ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    การรอคอยของนาฬิกาทราย(ภาค นางมารร้าย)

    ลำดับตอนที่ #1 : นักศึกษาใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 12 ต.ค. 49



    " คุณคะ!! คุณ!! " ชั้นแทบจะวิ่งอยู่แล้วเมื่อตอนที่ต้องไปเรียกอีตาซุ่มซ่ามที่อยู่ตรงหน้า

    " ครับ ? " ตานั่นหันกลับมาถามด้วยหน้าตาเอ๋อๆ แต่ก็โอเคนะ หน้าตาพอใช้ได้ ฉะนั้นให้อภัยย่ะ

    " กระเป๋าสตางค์ของคุณตกน่ะค่ะ นี่ค่ะ " ชั้นยื่นกระเป๋าสตางค์แบบผ้าสีน้ำตาลอ่อนส่งให้ผู้เป็นเจ้าของ ก่อนจะยิ้มแบบหว่านเสน่ห์ให้คนตรงหน้า

    " อ๊ะ! ของผมจริงๆด้วย ตกไปตั้งแต่เมื่อไรกัน ขอบคุณมากนะครับ ทั้งบัตรนักศึกษา ทั้งเงิน อยู่ในนี้หมดเลย เกือบไม่ได้เป็นนักศึกษาตั้งแต่วันปฐมนิเทศซะแล้วสิ " ตานั่นทำท่าลุกลี้ลุกลนสลับกับการถอนหายใจ ก็คงจะโล่งอกล่ะมั้ง ท่าทางแบบนั้นมันทำให้ฉันอดยิ้มขำไม่ได้ เปิ่นชะมัดเลยแฮะ ว่าแต่นายจะแค่ขอบคุณอย่างเดียวโดยไม่คิดจะตอบแทนอะไรชั้นเลยรึไงยะ

    " ฉันก็มาปฐมนิเทศวันนี้เหมือนกันค่ะ ถ้ายังไงขอตัวก่อนนะคะ " ชั้นพูดขึ้นเมื่อดูแล้วงานนี้ชั้นคงเหนื่อยฟรีแน่ๆ ชั้นก้มหัวให้เล็กน้อย แล้วจึงเดินผ่านประตูรั้วหินอ่อนสีดำของมหาวิทยาลัยเข้าไป พร้อมทั้งสถบในใจที่นายหน้าจืดนั่นทำให้เสียเวลาหาผู้ชายดีๆอันมีค่าของของชั้นไปโดยเปล่าประโยชน์

    สถานที่แห่งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ของชีวิตชั้น และชั้นก็หวังว่าคงจะเป็นชีวิตที่แตกต่างจากชีวิตที่ผ่านๆมาเป็นนะ และแม้ว่าใจจริงและนิสัยที่แท้จริงของฉันจะไม่ต้องการมาทำอะไรเป็นแม่พระแบบนี้ก็ตามเถอะ แต่สิ่งเดียวที่ฉันรู้คือ จะต้องไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิมอีกเด็ดขาด

    " ยินดีต้อนรับน้องๆทุกคนนะครับ "

    " มาทางนี้ครับ เชิญน้องๆมาทางนี้ทุกคนเลยนะครับ "

    " วี๊ด!!!!บูม!!!! "

    เสียงผู้คนมากมายทั้งชายหญิงและกึ่งชายกึ่งหญิง(อี๋)ต่างพูดจา ร้องรำทำเพลง เพื่อแสดงความยินดีกับนักศึกษาใหม่ ชั้นเองก็เป็นนักศึกษาใหม่นะ แต่ทำไมถึงได้รำคาญไอ้กิริยากรี๊ดกร๊าดนี่นักก็ไม่รู้สิ อะไรกันหนักหนา กะอีแค่เรียนมหาลัยได้นี่มันต้องดีใจเสียสติกันขนาดนี้เลยรึไงนะ ความคิดนี้มันทำให้ชั้นยิ้มไม่ออกเลยทีเดียว ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นนะ ป่านนี้ชั้นคงไม่ต้องมาเดินย่ำต็อกอยู่ตรงนี้หรอกย่ะ จริงๆนะ มันมีอะไรผิดพลาดกันนะ

