ตอนที่ 16 : ตอนที่ 16
โลกฝันมายา โลกที่สร้างภาพมายาเป็นความจริงได้ หรือใช้ความจริงเปลี่ยนเป็นภาพมายาดุจดั่งฝัน มันอาจเป็นได้ทั้งจริงและเป็นฝันที่ไม่มีทางเป็นจริงภายใต้การควบคุมของเขา ภายในโลกฝันมายาสามารถปรับแต่งการไหลของเส้นเวลาได้ด้วยเช่นกัน
แต่ด้วยระดับแรงดันวิญญาณของเขาในช่วงปัจจุบันการจะปรับแต่งการไหลของเส้นเวลา หนึ่งวันของโลกภายนอกเท่ากับหนึ่งปีในโลกฝันมายาก็ยังเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสสำหรับเขาในด้านของการควบคุม
เปอร์เซ็นความสำเร็จในการปรับแต่งเส้นเวลาคือ 100 % แต่อัตราเปอร์เซ็นในการควบคุมการไหลของเส้นเวลาโดยประมาณคือ 50 % แม้พลังวิญญาณและแรงดันวิญญาณของเขาจะอยู่ทัดเทียมกับเหล่าหัวหน้าหน่วยบางคน
แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาควบคุมเส้นเวลาได้อย่างสมบูรณ์ และยังไม่ต้องพูดถึงการจัดการในการไหลของเส้นเวลาในระดับที่สูงกว่านี้เช่นหนึ่งชั่วโมงจากโลกภายนอกเท่ากับหนึ่งปีในโลกฝันมายาซึ่งสำหรับตัวเขาในปัจจุบันยังห่างไกลกับระดับนี้
จากการคำนวนของเขาการใช้โลกฝันมายาในการฝึกซ้อม ขีดจำกัดที่เขาพอทำได้ก็คือ30วันใช่แล้ว 30 หรือก็คือ 30 ปีในโลกฝันมายาและหลังจากจบ 30 วันเขาก็จะกลายเป็นคนไร้พลังวิญญาณไปชั่วขณะ
ดังนั้นสิ่งที่ดีสำหรับตัวเขาในตอนนี้ก็การฝึกเพียงคือ 20 วัน ในระยะเวลายี่สิบวันสำหรับตัวเขาที่เท่ากับ 20 ปีในโลกฝันมายาน่าจะมากพอสำหรับการฝึกฝนเพื่อบรรลุวิถีมาร วิถีทำลายกับวิถีพันธนาการและเทคนิคดาบขั้นสูง
เขาไม่เคยบอกว่าตัวเองว่าเป็นอัจฉริยะแต่ตัวเขาก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองโง่เขลา ด้วยระยะเวลามากถึง 20 ปีเขามั่นใจว่าเทคนิคดาบและวิถีมารจะบรรลุในระดับสูงและเชี่ยวชาญทั้งสองอย่างสมบูรณ์ภายในระยะเวลา 10-15 ปี ส่วนอีก 5 ปีเขาจะใช้มันในการสร้างประสบการณ์ให้แก่ตัวเองด้วยการสร้างภาพมายาของเหล่าหัวหน้าหน่วยตามจินตนาการของเขา
ดังนั้นนั่นจึงเป็นเหตุให้เขาใช้เวลาภายในสิบวันกับการศึกษาภายในหน่วยวิถีมารและใช้เวลายี่สิบหรือยี่สิบปีในโลกฝันมายาในการทำความเข้าใจจากความรู้ที่เขาได้ศึกษามาจากบทความงานวิจัยและพัฒนาของอดีตหัวหน้าหน่วยวิถีมารสึคาบิชิ เท็ตไซ
การฝึกวิถีมารสองรูปแบบเป็นไปอย่างราบรื่น เขาศึกษาวิถีทำลายในระดับสูงจนถึงบท 90 ส่วนวิถีพันธนาการเขาก็ฝึกจนถึงบทที่ 81 ในบทวิถีพันธนากรอื่นๆ เขาไม่จำเป็นต้องศึกษาอีกต่อไปเพราะมันไม่ใช่นิสัยของเขาดังนั้นการศึกษาพอให้เพิ่มลูกเล่นหลากหลายก็เพียงพอแล้ว
การจะเลือกเส้นทางเพื่อแสวงหาความแข็งแกร่ง ตัวเขาได้เลือกที่จะเชื่อมั่นในดาบฟันวิญญาณของตัวเอง ทางวิถีพันธนาการสำหรับเขาเป็นเพียงส่วนหนึ่งเพื่อเพิ่มลูกเล่นในการต่อสู้ แต่สุดท้ายการฝึกซ้อมเพื่อให้ไปถึงยังจุดสูงสุด ที่เขาเลือกก็คือวิถีดาบ!
