ตอนที่ 3 : ตอนที่ 3
ฉัวะ!
"ตอนนี้เหลือเพียงแค่คุณ"
สะบัดดาบในมือโลหิตที่ติดบนคมดาบก็สาดกระจายสู่พื้นถ้ำ ชายหนุ่มผมดำนัยน์ตาสีฟ้าอ่อนจ้องมองชายวัยกลางคนผู้มีดวงตาข้างเดียวในร่างเปลือย รอยยิ้มอำมหิตเผยออกมา ตาเหล่มองศพของหญิงสาวชาวบ้านผู้เสียจากความอำมหิตของอีกฝ่าย
"กะ แกเป็นใคร ทำไมถึงโจมตีพวกเรา!"
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบแต่มองไปที่คอของหญิงสาวชาวบ้าน ที่คอของเธอมีรอยมือแดงเถือกให้เห็น มองผ่านสายตาก็น่าจะรู้แล้วว่าเจ้าตาเดียวนี่เป็นคนบีบคอหญิงสาวจนตายในขณะที่มันกำลังข่มขืนเธอ เจ้านี่น่าจะเป็นพวกโรคจิตชนิดหนึ่ง ดังนั้นการสังหารคนจำพวกนี้ไปน่าจะช่วยให้เขตซาราคิสะอาดขึ้น
"เชิญไปถามท่านพญายมราชในนรกเองก็แล้วกัน"
"อย่า อย่า..."
ฉัวะ!
เขาไม่ได้สนใจเสียงกรีดร้องของอีกฝ่าย เขาใช้ดาบในมือบั่นคอมันทันที ศพจำนวนนับโดยรอบเริ่มแตกสลายกลายเป็นอณูวิญญาณและถูกดูดซับโดยเขา 7 ใน 10 ส่วนเขาเริ่มรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มมากขึ้นสองถึงสามเท่าตัว ทั้งยังฟื้นฟูร่างกายอีกด้วย
"นับว่าผมเมตตาแล้วละนะ"
เขาเดินไปที่ศพของหญิงสาวนำผ้ามาคลุมร่างของเธอก่อนจะอุ้มเธอเดินออกไปนอกถ้ำ สิ่งที่เขาสามารถทำให้เธอได้คือการฝังเธอไว้ภายใต้แสงอาทิตย์
เขาใช้ดาบเล่มหนึ่งที่นำออกมาจากในถ้ำ ขุดหลุมศพเพื่อหญิงสาวผู้น่าสงสาร หลังฝังเธอเสร็จเขาก็พนมมือภาวนาให้เธอได้เกิดใหม่ในภพภูมิที่ดีกว่านี้ ก่อนจะเริ่มก้าวเท้าเดินจากไปโดยทิ้งสิ่งของมากมายภายในถ้ำอย่างไม่ใยดี
กาลเวลาผ่านไปอีกครั้ง สี่ปีผ่านไปไวยิ่งกว่าเดอะแฟลช ภายในชายแดนเขตที่ 80 ใกล้เขตนอก ร่างของชายหนุ่มในชุดยูกาตะสีเขียวขี้ม้าซึ่งเต็มไปด้วยรอยเย็บปะ เริ่มทำการล่าสังหารฮอลโลว์ ฮอลโลว์ลักษณะตะขาบขนาดยักษ์สองตัวมุดออกมาจากใต้ดิน ตัวเขาเคลื่อนไหวไปด้วยเทคนิคก้าวพริบตาอย่างรวดเร็ว ดาบใช้ฟันเข้าไปที่หัวส่วนหน้ากากของตะขาบยักษ์ทั้งสอง
ร่างใหญ่สลายกลายเป็นอณูวิญญาณและถูกดูดซับโดยชายหนุ่ม เจ้าตัวมองดาบในมือแล้วก็ถอนหายใจ แม้กาลเวลาจะผ่านไปมากกว่าสี่ปีแต่ตัวเขาก็ยังไม่สามารถรับรู้ชื่อดาบฟันวิญญาณของตัวเองได้ มันน่าเศร้ามากพอสมควร
"ทำไมคลื่นวิญญาณของพวกเราถึงไม่ตรงกันสักที"
แม้จะมีบันทึกพื้นฐานคอยชี้แนะเขาตลอดสี่ปีเกือบห้าปี แต่สุดท้ายเขาก็ยังไม่สามารถรับรูัชื่อดาบฟันวิญญาณของตนเองได้ โดยเขาให้เหตุผลไว้ด้วยกันสองข้อหนึ่งคือตัวเขายังอ่อนแอเกินไปทำให้ไม่สามารถปรับคลื่นวิญญาณให้ตรงกับอีกฝ่ายไดั สองจิตวิญญาณในตัวดาบยังไม่ตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ทำให้การสื่อสารล้มเหลว
