ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    การรอคอยของนาฬิกาทราย(ภาค นางมารร้าย)

    ลำดับตอนที่ #2 : บังเอิญหรือว่าบุพเพ

    • อัปเดตล่าสุด 24 มี.ค. 50



    "
    ผมสวยยาวประบ่า รวบผมครึ่งหัวแล้วติดโบว์สีชมพูอันเบ้อเริ่มแบบเด็กน่ารักแบบนี้น่ะ
    เชื่อสิว่าทั้งมหาลัยมีแค่คนเดียว
    " น่ารักหรือ ชั้นน่ารักอย่างงั้นหรือ เสียงของเอกยังวนเวียนอยู่ในหัว   
    อย่างนี้แผนทำตัวน่ารักก็ถือว่าสำเร็จแล้วรึเปล่าน้า...

    ชั้นนั่งมองโบว์สีชมพูอันใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าชั้น เอานิ้วไปแหย่ๆมันอย่างรังเกียจ 
    แล้วนึกถึงแผนต่างๆที่ลองหลังจากเจอเอก


    " ดูท่าทางเราจะไปไม่รอดซะแล้วสิ นี่ก็ผ่านวันนั้นมาจนเปิดเรียนวันแรกแล้ว ยังลืมคำพูดของหมอนี่ไม่ได้เลย " เสียงถอนหายใจยาวดังขึ้นเป็นระยะ

    จะว่าไปแล้วก็ถือเป็นโชคนะที่เรายังทิ้งโบว์อันนี้ไป  แต่ก็อย่างว่าแหละนะ 
    ก็ใส่มันจนชินมาตั้งแต่ ม
    .3 แล้วนี่นา แม้ว่าชั้นกับคนให้โบว์จะรักษาสถานะภาพเพื่อนรักที่ชั้นพยายามสร้างไว้ไม่ได้

    แต่สิ่งของที่ให้แล้วก็ต้องถือว่าให้เลยสิ  แล้วเพราะการที่ใส่จนชินมันก็ทำให้ชั้นเนียนเป็นเด็กเรียบร้อยน่ารักได้ดีนี่นา  
     
    ตอนที่คบกับดาวชั้นก็ทำตัวยังงี้มาตลอดน่ะนะ

    เฮ้อ..จะมานั่งรำลึกถึงอดีตวันวานยังหวานเลี่ยนอยู่อย่างนี้เดี๋ยวก็ไปเรียนวันแรกสายพอดี
    ว่าแล้วก็คว้าชุดนักศึกษามาใส่ แน่นอนว่าเป็นกระโปรงพีชยาวตามระเบียบ ไม่ใช่เพราะไม่มีความมั่นใจในเรือนร่างหรอกนะ 
    แต่ผู้ชายจะชอบคนเรียบร้อยมากกว่าน่ะ
     เสร็จสรรพก็คว้าโบว์เชยๆอันเดิมมาประดับด้วยผมทรงเชยๆที่ทำมาตั้งแต่อยู่ม.ต้น

    คว้ากระเป๋าใบเก่าน่ารังเกียจ(เมื่อไหร่หม่อมแม่จะซื้อให้ใหม่ซะทีนะ)กับหนังสือที่ใช้เรียนมาได้
    ก็กระโจนออกจากห้องไปนั่งประจำที่ห้องอาหาร ข้าวสวยร้อนๆและกับข้าวรวมไปถึงผลไม้และของหวานเต็มโต๊ะ

    " โอ้โห! ทำอย่างกับงานเลี้ยงเลยนะคะเนี่ย แม่ "

    " ก็งานเลี้ยงน่ะสิ เลี้ยงฉลองให้กับนักศึกษาใหม่ไง " ชั้นโผเข้าไปกอดแม่อย่างอบอุ่นและเริ่มรู้สึกอึดอัดจนร้อน 
    ชั้นต้องบอกแม่ให้ไปลดน้ำหนักบ้างแล้วล่ะ  ไม่งั้นมีหวังชั้นคงหายใจไม่ออกตายซักวันแน่ๆ

