ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Secret Of Creature แฟนซอคซี ฟาทานผจญภัย

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 10 ธ.ค. 54


              ยามฟ้าราตรี ในบ้านไม้หลังเล็กในชนบท สิ่งของวางระเกะระกะ รกหูรกตาเป็นเงาตะคุ่มทั่วบริเวณ ทึก ! เสียงลังกระดาษหล่นลงมาจากที่ไหนสักแห่งและเงียบลง ไม่มีแม้แต่เสียงลมหายใจให้ได้ยิน ไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่หรือไรกัน ฟ้าววว ! แสงสีเขียวแสงหนึ่งวูบมาจากบนเพดานผ่านกึ่งกลางห้อง และพุ่งตรงไปยังผนังฝั่งตรงข้าม บูมมม หนูตัวหนึ่งกระโจนออกจากรัศมีการทำลายล้างนั้นอย่างหวุดหวิด เบื้องหลังที่แสงนั้นปลิวผ่านเป็นช่องโหว่เท่ากระป๋องแป้ง ฉึบ ฉึก วัตถุอย่างหนึ่งลอยมาจากตัวหนูที่ตัวหมุนตามเข็มนาฬิกาพุ่งไปหลบหลังถังเหล็กใบใหญ่ข้างฝาบ้าน
    วัตถุอันจิ๋วลิ่วไปเห็นแค่เงา และปักลงที่ขอบล่างของประตูที่ปิดสนิท ฟึบ เส้นขนสีดำทมึนร่วงหล่นลงมากองแทบพื้นเป็นปอยเล็ก ๆ

                    ทุกอย่างกลับมาเงียบเชียบเช่นเดิม เบื้องหลังถังเหล็กใบใหญ่มีหนูสองตัว เล็กหนึ่ง ใหญ่หนึ่ง ดูดูแล้วน่าจะเป็นพ่อกับลูก ยืนพิงถังพยายามหายใจให้เบาที่สุด พลันพ่อก็หันไปสบตาสีฟ้าของลูกชายตัวขนาดไหล่ ขนสีท้องฟ้าอมลำธาร แล้วพยักหน้าครั้งหนึ่ง จากนั้นผนังด้านที่ติดกับถังเหล็กใบใหญ่ก็พังครืนลงด้วยฝีมือผู้เป็นพ่อ ลูกหนูวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว แสงสีเขียวนับสิบสิบก้อนพุ่งตรงมายังผนังที่พังลงหมายทำลายสิ่งที่อยู่ตรงนั้น เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ลูกหนูอยู่บนพื้นธรรมชาตินอกบ้านได้ยินเสียงฝาบ้านหักแล้วปลิวว่อนมาตกตรงหน้า เขาหลบการมาของมัน ฟ้าววว พลันลูกพลังสีเขียวลูกใหญ่กว่ากระป๋องแป้งก็พุ่งตรงมาทางหลังลูกหนู พลังนั้นนำพามาซึ่งสายลมที่รุนแรงอย่างกับอัดเมหันต์ใว้เป็นก้อน ขาหลังของลูกหนูลอยขึ้นช้า ๆ ขณะวิ่ง เพราะโดนแรงลมยกขึ้น แต่เท้าหน้ายังคงวิ่งไม่สนการมาของอันตราย ฟิ๊งง ! เสียงวัตถุกระทบกันแตกกระจาย และสายลมสีเขียวก้อนใหญ่นั้นก็มลายหายไปด้วย หนูน้อยวิ่งด้วยเท้าสี่เท้าอย่างรวดเร็วตรงเข้าพงไพรข้างบ้านหลังเล็กทันที

                   

