ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [the last weapon-ศาตราวุธสุดท้าย]

    ลำดับตอนที่ #5 : The last weapon -ศาสตราวุธลำดับที่ 4

    • อัปเดตล่าสุด 11 มิ.ย. 58


     
    The last weapon : ศาสตราวุธลำดับที่ 4

     โอเค... ฮัลโหล ฮัลโหล เทสต์ เทสต์ อะแฮ่ม! สวัสดี ก่อนอื่น ข้าคงต้องแนะนำตัวก่อน สินะ ชื่อของข้าคือ เบลเดล์ เดอ อาชเชอร์ ศาตราวุธ1ใน4ของตำนาน เดอะลาส์ต วีพอน(the last weapon-ศาตราวุธสุดท้าย) อาวุธลำดับที่ 4 ถึงจะเป็นศาตราวุธลำดับท้ายสุด แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าอ่อนสุดนะ !อำนาจพลังของข้ามัน เด่น! เลิศ! เรอ! เกรียงไกร! วะฮ่าๆ

    (เจ้าไม่ต้องบอกว่าข้าหลงตัวเองหรอกข้ารู้ตัว แต่ข้าก็จริงจังเป็นนะ!) ไม่ต้องถามเลยว่าข้าเป็นอาวุธประเภทอะไร ชื่อมันก็บอกชัดๆว่า ข้าเป็นศาตราวุธโจมตีระยะไกลอย่าง"ธนู"
     
    หือ? ว่าไงนะ เจ้าบอกว่าธนูอย่างข้ามันอ่อนงั้นเรอะ! วะฮ่าๆ เจ้ามันไม่รู้อะไร ธนูมันมีประโยชน์มากเลยนะเจ้ารู้ไหม?
     
    ยกตัวอย่าง เจ้าจะเอาข้ายิงในระยะปลอดภัยเพื่อลอบสังหารศัตรูทีละคนก็ได้ หรือเจ้าจะสู่ระยะประชิด เอาคันธนูแทนดาบก็ได้ หรือ เจ้าจะเอาลูกธนูแทนมีดก็ยังได้เลย! เป็นไง!! อาวุธอย่างข้านี่แหละ!! เจ๋งที่สุด!! หึๆ อาวุธอื่นช่างมันๆ วะฮ่าๆ 
     
    ...
     
    โอเคๆ ไม่ต้องมองข้าด้วยสายตาแบบนั้น ยอมรับก็ได้ว่าพลังของพวกเรามันเท่ากันทั้งหมดน่ะแหละ...
     
    แต่ข้าก็เทพที่สุดอยู่ดี! วะฮ่าๆ 
     
    ข้ากล้าพูดเลยว่าธนูของข้านั้นสวยสดงดงาม คันธนูแกะสลักเป็นสีดำเงางาม บรรจงสลักเป็นรูปร่างของมังกรลม สายธนูทำจากเส้นผมของนางเงือกยามต้องแสงจันทร์คืนเดือนหงายทำให้เพิ่มความคงทนเป็นอีกเท่าตัว รับน้ำหนักของลูกธนูได้มากที่สุด20ลูก! ความสูงของคันธนูก็ถูกออกแบบมาให้ถนัดแก่การยิงทุกระยะ เหมาะสมกับผู้ยิงไม่ว่าจะใครก็ตาม...
     
    เห็นไหมๆ เลิศเรอเพอร์เฟ็คสมบูรณ์แบบ~
     
    แต่ทำไม๊ ทำไม ทั้งๆที่ข้าออกจะเพอร์เฟ็คขนาดนี้ เอ๊ะ? หรือว่าท่านผู้สร้างจะอิจฉาข้านะ? ก็ข้าน่ะ อยู่ดีๆก็โดนบอกให้ลงมาโลกมนุษย์ ทั้งๆที่ศาตราอื่นอีก3ชิ้น ไม่เห็นโดนส่งให้ลงมาเลย แถมยังไม่ทันได้เลือกเจ้านายด้วยเจตจำนงตัวเองเล้ย

    กำลังนอนสบายๆในโรงเก็บศาสตรา หาคนเหมาะๆ หลังได้ข่าวว่าจะต้องลงไปโลกมนุษย์ได้แค่3วันเอง ข้าก็โดนท่าน(ถีบ)ส่งให้มาถูกครอบครองโดยหนุ่มกวนบาทา"เซตรัม บาคัส" เพราะสัญชาตญาณต้องกันเน้~ 
     
    ท่านต้องอิจฉาข้าแน่ๆ! เลยลงโทษข้าแบบนี้! ส่งมาให้อยู่หน้ามันเป๊ะๆ!แล้วก็ต้องมาเป็นอาวุธของมัน! 
     
    นรก!
     
    อ้อ...ข้าน่ะเป็นศาตราวุธที่ค่อนข้างจะประหลาดหน่อยก็การเลือกเจ้าของเนี่ยแหละ หากว่าข้าลงมาโลกเบื้องล่างแห่งนี้แล้ว สัญชาตญาณต้องกับผู้ใดเป็นคนแรก คนผู้นั้นจะกลายเป็นผู้ครอบครองของข้าโดยทันทีแม้ทั้งเขาและข้าจะไม่ยอมรับก็ตาม....
    ข้าถึงบอกไงล่ะ... ท่านผู้สร้างจงใจ(ถีบ)ส่งข้ามาอยู่ตรงหน้าเซตรัมแบบนี้แน่นอน!!! ท่านหมั่นไส้ข้าที่ฉลาดสูงส่งมีปัญญาเลิศเรอกว่าท่านใช่มั้ยย
    ตอบข้ามาน้าาา
     
    ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเมื่อไหร่จะได้กลับไปหาท่านผู้สร้างอีกรอบ แต่ข้าเดาว่า คงต้องจนกว่าผู้ครอบครองคนนี้ตาย 
     
    อ๊าก...กว่าจะถึงวันนั้นข้าคงต้องขาดใจตายก่อน
     
    ทำไมน่ะหรอ!?
     
    พูดไปข้าก็อยากโหยหวนแทบจะขาดใจ เจอหน้ากันครั้งแรก ข้าอุตส่าห์ทักเจ้านั่นดีๆนะ หนุ่มนี่ก็เดินเมินผ่านข้าเฉย เดินผ่านไม่พอ เดินตกคลอง สงสัยจะหลับใน เดือดร้อนข้าต้องแบกเจ้านี่กลับบ้านไปอีก ทำไมชีวิตข้าต้องมาถูกครอบครองโดยหนุ่มแบบนี้...
     
    ข้ายอมไม่ด้ายย ท่านผู้สร้าง ท่านต้องลงมาเคลียร์กันหน่อยเซ่!
     
    อ้อ! เจ้าไม่ต้องสงสัยหรอก ทำไมข้าถึงแบกหมอนี่กลับไปถึงบ้านได้
     
    คุณลักษณะพิเศษของข้าอีกอย่างหนึ่ง คือ "แจ็ค" อันที่จริงพวกเราทุกคนมีพลังนี้กันหมดแหละ เวลาต่อสู้ร่วมกัน ความคิดและพลังจะเชื่อมหากันเสมอ แต่สำหรับข้าจะพิเศษขึ้นมาคือ ถ้าโชคดีอีกฝ่ายหลับลึกมากๆ ข้าจะสามารถเข้าครอบครองร่างได้ชั่วเวลาหนึ่ง
     
    ไม่ใช่ครอบครองร่างแบบยึดร่างนะ! ข้าไม่ใช่คนเลวร้ายขนาดนั้น!(ถึงจะอยากยึดร่างหมอนี่ก็เถอะ หมั่นไส้!)
     
