ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hell Town : ฝ่าแดนนรกคลั่ง

    ลำดับตอนที่ #4 : CHAPTER 0 : ผู้บัญญาการคนใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 19 ธ.ค. 59


                

     


    CHAPTER 0

    NEW COMMANDER

     

     

    ศูนย์บัญชาการลับแห่งหนึ่ง ในวอชิงตัน ดี.ซี

                เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบกับพื้นดังเป็นจังหวะ แสดงให้เห็นถึงความกระฉับกระเฉงและคล่องตัวของหญิงสาวร่างสะองค์ ดูเหมือนเธอกำลังรีบร้อนเพื่อไปที่ไหนสักแห่ง ไม่ว่าจะเดินผ่านแผนกไหนก็ตาม ทุกสายตาต้องหันมาพร้อมกับทักทายหญิงสาวหน้าสวยคนนี้ราวกับหุ่นยนตร์อัตโนมัติ หล่อนก็ไม่ลืมที่จะหันไปยิ้มให้กับทุกคนด้วยเช่นกัน

    พอจะเดาได้ว่าเธอค่อนข้างป๊อบในศูนย์บัญชาการ

                เรือนผมสีเปลือกไม้อมสีเพลิงไหวตามลมก่อนที่ร่างของเธอจะหยุดอยู่ที่ประตูสีเงิน มันมีป้ายเซรามิกสีทองแขวนอยู่และถูกเขียนไว้ว่า หน่วยรบพิเศษ B.S.P.P’

                เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะกระแทกประตูเข้าไปอย่างคุ้นเคย

                “ทุกคน— ฉันมีข่าวใหญ่” เสียงใสดังขึ้นในขณะที่คนในห้องก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสนใจ

                “อ้าวว สวัสดี เคลลี่ วันนี้เข้าสำนักงานด้วยเหรอ” ไบลธ์ หญิงสาวนักแม่นปืนมือวางอันดับต้นๆ ของศูนย์ เจ้าของเรือนผมยาวสีบลอนด์สว่างจนเหมือนสีขาวเอ่ยขึ้น เธอพูดในขณะที่กำลังหัวเสียกับกองเอกสารมหึมา

                “มาแล้วก็ช่วยกันเคลียร์เอกสารหน่อยล่ะ มันจะทับหัวฉันตายแล้ว” อีธาน ชายหนุ่มมาดนิ่ง เจ้าของเรือนผมสั้นระคอสีเทาควันบุหรี่เอ่ยขึ้นด้วยเสียงราบเรียบ ด้วยวัยและความก้านโลก เขาจึงเป็นคนที่น่าเกรงขามที่สุดในหน่วย

                เคลลี่ยืนนิ่งไปด้วยความงุนงงกับกองเอกสารก่อนที่จะอ้าปากค้างพร้อมกับเอามือสองมือมาตบที่หน้าของตัวเองเบาๆ

                “นี่หน่วยเรากลายเป็นเบ๊ตั้งแต่เมื่อไหร่กันวะ” เสียงแหบต่ำดังขึ้นมาจากโซฟาตัวเก่งหน้าทีวีเก่าๆ ในห้อง โอเว่น ชายหนุ่มร่างสันทัดเจ้าของเรือนผมสีขาวสั้นเหยียดตัวขึ้นมองผู้มาเยือนก่อนจะไหวไหล่น้อยๆ ก่อนที่จะทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างสบายใจ

                “นี่นายน่ะ ถ้าว่างนักก็มาช่วยกันเคลียร์เอกสารสิโว้ย” ไบลธ์ร้องเสียงดัง เธอยีหัวตัวเองเป็นรอบที่ล้านแล้ว... ใช่งานเอกสารไม่เหมาะกับเธอ

                “ทำไปคนเดียวสิ ใครสนล่ะ” ร่างสันทัดตอบในขณะที่ยังคงเหยียดกายดูทีวีอย่างสบายใจ

                “ใจเย็นๆ กันก่อนสิ” เคลลี่เดาะลิ้นก่อนจะเบียดตัวเข้ามาในห้องทำงานที่เล็กยังกับรูหนู

                ไม่ต้องแปลกใจที่หน่วยรบพิเศษ B.S.P.P จะกลายเป็นแค่หน่วยเบ๊ของศูนย์ก็เพราะภารกิจระดับต็อกต๋อยๆ พวกเขาไม่ได้ออกโรงอยู่แล้ว แต่จะให้กินเงินประชาชนไปวันๆ โดยที่ไม่ทำอะไรมันก็ใช่เรื่อง

                ก็เลยต้องมาทำงานเป็นเบ๊...

