกมามากกว่า ก็จะมีผลงานออกมาก่อน แล้วยิ่งอยู่บริษัทนาน เราก็ยิ่งต้องจ่ายสตางค์มากขึ้น เพราะค่าที่พัก ค่าอาหารทุกอย่าง คือเราจะต้องเป็นคนออก 50 เปอร์เซ็นต์

      มีท้อบ้างไหม
      ช่วงแรกท้อมาก ภาษาก็ไม่ได้ เพื่อนก็ไม่มี โชคดีที่เป็นคนกินง่าย ไม่อย่างนั้นคงผอมกว่านี้ ช่วง 2 สัปดาห์แรกเคยคิดจะถอดใจเลย คุณต้องโทรกลับมาถามแม่ ว่าคุณทำอะไรอยู่ แม่ก็บอกว่า คิดดูสิ หากจะหันหลังกลับไปเรียนแล้วจะได้อะไร กลับไปเรียนแล้ว จบมาได้เงินเดือนเป็นรายเดือนเรารับได้หรือเปล่า งานแบบนี้สนุกกว่าหรือเปล่า ได้เต้น ได้ร้องเพลง ได้ไปเจอคน ได้เงินเยอะด้วย แม่ให้คุณคิด ให้คุณคิดดีๆ เพราะนี่เป็นชีวิตของคุณ ถ้าคุณตัดสินใจทำอะไรก็ได้อย่างนั้น คุณก็คิด ซึ่งเวลามีอะไรคุณก็จะเขียนลงไปในสมุดเพราะพ่อบอกให้เขียนเอาไว้ก่อน เผื่อจะนำบันทึกนี้ ไปทำรายได้เพิ่มในอนาคต

      เหมือนคุณพ่อ คุณแม่ จะวางแผนอนาคตไว้ให้แล้ว
      พ่อกับแม่จะบอกเสมอ ถ้ามีเงินแล้วจะต้องไม่ใช้อย่างสุรุ่ยสุร่าย ไม่ว่าจะดังหรือไม่ดัง ถ้ามีเงินก็ต้องตั้งเป็นมูลนิธิช่วยเหลือคนอื่น หรือจะเอาไปให้บ้านพักคนชราอะไรก็ได้ อาจเพราะบ้านคุณเมื่อก่อนพ่อกับแม่จะพาลูกเข้าห้องพระตลอด บทสวดชินบัญชรคุณก็ท่องได้หมด

      การที่ได้เข้าห้องพระตั้งแต่เด็ก ทำให้ได้อะไรบ้าง
      ทำให้เข้าใจ ว่าไม่มีอะไรแน่นอน อย่าหลงตัวเอง ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นย้อนเวลากลับไปไม่ได้ ถ้าทำอะไรผิดต้องเสียใจแป๊บเดียว จากนั้นก็เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส พ่อจะพูดคำนี้เสมอ อีกอย่างคุณไปอยู่เมืองนอกด้วยตัวเองมานาน 6-7 ปีแล้ว สิ่งเหล่านี้ทำให้คุณคุมจิตใจตัวเองได้ ไม่ให้กลายเป็นเด็กที่เสียไปเลย

      แล้วตัวเองมองอนาคตอย่างไร
      อนาคตจะพยายามทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุด คาดหวังว่าอยากจะไปโด่งดังทั่วโลก แต่ตอนนี้เราต้องพยายามอุดรูรั่วที่มีให้สนิทที่สุด คุณยังมีปัญหาในเรื่องของภาษาเกาหลี มีปัญหาเรื่องบางครั้งอาจจะเดินหลังค่อมอยู่ อะไรแบบนี้ก็พยายามที่จะปรับอยู่

      มีข่าวออกมาว่า ทางนั้นยกให้ คุณ เป็น "ไพ่ใบสุดท้ายของเจวายพี"
      ใช่ คือเขาจะให้ความสำคัญกับคุณพอสมควร เขาจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ อยากได้อะไรก็จะให้ จะมีประมาณ 4-5 คนที่เขาวางไว้ ว่าจะให้ออกอัลบั้มเป็นกลุ่ม ประมาณปลายปี หรือต้นปีหน้าจะได้เห็นกัน แต่ก็ไม่มีอะไรแน่นอน เพราะต้องดูด้วย ว่าในปีนั้นกระแสอะไรดังกว่า ผู้หญิง ผู้ชาย เป็นกลุ่มกี่คน เขาจะรอจังหวะให้ดีๆ ก่อนค่อยออก ตอนนี้คุณก็เซ็นสัญญากับเขาไว้ 8 ปี เขาเซ็นยาวขนาดนี้ เพราะต้องการให้เราไปตีตลาดที่อื่นๆ ด้วย เกาหลีตลาดเล็กมาก ต้องไปญี่ปุ่น จีน ไทย เวียดนาม อะไรเหล่านี้ให้ได้