    เจ้าอาจจะไม่ค่อยเข้าใจหรอก คือ...มันก็ประมาณเทเลพาธีน่ะแหละน่า แต่จะเป็นทักษะในการ เชื่อมระบบร่างกายและระบบความคิดของผู้ครอบครองเข้ากับความคิดของเราประมาณว่าเป็นหนึ่งเดียวกันนั่นแหละ พอให้ควบคุมตัวตนอีกฝ่ายได้ระยะเวลาหนึ่ง
     
    พอส่งถึงบ้าน หมอนี่ก็หลับลึกยาวไปสามวัน
     
     เดือดร้อนข้าต้องนั่งคอยให้มันตื่นอีก... อนาถจิต
     
    "เฮ้ย!ธนูผีพูดได้!!!!!"และนี่คือคำพูดแรกตอนที่มันตื่นมาเพราะถูกข้าเอาค้นธนูเคาะปลุก ดูสิ! ไร้มารยาทมาก!! พอข้าอธิบายเสร็จสรรพว่าข้าเป็นคันธนูที่เลิศเลอ ยิ่งใหญ่ เกรียงไกร (และอีกมากมายที่เจ้าก็รู้) ขนาดไหน กับเรื่องเล่าตำนานเดอะ ลาสต์วีพอน รวมถึงอธิบายถึงเหตุผลที่ข้าต้องมาหามัน(เพราะท่านผู้สร้างอิจฉาข้า) หมอนั่นก็แค่พยักหน้า แล้วบอกว่า
    "แต่ข้าไม่เห็นอยากได้เจ้ามาเป็นอาวุธเลย พรุ่งนี้ค่อยเอาเจ้าไปทิ้วที่ถังขยะละกัน ตอนนี้ขอนอนนะ ฝันดี"
     
    จบ...
     
    แค่นั้น...
     
    แล้วก็ล้มลงนอนตามเดิม โดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น!!
     
    What the!
     
    ท่านผู้สร้าง...ข้าทำกรรมอันใดไว้ก๊านน!!
     
    แต่แน่นอน..หลังจากการรู้จักกันแบบฉุกละหุกและไร้ความสนใจในตัวข้าของเซตรัม เราก็สนิทกัน แต่เป็นแบบจิกกัดน่ะนะ...เซตรัมไม่ได้เอาข้าไปทิ้ง ส่วนข้าก็คอยดูแลการใช้ขีวิตของหมอนั่นที่แม้แต่ทางกลับบ้านยังจำไม่ได้ จิกกัดกันตลอด ชีวิตมีสีสัน~(มีสีสันตาย)
     
    นั่นเรียกว่า สนิท ดีหรือรึเปล่า...?
     
    ช่างๆ เอาเป็นว่า อารมณ์แบบพี่ชายกับน้องชายแหละน่า...
     
    เอาตามตรงเลย ถ้าพูดถึงเซตรัม บาคัส เป็นคนหล่อ หล่อจนน่าหมั่นไส้ ข้าสังเกตได้จากการที่เขาไปยังบริษัทสังกัดทีไร ต้องมีสาวตามกรี๊ดกันเป็นขบวน ข้าอยากจะถามพวกหล่อนจริงๆเล้ย ว่าใช้อะไรมอง ฮะ!? หน้าคมๆ ผมสีน้ำตาลอ่อนๆ จมูกเป็นสัน นัยน์ตาสีฟ้าคราม กับท่าทางเอื่อยเฉื่อยแต่เท่ รวมกับวัย17ปี  นี่มันดูดีพอให้กรี๊ดกร๊าดหาตรงไหนกัน!
     
    เจ้าไม่ต้องมามองอย่างนั้นใส่ข้าหรอกน่า ข้าไม่ได้อิจฉานะ!
     
    เจ้าอาจจะเห็นข้าบ่นถีงเซตรัมมากมายเลยตามที่ได้อ่านไป แต่ความจริง...พวกเราเข้าขากันได้ดี... 
     
    ดีมากกก...
     
    ฮ่าๆ จิกกัดพอหอมปากหอมคอแล้ว งั้นขอพูดเรื่องดีๆบ้าง(ถึงจะมีน้อยก็เถอะ เหอๆ) เทรเซอร์ฮันเตอร์หนุ่มคนนี้ มีทักษะการยิงที่แม่นยำอย่างเหลือเชื่อ... รักอิสระมาก เขาเป็นคนเชื่อมั่นในการมีชีวิตอยู่และ ชอบเดินทางสุดๆ
     
    หือ? อะไรนะ?ข้าพูดอะไรผิดหรอ?
     
    เทรเซอร์ ฮันเตอร์ ? ช่าย~ ข้าพูดไม่ผิดหรอก เจ้าคิดว่าบริษัทสังกัดที่ข้าพูดถึงคืออะไรล่ะ? เซตรัม บาคัสน่ะ เป็นเทรเซอร์ ฮันเตอร์ แถมเป็นระดับ S เลยทีเดียวเชียว ถึงเวลาไม่ทำงาน เขามักจะเรื่อยๆ กวนบาทา   จนโดนหัวหน้างานบ่นๆบ่อยๆ
    แต่เวลางาน เขาจะรับงานจากผู้ว่าจ้างที่มีชื่อเสียงมากมาย ในฐานะ "เทรเซอร์ ฮันเตอร์"
     
    เวลาทำงานของเขาไม่อะไรมาก เพราะเขาเป็นสายฟรีเเลนซ์ จะเข้าบริษัทก็ต่อเมื่อมีงานมาจริงๆ(เข้านานๆทีแต่พอบุกทำงานทีนี่ถบ่มเป็น10 20 ดันเจี้ยน) ดังนั้นเวลาส่วนมากของเขาที่ไม่ทำงาน จะผลาญไปกับการฝึกซ้อมทักษะ ไม่ก็...ล่าปีศาจ
     
    และวันนี้ก็เช่นกัน...





     
    ตอนนี้เป็นเวลา บ่ายสองกว่า พวกข้าอยู่ที่ป่าทางตอนเหนือของเมืองที่เซตรัมอาศัยอยู่ มันเป็นป่าที่มีตันไม้อายุเป็นพันๆปีหลายต้นและเขียวขจีตระการตา น่าชวนมาเที่ยวเยี่ยมชมถัาไม่ติดว่าป่านี้คือ ดันเจี้ยน ที่มีสมบัติมากมายและเป็นแหล่งซ่องสุมของรังปีศาจ 
     
    ตอนนี้พวกข้ากำลังหลบอยู่หลังพุ่มไม้เถาวัลลัย์หนาเพื่อเล็งยิงศัตรูอยู่...
     
    "เฮ้!เซตรัม! "ข้าเรียก "พิกัดที่12.5 , 3 วิถียิง30เมตร"ระบุพิกัดแล้วปรับสายธนูตัวเอง ให้ถึงระยะ เซตรัมพยักหน้ารับคำข้า สายตาคมเรียวหรี่เล็กลงเพื่อเล็งเป้าหมาย... เป้าหมายการล่าครั้งนี้ คือ มนุษย์หมาป่า3ตัวที่กำลังนั่งสังสรรค์กับเหยื่อที่ได้มา... ระยะของพวกเราอยู่ห่างจากมันประมาณ30เมตร เป็นระยะง่ายมากๆถัาจะซุ่มยิงศัตรู ถ้าไม่ติดว่ามนุษย์หมาป่าสามตัวนี้ เป็นสายพันธุ์..
     
    ไลแคน...
     