                “เธอมาก็ดีมาทำแทนฉันเลย ฉันปวดหัว หัวจะระเบิดแล้วเนี่ย!” ไบลธ์เริ่มหมดความอดทนกับเอกสารตรงหน้า            

                “แล้วลอเรนซ์ไปไหน” เคลลี่เอ่ยขึ้น

                “ยิมมั้ง เจ้าหมอนั่นจะสนใจอะไรล่ะ ทิ้งฉันไว้กับกองเอกสารน่าเบื่อนี่คนเดียว!!!” ไบลธ์อวดครวญ

                “ฉันด้วยไง—“ อีธานพูดในลำคอ

                “ใช่— อีธานด้วย” ไบลธ์ยิ้มแห้งๆ 

                “ฉันมีเรื่องสำคัญมาบอก...” เคลลี่เม้มริมฝีปากก่อนจะทำตาเลิกลั่นไปมา

                “เรามีงานต้องทำ ตอนนี้ผู้บังคับบัญชาการเรียกนัดพบที่ห้องประชุม”

                “น่าเบื่ออออ-----“ ทั้งสามที่เหลือแทบจะประสานเสียงกันขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง ก่อนที่ไบลธ์จะดีดตัวขึ้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว

                “อะไรก็ได้ ในตอนนี้ก็คงดีกว่านั่งทำงานเอกสารล่ะวะ”

                “นี่ฉันต้องไปเหรอ—“ โอเว่นถอนหายใจ

                “ก็เออน่ะสิโว้ยยย หูหนวกหรือไง” ไบลธ์มองค้อนไปที่ชายหนุ่ม

                “อย่าทะเลาะกันเส้ ทั้งสองคน” เคลลี่ที่กำลังยืนกึ่งกลางยิ้มแห้งๆ ก่อนจะยกมือขึ้นปามพอเป็นพิธีเพราะเธอก็รู้อยู่แล้วว่าคงไม่มีใครหยุดยั้งสงครามของทั้งสองได้ นอกจาก... คนที่คุณก็รู้ว่าใคร

                อีธานถอนหายใจน้อยๆ ก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกไปคนแรก “ตามมาเดี๋ยวนี้ ทุกคนนั่นแหละ” ราวกับพ่อสั่งลูกทุกคนพร้อมใจกันลุกขึ้นก่อนจะรีบกรูไปที่ห้องประชุมทันที

               

                ประตูห้องประชุมถูกปิดลงก่อนที่จะปรากฏร่างของหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีแดงมะฮอกกานีบุคลิกดี ใบหน้าสะสวยราวกับรูปปั้น ร่างสูงระหงตั้งตรงเก้าสิบองศา ความเป็นนางพญาถูกแผ่รัศมีออกมาจนรู้สึกได้ ด้านขวาปรากฏชายหนุ่มวัยประมาณสามสิบเศษ เจ้าของเรือนผมสั้นสีน้ำตาลเข้ม นัยน์ตาทรงสเน่ห์มองอย่างพินิจไปที่ทั้งสี่ที่พึ่งจะเข้ามา

                “พวกคุณเลทสองนาทีนะคะ” ชีโอ หญิงสาวที่นั่งอยู่หัวโต๊ะประชุมเอ่ยขึ้น คาดว่าเธอน่าจะเป็นผู้บังคับบัญชาการคนใหม่

                “ครับ” อีธานโค้งตัวเล็กน้อยเป็นเชิงขอโทษ เมื่อเคลลี่และไบลธ์เห็นเช่นนั้นก็โค้งตัวตามอย่างเลี่ยงไม่ได้รวมไปถึงโอเว่นด้วยเช่นกันที่ต้องทำแม้จะไม่เต็มใจนัก