หลังจากได้ปะทะกับหัวหน้าซาราคิและอิกคาคุเขาก็ยิ่งมั่นใจว่าสิ่งที่เขาหลงใหลและต้องการมากที่สุดก็คือการต่อสู้ในระยะประชิด ด้านการต่อสู่ด้วยร่างกายไม่น่าจะใช่เอกลักษณ์ของเขา ดังนั้นจึงเหลือเพียงสิ่งเดียวนั่นก็คือดาบ
ดังนั้นเขาจึงใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับดาบ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับดาบ นำแนวคิดเกี่ยวกับวิชาดาบจากความรู้ของเขามาใช้ให้เกิดประโยชน์ ข้อแตกต่างของเขากับคนอื่นก็คือตัวเขามาจากโลกที่มีตัวละครในอนิเมะเขาจึงมีโอกาศที่มากกว่าใครๆ
เพื่อใช้โลกฝันมายาให้เกิดประโยชน์เขาจึงสร้างผู้คนในโลกอนิเมะอื่นๆ เพื่อให้อีกฝ่ายแสดงท่าทางเกี่ยวกับเทคนิคดาบของพวกเขาให้เขาได้ชมได้ศึกษา โดยคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญในโลกต่างๆ โดยเขานำตัวอย่างหลักๆมาด้วยกัน 4 คน คนแรกที่เขานำมาใช้อ้างอิงก็ในอันดับที่ 4 ก็คือฮิมูระ เคนชินหรือฮิโตะคิริ บัตโตไซ
เทคนิคดาบล่องนภาของเคนชินมีลูกเล่นมากมายซึ่งพอที่จะใช้เป็นแนวคิดใหม่สำหรับการสร้างเทคนิคดาบสำหรับตัวเขาเอง ดังนั้นเขาจึงใช้เวลาสองเดือนในการศึกษาเพลงดาบล่องนภา
อันดับที่สามที่ถูกเขาคัดเลือกมาก็คืออุซึโระชายผู้เป็นนักดาบสุดแกร่งหัวหน้าของเหล่ายาตะการะสุ เท็นโชอิน นาราคุ จากเรื่องกินทามะชายคนนี้มีทักดาบอสูรที่โหดร้ายและแข็งแกร่งมากดังนั้นจึงถูกราเซ็ตสึใช้เป็นตัวอย่างอ้างอิง
อันดับที่สอง ที่ถูกเลือกมาก็คือนักดาบอันดับหนึ่งของโลกที่เต็มไปด้วยทะเลสีฟ้า ชายผู้มีนัยน์ตาแหลมคมดุจเหยี่ยว จูราคีล มิฮอร์ค เทคนิคดาบที่คมกล้าสามารถสะบั้นเรือรบจนขาดเป็นสองท่อน สะบั้นทะเลให้แหวกออกหรือแม้แต่การตัดบุกกาบาตให้เป็นเศษ ต้องยกให้เขาคนนี้เลย
แม้ราเซ็ตสึจะมีวิชาดาบที่อยู่ในระดับสูงแต่ก็ยังไม่สามารถเทียบกับชายผู้นี้ได้ เขาจึงถูกยกมาเป็นตัวอย่างในอันดับที่สองเพื่ออ้างอิงและใช้พัฒนาวิชาดาบของเขา
ส่วนอันดับที่หนึ่งถือว่าเป็นชายที่น่าเกรงขามที่สุดในหมู่นักดาบจากโลกอนิเมะทั้งมวล ด้วยวิชาดาบของเขา วิชาชิซึมิ ชื่อของเขาก็คือชิซึมิ จูโซ ตัวตนอมตะจากโลกยูคิว โฮลเดอร์ ชายผู้กล่าวขานว่าตนเองไร้พรสวรรค์ในวิชาดาบ แต่กลับแสวงหาวิชาดาบมากกว่าใคร