    "พิกัด ห่างกันตัวละ3จุด" เทเลพาธีบอกในหัว "ระวังตัวนะ พวกนี้เคลื่อนที่ได้เร็วมาก อย่าพึ่งยิง เล็งวิถีดีๆ"
     
    สายพันธุ์ไลแคนเป็นสายเลือดผสมของมนุษย์หมาป่า ถึงจะเป็นเลือดผสม แต่สิ่งที่ได้ชดเชยมาจากการเสียศักดิ์ศรีคือความเร็วที่เร็วมากกว่ามนุษย์หมาป่าสายพันธุ์แท้ นับเป็นศัตรูตัวฉกาจต่อผู้ล่าที่ถนัดการต่อสู้ระยะไกลอย่างเซตรัมและอาวุธระยะไกลแบบข้า
     
    "แถวนี้ลมแย่มาก...ข้าควบคุมเกือบจะไม่ได้เลย"เซตรัมกระซิบบอกข้า ข้าเห็นด้วย ขนาดอาศัยพลังศาตราวุธแห่งลมอย่างข้า ลมแถวนี้ยังแทบจะไม่เชื่อฟังคำสั่ง"ปวดหัวจะแย่ กว่าจะสั่งให้มันไม่เคลื่อนไหวเวลาเราขยับตัว "
     
    "กลิ่นพวกเราถูกระงับไว้แถวนี้หรือเล่า"ข้าถาม โหมดจริงจังทำงาน ถ้าสายลมเหล่านี้เคบื่อนตัวเอากลิ่นของพวกเราเตะจมูกพวกไลแคนล่ะก็ เจอศึกหนักแน่
     
    "ข้าทำเท่าที่ทำได้"เซตรัมตอบ คิ้วเรียวขมวดมุ่น ข้ารับรู้ได้ว่าเขากำลังปวดหัวหนักมาก ถึงชายหนุ่มจะให้ตอบกำกวมแต่ข้าก็รู้ว่าคำตอบนั้นหมายความว่าไม่แน่ใจว่าจะกันได้นานแค่ไหน
     
    "เจ้ามันกากชะมัด"จิกกัดพอเหมาะแล้วหัวเราะเยาะในใจ
     
    อย่างที่เจ้ารู้ว่า คันธนูของข้าแกะสลักเป็นมังกรแห่งสายลม มันคือส่วนสำคัญเลยทีเดียว ทำให้พวกเรา"ควบคุมสายลมได้" เพราะเซตรัมเป็นผู้ครอบครองของข้า เขาสามารถควบคุมและพูดคุย สนทนากับสายลมได้โดยแลกกับการรับภาระทางสมอง แต่ใช่ว่าสายลมจะยอมให้ควบคุมได้เสมอไป บางครั้วสายลมเหล่านี้ก็บ้าคลั่งมาก อย่างเช่นสายลมแถวนี้ 
     
    "ขี้เกียจเถียง หิว ปวดหัว สายลมงี่เง่าเอ๊ย"สบถกลับมาเป็นชุด จนข้าต้องหัวเราะที่ปั่นหัวอีกคนได้สำเร็จ
     
    "พวกจิตวิญญาณสายลมแถวนี้ไม่ยอมฟังใครน่ะสิ"ข้าพ่นลมหายใจตอบ"เป็นสายลมบ้าคลั่งเกือบสมบูรณ์"
     
    "แย่ชะมัด..."เซตรัมบ่นกระปอดกระเเปด ขึ้นหน้าไม้คันธนูช้าๆ"รีบทำให้จบๆดีกว่า ใช้วิถีพิเศาเนี่ยแหละ ข้าง่วงจะแย่แล้ว"
     
    "เอ้า! งั้นก็อย่าพึ่งยิง"ข้าเตือนเบาๆ "ลูกธนูแบบวิถีทุกระยะพึ่งโหลดได้แค่50อันเอง"
     
    "เจ้ามันกากชะมัด! โหลดช้า"เจอคำสบถกลับมา ทำเอาแทบกระอัก อันที่จริง ลูกธนูของข้ามาจากสายลม ดังนั้นมันจะไม่มีวันหมด ง้างคันธนูปึ้ปก็ยิงได้เลย แต่จะมีลูกธนูแบบหนึ่งคือลูกธนูทุกระยะ เป็นลูกธนูที่ใช้ในการสู้ระยะประชิดก็ได้ หรือเป็นลูกธนูที่มีระยะวิถียิง ซึ่งระยะที่ว่า 

    จะมีตั้งแต่0-10เป็นระยะการยิงแบบพิเศษที่เซตรัมจะใช้พลังของข้าในการยิงด้วยก็ได้ ลูกธนูแบบนี้ต้องใช้เวลาการโหลดที่ค่อนข้างนานเพราะมันจะต้องโหลดเวลาเชื่อมจิตวิญญาณต่อสู้กันเท่านั้น แถมโหลดแล้วยังจะถ่วงน้ำหนักของข้าด้วย 

     ส่วนมากข้าจะโหลดไว้80เป็นอันสำรองก่อนสู้เพราะเวลาธรรมดามันจะทำใหัข้าเหนื่อยเสียเปล่า
     
    "เออๆ งั้นยอม"ข้าตอบ "ยิงเลยก็ได้ ถ้าเจ้าพร้อม " ขี้เกียจจะห้ามเพราะข้าก็ง่วงอยากกลับบ้านไปนอนอยู่ในกองน้ำมันเช็ดคันธนูระดับพรีเมี่ยมแล้วเหมือนกัน(ใจจริงก็เจ็บใจที่มันด่าเนี่ยแหละะะะ)
     
    "งั้น..."เซตรัมง้างคันธนูขึ้นช้าๆ ข้าสัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจของเขา...
     
    ตุบ... ตุบ... ตุบ... ข้าจับจังหวะหัวใจของเขาให้มันเข้ากับจังหวะชีพรของข้าช้าๆ... จนมันเต้นผสานได้พร้อมกัน...
     
    การเชื่อมต่อจิตวิญญาณเรียบร้อย...
     
    "วิธีการยิงแบบที่3 ศร 3 แพร่ง..."เซตรัมกล่าวช้าๆ มือเรียวค่อยๆปล่อยสายธนูจนถึงระยะ...
     
    "ยิง!!!" ข้าผสานเสียงตะโกนกับชายหนุ่มในใจเพื่อกะจังหวะพร้อมกับช่วงที่ลูกศรลม3ดอกพุ่งออกจาก คันธนูแล้วตรงเข้าเป้าที่หัวใจของไลแคนทั้งสาม อย่างเหมาะเจาะ!
     
    โอเค...ที่เข้าหัวใจทั้งสามน่ะ คือถ้าโชคดี
     
    แต่โชคร้าย... ที่ชีวิตจริงคือโดนแค่1ตัวส่วนอีก2กระโดดหลบทัน...
     
    อ๊ะๆ ข้าจะบอกเจ้าก็ได้ ที่ยิงไม่โดนน่ะ ข้าแอบเปลี่ยนระยะลูกศรเอง ฮ่าๆ แก้แค้นที่มันด่าข้าว่ากาก อย่าไปบอกเซตรัมมันนะ
     
    "เวร! เบล์เดล์ เจ้าจะแกล้งข้าทำไมเนี่ย!"เซตรัมสบถขึ้นคันธนูอีกรอบแล้วยิง ไลแคนทั้งสอง
     
    "อะร้าย~ข้าไม่ได้ทำอะไรเลยน้า~"ถึงจะพูดงั้นแต่ใจข้ากลับคิดว่า มันรู้ได้ไงเนี่ย...
     
    "งี่เง่า!"เซตรัมถอนหายใจก่อนจะง้างคันธนูแล้วก้าวเท้าทั้งสองแยกกันให้เท้าซ้ายเหลื่อมมออกมาเล็กน้อย ข้าปรับวิถีการยิงใหม่ให้เข้ากับท่ายืนของเขาเมื่อรู้ว่าคู่หูคิดจะยิงวิถีแบบใด
     
    "วิถีที่1 ศรนภา"
     
    "วิถีที่1 ศรนภา"
     
    "วิถีที่1ศรนภา"
     
    "วิถีที่1 ศรนภา"
     
    "วิถีที่1 ศรภา"
     
    ชุดคำสั่งที่รัวๆมาจากผู้ครอบครองทำให้ข้าแทบจะหัวหมุน คือตั้งใจจะแกล้งให้หัวเสีย แต่ไม่ได้จะให้หัวเสียแล้วมาระบายลงที่การยิงมั่วนะเว้ย!
     
