ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dream ฝันค้างบนทางรัก Yuri

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.08K
      2
      22 พ.ย. 55

     

                          
                    

    Dream   ฝันค้างบนทางรัก  Yuri
    บทนำ

    นายอัทธ์  ประพันธ์กุล  นักธุรกิจชาวไทยได้เดินทางไปทำธุรกิจที่ประเทศญี่ปุ่นจนประสบความสำเร๊จ  เขาได้พบรักกับนาริกะ หญิงสาวชาวญี่ปุ่น ทั้งคู่ได้แต่งงานกันจนมีบุตรด้วยกัน ๒ คน คือ นายแพทย์อรรณพกับแพทย์หญิงอันณิภา  

     ต่อมานายอัทธ์  ต้องการรวมบริษัทกับนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น ซึ่งมีบุตรสาวแสนสวยคนหนึ่ง ชื่อ  แพทย์หญิงนานาโกะ  จึงจัดแจงคลุมถุงชนให้ทั้งคู่ได้แต่งงานกัน  โดยผู้ใหญ่ทั้ง ๒ ฝ่ายไม่รู้ว่า ทั้งอรรณพ กับ นานาโกะ  ต่างก็มีคนรักแล้ว  และไม่ได้ยินยอมพร้อมใจกับการแต่งงานในครั้งนี้เลย
                 โดยอรรณพนั้น  เป็นนายแพทย์หนุ่มไฟแรง  เขาได้ขอทุนกับรัฐบาลเพื่อศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการรักษาโรคในทวีปเอเชีย โดยเลือกที่ไปศึกษาวิขัยดังกล่าวที่ ประเทศไทยใน จ. อุบลราชธานี  จนได้พบรักกับอนงค์ สาวสวยในจังหวัดนั้น  จนอนงค์ท้องได้    เดือน  อรรณพก็ต้องเดินทางกลับประเทศญี่ปุ่นเพราะนายอัทธ์  โทรศัพท์ไปบอกว่า นางนาริกะ  มารดาของเขาป่วยหนัก  ทั้งๆที่ยังอาลัยรักอนงค์และลูกน้อยในท้อง  แต่เมื่อเขาไปถึง กลับพบว่าบิดามารดาได้จัดงานแต่งงานให้เขากับนานาโกะ
                ส่วนนานาโกะ  เธอเป็นแพทย์หญิงเเสนสวยที่เหมือนหญิงสาวทั่วๆไป แต่หัวใจของเอนั้นเล่ากลับยกให้กับเพสเดียวกัน  แพทย์หญิงอันณิภา  คือ  คนรักของเธอ  ทั้งคู่สนิทสนมกันมาตั้งแต่สมัยเรียนอนุบาล จวบจนเข้าเรียน  คณะเเพทย์ศาสตร์  มหาวิทยาลัยโตเกียวด้วยกัน  จนความใกล้ชิดดังกล่าวก่อเกิดความผูกพันจนกลายมาเป็นความรัก 
               อรรณพและนานาโกะจึงจำใจแต่งงานเพื่อธุรกิจของครวบครัว  ทั้งคู่จึงตัดสินทำกิฟจนให้กำเนิดบุตรสาวฝาแฝด ๒ คน  คือ  ฐิติณัชชา กับ  ณัฏฐรินีย์  จนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายปี  เด็กฝาแฝดทั้ง    เติบโตขึ้น  ทั้งคู่จึงหย่าร้างเพื่อไปอยุ่กับคนที่ตนรัก  หลังจาก ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับคนที่ตนไม่ได้รักนับสิบๆ ปี  
               โดยฐิติณัชชานั้นเลือกอยู่มารดาที่ญี่ปุ่นและณัฏฐรินีย์ นั้นต้องไปอยู่กับอรรณพที่ประเทศไทย ทำให้เด็กแฝดทั้ง ๒ คน  รู้สึกเศร้าใจที่ต้องแยกจากกัน เพราะทั้งคู่มีความผูกพันและรักกันราวกับเป็นคนคนเดียวกัน   ในช่วงก่อนการเดินทาง  ระหว่างที่บิดามารดา  แยกกันอยุ่และหย่าร้างกันแล้ว  ณัฏฐรินีย์ ต้องไปอยู่กับนายอรรณพที่บ้านยายนอัทธ์   ส่วนฐิติณัชชาและนางนานาโกะผู้เป็นมารดาที่บ้านหลังเดิมต่อไป

