ตอนที่ 57 : ตอนที่ 57
"จะไปไหนหรอครับคุณคุโรกิ"
"ไปหาที่นอนครับ"
แทงดาบฟันวิญญาณที่อากาศและเปิดประตูผ่านโลกเข้าสู่ดันไกหรือมิติปิดตาย พอมาถึงเขาก็เห็นอิจิโกะกำลังนั่งหลับตาอยู่ที่พื้น ดูเหมือนอีกฝ่ายกำลังอยู่ในโลกวิญญาณคงจะเป็นการไปร้องขอฝึกเก็ตสึกะ เท็นโชขั้นสุดท้ายจากเท็นสะ ซันเงสึ
"เหลือทางเลือกเดียวแล้วสินะ"
"นายก็น่าจะเข้าใจนี่"
ราเซ็ตสึยักไหล่ก่อนจะนั่งลงอยู่ที่พื้น เขาหลับตาและเข้าสู่โลกวิญญาณ ภายในโลกอันกว้างใหญ่ เขายืนหลับตาเพื่อควบคุมบังไคของตนเอง ที่ดันไกแห่งนี้การฝึกที่นี่ด้วยระยะเวลาสองพันชั่วโมงจะเท่ากับโลกภายนอกหนึ่งชั่วโมง
เมื่อก่อนที่นี่จะมีโคทตสึ(Kōtotsu)ที่มีรูปลักษณ์คล้ายรถไฟคอยกวาดเส้นทาง ปกติโคทตสึจะปรากฏตัวในทุกเจ็ดวันเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีใครทำลายหรือคิดจะใช้การบิดเบือนเวลาที่นี่ แต่จากแรงดันวิญญาณและร่องรอยที่ไอเซ็นทิ้งไว้ทำให้เขาและอิชชินแน่ใจว่าโคทตสึคงจะถูกไอเซ็นทำลายไปแล้ว
'เจ้านั่นกำลังให้โอกาสอิจิโกะหรอน่าขำ'
มองก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการให้อิชชินแนะนำดันไกเพื่อฝึกฝนให้แก่อิจิโกะ อาจจะเป็นเพราะอีกฝ่ายต้องการทดสอบพลังใหม่ของตนเองจึงอยากจะใช้อิจิโกะเป็นคู่ซ้อมมือก่อนเดินทางไปวังราชันย์ ความมั่นใจในตนเองของอีกฝ่ายมันทำให้ราเซ็ตสึอยากหัวเราะ เพราะแกมอบโอกาศไงอิจิโกะในต้นฉบับถึงโค่นแกได้
แถมยังมีตัวเขาเป็นของแถมอีกด้วยตอนนี้เขากำลังฝึกตัวอยู่ในโลกแห่งมายาโดยบิดเบือนเวลาทับซ้อนไปอีกระดับ มาดูกันด้วยเวลา 50 ปีจะทำให้เขาแข็งแกร่งขนาดไหน
ฝึกการต่อสู้โดยใช้บังไคกับสึคุโยมิในร่างเทพธิดาอย่างจริงจังและหนักหน่วงจนสะเทือนไปถึงข้างนอก จนแล้วจนรอดเวลาก็ผ่านไปโดยที่ดวงจันทร์ที่ด้านหลังไม่แตกสลายจนกระทั่งห้าสิบปีที่โลกฝันมายาราเซ็ตสึก็ลืมตาขึ้นและเดินไปหาอิชชินที่เริ่มอ่อนแรงทีละนิด
"พี่ส่งไคเคียวโคเทย์มา เดี๋ยวผมรับช่วงต่อสักระยะเอง"
อิชชินคลายพยักหน้าและคลายเชือกที่ข้อมือโดยส่งมันให้ราเซ็ตสึทีละเส้น ด้วยแรงดันวิญญาณของเขาในปัจจุบัน เขาสามารถใช้แรงดันวิญญาณของตนเองในการประคองโคเรียวได้ประมาณ 4400 ชั่วโมงหรือประมาณ170 วันในดันไก