    "ใจเย็นๆ ตั้งรับ มองให้ทันก่อนว่ามันอยู่ที่ไหนอย่ายิงมั่ว" ข้าจำต้องรีบตะโกนบอกขณะรัวลูกศรยิงไปด้วย ยิงมั่วๆไปแบบนี้มีหวังจะไม่รอดเอาแน่ๆ"ไม่งั้นเจ้าม่องเท่งเน่"
     
    "ไม่ได้มั่วเว้ย! อารมณ์เสีย!ยิงๆมันไปเถอะ !"เซตรัมตอบ "กันไม่ให้มันฝ่าลูกธนูเข้ามาใกล้ได้ก็พอ"มือเรียวยังคงยิงธนูต่อไม่ขาดสาย ฟิวส์ขาดจนฉุดไม่อยู่ แล้ว ข้าได้แต่ถอนหายใจและกราดยิงธนูไปตามพิกัดที่เซตรัมสั่ง 
     
    แหม...เก๊าขอโทษก็ได้.. หยุดสติแตกก่อนเถอะ ตะเอง...
     
    ความจริงมันเป็นการดีถ้าจะกราดยิงไปทั่วเป็นเหมือนกำแพงป้องกันกลายๆ แต่ยิงต่อไปแบบนี้ ภาระร่างกายของเซตรัมอาจจะรับไม่ไหว เพราะท่าศรนภาคือการปล่อยศร1ดอกออกไปเป็นคล้ายๆกำแพงลม ถ้ายิง8ทิศก็จะเป็นเหมือนเกราะลมของห่าลูกศรเวหาได้ชั่วครู่หนึ่ง ซึ่งแลกกับพลังงานในร่างของผู้ครอบครองไปจำนวนมาก จนอาจจะถึงขั้นเป็นลม พอถึงจังหวะนั้นไลแคนอาจจะเข้าประชิดได้
     
    ตกลงมันจะทำอะไรของมันเนี่ย ข้าถอนหายใจ ขณะยิงลูกธนูต่อไปเรื่อยๆ
     
    "..." เซตรัมพีมพำคำสั่งบางอย่างเบาๆพร้อมระบุพิกัดที่ทำให้ข้างงงวยแต่ก็ต้องยอมปล่อยลูกศรดอกนั้นออกไป
     
    ทว่า...พลันวินาทีต่อมาข้าก็เข้าใจถึงคำสั่งนั้น เมื่อความรู้สึกของข้าจับจังหวะบางอย่างได้...
     
    "พิกัดที่4,1 เซตรัม!!"ข้าตะโกนบอก ไลแคนตัวหนึ่งหลบห่าลูกธนูของข้าเข้ามาประชิดตัวชายหนุ่มได้ อย่างรวดเร็ว แต่เสียดายที่ความไวมันยังไม่เร็วเท่าเทรเซอร์ฮันเตอร์หนุ่มที่ยิงลูกธนูเข้ากลางหัวของมันได้เหมาะเจาะ 
     
    "วิถีที่4 ลูกศรมายา" เซตรัมยิ้มเยาะ "โทษที แกตายแล้ว"
     
    ใช่...นั่นคือวิถีที่ชายหนุ่มสั่งให้ข้าปล่อยธนูออกไปเมื่อครู่...
     
    วิถีนี้เป็นวิถีการยิงที่จะยิงลูกธนูไป2ดอกติดกัน ทว่าลูกธนูหนึ่งจะบังไว้ด้านหน้าและอีกดอกตามอยู่ด้านหลัง ดังนั้นถ้าปัดหลบลูกธนูดอกแรกซึ่งเป็นดอกหลอกไป ก็จะโดนดอกที่สองที่เป็นดอกจริงเข้าเป้าอยู่ดี ซึ่งวิถีการยิงนี้จะต้องใช้ลูกธนูแบบวิถีทุกระยะในการยิง
     
    "เหลือลูกธนูแบบวิถีทุกระยะอีก24ดอก"ข้ารายงานแล้วยิ้มเยาะให้ชายหนุ่มเบาๆ"ร้ายนี่หว่า"
     
    "นั่นชมใช่ไหม"เซตรัมหัวเราะเยาะกลับ พร้อมกลับมาสาดห่าลูกธนูเป็นกำแพงกันตัวเองต่ออีกรอบ
     
    "เปล่า ข้าชมที่ตัวเองเก่งต่างหาก กากเอ๊ย"หัวเราะกลับไปพลางยิงลูกธนูตามชุดคำสั่งต่อ สัมผัสของไลแคนตัวสุดท้าย ไม่อยู่ในพิกัดตาข่ายของข้าบนพื้นดิน...
     
    มันไปไหนกัน...
     
    เหมือนเซตรัมจะได้ยินความคิดข้าเพราะเขาพูดว่า"ไม่รู้"ยักไหล่กวนๆมาให้ ก่อนชายหนุ่มจะเปลี่ยนท่ายืน ก้าวเอาเท้าซ้ายมานำหน้าเท้าขวา ทำเอาข้าต้องกลืนน้ำลายเมื่อนึกถึงผลลัพท์ของกริยาท่านี้
     
    "วิถียิงแบบที่0 ศรพิฆาต"
     
    "เฮ้ยย เดี๋ยวๆ!"ข้ารีบร้องห้าม "คราวนี้ข้าไม่แบกเจ้ากลับบ้านแล้วนะโว้ย"
     
    "เออน่า"เซตรัมบอกปัดคำโวยวายข้าไปอย่างรำคาญ ง้างคันธนูเตรียมยิง"วิถียิงแบบที่0 ศรพิฆาต"ย้ำคำสั่งอีกครั้งจนข้าต้องเบ้หน้าประท้วง 
     
    "ไม่เอาโว้ย"เถียงกลับไป"เจ้ากำลังจะใช้พลังงานในร่างกายหมดนะ แล้วข้าก็ต้องมาแจ็คกับเจ้า! เพื่อพาเจ้ากลับบ้าน!" ไม่มีวัน! อาวุธสูงส่งอย่างข้าต้องมานั่งแบกมนุษย์กลับบ้าน ข้าไม่อ๊าววว
     
    "ทำไม?หรือเจ้ากลัว?"เซตรัมยักคิ้วยิ้มเยาะ ปล่อยวิถียิงที่1 ศรนภาแบบเก้ๆกังๆเพราะท่ายืนกันท่าไปพลางๆ
     
    "ไม่โว้ยยย ข้าคืออาวุธที่เลิศเลอเพอร์เฟ็คสมบูรณ์แบบ!ไม่มีวันกลัวหรอก!"คำพูดยุแหย่อารมณ์ของเซตรัมได้ผล เพราะข้าฉุนจัดจนยอมเงื้อคันธนู ปรับวิถีระยะยิงสำหรับศรพิฆาตให้เจ้าตัวทันทีทันใด 
     
    อ้าว...เวร... ข้าสบถ... ยิ่งอยากกัดลิ้นกับความเลือดร้อนของตนเมื่อเห็นท่าทีของผู้ครอบครองตัวสูง
     
    เซตรัมฉีกยิ้มเยาะเย้ยที่ข้าตกหลุมพลางของเขาแล้วหัวเราะเบาๆ ก่อนเล็งคันธนูขึ้นฟ้า
     
    "วิถีที่0 ศรพิฆาต..."
     
    ข้าเกลียดเจ้าขะมัดดด
     
    ธนูลมดอกเล็กเปรียวพุ่งขึ้นฟ้าดัวยความเร็วสูงก่อนหายไปจากสายตา พร้อมๆกับคำสบถของข้า เซตรัมทรุดตัวลงกับพื้น ทันทีที่ละมือจากสายธนู มือขวาของเขากำข้าไว้แน่นจนเม็ดเหงื่อผุด ข้ารู้ว่าการปล่อยธนูดอกนั้นไปกินพลังงานของเขาเกือบหมด เเรงจะขยับตัวของเซตรัมตอนนี้คงเดินได้ไม่เกิน15ก้าว
     
    "เจ้าพักไปก่อนไป สภาพอนาถมาก"ข้าหัวเราะเยาะเย้ยขึ้นจมูก "เดี๋ยวท่านเบล์เดล์ผู้เพอร์เฟ็คคนนี้จะจัดการ..."
     