    " แล้วพ่อก็มีรางวัลให้กับนักศึกษาใหม่ด้วย เอ้านี่!ซอง ได้ยินว่าลูกเก็บเงินค่าขนมจะซื้ออะไรสักอย่างอยู่ไม่ใช่รึ " พ่อวางหนังสือพิมพ์ที่อ่านอยู่ลงแล้วยื่นซองสีแดงปิดผนึกมาให้  

    " ว้าว! ขอบคุณค่ะพ่อ หนูเก็บเงินซื้อเครื่องเล่นซีดีค่ะ เอาไว้ฟังเพลงซีดีที่หนูชอบ" ชั้นรับซองมาอย่างดีใจ
    พับเก็บไว้ในกระเป๋าถือ
      จะให้เท่าไหร่กันน้า  จะพอซื้อเครื่องสำอางค์คอลเล็คชั่นล่าสุดรึเปล่าก็ไม่รู้ 
    แต่จะเปิดดูเลยก็น่าเกลียดไว้ทีหลังดีกว่า

    " อันที่จริงให้พ่อซื้อให้ก็ได้นี่ลูก เครื่องนั่นมันแพงนะ ลูกเก็บเงินซื้อเองมันนานนะกว่าจะได้ " แม่ถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วนั่งลงที่โต๊ะ

    " นั่นสิลูก พ่อซื้อให้เป็นของขวัญก็ได้นี่ " พ่อพูดย้ำ

    " อย่าเลยค่ะ หนูอยากทำให้ได้ด้วยตัวเองมากกว่า เอาเงินนั้นมาเป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆดีกว่าค่ะ "
    ก็เรื่องเครื่องเล่นซีดีนั่นหนูโกหกนี่คะ  หนูจะเอาไว้ใช้อย่างอื่นต่างหาก  ขืนพ่อซื้อให้ความลับก็แตกน่ะสิคะพ่อขา

    " …ลูกนี่เป็นเด็กดีจริงๆ " พ่อยิ้มอย่างภูมิใจ   คิดได้อย่างนั้นก็ดีค่ะ   
    ใช่สิคะ  ลำพังเงินเดือนอันน้อยนิดของพ่อไม่พอจะยาไส้ลูกคนนี้หรอกคะ 
    พ่อรู้ไหมคะว่าหนูต้องพยายามแค่ไหนกัน  เรื่องเรียนก็อย่างหนึ่งแหละ  ถ้าหนูไม่พยายามเรียนดีๆจนขอทุนได้ 
    เงินที่จะเอาไปซื้อเสื้อผ้าก็ต้องกลายไปเป็นค่าเทอมหมดน่ะสิคะ  ว่าแล้วก็แอบค้อนแม่ 
    ที่จริงถ้าลดค่าอาหารได้คงมีเงินเหลือมากกว่านี้นะคะแม่ขา

    บรรยากาศอันแสนสุขของครอบครัวชั้นเป็นอย่างนี้ทุกๆวัน ทำให้ชั้นไม่รู้สึกเหงาแม้ว่าจะเป็นลูกสาวคนเดียว
    (แค่รำคาญบ้างเล็กน้อยถึงปานกลาง) 
    พ่อทำงานที่บริษัทเอกชนเล็กๆแห่งหนึ่ง ส่วนคุณแม่ก็เป็นแม่บ้าน นั่นทำให่ชั้นได้รับความสุขและความอบอุ่นจากพ่อและแม่เต็มเปี่ยม   ขอย้ำ
    !เต็มเปี่ยมมากจริงๆ

    " อิ่มแล้วค่ะ อร่อยมากเลย หนูขอไปเรียนก่อนนะคะ " ชั้นก้มดูนาฬิกา แล้วหยิบของ
    และไม่ลืมที่จะแสร้งทำน่ารักหอมแก้มพ่อกับแม่ก่อนออกจากบ้าน   

