ตอนที่ 4 : ตอนที่ 4
"คุโรกิ ราเซ็ตสึ อสูรยักษ์ร้ายกับความสิ้นหวังสีดำหรือ อืม~ชื่อของเจ้านี่ช่างน่าแปลกประหลาดเสียจริง"
"ขอบคุณที่ชม"
"ไม่ได้ชมโว้ย!!! เอาเถอะชื่อของข้าคือดันโซมารุ เริ่มกันเถอะ ข้ารับคำท้าทายของเจ้าแล้ว"
ดันโซมารุหยิบขวานเล่มใหญ่ออกมาและประกาศรับคำท้าดังสนั่น ทางชายหนุ่มก็ไม่ได้รีรอหลังเห็นอีกฝ่ายหยิบอาวุธออกมาเตรียมพร้อมร่างของเขาก็กระพริบไปอยู่ตรงหน้าของอีกฝ่ายในชั่วพริบตาเดียว
"เฮ้ย เจ้าใช้ก้าวพริบตาได้ด้วย ?"
"ใช้ได้นิดหน่อยแต่ไม่ถือว่าชำนาญ วิถีพันธนากรที่ 9 เกคิ วิถีพันธนากรที่ 9 โฮริน วิถีพันธนาการที่ 4 ไฮนาวะ วิถีพันธการที่ 1 ไซ"
หลังร่ายวิถีพันธนาการที่ 9 เกคิ เสร็จดันโซมารุที่เบิกตากว้างหลังเห็นคลื่นพลังวิญญาณสีแดงพุ่งเข้ามาคลุมร่างของเขาทำให้ร่างกายของเขาเกิดอาการชาขยับตัวไม่ได้อย่างใจนึก
เท่านั้นยังไม่พอเจ้าเด็กประหลาดนี่ก็ใช้วิถีพันธนาการที่ 9 โฮริน ซึ่งเป็นบทที่สองบทเดียวกับเกคิ แต่โฮรินจะเป็นการสร้างแส้สีส้มและขว้างปาใส่เป้าหมายทำให้เกิดอาการชา ด้วยการประสานบทเกคิและโฮรินทำให้ดันโซมารุไม่สามารถขยับตัวได้อีกช่วงหนึ่ง
ทั้งที่เป็นแบบนั้นเจ้าเด็กนี้กลับชั่วร้าย มันเริ่มรายวิถีพันธนาการที่ 4 ไฮนาวะต่อทันทีโดยไม่ให้ตัวมันได้พักหายใจ เชือกสีเหลืองเข้ามารัดพันตัวเขาไว้อย่างแน่นหนาแถมเชือกนี่ก็ดูแข็งแกร่งผิดปกติอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ดันโซมารุจึงเตรียมยอมรับอีกฝ่ายทันที แต่ทว่าเจ้าหนุ่มประหลาดนี่กลับร่ายวิถีพันธนาการที่ 1 ไซที่ใช้สะกดเป้าหมายต่ออีกทำให้ตอนนี้ตัวมันถูกพันธนาการเอาไว้อย่างสมบูรณ์ นี่เอ็งรอบครอบอะไรขนาดนั้นเจ้าหนุ่ม!!
"ดูเหมือนจะจบแล้วนะครับ"
เสียงของชายหนุ่มผมดำเรียกสติดันโซมารุ เจ้าตัวใช้ตาเหล่มองไปที่ชายหนุ่มผมดำสนิทกำลังนั่งอยู่บนไหล่ ดาบฟันวิญญาณในมือของเด็กนี่ถูกวางพาดไว้ที่คอของเขา ดันโซมารุเองหลังได้รับความพ่ายแพ้ก็ได้แต่ถอนหายใจ อุส่ามีคนมาท้าทางทั้งทีกลับไม่ได้ออกกระบวนท่าเลยสักนิด ใครจะคิดเล่าว่าเขาจะมาเจอกลับตัวประหลาดในเขตซาราคิทั้งยังใช้ก้าวพริบตาและวิถีมารได้อย่างชำนาญแบบนี้
'ร่างกายข้าอยากปะทะ!!!'
"เฮ้อ เจ้าชนะไม่คิดว่าเจ้าจะชำนาญวิถีมารด้วยหรอ!"
"เรียนมาเล็กน้อย ไม่ค่อยชำนาญเท่าไหร่"
'ไม่ชำนาญเตี่ยแกสิ เจ้าหนูเอ็งคิดจะหลอกลวงใคร'
แปะๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
หลังสิ้นคำประกาศของดันโซมารุ เสียงปรบมือก็ดั่งสนั่นไปทั่วหน้าประตูทิศเหนือ เหล่าชาวบ้านที่มายืนออเพื่อชมการท้าดวลของชายหนุ่มต่างชื่นชมชายหนุ่มคนนี้เป็นอย่างมากที่ผ่านการทดสอบของผู้เฝ้าประตูในตำนานได้ และนี่ก็นานมาแล้วที่พวกเขาไม่ได้ชมการท้าทายแบบนี้!
