ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ++มาตามี++

    ลำดับตอนที่ #2 : 9

    • อัปเดตล่าสุด 21 เม.ย. 49


    ความเดิม

    "ข้าได้ยินนางสนทนากับผู้ใดไม่ทราบที่ลำธารครับ ไม่มีรูป กลิ่น และร่างมีเพียงเสียง"

     

    (นอกจากเมตารัส เจ้ายังมีใครอีก)มือกำแน่น แววตาเข้มขึ้น

     

    "เสียง คงมาจากแดนอื่น" เจ้านกน้อยรายงานโดยไม่รู้อารมณ์ของนายเอาเสียเลย

     

    "อืม" รับคำแกนๆ สีหน้าสงบแต่ใจร้อนดั่งไฟ (จากแดนอื่นรึ จา เจ้าจะไปจากข้าแล้วหรือ)

    ................................................................................


    9

    ฝ่ายหญิงสาวไม่กล้าเช็ดหรือล้างรอยสัมผัสที่ติดตรึงบนริมฝีปากอีกแล้ว

     

     น้ำตาไม่มีเช่นกัน สิ่งเดียวที่คิด กลับบ้าน

     

     เดินตรงไปที่ต้นไม้ใหญ่ ต้นเดิม

     

    "กลับบ้าน" สภาพอากาศรอบกายแปรปวน ฟ้าดำสนิท ลมกรรโชกแรงเกิดแรงมหาศาลดูดหญิงสาวเข้าสู่แกนกลาง

     

    ของต้นไม้

     

    "อยากกลับ จริงหรือ"ใจอีกด้านแย้ง สัญญาจะเป็นคนผิดสัญญาหรือไร

     

    "ใช่ สัญญา กลับไม่ได้" ท้องฟ้ากลับสู้สภาพปกติ แรงดูดหายไปราวกับไม่ได้เกิดขึ้น!

     

    "ตุบ" เสียงของแข็งกระทบพื้นดิน

     

    "โอ๊ย..เจ๊บ" ก้นระบม คงช้ำในด้วย

     

    "เจ้าเข้าถึงหัวใจมาตามีแล้ว สาวน้อย"

     

    "ท่านเป็นใคร" ทำไมใครๆจึงเรียกเราว่าสาวน้อยนักนะ

     

    "ทรี" รอบร่างผู้มาใหม่ครอบคลุมด้วยแสงสีเขียวรอบนอกสีเข้มและไล่ระดับสีลงมาเรื่อยๆ

     

    "ข้ามาช่วยเจ้า" ตามองตรงนิ่งมาที่หญิงสาว

     

    "ช่วยอะไร" ผู้มาใหม่ยิ้ม

     

    "เหตุใดเจ้าจึงสื่อสารกับพวกข้าได้" ถามสะกิดใจคนฟังยิ่งนัก

     

    "ไม่ทราบค่ะ" หญิงสาวใช้ประโยคเป็นทางการเนื่องจากคิดว่าผู้ที่คุยด้วยเป็นผู้ใหญ่กว่าตนเอง

     

    "มาตามียอมรับจิตใจเจ้า"คำเฉลยปรากฎ

     

    "ค่ะ คืออะไร"

     

    "มาตามีทุกสิ่งอยู่ภายใต้จิตใจ" เสียงก้องสั่นกระโสตประสาท

     

    "ลา สาวน้อย" ผู้มาใหม่หายวับไปกับตา ถ้าเป็นเมื่อก่อนหญิงสาวคงวิ่งป่าราบแต่บัดนี้ การหายตัว

     

    เป็นเรื่องปกติธรรมดาเสียแล้ว ในดินแดนนี้มีอะไรที่แปลกประหลาดอีกมากมาย ต้องฝึกคนเองให้แข็งแกร่ง

     

    พร้อมสู้กับอุปสรรคที่ผ่านเข้ามา

     

    "จา" เสียงเพื่อนสุดที่รัก

     

    "ฝน จาอยู่ตรงนี้"

     

