ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The miracle Piramid อัศจรรย์ปิรามิดแห่งรัก

    ลำดับตอนที่ #2 : ~อิฐก้อนที่ 2~ o-สู่ปัจจุบัน-o

    • อัปเดตล่าสุด 24 เม.ย. 51


    อิฐก้อนที่ 2 สู่ปัจจุบัน

    ปี๊บๆๆๆๆ!!!!!    เสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นทันทีที่เกิดพายุทะเลทรายขนาดใหญ่ราวกับอสุราที่กำลังกลืนปฐพีใต้ผืนทรายเบื้องหน้า ทำให้เหล่าบรรดาชนชาวอิยิปต์และนักท่องเที่ยวหลากเชื้อชาติต่างรีบหาที่กำบัง หรือหลบเข้าไปในตัวอาคารต่างๆอย่างโกลาหน เพราะต่างกลัวภัยธรรมชาติเบื้องหน้าเป็นอันมาก แต่ภายใต้พายุทะเลทรายอันร้ายแรงนั้นได้เกิดเสียงอันสั่นเครือ และแผ่วเบาดังขึ้น
    “ท่านมาแล้วสินะฝ่าบาท ......ท่านมาแล้ว......ผู้เป็นดั่งโชคชะตาของชนชาวอิยิปต์ทั้งปวง
    และอีกไม่นานเราคงได้เจอกัน ฝ่าบาท ฮึฮึฮึ....” แล้วเสียงปริศนานั้นก็เงียบลงอย่างแผ่วเบา พร้อมด้วยรอยยิ้มบางอันเหี่ยวย่น

    ชายแดนกรุงไคโร ประเทศอิยิปต์

    ครืนๆๆ โครม ซ่า  วูบ  ~ ~
    เสียงของพายุทะเลทรายที่ค่อยๆสงบและหยุดลงในที่สุดดังขึ้น เมื่อเห็นว่าพายุอันน่ากลัวสงบลงแล้วทุกคนที่อยู่ในรถและที่กำบัง ต่างค่อยๆออกมาและรีบเก็บของเตรียมตัวออกเดินทางต่อ เพื่อไปสำรวจพิระมิดที่เพิ่งค้นพบไม่นานที่ชายแดนกรุงไคโรอย่างรีบเร่ง เพราะพระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว  เวลาผ่านมาไม่นานคณะสำรวจก็เดินทางมาถึงพิระมิดแห่งใหม่ที่มีขนาดใหญ่และอลังการอย่างยิ่ง ซึ่งในคณะสำรวจประกอบไปด้วยทั้งชาวอิยิปต์ที่อาสามาเป็นไกด์นำทางและชาวยุโรปรวมทั้งชาวเอเชีย ที่เป็นคนไทยซึ่งเป็นหัวหน้าคณะสำรวจ ต่างพากันกางเต๊นท์และสร้างที่พักชั่วคราวเพราะเมื่อเดินทางมาถึงพระอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว ทำให้ทุกคนต่างรีบพักเอาแรงและเตรียมตัวสำรวจกันในวันรุ่งขึ้น

    ตุ้บ.... 
     เสียงอะไรบางอย่างตกลงมาที่พื้นหินหน้าพิระมิดอย่างแผ่วเบาเหมือนดังถูกโอบอุ้มด้วยอำนาจบางอย่าง ดังขึ้นพร้อมกับเสียงอันหวานซึ้งของสตรีเบื้องหน้า “ลูกชายแห่งเรา ผู้ครองชะตาของชนชาวอิยิปต์ทั้งปวง บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่เจ้าจะต้องทำตามหน้าที่ของเจ้า อันได้ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ อให้เจ้าจงโชคดี ลาก่อน.....” นางกล่าวลาพร้อมทิ้งสร้อยคอมรกต สีเขียวสดใสอันล้อมรอบด้วยทองคำที่ถูกดัดเป็นรูปอย่างประณีต รูปของดวงตาฮอรัส..............


