คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนพิเศษวันเกิดคาโล (ยกมาจากเรื่องสั้นครับผม)
ตอนพิเศษวันเกิดเจ้าชายคาโล
“รุก
” เสียงคนได้เปรียบกว่าดังเร่ง
“ใจเย็น
” คนเสียเปรียบ (?) ยังคงนิ่ง
“รุก!” คนได้เปรียบยิ่งย่ามใจ
“ก็บอกว่าเดี๋ยวไงเล่า” คนเสียเปรียบตอนนี้ตัวเริ่มสั่นนิด ๆ มือทั้งสองข้างกำแน่น เม้มริมฝีปากสนิท ก่อนจะหมดความอดทนเมื่อประโยคสุดท้ายถูกส่งมา
“รุกฆาต!!” เสียงปิดเกมดังขึ้นพร้อมกับฝ่าเท้างาม ๆ ของคนถูกปิดเกมยันโครมเข้าให้
โครม!!! ปัง!!! ตุ้บ !!!
เสียงของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กกระเด็นกระดอนไปชนกับตู้วางของด้านข้างพร้อมกันกับที่สิ่งของที่เรียงรายอยู่ในตู้ร่วงลงมาทับร่างน้อย ๆ จนมิด
“เดินคิงกินเบี้ยบ้านแกเหรอเจ้ากวางรุกฆาตเนี่ย” เสียงหวานแต่แฝงความเย็นเยียบเนื่องด้วยอารมณ์กรุ่น ๆ ดังขึ้นเมื่อเห็นเขาขนาดใหญ่กว่าลำตัวค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาจากกองสิ่งของนั้น
“อูยย
ไม่งามเลยกระหม่อม” เจ้าตัวเล็กยังคงโอดโอย แถมยังอุตส่าห์สั่งสอนผู้กระทำอย่างไม่กลัวเกรง (?) ด้วยความมาดมั่นที่ตนเป็นถึงราชองครักษ์และพระอาจารย์พี่เลี้ยงของเจ้าหญิงตรงหน้า
“อยากให้งามกว่านี้ใช่ไหม
” คนถูกสั่งสอนเปรยเสียงเครียด พร้อมเหยียดยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างน่าสะพรึงขวัญ
โอว
.กลิ่นอายท่านจ้าว “โธ่ ก็
เจ้าหญิงของกระหม่อม ทรงปรีชาสามารถเหลือเกินพระเจ้าค่ะ กระหม่อมเดินวนไปเวียนมาจนเหลือคิงตัวเดียวแล้ว จะให้หม่อมฉันทำอย่างไรหละพระเจ้าค่ะ” โคมุสน้อยรีบแก้ตัวละล่ำละลักด้วยความปรีดาที่ดูท่าว่าเจ้าหญิงของตนเริ่มสำแดงอำนาจปีศาจเสียแล้ว แม้ว่าความปรีดานั้นจะทำให้เสียงเจ้าตัวดูสั่น ๆ ไม่เข้ากันเสียเลย แต่จะว่าง่าย ๆ ก็คือ กลัวถูกถีบงาม ๆ จากเจ้าหญิงผู้ทรงฤทธิ์มากกว่านั่นเอง
“เออ ๆ ก็ได้ ๆ พอแล้ว ไม่ลงไม่เล่นมันและ” หญิงสาวผู้มีศักดิ์เป็นถึงเจ้าหญิงสบถอย่างหัวเสีย ก่อนจะยกมือน้อย ๆ ขึ้นมาไล้แผลเป็นใต้ตาซ้าย อย่างคนใช้ความคิด
“อืม
มาหาอะไรทำแก้เซ็งกันดีกว่านะเจ้ากวาง” เสียงหวานแปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เมื่อกำลังนึกถึงเรื่องสนุกตรงหน้า ส่วนคนถูกชวนทำหน้าพะอืดพะอมเต็มที่ ก็ไอ้เรื่องสนุก ๆ ของเจ้าหญิงของมัน ทำเอามันแทบตายทุกที ใครจะอยากไปสนุกด้วยกัน?
“เฟลิโอน่า!!” สุรเสียงเคร่ง ดังผ่านประตูเข้ามาก่อนที่ประตูบานใหญ่จะถูกผลักออกด้วยมือที่มองไม่เห็น ร่างสูงสง่าของหญิงสาวผู้มีศักดิ์เป็นอาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าเจ้าหญิงคนงาม ที่บัดนี้ดวงหน้าหวาน ๆ ซีดลงสนิทจนแทบไม่เห็นสีเลือด
“กระหม
” “หืม ว่าอย่างไรนะเฟลิโอน่าหลานรัก” เสียงหวานแต่ทรงอำนาจดังขัดทันทีเมื่อได้รับเสียงตอบรับที่ไม่ควร น้ำคำท่อนท้ายที่ทำเอาเจ้าหญิงคนงามขนลุกซู่ขึ้นด้วยความหวาดหวั่น
“พะ..เพ..คะ”
“อืม ดีมาก
เห็นเสด็จพ่อของหลานว่า หลานอยากเรียนเวทมนต์กับเพลงดาบเพิ่มเติม อากับอาเกรเซอร์ก็เลยรับหน้าที่มาสอนหลานให้หน่ะ” อาสาวแสนสวยเริ่มอธิบายถึงสาเหตุการมาทำเอาหลานรักของอาคนสวย หน้าซีดลงยิ่งกว่าเดิมเท่าตัว ปากที่ไวเท่าความคิดรีบส่งออกไปทันที
“ไม่เป็นไร ดีกว่า กระหม่..เอ้ยเพ..คะ” ร่างบางไพล่คิดไปถึงท่านพ่อตัวดี แค่อยากออกไปเที่ยวก่อนกลับไปเรียนสักเดือนแค่นี้ ขนเอาเรื่องเรียนมาต่อรองกับเขาจนได้ สุดท้ายก็ต้องยอมเพราะนึกว่าท่านพ่อจะสอนเอง เอาวะแค่ 2 เดือน อุตส่าห์ทำใจแทบแย่ ก็เล่นเอาของมาลดแลกแจกแถมนี่นา บอกว่าจะให้มังกรตัวหนึ่งเอาไปแทนเจ้าโรซี่ ใครจะไม่อยากได้ แต่ท่านพ่อดันเล่นแง่นี่หว่าชิ
“หืม อาว่าคงต้องเพิ่มสอนมารยาทแถมอีกหน่อยแล้วกัน อันนี้พิเศษจากอาเลยนะ” เสียงหวานทรงอำนาจเอ่ยพร้อมด้วยรอยยิ้ม ที่ทำเอาคนถูกลดแลกแจกแถมเหงื่อตกทันที อ้าปากค้าง
“มะ
ไม่เป็นไร ดีกว่า กร
พ.เพ คะ”
“อืม ดีขึ้นนึดนึง อาจะเป็นคนสอนเวทย์ให้เจ้าสลับกับอาเกรเซอร์ คนละวัน เรื่องมารยาทอาจะสอนไปด้วยระหว่างเรียนเวทย์ อ้อ แล้วตอนที่อยู่กับอาเกรเซอร์ก็ต้องทำแบบที่อาสอนด้วยนะ ถ้าอารู้ว่าหลานไม่ทำ
หึ หึ” น้ำคำท่อนท้ายที่แฝงความน่ากลัวเอาไว้ทำเอาเจ้าหญิงน้อย แทบหมดลมหายใจ ยังไม่วายแอบด่าไปยังเจ้าชายน้ำแข็ง กับเพื่อนรักนักฆ่าที่ไม่ยอมให้มันไปเที่ยวบ้านแต่ถีบส่งให้กลับมาอยู่เดมอสช่วงปิดเทอม คิดแล้วแค้นใจ เอาวะกลับไปงวดนี้จะเล่นซะให้เข็ด ไอ้คิลแกตายแน่
“เริ่ม พรุ่งนี้ 7 โมงเช้าเจอกันนะหลานรัก” อาสาวยิ้มหวานให้หลานสาวตรงหน้าที่พยักหน้าหงึกหงักอย่างนึกขำกับปฏิกิริยาโต้ตอบของคนเป็นหลาน แล้วหันหลังเดินกลับออกไป ประตูบานใหญ่ปิดลงไปโดยอัตโนมัติ
“ตาย ตาย ตาย
” เสียงครางอย่างลนลานแผ่วเบาเรียกเสียงตอบกลับอย่างไม่น่าเชื่อ
“ยังไม่ตายกระหม่อม กระหม่อมยังอยู่ตรงนี้ โอ
เป็นพระกรุณาที่เจ้าหญิงทรงห่วงใย” โคมุสน้อยกล่าวด้วยเสียงสั่น ๆ น้ำตาใส ๆ คลอหน่วย ทำเอาคนครางหันไปมองด้วยความพิศวง นี่มันยังอยู่อีกหรอเนี่ย ดวงตาสีน้ำตาลคู่โตกรอกขึ้น อย่างจนใจกับคนเข้าใจผิดแต่ไม่คิดแก้ตัวเพราะกลัวมันจะเป็นมากกว่านี้ เท่าที่เป็นอยู่มันก็แย่เต็มทน
