ตอนที่ 56 : ตอนที่ 56
"พอวิถีมารใช้ไม่ได้ผลก็เลยคิดจะใช้ดาบฟันวิญญาณแทนสินะ ก็ย่อมได้"
ในขณะที่ไอเซ็นกำลังยืนหันหลังให้พวกเขาอิชชินก็วิ่งเข้าใส่อย่างไม่รีรอ ดาบในมือฟาดฟันไปที่อีกฝ่าย ราวกับมีตาที่ด้านหลังไอเซ็นโน้มตัวลงต่ำพลางยกเท้าโดยใช้พื้นรองเท้าปิดกั้นคมดาบของอิชชินไว้ ก่อนจะยกเท้าบังคับให้ดาบในมือของอิชชินดีดตัวขึ้นฟ้า
ร่างขาวพิลึกรูปแบบของดักแด้หมุนตัวและเตรียมใช้ดาบเข้าฟันอิชชินทว่าอุราฮาระที่อยู่ด้านหน้ารีบใช้ดาบปิดกั้นคมดาบของอีกฝ่ายเอาไว้ ทำให้อิชชินใช้โอกาศนั้นฟาดดาบลงไปอีกที แต่ราวกับเดจาวูภาพเดิมเกิดขึ้นกับอิชชินอีกรอบ แต่ครานี้ไอเซ็นไม่ได้ยกเท้าปัดดาบแต่เลือกที่จะถีบเข้าหน้าท้องของอีกฝ่ายแทน
ในขณะที่อิชชินถอยหลังจากแรงถีบ แต่เจ้าตัวกลับไม่ได้ถูกถีบมาอย่างว่างเปล่า ในมือของอิชชินถือโซ่พลังวิญญาณและดึงขาของไอเซ็นเอาไว้ทาง อุราฮาระเองก็ถือโซ่และใช้มันดึงแขนของไอเซ็น
"คิดจะเล่นอะไรอีกละ ?"
ในขณะที่ไอเซ็นกำลังสงสัย ร่างของหญิงสาวผิวแทนสวมเกราะแขนและขาก็โผล่พุ่งขึ้นมาเหนือตัวของไอเซ็น เธอทิ้งดิ่งลงมาดุจดาวตกและใช้หมัดหุ้มเกราะอัดเข้าที่กลางหลังของไอเซ็น ตู้มมมมม คลื่นระเบิดรุนแรงมากจนตึกและซากตึกโดยรอบเละเทะอย่างไม่มีชิ้นดี
ทางราเซ็ตสึที่เห็นการต่อสู้เริ่มต้นขึ้นอีกละลอกก็ไม่คิดจะยืนอยู่เฉยๆ เหล่มองไปทางงินและเห็นอีกฝ่ายยิ้มให้เขาก็ไม่รีรอชักดาบดำออกจากฝัก ตอนนี้แรงดันวิญญาณของเขาเริ่มค่อนข้างเสถียรแล้ว แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะใช้บังไคแบบสมบูรณ์อาจจะใช้ได้แค่สองส่วนสี่ในรูปแบบแรก
"Bankai - Tsukuyomi : Mangetsu(บังไค - เทวีจันทรา : จันทร์เพ็ญ)"
ฟูมมมมม
คลื่นแรงดันวิญญาณสีดำอมทองของราเซ็ตสึแผ่ขยายออกมาอย่างรุนแรง ไม่นานนักร่างของชายหนุ่มในในสภาพเดิมก็เดินออก ไม่มีความแตกต่างไปจากเดิม
นอกจากนัยน์ตาสีแดงดุจดั่งโลหิตกับชุดชิฮาคุโชที่มีขอบสีแดงและฮาโอริสีขาวที่ปัจจุบันกลายเป็นฮาโอริดำ ที่ด้านหลังเขาเขามีของทรงกลมคล้ายแสงจันทร์ขนาดเท่าลูกบาสลอยอยู่เหนือหัว มันคือสิ่งที่จะใช้กำหนดเวลาคล้ายกลีบดอกไม้ด้านหลังของโทชิโร่
ไฟ
"[ ได้แค่นี้แหละ นี่ขีดจำกัดของเจ้าในตอนนี้ละอิซามุ ถ้าทำได้ ก็จงจบศึกก่อนที่จันทราด้านหลังของเจ้าจะแตกสลายหายไปจนหมด จำไว้อย่าชักช้า ]"
เสียงอันแสนไพเราะดังออกมาจากด้านหลัง หญิงสาวผู้งดงามดุจเทพธิดา เธอมีผมดำสนิทในชุดกิโมโนสีดำ หญิงสาวที่ว่าคลี่พัดในมือทั้งสองและเริ่มย่างเท้าเดินมาอยู่เคียงข้างราเซ็ตสึ จากเทพธิดาตัวน้อยสู่เทพธิดาสาว
"รู้อยู่แล้วละ"
ว่าจบร่างหญิงสาวก็สลายกลายเป็นดาบในมือของเขา ย่างเท้าร่างของราเซ็ตสึก็โผล่มาอยู่เหนือใจกลางการต่อสู้ ดาบดำในมือของราเซ็ตสึแตกสลายกลายเป็นละอองแสงสีทองดุจแสงจันทร์ที่งามสลัว กำมือชูขึ้นเหนือหัว ละอองแสงสีทองสลัวก็เข้ารวบรวมกันที่รูที่ฝ่ามือของเขา