    ข้ายังพูดอวดตัวเองไม่จบประโยค ก็รู้สึกถึงแรงกระแทกผลักเซตรัมและขัาเข้ากระแทกกับสิ่งหนึ่ง.... สาเหตุคือไลแคนตัวสุดท้ายที่ฉวยโอกาสตอนนั้นเข้าตะครุบเทรเซอร์ฮันเตอร์หนุ่มพร้อมข้าเข้ากระแทกกับต้นไม้นั่นเอง 
     
    "ถ้าคันธนูข้าหักเจ้าซ่อมไม่ได้นะโว้ยย"ข้าโวยวายประท้วง แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าไลแคนตัวนี้คงไม่ได้ยิน
     
    อุ้งมือใหญ่ของไลแคนออกแรงกำรอบตัวของเซตรัมจน ชายหนุ่มต้องเบ้หน้า ข้าสยองแทนเสียจริงว่าหมอนี่จะหลังหักซี่โครงแตกหรือเปล่า เอ๊ะ แต่หมอนี่ตายไวๆก็ดีนะ ข้าจะได้กลับไปใชัชีวิตสะดวกสบายไวๆ 
     
    แต่หมอนี่ไม่ตายง่ายๆหรอก คิดแล้วก็ถอนหายใจ...
     
    "มนุษย์...เจ้า! กล้าดียังไง... กล้าดียังไงสังหารพี่น้องข้า!!!!"ไลแคนแผดเสียงตะโกนลั่นป่า"ข้าจะฆ่าเจ้า... แล้วเอาเลือดเจ้ามาดื่มเพื่มเพิ่มพลังวิญญาณบูชายัญแก่พี่น้องข้า!!!"
     
    เฮ้ย!ท่านผู้สร้าง  ท่านไปเพิ่มออพชั่นเสริมให้พวกไลแคนพูดได้ตอนข้านอนหลับสบายอยู่ในโรงเก็บของเร้ออ!? ข้าจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ข้าอยู่บนโลก ซาตานเป็นปีศาจแค่เผ่าเดียวที่พูดได้นี่นา!
     
    พอสังเกตไลแคนตัวนี้ดีๆอีกรอบ ข้าก็พบว่าที่หูของมันมีสัญลักษณ์จันทรา แถมดวงตาสีชาดข้างนึงก็บอด มีรอยประทับเป็นรูปจันทร์เสี้ยว พอเห็นสองสิ่งนี้ข้าก็พอเข้าใจ
     
    หยา...ตัวนี้มันบอสรึเปล่าเนี่ย ได้รับพรพระจันทร์มาดัวย  ข้าถอนหายใจเล็กน้อย ยอมรับหน่อยๆว่าไลแคนตัวนี้คงจะมีอายุยืนมามาก แต่พูดอย่างนี้กับเซตรัมไปล่ะก็ เจ้าไม่ตายดีแน่ ลูกหมาเอ๊ย... ข้าไว้อาลัยในใจสามวินาที
     
    เซตรัมสะดุ้งตอนที่ได้ยินคำว่า"ฆ่า" ไลแคนจึงหัวเราะ ข้าเดาว่ามันคงนึกว่าเซตรัมกลัวแน่...แต่ข้ารู้ว่าไม่
     
    เพราะวินาทีต่อมาชายหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนก็กลับมานิ่งสงบแล้วยิ้มเย็นๆ
     
    "โทษทีนะ? "เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ใบหน้าหล่อฉาบทาด้วยแสงจันทร์รับกับยิ้มเย็นจนดูราวพญามัจจุราช "เจ้าบอกว่า เจ้าจะฆ่าข้าหรอ"
     
    "หา? มนุษย์ตัวน้อยๆอย่างเจ้ากระทืบทีก็ตายแล้ว!"ไลแคนหัวเราะ ยังคบไม่คลายแรงบีบที่ตัวของคู่หูข้า"อ๊ะๆ หรือเจัาจะอ้อนวอนให้ข้าไวัชีวิตก็ได้นะ "ตบท้ายด้วยคำหัวเราะ เซตรัมยิ้มเย็นๆก่อนพูดต่อ
     
    "ทำไมเจ้าคิดว่าข้าต้องร้องขอชีวิตล่ะ"ประโยคบอกเล่าที่ราวกับคำถาม สำหรับข้า คำพูดนั้นอย่างกับเพชรฆาตตอนจะฆ่านักโทษ...
     
    อะไรนะ!เจ้าคิดว่าข้ากลัวเหรอ
     
    แหม...ข้าไม่ได้กลัวซะหน่อย...แค่หวั่นๆเท่าน้านน
     
    "ธนูที่เจ้ายิงออกไปเมื่อครู่ก็ไม่โดนตัวข้า อาวุธเจ้าตอนนี้จะยิงข้าก็ไม่ได้ เจ้ามีลูกไม้อะไรอีกหรือไง มนุษย์เอ๋ย " ไลแคนอธิบาย"ชักจะไม่ชอบเจ้าแลัวสิ ฆ่าให้ตายไปเลยดีกว่า..."มันออกแรงบีบเข้าที่ตัวเซตรัมแรงขึ้น จนชายหนุ่มอุทานปล่อยข้าตกลงพื้น
     
    "เฮ้ย!"ข้าร้องประท้วงใส่คู่หู"วันหลังวางดีๆหน่อยสิ!" รู้ว่าอีกฝ่ายจงใจปล่อยข้าตกพื้นเพื่อให้ตัวเองขยับตัวได้ง่าย แต่ดันจงใจปบ่อยแแบเขวี้ยงเลยก็ไม่เอานะเฟร้ย!
     
    แทนที่จะได้คำขอโทษข้ากลับได้คำสั่งหนึ่งเป็นเทเลพาธีในหัว
     
    พออีกฝ่ายพูดจบข้าถึงกับขมวดคิ้วเลยทีเดียว แต่ก็ถอนหายใจ ก่อนจัดการให้ตามคำขอ
     
    "เอาล่ะ...บอกลาโลกเลย เจ้ามนุษย์เอ๋ย" มนุษย์หมาป่าเลือดผสมหัวเราะดังกึกก้อง ยกร่างเซตรัมขึ้นจนลอยเหนือพื้น อ้าปากโชว์ฟันคมนับ30ซี่เรียงสวยในปาก เตรียมพร้อมเขมือบชายหนุ่มเข้าไป เซตรัม'ยิ้มเยาะ'
     
    "เจ้าต่างหาก..."ชายหนุ่มพูดช้าๆ ไม่หวาดกลัวความตายตรงหน้า
     
    ฟิ้ววว
     
    "ที่ต้องบอกลาโลก"
     
    ฉึก!!!!! 
     
    แม่นราวจับวาง ลูกธนูที่เซตรัมยิงไปบนท้องฟ้าเมื่อครู่ลอยกลับมา เข้าเป้าเหมาะเจาะตรงเส้นเลือดใหญ่ใกล้หัวใจไลแคน มันร้องโหยหวนอย่างทรมาน ปล่อยร่างสูงของชายหนุ่มกระแทกพื้น เซตรัมไอค่อกแค่กเล็กน้อย ก่อนจะยืนขึ้นข้าๆ เงาของขายหนุ่มทาบทับลงบนตัวของเหยื่อที่น่าสงสารที่อยู่ห่างไป10เมตร เซตรัมส่ายหัวก่อนเดินย่างเท้าทีละก้าว ไปหาไลแคน...
     
    ความจริง...ศรพิฆาตเป็นวิถีการยิงแบบนัดเดียวจนกว่าจะโดนศัตรู ทว่าวิถีศรนี้ใช้ในการยิงแล้วตายเลยก็ได้แต่เพราะมันเป็นพลังที่ค่อนข้างจะขี้โกงเกิน ท่านผู้สร้างจึงดัดแปลงพลังของขัาให้เป็นการเลือกยิงเข้าที่ส่วนใดก็ได้แทนแล้วจะตามติดไม่ยอมปล่อยดังนั้นมันจึงเป็นการเล็งวิถีที่เรียกได้ว่า ได้เปรียบมากๆหากจัดการศัตรูที่ไม่รู้ตำแหน่งหรือกำลังหนี 
     
    เจ้าถามข้าว่าทำไมไม่ใช้ตั้งแต่แรกงั้นหรอ?
     