              ลูกหนูยังคงวิ่งไปข้างหน้าต่อไป เสียงการต่อสู้เบื้องหลังดังถี่ ๆ และค่อย ๆ จางลงจากการวิ่งห่างมา
                    บริเวณสีข้างด้านขวามีกระเป๋าสีน้ำตาลใบเล็กขนาดจิ๋วรัดติดกับตัว ภูมิประเทศแถบนี้เป็นป่าไม้ที่มีก้อนหินก้อนเล็กจมดินเกลื่อนพื้นที่วิ่ง เงาของใบไม้ที่ตกทอดลงฉาบบนก้อนหินเป็นรูปต่าง ๆ นั้นดูลายตา ริมฝีปากเขาขยับเล็กน้อยด้วยอาการเหนื่อย ลูกหนูหลบซ้าย หลีกขวาจากก้อนหินที่เคลื่อนใกล้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
                     ทันใดนั้น ฟึบ
    ! ฟ้าววววว เสียงพลังสีเขียวเป็นเส้นสายพุ่งตรงดิ่งมาจากบนต้นไม้ที่มีฉากหลังคือแสงจันทร์ หนึ่งเส้น ควับ เขาหลบได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด และวิ่งต่อไปเร็วกว่าเดิม เบื้องหลังหินกระจุยด้วยแรงกระแทกจากเส้นพลังสีเขียว ฟิ้วววววว ! หนวดของเขากระตุก ตาหรี่เล็กลง ใบหูผึ่งรับเสียงอย่างเต็มที่ เส้นพลังสีเขียวที่เคลื่อนมาอย่างรวดเร็วใกล้เข้ามาเรื่อยจวนจะถึงหางของเขาที่แกว่งซ้ายขวา ฟึบ ฟึบ ลูกหนูตีลังกากลับหลังสองตลบพร้อมปล่อยวัตถุบางอย่างขึ้นไปบนต้นไม้ต้นหนึ่งที่ไม่ใช่เป็นที่มาของเส้นพลังสีเขียว ฟึบ แล้วตีลังกาอีกตลบเพื่อทรงตัวและออกวิ่งต่อไปโดยไม่หันไปมองเบื้องหลัง แสงสีเขียวไม่ได้โจมตีมาแล้ว แววตาที่หรี่กลับมาปกติเช่นเดิม

                    ฝ่ายพ่อหนูตอนนี้เลือดไหลซึมบริเวณปากเหมือนโดนกระแทกอย่างแรง วิ่งไปวิ่งมาในบ้านหลังนั้นเป็นเงาวืบวาบไปมา พลางมีวัตถุบางอย่างอันเล็ก ๆ ปลิวออกไปจากแขนซ้ายขวาสลับกันตรงสู่ที่มาของแสงสีเขียวซึ่งยังคงยิงมาไม่หยุดหย่อน โดยไม่มีเสียงพูดแม้แต่คำเดียวออกมาให้ได้ยิน เลือดที่หยดลงพื้นเป็นกลิ่วคาว มิรู้ว่าเป็นเลือดใครกันแน่ แสงสีเขียวยังคงพุ่งไหววาบ สลับกับวัตถุชิ้นจิ๋วลอยลิ่วสวนทางกัน เสียงดังอึงคะนึงมี ฉึก ! เสียงโทนต่ำของวัตถุที่ลอยล่องทวนกระแสสายพลังสีเขียวนั้นดังขึ้น เสียงวัตถุสัมผัสผิวหนังนั่นเอง เพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น แสงสีเขียวเหือดหายไป กลับพบแต่ฝุ่นควันหลังการรบที่เกิดจากการทำลายล้างของก้อนพลังสีเขียว และวัตถุสามเหลี่ยมสีน้ำตาลปักเต็มผนังบ้านไม้ซึ่งตอนนี้หลังคาได้ปลิวหายทลายไปแล้ว แสงจันทรายามราตรีส่องลงมาเล้าโลมพื้นที่สี่เหลี่ยมแคบ ๆ ของบ้านไม้ให้สว่างจ้าเสมือนกลางวัน