โคเรียวคือกระแสเหมือกที่ไหลผ่านในดันไกอยู่ตลอดเวลา เพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูเช่นฮอลโลว์ใช้มัน กระแสเมือกจะเป็นตัวหยุดวิญญาณไม่ให้อีกฝ่ายได้เคลื่อนไหว ถ้าถูกจับได้ก็ตาย แค่ถูกโคเรียวจับคนเดียวคนในกลุ่มก็ต้องตายเช่นกัน
แต่ก็มีวิถีควบคุมมันได้อยู่นั่นก็คือการใช้อุปกรณ์เช่นไคเคียวโคเทย์ส่งแรงดันวิญญาณไปในโคเรียวเพื่อคงสภาพมันไว้ ปกติหน้าที่นี้จะถูกส่งมอบให้แก่ยมทูตปลายแถวจำนวนสิบคนในการถ่ายโอนแรงดันวิญญาณอย่างสม่ำเสมอ
"พวกเรามาคุยกันหน่อยไหมพี่"
"อ่า จะว่าไปนายกลายเป็นผู้นำบ้านหลักของตระกูลชิบะแล้วสินะ ที่นั่นเป็นยังไงบ้างสบายดีกันหรือเปล่า"
"เฮ้อ~ไม่เลยหลังจากพี่หายตัวไปและไคเอ็นเสียชีวิต ผมที่อ่อนแอก็เริ่มถูกมือสังหารไล่ล่าจนสูญเสียความทรงจำไปเกือบสี่ปี พอความทรงจำเริ่มกลับมาผมก็ได้รู้ว่าตระกูลชิบะของพวกเราก็ถูกถอดออกจากการเป็นขุนนางและล่มสลายไปแล้ว คนในตระกูลส่วนใหญ่น่าจะถูกลอบสังหารตามไปเหลือเพียงสองพี่น้อง"
"นั่นเป็นต้นเหตุที่นายใช้ตัวตนใหม่สินะ"
เขาพยักหน้า ถึงเขาจะอยากร้องความเป็นธรรมให้ตระกูลก็จริงอยู่ แต่ด้วยสถานะปัจจุบันเขาจะทำอะไรอีกฝ่ายได้ อีกฝ่ายเป็นถึงผู้ควบคุมเซเรย์เทย์ภายในเงามืดขนาดตระกูลชิโฮอินกับตระกูลคุจิกิที่ปัจจุบันยังเป็นขุนนางใหญ่ก็ไม่มีอำนาจเทียบเท่าอีกฝ่ายเลย
"พวกสึนะยาชิโระละสิ"
"พี่รู้ด้วยหรอ"
"ก็พอคาดเดาได้ละนะ ตระกูลที่มีอำนาจมากพอที่จะโค่นล้มตระกูลขุนนางหรือแม้กระทั่งตระกูลขุนนางใหญ่ด้วยกันเองก็มีเพียงตระกูลสึนะยาชิโระเท่านั้นที่ทำได้ และสาเหตุที่ตระกูลชิบะหลุดออกจากการเป็นขุนนางใหญ่ก็เป็นเพราะพวกมัน ในอดีตกาลตระกูลชิบะของเราเคยคัดค้านข้อเสนอแสนอำมหิตของอีกฝ่ายอยู่ตลอดนั่นคงเป็นสาเหตุที่อีกฝ่ายไม่พอใจ โดยเฉพาะการคัดค้านเรื่องการแยกส่วนร่างกายของเรย์โอ"
ราเซ็ตสึเบิกตาขึ้นเล็กน้อย อย่างที่คิดว่าทำไมตระกูลชิบะถึงหลุดออกจากการเป็นขุนนางใหญ่ สาเหตุก็มาจากสึนะยาชิโระจริงๆ ดูท่าหลังจากจบศึกครั้งนี้จะได้เวลาเปิดเผยตัวตนของเขาเสียที ม่านตาของราเซ็ตสึคมกริบริมฝีปากเผยรอยยิ้มเย็นยะเยือกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
'ไม่ท้าทายอีกฝ่ายสักหน่อย คงจะน่าเบื่อแย่'
"อย่ารีบร้อนไปอิซามุ ต่อให้ตอนนี้นายกลับไปใช้สถานะของตระกูลชิบะก็คงเป็นได้เพียงตระกูลขุนนางสามัญเท่านั้น"
"ไม่เลย เพราะผมคิดว่าการกลับมาของตระกูลชิบะจะทำให้ฝั่งนั้นหวาดระแวงจนแทบคลั่ง"
"..."