                “อลิซซาเบธ เอส. ชีโอ ผบ. คนใหม่ของศูนย์เราครับ” เดเมียน ไลท์ รองผู้บังคับบัญชาการเอ่ยขึ้นก่อนจะสร้างความงุนงงให้กับทุกคนในห้องประชุม

                “เดี๋ยวนะ— แล้วเจ้แองจีล่าล่ะ?” โอเว่นขมวดคิ้วสงสัยพร้อมกับเอ่ยชื่อ ผบ. คนเก่า

                “ปฏิบัติงานราชการลับน่ะค่ะ” ชีโอเอ่ยเสียงเรียบพร้อมกับปรายตามองต่ำเป็นเชิงว่า อย่าถามเยอะ

                โอเว่นขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจและหันไปทางอื่นอย่างไม่สบอารมณ์

                 “ฉันจะเข้ามาเป็นผู้บังคับบัญชาการคนใหม่ตั้งแต่บัดนี้จนกว่าภารกิจสำคัญจะลุล่วง” เสียงเรียบเว้นนิ่งไปเพื่อดูปฏิกิริยาของคนในห้อง

                “ครับ...” อีธานพยักหน้าก่อนที่ทั้งสามจะหันควับไปทางเขา

                “แล้วภารกิจสำคัญที่ว่า.. คืออะไรเหรอครับ” หนุ่มมาดนิ่งเอ่ยถามต่อ

                “B.S.P.P รุ่นแรกยังมีชีวิตและพวกเขาส่งข้อความขอความช่วยเหลือมา” เธอเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ ใบหน้าขาวมนไม่ได้แสดงอารมณ์ความรู้สึกอะไร

                “ไม่น่ะ— ตั้งสามปีแล้วนะ” เคลลี่พึมพำกับตัวเองก่อนที่ชีโอจะหันไปทางหล่อน “ใช่ค่ะ สามปี— แต่มันเป็นไปแล้วค่ะ”

                “แล้วข้อความนั้นมาจากเจ้าหน้าที่คนไหน” ไบลธ์เอ่ยขึ้นอย่างโผงผาง

                “ไม่ทราบแน่ชัด รู้เพียงว่าเป็นเพศชาย”

                “เราต้องไปช่วยพวกเขา” ไบลธ์เอ่ยขึ้น

    “ที่ดิชั้นเรียกพวกคุณมาในวันนี้ก็เพราะเรื่องนี้ นี่คือภารกิจที่พวกคุณจะต้องทำ นี่คือปณิธานหลักของภารกิจ รวมไปถึงช่วยผู้รอดชีวิตและทำลายต้นตอของไวรัส-ซีด้วย”

    “ต้นตอ...?” อีธานทวนคำสั่งอีกครั้ง

    “ต้นตอของไวรัสซีคือไวรัสซีระดับสูงที่เป็นตัวกระจายไวรัสอีกต่อหนึ่ง มองง่ายๆ มันก็คือเฮดของพวกไวรัสถ้าจะเปรียบเทียบ พูดง่ายๆ ระบบของมันคล้ายระบบนิเวศของผึ้ง”

    “มันฉลาดขนาดนั้นเลยเหรอ” ไบลธ์เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย

    “มันก็มีสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิตเหมือนเรานี่แหละ” เดเมียนที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้น