    "ฝนๆๆได้ยินจาไหม" เงียบ.........เรียกจนหมดเสียง คอแสบแห้ง ทั้งอาหารยังไม่ตกถึงท้อง เจ็บก้นด้วย

     

    "จาเราอยู่นี่" เพื่อนอยู่ในม่านหมอกหญิงสาวไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปหาทันที เมื่อปะทะกับหมอก สติ......ดับวูบลง

     

    ร่างภายในม่านหมอกเผยตัวออกมา สิ่งในกำมือคือวัตถุทรงกลมดำมืดภายในเป็นประกายไฟสีน้ำเงินวิ่งวนดุจมีชีวิต

     

    "นายท่าน" ร่างของฝนเปลี่ยนสภาพเป็นเจ้านก

     

    "ข้าไม่ให้เจ้าไป" ก้มลงกระชิบหลังใบหูคนหมดสติ

     

    "นายเราเริ่มผูกพันกับสาวน้อยตรงหน้าเสียแล้วหรือไร" เจ้านกคิด

     

    ลูกนิลถูกวางลงหน้าต้นไม้ใหญ่ ค่อยๆซึมลงสู่เบื้องล่างต้นหญ้ารอบข้างเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินจนดำสนิท

     

    "ซูม" เสียง?

     

    "เจ้า!" มีเพียงเสียงยังไม่ปรากฎร่าง

     

    "เผยตัวมา!" ตวาดก้อง

     

    "ฮา ฮา ฮา" สิ้นเสียงหัวเราะ รัศมีเขียวเรืองสว่างจ้าขึ้น

     

    "เจ้าวางผนึก" เสียงเย็นมีอำนาจ

     

    "หาใช่กิจของท่าน" น้ำเสียงบอกความรำคาญ

     

    "แดนของข้า ย่อมใช่กิจของข้า" รอยยิ้มฉาบบนริมฝีปาก

     

    "ลา" ตัดบท

     

    "หยุด" ลมรอบข้างทวีความรุนแรงขึ้น คนห้ามชี้นิ้วใส่ฝ่ายตรงข้ามเริ่มการจู่โจม

     

                รอบกายอีกฝ่ายเกิดเขตเวทย์ ตราดาวห้าแฉกทาบลงบนร่าง ทุกท่าของการเคลื่อนไหว

     

    ตราดาวจะจู่โจมทันที!

     

     ชายหนุ่มหายอมตกเบี้ยล่างเพียงฝ่ายเดียวรวบรวมพลังสลัดตราดาวออกจากร่าง

     

     โบกมือบังคับน้ำในลำธารสาดซัดเข้าต่อกรกับตราดาว

     

     ละอองเปลี่ยนสภาพเป็นเส้นสายร้อยรัดตราดาว

     

    ดุจสร้อยเส้นมหึมา

     

    "อย่าขวาง" สะบัดสร้อยคืนสู้เจ้าของ

     

    "ควับ" เพียงโบกมือลมรอบกายพัดหอบสายสร้อยไปด้านหลัง แต่ สายสร้อยกลับวกมาจู่โจมอีกครา

     

    รัศมีสีเขียวจางลงจนหายไปในที่สุด

     

    "กลับ" เจ้านกผู้สังเกตการณ์อยู่ตลอดลอบมองนายของตน

     

    สีหน้าเฉยชา ดวงตานิ่งไร้ความรู้สึก แต่ ใจ............ยากนักจักรู้

     

                ลับร่างชายหนุ่มไปไม่ถึงอึดใจ รัศมีสว่างจ้าข้างกายหญิงสาว เพียงท่องมนต์

     

    เปลือกตาของร่างบนพื้นเริ่มขยับบ่งบอกถึงการรู้สึกตัว

     

    "ทรี" จำได้แน่นอน คนทิ้งปริศนา

     

    ------------ย้อน  ("มาตามียอมรับจิตใจเจ้า"คำเฉลยปรากฎ

     

    "ค่ะ คืออะไร"

     

