ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : MEGUMIGAHARA BOX : 001 rule for use my box ️ -LOBBY-
MEGUMIGAHARA BOX 001 : IT's MINE
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
...ของของฉันคือของของฉัน ที่นี่คือ กล่องของฉันคือของของฉัน...
...คิก คิก คิก...
...จะเปิดก็ได้ ฉันไม่ห้ามหรอก...
...แต่ระวังนะ...
พวกเธอน่ะรู้จักเรื่องราวของ แพนดอร่าใช่ไหมล่ะ
...อ้าว...? ไม่รู้จักเหรอจ้ะ...?...
...คิก คิก คิก...
...งั้นฉันจะเล่าให้ฟังก็ได้นะ..
....เห็นแก่ว่า เธอคือผู้มาเยือนยังสถานของฉันแล้วกันนะจ้ะ....
ถ้าฟังจบแล้วก็ลองคิดดูนะจ้ะ
ว่าถ้ากล่องของฉันคือกล่องแพนโดร่าที่เคยเปิดไปแล้วครั้งหนึ่ง
มันจะเหลืออะไร
และ
ถ้าพวกเธอเปิดออกมาจะเป็นอย่างไร
...คิก คิก คิก...
...จะเปิดก็ได้ ฉันไม่ห้ามหรอก...
...แต่ระวังนะ...
พวกเธอน่ะรู้จักเรื่องราวของ แพนดอร่าใช่ไหมล่ะ
...อ้าว...? ไม่รู้จักเหรอจ้ะ...?...
...คิก คิก คิก...
...งั้นฉันจะเล่าให้ฟังก็ได้นะ..
....เห็นแก่ว่า เธอคือผู้มาเยือนยังสถานของฉันแล้วกันนะจ้ะ....
ถ้าฟังจบแล้วก็ลองคิดดูนะจ้ะ
ว่าถ้ากล่องของฉันคือกล่องแพนโดร่าที่เคยเปิดไปแล้วครั้งหนึ่ง
มันจะเหลืออะไร
และ
ถ้าพวกเธอเปิดออกมาจะเป็นอย่างไร
ชาวกรีกมีความเชื่อแต่โบราณว่า มนุษย์นั้นถูกสร้างขึ้นมาจากฝีมือของเทพเจ้าที่มีชื่อว่า “โพรเมทิอัส” โดยมนุษย์ยุคแรกที่เทพเจ้าสร้างขึ้นมาทีแต่เพียวเพศชายเพศเดียวซึ่งถือเป็นผลงานที่ทวยเทพต่างพอใจ
เทพซีอุสได้ให้เทพโพรเมทิอัสช่วยสั่งสอนให้มนุษย์รู้จักเคารพในเทพเจ้า
และทำให้พวกเขารู้จักการทำเครื่องสักการะบูชา
เทพโพรเมทิอัสคิดว่า ถ้ามนุษย์ใช้เนื้อสัตว์เพื่อทำการบูชาสังเวยต่อเทพเจ้าจนหมด ก็คงจะไม่มีอะไรเหลือให้มนุษย์เก็บไว้รับประทาน ด้วยเหตุนี้ เทพโพรเมทิอัสจึงสอนอุบายให้แก่มนุษย์
โดยการแบ่งเนื้อวัวเป็นสองกอง
โดยกองหนึ่งเป็นเพียงโครงกระดูกที่ปิดหน้าด้วยไขมัน
ในขณะที่ อีกกองหนึ่งเป็นเนื้อล้วนๆแต่ใช้เครื่องในอำพรางไว้
เมื่อเทพซีอุสเห็นเข้า ก็หลงอุบายและเลือกกองที่มีแต่โครงกระดูก เพราะคิดเอาเองว่าภายในจะซ่อนเนื้อวัวไว้ แต่เมื่อไม่พบ ก็ทรงพิโรธเทพโพรเมทิอัสเป็นอย่างมาก รวมกับคดีครั้งก่อนที่เทพโพรเมทิอัสได้ขโมยไฟสวรรค์ไป พระองค์จึงลงโทษเทพโพรเมทิอัส โดยการจับตรึงเอาไว้กับเทือกเขาคอเคซัค และปล่อยให้เหยี่ยวบินมาแทะกินตับของเทพโพรเมทิอัสในทุกวัน แต่พระองค์ก็จะไม่ตายในทันที และต้องทนทุกข์ทรมานต่อไปเรื่อยๆ
เทพซีอุสได้ให้เทพโพรเมทิอัสช่วยสั่งสอนให้มนุษย์รู้จักเคารพในเทพเจ้า
และทำให้พวกเขารู้จักการทำเครื่องสักการะบูชา