    " ดาวไม่นึกเลยนะว่าต้นข้าวจะเป็นคนแบบนี้!! " เสียงของดาวในอดีตดังขึ้นมาอีกครั้ง

    " ไม่ใช่นะ!! ดาวกำลังเข้าใจข้าวผิดนะ ข้าวไม่ได้เป็นคนทำนะ " ใคร ใครปากโป้งยะ

    " ถ้าไม่ใช่เพราะข้าวแล้วจะเป็นเพราะใคร ที่อาร์มเขามาบอกเลิกกับดาวเนี่ย ก็เพราะข้าวไปบอกชอบเขา เขาก็เลยเปลี่ยนใจมาชอบข้าว แล้วยังจะแก้ตัวอีก " กรี๊ด! ที่แท้ก็อาร์มนี่เอง ทำไมแกไม่หาวิธีปฏิเสธยัยดาวให้ฉลาดกว่านี้ยะ แล้วยังงี้ชั้นจะแก้ตัวยังไงดีล่ะเนี่ย

    " ไม่จริงนะ!! ข้าวไปเห็นอาร์มนั่งทานข้าวกับหญิงอื่นอยู่ ก็เลยเข้าไปต่อว่า อาร์มก็เลยใส่ร้ายข้าว ดาว!! เชื่อข้าวสิ เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ม.3แล้วนะ " ฟังดูดีมั้ยนะ

    " ดาวก็คบกับอาร์มมาตั้งแต่ ม.4 เหมือนกัน ดาวไม่เชื่อข้าวหรอก ตั้งแต่นี้ต่อไปเราไม่ใช่เพื่อนกันอีก "

    มิตรภาพระหว่างเพื่อนช่างเปราะบางนัก แค่แฟนคนเดียวจะหวงอะไรนักหนากันนะ ทั้งๆที่กำลังจะเรียนจบกันอยู่แล้วเชียว ทำไมดาวถึงไม่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่บ้างนะ แฟนคนเดียวแบ่งเพื่อนใช้ไม่ได้รึไงกัน เพราะดาวเป็นที่รักของเพื่อนๆในห้องหรอกนะชั้นถึงได้ลดตัวลงไปคบด้วย เพราะมีดาวเป็นเพื่อนคนเดียวชั้นก็สบายไม่ต้องตีหน้าเจี๋ยมเจี้ยมว่าเป็นคนดีน่ารักเพื่อหาเพื่อนให้เหนื่อย แต่เพราะอีตาอาร์มสมองเขียดนั่นคนเดียว เลยทำให้ชั้นถูกเพื่อนทั้งห้องมองด้วยแววตารังเกียจ ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไปจนจบเทอม ที่จริงชั้นก็ไม่แคร์สายตาชาวบ้านหรอกนะ แต่มันน่ารำคาญเวลาเดินไปไหนก็ต้องถูกนินทานี่สิ ชั้นรับไม่ด้าย

    แต่ก็ช่างเหอะ ไหนๆก็อยู่คนเดียวมาพักนึงแล้วนี่ ทั้งๆที่ฉันก็ไม่ได้ทำผิดอะไรสักหน่อย (จริงมะ?แค่แฟนเพื่อนมาชอบชั้นเอง แล้วชั้นก็ไม่ได้ปฏิเสธความหวังดีก็แค่เนี้ย ชั้นผิดครงไหนล่ะ) งั้นชั้นก็อยู่คนเดียวต่อไปซะเลย มีเพื่อนแล้วยุ่งยากเนี่ยไม่เอาอีกต่อไปแล้ว แต่เพราะยังงั้นชั้นก็ต้องหาที่พึ่งใหม่ คราวนี้แม่จะหาแฟนหล่อๆเริ่ดๆรวยๆไปเย้ยยัยดาวให้ได้เลย ชั้นนึกพลางกำมือแน่นแล้วชูขึ้นประหนึ่งมีไฟลุกขึ้นท่วมตัว