                                 ......................................................................
                วันหนึ่งฐิติณัชชาได้กลับมาจากไปหาณัฏฐรินีย์ ที่บ้านบิดาของเธอ เมื่อเธอกลับมาถึงบ้าน  เธอต้องพบกับภาพที่มารดากอดจูบอยู่กับอันริภา อาสาวของเธอที่โซฟา  ฐิติณัชชาจึงเรียกชื่อคนทั้งสองออกไปด้วยความตพใจในสิ่งที่เห็น

              “คุณแม่  คุณอา  นี่มันอะไรกันคะเนี่ย  มันเกิดอะไรขึ้น  คุณแม่กับคุณอาถึง.....”

              “ลูกฟาง !  เอ่อ....มันไม่ใช่อย่างที่ลูกคิดนะ  หนูฟังแม่ก่อนนะลูก  แม่กับอาอันเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ” เสียงเรียกของฐิติณัชชา  ทำให้นานาโกะและอันณิภาหันมามองด้วยความตกใจก่อนจะผละออดจากกันและแก้ตัวไปอย่างน้ำขุ่นๆ

              “แล้วสิ่งที่ฟางเห็น  มันหมายความว่าอย่างไรคะคุณแม่  คุณอา  ช่วยอธิบายให้ฟางฟังหน่อยสิคะว่า  คนเป็นเพื่อนกัน เขาต้องกอดจูบกันอย่างที่คุณแม่กับคนอาทำใช่ไหมคะ”

              “เอ่อ....ลูกฟาง แม่ขอโทษ แม่ไม่ได้ตั้งใจจะให้เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้น แต่แม่กับคุณอารักกันตั้งแต่ก่อนที่แม่กับคุณพ่อของหนูจะแต่งงานกันเสียอีก  ฟาง หนูต้องเข้าใจแม่นะลูก”

              “ถ้าคุณแม่กับคุณอารักกันก่อนที่คุณแม่จะแต่งงานกับคุณพ่อจริงๆ  แล้วทำไมคุณแม่ถึงยอมแต่งงานกับคุณพ่อล่ะคะ”

              “เรื่องมันยาวหนูฟาง ที่จริงพ่อกับแม่ของหนูไม่ได้แต่งงานกันเพราะความรัก  มันเป้นความเห็นชอบของคุณปู่คุณย่า และ คุณตาคุณยายของหนู  โดยที่พ่อกับแม่ของหนูไม่ได้รู้เรื่องมาก่อน ”

              “หมายความว่าอย่างไรคะคุณอา  หนูงงไปหมดแล้ว  ถ้าคุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้รักกันแล้วจะแต่งงานกันทำไม”

              “ฟาง  หนูเคยได้ยินคำว่า  คลุมถุงชน  ไหม  นั่นแหละ คือ สิ่งที่พ่อกับแม่หนูต้องแต่งงานกัน  ทั้งๆที่ไม่ได้รักกันเลย”

              “ใช่จ๊ะลูก  แต่แม่ก็รักหนูกับแฟร์มากนะลูก  แม่เองก็ไม่อยากให้ครอบครัวเราต้องแตกแยกกันแบบนี้  แต่ลูกรู้ไหมว่าคนที่ไม่ได้รักกันแล้วต้องมาอยู่ด้วยกัน  มันทรมานแค่ไหน”

              “คุณแม่คะ  หนูขอบอกตรงๆเลยว่า  หนูรับกับสิ่งคุณแม่กับคุณอาเป็นไม่ได้” พูดจบฐิติณัชชาก็วิ่งเข้าห้องนอนของตัวเองก่อนที่จะปิดประตูดัง ปัง !

              “ฟาง  ทำไมหนูไม่เข้าใจแม่” นานาโกะร่ำไห้ออกมาด้วยความปวดร้าวที่บุตรสาวไม่เข้าใจความรู้สึกของเธอ  ร่างบนทรุดตังลงนั่งกับโซฟา อันณิภาโอบกอดร่างสั่นเทานั้นไว้และพุดปลอบใจคนรัก

              “ใจเย็นๆนะนานาโกะ  วันนี้ที่หนูฟางยังไม่เข้าใจเรา  เพราะแกยังไม่เคยมีความรัก  แต่ถ้าวันหนึ่งแกรู้จักรักใครสักคน อันเชื่อว่าแกต้องเข้าใจเรา”