    "มาตามีทุกสิ่งอยู่ภายใต้จิตใจ" เสียงก้องสั่นกระโสตประสาท)

     

    -------------------

    "รับ" ยื่นแซนวิสพร้อมโอวัลติน

     

    "ขอบคุณค่ะ" ของโปรดเราซะด้วย แซนวิสปลาทูน่ากับโอวัลติน

     

     กำลังอยากกินอยู่เลย(เอ๊ ที่นี่มีอาหารแบบนี้ได้ไง)

     

    "เอามาจากไหนค่ะ"

     

    "ใจเจ้า" แววตาคนฟังเริ่มงง

     

    "ข้าสร้างจากมโน เป็น รูป รส กลิ่น"  คนฟังหน้ายุ่ง

     

    "ดู" หยิบใบไม้เขียววางบนฝ่ามือหญิงสาว

     

    "ข้าสร้างกลิ่น"

     

    พลันกลิ่มหอมของกุหลาบก็ปะทะเข้าจมูก

     

    "กลิ่นจากใจเจ้า"ยิ้มและอธิบาย

     

     คนฟังเริ่มเข้าใจ เมื่อครู่ตนเองนึกถึงกลิ่นกุหลาบ คนสร้างอ่านใจและสร้างขึ้น

     

    "เข้าใจแล้ว.....อ้าว" หายไปอย่างไร้ร่องรอยดังเช่นคราวแรก

     

    แซนวิสพร้อมโอวัลตินยังวางอยู่ ไม่รอช้ารีบจัดการกับอาหารลงท้อง

     

    "อร่อย" ไม่ถึง10นาที ก็เหลือเพียงจานพร้อมแก้วเปล่า ลุกยืนจะเก็บภาขนะทั้งสองหาก

     

    เพียงแค่สัมผัส ภาชนะทั้งคู่กลับสลายเป็นผุยผงละลายหายลงพื้นดิน

     

    "ขอบคุณค่ะ" หวังให้เสียงไปถึงคนใจดีผู้ให้อาหาร

     

    ห่างออกไป ไป ไป ไป ไป ไป...... ร่างบนกิ่งไม้ยิ้มรับรู้ ^_^

     

                แสงแดดทอดแสงอ่อนลงจนลับหายลงหลังภูผา

     

    ฝูงนกบินกลับรัง ราตรีคลืบคลานครอบคลุมทุกอณู เดินกลับภายใต้ความมืด

     

    "เร็ว นายหญิง" ลาคาฉุดแขนลากออกนอกกระโจม

     

    "ไปไหน" (กลับมากะว่าจะนอนซักหน่อย)

     

    "หน้าลาน" เสียงเรียบ

     

    "ลานอะไร" เงียบ ไม่มีเสียงตอบ

     

    "นายท่าน" ลาคายอตัวก้มหัวลงติดพื้น หญิงสาวถูกลากมาหยุดตรงหน้าคนที่ไม่อยากพบเจอ

     

    ตาจ้องตาท้าทาย(0_0)vs(O_O)

     

    "ลุก"

     

    "เจ้ามาช้าลาคา" เสียงตำหนิ

     

    "ขออภัย" ก้มหัวลงติดพื้นอีกครั้ง

     

    "ตามข้ามา"

     

    "บอกให้ลาคาลุกสิ" สงสารลาคา คงเมื่อยแย่

     

    "ลุก ข้าไม่เอาโทษเจ้า" (ทำไมเชื่อเราง่ายจัง หญิงสาวครุ่นคิดในใจ)

     

    "ค่ะ นายท่าน"

     

    "ตามข้ามา" ตาดำข่มขู่ อยากขัดขืนบัญชา แต่เมื่อมองไปรอบตัว คนหลากหลายรวมตัวกันเป็นจุดๆ

     

    ที่เด่นคือรอบกองไฟสีมรกต คนหกคนยืนล้อมกองไฟใหญ่ในกำมือมีวัตถุทรงกลมสีเหลืองสด

     