    โวะ! อ่านดีๆสิ ใช้ทีพลังงานลดฮวบ เดี๋ยวเซตรัมมันก็ตายก่อนสิ!
     
    ....
     
    ข้าไม่ได้เป็นห่วงมันนะ!
     
    ตอนแรกเซตรัมสั่งให้ข้าเล็งเข้าที่ขาของศัตรู เพราะตั้งใจจะหยุดการเคลื่อนไหว แต่เมื่อครู่ชายหนุ่มให้ข้า เล็งจุดที่จะทำให้อีกฝ่ายมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียง10นาที...
    "ข้าต้องมีชีวิตอยู่..."ชายหนุ่มพูดช้าๆ เท้าในรองเท้าผ้าใบเขี่ยร่างของไลแคนที่แทบจะหมดแรงเบาๆด้วยท่าทีขยะแขยง"ข้าจะไม่มีวันมาตายเพราะปีศาจโหดร้าย ต้องทิ้งลูกแล้วอ้อนวอนขอแต่ชีวิตตัวเองแบบแม่ของข้าหรอก!" เท้าเรียวกระทืบเข้าตรงกลางอกไลแคน จนมันร้องทรมานออกมาอย่างน่าสงสาร...
     
    ข้ามองชายหนุ่มด้วยสายตาเจ็บปวด น้องขายของข้าคนนี้แม้จะชอบกวนคนอื่น แต่อดีตที่ฝังลึกของเขามันก็หยั่งรากแน่นเป็นพลังที่ต้องการมีชีวิตต่อไม่ว่าอย่างไรก็ตามไปแล้ว...
     
    เซตรัมหลับตาลงช้าๆ หยิบข้าขึ้นมา"ข้าต้องมีชีวิตอยู่...ชีวิตตลอด17ปีมานี้น่ะ มันไม่จบลงง่ายๆหรอก...และข้า..."
     
    "ดะ เดี๋ยว ข้ายัง..."ไลแคนยังกระกระสนจะพูดขอชีวิต 
     
    ทว่า...
     
    "จะไม่มีวันร้องขอชีวิตเป็นคนน่าสงสารหรอก"
     
    ธนูวิถีธรรมดาแสกเข้ากลางหน้าของมนุษย์หมาป่าเลือดผสมพอดี โดยอีกฝ่ายไม่สามารถอ้าปากตอบโต้ใดๆออกมาหรือแม้แต่จะโจมตีกลับก็ไม่ได้
     
    น่าสงสาร...คำเดียวที่ข้ายื่นให้ได้ แต่คู่หูของข้าก็น่าสงสารไม่แพ้กัน... เขาทรุดตัวลงนั่งกับพื้นช้าๆ กอดเข่าเล็กน้อย เป็นเวลาพอดีกับที่ฝนเริ่มตกชะเอาคราบเลือดทั้งหมดออกไป
     
    "ฮะๆ..."เซตรัมหัวเราะเบาๆ กอดข้าไว้แน่น เงยหน้าหบ่อมองท้องฟ้าสีเทาหม่นที่เม็ดฝนกำลังพร่างพลายลงมาตอนพูด"ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆวันนี้ถึงได้คิดถึงเรื่องเมื่อก่อนนะ"
     
    ข้านิ่งฟัง อยากจะปลอบเซตรัมด้วยแต่ทำไม่ได้
     
    "ปกติ...ถึงจะฟีลขาดเรื่องแบบนี้บ่อยๆแต่ก็ไม่ถึงขั้นนี้เลยนะเนี่ย สงสัย...เพราะมันขอให้ข้าต้องขอชีวิตแบบแม่มั้ง..."หัวเราะเหมือนเป็นเรื่องตลก ข้าไม่ชอบเซตรัมเวลาแบบนี้จริงๆ ข้าถอนหายใจกับตัวเองอีกรอบ เศร้าแทนคนข้างๆ
     
    "ข้ายังอยู่ตรงนี้กับเจ้านะ แถมเคยสาบานไปแล้วด้วยว่าจะไม่มีวันให้เจ้าตาย"นั่นคือประโยคเดียวที่ข้าคิดว่าจะพูดได้ เซตรัมมองหน้าข้าที่กำลังจริงจังแล้วหัวเราะ
     
    คนเขาจริงจังนะโว้ยยย
     
    "แค่เมื่อกี้ยิงลูกศรพิฆาตเเจ้ายังบังคับให้มันมายิงไลแคนนั่นเร็วกว่านั้นไม่ได้เลย ควรจะเชื่อดีไหมเนี่ยว่าจะปกป้องข้าได้ กาก"เซตรัมหลุดหัวเราะออกมาพรวดใหญ่ 
     
    ข้าสิอยากจะเอาคันธนูเคาะหัวมันให้ตายจริงๆยอมรับจริงๆว่าที่ลูกศรปล่อยออกไปแบบไร้จุดหมายบนท้องฟ้าต้องใช้เวลา ชั่วครู่หนึ่งหาพิกัดเป้าหมายก่อนจะหมุนกลับมาโจมตี การจะเร่งให้เร็วกว่านั้นจำต้องใช้พลังของผู้ครอบครองมาก นี่ข้าอุตส่าห์เป็นห่วงกลัวมันกลับบ้านไม่ไหว เลยลดความเร็วเพื่อไม่ให้เป็นภาระนะเนี่ย!
     
    เป็นห่วงเสียแรง!!
     
    "นั่นเพราะเจ้ามันเห่ยต่างหาก พลังชีวิตอ่อนด้อยเกิ๊น กาก"
     
    ดูเหมือนว่าคำด่าที่ถนัดของพวกเราจะเป็นการด่าอีกฝ่ายว่า กาก ไปเสียแล้วแต่อย่างไรก็ตามเราทั้งคู่ก็หัวเราะให้กัน ก่อนเซตรัมจะลุกขึ้นข้าๆ ชุดเสื้อยืดกางเกงลินินขนาดใหญ่เกินตัวออกอีกฝ่ายเปียกจนลู่น้ำไปหมด 
     
    "รีบกลับเถอะ เดี๋ยวเจ้าจะไม่สบายเอา"ข้าเตือนเบาๆ เหมือนฝนจะเห็นด้วยเพราะมันตกหนักรุนแรงขึ้น คล้ายจะเตือนกลายๆว่ารีบกลับบ้านไป๊ แต่เซตรัมส่ายหัวแล้วฉีกยิ้มกว้าง" ไปเดินตากฝนกันดีกว่า ข้าอยากไปดูแถวๆหมู่บ้านลอสต์ทิสต์ซะหน่อย"
     
    "หมู่บ้านข้างๆน่ะหรอ ทำไมล่ะ"ข้าถาม สายลมบ้าคลั่งแถวนี้กระซิบบอกข้าว่า อีกนานกว่าฝนจะหยุดตกทำให้ข้าอดไม่สยายใจไม่ได้ "ข้ามีความรู้สึกราวกับว่าอะไรบางอย่างที่เลวร้ายมากจะอยู่ระหว่างทางไปที่นั่นชะมัด"
     
    "ข้าแค่อยากไปเท่านั้นแหละน่า "ชายหนุ่มหัวเราะ"เดินตากฝนให้หัวเย็นๆไง อีกอย่าง"
     
    "หืม? "ข้าถาม
     
    "เหมือนฝนมันกำลังเรียกข้าอยู่เลย" เซตรัมตอบแล้วเดินนำลิ่วไป ข้าได้แต่ส่ายหัวให้กับเด็กดื้อเอาแต่ใจ
     
    "ทำไมข้ารู้สึกเหมือนได้กลิ่นยัยนั่นเลยน้า..."ข้าพูดเบาๆกับตัวเอง ขณะนอนอยู่บนบ่าของคู่หู
     
    สังหรณ์ใจไม่ดีจริงๆ...