              “ค่ะ  ฉันเองก็หวังให้เป็นเช่นนั้น” นานาโกะพูดพร้อมกับมองไปที่ประตูห้องของฐิติณัชชาด้วยความหวังว่าสักวันหนึ่ง บุตรสาวจะเข้าใจ

    ทางด้านฐิติณัชชาหลังจากเข้าห้องมาแล้วเธอล็อคประตูก่อนที่จะร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจในสิ่งที่เธอพบเห็น  เธอรับไม่ได้ในสิ่งที่มารดาและอาสาวของเธอเป็น 

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นทำให้เธอเสียใจมากและรับไม่ได้กับสิ่งที่มารดาเธอเป็น  เธอจึงตัดสินใจเปลี่ยนตัวกับณัฏฐรินีย์  โดยขอไปอยู่กับนายอรรณพที่ประเทศไทยและให้  ณัฏฐรินีย์อยู่นางนานาโกะที่ประเทศญี่ปุ่นแทน

                 ในวันเดินทางณัฏฐรินีย์มาส่งฐิติณัชชากับนายอรรณพที่สนามบิน  ด้วยหัวใจที่เศร้าสร้อยที่ครอบครัวต้องแตกเเยกกันและเธอต้องจากกันกับฐิติณัชชา  ฐิติณัชชาเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน  ทั้งคู่กอดกันด้วยความรู้อาลัยที่ต้องจากกันไปไกลแสนไกล
                                                 ................................................................

    จังหวัดแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของภาคอีสาน   ประเทศไทย

               หลังจากเดินทางมาถึงกรุงเทพมหานคร  นายอรรณพก็ได้พาบุตรสาวเดินทางต่อมาที่จังหวัดแห่งนี้  และพามาอยู่บ้านหลังหนึ่งที่เป็นคฤหาสน์หรูในหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใจกลางเมือง  เมื่อได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แล้วฐิติณัชชาได้โทรศัพท์ไปหาณัฏฐรินีย์

               “ฮัลโหลฟาง  ตัวเองทำอะไรอยู่เนี่ย  ถึงนานหรือยังที่นั่นเป็นยังไงบ้าง แล้วตัวอยุ่ได้ไหม แล้วนี่ทานอะไรหรือยัง เมื่อรับสายแล้ว  ณัฏฐรินีย์ก็รัวคำถามเป็นชุดด้วยความเป็นห่วงแฝดพี่ที่ต้องไปอยู่ไกลถึงประเทศไทย

                “จ้า! ถึงนานแล้ว  เพิ่งเอากระเป๋าเก้บไว้ที่ห้องเมื่อกี้นี่เอง  พอเสร็จก้รีบโทรหาตัวเลยล่ะแฟร์ฐิติณัชชาตอบคำถามแฝดน้อง

                “แล้วคุณพ่อพาตัวไปอยู่ที่ไหน  พออยู่ได้ไหม  เค้าเป็นห่วงตัวจังเลย คิดถึงตัวจังเลยฟาง

                “ก็หมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดแถบภาคอีสานจ๊ะ ก็พออยู่ได้ไม่ต้องเป็นห่วงเค้าหรอกแฟร์  เดี๋ยวอีกสักพักคงชินไปเอง เค้าก็คิดถึงแฟร์เหมือนกันนะ  แล้วนี่ทำอะไรอยู่จ๊ะ

                “กำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย  เค้ากลัวจังเลยแฟร์กลัวว่าจะสอบไม่ได้

                            “อืม  ไม่ต้องกลัวไปหรอกยังไงตัวเองต้องสอบได้สิ เค้านี่สิยังไม่ได้อ่านอะไรเลย ไม่รู้ว่าจะสอบได้ไหม
                            "เค้าว่าตัวสอบได้แน่ฟาง  ตัวออจะเก่งไม่เหมือนเค้า"
                             "จ้า  เดี๋ยวแค่นี้ก่อนน  เค้าต้องไปดูคุณพ่อก่อน  แล้วเค้าจะโทรไปใหม่นะ  แฟร์"
                หลังจากนั้นฐิติณัชชาจึงวางสายไปก่อนที่จะออกไปสำรวจรอบๆตัวบ้านที่เธอต้องอาศัยอยู่ต่อไป
                                                                            ...................................



              

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×