    " น้องๆที่ได้รับทุนนะครับ มาลงทะเบียนที่นี่เลยนะครับ " เสียงของรุ่นพี่ดังมาจากมุมหนึ่งปลุกให้ชั้นตื่นจากภวังค์ เพราะสถานที่แห่งนั้นเป็นจุดประสงค์ที่ชั้นต้องมาในวันนี้

    ชั้นเดินแหวกฝูงผู้คนอันน่าเบื่อพวกนั้นเพื่อไปยังโต๊ะลงทะเบียน เดินชนคนโน้น(ดี!สมน้ำหน้าเดินไม่ดูเอง) โดนคนนั้นเหยียบเท้า (กรี๊ด!คนไร้มรรยาท ปากขยับจะด่าแต่ไม่ทัน ฝากไว้ก่อนเถอะ) เข้าไปขวางทางคนจะถ่ายรูป (เป็นบุญกล้องแล้วล่ะที่ชั้นเดินผ่านน่ะ) หกล้มเกือบลงไปจูบกับพื้นดิน(ต้องฟอร์มเป็นสาวน้อยซุ่มซ่ามแบบน่ารักซะหน่อย) โอ้ว!! ในที่สุดก็มาถึงโต๊ะลงทะเบียนนักศึกษาทุนแล้ว

    " ตรวจรายชื่อแล้วเขียนชื่อ ชื่อเล่น และที่อยู่ไว้ที่ตรงนี้ด้วยนะครับ แล้วเชิญเข้าไปรอในซุ้มได้เลยครับ ยินดีต้อนรับน้องใหม่นะครับ " รุ่นพี่ยิ้มให้พร้อมกับยื่นเอกสารมาให้ชั้นชุดหนึ่ง ชั้นรับมาไว้กับอกแล้วก้มลงเขียนยุกยิกๆ

    ในซุ้มมีกลุ่มนักศึกษามากมาย บ้างยืนจับกลุ่มคุยกัน บ้างจับกลุ่มร้องเพลงเต้นรำ บ้างก็นั่งล้อมวงเล่นไพ่ เฮ้ย!! เล่นกันตรงนี้เลยเรอะ!! นั่นไงอาจารย์เดินมาทางนั้นแล้ว ฮิฮิ วงแตกไปคนละทางเลย สมน้ำหน้าอยากไม่ชวน (อ้าว!)

    ชั้นซื้อน้ำแดงมาจิบแล้วเดินไปเดินมาภายในซุ้ม ต่างประดับประดาไปด้วยป้ายผ้าหลากสีสันหลากข้อความ ล้วนแต่เป็นข้อความแสดงความยินดีและแนะนำสถานที่ รวมไปถึงเชิญชวนเข้าชมรมต่างๆ รั้วมหาวิทยาลัยล้วนเป็นสถานที่ซึ่งรวบรวมคนเก่งและคนหน้าตาดีไว้มากมายอย่างที่ชั้นเคยวาดไว้ตอน ม.ปลาย เดินไปเจอคนนั้นก็หล่อ คนนี้ก็น่ารัก เฮ้อ! ค่อยรู้สึกเจริญหูเจริญตาหน่อย ไม่ว่ายังไงชั้นต้องหาแฟนให้ได้อย่างน้อยหนึ่งคน ชั้นคิดอย่างแน่วแน่ ถ้ามีแฟนเรื่องค่าอาหารกลางวัน อาจรวมถึงมื้อเย็นก็สบายไป แถมช่วงเทศกาลยังอ้อนขอของขวัญได้อีก ฮ้า!ทีนี้ชั้นก็จะมีของแบรนด์เนมไว้อวดชาวบ้านซะที ฮุฮุ ยิ่งคิดก็ยิ่งเคลิ้มแฮะ

    " สวัสดีครับ " เสียงผู้ชายดังขัดจังหวะความฝันมาจากด้านหลัง ไม่ได้เรียกชั้นหรอกมั้งก็ชั้นยังไม่ได้เริ่มตกเหยื่อเลยนี่นา

    "...สวัสดีครับ " เรียกอีกแล้ว น่ารำคาญจัง ทำไมต้องมาเรียกใกล้ๆด้วยนะ ว่าแล้วก็ยกแก้วขึ้นจิบน้ำ

    " เอ่อ..สวัสดีครับคุณต้นข้าว...