                    ร่าง ๆ หนึ่งนอนกองอยู่กับพื้นในท่าตะแคงขวา พ่อหนูเห็นเพียงแผ่นหลังที่โค้ง หางยาว ๆ นั้นแน่นิ่ง มีขนสีดำทมึนไปทั้งตัว ร่าง ๆ นั้นใหญ่กว่าพ่อหนูกว่าห้าเท่า แววตาคมกริบนั้นจ้องสมาธิไปยังศตรู
                    เขาเดินอ้อมไปทางหางอย่างระมัดระวัง มือข้างขวากางออกข้างลำตัวเล็กน้อยพอที่จะเตรียมหยิบอาวุธคู่กายออกมาทันหากมีอะไรผิดปกติ เสียงลมหายใจแผ่วเบา ลำตัวไหวขึ้นลงตามจะหวะการหายใจ และการเต้น เขาเดินอ้อมไปจนยืนประจันหน้ากับผู้ที่นอนแน่นิ่งสลบเหมือด ใบหน้านั้นคือ แมว !
    ! ตัวสีดำที่มีวัตถุสามเหลี่ยมสีน้ำตาลเงาวาวปักอยู่ที่ลำคอ เลือดไม่ได้ไหลซึมออกมา ถัดมาที่บริเวณมือซ้ายที่ทับมือขวาปรากฏขนสีดำซึ่งคาดว่าน่าจะร่วงหล่นจากการปักของอาวุธประจำกายของพ่อหนู ทันใดนั้นเอง สายลมรอบ ๆ เริ่มก่อตัวอย่างรวดเร็วที่มือของแมว เสี้ยววินาทีบริเวณมือขวาของแมวปรากฏแสงสีเขียวไหววาบ เสี้ยววินาทีต่อมาพ่อหนูล้วงวัตถุสามเหลี่ยมออกมาจากด้านหลัง แล้วคว้างออกไปยังแมวสีทมึนที่ทำแกล้งนอนแน่นิ่ง แสงสีเขียวนั้นไม่ใหญ่มากทว่าในระยะประชิดเช่นนี้การหลบพ้นคงจะมีแค่ศูนย์จุดหนึ่งเปอร์เซ็น แต่หนูผู้ที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี มีความเชี่ยวชาญดุจสายลมผู้นี้ขว้างอาวุธตนลงไปยังตัวแมวถึงสามอัน พลางกระโดดหลบไปด้านหลังแมวที่นอนปล่อยพลังสีเขียว อาวุธปักลงบนร่างนั้นในเวลาเดียวกับที่แสงสีเขียวพุ่งแสกแขนซ้ายจนขนถลอกออกให้เห็นผิวหนังที่มีเลือดสีแดงฉาบอยู่ แมวทมึนนอนแน่นิ่งไม่ไหวติงอีกต่อไป ลมหายใจแผ่วเบาหลับสนิทล้านเปอร์เซ็น นอกจากเสียงหายใจถี่ ๆ ของพ่อหนูแล้ว ไร้เสียงใดใดอีกในยามค่ำคืนเดือนหงายย่ำราตรีนี้
                    เป็นกฏเหล็กหากต่อสู้เสร็จแล้ว ต้องใช้ทักษะที่เรียกว่า กลับคืน เขายืนขึ้นหลับตา เพ่งสมาธิ ลมหายใจสม่ำเสมอไม่แผ่นเบา มีไอสีขาว ๆ แผ่ออกมาจากร่างเหมือนหมอกจาง อย่างช้า ๆ ค่อยลอยคว้างไปหุ้มสิ่งของต่าง ๆ ที่แตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ ลอยกลับขึ้นมาที่เดิม ผนังที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ กลับคืนรูป เพียงไม่กี่วินาทีที่พลังกลับคืนสีม่านสีหมอกนั้นครอบคลุม บ้านไม้ที่ไม่มีหลังคา ผนังพังเป็นแถบ ก็กลายมาเป็นบ้านไม้ก่อนหน้านี้หยั่งกับไม่เคยมีใครเคยย่ำยืนที่นี่มาก่อนเลย อาวุธคู่กายเหมือนโดนดูดกลับเข้าในในกระเป๋าจิ๋วที่ติดใว้บนแผ่นหลัง

                   เขาวิ่งกลับทางเดียวกับลูกชาย แต่ปืนขึ้นทางหลังคาและกระโดดลงไป วิ่งหายเข้าไปในป่า ระหว่างทางที่วิ่งเลือดที่แขนไหลซึมตลอดเวลาหยดเป็นทางยาว ทว่าเลือดนั้นเมื่อหยดลงบนพื้นแล้วจึงระเหยกลายเป็นไอตามความปรารถนาของเจ้าตัว ก้อนหินบางก้อนที่วิ่งผ่านนั้นผ่านการทำลายล้างกระจุย และเป็นหลุมลึกลงไป เขาไม่ได้หลบ แต่กระโดดข้ามหลุม ๆ นั้นพลิ้วดั่งสายลม
                   ถัดมามีต้นไม้โค่นล้มสองต้น แล้วเขาก็ชะลอฝีเท้าลง เบื้องหน้าปรากฏแมวสีทมึนอีกตัวนอนอยู่ในตาข่ายสีน้ำตาลบนพื้นดิน  ดูดูแล้วไม่น่าจะเป็นเชือก แต่เป็นเถาวัลย์มากกว่า มีเถาวัลย์เส้นหนึ่งห้อยลงมาจากกิ่งไม้ด้านบนด้วย มันตะเกียกตะกายระบายอารมณ์อย่างบ้าคลั่งด้วยการปล่อยพลังสีเขียวใส่ตาข่าย แต่ผลที่ออกมาคือพลังนั้นสลายไป ไร้รอยขีดข่วนที่ตาข่ายแต่อย่างใด

                           มันรู้ว่ามีผู้มาเยือนจึงเบือนหน้าไปมองแล้วหรี่ตาสีแดงอย่างน่ากลัว ทว่าผู้ถูกมองไม่ใช่ใครธรรมดา แต่คือ ฟ้าทะเล ที่แมวตัวนั้นรู้จักดี ฝากใว้ก่อนเถอะ สักวันข้าจะฆ่าท่านใหได้ สิ่งที่ข้าปรารถนาคือฆ่าท่าน และไม่ได้ทำตามคำบัญชาใครใดใดทั้งสิ้นแมวผู้อยู่ในตาข่ายขู่อย่างน่าเกรงขามขณะฟ้าทมึนวิ่งผ่านแล้วผงกหัวรับคำ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×