     ถัดออกมา เป็นหินเก้าก้อนวางเรียงล้อมรอบคนทั้งหกอีกชั้นหนึ่ง ทุกก้อนมีคนยืนประจำตำแหน่งหลังก้อนหิน

     

    ส่วนตัวเองยืนอยู่ตรงช่องว่างของหินสองก้อน มือบางถูกลากมองเผินๆเหมือนจับมือธรรมดา

     

     หากไม่เป็นเช่นนั้น มือใหญ่กำมือบางแน่น เจ็บ แต่หาส่งเสียงไม่ มีเพียงแววตาสื่อกันอย่าง

     

    เฉือดเชือน ถ้าเป็นคำพูดๆได้คงเป็น

     

    (0_0) เร็ว

     

    (O_O) เจ็บนะ ฝากไว้ก่อนเหอะ

     

    (0_0) ร้องสิ

     

    (O_O) ไม่

     

    ชายหนุ่มลากหญิงสาวไปรวมกับกลุ่มชน ทุกคนไม่ว่าเด็กเล็กผู้ใหญ่หรือคนสูงอายุต่างอยู่ภายในวงพระจันทร์เสี้ยว

     

    ที่ถูกขีดขึ้นบนพื้นดิน และล้อมรอบด้วยลูกแก้วสีดำมืด 

     

    "ดูนายกับนายหญิงสิ คงผูกพันแนบแน่น ตาจ้องตากันไม่กระพริบเลย"

     

    "น่ายินดีๆๆ" ฝูงชนคิดแบบนั้นแล้วผู้อ่านหล่ะค่ะ

     

    ฝ่ายคนที่ถูกพูดถึง

     

    "ห้ามส่งเสียง ห้ามออกนอกเขตเมฆา"กระซิบใกล้ใบหู( เมฆาคือพระจันทร์)

     

    "เจ้ามีโทษ" บีบมือ

     

    "เสร็จงาน ข้าจะเอาโทษเจ้า" จ้องตา

     

    จาจ้องตาไม่หลบ ดุเด็ดพอกัน(ตาต่อตาฟันต่อฟัน หญิงสาวคิด)0_0vsO_O

     

    ชายหนุ่มหลับตาลงและตอกกลับจนหญิงสาวเริ่มเดือด

     

    "ปากต่อปาก จูบต่อจูบ(- _ -)" กระซิบเสียงเครียด คำพูดควรจะหวานหากผู้ใช้ไม่หวานตาม มันจะมีค่าอะไร

     

    "นาย....(นายบ้า)" ปลายนิ้วสัมผัสลำคอ หยุดเสียงที่เปล่งออกมา

     

    ชายหนุ่มเดินกลับเข้าสู่กองไฟประจำช่องว่างของหิน ช่องว่างที่เคยถามเมตารัส

     

    -------ย้อน("เว้นช่องว่างไว้ทำไมค่ะ"

     

    "เป็นโล่กำบังบางสิ่ง"(กำบังอะไรยังไม่ได้ถาม)

     

    ---------------------

    สายตาของกลุ่มชนจับจ้องไปยังเบื้องบน แสงจันทร์สาดส่องทั่วพื้นพิภพหากไม่มีผู้ใดสนใจแสงจันทร์

     

    แววตาบ่งบอก รอคอย  เวลาหมุนเปลี่ยนเวียนวนขาหญิงสาวเริ่มเป็นเหน็บเสียแล้ว เมื่อยปวดขาแต่บ่นไม่ได้

     

    เป็นชั่วโมงแห่งความเงียบที่ยาวนานไม่มีการเคลื่อนไหวของผู้คนข้างกาย กลุ่มชนยังคงจดจ้องไปยังเบื้องบนเช่นเคย

     

    (ไม่เมื่อยกันบ้างรึไงนะ ) คิดได้เพียงในใจ

     

    เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อย เรื่อย....

