ตอนที่ 6 : ตอนที่ 6
หลายเดือนผ่านไปในหน่วยที่ 13 ราเซ็ตสึในชุดกาฮามะสีดำกำลังย่างเท้าเคลื่อนที่เหยียบอากาศด้วยความเร็วสูง เทคนิคนี้ถูกเรียกว่า Hohō ซึ่งเป็นทักษะที่ถูกพัฒนาในขั้นต่อมาของก้าวพริบตา(Shunpo)
"สำเร็จแล้วสินะ"
"ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับท่านหัวหน้า"
อุคิทาเกะพยักหน้าอย่างชื่นชม ใช้เวลาเพียงหนึ่งวันก็สามารถใช้การเคลื่อนที่ความเร็วสูงบนอากาศได้แล้ว แต่ที่น่าตกใจก็คือชายคนนี้ชำนาญการใช้มันในระดับมาสเตอร์ด้วยระยะเวลาเพียงแค่สองเดือน ทั้งยังต่อยอดจนการเคลื่อนไหวของเขาเร็วกว่า ลึกซึ้งกว่าเทคนิคในรูปแบบปกติเสียอีก
"น่าเสียดายครับที่ผม ยังทิ้งภาพติดตาไว้ได้เพียงแค่ร่างเดียว"
เทคนิคของเขานำแนวคิดจากบังไค(ปลดปล่อยสวัสดิกะ)ของคุโรซากิ อิจิโกะชายผู้เป็นพระเอกหลักของเรื่อง แต่บทดันให้เป็นแค่ตัวประกอบฉาก กว่าจะได้สู้กับศัตรูในแต่ละครั้งก็รอแล้วรออีก จนชาวเน็ตขนานนามให้เจ้าตัวว่าตัวประกอบหัวส้มนั่นเอง
แน่นอนว่าเทคนิคใหม่ที่เขากำลังพัฒนาไม่ได้ใช้แนวคิดจากบังไคของอิจิโกะเพียงเท่านั้น ยังมีแนวคิดวิชาย้ายร่างชั่วพริบตาของอุจิวะชิซุยจากโลกนารูโตะ และวิชาเคียวกะ ซุยเก็ตสึของนูระริเฮียง
ด้วยแนวคิดนี้จึงกำเนิดวิชาใหม่ขึ้นมา และมันจะเป็นวิชาโยกย้ายร่างออริจินอลของเขาเอง ทฤษฎีวิชานี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อล่อลวงประสาทสัมผัสของศัตรู โดยการทิ้งภาพเงาติดตาที่สมบูรณ์แบบราวกับเป็นร่างแยกเงา
ปกติการใช้ก้าวพริบตาหรือโฮโฮะก็เพียงพอที่จะสร้างเงาภาพติดตาทิ้งไว้ตามความเร็วของผู้ใช้ แต่นั่นมันยังไม่เพียงพอ ภาพเงาติดตาของมันเบาบางจนไม่ปรากฎเป็นรูปร่างที่แน่ชัด ทว่าด้วยแนวคิดใหม่ทำให้เขาสามารถทิ้งภาพติดตาไว้ได้ ทั้งยังสามารถตามการเคลื่อนไหวของเขาได้ ดั่งแสงจันทร์ที่ตกกระทบบนผิวน้ำ ชื่อของเทคนิคใหม่นี้ก็คือ ย่างก้าวเทพมายา(Maboroshi shunpo no kami)
อันที่จริงเขาก็อยากจะใช้เคียวกะ ซุยเงสึ (กระจกบุปผาจันทราวารี)ทว่าชื่อนี้ดันไปเหมือนชื่นดาบฟันวิญญาณของไอเซ็น โซสึเกะเข้า ดังนั้นเขาจึงเลือกชื่อนี้แทนเพื่อให้มันไม่ไปซ้ำกับชาวบ้านชาวช่องนั่นเอง
แน่นอนว่าตลอดทั้งเดือนชายหนุ่มไม่ได้หมกมุ่นอยู่แต่เทคนิคโยกย้ายร่างเท่านั้น แต่เขายังฝึกเพลงดาบและศึกษาวิถีมารขั้นต้นถึงกลาง ไม่ว่าจะวิถีพันธนาการ วิถีแห่งการทำลายเขาก็พอใช้ออกมาได้แบบไม่น่าอายเท่าไหร่นัก
ส่วนในเรื่องของดาบฟันวิญญาณหลังโง่มานานในที่สุดดาบฟันวิญญาณของเขาก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาด้วยคำแนะนำของหัวหน้าอุคิทาเกะ เขาได้รับรู้ถึงชื่อที่แท้จริงของดาบฟันวิญญาณได้เมื่อวานซืน วิญญาณในตัวดาบของเขาเป็นเพียงเด็กหญิงตัวน้อยที่มีนิสัยเอาแต่ใจและซุกซนจนน่าปวดหัว