    เดินไปขึ้นรถเมล์ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก ยืนรออยู่สักพักรถเมล์ก็มา
    โอ้
    ! โชคดีจังมีที่นั่งว่างอยู่แต่ดันติดหน้าต่างซะนี่  รับลมเต็มๆเลย  อย่างงี้ผมชั้นก็ยุ่งหมดน่ะสิ 
    แต่ช่วยไม่ได้  ถ้าไม่นั่งก็อด   ไม่รอช้าตรงไปนั่งทันที

    ไม่นานนักรถก็มาจอดที่หน้าทางเข้าของมหาวิทยาลัย ฉันเดินเข้าไปด้านใน
    สองฟากฝั่งของถนนมีนักศึกษาชายหญิงยืนอยู่ประปราย บรรยากาศไม่ต่างจากวันปฐมนิเทศนัก
     ต่างกันก็แค่ไม่มีเสียงร้องเพลง และไม่มีกลุ่มรุ่นพี่มาคอยชี้แนะ  รู้สึกสบายหูชะมัด

    " น่ารักแบบนี้น่ะ เชื่อสิว่าทั้งมหาลัยมีแค่คนเดียว " เฮือก เสียงของเอกแว่บเข้ามาในหัวอีกแล้ว
    นี่เวลาเรียนนะยัยต้นข้าว นี่เธอจะใจร้อนอะไรของเธอมากมายขนาดนี้กันนะ   
    เดี๋ยวตอนพักค่อยไปเดินหาเหยื่อ  เอ้ย
    !  หาผู้ชายก็ยังไม่สายนะยะ

    " นักศึกษาคนนั้นเป็นอะไรรึเปล่าคะ " อาจารย์ประจำวิชาถามอย่างเป็นห่วงที่เห็นชั้นกำลังทุบหัวตัวเองอยู่

    " เอ่อ..ปะ..เปล่าค่ะ "ชั้นรีบปฏิเสธลั่น เพื่อนร่วมภาคหันมามองกันอย่างเป็นที่ขบขัน   
    ขำอะไรกันหนักหนายะ   ไม่เคยเห็นคนสวยทำตัวน่ารัก?หรือยังไงกัน 
    เชอะ  ให้ตายเถอะ  ทำไมเพื่อนร่วมภาคชั้นแต่ละคนไม่มีหล่อๆแบบพ่อเอกคมเข้มของชั้นบ้างนะ   
    จะได้ไม่ต้องไปอ่อยที่ไหนไกลๆ

    หลังจากนั้นชั้นก็นั่งเงียบ ตั้งสมาธิเรียนอย่างจดจ่อ แต่เพราะเป็นการเรียนวันแรก
    อาจารย์จึงบอกเพียงรายละเอียดของบทเรียนและแนะนำตัวเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงซักถามรายชื่อของนักศึกษา
    ซึ่งนักศึกษาบางคนก็ใช้โอกาสนี้ซักถามชื่อของเพื่อนๆไปด้วย แต่ชั้นก็ยังคงนั่งเงียบ
    อาจารย์ถามก็ตอบ เพื่อนๆถามก็ตอบ แต่ตอบสั้นๆห้วนๆด้วยสีหน้าเฉยเมย แบบไร้ซึ่งความตื่นเต้น   
    โตกันตั้งขนาดนี้แล้ว  ทำไมยังต้องมาแนะนำตัวทีละคนเหมือนเด็กๆด้วยนะ  น่าเบื่อชะมัดเลย
      เมื่อไหร่จะเสร็จๆไปซะทีนะ  คนอื่นๆที่อยู่ในห้องพากันมองด้วยชั้นสายตาชวนสงสัย  
    แล้วพวกแกจะมีปัญหาอะไรกันนักนะ

