คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
Dream ฝันค้างบนทางรัก Yuri
บทนำ
นายอัทธ์ ประพันธ์กุล นักธุรกิจชาวไทยได้เดินทางไปทำธุรกิจที่ประเทศญี่ปุ่นจนประสบความสำเร๊จ เขาได้พบรักกับนาริกะ หญิงสาวชาวญี่ปุ่น ทั้งคู่ได้แต่งงานกันจนมีบุตรด้วยกัน ๒ คน คือ นายแพทย์อรรณพกับแพทย์หญิงอันณิภา
ต่อมานายอัทธ์ ต้องการรวมบริษัทกับนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น ซึ่งมีบุตรสาวแสนสวยคนหนึ่ง ชื่อ แพทย์หญิงนานาโกะ จึงจัดแจงคลุมถุงชนให้ทั้งคู่ได้แต่งงานกัน โดยผู้ใหญ่ทั้ง ๒ ฝ่ายไม่รู้ว่า ทั้งอรรณพ กับ นานาโกะ ต่างก็มีคนรักแล้ว และไม่ได้ยินยอมพร้อมใจกับการแต่งงานในครั้งนี้เลย
โดยอรรณพนั้น เป็นนายแพทย์หนุ่มไฟแรง เขาได้ขอทุนกับรัฐบาลเพื่อศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการรักษาโรคในทวีปเอเชีย โดยเลือกที่ไปศึกษาวิขัยดังกล่าวที่ ประเทศไทยใน จ. อุบลราชธานี จนได้พบรักกับอนงค์ สาวสวยในจังหวัดนั้น จนอนงค์ท้องได้ ๕ เดือน อรรณพก็ต้องเดินทางกลับประเทศญี่ปุ่นเพราะนายอัทธ์ โทรศัพท์ไปบอกว่า นางนาริกะ มารดาของเขาป่วยหนัก ทั้งๆที่ยังอาลัยรักอนงค์และลูกน้อยในท้อง แต่เมื่อเขาไปถึง กลับพบว่าบิดามารดาได้จัดงานแต่งงานให้เขากับนานาโกะ
ส่วนนานาโกะ เธอเป็นแพทย์หญิงเเสนสวยที่เหมือนหญิงสาวทั่วๆไป แต่หัวใจของเอนั้นเล่ากลับยกให้กับเพสเดียวกัน แพทย์หญิงอันณิภา คือ คนรักของเธอ ทั้งคู่สนิทสนมกันมาตั้งแต่สมัยเรียนอนุบาล จวบจนเข้าเรียน คณะเเพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยโตเกียวด้วยกัน จนความใกล้ชิดดังกล่าวก่อเกิดความผูกพันจนกลายมาเป็นความรัก
อรรณพและนานาโกะจึงจำใจแต่งงานเพื่อธุรกิจของครวบครัว ทั้งคู่จึงตัดสินทำกิฟจนให้กำเนิดบุตรสาวฝาแฝด ๒ คน คือ ฐิติณัชชา กับ ณัฏฐรินีย์ จนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายปี เด็กฝาแฝดทั้ง ๒ เติบโตขึ้น ทั้งคู่จึงหย่าร้างเพื่อไปอยุ่กับคนที่ตนรัก หลังจาก ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับคนที่ตนไม่ได้รักนับสิบๆ ปี
โดยฐิติณัชชานั้นเลือกอยู่มารดาที่ญี่ปุ่นและณัฏฐรินีย์ นั้นต้องไปอยู่กับอรรณพที่ประเทศไทย ทำให้เด็กแฝดทั้ง ๒ คน รู้สึกเศร้าใจที่ต้องแยกจากกัน เพราะทั้งคู่มีความผูกพันและรักกันราวกับเป็นคนคนเดียวกัน ในช่วงก่อนการเดินทาง ระหว่างที่บิดามารดา แยกกันอยุ่และหย่าร้างกันแล้ว ณัฏฐรินีย์ ต้องไปอยู่กับนายอรรณพที่บ้านยายนอัทธ์ ส่วนฐิติณัชชาและนางนานาโกะผู้เป็นมารดาที่บ้านหลังเดิมต่อไป
......................................................................