"Tenbatsu Gekka(ทัณฑ์สวรรค์ภายใต้ดวงจันทร์)"
โยรุอิจิ อิชชินและอุราฮาระต่างพากันเงยหน้ามองและรีบดีดตัวเผ่นออกจากระยะที่พวกเขาคาดเดา ซึ่งราเซ็ตสึใช้จังหวะนั้นโบกมือสับลงไปยังทิศทางที่ไอเซ็นอยู่ คลื่นแสงสีทองสูงเสียดฟ้าพุ่งออกไปจากแสงจันทร์ในมือผ่าและกลืนร่างของไอเซ็นในชั่วพริบตาเดียว
นี่คือทักษะโจมตีของบังไครูปแบบแรกเริ่ม ช่วงเวลานี้ถ้าจบได้ก็คงต้องรีบจบเพราะเขาไม่คิดจะรีรอให้อีกฝ่ายถลุงตัวเองเป็นจนยืดเวลาเป็นแน่ และถ้าการโจมตีนี้ยังทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้เขาก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วเช่นกัน
ฟึบ ฟึบ ฟึบ
"จะเล่นท่าใหญ่ทีหลังช่วยบอกพวกผมล่วงหน้าหน่อยเถอะครับ คุณคุโรกิ"
ร่างของอุราฮาระโผล่มายืนข้างราเซ็ตสึและกล่าวขึ้นอย่างหวาดเสียว ก่อนที่ร่างของอิชชินและโยรุอิจิจะตามมา ทั้งสามมองไปที่รอยยาวที่ราบเรียบซึ่งเป็นทางที่แสงจันทร์สาดส่องไปถึงเป็นทางยาวเป็นรอยแยกแบ่งเขตเส้นให้เห็นอย่างชัดเจน น่าเสียดายหลังเห็นร่างพิลึกเริ่มขยับราเซ็ตสึก็กำดาบที่กลับสู่สภาพเดิมจนแน่น
'ดูเหมือนจะยังไม่เพียงพอ'
แกร็ก เพล้ง!
ดวงจันทร์ด้านหลังของราเซ็ตสึแตกสลายหายไปถึงส่วนหนึ่ง แต่แทนที่พลังวิญญาณและแรงดันวิญญาณของเขาจะตกหล่นและอ่อนแอลงจากการแตกสลายของดวงจันทร์ ทว่าผลกลับตรงกันข้าม ยิ่งดวงจันทร์ที่ด้านหลังแตกสลายพลังวิญญาณและแรงดันวิญญาณก็ยิ่งปะทุเพิ่มมากขึ้นแบบทวีคูณ
แต่แม้ตอนนึ้พลังของราเซ็ตสึจะเพิ่มขึ้นมาอีกขั้นแต่ก็ยังไม่เพียงพอ คงไม่แปลกระดับของไอเซ็นอยู่เหนือคนละมิติกับทุกคนไปแล้ว แม้แต่ราเซ็ตสึที่อยู่ในขั้นบังไคเองก็จับแรงดันวิญญาณของอีกฝ่ายได้แค่รางๆเท่านั้น
"เป็นการโจมตีที่ยอดเยี่ยมมาก เมื่อครู่ถ้าฉันยังเป็นยมทูตอยู่แล้วละก็คงไม่มีทางรอดแน่"
ตัวพิลึกในรูปแบบดักแด้ค่อยๆลุกขึ้นจากพื้น ทันทีที่เจ้าตัวยืนก็เผยให้เห็นรอยแยกบนร่างกายตั้งแต่กลางหัวจนถึงท้อง ภายในรอยแยกเผยให้เห็นร่างกายแต่เป็นอะไรสักอย่างที่เกินขอบเขตความรู้ของทุกคนไปแล้ว
"อย่าพูดให้ผมช้ำใจเล่นเลยครับ คุณไอเซ็น"
"หึ เอาละถึงคราวที่ฉันจะทดสอบพลังของตัวเองบ้างแล้วละนะ"
วับ ตู้มมมมมมมมมมมม
ความเจ็บปวดแร่นเข้าสู่ประสาทและสมองของทุกคนที่อยู่ในบริเวณ เพียงชั่วพริบตาเดียวไอเซ็นก็โค่นพวกเขาได้อย่างง่ายดายร่างทั้งสี่ที่ลอยอยู่บนฟ้าล่วงหล่นอยู่ไม่ไกลจากพวกอิจิโกะและงิน
ร่างของโยรุอิจิกับราเซ็ตสึนอนห้อยหัวอยู่บนตึก ในขณะที่ร่างของอิชชินนอนคว่ำหน้าและอุราฮาระที่นอนหงายอยู่ที่พื้น บอกได้เลยว่าทั้งสี่หมดสภาพ อิจิโกะมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างหวาดกลัว โดยเฉพาะหลังจากไอเซ็นได้มาอยู่ตรงหน้าของเขา