“เราจะไปเฝ้าท่านพ่อ” เสียงหวานเอ่ยขัดพร้อมกับร่างบางที่ยันตัวลุกขึ้นแล้วรีบวิ่งออกไปโดยไม่ฟังเสียงขององครักษ์น้อยเลยแม้แต่นิด
ปัง ปัง ปัง
เสียงทุบประตูโครมครามตามแรงอารมณ์ที่ดูท่าว่าหากคนข้างในไม่ยอมเปิดออกมาคงได้หูแตกกันไปข้างหนึ่งแน่ ๆ
แอ๊ดดดด
“ว๊ากก
” ประตูบานใหญ่เปิดออกพร้อมกับร่างบางที่เซถลาเข้าไปเพราะมือน้อย ๆ กำลังเตรียมจะทุบเต็มแรง ก่อนจะปะทะเข้ากับวงแขนแกร่งที่ยื่นออกมารับด้วยความรู้ทันเพราะกลัวลูกสาวคนสวยเสียโฉม
“ว่าไงเฟลิโอน่าลูกรัก” เทียงทุ้มดังขึ้นอย่างอ่อนโยน พร้อมด้วยดวงเนตรที่ก้มลงมองใบหน้าหวานของลูกรักคนที่ว่ากำลังเริ่มงอง้ำขึ้นทันตา รู้ก็รู้ว่าชื่อตัวแต่ฟังแล้วมันก็ยังแปลก ๆ อยู่ดี เฟรินไพล่คิดไปอีกเรื่องก่อนจะหันไปจ้องหน้าคนเป็นพ่อ
“ตาย ตาย ตาย เพราะท่านพ่อคนเดียว ผมก็นึกว่าพ่อจะสอนเองอ้ะ ไหงให้ท่านอาลูน่ากับอาเกรเซอร์เป็นคนสอนหละครับ” เสียงหวานเริ่มใส่ความคนเป็นพ่อทันทีที่ตั้งหลักได้ คนถูกกล่าวหาเพียงส่ายหน้าเบา ๆ กับอาการของลูกสาวที่ดูจะเลี้ยงมาดีเหลือเกินด้วยรอยยิ้มบาง ๆ
“ไม่ดีหรือ? เฟลิโอน่า ท่านอาทั้งสองเก่งมากนะ อีกอย่างงานพ่อก็ล้นมืออยู่เลย อยากไปสอนลูกใจจะขาด แต่พวกเสนาอำมาตย์เล่นเอาฎีกามาวางค้ำอยู่ทุกวัน” เสียงทุ้มเอ่ยปลอบพร้อมกับบ่นไปอีกเรื่อง เรียกรอยยิ้มหวาน ๆ จากลูกสาวได้ทันที ก็จะว่าไปก็น่าสงสารท่านพ่ออยู่เหมือนกัน ก็ไม่ใช่เพราะคราวที่แล้วที่ยอมเลิกรบกับเอเดนมา เพื่อหนีกฏแต่ไม่วายมาโดนที่นี่อยู่ดี
“ก็ท่านอาลูน่าหนะสิครับ บอกว่าจะสอนมารยาทหญิงให้ลูกด้วย” แก้มใส ๆ พองออกเล็กน้อยหลังจากเริ่มฟ้องพ่อของตนว่าจะถูกกระทำอะไรบ้าง
“หืม
ก็ดีแล้วนี่นา
เอ่อ..พ่อหมายถึงว่าบางอย่างก็ต้องปรับเปลี่ยนบ้างนะลูก อย่างไรเจ้าก็เป็นหญิง
” คำสอนที่เปลี่ยนแปลงไปในตอนท้ายเมื่อเห็นดวงหน้าหวานงอง้ำมากขึ้น
“โธ่ ท่านพ่อนึกว่าจะช่วยกัน เฮ้อ
” ร่างบางถอนใจอย่างหมดแรงพลางทรุดตัวลงนั่งโซฟาด้านหลังตนเอง จ้าวปีศาจนั่งลงข้าง ๆ ลูกสาวพลางลูบศรีษะเบา ๆ เรียกสายตาอ้อน ๆ ที่ช้อนขึ้นมองอย่างมีความหวัง
“เฟลิโอน่าลูกรัก ชื่อนี้ที่ลูกไม่ชอบพ่อรู้ แต่เจ้ารู้ไหมว่าชื่อที่แสนไพเราะนี้ แม่ของเจ้าเป็นคนตั้งให้ เจ้าเป็นสิ่งเดียวพวกเหลืออยู่ คือความรักจากนางที่มอบให้พวกเรา
” เสียงทุ้มดังขึ้นเรียบ ๆ แต่เรียกดวงตาใส ๆ เบิกกว้างอย่างไม่คาดคิด ก่อนจะหลุบลงต่ำแล้วเงยใบหน้าส่งยิ้มหวานให้คนเป็นพ่อด้วยความเข้าใจ
“ความจริง คือ สิ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงนะลูก เหมือนดังเช่นตัวของลูก พ่อไม่ได้อยากให้เจ้าเปลี่ยนแปลงนิสัยของตัวเอง เพียงแค่อยากให้เจ้าเข้าใจและสามารถทำได้ในสิ่งที่เจ้าเป็น”
“ค่ะ พ่อ หนูจะทำในสิ่งที่หนูเป็น แต่หนูก็จะไม่ทิ้งในสิ่งที่หนูเป็นเช่นกัน” ดวงเนตรสีน้ำตาลใสแจ๋วสบกับดวงเนตรสีดำสนิทที่ทอประกายอ่อนโยน ก่อนริมฝีปากบางจะแตะเบา ๆ ที่ข้างแก้มของผู้เป็นบิดา
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะพ่อ พรุ่งนี้อาลูน่านัด 7 โมงแน่ะ เดี๋ยวลุกไม่ทันตายแหง ๆ” ว่าจบร่างบางก็กระเด้งตัวขึ้นยืนส่งยิ้มหวานหยดพร้อมกับหันหลังวิ่งเปิดประตูออกไป ประตูบานใหญ่ปิดสนิทลงไม่ทันถึงนาทีก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง ร่างบางที่หอบน้อย ๆ ย่อตัวลงถวายความเคารพพร้อมกับปิดประตูวิ่งกลับไปยังห้องบรรทม เรียกรอยยิ้มขบขันจากจ้าวปีศาจหนุ่มได้เป็นอย่างดี
“เฮ้อ
ดีจังเลยได้พักแล้ว” เสียงหวานถอนหายใจเบา พร้อมกันนอนแผ่ร่างบางลงบนเตียงใหญ่สีขาวสะอาด พลางนึกถึงช่วงเวลา 2 สัปดาห์กว่าที่ผ่านมา การเรียนการสอนอย่างหนักจากท่านอาทั้งสอง เล่นเอาเขาเพลียลุกแทบไม่ขึ้นทุกวัน แต่เพื่อมังกร เอ้ย เพื่อท่านพ่อเราก็ต้องพยายาม
‘เจ้าขยันและตั้งใจดีมากหลานรัก อาเลยปรึกษากันจะให้เจ้าหยุดพัก 2 วันแล้วเจอกันวันจันทร์นะหลาน’ เสียงหวานทรงอำนาจของอาสาวสุดสวยลูน่าดังขึ้นในความคิดก่อนริมฝีปากบางจะเผยอยิ้มออกมาเมื่อนึกได้ว่าจะทำอะไรดีช่วง 2 วันนี้
ร่างบางกระเด้งตัวขึ้นมาในท่านั่ง ก่อนจะเรียกคทาสีขาวบริสุทธิ์เข้ามาไว้ในมือบาง หัวลูกแก้วทำจากเกล็ดสุริยันจันทราอัญมณีหายากแห่งเดมอส พู่สีดำสนิทจากเส้นผมของ 3 พี่น้องราชาปีศาจแห่งเดมอส ด้ามไม้สีขาวสะอาดตาทำมาจาก กิ่งของไม้ยืนต้นอายุกว่า 5000 ปีที่เหลืออยู่เพียงต้นเดียว นามของมัน ‘คทานิรันดร์’ ถูกเรียกออกมาใช้งานอย่างคล่องแคล่ว
ร่างบางขยับตัวตรงก่อนจะหลับตาลงตั้งสมาธิ ริมฝีปากบางร่ายมนต์แผ่วเบาอย่างรวดเร็วพลันกระแสสีทองค่อย ๆ แผ่กระจายออกมาจากคทา ครอบคลุมร่างบางเอาไว้ ก่อนที่จะเปล่งแสงจ้าออกมาชั่วพริบตาและดับลง ร่างบางที่เคยนั่งอยู่กลับหายไปเสียไปแล้ว
‘ไอ๊ หย๊า
แย่แล้ว
’ ความรู้สึกเหมือนหล่นจากที่สูงทำเอาสาวเจ้าปิดตามิดเพื่อเตรียมใจรับความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้น
ตุ้บ!!