เขาฝึก 32 ปีเขาสามารถตัดเหล็กได้ เขาฝึกอีก 80 เขาสามารถตัดวิญญาณร้ายหรือสัตว์ประหลาดได้ เขาฝึกอีก 200 ปีเขาสามารถตัดอะไรก็ได้ภายใต้ขอบเขตสายตาที่เขามองเห็น ฝึกอีก 500 ปี เขาสามารถติดสิ่งที่มองไม่เห็นโดยรอบตัวได้และหลังผ่านไป 800 ปีเขาก็สามารถตัดผ่านทุกสิ่งในโลกได้ แม้แต่ตัวตนอมตะ คำสาป หรือแมเแต่เทพเจ้าก็ไม่มีข้อยกเว้น
วิชาของอีกฝ่ายเหมาะสมแก่การเรียนรู้และพัฒนามันด้วยตนเอง ราเซ็ตสึจึงใช้เวลาเกือบสิบปีในโลกฝันมายากับการเรียนรู้วิชาดาบของจูโซและปรับแต่งมันให้กลายเป็นวิชาดาบออริจินอลของเขา จนในที่สุดเขาก็ได้วิชาดาบใหม่มาถึงสามวิชา สองวิชาไม้ตายลับและหนึ่งวิชาไม้ตายเร้นลับ(สุดยอดไม้ตาย)ที่เป็นออริจินอลของเขาเอง ชื่อของมันคือ
Garyū Ittou Rasetsu Ryū
(วิชาเฉพาะของตน วิชาอสูรยักษ์ร้ายหนึ่งตน)
Itto Ryū - Batsuzan Gaisei
(วิชาที่หนึ่ง - ความแข็งแกร่งดุจเทพเจ้า)
Nito Ryū - Mukū issen
(วิชาที่สอง - ขจัดความว่างเปล่าชั่วพริบตา)
Santo Ryū - Shin Raikoken
(วิชาที่สาม - ดาบแสงสายฟ้าที่แท้จริง)
วิชาไม้ตายลับ
Itto Ryū Ōgi - Gyakurasetsu
(วิชาไม้ตายลับที่หนึ่ง- อสูรยักษ์ร้ายหวนคืน)
Nito Ryū Ōgi - Kuroyasha
(วิชาไม้ตายลับที่สอง - อสูรยักษ์สีดำ)
สุดยอดวิชาไม้ตายลับ
Ryū Kessen Ōgi - Kokutou–Yatagarasu
(สุดยอดวิชาไม้ตายลับ-ดาบดำ–อีกาสามขา)
ทั้งหกวิชาล้วนเป็นวิชาประเภทสังหารและประเภทเพิ่มความได้เปรียบทั้งสิ้น ทักษะตั้งรับสำหรับเขาไม่จำเป็นต้องมีเนื่องจากตัวเขายังมีลูกเล่นเช่นวิถีมารคอยช่วยเหลืออยู่ แต่ทักษะทั้งหกในปัจจุบันยังไม่อาจเทียบเท่ากับจูโซได้เพราะเวลาที่เขามียังไม่เพียงพอ จากการคาดเดาอาจจะต้องใช้เวลาหลายร้อยปีตัวเขาจึงจะเข้าสู่ขอบเขตดาบที่สามารถตัดสรรพสิ่งได้ทั้งหมด
แม้เขาจะร้อนรนแต่เรื่องแบบนี้ก็ใช่เวลาจะรีบเร่งได้ ก่อนอื่นเขาต้องลองใช้ทักษะที่เขาสร้างให้ชำนาญเสียก่อน ยังมีจุดอ่อนที่ต้องแก้ไขอีกมาก ดังนั้นเขาจึงเริ่มใช้โลกฝันมายาสร้างตัวตนที่จะช่วยเขาฝึกดาบนั่นก็คือเหล่าหัวหน้าหน่วย อารันคาร์เอสปาด้า
เริ่มต้นจากซาราคิ เคมปาจิ ชายนี้ไม่มีลูกเล่นสามารถรับมือได้ไม่ยากแค่ใช้ลูกบ้าก็เพียงพอแล้วสำหรับชายคนนี้ ต่อมาก็คืออุลคิโอล่า ซิฟเฟอร์ เอสปาด้าหมายเลข 4 ลูกน้องคนสนิทของไอเซ็นในอนาคต