มันน่าแปลกที่แรงดันวิญญาณจากตัวของชายหนุ่มในปัจจุบันก็ไม่ใช่น้อยๆ แค่ตั้งใจปลดปล่อยแรงดันวิญญาณออกมาก็มากพอที่จะก่อเป็นรูปร่างให้ผู้อื่นเห็นได้ด้วยตาเปล่า มันจึงเป็นสิ่งที่น่าเสียดายสำหรับเขา แต่มันก็ไม่ได้ขัดขวางการเติบโตของเขาสักเท่าไหร่จึงพอทำใจได้บ้าง
ปัจจุบันตัวเขาชำนาญเทคนิคพื้นฐานของเหล่ายมทูตอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะZanjutsu หเทคนิคดาบฟันวิญญาณพื้นฐานเขาก็ชำนาญในระดับมาสเตอร์
Hakuda เทคนิคการต่อสู่ด้วยร่างกายเขาก็ชำนาญในระดับมาสเตอร์ และมีขั้นแรกของHohō-Shunpoหรือก้าวพริบตาตัวเขาก็อยู่ในระดับมาสเตอร์ ไหนจะKidō(วิถีมาร)
Bakudo(วิถีพันธการ)
กระทั่งHadō(วิถีแห่งการทำลายล้าง)ระดับพื้นฐานเขาก็อยู่ในระดับมาสเตอร์เช่นเดียวกัน มีเพียง Kaidō (วิถีต้องห้าม)วิชารักษาเท่านั้นที่เขาไม่ชำนาญ เพราะวิถีนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อนกว่าวิถีมารอื่นๆ
"อยู่เขตนี้ต่อไปก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา"
ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบัน ฮอลโลว์ธรรมดาอีกหลายสิบตัวก็ไม่ได้ช่วยให้เขาแข็งแกร่งขึ้นเลย ด้วยจำนวนฮอลโลว์นับไม่ถ้วนที่ถูกสังหารและถูกเขาดูดซับ ช่วงเวลาอิ่มตัวก็มาถึง
จากการคาดเดาสิ่งที่จะช่วยให้เขาแข็งแกร่งขึ้นได้น่าจะมีเพียงฮอลโลว์ระดับเมนอสขึ้นไปนี่เป็นเหตุผลแรกที่ทำให้เขามีความคิดที่จะออกเดินทางไปยังเซเรย์เทย์เพื่อเป็นยมทูตเต็มตัว และก็ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง ตัวเขาในตอนนี้มีรากฐานด้านเทคนิคและประสบการณ์การต่อสู้ขั้นต้นเพียงพอแล้ว
สิ่งที่เขาต้องการในปัจจุบันคือเทคนิคและวิชาที่อยู่ในระดับที่สูงกว่านี้ เทคนิคการใช้ดาบและเทคนิคต่อสู้ด้วยร่างกาย ตัวเขาไม่จำเป็นต้องเรียนรู้จากใคร ปัจจุบันตัวเขามีความคิดที่จะสร้างวิชาดาบและเทคนิคต่อสู้ด้วยร่างกายของตนเอง ด้วยรากฐานที่สะสมมาตลอดนับสามปีกว่ามันเพียงพอที่จะทำให้เขาก้าวสู่ในระดับถัดไป
สิ่งที่เขาต้องการคือเทคนิคการเคลื่อนไหวโยย้ายร่างในระดับที่สูงกว่าก้าวพริบตา วิชาในขั้นสองก็คือโฮโฮะ เป็นวิชาที่ใช้ในการต่อสู้บนอากาศ แน่นอนว่าชายหนุ่มสามารถใช้สัญชาตญาณในการฝึกมันเองได้ ทว่ามันช้าเกินไปจากการคาดเดาอาจจะต้องใช้เวลาปีกว่าเพื่อให้เขาจับจุดได้ในส่วนหรือสองส่วน ดังนั้นเขาควรเอาเวลาที่เสียเปล่าไปฝึกวิถีมารน่าจะดีกว่า