แต่ทว่าเขาก็ต้องยอมรับเลยว่าหลังจากปลุกเด็กหญิงขึ้นมาได้ แรงดันวิญญาณของเขาก็ปะทุขึ้นแบบผิดหูผิดตา มันมากกว่าเดิมถึงสองเท่า ยามปลดปล่อยชิไคแรงดันวิญญาณจะเพิ่มขึ้นอีก 4 เท่า ส่วนระดับบังไคนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะเขาไม่เคยลองใช้มันเลย
ปกติคนอื่นต้องฝึกกันแทบตายกว่าจะใช้บังไคได้ แต่เขานั้นแปลกประหลาดหลังจากปลุกดาบฟันวิญญาณได้ข้อจำกัดแบบคนอื่นก็ถูกปลดออก ราวกับตัวเขาในตอนนี้ไร้ลิมิทเตอร์ควบคุมอย่างสมบูรณ์
"พอแค่นี้แหละคุโรกิ รีบไปเตรียมตัวเถอะ เพราะวันนี้เธอต้องเข้ารับตำแหน่งที่โถงประชุมใหญ่"
"เข้าใจแล้วครับ"
ใช่แล้ววันนี้เป็นวันที่เขาจะเข้ารับตำแหน่งรองหัวหน้าหน่วยที่ 13 หลังจากอยู่ในหน่วย 13 มานานเกือบหนึ่งปีเขาก็เข้าใจในตัวงาน ทั้งยังสามารถจัดการกับงานเอกสาร งานตรวจตราที่ไม่จำเป็นต้องถึงมือหัวหน้าหน่วยได้ทั้งหมดในเวลาอันสั้น
ราเซ็ตสึรีบไปอาบน้ำชำระกายที่เต็มไปด้วยเหงือ หลังจากทำอะไรเสร็จสรรพเขาก็รีบลงไปข้างล่างเพื่อไปหาอุคิทาเกะที่รออยู่ ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังโถงประชุมใหญ่ของสิบสามหน่วยพิทักษ์โดยใช้เวลาไม่นานทั้งคู่ก็มาถึง
ที่ด้านหน้าประตูมียมทูตชายหญิงรวมแล้วสิบเอ็ดคน โดยทุกคนมีป้ายยศระดับรองหัวหน้าติดอยู่ที่แขนซ้ายกันทุกคน แต่ละคนเดินทางมารอหัวหน้าหน่วยของตนเองข้างในห้องประชุม
ราเซ็ตสึกวาดตามองเหล่ารองหัวหน้า สายตาเหลือบไปเห็นเด็กหญิงผมชมพูแสนซุกซนกำลังกระโดดไล่ผีเสื้อดำไปมาอย่างสนุกสนุก แม้ร่างกายจะดูเหมือนเด็กแต่แรงดันวิญญาณที่อีกฝ่ายน่าเกรงขามระดับหัวหน้าหน่วยเลยด้วยซ้ำไป แต่ก็ยังด้อยกว่าชายชราผู้หนึ่งอยู่
ชายชราที่ใส่ชุดแตกต่างจากคนอื่น สวมกาฮามะสีดำและทับด้วยฮาโอริแขนกุดสีขาว จากข้อมูลตามเนื้อเรื่องชายชราในคนนี้ยามเคยสร้างบาดแผลที่ใบหน้าของหัวหน้าใหญ่ของ 13 หน่วยพิทักษ์ได้ ปัจจุบันชายชราคนนี้ยังเป็นรองหัวหน้าของหน่วยที่ 1 ชื่อของเขาก็คือ
'ซาซาคาเบะ โชจิโร่'
เขาก้มหัวให้ชายชราอย่างเคารพและชื่นชม ในขณะที่ทักทายรองหัวหน้าคนอื่นๆ ด้วยท่าทีปกติ ทางชายชราเองก็แปลกใจแต่ไม่นานเขาก็พยักหน้าและยิ้มให้ โดยในใจชื่นชมความนอบน้อมของอีกฝ่าย
ทางเด็กหญิงผู้กำลังซุกซนหลังเห็นราเซ็ตสึเธอก็เลิกเล่นและวิ่งมาหาเขา เธอเงยหน้ามองเขาก่อนจะทำท่าทีครุ่นคิด เหมือนพยายามนึกถึงเรื่องอะไรบางอย่างจนกระทั่งสองนาทีผ่านไปในที่สุดดวงตาของเธอก็เป็นประกายและอ้าปากถามทันที
"คุณคือราจังที่มาจากที่เดียวกับเค็นจังใช่ม๊ะ ?"