     

    ร่างสูงโผล่ขึ้นทางทิศเหนือ รวดเร็วลงน้ำหนักเท้าได้สม่ำเสมอกัน

     

    เคลื่อนที่ปานประจุไฟฟ้าแสงสีม่วงครอบคุมรอบกายเหมือนลูกไฟมหึมา

     

    แสงเริ่มจางเมื่อมาถึงหน้ากองไฟสีมรกต

     

    (เมตารัส) หญิงสาวรำพึง(ในใจเช่นเคยก็พูดไม่ได้นี่)

     

    9

    ฝ่ายหญิงสาวไม่กล้าเช็ดหรือล้างรอยสัมผัสที่ติดตรึงบนริมฝีปากอีกแล้ว

     

     น้ำตาไม่มีเช่นกัน สิ่งเดียวที่คิด กลับบ้าน

     

     เดินตรงไปที่ต้นไม้ใหญ่ ต้นเดิม

     

    "กลับบ้าน" สภาพอากาศรอบกายแปรปวน ฟ้าดำสนิท ลมกรรโชกแรงเกิดแรงมหาศาลดูดหญิงสาวเข้าสู่แกนกลาง

     

    ของต้นไม้

     

    "อยากกลับ จริงหรือ"ใจอีกด้านแย้ง สัญญาจะเป็นคนผิดสัญญาหรือไร

     

    "ใช่ สัญญา กลับไม่ได้" ท้องฟ้ากลับสู้สภาพปกติ แรงดูดหายไปราวกับไม่ได้เกิดขึ้น!

     

    "ตุบ" เสียงของแข็งกระทบพื้นดิน

     

    "โอ๊ย..เจ๊บ" ก้นระบม คงช้ำในด้วย

     

    "เจ้าเข้าถึงหัวใจมาตามีแล้ว สาวน้อย"

     

    "ท่านเป็นใคร" ทำไมใครๆจึงเรียกเราว่าสาวน้อยนักนะ

     

    "ทรี" รอบร่างผู้มาใหม่ครอบคลุมด้วยแสงสีเขียวรอบนอกสีเข้มและไล่ระดับสีลงมาเรื่อยๆ

     

    "ข้ามาช่วยเจ้า" ตามองตรงนิ่งมาที่หญิงสาว

     

    "ช่วยอะไร" ผู้มาใหม่ยิ้ม

     

    "เหตุใดเจ้าจึงสื่อสารกับพวกข้าได้" ถามสะกิดใจคนฟังยิ่งนัก

     

    "ไม่ทราบค่ะ" หญิงสาวใช้ประโยคเป็นทางการเนื่องจากคิดว่าผู้ที่คุยด้วยเป็นผู้ใหญ่กว่าตนเอง

     

    "มาตามียอมรับจิตใจเจ้า"คำเฉลยปรากฎ

     

    "ค่ะ คืออะไร"

     

    "มาตามีทุกสิ่งอยู่ภายใต้จิตใจ" เสียงก้องสั่นกระโสตประสาท

     

    "ลา สาวน้อย" ผู้มาใหม่หายวับไปกับตา ถ้าเป็นเมื่อก่อนหญิงสาวคงวิ่งป่าราบแต่บัดนี้ การหายตัว

     

    เป็นเรื่องปกติธรรมดาเสียแล้ว ในดินแดนนี้มีอะไรที่แปลกประหลาดอีกมากมาย ต้องฝึกคนเองให้แข็งแกร่ง

     

    พร้อมสู้กับอุปสรรคที่ผ่านเข้ามา

     

    "จา" เสียงเพื่อนสุดที่รัก

     

    "ฝน จาอยู่ตรงนี้"

     

    "ฝนๆๆได้ยินจาไหม" เงียบ.........เรียกจนหมดเสียง คอแสบแห้ง ทั้งอาหารยังไม่ตกถึงท้อง เจ็บก้นด้วย

     

    "จาเราอยู่นี่" เพื่อนอยู่ในม่านหมอกหญิงสาวไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปหาทันที เมื่อปะทะกับหมอก สติ......ดับวูบลง

     