ร่างบางหล่นปุลงบนเตียงสีขาวสะอาดตา ภายในห้องกว้าง เมื่อสำนึกได้ว่าตนเองไม่ได้เจ็บปวดอะไรตรงไหน หญิงสาวจึงค่อย ๆ ลืมตามองจุดหมายปลายทางที่ตนเองเล็งเอาไว้อย่างสำรวจ
‘หึ หึ ห้องเงียบ ๆ เรียบ ๆ แบบนี้ของไอ้น้ำแข็งแหง ๆ’ มือบางแบออกพร้อมกับร่ายเวทย์แผ่วเบาพลันปรากฏกำไลสีขาวสะอาดตาวงใหญ่ 1 วง วงเล็ก 1 วง ตรงกลางของด้านหนึ่งประดับด้วยอัญมณีสีฟ้า 1 เม็ดของวงใหญ่ และสีเหลือง 1 เม็ดของวงเล็ก ริมฝีปากบางเผยอยิ้มขึ้น เมื่อนึกถึงที่มาของกำไลวงสวยทั้งคู่ที่อุตส่าห์ไปอ้อนขอเศษเสี้ยวของ เกล็ดสุริยันกับเกร็ดจันทรามาประดับลงบนแพลทตินั่มสีขาวบริสุทธิ์หายาก เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้ไอ้เจ้าชายมาดมากนั่น พลันดวงหน้าหวานขึ้นสีเรื่อ ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์
‘คอยดูนะ ต้องเรียกค่าตอบแทนให้สาสม’ สมองน้อย ๆ ไพล่คิดถึงผลกำไรก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ อย่าถูกใจ อย่างที่ลืมสนิทไปเลยว่า ของขวัญวันเกิดใครที่ไหนเขาเอามาให้แล้วยังไปไถเงินคนรับบ้างเนี่ย เฮ้อ
เสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาทำให้หญิงสาวสลัดความคิดทิ้งก่อน เก็บไอเวทย์ของตนแล้วลุกขึ้นยืนแอบหลังเสาเพื่อดูเป้าหมายให้แน่ชัด (กลัวผิดตัว)
มือหนาผลักประตูบานใหญ่ออก เผยให้เห็นร่างที่แสนคิดถึง เฟรินขยับตัวออกมาจากที่กำบัง พร้อมกับเอ่ยเรียก “คา..” น้ำคำท่อนท้ายที่หายไป เพราะใบหน้าคมเข้มนั้นหันไปตามคำเรียกของอีกคนเสียก่อน จนคิ้วเรียวบางขมวดมุ่น
“เจ้าพี่” เสียงหวานของหญิงสาวนางหนึ่งขานเรียกมาแต่ไกล
“เจ้าพี่คาโล รอด้วยสิเพคะ” ร่างเล็กโถมเข้ากอดชายหนุ่ม มือหนายกขึ้นลูบกลุ่มผมหนาสีทองพร้อมด้วยยิ้มบางที่ริมฝีปาก
มือบางกำแน่นอย่างรวบรวมสติ ที่เพียรฝึกมาตลอดกับท่านอา แต่ตอนนี้มันไม่มีอยู่แล้ว ร่างบางสั่นเทาด้วยแรงอารมณ์ เสียใจ ผิดหวัง ท้อแท้ ปะปนกันจนเร่งพลังออกมา
“คา
โล” น้ำเสียงสั่นครางแผ่วเบา เรียกให้ทั้งสองร่างที่ยืนกอดกันอยู่หน้าประตูหันมองบุคคลที่มาอยู่ก่อนแล้วด้วยความตกใจ ดวงตาสีฟ้าเบิกกว้างเล็กน้อยเมื่อเห็นหญิงสาวที่ตนรัก ดวงหน้าของหญิงสาวในขณะนี้ที่ฉายประกายเศร้า เสียใจ น้ำตาใส ๆ ไหลรินออกมา
“เฟ
ริน” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกแต่ไม่ทันเสียแล้ว
“คทานิรันดร์” สิ้นคำคทาด้ามยาวสีขาวพลันปรากฏในมือหญิงสาวก่อนที่ริมฝีปากบางจะเริ่มท่องมนต์อีกครั้งแสงสีทองสว่างคลุมร่างบางเอาไว้ก่อนจะเจิดจ้าและดับลงเช่นครั้งแรก แต่ครั้งนี้กลับต่างออกไปตรงที่ ร่างบางของหญิงสาวจากไปเหลือไว้เพียงน้ำตาและกำไลสีขาวบริสุทธิ์ที่ประดับด้วยอัญมณีสีฟ้าหล่นกลิ้งอยู่ที่พื้น กับหัวใจที่แตกสลาย
“เจ้าพี่คะ
นั่น” หญิงสาวผมสีทอง นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนมองไปยังกำไลเบื้องหน้า ชายหนุ่มขยับเข้าไปก้มลงหยิบขึ้นมาพร้อมกับสวมไว้ที่ข้อมือหนา ด้วยแววตาหม่นหมอง
“เฟ
ริน” เสียงทุ้มพึมพำแผ่วเบาก่อนจะหันมาหาร่างบางข้าง ๆ ด้วยแววตาอ่อนโยนแต่ฉายแววเศร้าสร้อย
“คาเรริน เจ้าไปเฝ้าเสด็จแม่ก่อนเถิด” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเลื่อนลอย หญิงสาวไม่ได้ซักไซร้สิ่งใดก่อนจะก้าวถอยหลังปิดประตูลงปล่อยให้เจ้าชายหนุ่มจมอยู่ในห้วงคิดของตัวเองตามลำพัง
‘เฟริน
’ นัยน์ตาสีฟ้าหม่นมองกำไลสีขาวสะอาดที่ตอนนี้ถูกสวมอยู่กับข้อมือซ้ายด้วยความอาวรก่อนจะยกข้อมือขึ้นสัมผัสกับใบหน้าเข้มอย่างคนที่กำลังจมปลักกับห้วงคิด
อีกฟากหนึ่งของวังหลวง
"เฮ้ย!! ว๊าก!!"
เสียงของสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นมนุษย์หล่นลงมาทับกับสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกัน ในสภาพที่ไม่ค่อยน่าดูสักเท่าไรนัก
"โอยยยยย..." เสียงหวานครางแผ่วเบาพลางลูบก้นตัวเองป้อย ๆ โดยไม่ได้สนใจถึงอีกคนที่ถูกตัวทับอยู่และอีกคนที่ยืนมองสภาพคนทั้งสองตาค้าง แถมยังไพล่ด่าไปอีกคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องในใจ 'ทำไมมันซวยอย่างนี้วะเนี่ย เพราะนายคนเดียวเลย ไอ้น้ำแข็งบ้า'
"แกจะร้องทำบ้าอะไรนักวะ ฉันสิเจ็บกว่าแกเพราะแกทับฉันอยู่ ลุกได้แล้วไอ้บ้าเฟริน" เสียงทุ้มตวาดด่าร่างบางที่ทับเขาอยู่ ก่อนจะเกิดอาการปากค้าง ตาถลน เพราะเมื่อคนที่มันด่าไปปาว ๆ เมื่อครู่นี้หันมามองหน้ามันทั้งน้ำตาที่นองหน้าอยู่
"เฮ้ย ๆ เฟรินเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น" คนที่นอนเป็นเบาะเอ่ยถามเมื่อเห็นสภาพเพื่อนรักที่ตอนนี้น้ำตาใส ๆ ไหลรินไม่หยุด ก่อนจะโผเข้ากอดคอเพื่อนชาย สะอื้นไห้ตัวโยน ทำเอาคนถูกกอดทำอะไรไม่ถูก โบ้ยใบ้หาตัวช่วยที่ยืนมองอยู่ด้วยความตกใจไม่ต่างกัน
"คุณเฟรินคะ......." เสียงหวานของคนที่ร่วมในเหตุการณ์ดังขึ้น ก่อนจะวางมือบอบบางลงบนไล่ของคนที่ร้องไห้ซบอกเพื่อนจนตัวโยน
ร่างบางหันมองผู้เรียก ก่อนจะโผเข้ากอดหญิงสาวอีกคนโดยไม่พูดอะไรออกมา ทำเอาทั้งสองคนทำอะไรไม่ถูก เรนอนปลอบจนหญิงสาวที่ร่ำไห้เริ่มหยุดร้อง แต่ยังไม่ยอมพูดอะไร ดวงตาสีน้ำตาลเข้มช้ำ ฉายแววเศร้าสร้อย น้ำตาใส ๆ ยังคลอหน่วย
"เกิดอะไรขึ้นคะ คุณเฟริน" เรนอนเอ่ยถามหญิงสาวในอ้อมกอดด้วยความเป็นห่วง