    เที่ยงครึ่งแล้ว ได้เวลาอาหารสักที หิวแย่แล้ว แต่ตอนบ่ายยังมีเรียนอีก 2 วิชา ไปหาข้าวเที่ยงหย่อนลงกระเพาะที่โรงอาหารดีกว่าคนเยอะดีเผื่อจะเจอผู้ชายดีๆบ้าง  
    เมื่อคิดได้ดังนั้นชั้นก็เก็บหนังสือแล้วพุ่งตัวราวจรวดถูกปล่อยออกจากฐานออกจากห้องเรียนอย่างไม่สนใจใคร(งงมั้ยละ  คนเขียนก็งง???)

    เดินมาจนกระทั่งถึงอีกฝั่งหนึ่งของโรงอาหาร เป็นโรงอาหารที่อยู่เป็นศูนย์กลางล้อมรอบ
    ด้วยตึกเรียนของคณะต่างๆทำให้มีนักศึกษามากมายในเวลาเที่ยงอย่างนี้

    ชั้นมองซ้ายขวาเห็นว่าไม่มีรถมาจึงเตรียมตัวข้ามถนน

    " ต้นข้าวนี่!! " เสียงผู้ชายเรียกชื่อชั้นอีกแล้ว แต่เสียงฟังดูคุ้นๆอยู่

    ชั้นหันไปตามเสียงเรียกก็ต้องตกใจ " เอก!! " บุพเพมีจริง!

    " บังเอิญจังเลยนะ มหาลัยกว้างออกขนาดนี้ นี่เห็นโบว์แล้วมั่นใจว่าใช่เลยนะเนี่ย "
    เอกเร่งเท้าเดินเข้ามาหาชั้น อ้ะไม่ได้มาคนเดียวนี่นา มีเพื่อนมาด้วยอีกคน

    " กำลังจะไปไหนเหรอ " เอกยิ้มแย้มถามอย่างรื่นเริง

    " ไปส้วม!! " ตอบเสียงแข็ง   ใจเย็นไว้ๆ  เก็บอาการบ้าผู้ชายหน่อยๆ

    " ไปคนเดียวเหรอ แล้วเพื่อนต้นข้าวล่ะ " เอกหันมองซ้ายขวา มองหาคนข้างๆชั้นทั้งๆที่ไม่มี

    " ไม่มีหรอก มาคนเดียว!! " ยังคงเสียงแข็งอยู่   ยุบหนอ  พองหนอ  ทำตามแผนหนอ  อย่าหลุดหนอ

    " …เอ่อ นี่เพื่อนของเอกเอง ชื่อบอย เป็นนักศึกษาทุนเหมือนกับเราเลยล่ะ เขาเรียนคณะเดียวกับเอกน่ะ "
    เอกจับไหล่เพื่อนแล้วดันมาหาชั้นเบาๆ   กรี๊ด!อย่าเข้ามาใกล้  เดี๋ยวเผลอลูบไล้ 

    นายบอยเป็นคนขาว ขาวพอๆกับชั้นเห็นจะได้ หน้าตาคมออกไปทางหนุ่มญี่ปุ่นปนจีนอย่างไงอย่างงั้น
    ไว้ผมยาวอย่างดาราญี่ปุ่นเสียด้วย แต่อ้าว ไม่ใส่ชุดนักศึกษารึ
    จริงอยู่ที่มหาลัยอนุญาตให้ใส่ชุดอะไรมาเรียนก็ได้ แต่ไม่นึกว่าจะมีคนกล้าใส่มาตั้งแต่วันแรก
    หึ นายเอกนี่ก็เข้าใจเลือกคบเพื่อนนะ ตัวเองสูงยังไม่พอ หาเพื่อนตัวสูงพอๆกันได้
    แถมสีผิวกับหน้าตายังหล่อไปคนละแบบอีกต่างหาก   เป็นอาหารตาชั้นดีไปเลยล่ะ