    ร่างภายในม่านหมอกเผยตัวออกมา สิ่งในกำมือคือวัตถุทรงกลมดำมืดภายในเป็นประกายไฟสีน้ำเงินวิ่งวนดุจมีชีวิต

     

    "นายท่าน" ร่างของฝนเปลี่ยนสภาพเป็นเจ้านก

     

    "ข้าไม่ให้เจ้าไป" ก้มลงกระชิบหลังใบหูคนหมดสติ

     

    "นายเราเริ่มผูกพันกับสาวน้อยตรงหน้าเสียแล้วหรือไร" เจ้านกคิด

     

    ลูกนิลถูกวางลงหน้าต้นไม้ใหญ่ ค่อยๆซึมลงสู่เบื้องล่างต้นหญ้ารอบข้างเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินจนดำสนิท

     

    "ซูม" เสียง?

     

    "เจ้า!" มีเพียงเสียงยังไม่ปรากฎร่าง

     

    "เผยตัวมา!" ตวาดก้อง

     

    "ฮา ฮา ฮา" สิ้นเสียงหัวเราะ รัศมีเขียวเรืองสว่างจ้าขึ้น

     

    "เจ้าวางผนึก" เสียงเย็นมีอำนาจ

     

    "หาใช่กิจของท่าน" น้ำเสียงบอกความรำคาญ

     

    "แดนของข้า ย่อมใช่กิจของข้า" รอยยิ้มฉาบบนริมฝีปาก

     

    "ลา" ตัดบท

     

    "หยุด" ลมรอบข้างทวีความรุนแรงขึ้น คนห้ามชี้นิ้วใส่ฝ่ายตรงข้ามเริ่มการจู่โจม

     

                รอบกายอีกฝ่ายเกิดเขตเวทย์ ตราดาวห้าแฉกทาบลงบนร่าง ทุกท่าของการเคลื่อนไหว

     

    ตราดาวจะจู่โจมทันที!

     

     ชายหนุ่มหายอมตกเบี้ยล่างเพียงฝ่ายเดียวรวบรวมพลังสลัดตราดาวออกจากร่าง

     

     โบกมือบังคับน้ำในลำธารสาดซัดเข้าต่อกรกับตราดาว

     

     ละอองเปลี่ยนสภาพเป็นเส้นสายร้อยรัดตราดาว

     

    ดุจสร้อยเส้นมหึมา

     

    "อย่าขวาง" สะบัดสร้อยคืนสู้เจ้าของ

     

    "ควับ" เพียงโบกมือลมรอบกายพัดหอบสายสร้อยไปด้านหลัง แต่ สายสร้อยกลับวกมาจู่โจมอีกครา

     

    รัศมีสีเขียวจางลงจนหายไปในที่สุด

     

    "กลับ" เจ้านกผู้สังเกตการณ์อยู่ตลอดลอบมองนายของตน

     

    สีหน้าเฉยชา ดวงตานิ่งไร้ความรู้สึก แต่ ใจ............ยากนักจักรู้

     

                ลับร่างชายหนุ่มไปไม่ถึงอึดใจ รัศมีสว่างจ้าข้างกายหญิงสาว เพียงท่องมนต์

     

    เปลือกตาของร่างบนพื้นเริ่มขยับบ่งบอกถึงการรู้สึกตัว

     

    "ทรี" จำได้แน่นอน คนทิ้งปริศนา

     

    ------------ย้อน  ("มาตามียอมรับจิตใจเจ้า"คำเฉลยปรากฎ

     

    "ค่ะ คืออะไร"

     

    "มาตามีทุกสิ่งอยู่ภายใต้จิตใจ" เสียงก้องสั่นกระโสตประสาท)

     

    -------------------

    "รับ" ยื่นแซนวิสพร้อมโอวัลติน

     

    "ขอบคุณค่ะ" ของโปรดเราซะด้วย แซนวิสปลาทูน่ากับโอวัลติน

     

     กำลังอยากกินอยู่เลย(เอ๊ ที่นี่มีอาหารแบบนี้ได้ไง)