เทพโพรเมทิอัสคิดว่า ถ้ามนุษย์ใช้เนื้อสัตว์เพื่อทำการบูชาสังเวยต่อเทพเจ้าจนหมด ก็คงจะไม่มีอะไรเหลือให้มนุษย์เก็บไว้รับประทาน ด้วยเหตุนี้ เทพโพรเมทิอัสจึงสอนอุบายให้แก่มนุษย์
โดยการแบ่งเนื้อวัวเป็นสองกอง
โดยกองหนึ่งเป็นเพียงโครงกระดูกที่ปิดหน้าด้วยไขมัน
ในขณะที่ อีกกองหนึ่งเป็นเนื้อล้วนๆแต่ใช้เครื่องในอำพรางไว้
เมื่อเทพซีอุสเห็นเข้า ก็หลงอุบายและเลือกกองที่มีแต่โครงกระดูก เพราะคิดเอาเองว่าภายในจะซ่อนเนื้อวัวไว้ แต่เมื่อไม่พบ ก็ทรงพิโรธเทพโพรเมทิอัสเป็นอย่างมาก รวมกับคดีครั้งก่อนที่เทพโพรเมทิอัสได้ขโมยไฟสวรรค์ไป พระองค์จึงลงโทษเทพโพรเมทิอัส โดยการจับตรึงเอาไว้กับเทือกเขาคอเคซัค และปล่อยให้เหยี่ยวบินมาแทะกินตับของเทพโพรเมทิอัสในทุกวัน แต่พระองค์ก็จะไม่ตายในทันที และต้องทนทุกข์ทรมานต่อไปเรื่อยๆ
หลังจากที่เทพซีอุสได้ลงทัณฑ์เทพโพรเมทิอัสเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่ลืมที่จะเล่นงานมนุษย์ด้วยข้อหาที่เห็นดีเห็นงามด้วย พระองค์ได้รวมตัวกับเหล่าเทพเจ้า เพื่อสร้างมนุษย์เพศหญิงขึ้นมา และให้ชื่อว่า “แพนโดร่า” ซึ่งการสร้างมนุษย์ผู้นี้ได้รับความร่วมมือจากเหล่าเทพเจ้า ดังต่อไปนี้
เทพฮีฟีสทัส เป็นผู้ปั้นรูปมนุษย์ที่เลียนแบบเทพเจ้าเพศหญิง
เทพีอธีน่า ประทานพรให้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด
เทพีอะโฟรไดทิ ประทานพรให้มีความงามและเสน่ห์
เทพเฮอร์เมส ประทานชีวิตจิตใจ
เทพซีอุส ประทานความอยากรู้อยากเห็น
หลังจากที่ทวยเทพต่างประทานสิ่งต่างๆเพื่อสร้างเป็นมนุษย์เพศหญิงคนแรกขึ้นมาอย่างเสร็จสมบูรณ์แล้ว เทพซีอุสก็ทรงพอพระทัยเป็นอย่างมาก และทรงมอบกล่องใบหนึ่งให้แก่แพนโดร่าพร้อมกำชับว่าไม่ให้เปิดกล่องใบนี้ออกดูเป็นอันขาด
จากนั้น เทพเฮอร์เมสก็นำแพนโดร่ากลับมาสู่โลก และส่งมอบของขวัญชิ้นนี้ให้ไปเป็นชายาของเทพเอพิเมทิอัส ซึ่งเทพเอพิเมทิอัสก็ทรงรับไว้ด้วยความยินดี แม้ว่าพระองค์จะเคยถูกเทพโพรเมทิอัสกล่าวเตือนไว้แล้วว่า ห้ามรับของจากเทพเจ้าองค์นี้โดยเด็ดขาด
แต่ด้วยเพราะหลงในเสน่ห์และความงามของแพนโดร่า ทำให้เทพเอพิเมทิอัสทรงลืมและรับนางมาด้วยความเต็มใจ
ในที่สุด ทั้งสองก็ได้ครองรักกันและให้กำเนิดบุตรออกมามากมายทั้งชายและหญิง สืบเผ่าพันธุ์ขยายลูกขยายหลานของมนุษย์ออกไปเรื่อยๆ
จากนั้น เทพเฮอร์เมสก็นำแพนโดร่ากลับมาสู่โลก และส่งมอบของขวัญชิ้นนี้ให้ไปเป็นชายาของเทพเอพิเมทิอัส ซึ่งเทพเอพิเมทิอัสก็ทรงรับไว้ด้วยความยินดี แม้ว่าพระองค์จะเคยถูกเทพโพรเมทิอัสกล่าวเตือนไว้แล้วว่า ห้ามรับของจากเทพเจ้าองค์นี้โดยเด็ดขาด
