คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : สาวปริศนา
ภาคที่สอง
ด้วยเพราะรักเธอ
ฉันจึ่งตามหา
อยู่ไหนล่ะสุดา
หนีฉันมาด้วยเรื่องใด
แรงรักของฉัน
เธอไม่รับไม่รู้
หรืออย่างไรนะ
ว่า ฉันรักเธอ...
บทที่ 8 สาวปริศนา
ดนัยมองภาพในหน้านิตยสาร เป็นภาพที่กำลังดังที่สุดในเวลานี้ เป็นข่าวเกลียวกราวเกี่ยวกับการขาดแคลนของภาพนี้ แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าใครเป็นนางแบบ
เงาหลังตรงในเสื้อเชิ้ตสีฟ้า กางเกงยีน รองเท้าผ้าใบและกระบังกันแดด ท้าวข้อศอกกับราวสะพาน มองดูดวงอาทิตย์กลมแดง เห็นเงาหลังตรง ขาเรียวสวย ผมที่ถักเป็นเปียสองข้าง แสงสี ท่าทาง สะดุดตาในความเรียบง่ายอย่างบอกไม่ถูก ช่วงสะโพกและขาเรียวนั่น ถูกกล่าวขวัญว่าเป็นหุ่นที่สวยและสมบูรณ์ที่สุด
มันเป็นภาพที่ตัดมาจากโฆษณารองเท้าผ้าใบที่เขาจำได้และตามดูมาหลายเที่ยว จากท่าทางที่เห็นว่าหญิงสาวจะยืดตัวขึ้น เดินช้าๆ ไปตามความยาวของสะพาน กับคำโฆษณา มาดมั่น มั่นใจไปกับ.... แล้วหญิงสาวก็จะเหวี่ยงตัวข้ามสะพานลงไปในทะเล ลับหายไปกับเรือยนต์สีขาว
โฆษณาที่มีเสน่ห์ของหญิงยุคใหม่ ผู้หญิงทำงาน มีความมั่นใจในการต่อสู้ด้วยกำลังของตนเอง
แต่...ไม่เคยมีใครเห็นใบหน้าของเธอ แม้จะในโฆษณาอีกหลายโฆษณา เขานี่ล่ะจะประกาศโฉมหน้าของเธอให้ทุกคนได้รู้
ดนัยเก็บรูป ตามองชายหนุ่มที่นั่งโต๊ะถัดไป เขาอยู่กับกลุ่มเพื่อนสามสี่คน ผู้หญิงสองล่ะมั๊ง เขาเดาจากเสียง เนื่องจากถูกบังด้วยฉากและต้นไม้ แต่ชายหนุ่มที่ใส่เสื้อเขียว สูบไปป์นั่น เขารู้จักดี เขาลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะนั้น
“นัย ไม่บอกว่าจะมานี่” เสียงใสๆที่นักเขานั่น เขารู้จักดี
“น้าก้อย นัดน้านัยให้มารับไม่ใช่หรือครับ”
วายุเย้าน้าสาวเขาเล่น เธออายุอ่อนกว่าเขาเสียอีกนะ
“เปล่าเขาตามกลิ่นมาเอง”
น้าก้อยหรือกรรณิการ์บอกหลานชายคนเดียว
ดนัยนั่งลง เขารู้จักทุกคนในกลุ่มดี กรรณิการ์คู่รักของเขา วายุหลานชายของเธอ พิศาลพี่ชายของกรรณิการ์ และนิสาเพื่อนสนิทของคนรักของเขา
“เอาอีกแล้ว”
กรรณิการ์พยักหน้าให้พี่ชายดูดนัยที่จ้องหน้าวายุ ซึ่งชายหนุ่มก็เลิกคิ้วนิดๆ ยิ้มเขินๆ อยู่ในหน้า
“ไม่นะครับ” วายุรีบปฏิเสธก่อน
ดนัยหัวเราะ
“ผมไม่ชวนคุณไปถ่ายแบบหรอกน่า”
ดนัยมองท่าถอนหายใจอย่างโล่งอก ยิ้มๆ
“เล่นหนังเล่นละครให้ผมสักเรื่องสิ”
“ฮ้า” คนในโต๊ะร้องออกมาพร้อมๆกัน นอกจากคนถูกทาบทาม
“ต้นเหมาะกับบทนี้มากนะ เรื่องเดียวเท่านั้นเอง” เขาให้สัญญา
“ก็ได้ครับ ถ้าน้านัยเห็นว่าผมสามารถทำได้ แต่ว่า...”