"นั่นสิ เฟริน แกเป็นอะไร ใครทำแก หรือว่า??" คิลถามยังไม่ทันจบคนถูกถามก็สะบัดหน้ามองด้วยสายตาเย็นเยียบ ฝ่ายเรนอนก็มองคนถามด้วยความสงสัย
"แกไม่ต้องเดามั่ว ๆ เลยไอ้คิล" เสียงหวานที่ติดจะสั่น ๆ ยังไม่วายด่าเพื่อนรักที่มันทำท่าจะคาดเดาอาการของมันแบบที่ไม่สมควรเดา
"เออ ๆ แกก็บอกมาสิว่าเป็นอะไร ฉันจะได้ไม่ต้องเดา" คิลว่าพลางเกาหัวแกรก ๆ งงกับอาการของเพื่อนที่อารมณ์ไม่คงที่ หรืออย่างที่พี่ผีสาวว่าไว้ว่า สตรีวัยเจริญพันธุ์มันไม่ค่อยปรกตินัก ร่างบางปรายตามองเพื่อนรักอย่างอาฆาตเพราะพอจะเดาความคิดของมันได้ ทำเอานักฆ่าหนุ่มที่คิดอะไรเพลิน ๆ สะดุ้งวาบเมื่อรู้สึกถึงไอสังหารที่ปล่อยออกมา
"คุณเฟริน เกิดอะไรขึ้น ก็บอกเรนอนได้นะคะ" เสียงหวานเอ่ยตัดบทเมื่อเห็นว่าขืนปล่อยให้สองคนนี้คุยกันมีหวังฆ่ากันตายก่อนแน่ ๆ
ดวงหน้าหวานหันมองหญิงสาวที่ตนกอดอยู่ด้วยแววตาเศร้า ก่อนจะหลุบตาลงต่ำ อย่างไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร เพื่อนทั้งสองจึงได้แต่มองหน้ากันพร้อมกับส่ายหน้าอย่างจนปัญญาเมื่อคนที่เกิดปัญหาไม่ยอมบอก พวกเขาทั้งสองคงได้แค่ปลอบโยนเท่านั้นเอง
"จริงสิคะ แล้วคุณเฟรินมานี่ได้อย่างไร แล้วคุณคาโลรู้หรือยังคะ" คำถามที่เหมือนตอกย้ำให้คนถูกถามเศร้าลงไปอีก น้ำตาใส ๆ ที่หยุดไปแล้วเริ่มไหลรินออกมาอีกครั้ง
"อย่าบอกนะว่าแก ทะเลาะกับไอ้คาโลมา" คิลสรุปอาการของเพื่อนทันทีเมื่อเห็นปฏิกิริยาที่มีต่อการเรียกชื่อเพื่อนรักอีกคน
"ไม่ได้ทะเลาะ!!" เสียงหวานเอ่ยเข้มก่อนจะเอ่ยเบา ๆ เหมือนคนใจลอย "...เพราะมันคงไม่สนใจฉันอยู่แล้วหละ ฉันมันงี่เง่านี่ ไม่ได้เรียบร้อยน่ารักอย่างผู้หญิงคนอื่น" ถ้อยคำของคนน้อยใจที่หลุดออกมาทำเอาเรนอนมองหน้าคิลด้วยอาการประหลาดใจ อย่างคาโลนี่นะจะไม่สนใจเฟริน แล้วสนหญิงอื่น ฟ้าจะถล่มซะหละมั้ง
"คุณเฟริน หมายถึงเจ้าหญิงคาเรรินหรือคะ?" เรนอนมองหน้าเฟรินที่ตอนนี้เงยขึ้นสบตาด้วยความสงสัย
"หญิงอื่นที่ว่า ผู้หญิงที่ผมสีทอง ตาสีฟ้าใส ตัวเล็ก ๆ หน่อยใช่ไหมคะ" เฟรินเอียงหน้ามอง คนถามว่ารู้ได้อย่างไร ก่อนจะหลุบตาลงต่ำ เพื่อซ่อนน้ำตาใส ๆ ที่เริ่มไหลออกมาอีกครั้ง
"ไอ้บ้า นั่นน้องสาวคาโลมัน" คำด่าของคิลที่ทำเอา เฟรินเงยหน้าขึ้นมองทันทีน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้มหยุดชะงัก แล้วหันไปมองหน้าเรนอนที่พยักหน้าเบา ๆ ยืนยันคำกล่าว ดวงหน้าใส ๆ เริ่มขึ้นสีแดงเรื่อ เมื่อรู้ว่าตนเองเข้าใจผิดซะแล้ว
"คุณคาเรรินอยู่กับคุณแม่ของคุณคาโลที่สโนว์แลนด์ค่ะ เพราะกฏการครองเมือง คุณแม่ของคุณคาโลหลังจากตั้งท้องก็กลับไปสโนว์แลนด์ทันที ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าคุณคาโลมีน้องสาวค่ะ ...." คำอธิบายของเรนอนทำเอาเฟรินหน้าหงอยลงเรื่อย ๆ แต่ยังไพล่บ่นไปว่า "แล้วมันทำไมไม่บอก..."
"เท่าที่ฉันดู ฉันว่าแกคงไม่อยู่ให้มันบอกมากกว่าละมั้ง" คิลสวนขึ้นมาเมื่อเห็นเพื่อนรักบ่นขมุบขมิบ
"แล้วจะให้ทำไงหละทีนี้ ป่านนี้มันงอนฉันแล้วแน่เลย" ดวงหน้าหวานเริ่มมุ่ยลงเรื่อย ๆ
"งั้นให้คุณคิลไปดูลาดเลาก่อนสิคะ ว่าทางคุณคาโลเป็นอย่างไรบ้าง เราจะได้หาทางแก้" เรนอนเสนอทางรอดที่ทำให้คิลต้องออกอาการเหวอ เพราะนึกสภาพการไปดูลาดเลาคราวนี้จะกลับมาครบ 32 ไหม แต่พอหันมาเห็นสายตาเว้าวอนของเพื่อนรักที่ดูน่าถีบมากกว่าน่ารักก็ต้องตัดใจยอมไปดูให้ทันที
"งั้นคุณเฟรินไปพักที่ห้องเรนอนก่อนนะคะ" เฟรินลุกขึ้นตามเจ้าหญิงคนงามก่อนจะหลุดคำถามที่ทำเอาหน้านักฆ่าหนุ่มแทบถลาลงพื้น ส่วนเจ้าหญิงคนสวยก็ออกอาการแดงระเรื่อขึ้นมา
"ว่าแต่ทำไมแกมาอยู่กับเรนอนสองต่อสองได้วะคิล ฉันจับจิตแกได้ก็เลยหายตัวมาหาแก นี่ฉัน...ขัดจังหวะอะไรรึเปล่านะ..." เสียงหวานเอ่ยล้อขึ้นทันทีที่นึกได้ก่อนจะรีบยกมือยอมแพ้ไม่ต่อความ
"แกจะให้ฉันไปดูลาดเลาไหม เดี๋ยวปั๋ดไม่ช่วยเลย" คิลว่าเข้าให้เมื่อหาคำแก้ตัวไม่ออก คนล้อก็ต้องยอมเงียบเดี๋ยวมันเกิดโมโหไม่ช่วยเธอคราวนี้เธอนี่หละที่จะไม่รอด
แอ๊ด......
"คิล ไอ้น้ำแข็งมันเป็นไงบ้าง" เฟรินเอ่ยซักทันทีที่เห็นเพื่อนรักเดินเข้ามา
"โห นี่แกจะไม่ทักเพื่อนแกก่อนรึไง เออ ๆ ก็ได้ ๆ ฉันก็ไม่รู้ว่ะ" คิลตอบทันทีเมื่อเห็นเฟรินเริ่มส่งสายตาอาฆาตมาให้พร้อมกับหันไปคว้าคทาที่อยู่ใกล้ตัว
"ไม่รู้ได้ไง แกไปดูลาดเลาประเทศไหนกัน"
"นั่นสิคะ เกิดอะไรขึ้นคะคุณคิล" เรนอนเอ่ยสมทบเมื่อเริ่มงงกับคำตอบที่ได้จากคนที่ให้ไปดูลาดเลา
"ก็จะไปรู้ได้ไงหละ ไอ้คาโลมันเล่นปล่อยไอน้ำแข็งออกมาเต็มห้อง จนทางเดินปีกขวาฝั่งห้องมันเย็นเยือกไม่มีใครกล้าเข้าไปแถวนั้นสักคน" คิลบ่นพลางทำท่าตัวสั่นเมื่อเห็นสภาพทางเข้าห้องเพื่อนรักที่ตอนนี้กลายเป็นสโนวแลนด์ย่อม ๆ ไปเสียแล้ว
"แล้วจะทำไงหละทีนี้ มันโกรธฉันแน่เลย" คนถูกโกรธเริ่มขอความเห็นจากเพื่อนทั้งสองแบบหาตัวช่วย
"งานราตรีพรุ่งนี้ ยังไงคุณคาโลก็ต้องลงมาเปิดงานแน่นอนค่ะ คุณเฟรินเดี๋ยวพวกเราจะเปิดทางให้" เรนอนปลอบเมื่อเห็นหน้าเฟรินที่ตอนนี้ซีดจนไร้สีเลือด ก่อนทั้งสามจะเริ่มลงมือปรึกษากันเป้าหมายของทั้งสามคือ "ยุทธการง้อเจ้าชายน้ำแข็ง"
“ตกลงตามนี้นะเฟริน” คิลหันไปส่งสายตาล้อเลียนให้เพื่อนสาว (?) หลังจากที่สรุปวางแผนกันเรียบร้อย