    ว้าก!!!!.............เสียงร้องอย่างตกใจดังขึ้นเมื่อพบกับร่างของเด็กชาย ที่สลบอยู่หน้าพีระมิดที่เขากำลังจะไปสำรวจดังขึ้น เด็กชายผิวสีน้ำผึ้งสวยไม่คล้ำดำแบบคนทั่ว เนียนใสราวผิวทารก และผมที่ยาวดำขลับประดับด้วยรัดเกล้าอันเล็ก จากขนาดตัวแล้วน่าจะอยู่ในวัย 6-7 ปี ที่กำลังสลบอย่างไม่รู้จะฟื้นเมื่อไร  ผิวที่เห็นทันทีก็รู้ว่าเป็นชาวอิยิปต์พร้อมทั้งหน้าตาดูดีมีสกุลและสวยราวกับผู้หญิงพร้อมทั้งเครื่องประดับมากมาย ซึ่งของทั้งหมดล้วนทำมาจากทองคำ สามารถเดาได้ไม่ยากว่าเป็นพวกลูกคุณหนูแน่นอนแต่ทำไมมาสลบอยู่หน้าพิระมิดที่ห่างไกลเมืองหลวงอย่างนี้เล่า ดีนะที่เขาเป็นคนตื่นเช้า เพราะตื่นเต้นที่จะได้มาสำรวจพิระมิดที่นี่ และยังไม่มีใครตื่นมาแต่ก็คงอีกไม่นาน
    เขากลัวว่าคนอื่นจะมาเห็นและตกใจซะก่อน จึงรีบอุ้มเด็กชายคนนั้นเข้าไปในที่พักของเขาทันที
    แต่ภรรยาของเขาที่กำลังแต่งตัวอยู่นั้นเห็นเขาที่อุ้มเด็กชายมาด้วย ร้องขึ้นด้วยความตกใจ “ว้าย! คุณไปพาเด็กที่ไหนมาคะเนี่ย ” ภัทรพลรีบตอบอาทิตยาภรรยาของเขาในทันทีก่อนที่เธอจะเข้าใจผิด
    “ผมเปล่านะ พอดีเห็นเด็กคนนี้นอนสลบอยู่หน้าพิระมิดเลยอุ้มเขามาก่อนที่คนอื่นจะเห็นและตกใจ เข้าใจมั้ยคุณ ” อาทิตยาพยักหน้าทันที และเมื่อเห็นเด็กคนนั้นชัดๆก็ประหลาดใจและรู้ทันทีว่าเขาเป็นชาวอิยิปต์แน่นอนจากสีผิวและลักษณะหน้าตาของเขา เธอก็ถามสามีว่า “แล้วทำไมเขามาสลบอยู่หน้าพีระมิดที่ห่างไกลแบบนี้หละทั้งๆที่น่าจะเป็นลูกคุณหนูแท้ๆเอ๊ะ! หรือว่าเขาจะพลัดหลงกับพ่อแม่ ต้องใช่แน่ๆ คุณคิดว่าไงค่ะภัทร.”   “ผมก็คิดเหมือนคุณนั่นแหละแต่ดูจากเครื่องประดับนี่ น่าจะเป็นในยุคอิยิปต์โบราณนี่นาทำไมเด็กคนนี้ถึงมีมันนะ” ภัทรเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย ช่างเถอะบางทีมันอาจเป็นของปลอมก็ได้นี่ แต่ที่ดูจากลักษณะและทองคำที่ใช้แล้วมีนทั้งประณีตและมีค่ามากกว่าที่คิด ช่างถอะ ช่างเถอะ ภัทรคิดขึ้นและเลิกล้มไปเพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้วนี่มัน ยุค 2008 แล้วนี่นาจะไปมีได้ยังไงกัน “แล้วเราจะเอายังไงกันต่อดีค่ะ ฉันว่าเราควรไปแจ้งทุกคนให้ทราบกันดีกว่าแล้วถอดเครื่องประดับนั่นออกก่อนก็แล้วกัน โอเคนะค่ะ ”  “อืม...ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละ เราไปบอกคนอื่นดีกว่าจะได้ไม่มีปัญหา แล้วเครื่องประดับพวกนี้พวกเราเก็บไว้ก่อนแล้วกันเมื่อเด็กคนนี้ฟื้นค่อนคืนเขาไป”  อาทิตยาพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับความคิดของสามีเธอ
    ทั้งสองคนค่อยๆแกะเครื่องประดับออกอย่างยากเย็น เพราะกลัวเด็กน้อยจะตื่นขึ้นมาและเก็บของไว้ในกระเป๋าสัมภาระอย่างระมัดระวัง “คุณคิดเหมือนฉันมั้ยคะ ว่าเด็กคนนี้แกหน้าตาน่าเอ็นดู และโตไปคงเป็นเด็กหนุ่มรูปงามอย่างแน่นอน ฉันอยากรับแกเป็นลูกจัง ” อาทิตยาพูดขึ้นพร้อมทั้งทำท่าอ้อนสามีของเธอ “ไม่ได้หรอกยา เราต้องพาเขาไปหาพ่อแม่ของเขาก่อน ” อาทิตยาทำหน้าเสียดายก่อนตอบรับ “แต่ถ้าไม่มีเราหาพ่อแม่ของแกไม่พบคุณต้องรับเขาเป็นลูกนะคะ เพราะฉันรู้สึกเอ็นดูแกอย่างบอกไม่ถูกเหมือนเคยเห็นหน้ามานานแล้ว นะคะ....นะนะนะ..น้า......” ด้วยความขี้อ้อนหรือเพราะเขาใจอ่อนกันแน่ ทำให้เขาตอบตกลงกับภรรยาที่ทำท่าทางดีใจทันที  แต่เขาก็มีความรู้สึกเดียวกันเมื่อได้มองเห็นหน้าเกคนนี้ชัดๆความเอ็นดู ละคิดถึงอย่างบอกไม่ถูกนี่มันอะไรกันน้า......... 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×