เขาตอบง่ายๆ ท่ามกลางความแปลกใจของทุกคน
วายุปฏิเสธการถูกทาบทามการเป็นนายแบบมาตลอด ตั้งแต่ภาพของเขาปรากฏบนนิตยสารฉบับหนึ่งที่เขาจำได้ว่าใครเป็นตากล้อง มีคนมาติดต่อมากมาย ด้วยรูปร่างที่เป็นแมน หน้าตาหล่อ ท่าทางดี และใครๆที่พบเขาก็อดที่จะชอบเขาไม่ได้ เขามีเสน่ห์ในตัวเอง มุมปากมีรอยยิ้มกดลึก
“อะไร”
ทั้งโต๊ะหลุดปากออกมาพร้อมกัน แล้วต่างก็มองหน้ากันแล้วก็หัวเราะ ตัวต้นเรื่องหัวเราะดังกว่าเพื่อน
“ผมไม่ชอบให้มีการประชาสัมพันธ์”
“ได้” ดนัยยิ้มรับ ขำทั้งนางเอกทั้งพระเอก อ้างด้วยเหตุผลเดียวกัน
“แต่...” เขายิ้มในข้อแม้ของตนเอง
“คุณต้องเล่นละครเวทีเรื่องหนึ่งเป็นการทดสอบฝีมือ ถ้าไม่ไหวผมก็ยอมแพ้ล่ะ”
“อะไรก็ได้ ตอนนี้ผมกำลังเบื่อ”
วายุไม่ได้โกหก เขาเบื่อจริงๆ รัตน์สุดาอยู่ไหนนะ ให้เขาตามหา ยามขับรถไปตามท้องถนน เขาก็ยังมองหาเธอ ที่บ้านของเธอ เธอก็ไม่กลับไป อ้อมอรุณเพื่อนสนิทของเธอก็ไม่ได้ข่าวคราว รู้เพียงว่าเธอลาอออกจากการเป็นช่างภาพเสียแล้ว ย้ายออกจากห้องที่อยู่ร่วมกับอ้อมอรุณ ไม่มีใครรู้ข่าว แม้แต่คุณย่า คุณหญิงเรือนแก้ว หรือเป็นความผิดของเขา
ผู้หญิงในเสื้อสีม่วงที่เดินผ่านไปสะดุดตาเขานัก ชายหนุ่มผุดลุกขึ้น
“ขอตัวเดี๋ยวนะครับ พบเพื่อน”
เขาลุกขึ้นเดินตามหญิงสาวผู้นั้นไป ผมยาวนุ่มกระจายทาบอยู่บนแพรสีม่วง
“น้องเบล”
วายุแตะไหล่สุภาพ แต่มั่นคง
หญิงสาวที่หันมาเหมือนรัตน์สุดาราวกับพิมพ์ แต่ไม่ใช่ ความรู้สึกเขาบอกว่าไม่ใช่
“นี่แมรี่ค่ะ ไม่ใช่น้องเบล” หญิงสาวตอบเสียงใสปนแววขัน
“สุดารัตน์ ไม่ใช่รัตน์สุดา”
“น้องเบลอยู่ไหน” เขาถาม คนอื่นอาจไม่รู้ แต่ผู้หญิงคนนี้ต้องรู้
อา... เขารู้ความหมายของแมรี่เบล จี้ห้อยคอรูประฆังครึ่งซีกกับโบว์อีกครึ่งหนึ่งที่ติดตัวเธอแล้ว
“ไม่ทราบค่ะ” หญิงสาวตอบง่ายๆ
“แมรี่” เสียงใสๆที่เรียกมา แล้วเจ้าตัวก็ก้าวเข้ามาหา ผมยาวเคลียไหล่ รูปร่างแบบาง
“ฟลู” วายุ ทักทาย
“สวัสดี”