    “แล้วเจ้าหน้าที่ที่ต้องไปทำภารกิจในครั้งนี้มีกี่คนครับ” อีธานถาม

    “พวกคุณทุกคนในหน่วยและเดเมียน” ชีโอเอ่ย

    “และน่าจะมีสมาชิกพิเศษอีกหนึ่งคน” เดเมียนเสริม

    “ใครเหรอคะ—“ เคลลี่ที่เงียบอยู่นานเอ่ยขึ้น

    คุณแมรี่ เบรย์เดน” สิ้นเสียงชีโอทุกคนกลับทำหน้าขยาดเล็กน้อย

    “ทำไมถึงทำหน้าเหมือนเห็นผีแบบนั้นล่ะ” เดเมียนยิ้มแห้งๆ

    “คุณเดเมียนแกล้งถามเหรอคะ” เคลลี่ทำตาเบิกกว้างราวกับเห็นผี

    “ฮ่าๆ เอ็มเจย์ได้ยินเสียใจแย่” เดเมียนพูดติดตลกแต่ดูเหมือนทุกคนจะไม่ตลกเท่าไหร่

    “ถ้ายังไงดิฉันขอตัวก่อนนะคะ พอดีมีประชุมด่วน” ว่าจบทุกคนก็ลุกขึ้นอย่างพร้องเพรียงและโค้งหัวเป็นการทำความเคารพ

    “ฉันขอบาย” โอเว่นพูดเมื่อแผ่นหลังสะองค์ลับสายตาไปแล้ว

    “ฉันด้วย ไม่เอาหรอกนะถ้าต้องทำงานกับยัยผีเข้าผีออกคนนั้นน่ะ” ไบลธ์ทำหน้าเหยเก

    “เอ็มเจย์อาจจะไม่เลวร้ายขนาดนั้นก็ได้ เธออาจจะมีประโยชน์ก็ได้” เดเมียนยิ้ม

    “ใครจะยังไงฉันไม่สน ดูปากฉันนะ ฉัน ไม่ เอา ด้วย” โอเว่นยืนกรานก่อนไหวไหล่เล็กน้อย อีธานที่นั่งเงียบอยู่นานพรวดขึ้นทำเอาคนทั้งห้องต้องหันตาม

    “จะไปไหนเหรอคะ” เคลลี่ถาม

    “เก็บของ... พรุ่งนี้เรามีงานต้องทำ” ว่าจบอีธานก็ลุกขึ้นพร้อมกับทิ้งให้คนทั้งห้องงุนงงชั่วขณะ “ใครไม่ไปก็ตามใจ แต่ถ้าฉันกลับมาเมื่อไหร่ฉันจะทำเรื่องปลดพวกแกออกจากหน่วย” ว่าจบทั้งห้องต่างแตกกรูราวกับเด็กตัวเล็กๆ ที่กำลังวิ่งเล่นในสนามเด็กเล่น

    เดเมียนหัวเราะก่อนจะโบกมือลาทุกคน “รีบไปเก็บของนะ— พรุ่งนี้มีงาน”

    เมื่อทุกคนออกจากห้องไปแล้ว ร่างหนาก้มหน้าลงพร้อมกับเปิดกระเป๋าสตางค์ของตนออกมา นัยน์ตาสีน้ำตาลลดต่ำลงพร้อมกับฉายแววเศร้า

    “พ่อสัญญาพ่อจะตามหาหนูให้เจอ” เสียงแหบต่ำแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบที่ล่องลอยหายไปในสายลม

     

    “ใจจริงๆ ฉันแอบหมั่นไส้ ผบ.คนใหม่นะ แต่ทำไงได้เขาอายุเยอะกว่าแถมเข้ามาเป็นหัวหน้าเราอีก” ไบลธ์เอ่ยขึ้นในขณะที่กำลังเก็บสัมภาระของตน

    “มันธรรมดาแหละน่า เดี๋ยวผ่านไปก็ชินเอง.. เธออาจจะเป็นคนใจดีก็ได้” เคลลี่ปลอบใจเพื่อนในขณะที่กำลังเก็บของด้วยเช่นกัน

    ไบลธ์ไหวไหล่ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ถ้าจะเป็นห่วงจริงๆ ฉันว่าไอ้โอเว่นน่าเป็นห่วงกว่าฉันเยอะ”

    “ไหงงั้น”

    “ก็ดูหมอนั่นไม่ชอบยัยหัวแดง ผบ. คนใหม่นั่นเลย”

    “อีตานั่นเคยชอบใครด้วยเหรอ” เคลลี่หัวเราะคิกคักก่อนจะว่าต่อ “เอ้... ไม่แน่โอเว่นอาจจะชอบเธอก็ได้นะ”