"เอ๊ะ~ใช่ครับรองหัวหน้ายาจิรุ ผมมาจากเมืองลูคอนทิศเหนือ ในเขตที่ 80"
"เยี่ยมเลย เค็นจังต้องดีใจแน่ๆ"
"ขอให้เป็นแบบนั้นนะครับ"
ชายหนุ่มยิ้มกลับเขาพอจะเดาได้ ว่าถ้าเจอกับซาราคิ เค็นปาจิที่รู้ว่าเขามาจากเขตเดียวกันผลจะเป็นยังไง แต่ที่น่าแปลกใจก็คงจะเป็นเรื่องชื่อที่ยาจิรุเรียกเขามากกว่า ปกติอีกฝ่ายจะไม่จำชื่อใครทั้งสิ้น ไม่ใช่เพราะว่าเธอลืมแต่เพราะอีกฝ่ายไม่ควรค่าให้เธอจดจำ แน่นอนว่าในหมู่รองหัวหน้าบ้างคนเธอยังไม่รู้ชื่อเลยด้วยซ้ำ
หลังเห็นว่ายาจิรุเลิกสนใจเขาแล้ว ก็เหล่มองไปทางชายร่างอ้วนซึ่งกำลังทานขนมไม่พักปาก ชายอ้วนคนนี้เคยทำสีหน้าเยาะเย้ยเขาที่หน้าประตูทิศเหนือ เจ้านี่ก็คือรองหัวหน้าหน่วยที่ 2 โอมาเอดะ มาเระจิโยะ
"มองอะไรของแกเจ้ายาจก เดี๋ยวพ่อก็ตบหัวขมำซะเลยนี่"
หลังสัมผัสได้ถึงสายตาของราเซ็ตสึ เจ้าอ้วนก็ยืดอกกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ท่าทางของมันค่อนข้างวอนบาทา นี่ถ้าไม่ติดว่าอยู่หน้าห้องโถงประชุมแล้วละก็เขาจะขยี้หัวเจ้าอ้วนนี่ให้จมธรณีเลย แน่นอนว่ายังมีแผนหนึ่งละนะ ราเซ็ตสึแอบยิ้มที่มุมปาก เขาเงยหน้ามองเจ้าอ้วนด้วยท่าทีไร้เดียงสาและกล่าวพูดด้วยท่าทางสำนึกผิด
"ขอโทษด้วยนะครับที่มองผิดไป ผมกำลังรู้สึกสับสนว่าทำไมที่หน้าโถงประชุมใหญ่ถึงได้มีหมูอ้วนเหม็นเปรี้ยวไร้ราคามาเดินเพ่นพ่านแถวนี้"
"แบบนี้นี่เอง ไม่ใช่แล้วโว้ย หนอยแน่~แกว่าไงนะเจ้ายาจก แกว่าใครเป็นหมูอ้วนเหม็นเปรี้ยวไร้ราคา ?"