ส่วนคนที่ถูกล้อได้แต่ปั้นหน้าเครียดเข้าใส่ นึกอยากเอาหัวโขกกำแพงสักหลาย ๆ ทีให้มันเข็ด แน่นอนว่าไม่ใช่หัวเธอเด็ด ๆ ต้องเป็นหัวไอ้เจ้าชายจอมเก๊ก แล้วก็แถมด้วยของไอ้เพื่อนนักฆ่างี่เง่านี่อีกตัวที่มันได้ทีเอาคืนเธอเสียยกใหญ่
“พอได้แล้วค่ะคุณคิล” เสียงหวานเอ่ยห้ามหากแต่สายตาที่ส่งไปบอกได้คำเดียวว่าทำเอานักฆ่าหนุ่มน้อยแทบสะอึก เลิกต่อปากต่อคำกับเพื่อนรักแทบจะทันที เพราะมันยังไม่อยากมาร่วมยุทธการง้อเจ้าหญิงคาโนวาลอีกคน
เฟรินมองหน้าเจ้าหญิงคนสวยที เพื่อนรักทีอย่างชั่งใจ นี่คู่นี้มันไปถึงไหนกันแล้วเนี่ย แค่เธอไปเดมอสไม่กี่อาทิตย์ เธอพลาดอะไรเด็ด ๆ ไปรึเปล่านะ สายตาเจ้าเล่ห์ที่ถูกส่งออกไปทำเอาสองคนที่ถูกร่วมนินทาในใจหันขวับมาส่งสัญญาณขู่ว่า ขืนล้อพวกมันมีหวังมันได้หาทางง้อไอ้เจ้าชายขี้เก๊กนั่นคนเดียวแน่ ๆ หญิงสาวจึงรีบก้มหน้าก้มตาหลบสัญญาณอันตรายทันทีอย่างเอาตัวรอด แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะหมายมาดเอาคืนเพื่อนรักบ้าง ‘เรื่องนี้ต้องขยายซะแล้ว หึหึ ไอ้คิล ให้ฉันรอดคราวนี้ไปก่อนเถอะ’
“เออ งั้นฉันไปช่วยงานไอ้คาโลมันก่อน เดี๋ยวมันสงสัย อย่าลืมหาวิธีง้อมันดี ๆ หละ อย่างว่าละนะแกมันเซียนจะไปกลัวอะไรใช่ไม๊เพื่อน” สัพยอกเพื่อนเสร็จก็เผ่นแนบออกไปทันทีไม่รอให้อีกฝ่ายตั้งตัว จึงทำได้แต่สะกดอารมณ์ต่อไปทั้งที่อยากจะตามไปกระทืบมันแทบตาย เพราะเสียงหัวเราะที่โหยหวนดังไปอีกพักใหญ่กว่าไอ้เพื่อนรักมันจะเดินไปพ้นระเบียง
“ถ้าอย่างนั้นเรนอนคงต้องออกไปเตรียมงานบ้างแล้วค่ะ ยังเหลืองานส่วนอาหารที่ต้องไปคุม แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ เรื่องเสื้อผ้าเดี๋ยวเรนอนจัดการให้ค่ะ” คำทิ้งท้ายก่อนที่เจ้าหญิงคนงามจะผละจากไปทำเอาเฟรินหน้าซีด ไอ้เรื่องเสื้อผ้าที่ว่านี่หละ แต่ถ้าไม่ยอมงานนี้ก็เห็นจะไม่รอด หญิงสาวจึงได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ อย่างคนจนปัญญา
‘โธ่โว้ย ไปกันหมด แล้วจะเอาไงดีวะเนี่ย เซียนเซินบ้านไอ้คิลมันสิ เคยแต่ง้อสาวแล้วไอ้ง้อหนุ่มแบบนี่มันเคยซะที่ไหนยิ่งแบบเจ้าชายน้ำแข็งขี้เก็กนี่ เฮ้อ แถมคราวนี้ดูท่ามันจะโกรธหนัก เอาไงดีว๊า’ จากที่นั่งคิดก็เริ่มเปลี่ยนเป็นนอนคิด ดวงหน้าหวาน ๆ ที่เดี๋ยวก็ยิ้มเดี๋ยวก็ซีด แบบที่หากใครมาเห็นต้องนึกว่ามันเป็นบ้าแน่ ๆ ยังไม่ทันจะหาคำพูดง้อแบบเหมาะ ๆ ก็ต้องสะดุ้งขึ้นมานั่งอีกครั้ง
“เฮ้ย ตาย ๆ ๆ แล้วของขวัญไอ้คาโลมันร่วงหายไปตอนไหนวะเนี่ย ทำไมมันซวยอย่างงี้นะ ของแพงซะด้วยเสียดายจริง ๆ” จากที่กำลังหงุดหงิดก็เปลี่ยนเป็นเสียดายของไปซะงั้น ก่อนจะสรุปเอาเองไปว่า ‘มันรวยแล้วคงไม่เอาหรอก แต่จะเอาอะไรไปง้อมันดีน๊า’ ร่างบางพลิกไปพลิกมาอย่างกระสับกระส่าย ก่อนที่หน้าหวาน ๆ จะขึ้นสีแดงเรื่อบ้างซีดบ้าง เมื่อนึกถึงของขวัญที่จะให้ไอ้คนขี้เก๊ก ไม่นานคนที่ไม่ค่อยจะคิดอะไรกับเขาเท่าไรนักก็ผล็อยหลับไป
อีกฟากหนึ่งของวังหลวง
“พวกฉันจัดการเรียบแล้วแล้ว ที่เหลือก็แล้วแต่นายละนะ” คิลพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มที่มุมปากนิด ๆ อย่างคนสะใจอะไรสักอย่าง
“มันจะดีแน่หรือคะคุณคิลแบบนี้ สงสารคุณเฟรินนะคะ” เสียงหวานเอ่ยทัดทานแต่ก็ขัดอะไรมากไม่ได้
“เอาน่า มันไม่โกรธหรอก จะว่าไปก็มันอยากมาไม่ถูกจังหวะเอง ดีเหมือนกัน นี่มันคงกะจะไม่ไปร่วมงานราตรีแน่ ๆ ถึงได้โผล่มาก่อนวันงานแบบนี้ นายก็อย่าไปแกล้งมันมากนักคาโล ยังไงมันก็อุตส่าห์ไม่ลืมวันเกิดนาย แถมยังพกของขวัญมาให้ทั้งที่มันงกจะตาย อ้อ แล้วถ้ามันจะโกรธ นายก็หาทางจัดการเอาเองด้วยนะ พวกฉันไม่เกี่ยวนะ” นักฆ่าหนุ่มรีบบอกปัดหาทางรอดล่วงหน้าที่มันวางแผนดัดหลังเจ้าหญิงจอมยุ่ง คนที่ต้องรับมือสาวเจ้าเมื่อรู้ความจริงเริ่มตีหน้าเคร่ง ก็คนวางแผนทั้งหมดมันก็สองคนตรงหน้า ยังมีหน้ามาบอกว่าไม่เกี่ยว เฮ้อ.....
ดวงหน้าคมเข้มที่ยังคงนิ่งแม้ในใจจะเริ่มคิดไม่ตก ถึงวิธีง้อสาวเมื่อรู้ความจริงก็ตาม แต่ถ้าไม่ดัดหลังแม่จอมแก่นซักทีก็เห็นจะไม่ไหว ชอบคิดอะไร ๆ เอาเองอยู่เรื่อย นี่ดีหน่อยที่คราวนี้ไม่ตีโพยตีพายหนีไปเดมอส ไม่งั้น คงได้เกิดศึกกับว่าที่พ่อตาอีกรอบแน่ ๆ ใบหน้าขาว ๆ ที่เริ่มซีดลง ๆ เรียกรอยยิ้มขำ ๆ จากสองนักวางแผนที่ไม่รู้ว่าเจ้าหญิงคนงามแสนเรียบร้อยก็เป็นไปกับเขาด้วยได้อย่างไรเป็นอย่างดี
“ไม่ต้องกังวลว่าเฟรินมันจะหนีนะ เดี๋ยวฉันจัดการเรื่องที่เคลียร์ของพวกนายสองคนให้ นายอย่าหลุดแผนก็แล้วกันไม่งั้นตัวใครตัวมันนะเว้ย” คำปลอบที่ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นสักนิด นี่มันจะช่วยแก้หรือช่วยซ้ำกันแน่
ใบหน้าคมเข้มฉายประกายดุ ร่างหนายังคงนั่งนิ่งเมื่อคิดถึงคนรักของเขาที่กำลังหาทางง้อเขาอยู่ สีหน้าของเขาพลันอ่อนโยนขึ้นเมื่อนึกถึงเธอคนนั้น ตอนที่เธอหายไปพร้อมกับน้ำตาทำเอาเขาแทบคลั่ง ทำไมเธอถึงไม่เชื่อใจเขาเลย ไม่ใช่เธอฝ่ายเดียวที่เสียใจหรอกนะเฟริน เขาเองก็ไม่ต่างกัน แต่พอรู้ว่าเธอกลุ้มใจเรื่องเขาขนาดไหน ไอ้ที่จะโกรธก็โกรธไม่ลงสักที ก็เพราะนิสัยของเธอเป็นแบบนี้ แต่ที่เขารักก็เพราะที่เฟรินคือเฟริน แต่อย่างน้อยก็คงต้องทำให้ลดความใจร้อนลงบ้างละนะ แม่จอมยุ่ง ของเขา....