ชายหนุ่มไม่ได้เป็นคนหยิ่งยะโส ที่คิดว่าอะไรก็สามารถทำได้ สิ่งที่เขาทำไม่ได้ก็ควรขอให้ผู้อื่นคอยช่วยสักเล็กน้อยและค่อยพยายามด้วยตนเองต่อไป เวลามันไม่เคยรอคอยใครโลกนี้ยังมีตัวตนที่น่ากลัวมากมายซึ่งสามารถฆ่าเขาได้ในพริบตาเดียว
ทั้งฮอลโลว์ระดับแอดจูคาส ฮอลโลว์ในระดับวาสโทรเด้ หรือแม้กระทั่งอารันคาร์ซึ่งเป็นฮอลโลว์ที่มีพลังยมทูตไว้ในครอบครอง ไหนจะมีชายผู้ครอบครองสิ่งประดิษฐ์ระดับเกือบเทียบเคียงราชันย์วิญญาณผู้ควบคุมสมดุลของทั้งสามโลก ไหนจะเหล่าศัตรูร้ายของสามโลกกลุ่มควินซี่ที่สามารถสังหารหัวหน้าใหญ่สิบสามหน่วยพิทักษ์และหน่วยศูนย์ผู้พิทักษ์ราชันย์วิญญาณได้ เพื่อให้มีหลักประกันเขาควรแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็ว
นี่เป็นการตัดสินใจก้าวใหญ่ของเขา ชายหนุ่มเริ่มเก็บสัมภาระที่มีอยู่แสนน้อยนิดและเริ่มออกเดินทางไปตามแผนที่เขาได้มาจากหัวหน้ากลุ่มโจร ด้วยสิ่งนี้เขาสามารถเดินทางไปยังเซเรย์เทย์ได้
การเดินทางของชายหนุ่มจากเขตซาราคิเต็มไปด้วยขวากหนาม ตัวเขาเหมือนเหยื่อล่อทำให้ตลอดเส้นทางถูกโจมตีโดยเหล่าฮอลโลว์มากมาย แต่หลังจากเข้าเขตที่มีตัวเลขต่ำกว่า สัญญาณเกี่ยวกับฮอลโลว์ก็เริ่มลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
ตลอดเส้นทางเขาได้พบเจอความเหลื่อมล้ำทางสังคมอย่างแท้จริงตั้งแต่เขตที่ 80 จนถึงเขตที่ 59 ชาวบ้านทุกคนเป็นเพียงคนยากจนแม้แต่รองเท้าสักคู่ก็ยังไม่มีใส่ให้เห็น ทางเขต
58 นั้นมีให้เห็นเป็นส่วนน้อย
ทำให้ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจ แม้จะสงสารผู้คนพวกนี้แต่ตัวเขาในตอนนี้จะทำอะไรได้ เขาเป็นคนจิตใจดีแต่ก็เป็นคนเห็นแก่ตัวเช่นกัน การจะช่วยถ้าช่วยได้เพียงเล็กน้อยอย่าได้คิดช่วยเลยน่าจะดีกว่า
ถ้าเป็นในด้ายการต่อสู้เขาอาจจะยื่นมือพอช่วยเหลือได้เล็กน้อย แต่ถ้าเป็นเรื่องเงินทองแล้วละก็ต่อให้ตายเขาก็ไม่คิดจะช่วยใคร แต่ความคิดนี้ไม่ได้นับกลุ่มเด็กน้อยเพราะเขาเป็นคนที่รักเด็ก
การเดินทางยังคงเป็นไปอย่างเรื่อยๆ ยิ่งเขาเข้าใกล้เขตใกล้เมืองหลวงมากเท่าไหร่ ความปลอดภัยก็เริ่มมีให้เห็น และนั่นก็รวมถึงบ้านเรือนที่พักอาศัยด้วย จนกระทั่งหลายเดือนผ่านไปในที่สุดชายหนุ่มผู้แสวงหาความแข็งแกร่งก็เดินทางมาถึงหน้าทางเข้าของเซเรย์เทย์ประตูทิศเหนือหรือโคคุเรียวมอน
ด้านหน้าประตูมีชายร่างยักษ์สูงเกือบสิบเมตรสวมกาฮามะสีดำแสดงให้เห็นว่าตัวเขาเป็นยมทูต หัวของเขาไล่เส้นผมที่คิ้วหยึกหยักเป็นสีบลอนด์อ่อนๆ มีผิวสีคล้ำ จากคำบอกเล่าของชาวบ้านอีกฝ่ายมีชื่อว่าดันโซมารุ