มองน้องชายที่กำลังปลดปล่อยจิตสังหารอันแรงกล้าออกมาผ่านสายตา อิชชินก็ได้แต่ถอนหายใจ ถ้าวันนั้นเขาไม่ตกหลุมพรางของไอเซ็น น้องชายของเขาก็คงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ทุกอย่างมันเป็นความผิดของเขาเอง
"อย่าคิดมากเลยพี่ มันไม่ใช่ความผิดของพี่หรอก ผมรู้เรื่องที่เกิดราวที่เกิดขึ้นหลายสิบปีก่อนดี อีกอย่างพี่เองก็มีลูกชายและลูกสาวอีกสองคนที่ต้องดูแล สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะผมในตอนนั้นอ่อนแอเอง แต่ตอนนี้ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรแล้วละ ใช้ชีวิตกับลูกๆให้คุ้มเถอะค่อยกลับมา"
"ขอบใจนะอิซามุ"
ราเซ็ตสึยิ้มและมองไปที่อิจิโกะ จะว่าไปนอกจากสีผมเจ้าเด็กนี่ก็เหมือนกับอิชชินตอนหนุ่มราวกับแกะ ทางคารินเองก็สืบทอดสายเลือดตระกูลชิบะมาด้วย คงมีเพียงยูซุที่ได้ความสวยความอ่อนโยนมาจากมารดาแทบทั้งหมด
"ไว้โอกาศหน้าพาผมไปเยี่ยมหลุมศพของพี่สะใภ้หน่อยแล้วกัน"
"ได้สิไว้หลังจบศึกนี้แล้วกัน แถมฉันจะพานายไปเจอลูกสาวของฉันด้วยนะ บอกเลยนายจะต้องหลงรักพวกเธอตั้งแต่แรกเห็นแน่นอน เอ้าเอารูปไปดูบอกไว้ก่อนให้ยืมเท่านั้นนะดูเสร็จแล้วคืนด้วย!"
'เอ็งจะหวงลูกสาวไปไหนเนี่ย และนี่มันก็แค่รูปเองนะ!!'
เห็นอีกฝ่ายชูรูปตอนเด็กของเด็กหญิงสองคนราเซ็ตสึก็ยิ้มที่มุมปากอย่างช่วยไม่ได้ ก็น่ารักอย่างที่ว่าจริงๆนั่นแหละ หลังจากดูเสร็จอิชชินก็รีบเก็บรูปเข้ากิโมโนไม่ให้เขาดูอีก คิ้วของราเซ็ตสึกระตุกเล็กน้อยหลังเห็นการกระทำของอีกฝ่าย นี่ตูเป็นน้องชายของเอ็งนะเฟ้ย
จากนั้นทั้งสองก็พูดคุยกันอย่างเรื่อยเปลื่อยจนกระทั่งช่วงหนึ่งราเซ็ตสึส่งไคเคียวโคเทย์คืนไปให้อิชชิน และมุ่งหน้าออกจากดันไก เขาไม่แน่ใจว่างินลงมือไปแล้วหรือยัง ถ้าเขาไปช้าอีกฝ่ายจะม้วยเสียก่อน
หลังจากที่ออกมาจากดันไกและยืนโง่ๆอยู่ภายในนั้นหลายชั่วโมงแรงดันวิญญาณก็ฟื้นคืนมาอย่างสมบูรณ์ แต่น่าเสียดายที่ดวงจันทร์ด้านหลังของเขาแตกออกไปแล้วถึงสามครั้งจนเหลือเพียงจันทร์เพียงไม่ถึงครึ่ง
"[ เวลาของเจ้าเหลืออีกไม่มากแล้ว ข้าจะเตือนเจ้าอีกครั้ง อย่าได้คิดใช้มันในตอนนี้ ]"
"เอาน่าตอนนี้ผมควบคุมพลังในระดับบังไคใกล้จะสมบูรณ์แล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้วนี่จริงไหม..."