    ... " พรวด!! เฮ้ย!! นั่นมันชื่อชั้นนี่นา แทบสำลักน้ำแดง

    ชั้นตั้งสติแล้วรีบหันไปยังต้นเสียงทันที " คุณเป็นใครคะ!! "

    " อ้ะ!!ใจเย็นๆครับ อย่าเพิ่งตกใจ คือผมลงทะเบียนต่อจากคุณก็เลยจำชื่อคุณได้ " ชายร่างสูงผิวสีแทนในชุดนักศึกษาเต็มยศกับผมรองทรงทำมือโบกๆให้หยุด

    " แล้วเรียกฉันทำไมหรือคะ " ชั้นคลายสีหน้าตกใจกลับสู่ใบหน้าปรกติ หน้าตา ผ่าน!!

    " ก็ผมเห็นว่าต้นข้าวเดินคนเดียวมาพักใหญ่แล้ว ก็เลยแปลกใจ ไม่เห็นทักทายใครบ้างเลย "

    " ก็ฉันไม่รู้จักใครเลย " ชั้นแกล้งมารยาทำเสียงเหมือนรำคาญ เอ!ผู้หญิงดีๆเค้าจะไว้ตัวกันรึป่าวน้า ช่างเถอะลองดูก่อนแล้วกัน ถ้าคนนี้ไม่ติดเบ็ดค่อยลองวิธีอื่นก็ได้นี่นา แหม ชั้นนี่ฉลาดจริงๆเลย

    " วันแรกก็ไม่มีใครรู้จักใครหรอกครับ อ่อ จริงสิ ผมชื่อเอก เป็นนักศึกษาทุนเหมือนกันยินดีที่ได้รู้จัก " เขายื่นมือมาแล้วส่งยิ้มให้ ชั้นขยับถอยหนึ่งก้าวแล้วจ้องหน้าเขาเพื่อพิจารณาอย่างละเอีนดอีกครั้ง อืม เป็นผู้ชายที่หน้าตาหล่อคมเข้มแบบไทยจริงๆ รับกับผิวสีแทนซะด้วย น่าไปแสดงหนังพวกขุนศึก ผู้ชนะสิบทิศ อะไรทำนองนั้น

    " อ้ะขอโทษ เสียมารยาทไปหน่อย " เขาชักมือกลับก่อนจะหัวเราะแหะๆ

    ชั้นยิ้มตอบ ก็แหม!คนอะไรหัวเราะก็ยังน่ารัก อยากจับกดซะแล้วสิเรา

    " ไม่เป็นไรค่ะ ขอตัวก่อนนะ " ว่าแล้วก็หมุนตัวกลับ 180 องศา ตั้งท่าพร้อมจะก้าวเท้า ดูซิว่าจะเรียกมั้ย

    " เฮ้! ผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่าน่ะ เหมือนต้นข้าวทำท่าทางรังเกียจผมเลย "

    Yes! ติดเบ็ด ดูคำพูดฟังน้ำเสียงสิ เริ่มหวั่นไหวกับชั้นแล้วใช่มั้ยล่ะ เอาล่ะ แล้วจะเอาไงต่อดีล่ะ ต้องหาทางอ่อยให้มากกว่านี้

    " ขอบคุณที่มาทักค่ะ แต่ต้นข้าวไม่ใช่คนดีนัก อย่ามาเสียเวลากับต้นข้าวเลยค่ะ " เจอประโยคนี้เข้าไปก็ทำเอาอีกฝ่ายเงียบไปพักนึงทีเดียว เป็นไงล่ะ อึ้งล่ะสิ คำพูดนางเอกสุดๆที่ชั้นคิดได้แล้วนะเนี่ย