ทางราเซ็ตสึเองหลังได้ยินคำประกาศของดันโซมารุก็เริ่มถอนวิถีพันธนาการทั้งสี่ที่เขาร่ายใส่อีกฝ่ายออกเพื่อให้อีกฝ่ายหลุดจากสถานะผิดปกติ หลังถอดถอนเสร็จชายหนุ่มก็กระโดดจากไหล่ลงสู่พื้นและเก็บดาบเข้าสู่ฝัก
"ยินดีด้วยเจ้าผ่านการทดสอบแล้ว เอาละถอยไปนิดข้าจะเปิดประตูให้เจ้า"
"ท่านจะไม่แจ้งพวกยมทูตก่อนหรือ ?"
"เรื่องนั้นไม่จำเป็น เพียงแค่เจ้าใช้วิถีมารออกมาป่านนี้พวกยมทูตติดอันดับจากสิบสามหน่วยพิทักษ์ก็คงเตรียมพร้อมรอรับเจ้าแล้ว"
ชายหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะถอยหลังเพื่อให้พื้นที่แก่การเปิดประตูแก่ดันโซมารุ เมื่ออีกฝ่ายปรับสภาพร่างกายได้ก็ก้มลงยกประตูบานยักษ์ขึ้นทันที ประตูนี่ดูท่าจะหนักมากขนาดแขนของดันโซมารุเองยังสั่นสะท้านให้เห็น
แต่ว่าเขาสนใจอีกฝ่ายได้ไม่นาน เพราะทันทีที่ประตูถูกเปิดออกก็เผยให้เห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดกาฮามะสีดำมายืนรออยู่หลายสิบคน แถมหนึ่งในนั้นยังมีคนที่เขาเคยเห็นผ่านอนิเมะรวมอยู่ด้วย
"นี่หรอเด็กใหม่ที่เอาชนะยามหน้าประตู ดูเหมือนจะไม่ค่อยเท่าไหร่เลยนะ ถ้าไม่ได้สัมผัสแรงดันวิญญาณเมื่อครู่ฉันคงคิดว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงคนสามัญเท่านั้น คิดว่าไงครับหัวหน้า"
หลังจากที่ชายร่างท้วมมัดป้ายระบุยศรองหัวหน้าไว้ที่แขนซ้ายกล่าวจบ เจ้าตัวก็หันไปถามความคิดเห็นจากด้านหลัง สิ้นคำถามหญิงสาวร่างเล็กในชุดกาฮามะทับด้วยฮาโอริสีขาวซึ่งแสดงให้ถึงยศของอีกฝ่าย ใช่แล้วหญิงสาวร่างเล็กคนนี้คือยมทูตระดับหัวหน้าหน่วย
ดวงตาของราเซ็ตสึมีประกายลี้ลับหลังได้เห็นหญิงสาวร่างเล็ก เธอคนนี้คือหัวหน้าหน่วยที่สอง หัวหน้าหน่วยปราบปรามแห่งหน่วยลับของเซเรย์เทย์ ซุยฟง หนึ่งในกระสอบทรายประจำเรื่องเทพมรณะ! เอาละแต่บทกระสอบทรายของเธอก็ไม่ค่อยมากนัก มันยังไม่เท่ากับกระสอบทรายอันดับสองอย่างฮิสึกายะ โทชิโร่และอันดับหนึ่งตลอดกาลอย่างคุจิกิ ลูเคีย
"ก็ไม่เท่าไหร่ กลับกันเถอะ"
พอเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มหญิงสาวหรือซุยฟงก็หันหลังและเดินทางไปทันที ชายอ้วนเองหลังได้ยินคำกล่าวก็หยิบถุงขนมและหันมายิ้มคล้ายเยาะเย้ยเขา ก่อนจะพากลุ่มของตัวเองจากไปโดยทิ้งความสับสนใจแก่ราเซ็ตสึไม่น้อย
'อะไรของพวกมันละนั่น แต่ช่างเถอะเพราะฉันก็ไม่ได้สนใจหน่วยปราบปรามเสียเท่าไหร่'