"[ ... ]"
สึคุโยมิไม่ได้กล่าวอะไรอีกเพราะเธอค่อนข้างเบื่อหน่ายที่จะพูดเตือนให้คนไม่ฟัง และหลังจากที่ออกมาจากดันไก ออกอยู่แถวป่าซึ่งไม่ไกลจากจุดที่มีเมืองคาราคุระถูกโยกย้ายมา ตอนนี้เขาสามารถสัมผัสแรงดันวิญญาณของไอเซ็นได้แล้วแถมยังแบบชัดแจ๋วเลยทีเดียว
"ดูเหมือนงินจะเริ่มแล้ว แรงดันวิญญาณของงินกำลังเบาบางลง"
ฟึบย่างเท้าในชั่วพริบตาราเซ็ตสึก็เห็นงินใกล้จะถูกไอเซ็นที่ปัจจุบันมีปีกพิลึกแปดคู่จับแขนอาบเลือดของเขาไว้ด้วยรอยยิ้ม ราเซ็ตสึไม่รีรอเปิดใช้ของขวัญที่ทิ้งเอาไว้ในแขนขวาของไอเซ็นทันที แผละเลือดสาดกระจายแขนระเบิดออกเป็นเศษเนื้อ
"ในที่สุดก็มาสักทีนะครับ คุณอิซามุ"
"รีบไปเถอะ ไปทำตามความตั้งใจที่แท้จริงของคุณส่วนเจ้าหมอนี่ผมจะยันไว้ให้เอง"
ร่างของงินหายไปซึ่งราเซ็ตสึไม่รีรอรีบใช้ชินเคียวกะซุยเก็ตสึ หลอกลวงประสาทสัมผัสของไอเซ็น โดยหลอกล่ออีกฝายไม่ให้ตามงินไปในตอนนี้ แต่ทว่าในชั่วพริบตาเดียวฝ่ามือบองอีกฝ่ายก็แทงทะลุผ่านหน้าท้องของราเซ็ตสึไป
"นี่คือบทลงโทษที่กล้าขวางทางฉัน สำหรับคนที่พัฒนาอย่างผิดพลาดจนไม่เหลือแรงดันวิญญาณอย่างนายตายไปได้แล้วชิบะ อิซามุ!!"
"ไม่ใช่ผมหรอกนะที่ขวางทางคุณ แต่เป็นคุณต่างหากที่กำลังขวางทางผม"
วิช
ไอเซ็นเหวี่ยงดาบไปที่ด้านหลังแต่ก็พบว่าร่างของราเซ็ตสึที่ด้านหลังเป็นเพียงภาพมายาที่ถูกทิ้งไว้เท่านั้น ภาพที่ด้านหน้าเองแตกสลายกลายเป็นแผ่นกระจก จากนั้นเขาก็เริ่มหยอกล้อไอเซ็นอยู่สิบนาทีและหยุดมัน
การหลอกล่ออีกฝ่ายแบบนี้ไปเรื่อยๆ คงไม่ดีเท่าไหร่นัก ถ้าอีกฝ่ายเกิดโมโหทำลายพื้นที่โดยรอบจนมนุษย์โดนลูกหลงขึ้นมาคงไม่คุ้มเสี่ยง มองไอเซ็นจากดาดฟ้าเหนือหัวของอีกฝ่าย จู่ๆไอเซ็นก็หยุดเคลื่อนไหว ร่างกายของอีกฝ่ายสลายกลายเป็นประกายแสงตามงินที่หลบหนีไปในชั่วพริบตา
ไม่สิโฮเงียคุกำลังเรียกหาเจ้าหมอนี่อยู่แน่ๆ มันถึงทะลวงการสะกดประสาทสัมผัสทั้งหกของเขาได้ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาอึ้งแล้ว เขาต้องรีบตามไป แต่ในขณะที่เขากำลังก้าวเดินดวงจันทร์ที่อยู่ด้านหลังก็แตกออกเสียนี่
แกร็ก เพล้ง
"เวลาของทางเราเองก็เหลืออยู่ไม่มากแล้ว ปัญหาเยอะจริงๆเลยแฮะ"
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ถ้าไม่ทักทายกลับก็น่าเบื่อแย่สิ ใช่มั๊ยอิซามุ XD
ป.ล.ยังไม่สิ้นตระกูล ชักหน่อยคนที่ยังมีชีวิตอยู่อย่างชิบะ ชูคาคุ กับ กันจู อยู่ที่เชเรย์เทย์ไว้มีเวลาก็ไปหาแนวร่วมมาฟี้นฟูล้างมลทินให้ตระกูลของตนเองซิครับอิชามุ....
น่าโดนเหยียบอีกรอบจังเลยนะป๋าอิชินอยากรู้ว่าพระจันทร์ถ้าแตกหักจนหมดแล้วจะเป็นยังไงบ้างและตอนนี้ช่วยอิจิมารุงินแล้วงานนี้อิชามุรอดให้ได้น้าาาาาาเชียร์สุดๆเลยคร้าบผม