    “ลามปามน่า! อย่างหมอนั่นเหรอ ไร้สาระ ฉันไม่สนใจเรื่องแบบนี้เหรอ” ไบลธ์ส่ายหัวก่อนจะรีบเก็บสัมภาระอย่างรวดเร็วจนเสร็จ

    “ฉันก็แค่พูดเล่น จริงจังไปได้” เคลลี่ยิ้ม

    “ไปได้แล้วรีบเก็บของ เดี๋ยวอีธานก็มากินหัวเธอเอาหรอก” ไบลธ์ลุกขึ้นก่อนที่จะเดินออกจากห้องพักไป

    เคลลี่ยิ้มก่อนจะรีบเก็บสัมภาระและเดินจากไป

     

     

    ร่างสันทัดกระแทกเท้ามาหยุดอยู่ที่ประตูทางเข้ายิมประจำศูนย์ ประตูระบบอัตโนมัติไม่เปิดให้เขาเนื่องจากเขาไม่ได้นำบัตรเจ้าหน้าที่มา

    โอเว่นเดินไปหาเจ้าหน้าที่ข้างๆ ที่กำลังนั่งทำหน้านิ่ง “เปิดประตูให้ที” คำพูดห้วนๆ ดังออกมาจากปากชายหนุ่มผิวแทนก้านแดด

    “ไอดีการ์ด?” เจ้าหน้าที่วัยประมาณห้าสิบถามหาบัตรเจ้าหน้าที่จากโอเว่นก่อนจะขมวดคิ้วเป็นเลขแปดอย่างสงสัย

    “เอาเถอะน่า ป้า— เปิดให้ฉันก่อน ฉันจะรีบเข้าไปหาเพื่อน”

    “ไม่มีไอดีการ์ดก็เข้าไม่ได้” เจ้าหน้าที่วัยทองไหวไหล่ก่อนที่จะหันไปกดแป้นพิมพ์อย่างใยดี

    “โถ่ว ป้า— แก่ปูนนี้แล้วก็อย่าใจร้ายหน่อยเลย” โอเว่นทำเสียงค้อนก่อนจะเซาซี้อยู่นานแต่ก็ไม่เป็นผล จนกระทั่งเขาถอดใจและนิ่งรออยู่หน้ายิมจนเผลองีบไป

    “โอเว่น” ร่างหนาสูงราวกับนายแบบเดินมาสะกิดเขาจนทำให้ตื่น

    “ลอเรนซ์! ฉันรอแกนานเกินไปแล้วเพื่อน” ว่าจบโอเว่นก็ดีดตัวขึ้นพร้อมกับเดินนำหน้าไปก่อน “ตามมาสิ มีอะไรจะคุยด้วย”

    ทั้งสองคุยฆ่าเวลาในขณะที่เดินไปห้องพักของตน เมื่อทั้งสองเดินไปที่ไหนสาวสาวในสำนักงานต่างพากันแอบซุบซิบพร้อมกับส่งสายตาหวานหยดย้อยมาให้เขา

    น่าจะแค่กับลอเรนซ์คนเดียว...

     ด้วยหุ่นที่สูงใหญ่ อกผายไหล่พึง กล้ามหน้าท้องที่เป็นลอนอย่างเห็นได้ชัด บวกกับหน้าตาเข้มคมคาย ไม่แปลกที่สาวๆ ทั้งศูนย์จะเทใจให้เขาจนหนุ่มๆ อิจฉาตาร้อน แต่คงไม่ใช่กับโอเว่น แม้จะโดนเปรียบเทียบกับลอเรนซ์บ่อยๆ แต่เขาก็ไม่สน วันนี้ก็เป็นอีกวันที่สาวๆ จะกริ๊ดกร๊าดมากเป็นพิเศษก็เพราะ...