    " … " บอยไม่พูดอะไร ตีหน้าขรึมอยู่ตลอดเวลา

    " นายไปสร้างความหนักใจให้เพื่อนของนายทำไมกันนะ บอยคงรำคาญแย่แล้ว ดูเขาทำหน้าสิ "
     
    คนอะไร  เจอผู้หญิงสวยๆอยู่ตรงหน้าแต่กลับไม่ยิ้มให้สักนิด 

    " เฮ้! เป็นอะไรไปน่ะบอย ที่คณะนายยังเฮฮาอยู่เลยนี่นา "

    " เปล่าหรอก เอ่อ..ฉันขอตัวไปซ้อมกีฬาก่อนล่ะ " เสียงทุ้มต่ำของบอยแว่วมาเบาๆ เขาเดินผ่าน
    ชั้นไปอย่างรวดเร็ว   แก...แก   แกกล้าเมินใส่ชั้นเหรอยะ

    " แปลกคนจังแฮะหมอนี่ ตอนอยู่ที่ภาคยังพูดจาเฮฮาร่าเริงอยู่เลย ไหงเงียบไปอย่างนั้นล่ะ
    อืม
    ..แต่หมอนั่นเป็นนักกีฬาบาสเกตบอล เห็นว่าเป็นตัวแทนระดับจังหวัดมาแล้วด้วย "

    " นักกีฬาบาส!! ผิวขาวอย่างนั้นเนี่ยนะ นักกีฬาบาส!! ไม่น่าเชื่อ ถ้าผิวสีอย่างเอกนี่สิว่าไปอย่าง " O_o

    " … " เอกขมวดคิ้ว ทำหน้าตาเหมือนน้อยใจ

    " อ้ะ!! ขอโทษๆ ฮิฮิ ต้นข้าวไม่ได้ว่าเอกนะ " ชั้นหัวเราะอย่างมีจริตจก้านเต็มสตรีม

    " ยิ้มได้สักทีนะ " เอกคลายสีหน้าอย่างรวดเร็วกลับมายิ้มอย่างร่าเริง

    " !!! " ต๊าย!  พ่อคุณ  ยิ้มละลายจิตเหลือเกินเพคะ  เอ๊ะ!ว่าแต่หมอนี่ วางแผนไว้ตั้งแต่แรกงั้นรึ..  

    " เอาล่ะ จะยืนตรงนี้กันอีกนานไหมล่ะเนี่ย ไปทานข้าวกันเถอะ หิวจะแย่แล้ว "

    " นั่นสิ ต้นข้าวก็หะ...!! หา!! ว่าไงนะ!! " ชั้นสะดุ้งเฮือก   นี่สุดหล่อชวนชั้นเหรอเนี่ย กรี๊ดดด!

    เอกเอามือปิดปากกลั้นหัวเราะ " อ้าว!! ก็ไปทานข้าวด้วยกันไง นี่บอยมันก็ทิ้งเอกไปแล้ว
    ต้นข้าวจะปล่อยให้เอกทานข้าวคนเดียวเหงาๆได้ลงคอเหรอ "

    โอย!! คำพูดแบบนี้อีกแล้ว แต่คราวนี้เห็นหน้าแบบเต็มๆ ต่อให้เป็นหญิงแกร่งแรงเกินร้อยขนาดไหน
    ลองมาเจอคำพูดกับหน้าตาออดอ้อนแบบนี้ก็คงต้องรู้สึกแบบเดียวกับชั้น ก็มันจะไม่เขินได้ยังไงล่ะ
    ชั้นก็เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาที่มีหัวใจโหยหาผู้ชายเหมือนกันนะ แล้วนายเอกนี่ก็ไม่ใช่ผู้ชายหน้าตาธรรมดาเสียด้วย