วันหนึ่งฐิติณัชชาได้กลับมาจากไปหาณัฏฐรินีย์ ที่บ้านบิดาของเธอ เมื่อเธอกลับมาถึงบ้าน เธอต้องพบกับภาพที่มารดากอดจูบอยู่กับอันริภา อาสาวของเธอที่โซฟา ฐิติณัชชาจึงเรียกชื่อคนทั้งสองออกไปด้วยความตพใจในสิ่งที่เห็น
“คุณแม่ คุณอา นี่มันอะไรกันคะเนี่ย มันเกิดอะไรขึ้น คุณแม่กับคุณอาถึง.....”
“ลูกฟาง ! เอ่อ....มันไม่ใช่อย่างที่ลูกคิดนะ หนูฟังแม่ก่อนนะลูก แม่กับอาอันเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ” เสียงเรียกของฐิติณัชชา ทำให้นานาโกะและอันณิภาหันมามองด้วยความตกใจก่อนจะผละออดจากกันและแก้ตัวไปอย่างน้ำขุ่นๆ
“แล้วสิ่งที่ฟางเห็น มันหมายความว่าอย่างไรคะคุณแม่ คุณอา ช่วยอธิบายให้ฟางฟังหน่อยสิคะว่า คนเป็นเพื่อนกัน เขาต้องกอดจูบกันอย่างที่คุณแม่กับคนอาทำใช่ไหมคะ”
“เอ่อ....ลูกฟาง แม่ขอโทษ แม่ไม่ได้ตั้งใจจะให้เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้น แต่แม่กับคุณอารักกันตั้งแต่ก่อนที่แม่กับคุณพ่อของหนูจะแต่งงานกันเสียอีก ฟาง หนูต้องเข้าใจแม่นะลูก”
“ถ้าคุณแม่กับคุณอารักกันก่อนที่คุณแม่จะแต่งงานกับคุณพ่อจริงๆ แล้วทำไมคุณแม่ถึงยอมแต่งงานกับคุณพ่อล่ะคะ”
“เรื่องมันยาวหนูฟาง ที่จริงพ่อกับแม่ของหนูไม่ได้แต่งงานกันเพราะความรัก มันเป้นความเห็นชอบของคุณปู่คุณย่า และ คุณตาคุณยายของหนู โดยที่พ่อกับแม่ของหนูไม่ได้รู้เรื่องมาก่อน ”
“หมายความว่าอย่างไรคะคุณอา หนูงงไปหมดแล้ว ถ้าคุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้รักกันแล้วจะแต่งงานกันทำไม”
“ฟาง หนูเคยได้ยินคำว่า คลุมถุงชน ไหม นั่นแหละ คือ สิ่งที่พ่อกับแม่หนูต้องแต่งงานกัน ทั้งๆที่ไม่ได้รักกันเลย”
“ใช่จ๊ะลูก แต่แม่ก็รักหนูกับแฟร์มากนะลูก แม่เองก็ไม่อยากให้ครอบครัวเราต้องแตกแยกกันแบบนี้ แต่ลูกรู้ไหมว่าคนที่ไม่ได้รักกันแล้วต้องมาอยู่ด้วยกัน มันทรมานแค่ไหน”
“คุณแม่คะ หนูขอบอกตรงๆเลยว่า หนูรับกับสิ่งคุณแม่กับคุณอาเป็นไม่ได้” พูดจบฐิติณัชชาก็วิ่งเข้าห้องนอนของตัวเองก่อนที่จะปิดประตูดัง ปัง !