    " ฮ่าๆ อย่ามาโกหกผมเลย " ใช่แล้วพ่อรูปหล่อ คิดได้อย่างนี้แหละเข้าทางชั้นเลย

    " หา!! ฉันไปโกหกอะไรคุณ " ชั้นหยุดกึกแล้วหันมาทันที อ้าว ไม่ได้อึ้งแต่กลั้นหัวเราะอยู่หรอกรึ

    " ก็เรื่องที่คุณไม่ใช่คนดีน่ะ เป็นไปไมได้หรอก " เขายกมือขึ้นปาดน้ำตา อุ้ย!ท่าปาดน้ำตาก็น่ารัก

    " คะ..คุณพูดเรื่องอะไรน่ะ ฉะ..ฉันไม่เห็นรู้เรื่อง " ชั้นแกล้งพูดตะกุกตะกักเหมือนโดนแฉ เหงื่อก็เริ่มออกเพราะความร้อน ทำไมเค้าไม่คิดติดแอร์ตามทางเดินบ้างนะ ร้อนแทบไหม้แล้วเนี่ย

    " ก็ต้นข้าวน่ะ เก็บกระเป๋าสตางค์ได้แล้วส่งคืนเจ้าของนี่นา ผมเห็นมากับตา " พูดพลางส่งยิ้มหวานมาให้

    " … " อะไรกัน มีคนเห็นด้วยรึเนี่ย ดีจังงี้ก็ไม่ต้องโฆษณาตัวเองให้เหนื่อยแล้ว

    " จะ..จำคนผิดแล้วล่ะ ไม่ใช่ฉันหรอก " เอ๊ะ!แต่เค้าเห็นตอนเราแอบเปิดกระเป๋าตาหน้าจืดนั่นหรือเปล่าน้า ต้องปฏิเสธไว้ก่อน

    " ฮ่าๆ ยังจะทำไม่รู้เรื่องอีก " เขาหัวเราะแล้วเดินเข้ามาใกล้ ยกนิ้วขึ้น ชี้มาที่ฉัน

    " ผมสวยยาวประบ่า รวบผมครึ่งหัวแล้วติดโบว์สีชมพูอันเบ้อเริ่มแบบเด็กน่ารักแบบนี้น่ะ เชื่อสิว่าทั้งมหาลัยมีแค่คนเดียว "

    " !!! " ชั้นเผลอเอามือจับโบว์โดยไม่รู้ตัวพร้อมกับถอยห่างหนึ่งก้าว โบว์นี้น่ะเหรอ? ชั้นคิด

    " คิกๆ! ดูทำท่าเข้าสิ ผมพูดแทงใจดำใช่ไหมล่ะ เอาเถอะ ต้นข้าวอาจจะมีเหตุผลอะไรก็ได้ ผมจะไม่ถามละกัน ยังไงถ้าได้เจอกันอีกก็คงจะดีนะ ผมลาล่ะ " เขาโบกมือลา แล้วก็หันหลังเดินจากไป

    พ่อรูปหล่อนี่แปลกคนจริงๆ ทำไมกล้ามาพูดกับคนที่ไม่เคยรู้จักกันขนาดนี้นะ แถมยังมาชมคนอื่นว่าเป็นคนดีอีก ...ชื่อเอกงั้นรึ ชั้นนึก เอาไงดีล่ะ ยังไม่รู้หรอกนะว่ารวยรึป่าว แต่เก็บเอาไว้เผื่อๆก็ดี แถมคนหน้าตาดีๆอย่างนี้คบเอาไว้ทำฮาเร็มก็ไม่เสียหลายไม่ใช่เหรอ

    หลับตานึกไปพลาง สูดลมหายใจเข้าออกช้าๆไปพลาง เมื่อเข้าที่แล้วจึงเงยหน้าขึ้นแล้วก้าวเดินอย่างมั่นใจ สองก้าวผ่านไป

    " ชื่อเอกงั้นรึ… " ชั้นหันกลับมามองทางที่เอกเดินไป แม้จะไม่เห็นเอกแล้วก็ตาม แต่ชั้นก็เผลอยิ้มชั่วร้ายออกมาอย่างลืมตัว

    จบตอนที่1

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×