     
    หมู่บ้านที่เซตรัมอยู่คือหมู่บ้าน"มัทเทอร์เบรค"ซึ่งอยู่ติดกับหมู่บ้าน ลอสท์ทิสต์ ส่วนมาก ภารกิจบ่าสมบัติของเซตรัมก็ไปๆมาๆอยู่สองหมู่บ้านนี้เป็นส่วนใหญ่ เพราะทั้วสองหมู่บ้านมีอาณาเขตป่าที่อยู่ร่วมกัน แถมป่าทั้งสองยังเป็นแหล่งดันเจี้ยนดีๆนี่เอง 

    แต่ทว่าการเดินทางไปมานั้นไม่ง่าย เวลาเซตรัมเดินทางก็เดินทีเป็นชั่วโมงๆ ต้องคอยลัดเลาะ หลีกเลี่ยงพวกปีศาจเท่าที่จะทำได้จนกว่าจะถึงที่หมาย

     อันที่จริงเมื่อก่อนเคยมีทางลัดอยู่ แต่ก็มีพวกปีศาจไปซ่องสุมทำรังกันมากเกินไปทำให้ไม่ค่อยมีใครใช้ทางลัดนั้นอีก ดังนั้น นี่จึงเป็นอีกคราที่เซตรัมใข้ทางเดินประจำเดินทางไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง
     
    "ดินแถวนี้ยวบไปหมด "เซตรัมบ่นพึมพำ ย่ำเท้าไปบนโคลนเหนอะๆ"เพราะฝนแน่ๆเลย" พูดเสร็จก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าที่ฝนยังคงตกลงมาไม่ขาดสาย
     
    "ใครใช้ให้เจ้าอยากไปอีกหมู่บ้านกันเล่า!"ข้าโวยวาย"ข้าอยากจะกลับไปนอนแช่ในน้ำมันขัดธนูพรีเมี่ยมแล้วเเท้ๆ!!"
     
    "โหย...ข้าก็หิวจะแย่"อีกฝ่ายส่งเสียงประท้วงเหมือนกัน"ข้าบินไปได้ไหม"
     
    "ไม่ได้!!!"
     
    อันที่จริงข้าไม่ได้จะขึ้นเสียงใส่จนอีกคนหูแทบดับ แต่พลังชีวิตตอนนนี้ของเซตรัม มีไม่ถึงครึ่ง การจะควบคุมสายลมให้บินได้นั้นต้องใช้พลังชีวิตชนิดที่ต้องหลับให้ครบ10วันเต็มๆถึงจะบินได้ เซตรัมเคยฝึกใช้พลังท่านี้แล้ว แต่ตัวเขาเองยังลอยได้ไม่เกิน10เซนติเมตร แถมทรงตัวได้แค่30วินาทีก็ล้มไปนินกองกับพื้นหลับยาวไป2วันแน่ะ ขืนใช้อีกรอบ ถึงที่หมาย เซตรัมคงหลับยาวไปอีก15วันแน่ 
     
    "โอเคๆ ข้าพูดเฉยๆเอง"เซตรัมบอก เอามือปิดหู"ไม่เห็นต้องขึ้นเสียงเลย"
     
    "เจ้ามันเด็กดื้อขะมัด!ความผิดเจ้าทั้งนั้นที่ข้าผู้แสนจะเพอร์เฟ็คต้องมาเดินย่ำ..."
     
    พูดดุยังไม่ทันจบประโยค เท้าขวาของเซตรัมก็หล่นพรวดตกลงมาในหลุมอะไรก็ไม่รู้ 
     
    พรวดดด
     
    "เฮ้ยยย"ผสานเสียงร้องกันทั้งอาวุธที่เลิศเรอเกรียงไกรอย่างขัาและเจ้าของทันทีทันใด พวกเราตกลงมาในหลุ่มหยั่งกับอุโมงค์ไถลตัวลงมายาวจนเกือบถึงพื้น และที่แย่ที่สุด! หัวคันธนูฝั่งศรีษะของมังกรแห่งเวหาของข้าหันเข้าหาพื้นพอดี
     
    "ว้ากก"ข้าส่งเสียงร้อง ข้ายังไม่อยากจบชีวิตด้วยการเอาหน้าทิ่มโคลนที่พื้นปลายทางนะโว้ยย ข้อหลับตาปี๋เตรียมใจบอกลาหน้าอันหล่อเหลาของตัวเอง แต่แล้วเซตรัมก็จับข้าเปลี่ยนด้าน และรับมาไว้ในมือได้อย่างรวดเร็ว
     
    "ฟิ้วว..."ข้าผ่อนลมหายใจ"รอด"
     
    "ไหนว่ายิ่งใหญ่เกรียงไกรไง เจอแค่นี้ทำไมต้องโหยหวนซะอย่างกับเจอผี" เซตรัมแขวะใส่ ข้าหันไปเบ้หน้าแทนคำตอบ
     
    "นี่จงใจแกล้งข้าใช่ไหมเนี่ย!"โวยวายใส่ ข้าเห็นท่าทีงี้ของเซตรัมแล้วตะหงิดชะมัด
     
    "เอ๊ะ~ยังไงกันน้า~" ตั้งใจนี่หว่า!! คำตอบทำเอาข้าอยากจะเจี๋ยนคอมันให้ตายจริงๆ 
     
    เริ่มการโต้วาทีจนจบไปอีกรอบพวกข้าถึงได้สังเกตว่าตอนนี้อยู่ในสถานการ์ณหน้าสิ่วหน้าขวานแค่ไหน
     
    เซตรัมยืนขึ้นช้าๆสะพายข้าเฉียงไหล่ตามเดิม ข้ากวาดตามองไปรอบๆ พบว่าพวกเราตกลงมาอยู่ในสถานที่ที่เหมือนอุโมงค์อะไรสักอย่าง ไม่สิ น่าจะเรียกว่าถ้ำใต้ดินมากกว่า... มันมีหินงอกหินย้อยมากมาย ซากสัตว์ต่างๆเยอะแยะไปหมดและที่สำคัญคือ เกือบมืด ถึงจะมืดและชื้นก็ยังมีเม็ดฝนที่ซึมลงมาตามพื้นดินกับ เสียงฝนตกหนักจากบนดินอยู่
     
    "มืดชะมัด ถ้ำหรอเนี่ย..." ข้าพึมพำ ถึงจะมีแสงส่องลงมารางๆข้าก็ว่ามืดอยู่ดี
     
    ข้าไม่ได้กลัวความมืดนะ!
     
    "ไม่รู้สิ ข้ากลัวว่าจะเป็นอุโมงค์ของพวกตลาดมืด ช่วงนี้ยิ่งได้ยินว่ามีนักค้าอวัยวะหญิงคนหนึ่ง มาแถวๆนี้แถมฝีมือดีเสียด้วย"เซตรัมตอบส่ายหัวไปมาไล่อาการมึนงง"ถ้านายกลัวความมืดหลับตาไปก่อนก็ได้"หัวเราะเยาะเล็กน้อยตามประสาคนรู้ทันก่อนจะเหวี่ยงข้าสะพายบ่าอีกรอบ
     
    แหม่...ข้าละเกลียดมันจริงๆ
     
    "รีบๆเดินหาทางออกไปเถอะไป๊"เถียงไม่ได้ข้าเลยจำต้องยอมแล้วบ่ายเบี่ยงประเด็นไปกับการหาทางออก อีกฝ่ายหัวเราะอีกครั้งก่อนจะเดินตรงไปยังทางข้าหน้าต่อไป
     
    นายท่าน...ทว่าข้าต้องสะกิดให้อีกฝ่ายหยุดเสียก่อน เมื่อมีเสียงเรียกแว่วผ่านมา ต้นเสียวคือสายบมที่พัดอ่อนๆเข้ามาหาพวกเรานี่เอง "ลมมันจะคุยกับนายน่ะ เซตรัม"ข้าพยักเพยิดบอกคู่หู เพราะเหมือนเขาจะลืมสังเกตลมรอบตัว เซตรัมเลิกคิ้ว ก่อนจะหลับตาแล้วเพ่งจิต
     