“ฟาง ทำไมหนูไม่เข้าใจแม่” นานาโกะร่ำไห้ออกมาด้วยความปวดร้าวที่บุตรสาวไม่เข้าใจความรู้สึกของเธอ ร่างบนทรุดตังลงนั่งกับโซฟา อันณิภาโอบกอดร่างสั่นเทานั้นไว้และพุดปลอบใจคนรัก
“ใจเย็นๆนะนานาโกะ วันนี้ที่หนูฟางยังไม่เข้าใจเรา เพราะแกยังไม่เคยมีความรัก แต่ถ้าวันหนึ่งแกรู้จักรักใครสักคน อันเชื่อว่าแกต้องเข้าใจเรา”
“ค่ะ ฉันเองก็หวังให้เป็นเช่นนั้น” นานาโกะพูดพร้อมกับมองไปที่ประตูห้องของฐิติณัชชาด้วยความหวังว่าสักวันหนึ่ง บุตรสาวจะเข้าใจ
ทางด้านฐิติณัชชาหลังจากเข้าห้องมาแล้วเธอล็อคประตูก่อนที่จะร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจในสิ่งที่เธอพบเห็น เธอรับไม่ได้ในสิ่งที่มารดาและอาสาวของเธอเป็น
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นทำให้เธอเสียใจมากและรับไม่ได้กับสิ่งที่มารดาเธอเป็น เธอจึงตัดสินใจเปลี่ยนตัวกับณัฏฐรินีย์ โดยขอไปอยู่กับนายอรรณพที่ประเทศไทยและให้ ณัฏฐรินีย์อยู่นางนานาโกะที่ประเทศญี่ปุ่นแทน
ในวันเดินทางณัฏฐรินีย์มาส่งฐิติณัชชากับนายอรรณพที่สนามบิน ด้วยหัวใจที่เศร้าสร้อยที่ครอบครัวต้องแตกเเยกกันและเธอต้องจากกันกับฐิติณัชชา ฐิติณัชชาเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน ทั้งคู่กอดกันด้วยความรู้อาลัยที่ต้องจากกันไปไกลแสนไกล
................................................................
จังหวัดแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของภาคอีสาน ประเทศไทย
หลังจากเดินทางมาถึงกรุงเทพมหานคร นายอรรณพก็ได้พาบุตรสาวเดินทางต่อมาที่จังหวัดแห่งนี้ และพามาอยู่บ้านหลังหนึ่งที่เป็นคฤหาสน์หรูในหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใจกลางเมือง เมื่อได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แล้วฐิติณัชชาได้โทรศัพท์ไปหาณัฏฐรินีย์
“ฮัลโหลฟาง ตัวเองทำอะไรอยู่เนี่ย ถึงนานหรือยังที่นั่นเป็นยังไงบ้าง แล้วตัวอยุ่ได้ไหม แล้วนี่ทานอะไรหรือยัง” เมื่อรับสายแล้ว ณัฏฐรินีย์ก็รัวคำถามเป็นชุดด้วยความเป็นห่วงแฝดพี่ที่ต้องไปอยู่ไกลถึงประเทศไทย
“จ้า! ถึงนานแล้ว เพิ่งเอากระเป๋าเก้บไว้ที่ห้องเมื่อกี้นี่เอง พอเสร็จก้รีบโทรหาตัวเลยล่ะแฟร์” ฐิติณัชชาตอบคำถามแฝดน้อง
“แล้วคุณพ่อพาตัวไปอยู่ที่ไหน พออยู่ได้ไหม เค้าเป็นห่วงตัวจังเลย คิดถึงตัวจังเลยฟาง”
“ก็หมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดแถบภาคอีสานจ๊ะ ก็พออยู่ได้ไม่ต้องเป็นห่วงเค้าหรอกแฟร์ เดี๋ยวอีกสักพักคงชินไปเอง เค้าก็คิดถึงแฟร์เหมือนกันนะ แล้วนี่ทำอะไรอยู่จ๊ะ”
“กำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย เค้ากลัวจังเลยแฟร์กลัวว่าจะสอบไม่ได้”
“อืม ไม่ต้องกลัวไปหรอกยังไงตัวเองต้องสอบได้สิ เค้านี่สิยังไม่ได้อ่านอะไรเลย ไม่รู้ว่าจะสอบได้ไหม”
"เค้าว่าตัวสอบได้แน่ฟาง ตัวออจะเก่งไม่เหมือนเค้า"
"จ้า เดี๋ยวแค่นี้ก่อนน เค้าต้องไปดูคุณพ่อก่อน แล้วเค้าจะโทรไปใหม่นะ แฟร์"
หลังจากนั้นฐิติณัชชาจึงวางสายไปก่อนที่จะออกไปสำรวจรอบๆตัวบ้านที่เธอต้องอาศัยอยู่ต่อไป
...................................
ความคิดเห็น