หลังจากหน่วยสองจากไปได้สักระยะหนึ่งเสียงวูบวาบนับสิบก็ดังขึ้นทันที ตรงหน้าของราเซ็ตสึมีชายหญิงสามคนโผล่ออกมาอีกครั้งสองคนเป็นผู้ชายอยู่ในระดับหัวหน้าหน่วย ส่วนอีกคนเป็นผู้หญิงอยู่ในระดับรองหัวหน้าหน่วย
"เขาคนนี้สินะ หือ~แรงดันวิญญาณสูงมากแถมยังอยู่ในระดับหัวหน้าหน่วยอีกด้วย"
"ฉันคิดว่านายควรจะรับเขาไว้นะอุคิทาเกะ ยังไงหน่วยของนายในตอนนี้ก็ยังไม่มีรองหัวหน้าคนใหม่"
"นายก็มาด้วยหรอเคียวราคุ เฮ้ออันนี้เราคงต้องถามความคิดเห็นจากเด็กหนุ่มคนนั้นก่อน"
ชายผมขาวดูอมโรคกับชายหน้าลุงที่คล้ายคนไม่ได้ความทั้งคู่เป็นหัวหน้าหน่วยและต่างพูดคุยกันอย่างสนิทสนม ทางราเซ็ตสึในตอนนี้มีประกายในดวงตายิ่งกว่าเก่าเพราะสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้คืออุคิทาเกะ จูชิโร่หัวหน้าหน่วยที่ 13
และเคียวราคุ ชุนซุย หัวหน้าหน่วยที่ 8 แม้ชุนซุยจะไม่ใช่เป้าหมายของราเซ็ตสึแต่ก็อดไม่ได้ที่จะเคารพชุนซุยผู้มีความเจ้าเล่ห์ดุจจิ้งจอก แน่นอนว่าการมาของเขาในครั้งนี้เป้าหมายอยู่ที่อุคิทาเกะ จูชิโร่ เนื่องจากอีกฝ่ายค่อนข้างใจดีแม้จะมีข้อเสียที่อีกฝ่ายชอบทำตัวลึกลับไปบ้างก็ตาม แต่โดยรวมแล้วเหมาะเป็นผู้ให้คำแนะนำแก่เขาเป็นอย่างมาก!
"เอาละหนุ่มน้อยเธอคิดว่าไง หัวหน้าหน่วยที่ 13 อยากให้เธอมาร่วมหน่วยของเขา"
เคียวราคุที่ได้ยินคำกล่าวของเพื่อนสนิทก็หันมาถามความเห็นของเขาทันที ซึ่งราเซ็ตสึก็ไม่ได้เล่นตัวอะไรทั้งสิ้นตอนนี้เขาต้องการศึกษาและหาข้อมูลให้มากยิ่งขึ้น และนี่เป็นโอกาศของเขาแล้ว!
"ผมคุโรกิ ราเซ็ตสึครับขอฝากตัวด้วย"
"เป็นชื่อที่แปลกดี เอาละฉันชื่ออุคิทาเกะ จูชิโร่ เป็นหัวหน้าหน่วยที่ 13 หนึ่งในสิบสามหน่วยพิทักษ์ ยินดีต้อนรับนะ"
"ขอบคุณครับ ท่านอุคิทาเกะ"
ชายอมโรคพยักหน้ายิ้มบางๆ เขาพูดคุยกับชุนซุยอีกเล็กน้อยก่อนจะพาตัวราเซ็ตสึจากไปโดยไม่สนใจหน่วยอื่นๆ ทั้งสองคนเดินทางไปที่หน่วย 13 อุคิทาเกะนั้นอยากจะลองพูดคุยเพื่อดูบุคลิกนิสัยของชายหนุ่มคนนี้เสียหน่อย
"เธอมาจากเขตไหนหรอ คุโรกิ"
"ลูคอนทิศเหนือในเขตที่ 80 ครับ"
"แบบนี้นี่เอง คงลำบากมามากเลยสินะ"
"ก็ไม่เท่าไหร่ครับ"
อุคิทาเกะพยักหน้าทั้งที่จริงเขารู้สึกตกใจมาก เมืองลูคอนทิศเหนือ เขตที่ 80 หรือเขตซาราคินั้นเป็นเมืองที่โหดร้ายมาก ไม่คิดเลยว่าเด็กหนุ่มแบบเขาจะรอดจากความโหดร้ายนั้นมาได้ จะว่าไปหัวหน้าซาราคิเองก็เติบโตมาจากที่นั่นด้วย
'แปลกกลับเขาไม่ได้มีนิสัยบ้าคลั่งแบบหัวหน้าซาราคิ ท่าทีโหดร้ายหรือกลิ่นอายอำมหิตก็ไม่มี...'