    ชายหนุ่มเงี่ยหูเล็กน้อย คุยกับสายลมสองสามคำ "ข้างหน้ามีเหตุการ์ณอะไรอยู่เนี่ยแหละ สายลมบอกให้ข้ารีบไป"
     
    เซตรัมพูดพร้อมกับสายลมที่พัดอ่อนๆ ย้ำกับข้าว่าข้าว่าข้างหน้ามีเรื่องสำคัญมากๆ ข้าพยักหน้ารับคำพูดของทั้งคู่ ขณะที่ที่เซตรัมเริ่มออกเดินไปข้างหน้า 
     
    ทางข้างหน้ามีกลิ่นที่คุ้นเคยหนึ่งอยู่...กลิ่นของ"ปีศาจตะขาบยักษ์"  กลิ่นนั้นแตะจมูกข้าจนฉุน แต่ที่สำคัญ มันมีกลิ่น'พิษ'
    นั่นทำให้ข้าต้องเรียกคนข้างตัว
     
    "เฮ้ย"ข้าเรียก"กระเป๋าเจ้าติดยาแก้พิษมาไหม" 
     
    "หะ?"เซตรัมเหลือบมองข้าอย่างุนงง"ติดมา แต่เป็นแบบแก้แค่ตื้นๆนะ ถ้าพิษแรงมากคงไม่ไหว ทำไม?เกิดอะไรขึ้นหรอ"
     
    "เปล่า..."ข้าตอบ นัยน์ตาเริ่มหรี่ลง จับพิกัดตาข่ายโดยรอบ มีแต่ซากศพเต็มไปหมด 
     
    ขยะแขยง... สะอิดสะเอียน ข้าผ่อนลมหายใจ แถมรู้สึกอย่างกับว่า พวกนี้มันแปลกๆเหมือน ถูกดัดแปลง มาอย่างไรอย่างนั้น"เผื่อไว้ก็ดี ที่นี่มันแปลกๆ "
     
    "นั่นสิ...ใครเป็นคนฆ่าพวกปีศาจตะขาบพวกนี้กัน ลักษณะบาดแผลก็เหมือนปืน"
     
    ปืน... สายน้ำ... ไม่ม้างงง ข้าส่ายหัวอีกรอบ  เริ่มรู้สึกแปลกๆขึ้นมาจริงๆ บรรยากาศกดดันของพวกปีศาจที่แม้จะตายแล้วก็ยังคุกรุ่นอยู่ทำให้ข้าถอนหายใจ 

    ใช่จริงๆ.... เจ้าพวกนี้ถูกอัดพลังปีศาจเพิ่ม!!!!!!

    "อา...เดินไปข้างหน้าก่อนเถอะ"
     
    ยิ่งเดินไปซากศพยิ่งกองสุมมากขึ้น คนที่จัดการพวกนี้ได้คงจะเก่งน่าดู พอเดินไปลึกๆ อุโมงค์ถ้ำใต้ดินก็เหมือนจะเเคบขึ้น พวกเราจึงต้องเดินให้ระวัง ทั้งหลบกองซากศพไม่ให้โดนพิษ ต้องระวังไม่ให้เดินตกหล่ม กว่าจะถึงปลายทางลำบากกันน่าดู
     
    ข้าเอาแต่มองรอบๆจนลืมดูทาง รู้สึกตัวเมื่อตอนที่เซตรัมหยุดเดินจนหน้าข้ากระแทกหลังเขา
     
    "เป็นอะไร" ข้าถาม ชะโงกหน้าออกมาดูจากด้านหลังถึงสาเหตุที่คู่หูหยุดเดินกะทันหัน
     
    "เด็กผู้หญิง..."
     
    สิ่งที่ตรึงความสนใจของเซตรัมคือ ร่างของเด็กหญิงบอบบางเจ้าของเรือนผมสีฟ้าน้ำทะเลอายุน่าจะประมาณ16ปีคนหนึ่ง ใบหน้าหวานของนางจางแทบจะไม่มีสีเลือด ร่างบางนอนราบกับพื้น พวกข้ารีบวิ่งไปดู นางนอนแน่นิ่งหอบหายใจรวยรินตัวสั่น เซตรัมจับชีพจรนางเบาๆ หันมาส่ายหน้าให้ข้า "น่าจะอาการหนัก ไม่รู้ทำ..." เขาต้องชะงักเมื่อเห็นว่าเมือกเขียวๆกองหนึ่งติดอยู่ใกล้ๆขาที่มีแผลของนาง
     
    "พิษ!"เซตรัมสบถ เปิดกระเป๋าช่องเล็กๆที่อยู่ตามชุดเสื้อผ้าแล้วคว้าเอาตลับขวดยาแก้พิษเบื้องต้นออกมาอย่างรวดเร็ว เขาปาดยาน้ำสีเขียวๆนั้นใกล้ๆจมูกนาง เพื่อให้เปิดทางเดินหายใจ ยาจะได้เข้าไปทั่วถึงทั้งร่างกาย 
     
    ชายหนุ่มเปิดกระเป๋าอีกช่อง เอากระติกน้ำแบบเล็กขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของฝ่ามือออกมา แล้วเอายาน้ำผสมเข้าไปอีกรอบก่อนจับมันกรอกปากของเด็กหญิง
     
    "เพื่อความเเน่ใจ"เซตรัมมาบอกข้าที่มองอยู่" ข้าไม่รู้ว่านางโดนพิษมานานเท่าไร ยาอาจจะทำลายพิษได้แรงขึ้น แต่ก็ต้านให้นางได้แค่ไม่กี่ชม. หรอก เราอาจจะต้องการยาที่แรงกว่านี้ ไม่ก็ถ้านางมีภูมิคุ้มกันในร่างกายที่ดี นางก็อาจจะหาย"
     
    ข้าพยักหน้ารับเบาๆ มองเด็กหญิงตรงหน้า 
     
     นางคือคนที่ทำให้ข้ารู้สึกถึงพลังแปลกๆนี่งั้นหรอ... เด็กผู้หญิงคนเดียวจะจัดการกับตะขาบยักษ์แบบนี้ได้...หรือนางจะเป็นศัตรูกับพวกเรา...?
     
    ข้าส่ายหัวไล่ความคิดทั้งหมดออกจากหัว สิ่งแรกที่ต้องคำนึงคือ การช่วยมนุษย์คนนี้ก่อน
     
    "เบลเดล์ ขอพิกัดหน่อย "เซตรัมพูด เขาประคองเด็กหญิงไว้ในอ้อมแขนเบาๆก่อนจะแบกขึ้น ข้าขยายประสาทการรับรู้ของตัวเอง ทว่าพิกัดทางออกกลับไม่มีเลย กลิ่นไอปีศาจกลบพักัดต่างๆหมด...
     
    ข้าเพ่งจิตเพิ่มขึ้น สายลม... ข้าเรียกเบาๆ ลมวูบหนึ่งพัดมาปะทะหน้าข้า ตอบรับเสียงเพรียก ทางออก ไปทางไหน ข้าถามเบาๆเมื่อสายลมเริ่มคงรูป
     
    ตรงไปอีก650เมตรนายท่าน สายลมอีกวูบหนึ่งพัดมากระทบข้าพร้อมคำตอบ ตรงออกไปหมู่บ้าน ลอสต์ทิสน์เลยขอรับ ดีหน่อยที่สายลมที่นี่คุยด้วยง่าย ข้พยักหน้ารับคำตอบของมัน

    ก่อนจะเร่งประสาทสัมผัสแล้วระบุพิกัดทางออกลงไป เส้นทางการออกที่น่าจะปลอดภัยถูกส่งกลับมาในหัวข้าจากเหล่าสายลม ข้าหันไปตอบคู่หูด้วยเสียงหนักแน่น 
     
    "ไปตามทางที่ข้าบอก พิกัดที่43,105 ออกตรงถึงชานเมืองของหมู่บ้านเลย"
     
     
     
     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×