"งินเมื่อกี้นายคิดจะทำอะไรกับเขาน่ะ"
"ก็แค่ทดสอบกำลังน่ะครับ"
"งั้นหรอ ช่างเถอะเปิดประตูผ่านโลกซะ เราจะบุกเมืองคาราคุระที่โซลโซไซตี้ ไม่จำเป็นต้องทำลายเสาหลักที่นี่ การจะถล่มวังราชันย์ การไปสร้างโอเค็นทำที่โซลโซไซตี้จะเหมาะกว่า"
ในขณะที่ไอเซ็นกำลังเดินลอยหน้าลอยตาอย่างมาดมั่น ผิวขาวชั้นนอกช่วงหัวจนถึงอกก็เริ่มแตกตัวออก การพัฒนาในระยะดักแด้สิ้นสุดลงแล้ว ผมของไอเซ็นยาวขึ้น ตาขาวกลายเป็นสีม่วง นัยน์ตากลายเป็นสีเทาอยู่ในชุดขาว
จากนั้นงินก็เปิดประตูพาไอเซ็นไปยังเมืองคาราคุระที่แท้จริง ซึ่งปัจจุบันถูกย้ายไปอยู่ที่โซลโซไซตี้ เมื่อเห็นทั้งสองจากไปแล้วร่างทั้งสี่ที่ล้มตัวลงนอนอยู่ที่พื้นก็เริ่มแตกสลายราวแผนกระจก ชินเคียวกะ ซุยเกสึถูกเปิดใช้เรื่องที่พวกเขาถูกโจมตีเมื่อครู่ก็เพียงสิ่งสมมุติ แม้อีกฝ่ายจะมีพลังมากมายแค่ไหนแต่สุดท้ายก็ยังตกอยู่ภายใต้การสะกดของเขาอยู่ดี
"ถ้าไม่ได้คุณคุโรกอช่วยไว้นี่แย่เลยนะครับ เอายังไงต่อดีละทีนี้"
"คุณแอบฝังผนึกไว้ในร่างของไอเซ็นแล้วสินะอุราฮาระ"
"โอ๊ะโอ สังเกตุเห็นด้วยหรอครับเนี่ย"
"ก็นะ แล้วทันจะเริ่มทำงานยังไง ?"
"ผนึกจะเริ่มทำงานก็ต่อเมื่อคุณไอเซ็นเริ่มอ่อนแอลงน่ะครับ"
"ผมคงทำอะไรไม่ได้ เพราะตั้งแต่เขาออกจากสถานะดักแด้จนถึงตอนนี้ผมเองก็ไม่สามารถสัมผัสแรงดันวิญญาณของคุณไอเซ็นได้แล้ว แต่ว่าอิจิโกะเธอสัมผัสถึงมันได้ใช่ไหมแรงดันวิญญาณของเจ้านั่นในตอนนี้"
ราเซ็ตสึกล่าวบอกอุราฮาระและหันไปถามอิจิโกะเพื่อยืนยัน อันที่จริงเขาอยากเป็นผู้ปิดฉากไอเซ็นด้วยตัวเองมากกว่า แต่ว่าเขาไม่อยากใช้พลังที่ตนเองยังควบคุมมันไม่ได้และอาจจะต้องเก็บเอาไว้เป็นไม้ตายลับถ้าการต่อสู้ครั้งนี้อิจิโกะไม่สามารถกำราบไอเซ็นได้
"คะ คือ คือว่า..."
"ที่อิซามุพูดนั่นมันจริงหรือเปล่าอิจิโกะ!"
"ชะ ใช่แรงดันวิญญาณของเจ้านั่นมันราวกับปีศาจ ดังนั้นพอเถอะป๋าพวกเราไม่มีทางชนะปีศาจแบบมันได้หรอก"
อิชชินไม่ได้สนใจในประโยคหลัง เจ้าตัวถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ราเซ็ตสึเดินลากโยรุอิจิและอุราฮาระออกจากบริเวรนี้ โดยปล่อยให้สองพ่อลูกได้พูดคุยกันเอง ส่วนทางราเซ็ตสึหลังลากทั้งสองมาได้ไกลพอสมควรก็เหล่มองไปที่ดวงจันทร์ที่ด้านหลังที่แตกออกเป็นครั้งที่สอง
'คงต้องยื้อมันไว้ก่อนเพื่อความแน่นอน'
สึคุโยมิ
เทวีจันทรา
คุโรกิ ราเซ็ตสึ
(ชิบะ อิซามุ)
ในสภาพปลดปล่อยบังไค
รูปแบบแรก
Tsukuyomi : Mangetsu
เทวีจันทรา : จันทร์เพ็ญ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ไฟนอลชันเกชึจะมาแล้วสินะครับคุโรกิไม่สิอิชามุเตรียมตัวให้พร้อมกับช่วงไคลแมกซ์ของสงครามกันเถอะ...
สนุกมากกกก