     

    "เอามาจากไหนค่ะ"

     

    "ใจเจ้า" แววตาคนฟังเริ่มงง

     

    "ข้าสร้างจากมโน เป็น รูป รส กลิ่น"  คนฟังหน้ายุ่ง

     

    "ดู" หยิบใบไม้เขียววางบนฝ่ามือหญิงสาว

     

    "ข้าสร้างกลิ่น"

     

    พลันกลิ่มหอมของกุหลาบก็ปะทะเข้าจมูก

     

    "กลิ่นจากใจเจ้า"ยิ้มและอธิบาย

     

     คนฟังเริ่มเข้าใจ เมื่อครู่ตนเองนึกถึงกลิ่นกุหลาบ คนสร้างอ่านใจและสร้างขึ้น

     

    "เข้าใจแล้ว.....อ้าว" หายไปอย่างไร้ร่องรอยดังเช่นคราวแรก

     

    แซนวิสพร้อมโอวัลตินยังวางอยู่ ไม่รอช้ารีบจัดการกับอาหารลงท้อง

     

    "อร่อย" ไม่ถึง10นาที ก็เหลือเพียงจานพร้อมแก้วเปล่า ลุกยืนจะเก็บภาขนะทั้งสองหาก

     

    เพียงแค่สัมผัส ภาชนะทั้งคู่กลับสลายเป็นผุยผงละลายหายลงพื้นดิน

     

    "ขอบคุณค่ะ" หวังให้เสียงไปถึงคนใจดีผู้ให้อาหาร

     

    ห่างออกไป ไป ไป ไป ไป ไป...... ร่างบนกิ่งไม้ยิ้มรับรู้ ^_^

     

                แสงแดดทอดแสงอ่อนลงจนลับหายลงหลังภูผา

     

    ฝูงนกบินกลับรัง ราตรีคลืบคลานครอบคลุมทุกอณู เดินกลับภายใต้ความมืด

     

    "เร็ว นายหญิง" ลาคาฉุดแขนลากออกนอกกระโจม

     

    "ไปไหน" (กลับมากะว่าจะนอนซักหน่อย)

     

    "หน้าลาน" เสียงเรียบ

     

    "ลานอะไร" เงียบ ไม่มีเสียงตอบ

     

    "นายท่าน" ลาคายอตัวก้มหัวลงติดพื้น หญิงสาวถูกลากมาหยุดตรงหน้าคนที่ไม่อยากพบเจอ

     

    ตาจ้องตาท้าทาย(0_0)vs(O_O)

     

    "ลุก"

     

    "เจ้ามาช้าลาคา" เสียงตำหนิ

     

    "ขออภัย" ก้มหัวลงติดพื้นอีกครั้ง

     

    "ตามข้ามา"

     

    "บอกให้ลาคาลุกสิ" สงสารลาคา คงเมื่อยแย่

     

    "ลุก ข้าไม่เอาโทษเจ้า" (ทำไมเชื่อเราง่ายจัง หญิงสาวครุ่นคิดในใจ)

     

    "ค่ะ นายท่าน"

     

    "ตามข้ามา" ตาดำข่มขู่ อยากขัดขืนบัญชา แต่เมื่อมองไปรอบตัว คนหลากหลายรวมตัวกันเป็นจุดๆ

     

    ที่เด่นคือรอบกองไฟสีมรกต คนหกคนยืนล้อมกองไฟใหญ่ในกำมือมีวัตถุทรงกลมสีเหลืองสด

     

     ถัดออกมา เป็นหินเก้าก้อนวางเรียงล้อมรอบคนทั้งหกอีกชั้นหนึ่ง ทุกก้อนมีคนยืนประจำตำแหน่งหลังก้อนหิน

     

    ส่วนตัวเองยืนอยู่ตรงช่องว่างของหินสองก้อน มือบางถูกลากมองเผินๆเหมือนจับมือธรรมดา

     