เสียงตะคอกถามของโอมาเอดะดังลั่น เรียกความสนใจของเหล่ารองหัวหน้าหน่วยได้เป็นอย่างดี ทุกคนต่างมองมาที่พวกเขาและเริ่มสนใจเล็กน้อยเพราะนี้อาจจะมีอะไรสนุกๆให้ได้ชม แน่นอนว่าในหมู่รองหัวหน้าก็มีคนอยากเข้ามาห้ามปรามอยู่เหมือนกันแต่สุดท้ายก็ล้มเลิกความคิดเมื่อได้เห็นสายตาจากรองหัวหน้าคนอื่นๆ
"ไหนแกลองพูดใหม่อีกทีสิ้เจ้ายาจก"
"ก็ได้ครับ แต่ครั้งนี้ต้องใช้ตาของท่านมองให้ดีนะครับ เพราะผมจะพูดอีกครั้งเดียวเท่านั้นเอาละอ่านปากของผมนะ เจ้า หมู อ้วน เหม็น เปรี้ยว ไร้ รา คา"
ราเซ็ตสึขยับปากกล่าวแบบไร้เสียง ทางโอมาเอดะที่ได้อ่านปากของเขาก็หน้าแดงก่ำ ที่หัวมีควันสีขาวไหลออกมามันแสดงถึงความโกรธของอีกฝ่าย เจ้าตัวไม่รีรออีกต่อไปมันชักดาบออกมาและเตรียมจะกล่าวขานปลดปล่อยชิไค แต่ทว่ายังไม่ทันได้กล่าวออกมาจู่ๆก็มีแรงกดดันแสนน่ากลัวพุ่งเข้ามากดขี่ตัวมันไว้จนแทบขยับตัวไม่ได้
"กะ กะ แก"
โอมาเอดะมองไปที่ชายหนุ่มผมดำซึ่งกำลังยืนเอียงคอยิ้มมาให้เขาด้วยความอ่อนโยน ทว่ารอบตัวของอีกฝ่ายกลับมีคลื่นแรงดันวิญญาณสีดำสนิทแผ่พุ่งออกมาจนพื้นและคานบนทางเดินเริ่มเกิดรอยแตกร้าวมีเสียงดังแกร็กๆ อยู่ตลอด
"ท่านมีอะไรข้องใจหรือเปล่าครับ ท่านรองหัวหน้าโอมาเอดะ"
"... มะ มะ ไม่มีอะไร"
"ขอบพระคุณมากนะครับที่กรุณา"
ชายหนุ่มกล่าวด้วยท่าทีไร้เดียงสาดูอ่อนน้อมถ่อมตน เขารีบเก็บแรงดันวิญญาณ คลื่นสีขาวดำรอบตัวค่อยๆถูกดูดกลับเข้าไปในร่างกาย แรงกดดันที่โอมาเอดะได้รับสลายไปในพริบตาเดียว เจ้าตัวถอนหายใจและรีบเดินหนีไปในทันที ทางราเซ็ตสึก็เลิกสนใจอีกฝ่ายแต่ที่มุมปากกลับมีรอยยิ้มสนุกสนาน
'ยังอ่อนหัดอยู่นะครับ คุณรองหัวหน้า'
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ปู่แกชื่อ ซาซาคิเบะนะ ไม่ใช่ซาซาคาเบะ
โมโบโรชิ ได
ถ้ามาโบโรชิ
maboroshiแปลว่ามายา
ไดหมายถึงที่1
Moborbshi ออกเสียงคล้ายกันกับมายา งันไม่ใช่ว่าเป็นการเล่นคำว่า เป็นที่1ด้านการหลอกลวงเหรอ
จะว่าไปเม้นนี้มันเม้นนอกเรื่องนี้หว่า..
แต่ความมั้งนะนั้นคืออะไรอะ🤣
น่าจะใช้ชื่อ เมย์เคียวชิซุย หรือ เมย์เคียวชิซุย ซากุระ ย่างก้าวเทพมายาชื่อมันออกแนวกำลังภายในไปหน่อย
รอออออออ
สำหรับเจ้าโอมาเอดะนะไม่ใช้เเค่อ่อนหัดเเต่ว่าอ่อนที่สุดในบรรดารองหัวหน้าเเล้วครับเพราะใช้เส้นของตระกูลเลยทำให้เป็นรองหัวหน้าหน่วยที่2ได้นะครับ