ข้อมูลที่เขาได้มาการจะเป็นยมทูตได้ต้องมีความพิเศษ ซึ่งในปัจจุบันการรับสมัครยมทูตฝึกหัดหรือเข้าเรียนในโรงเรียนฝึกสอนจบลงไปหลายสิบวันก่อนแล้ว แน่นอนว่าการเป็นยมทูตไม่ได้มีเพียงสมัครเท่านั้น มันยังมีอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้เขากลายเป็นยมทูตได้เร็วที่สุดอยู่เช่นกัน นั่นก็คือการเอาชนะผู้เฝ้าประตู! ใช่แล้วเขาต้องเอาชนะดันโซมารุ
"ไม่รู้ว่าเป็นผู้เฝ้าประตูหรือหินหยั่งเท้าให้คนอื่นกันแน่"
พึมพำได้ครู่หนึ่งชายหนุ่มก็เดินไปที่หน้าประตูโดยไม่สนเสียงตะโกนห้ามของเหล่าชาวบ้านใจดีผู้ให้อาหารและข้อมูล ชายหนุ่มเดินมาประจันหน้ากับชายร่างยักษ์ด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
"เจ้าหนู เจ้ามาที่นี่เพราะเหตุใด ?"
"ผมต้องการเป็นยมทูต"
"ยมทูตหึ แบบนี้นี่เอง เอาละเจ้าคงรู้เงื้อนไขจากพวกชาวบ้านแล้วใช่หรือไม่ ?"
"แน่นอน เพราะผมตั้งใจมาท้าทายคุณ!"
ดันโซมารุจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าก็เริ่มยิ้มเล็กน้อยมันนานแค่ไหนแล้วที่ไม่มีคนมาท้าทายเพื่อเข้าเป็นยมทูต นี่มันก็ผ่านมาหลายร้อยปีแล้ว แต่ว่าตัวเขาก็ไม่ได้คาดหวังมากเกินไป เพราะดูจากแรงดันวิญญาณของอีกก็น้อยนิดจนน่าใจหาย
"ดีมีความกล้าเป็นเรื่องดี จงบอกชื่อของเจ้ามาเจ้าหนู"
ได้ยินคำถามชายหนุ่มก็เผยรอยยิ้มออกมาด้วยความยินดี มือข้างซ้ายจับที่ด้ามดาบและชักมันออกมาชี้ปชายดาบไปที่ดันโซมารุพร้อมทั้งกล่าวประกาศนามของตนเป็นครั้งแรกตั้งแต่มายังโลกใบนี้ ชื่อนี้เป็นชื่อและตัวตนใหม่ของเขา!
"คุโรกิ ราเซ็ตสึ มาจากเมืองลูคอนทิศเหนือเขต ซาราคิ"
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

1,046 ความคิดเห็น
-
#694 P0630672578 (จากตอนที่ 3)วันที่ 17 พฤศจิกายน 2563 / 19:46สนุกคับ#6940
-
#552 Jord_kiadtisak (จากตอนที่ 3)วันที่ 6 พฤศจิกายน 2563 / 23:36แต่งดีมากครับ ขอให้พัฒนาไปเรื่อยๆ รอติดตามจนจบอยู่นะครับ#5520
-
#539 ประตูล็อค (จากตอนที่ 3)วันที่ 5 พฤศจิกายน 2563 / 20:35เห็นชื่อผ่านๆน้ำแทบพุ่ง นึกว่าตั้งชื่อนามสกุลตัวประกอบหัวส้ม#5391
-
#539-1 rattanakron123(จากตอนที่ 3)26 พฤศจิกายน 2563 / 09:43แงเหมือนกันเลย5555#539-1
-
-
#421 bigbowka (จากตอนที่ 3)วันที่ 28 ตุลาคม 2563 / 14:57ทำไมชื่อคล้ายตัวประกอบหัวส้ม#4210
-
#7 daedlove (จากตอนที่ 3)วันที่ 5 ตุลาคม 2563 / 19:02รอตอนต่อไปอยู่#70
-
#6 โฟร์ทคุง (จากตอนที่ 3)วันที่ 5 ตุลาคม 2563 / 09:39รออ่าน#60