      เป็นที่รู้จักในเกาหลีหรือยัง
      เริ่มมีคนรู้จักบ้าง ที่นั่นเขาก็จะรู้จักในฐานะเด็กใหม่ของเจวายพี ที่ไม่ใช่คนเกาหลี แต่ก็ไม่ได้มากขนาดเดินไปตามถนนแล้วคนจะรู้จัก

      แล้วพอกลับมาไทยล่ะ
      กลับมามีคนรู้จักมากขึ้น รู้สึกอบอุ่น ไม่เคยคิดว่าจะขนาดนี้ ดีใจเพราะคุณก็ยังไม่มีผลงานออกมามากมาย มีแค่โฆษณาดัชมิลล์ แต่ก็แป๊บเดียว พอมาถึงสนามบิน มีแฟนคลับมากรี๊ด ตะลึง มารับเยอะ มีป้ายชูด้วย รู้สึกสนุกสนานเป็นโอกาสดีของคุณที่จะได้สร้างให้คนรู้จักกว้างขึ้น

      แน่นอน มีความคาดหวังจากคนไทยเยอะมาก ว่าคุณจะต้องเป็นเหมือนเรน
      มีความคาดหวัง ก็มีกดดันนิดหน่อย แต่ก็ดีใจที่เขาเชื่อใจในตัวคุณ ว่าคุณสามารถที่จะเป็นตัวแทนคนไทยที่จะไปถึงอันดับโลก แต่จะได้หรือเปล่า ก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณและโอกาส แต่คุณก็จะทำมันให้ดีที่สุด คุณพูดหลายครั้งมาก ว่าคุณอยากจะเปลี่ยนเกาหลีฟีเวอร์ ให้เป็นไทยฟีเวอร์ เพราะตัวคุณเองประเทศไทยต้องมาก่อน คุณจะต้องใส่สายรัดข้อมือในหลวงตลอด อาหารก็ชอบอาหารไทย คุณจึงไม่เข้าใจว่าทำไมบางคนไปชอบศิลปินเกาหลีจนลืมคนไทย คุณก็อยากจะเปลี่ยนความรู้สึกตรงนี้

      จะมีผลงานในไทยให้ติดตามไหม
      งานในไทยมีแน่นอน ตอนนี้ก็มีเข้ามาเยอะมาก แต่ต้องไปคุยกับเจวายพี ทางนั้นเขาจะเป็นคนตัดสินใจว่า ควรทำหรือไม่ เขาไม่อยากให้คุณเสียเวลาในการฝึกซ้อมไป เพลงไทยน่าจะมี แต่ละครเขาก็อยากให้เล่นเป็นสไตล์เกาหลี เขาควบคุมเรื่องภาพลักษณ์มาก

      คุยปิดท้ายเรื่องหัวใจ

      ข่าวกับ "พลอย" ชิดจันทร์ รุจิพรรณ
      เรื่องพลอย ทุกคนก็คงจะทราบแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว กลับมาก็ไม่ได้เจอกัน ยิ่งมีข่าวต้องยิ่งระวัง เพราะตอนนั้นไปถ่ายทำโฆษณาดัชมิลล์ก็เป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันธรรมดา คือคุณไม่ได้คุยภาษาไทยมานานมาก พอเจอคนไทยก็อยากคุย อยากพูดภาษาไทยด้วย มันเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่อยู่เมืองนอก

      หัวใจตอนนี้ล่ะ
      ตอนนี้คุณไม่ได้มองเรื่องรักเลย ซ้อมหนักมาก เวลานอนยังไม่ค่อยมีเลย ถามว่าเคยมีไหม ก็มีแต่เป็นเรื่องของเด็กๆ โทรหากัน ถามจริงๆ ก็ไม่ใช่ความรัก

      สาวในสเปคต้องเป็นอย่างไร
      เป็นคนเรียบง่าย ใจดี นิสัยดี เข้ากับทุกคนได้ ไม่โอ้อวด ไม่สุรุ่ยสุร่าย หน้าตาไม่เท่าไร แต่ก็คงไม่ใช่ ว่าหน้าตาแย่ไปเลย เพราะในสังคมก็ต้องมีเรื่องหน้าตาบ้าง

      นิยามความรักของคุณ ณ อายุ 18 ปี
      คำว่า รัก คือ เพื่อนสนิทคนหนึ่งที่คุยได้ เราก็อยากคุยกับเขา เขาก็อยากคุยกับเรา แบ่งปันความรู้สึกกันได้ เวลาเจ็บป่วยก็มาดูแลกันแบบนั้นมากกว่า

      และนี่คือ ตัวตนของหนุ่มเชื้อสายไทย ที่ไปเติบใหญ่อยู่ต่างแดน และหวังว่า ในอนาคตเขาจะโด่งดังไปทั่วโลก พร้อมๆ กับพ่วงคำว่า "คนไทย" ติดสอยห้อยตามไปด้วย

      เอาล่ะค่ะ..

      ก้อมีแค่นี้นะคะ

      เข้ามาดูกันเยอะๆน้า

      เม้นด้วยล่ะ..

      นะนะ

      เม้ยด้วย

      หุหุ

      ไปล่ะ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×