     หากไม่เป็นเช่นนั้น มือใหญ่กำมือบางแน่น เจ็บ แต่หาส่งเสียงไม่ มีเพียงแววตาสื่อกันอย่าง

     

    เฉือดเชือน ถ้าเป็นคำพูดๆได้คงเป็น

     

    (0_0) เร็ว

     

    (O_O) เจ็บนะ ฝากไว้ก่อนเหอะ

     

    (0_0) ร้องสิ

     

    (O_O) ไม่

     

    ชายหนุ่มลากหญิงสาวไปรวมกับกลุ่มชน ทุกคนไม่ว่าเด็กเล็กผู้ใหญ่หรือคนสูงอายุต่างอยู่ภายในวงพระจันทร์เสี้ยว

     

    ที่ถูกขีดขึ้นบนพื้นดิน และล้อมรอบด้วยลูกแก้วสีดำมืด 

     

    "ดูนายกับนายหญิงสิ คงผูกพันแนบแน่น ตาจ้องตากันไม่กระพริบเลย"

     

    "น่ายินดีๆๆ" ฝูงชนคิดแบบนั้นแล้วผู้อ่านหล่ะค่ะ

     

    ฝ่ายคนที่ถูกพูดถึง

     

    "ห้ามส่งเสียง ห้ามออกนอกเขตเมฆา"กระซิบใกล้ใบหู( เมฆาคือพระจันทร์)

     

    "เจ้ามีโทษ" บีบมือ

     

    "เสร็จงาน ข้าจะเอาโทษเจ้า" จ้องตา

     

    จาจ้องตาไม่หลบ ดุเด็ดพอกัน(ตาต่อตาฟันต่อฟัน หญิงสาวคิด)0_0vsO_O

     

    ชายหนุ่มหลับตาลงและตอกกลับจนหญิงสาวเริ่มเดือด

     

    "ปากต่อปาก จูบต่อจูบ(- _ -)" กระซิบเสียงเครียด คำพูดควรจะหวานหากผู้ใช้ไม่หวานตาม มันจะมีค่าอะไร

     

    "นาย....(นายบ้า)" ปลายนิ้วสัมผัสลำคอ หยุดเสียงที่เปล่งออกมา

     

    ชายหนุ่มเดินกลับเข้าสู่กองไฟประจำช่องว่างของหิน ช่องว่างที่เคยถามเมตารัส

     

    -------ย้อน("เว้นช่องว่างไว้ทำไมค่ะ"

     

    "เป็นโล่กำบังบางสิ่ง"(กำบังอะไรยังไม่ได้ถาม)

     

    ---------------------

    สายตาของกลุ่มชนจับจ้องไปยังเบื้องบน แสงจันทร์สาดส่องทั่วพื้นพิภพหากไม่มีผู้ใดสนใจแสงจันทร์

     

    แววตาบ่งบอก รอคอย  เวลาหมุนเปลี่ยนเวียนวนขาหญิงสาวเริ่มเป็นเหน็บเสียแล้ว เมื่อยปวดขาแต่บ่นไม่ได้

     

    เป็นชั่วโมงแห่งความเงียบที่ยาวนานไม่มีการเคลื่อนไหวของผู้คนข้างกาย กลุ่มชนยังคงจดจ้องไปยังเบื้องบนเช่นเคย

     

    (ไม่เมื่อยกันบ้างรึไงนะ ) คิดได้เพียงในใจ

     

    เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อย เรื่อย....

     

    ร่างสูงโผล่ขึ้นทางทิศเหนือ รวดเร็วลงน้ำหนักเท้าได้สม่ำเสมอกัน

     

    เคลื่อนที่ปานประจุไฟฟ้าแสงสีม่วงครอบคุมรอบกายเหมือนลูกไฟมหึมา

     

    แสงเริ่มจางเมื่อมาถึงหน้ากองไฟสีมรกต

     

    (เมตารัส) หญิงสาวรำพึง(ในใจเช่นเคยก็พูดไม่ได้นี่)

     

    9

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×