    " ตกลงนะ " เอกโน้มตัวลงมาจ้องหน้าชั้น รู้สึกร้อนขึ้นมาที่หน้า

    " ไม่เอา!! อย่ามายุ่งกับฉัน " ว้ายยัยต้นข้าว  ยัยคนสวย  นังคนเพียบพร้อม  แกพูแบบนั้นออกไปทำม้าย 
    ไม่นะคะเอกขา  ต้นข้าวพูดผิดไป  ต้นข้าวจะบอกว่า  ก้มมาสิคะ  ก้มมาใกล้ๆและจูบต้นข้าวเลยค่ะ 
    กรี๊ดด!  เขิลไปหมดแล้ว  ทำไงดี  แค่ผู้ชายคนเดียวทำให้ชั้นไข้วเขวได้ขนาดนี้เชียวเหรอเนี่ย 
    ขืนเจอนายเอกมากๆ  จะไม่มีแก่ใจทำตามแผนเพราะมัวแต่มองหน้าหล่อๆของเค้าอยู่น่ะสิ

    " ไว้เจอกันอีกนะ " เอกตะโกนส่งท้าย

    ชั้นหันกลับมาก็พบว่าเอกยืนโบกมือให้อย่างยิ้มแย้ม ชั้นรู้สึกวูบวาบขึ้นมาที่หน้าอีกครั้ง
    ก่อนจะแลบลิ้นให้เอกแล้ววิ่งหนีต่อ

    รู้สึกตัวอีกทีชั้นก็มาเดินในสวนสาธารณะที่อยู่ไม่ไกลจากโรงอาหารมากนัก
    ที่นี่รายล้อมไปด้วยไม้ยืนต้นและไม้พุ่มนานาพรรณ มีต้นศรีตรังที่ชั้นชอบเสียด้วย
    มีดอกตูมๆแล้ว ที่นี่มีร่มเงาจากไม้ยืนต้นทำให้อากาศเย็นสบายดีมาก แต่ทำไมผู้คนถึงไม่มาแถวนี้นะ
    คงเพราะไม่ใช่สถานที่ที่สนุกสนานหรือจะได้พบปะพูดคุยกับเพื่อนฝูงกระมัง
    แต่ถ้ามากันผู้ชาย
    2ต่อสองล่ะก็อีกเรื่อง  หุ หุ เดินไปสักพักชั้นก็เจอชุดโต๊ะหินอ่อนสีขาวเล็กๆ
    ตั้งอยู่ใต้ต้นหูกวางที่แผ่ใบหนาให้ร่มเงา ชั้นตรงเข้าไปนั่งทันที
    จากที่นั่งตรงนี้มองเห็นต้นศรีตรังต้นนั้นเสียด้วย อีกไม่นานดอกก็คงจะบานสินะ
    แล้วที่นี่ก็จะสวยสดไปด้วยดอกสีม่วงอมชมพูแสนสวย  อุ้ยแหม ชั้นนี่ก็พอจะเป็นกวีเอกกะเค้าได้นะเนี่ย 

    ร้านสะดวกซื้ออยู่ห่างจากที่นี่ไปเกือบ 500 เมตร ชั้นลูบท้องเพราะได้ยินเสียงมันร้องขออาหาร
    มาบ่อยครั้งแล้ว และเนื่องจากยังหาทาส(ผู้ชาย)มาคอยเป็นเบ๊ให้ไม่ได้ 
    ชั้นจึงจำต้องลุกขึ้นเดินตรงไปยังร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่นี้ชั้นก็คงจะมาใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่แห่งนี้
     เพราะชั้นรู้สึกได้ว่า เมื่ออยู่ท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้ มันช่างสบายใจเสียจริงๆ   
    แล้วถ้ามีผู้ชายผ่านมามันก็คงง่ายที่เค้าจะเข้ามาคุย(จีบ)ผู้หญิงที่นั่งอยู่น่ะนะ 
    หรือคุณว่าไม่จริง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×