อุคิทาเกะสำรวจราเซ็ตสึอีกครั้ง เนื่องจากเขาได้เห็นการต่อสู้ของราเซ็ตสึและดันโซมารุจึงรูัสึกสงสัยในตัวตนของอีกฝ่าย ผู้ที่ไม่ได้เรียนรู้จากชินโอเรย์จุสึอิน(โรงเรียนสำหรับยมทูต) กลับรู้เรื่องวิถีพันธการและใช้ออกมาได้อย่างชำนาญ
"ถ้าไม่เป็นการละลาบละล้วง ฉันขอถามอะไรเธอหน่อยได้หรือเปล่าจะตอบหรือไม่ตอบก็ได้ ฉันเพียงอยากรู้ว่าเธอไปเรียนวิถีพันธนาการมาจากไหน ?"
ได้ยินคำถามของอุคิทาเกะ ราเซ็ตสึก็ไม่ได้แสดงพิรุธหรือสีหน้ากังวลออกมาเลยสักนิดยังไงเรื่องของเขาก็ไม่ได้เป็นความลับอะไรขนาดนั้น ถ้าไม่นับเรื่องที่เขามาจากโลกซึ่งมีอนิมเมะเรื่องบลีชกับร่างกายที่ดูดซับผ่านการสังหารเขาก็ไม่มีเรื่องอะไรเป็นความลับ หยิบสมุดบันทึกและส่งให้อีกฝ่าย ทางอุคิทาเกะรับมันมาอย่างงงๆ แต่ไม่นานเขาก็ถึงบางอ้อหลังได้เปิดอ่านเนื่อหาภายใน
"แบบนี้นี่เอง แสดงว่าเธอเข้าใจพื้นฐานทั้งหมดแล้วสินะ"
"ครับ นอกจากKaidō(วิถีนอกการรักษา) และการปลดปล่อยชิไค ทฤษฎีและข้อปฏิบัติในระดับพื้นฐาน ผมอยู่ในระดับชำนาญทั้งหมด"
"เธอใช้เวลาฝึกนานไหม ?"
"นับสี่ปีกว่าแล้วครับ หลังถูกส่งมายังโลกนี้ ผมได้ฝึกประสบการณ์ทั้งหมดกับเหล่าอาชญากรและฮอลโลว์อยู่ตลอด"
อุคิทาเกะพยักหน้าแต่ในใจ ตัวเขาค่อนข้างตื่นตะหนก ในระยะเวลาเพียงสี่ปีแต่ชายหนุ่มตรงหน้าของเขากลับมีแรงดันวิญญาณเทียบเท่าหัวหน้าหน่วย แม้ตอนนี้จะยังปลดปล่อยชิไคไม่ได้แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหาในการรับตำแหน่งรองหัวหน้าในอนาคต
ในกรณีนี้มีซาราคิ เค็มปาจิเป็นตัวอย่างชั้นดี แม้อีกฝ่ายจะเป็นหัวหน้าหน่วยแต่ก็ไม่สามารถกล่าวขานชื่อดาบฟันวิญญาณได้ดังนั้นจึงไม่เป็นปัญหา แต่ส่วนที่น่าตกใจก็คืออีกฝ่ายเป็นดวงวิญญาณที่มีอายุเพียงสี่ปีเท่านั้น!
"ขอตรวจสอบร่างกายของเธอหน่อยได้หรือเปล่า"
ราเซ็ตสึพยักหน้า ยังไงตัวเขาก็ปกติดีถ้าไม่นับเรื่องร่างกายอันแปลกประหลาดที่สามารถดูดซับพลังวิญญาณและแรงดันวิญญาณจากสิ่งที่ถูกเขาสังหาร ตัวเขาก็ไม่ต่างอะไรจากคนปกติ
ทางอุคิทาเกะนั้นคิดต่างออกไปเขาแค่อยากตรวจสอบอายุวิญญาณของอีกฝ่ายก็เท่านั้น และหลังจากได้ตรวจสอบเขาก็อึ้งสุดขีดเพราะมันเป็นเรื่องจริงอย่างที่อีกฝ่ายพูด ชายหนุ่มคนนี้มีอายุวิญญาณเพียงสี่ปีเท่านั้น!
'คุโรกิ ราเซ็ตสึคนนี้เป็นสัตว์ประหลาดชัดๆ'
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เฮ้อเอาเข้าไปชุยฟงอวดดีแบบนี้ระวังจะเสียใจในภายหลังที่ไม่เอาตัวเอกของเรื่องนี้เข้าหน่วย555555
ว้าวว เนื้อเรื่องน่าติดตามมาก
ถึงจะรู้ว่ามันไม่ใช่ก็เถอะ
ค้างงงงงงงงง