    ลอเรนซ์ถอดเสื้อเดินมาตั้งแต่ยิมแล้ว อ้างว่าร้อนเหงื่อชุ่มกายจะรออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย

    “เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ” โอเว่นเอ่ยในขณะที่กำลังเปิดประตูห้อง

    “ก็ถูกแล้วนี่— มันก็เป็นหน้าที่เรานี่น่า” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างไม่หยี่ระ

    “อีกอย่างนะฉันไม่ชอบยัย ผบ. หัวแดงคนใหม่นั่นด้วย ทำฟอร์มเยอะ”

    ร่างสูงหัวเราะในลำคอก่อนที่จะเก็บของใช้ของตน “นายเคยชอบใครด้วยเหรอ ฉันว่านายก็ไม่โอเคไปซะหมดทุกคน”

    “ก็จริง— แต่ละคนมันน่ารำคาญทั้งนั้น”  โอเว่นถอนหายใจ

    “ไม่มียกเว้นเหรอ”

    “ไม่มีหรอก”

    “แน่ใจ๊?” ร่างสูงถามเชิงยียวนก่อนจะแอบยิ้มน้อยๆ

    “เออสิวะ รีบๆ หน่อยเดี๋ยวอีธานมาเห็นฉันกับนายไม่ทำอะไรสักที มีหวังโดนปลดออกจากหน่วยแน่” ว่าจบทั้งสองก็รีบเก็บของและเดินจากไป



     BEGINNING OF NIGHTMARE  




    ห้า ปีก่อน

     สถานีวิจัยแห่งหนึ่ง


               “....นั่นมันอะไรน่ะ” ชายในชุดกาวน์สองคนมองเชื้อประหลาดผ่านกล้องจุลทรรศน์ด้วยความสงสัย

                “ผลงานที่ดิชั้นทำการทดลองมาสักพักหนึ่งค่ะ ดูเหมือนมันจะต่อชีวิตให้กับต้นไม้ที่ใกล้ตายให้กลับมาเป็นต้นไม้ที่มีชีวิตได้— แต่ยังไม่สมบรูณ์เท่าไหร่ต้นไม้เลยอยู่ในสถานะกึ่งมีชีวิตค่ะ” เด็กสาววัยสิบเรือนผมสีดำสั้นยิ้มก่อนที่ดันแว่นขึ้นเล็กน้อย

                “มันดูไร้สาระนะคุณณุชา ผมไม่คิดเลยว่านักศึกษาดีกรีทุนต่อเนื่องอย่างคุณจะทำอะไรแบบนี้” หนึ่งในนักวิทยาศาสตร์เอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ

                “มันไม่มีทางเป็นไปได้คุณณุชา” นักวิทยาศาสตร์อีกคนเสริมขึ้น

                “ตะ... แต่” เด็กสาวเอ่ยเสียงสั่น

                “ไม่มีคำว่าแต่ คุณต้องล้มเลิกโปรเจคนี้ซะ ไม่เช่นนั้นผมจะยื่นคำร้องขอยุติทุนของคุณ”

                “คุณเดวิท คุณฮิลคะ ได้โปรด” ร่างบางยกมือขึ้นเล็กน้อย

                “หวังว่าผมจะได้คำตอบที่ดีนะครับ....” ทั้งสองไม่สนใจทิ้งไว้เพียงเด็กสาววัยสิบแปดที่กำลังใจสลาย




    ____________________________ 19 / 12 / 2559 _____

    กลับมาเจอกันอีกครั้งแล้วนะครับ เป็นยังไงกันบ้างกับบทเปิดตัว  feel free to comment เลยนะครับ ไรต์โอเคกับคำวิจารณ์ ในส่วนของตอนนี้มีการโยงข้อมูลเก่าจากภาคที่แล้วเล็กน้อย ไม่อ่านก็เข้าใจได้นะครับ อยากจะบอกว่าบางส่วนอาจจะถูกแก้ไขตามความเหมาะสมโดยที่ไม่ได้บอกก่อนนะครับ ขออณุญาตมา ณ ที่นี้เลย ยังไงตอนนี้พักก่อน ยังไม่มีโรลนะครับ ตอนหน้าถึงจะมีตอนนี้สดใสๆ ไปก่อน พบกันตอนหน้านะครับ ________________________________________________


    ? cactus
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×