เขาจินตนาการถึงความสามารถของอีกฝ่ายด้วยพลังปัจจุบันของเขาก็เพียงพอจะรับมือกับอุลคิโอร่า แม้อีกฝ่ายจะแข็งแกร่งแต่ลูกเล่นมีน้อยเกินไป แต่ถ้าวัดกันในด้านพลังล้วนๆ ตัวเขายังด้อยกว่าอีกฝ่าย
หนึ่งเพราะเขาไม่ได้ใช้บังไค ถ้าใช้บังไคเข้าสู้ระดับความแตกต่างจะพลิกค่ำราวฟ้ากับเหว ซึ่งจะไม่มีประโยชน์ในการฝึกเลย ในการปลดปล่อยบังไค ถ้าให้วัดระดับโดยประมาณพลังของเขาก็คงจะเทียบเท่ากับเท็ตสึกะเท็นโชขั้นสุดท้ายของอิจิโกะหรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ ส่วนอีกเหตุผลถ้าเขาได้บังไคโลกอาจเสียหายหนักหนาเกินที่ใครจะรับไหว
ถ้าวัดกันตามต้นฉบับ มีหลายคนที่สามารถต่อสู้ในตอนที่เขาปลดปล่อยบังไค คนแรกอุราฮาระ คิสึเกะในสภาพบังไค คนที่สองเคียวราคุ ชุนซุยในสภาพบังไค คนที่สามยามาโมโตะ เก็นริวไซ แค่ในสภาพชิไคของหัวหน้าใหญ่ตัวราเซ็ตสึก็ไม่น่าจะเทียบอีกฝ่ายได้
คนที่สี่เหล่าหน่วย 0 องค์รักษ์ราชันย์วิญญาณทั้งห้า คนที่ห้าคุโรซากิ อิจิโกะในสภาพบังไคที่แท้จริงของเขา คนที่หกคุจิกิ ลูเคียในสภาพบังไค คนที่เจ็ดฮิราโกะ ชินจิในสภาพบังไค คนที่แปดไอเซ็น โซสึเกะในอนาคตตอนศึกควินซี และกลุ่มสุดท้ายคือเหล่าควินซี่ที่มีไอเท็มผนึก บังไคของเขาได้
นี่จึงเป็นอีกสาเหตุที่เขาไม่ยอมใช้บังไค เพื่อไม่ให้ข้อมูลของเขารั่วไหลไปถึงหูของพวกควินซี่ และเขาจะฝึกใช้ชิไคของตัวเองให้เชี่ยวชาญมากที่สุดแทน โดยมีหัวหน้าใหญ่ที่เชี่ยวชาญการใช้ริวจินจักระราวกับแขนขาของตนเองเป็นตัวอย่าง
ดังนั้นเขาจึงฝึกดาบในขั้นชิไคและผสานกับทักษะโจมตีของดาบฟันวิญญาณเข้ากับวิชาดาบของเขา ตอนนี้ในโลกฝันมายาเหลืออีกเพียงห้าปี ห้าปีนี้วิชาดาบของเขาจะสมบูรณ์หรือไม่ต้องคอยดูกันแล้ว!
"จะเก่งก่อนหรือตายก่อน มาดูกัน!"
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ตายแระ พวกบ้าการต่อสู้
สนุกครับรอติดตาม
มีคนโดนเยอะมากช่วงนี้
ระวังนะครับ 😍😍😍
(มโน)
ชิไค ถ้าฝึกชำนาญ นาจะใช้ฝันซ้อนฝันได้นะ(มีลูกเล่นเยอะดี)
เก่งเทพโคตรๆคุโรกินี่เป็นตัวเอกในอุดมคติจริงๆนี่ถ้ามีเวลามากกว่านี้อีกคงระดับพลังสเกลสูงพอๆกับไชตามะเลยนะเนี่ย..... สุดยอดมากเลยครับ ขอบคุณมากสำหรับตอนใหม่รอตอนต่อไปแน่นอนครับผม