‘ตายหละ หลับเพลิน นี่มันกี่โมงแล้วเนี่ย’ หญิงสาวผุดลุกขึ้นนั่ง พลางเกาหัวแกรก ๆ ตามมารยาทที่แสนดีงาม (?) หลังจากสมองเริ่มตื่นจากการหลับใหล ก็เริ่มสำเนียกได้ว่า ตนเองนั้นหลับข้ามคืนไปเสียแล้ว เพราะมีแต่เรื่องยุ่ง ๆ แท้ ๆ แถมยังใช้งานสมองน้อย ๆ มากเกินไปก็เลยเพลียไปหน่อย (ว่าแต่ว่ามันไปคิดมากอะไรตรงไหนตั้งแต่เมื่อไรหละ)
จ๊อก!! แอ๊ด!! เสียงท้องน้อย ๆ ที่เริ่มรู้หน้าที่ดังขึ้นผสานกับเสียงประตูที่ถูกเปิดออก เผยให้เห็นผู้มาเยือน
ของสิ่งแรกในมือหญิงสาวผู้มาใหม่ทำเอาเรียวปากบางขยับยิ้มหวานส่งให้อย่างพอใจ ก่อนจะอ้าปากค้าง เหงื่อตก ปากสั่นพั่บ ๆ กับของอีกชิ้นที่หญิงสาวคนเดิมรับมาจากนางกำนัลด้านหลังที่บัดนี้หายตัวกันออกไปหมดแล้ว เหลือเพียง หญิงสาวทั้งสองนาง ที่อีกคนกำลังเผยอยิ้มราวเทพธิดา(ในคราบปีศาจ) และอีกคนที่กำลังตัวสั่นงันงกอย่างกำลูกไก่ในกำมือก็ไม่ปาน
“เอ่อ....ง่า....ร...เร...นอน...นั่น...” นิ้วเรียวยาวที่ยังติดจะสั่น ๆ ชี้ไปยังของที่อยู่ในมือเจ้าหญิงคนงามแห่งคาโนวาล เสียงหวานละล่ำละลักเอ่ยถามถึงเจ้าของสิ่งนั้นอย่างประหม่า
“ก็ชุดของคุณเฟรินที่ต้องใส่คืนนี้ไงคะ ไม่ต้องกลัวนะคะเรนอนเตรียมคนไว้ช่วยแปลงโฉมคุณเฟรินไว้เรียบร้อยแล้วหละค่ะ” ชุดราตรีสีชมพูหวานหยดย้อย ที่ถูกออกแบบให้ดูหรูหรา ผ่านการตัดเย็บอย่างประนีต ถูกวางลงบนเตียงกว้างข้าง ๆ ร่างของคนที่กำลังจะเป็นคนสวมมันในอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้
ร่างบางสะดุ้งวาบ กระเถิบหนีจนชิดหัวเตียง อย่างกับเจอสิ่งน่าสะพรึงขวัญ ทำเอาคนที่เตรียมชุดมาเลิกคิ้วขึ้นคล้ายจะแปลกใจ เรียวปากหวานกระตุกยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะตีสีหน้านิ่ง เหมือนจะเห็นใจคนที่กำลังสั่นเป็นเจ้าเข้าแต่ก็หาใช่ไม่
“เอ่อ คือ ร..เรนอนจ๊ะ ขอเปลี่ยนวิธีอื่นได้ไหม หรือว่าเปลี่ยนชุดให้ดูเรียบ ๆ กว่านี้สักนิดก็ยังดีนะ” เสียงหวานเอ่ยออดอ้อน พร้อมทำตาวิบวับเพื่อหวังผลที่จะทำให้มันไม่ต้องใส่ชุดราตรีหวานแหววที่น่าสะพรึงขวัญนี้
“ไม่ได้หรอกค่ะ โอกาสไม่ได้มีง่าย ๆ นะคะ อีกอย่างชุดนี้ก็เรียบร้อยที่สุดแล้วค่ะ ไม่อย่างนั้น คุณคาโลต้องจับได้แน่ ๆ” เสียงปฏิเสธที่เป็นดั่งฟ้าผ่ากลางใจสาวน้อยผู้แสนจะมาดแมน คำอธิบายที่อยากไปฆ่าคนที่กำลังจะไปง้ออยู่รำไร ๆ โทษฐานที่มันทำให้เธอต้องมาใส่ชุด ทำอะไรบ้า ๆ แบบนี้
“คุณเฟรินทานอาหารเช้าก่อนนะคะ แล้วเราค่อยมาแต่งตัวกัน” เรนอนตัดบทฉับพลางเชื้อเชิญไปยังสำรับอาหารที่ถูกจัดวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ร่างบางที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนกลืนน้ำลายเอื๊อกอย่างจนปัญญา นี่ยังดีที่แม่คุณยังให้โอกาสกินข้าวกินปลาบ้าง เอาก็เอาวะดีกว่าไม่ได้กินละนะ
“เวลามีไม่มากนะคะ หรือว่าคุณเฟรินจะแต่งตัวเลย...” “กิน!! กินจ้ะกิน” หญิงสาวกระโดดแผล็วลงมาที่โต๊ะอาหารทันควัน พร้อมจ้วง (มารยาทงามมากมาย) กินอย่างกับไปตายอดตายอยากที่ไหนมา จนเจ้าหญิงคนสวยถึงกับส่ายหน้าเบา ๆ กับมารยาทของเพื่อนสาว (?) ของเธอ
หลังจากการรับประทานอาหารเสร็จสิ้นก็เกิดการฆาตกรรม เอ้ย การแปลงโฉม ครั้งยิ่งใหญ่ ดีที่เจ้าหญิงคนสวยร่ายเวทย์ป้องกันเสียงเอาไว้เสียก่อน มิเช่นนั้น คงได้นึกว่าพระราชวังคาโนวาลแห่งนี้ อาจกลายเป็นพระราชวังผีสิง ที่มีเสียงร้องโหยหวน อย่างน่าชวนเวทนา(?)เป็นแน่
เวลาเย็นเคลื่อนคล้อยมาถึง หญิงสาวที่ตกเป็นเหยื่อ ขณะนี้กลายสภาพเป็นหงส์ขาวที่งดงาม ร่างระหงในชุดราตรีสีชมพูอ่อนที่ถูกตัดเย็บด้วยความประณีต ส่งให้ร่างบางในขณะนี้งามเสียยิ่งกว่านางฟ้าจำแลง ผมยาวสลวยสีน้ำตาลเข้มถูกตลบเป็นมวยครึ่งศรีษะ ปล่อยส่วนหนึ่งให้ระเรี่ยแผ่นหลัง และปอยผมเคลียใบหน้า ดวงหน้าหวานถูกแต่งแต้มด้วยสีสันอ่อน ๆ เรียวปากสีชมพูมุกระเรื่อ เข้ากับโทนแก้ม
“คุณเฟรินคะ อย่าเบ้หน้าแบบนั้นสิคะ” เรนอนเอ่ยเตือนเมื่อเห็นเพื่อนสาว หน้ามุ่ยสนิท ก็จะไม่ให้มุ่ยได้ไง จับเธอแต่งตัวตั้งแต่ 10 โมงเช้า ยัน 6 โมงเย็นเนี่ย แถมไอ้ข้าวที่ใจดียกมาให้แต่เช้านั่นก็เพราะมื้อกลางวันน่ะอด ดีนะที่เธอสวาปามเข้าไปเยอะไม่งั้นหิวตาย แล้วไอ้การแต่งตัวที่ว่าก็ทำเอาเธอปางตาย เฟรินบ่นกระปอดกระแปดในใจ พลางเหลือมองขนแขนที่ทำท่าลุกซู่ ๆ เมื่อนึกถึงตอนถูกแม่พวกนี้จับอาบน้ำ ขัดผิว แต่งหน้า แต่งตัว และอื่น ๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน นึกแล้วสยองไม่หาย เพราะแกเชียวไอ้น้ำแข็งขี้เก๊กงี่เง่า อย่าให้ถึงทีฉันมั่งแล้วกันจะเอาคืนให้น่าดู
พอบ่นด่าคนในใจเรียบร้อยก็หันมองกำไลสีขาวสะอาดตา ถูกสวมอยู่ที่ข้อมือซ้าย ตรงกลางด้านหนึ่งประดับอัญมณีสีเหลืองส่องประกายระยิบระยับ เครื่องประดับเพียงชิ้นเดียวที่ตกแต่งอยู่บนร่างบาง แม้จะถูกเรนอนขอร้องแค่ไหนแต่เธอก็ยังยืนยันที่จะไม่ยอมสวมพวกของตุ้งติ้งพวกนั้นเด็ดขาด
“เอาล่ะเรียบร้อย อย่าลืมหน้ากากนะคะ เรนอนไปแต่งตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวเราค่อยออกไปพร้อมกันค่ะ” หญิงสาวสรุปหลังจากปราดมองว่าเพื่อนสาวเรียบร้อยดีแล้ว จึงขอไปเตรียมตัวบ้าง ปล่อยให้เฟรินอยู่ตามลำพัง
“เฮ้อ
.” เฟรินถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังจากเพื่อนผู้ช่วยแผนการของเธอออกไปจากห้อง นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่โต เหลือบมองไปที่หน้ากากขนนกสีขาวสะอาดตา เอาวะยังดีที่มีไอ้นี่ไว้ปิดหน้า ไม่งั้นศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของมัน (ยังมีอยู่หรือ?) ที่เพียรสะสมมานานคงไม่เหลือหลอ
ดวงหน้าหวานผินออกไปยังหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดรับแสงตะวัน และในยามนี้มันกำลังรับแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาแทนที่ เสียงเพลงบรรเลงดังแว่วเข้ามาเบา ๆ เรียกสติของหญิงสาวให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวอีกครั้ง หลังจากที่เธอเหม่อมองท้องฟ้าอยู่พักใหญ่ ‘งานเริ่มแล้วสินะ’
ร่างบางเอื้อมมือขาวเรียวมาหยิบหน้ากากขนนกสีขาวข้างตัวมาสวมเอาไว้ ไม่นานนักเสียงประตูห้องก็ถูกเปิดออกเผยให้เห็นผู้มาเยือน ทั้งสองคน
“แหม เรนอนเก่งจังนะครับ จับมาลิงมาแต่งให้เป็นเจ้าหญิงได้” ชายหนุ่มผมดำภายใต้หน้ากากสีดำสนิทเอ่ยเย้า ดวงตาสีม่วงเข้มทอประกายระยิบระยับลอดออกมา เท่านี้คนถูกแซวก็รู้แล้วว่าไอ้ตัวปากดีมันเป็นใคร
“ไอ้คิล!!” เจ้าหญิงที่ว่าเอ่ยเสียงเครียด
“พอเถอะค่ะ สองคนนี้นี่ยังไง เจอกันทีไร หาเรื่องแหย่กันได้ทุกที” ร่างบางในชุดราตรีสีม่วงอ่อนภายใต้หน้ากากสีดำเหมือนกันกับคนที่กำลังหยอกเย้าเพื่อนอยู่เอ่ยห้าม
“ได้เวลาแล้วค่ะ อย่าลืมที่เตรี๊ยมกันไว้นะคะ คุณเฟรินต้องใจเย็น ๆ นะคะ”
“ใช่ ค่อย ๆ พูดกับมันหละ” คิลเอ่ยสำทับ
“รู้แล้วน่า...” หญิงสาวรับคำพร้อมบ่นหงุงหงิงเบา ๆ ก่อนทั้งสามคนจะพากันไปยังงานเลี้ยงที่จัดขึ้นบริเวณด้านหน้าปราสาทของพระราชวังคาโนวาล
เสียงบรรเลงเพลงแว่วหวานดังชัดขึ้นเรื่อย ๆ แสงสีต่าง ๆ ที่ถูกประดับประดาไว้ทำให้ภายในบริเวณงานดูงดงามสว่าง ตระการตาไม่แพ้ยามกลางวัน ผู้คนมากมายเริ่มจับจองพื้นที่ภายในงาน ลานกว้างดูแคบลงถนัดตา วงดนตรียังคงประโคมเพลงหวานซึ้งต่อไปเรื่อย ๆ
ทันทีที่ร่างบางในชุดราตรีแสนหวานเดินทอดกายเข้าไปใกล้ ผู้คนที่อยู่รายรอบก็เหมือนจะเปิดทางให้เธอ ต่างจับจ้องมายังหญิงสาวที่แม้จะมีหน้ากากขนนกสีขาวบดบังใบหน้าอยู่ แต่ก็ไม่สามารถลดเลือนความงามของเธอไปได้
หญิงสาวค่อย ๆ เดินเข้าไปจนถึงบริเวณหน้างานด้วยท่าทางที่สง่าผ่าเผย ผิดกับภายในใจที่ตอนนี้ร่ำ ๆ อยากกระโดดบีบคอไอ้เจ้าชายแสนงอนงี่เง่าที่อยู่ไม่ไกลจากเธอนัก เหมือนคนถูกนินทาจะรู้ตัว ใบหน้าคมเข้มหันกลับมาสบทำเอาคนนินทาเกิดอาการใจเต้นแรง ดวงหน้าหวานขึ้นสีเรื่อ ชายหนุ่มในชุดพิธีการขาวบริสุทธิ์ กับหน้ากากขนนกสีขาวเช่นเดียวกันกับเธอ ดูเข้ากันดีอย่างเหลือเชื่อ นัยน์ตาสีฟ้าเข้มจับจ้องมายังหญิงสาวด้วยใบหน้าเรียบเฉย แม้ภายในใจจะตรงกันข้ามก็ตาม ทำเอาคนถูกมองเกิดอาการน้อยใจขึ้นมาบ้างทันที
นี่มันจำเราไม่ได้หรือยังไง ไอ้น้ำแข็งงี่เง่า หรือว่ามันจำได้แต่ยังไม่หายโกรธกันแน่ แต่แบบไหนมันก็ไม่ดีสำหรับเธอทั้งนั้นแหละ
“ขอเชิญเจ้าชายเปิดฟลอร์เต้นรำได้แล้วพะยะค่ะ” เสียงโฆษกในพิธีกล่าว เรียกสติของหญิงสาวให้กลับมาอีกครั้ง
ร่างสูงโปร่งโค้งให้เธอตามมารยาท หญิงสาวจับจ้องการกระทำนั้นชั่วครู่ ก่อนจะสำเนียกได้ว่า เรนอนบอกว่าเขาจะกำหนดคู่เต้นโดยใช้หน้ากากที่เป็นคู่กันนี่นา ร่างบางจึงรีบย่อกายให้ตามธรรมเนียมก่อนจะยื่นมือส่งให้อีกฝ่ายรับเพื่อพาออกไปยังฟลอร์เต้นรำ
ร่างของคนทั้งสองที่กำลังเต้นรำอยู่นั้น เรียกสายตาทุกคู่หันไปมองด้วยความชื่นชม ท่วงท่าที่สง่างามตามจังหวะเพลงหวานซึ้ง ดูช่างงดงามราวกับภาพวาด แต่ใครจะรู้ถึงภายในใจของคนทั้งคู่ ฝ่ายหญิงในตอนแรกกำลังนึกโล่งใจที่ก่อนหน้าเคยถูกจบเข้าคอร์สเต้นรำมาแล้ว ทำให้เธอไม่ขายหน้าชาวบ้านเขา เรียวปากบางเผยอยิ้มหวานให้อีกฝ่ายแต่ก็ต้องมาหุบฉับเพราะคนตรงหน้ายังตีหน้าเคร่งใส่เธอตลอดเวลา เหมือนกับว่าเธอเป็นราวธาตุอากาศ
น้ำตาใส ๆ เริ่มคลอหน่วย ด้วยความสับสน ก็เธออุตส่าห์มาง้อมันแล้วนะ ทำไมต้องทำเย็นชากับเธอถึงขนาดนี้ หรือมันจะโกรธเกลียดเธอจริง ๆ ร่างสูงที่แอบมองคนในอ้อมแขนต้องพยายามหักห้ามใจที่จะไม่เผลอกอดปลอบหญิงสาวตรงหน้ายิ่งพอเห็นแม่ตัวยุ่งเริ่มน้ำตาคลอ เขาก็ชักเริ่มใจคอไม่ค่อยดี นี่เขาทำเกินไปหรือเปล่านะ เขาเพียงแค่อยากจะสอนให้เธอรู้ว่าอย่าใจร้อนและวู่วาม แต่ดูเหมือนจะทำให้เรื่องเลยเถิดไปกันใหญ่ ร่างบางในอ้อมแขนของเขากำลังพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ฝืนเต้นรำกับเขาจนจบเพลง ก่อนที่ทุกคนจะเริ่มเข้ามาร่วมเต้นรำบ้าง ชายหนุ่มจึงได้โอกาสพาตัวหญิงสาวออกไปภายนอกงานเพียงลำพังเพื่อปรับความเข้าใจ
.
(ต่อจ้าแล้วจ้า)
ตึก ตึก . . .
เสียงฝีเท้าสม่ำเสมอของคนสองคนกำลังเดินไปตามระเบียงยาวของพระราชวังที่แสนเงียบเชียบไร้ผู้คน เพราะขณะนี้ทุกคนกำลังสนุกสนานอยู่กับงานเลี้ยงวันเกิดของเจ้าชายคนสำคัญ แต่เจ้าชายคนสำคัญที่ว่ากำลังเดินหน้านิ่งนำหน้าหญิงสาวที่แม้จะเดินก้มหน้าก้มตาแต่ก็ยังลอบมองแผ่นหลังของชายหนุ่มเป็นระยะ
สมองน้อย ๆ เริ่มประมวลผลขึ้นมาอย่างกะทันหัน มันโกรธเธอ... โกรธเธอจริง ๆ ไม่แม้แต่จะชายตามองเธอสักนิด ใบหน้าที่เฉยชาราวกับคนไม่รู้จักกันแบบนี้มันยิ่งทำให้เธอเจ็บ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลคู่หวานทอประกายเศร้า ทำนบน้ำตาที่เธอพยายามกลั้นมันไว้กำลังไหลรินออกมา ทำยังไงมันถึงจะหายโกรธ ก็เธอหนะไม่ได้ตั้งใจนี่ นี่มันไม่คิดจะพูดกับเธอสักนิดเลยใช่ไหม ความน้อยใจ เสียใจพรั่งพรูออกมาอย่างหยุดไม่อยู่
เสียงสะอื้นน้อย ๆ จากหญิงสาวด้านหลังดังขึ้น ทำเอาหัวใจของคนที่ทำเป็นเดินหน้านิ่งทั้งที่ใจร้อนเป็นไฟด้านหน้ากระตุกวูบ เสียงฝีเท้าของคนทั้งคู่หยุดลง ดวงหน้าหวานของหญิงสาวที่ยืนสะอื้นไห้ตอนนี้กำลังก้มหลบหน้าบุรุษเบื้องหน้า ไม่กล้าแม้จะเงยขึ้นมอง ใบหน้าคมเข้มนั้นที่ฉายแววนิ่งเฉย แววตาที่มองมาเหมือนกับว่าเธอไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลย
ก่อนที่สมองน้อย ๆ ของหญิงสาวจะเริ่มประมวลผลไปไกลมือหนาก็เอื้อมมารั้งร่างบางเข้าสู่อ้อมกอด อบอุ่น ... อ้อมกอดที่เธอคิดว่าจะไม่ได้รับอีกแล้ว จากคนตรงหน้า วงแขนแกร่งยังคงประคองกอดร่างบางเอาไว้แนบอกอย่างที่ใจโหยหา