แต่ด้วยเพราะหลงในเสน่ห์และความงามของแพนโดร่า ทำให้เทพเอพิเมทิอัสทรงลืมและรับนางมาด้วยความเต็มใจ
ในที่สุด ทั้งสองก็ได้ครองรักกันและให้กำเนิดบุตรออกมามากมายทั้งชายและหญิง สืบเผ่าพันธุ์ขยายลูกขยายหลานของมนุษย์ออกไปเรื่อยๆ
จนถึงวันที่เหล่าทวยเทพรอคอย
ในตอนนั้น แพนโดร่าเริ่มมีความอยากรู้อยากเห็นอย่างเต็มเปี่ยม ทำให้นางเกิดความสงสัยว่ากล่องที่ได้รับมานั้นคืออะไร ด้วยความอยากรู้
นางจึงตัดสินใจเปิดกล่องออกมาดูด้วยความสงสัย เมื่อฝากล่องเปิดขึ้นมา ความยินดีที่คิดว่าจะได้รับของมีค่าจากสรวงสวรรค์ก็มลายหายไป และกลับพบเพียงความหายนะและความวิบัติที่เทพเจ้ามอบมาในกล่องเพื่อเป็นชองขวัญเท่านั้น
ไม่ว่าจะเป็น ความเกลียดชัง ความโกรธ แค้น ความพยาบาท ความโลภ ความหลง โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ และความตาย ต่างพวยพุ่งกระจายไปทั่วทุกทิศทุกทางและซึมซาบเข้าไปสู่มนุษย์ทุกคน จนในที่วุด มนุษย์ก็กลายเป็นคนเลวที่เต็มไปด้วยความโกรธ เกลียด ชิงชัง อาฆาตแค้น โรคภัยไข้เจ็บ และปิดชีวิตด้วยความตาย
อย่างไรก็ตาม แพนโดร่าก็ยังสามารถปิดกล่องใบนั้นได้ทัน ทำให้ยังคงมีบางสิ่งที่กล่องใบนั้นยังคงหลงเหลืออยู่ หรือที่เราเรียกกันว่า
ความสิ้นหวัง
นั่นเองที่ยังไม่ได้มีโอกาสหลุดออกมาซึมซาบเข้าสู่มนุษย์ ดังนั้น มนุษย์จึงยังคงดำรงชีวิตอยู่ได้ต่อไปด้วยความหวังดังที่เป็นอยู่ในทุกๆวันนี้นี้เอง
ในตอนนั้น แพนโดร่าเริ่มมีความอยากรู้อยากเห็นอย่างเต็มเปี่ยม ทำให้นางเกิดความสงสัยว่ากล่องที่ได้รับมานั้นคืออะไร ด้วยความอยากรู้
นางจึงตัดสินใจเปิดกล่องออกมาดูด้วยความสงสัย เมื่อฝากล่องเปิดขึ้นมา ความยินดีที่คิดว่าจะได้รับของมีค่าจากสรวงสวรรค์ก็มลายหายไป และกลับพบเพียงความหายนะและความวิบัติที่เทพเจ้ามอบมาในกล่องเพื่อเป็นชองขวัญเท่านั้น
ไม่ว่าจะเป็น ความเกลียดชัง ความโกรธ แค้น ความพยาบาท ความโลภ ความหลง โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ และความตาย ต่างพวยพุ่งกระจายไปทั่วทุกทิศทุกทางและซึมซาบเข้าไปสู่มนุษย์ทุกคน จนในที่วุด มนุษย์ก็กลายเป็นคนเลวที่เต็มไปด้วยความโกรธ เกลียด ชิงชัง อาฆาตแค้น โรคภัยไข้เจ็บ และปิดชีวิตด้วยความตาย
อย่างไรก็ตาม แพนโดร่าก็ยังสามารถปิดกล่องใบนั้นได้ทัน ทำให้ยังคงมีบางสิ่งที่กล่องใบนั้นยังคงหลงเหลืออยู่ หรือที่เราเรียกกันว่า
ความสิ้นหวัง
นั่นเองที่ยังไม่ได้มีโอกาสหลุดออกมาซึมซาบเข้าสู่มนุษย์ ดังนั้น มนุษย์จึงยังคงดำรงชีวิตอยู่ได้ต่อไปด้วยความหวังดังที่เป็นอยู่ในทุกๆวันนี้นี้เอง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น