ใบหน้าคมเข้มซบลงกับกลุ่มผมหนานุ่มสีน้ำตาลที่ส่งกลิ่นหอมชวนให้สัมผัส คนในอ้อมกอดยังคงสะอื้นน้อย ๆ ซบอยู่กับอกของเขา สายลมยามค่ำคืนยังคงพัดผ่านให้ความเย็นระรื่น วงแขนแกร่งกระชับร่างบางเข้าหาตัวเล็กน้อยเพราะเกรงคนในแขนจะหนาวเหมือนที่เจ้าตัวชอบบ่นบ่อย ๆ
เสียงสะอื้นเริ่มเบาลง เสียงอู้อี้ ๆ ในอ้อมอกเขาดังขึ้นแทนชวนให้สงสัยยิ่งนัก ใบหน้าคมเข้มเงยขึ้นมาจากกลุ่มผมนั้น ก่อนจะก้มลงมองใบหน้าหวาน ๆ ของหญิงสาวที่แนบอยู่กับอกเขา กำลังพึมพำอะไรบางอย่างอยู่เบา ๆ
“หืม?” เสียงถามจากชายหนุ่มเรียกสีแดงระเรื่อขึ้นบนหน้าหญิงสาวได้ทันควัน ก่อนจะได้ยินเสียงที่ตามมาชัดเจนขึ้น
“ขอโทษ...” เสียงหวานที่เอ่ยเบา ๆ แต่ชัดเจนในหัวใจของเขา ก่อนจะแย้มยิ้มออกมา รอยยิ้มที่อ่อนโยน อบอุ่น รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรักที่มอบให้เธอ คนที่อยู่ในอ้อมกอดเขาเพียงผู้เดียว
ดวงหน้าหวาน ๆ ยังคงซบอยู่กับอกเขาไม่ยอมเงยขึ้นเหมือนนกรู้ จนเขาอดที่จะแกล้งแม่ตัวยุ่งไม่ได้ มือหนาเชยคางมนขึ้นสบ ดวงตาสีน้ำตาลคู่โตยังมีคราบน้ำตาอยู่มองเขาด้วยแววตาออดอ้อน รอยยิ้มของชายหนุ่มเมื่อครู่ที่แสนอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ขึ้นทันตา ก่อนจะเอ่ยปากทวงของขวัญจากหญิงสาวคนรักซึ่ง ๆ หน้า
“วันนี้วันเกิดฉันแล้วไหนหละของขวัญน่ะ” ร่างบางในอ้อมกอดดิ้นขลุกขลักอย่างขัดใจ ก่อนจะทำหน้ามุ่ยที่คนตัวสูงยังไม่ยอมปล่อยเธอ ก็เพราะมันนั่นหละที่ทำให้เธอทำของขวัญหล่นหาย แล้วจะไปหามาจากไหนทันกันเล่า
“หืม ว่ายังไง” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นข้างหูทำเอาหญิงสาวผงะออก ดวงหน้าหวานขึ้นสีเรื่อ ยังไม่ทันได้ตอบความ จมูกโด่ง ๆ ของคนตัวสูงก็ก้มลงฉกฉวยความหอมจากพวงแก้มของหญิงสาวส่งผลให้แดงขึ้นไปใหญ่ เสียงหัวเราะในลำคอของคนได้เปรียบดังขึ้นสร้างความหงุดหงิดใจให้กับคนเสียเปรียบยิ่งนัก
“ไอ้น้ำแข็งเจ้าเล่ห์” เสียงหวานว่าพลางทำหน้ามุ่ยใส่ พร้อมกับสะบัดหน้าเชิด ๆ ไปอีกด้าน คนเจ้าเล่ห์ได้แต่ยิ้มขำ ก่อนจะเอ่ยต่อรองแบบเข้าข้างตัวเองสุด ๆ
“งั้น นายก็เอาคืนสิ ฉันหอมนาย 1 ทีให้นายหอมฉัน 2 ทีก็ยังได้ จะได้หายกันไงหละ” พูดพลางก้มหน้าเอียงแก้มให้หญิงสาวทันที คนจะได้เอาคืนทำหน้ามุ่ยกว่าเดิม ก็แบบนี้เธอก็เสียเปรียบมันอยู่วันยังค่ำ เรื่องอะไรกันจะยอม
ซ่วบ....เสียงเหยียบกิ่งไม้ด้านข้าง เรียกให้ดวงตาทั้งสองคู่หันไปมอง
“ปัดโธ่ พวกแกอย่าเบียดสิ กว่าฉันจะจัดฉากให้ไอ้คาโลมันได้ขนาดนี้ยากรู้ไหม” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิดเบา ๆ
“โธ่ ก็มันไม่เห็นนี่หว่า แกก็ขยับหน่อยสิไอ้คิล”
“ใช่ ๆ เรื่องสนุก ๆ อย่างนี้ทำไมไม่ชวนให้ไว ๆ วะ”
“เอาน่าอย่างน้อยก็มาทันดูช็อตเด็ดนะเว้ย”
“โธ่ ระดับฉันไม่ต้องอาศัยฝีมือพวกแกหรอก เป็นไงแจ๋วไหม” เสียงอวดตัวดังขึ้นอีกครั้ง ทำเอาคนที่ฟังอยู่ยกมือขึ้นกุมขมับ พลางเหลือบตามองหญิงสาวในอ้อมกอดตอนนี้ที่เริ่มสั่นน้อย ๆ อย่างคนสะกดกลั้นอารมณ์
ดวงหน้าหวานเงยขึ้นสบตาสีฟ้าเข้มที่ยามนี้เสมองไปด้านอื่น อย่างคนจนปัญญา ก็ไอ้เพื่อนเวรมันดันมาทำความแตกเอาซะได้มันน่านัก ยังไม่ทันจะคิดด่าเพื่อนอย่างใจ ก็ต้องทรุดลงเพราะแรงศอกเต็มพิกัดของหญิงสาวที่บัดนี้ดวงหน้าแดงก่ำ คนละแบบกับเมื่อสักครู่ จุก จุกสิครับท่านผู้ชม ไม่ต้องอื่นไกลนึกถึงแรงของหญิงสาวที่ถูกฝึกอาวุธมาจากท่านอาที่เป็นถึงยักษ์ก็คิดดูว่ามันจะทำเอาเจ้าชายคนสำคัญเจ็บหนักได้ขนาดไหน ร่างสูงทรุดฮวบลงนั่งกับพื้น ยังไม่จบคดี หญิงสาวหันไปเอาเรื่องไอ้ตัวการวางแผนงวดนี้บ้าง
มือบางพึมพำเรียกคทาด้ามงามเข้าไว้ในมือด้วยความรวดเร็ว เพราะถูกฝึกมาอย่างดี 2 สัปดาห์เต็ม ฝ่ายคนที่ซุ่มอยู่ไม่แม้แต่จะรู้ชะตาตัวเองแม้แต่น้อยเพราะกำลังถกเถียงกันอย่างขะมักเขม้น เหมือนจะเริ่มรู้ถึงสัญญาณอันตราย ไอสังหารถูกแผ่กระจายออกมาช้า ๆ ทำเอาไอ้พวกที่แอบดูอยู่ถึงกับขนลุกซู่ขึ้นมาทันทีทันใด
เสียงร่ายเวทดังขึ้นแผ่วเบาพร้อมกับลิ่มน้ำแข็งที่ร่วงหล่นลงมาอย่างกับพายุฝนทำเอากลุ่มเป้าหมายแตกกระเจิง
“ไอ้คิล .....พวกแกอย่าอยู่เลย” เสียงหวานเอ่ยอย่างอาฆาตเมื่อพวกถ้ำมองปรากฏขึ้นเต็มตา ไอ้ถ้ำมองที่ว่าก็ไม่ใกล้ไม่ไกลเหล่าทโมนแห่งป้อมอัศวินนั่นเอง ถึงว่าทำไมไม่เห็นพวกมันในงานเลี้ยง ฮึ่ม มันน่านัก
“ไอซ์สโตน” เสียงร่ายเวทย์ที่ดังขึ้นพร้อมกับความเย็นจากน้ำแข็งค่อย ๆ ลามขึ้นจากโคนขาของพวกเหล่าทโมนทั้งหลายจนถึงลำคอ ยังดีที่อุตส่าห์หลงเหลือส่วนหัวเอาไว้ให้ใช้หายใจ
ประติมากรรมประดับสวนพระราชวังคาโนวาล งานนี้มอบเป็นของขวัญแด่เจ้าชายคาโลที่ยังนั่งหน้าเขียวอยู่กับพื้น ร่างบางขยับเข้าไปหาก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์
“เป็นอย่างไรเพคะ ของขวัญประดับสวนสวยไหม” คนได้ของขวัญตีหน้าบอกบุญไม่รับ ก่อนจะดึงหญิงสาวจอมกวนเข้ามาไว้ในอ้อมกอด มือบางทุบอกแกร่งระรัวแต่มีหรือที่ชายหนุ่มจะยอม มือหนารวบแขนเล็กเอาไว้ก่อนจะแย่งคทามาถือไว้อีกมือ เรียกเสียงแซวจากบรรดารูปปั้นน้ำแข็งผู้ไม่เจียมบอดี้ทั้งหลายได้เป็นอย่างดี
ดวงตาสีฟ้าเข้มตวัดมองเหล่าเพื่อนพ้องที่มันดันทำความแตกอย่างระอา ก่อนจะร่ายเวทย์หายตัวพาแม่ตัวยุ่งของเขาไปสำเร็จโทษต่อตามลำพัง โทษฐานทำร้าย (หัวใจ)เจ้าชายแห่งคาโนวาล (เกี่ยวไหม?)
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นระงมเมื่อถูกเพื่อนทั้งสองทิ้ง พร้อมกับเสียงหัวเราะจากเหล่าทโมนที่ดังกึกก้องไปทั่ว ความสุขที่ก่อตัวได้ในทุกที่ที่มีมิตรภาพอย่างที่พวกเขาทั้งหมดมีอยู่และจะยังคงรักษาไว้ตลอดไป (แล้วใครจะมาปล่อยพวกมันหละทีนี้)
The End
.จบแล้วจ้า
ความคิดเห็น