แก้วกุมารีเป็นเพื่อนของเขาที่ต่างจังหวัด หลังบิดามารดาเธอเสียชีวิต เธอก็ขายทรัพย์สินชดใช้หนี้ แล้วมาอยู่ที่กรุงเทพฯ เขาไม่รู้ว่าเธอจะรู้จักแมรี่ ถ้าเธอรู้จักแมรี่ เธอก็น่าจะรู้จักน้องเบล
“ได้ยินว่าพี่ต้นไปหาคุณย่าบ่อยๆ คงไม่ใช่เพราะแมรี่หรอกนะคะ”
แก้วกุมารียังคงเป็นคนช่างปกป้องเหมือนเดิม
“เขาถามหาน้องเบลนะพี่ฟลู เขาคิดว่าแมรี่เป็นน้องเบล”
แล้วหญิงสาวก็หันมาทางเขา เขาหล่อเชียวล่ะ มาดดี มีกลิ่นอายของความสดชื่น ความอดทน เขามีภาพพจน์ของต้นไม้ใหญ่ใบเขียว เธอคิดฝัน
“แมรี่เป็นคู่แฝดของน้องเบลค่ะ ไม่ทราบว่าพี่ต้นตามหาน้องเบลทำไมคะ อ้อต้องขอบคุณพี่ต้นมากที่ช่วยดูแลน้องเบลตอนที่เขาไปหาฟลูที่บ้าน”
“จะคุยกันอีกนานไหม” เสียงถามอย่างอดทนดังมาจากด้านหลัง วายุหันไปดู ได้ยินเสียงแก้วกุมารีแว่วๆ
“คนบ้าอำนาจ”
“พี่บุรี” ชายหนุ่มพึมพำ คล้ายจะไม่เชื่อสายตาตัวเองนัก ถ้าการข่าวเขาไม่ผิด นี่คือเจ้าหนี้รายใหญ่ของแก้วกุมารี คนที่เธอชังน้ำหน้า
“สวัสดีต้น นั่งด้วยกันสิ” บุรีชวน
“มาเจอกันได้ยังไงครับนี่” วายุชักงงๆ
สุดารัตน์ก็หันซ้ายหันขวาอย่างงงๆ เหมือนกัน แต่เธอก็ฉุดมือแก้วกุมารีให้นั่งลงด้วย
“พาน้องๆ ออกมากินข้าวนะสิ”
บุรีตอบ นึกเห็นใจรุ่นน้อง ใครที่รักผู้หญิงกลุ่มนี้ต้องเดือดร้อนวุ่นวายทุกคน เขาได้ยินเสียงเรียกน้องเบล ที่เขายังไม่เคยเห็นหน้า นั่นคงร้ายไม่ผิดคนในกลุ่มหรอก
เขายังอดดีใจไม่ได้ที่แก้วกุมารียอมรับคำแนะนำของคุณยายเขาที่ให้จดทะเบียนสมรส เพื่อให้ลูกที่เกิดมาเป็นลูกในสมรส แต่เธอก็ยังไม่ยอมมาอยู่กับเขาอยู่ดี
“แมรี่ น้องเบลอยู่ไหนครับ” วายุหันไปถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่ทราบค่ะ ยังไม่พบเลย ตั้งแต่กลับมา วันสงกรานต์ไปที่บ้านสิคะ อาจจะพบน้องเบลก็ได้” สุดารัตน์บอก รับฟังเรื่องราวของเขยคนนี้มามาก ตั้งแต่เข้าบ้าน
“แมรี่จะกลับวันที่สิบห้า พี่ต้นแวะไปนะคะ”
“นั่นสิ ไปนะคะพี่ต้น เผื่อเจอน้องเบล น้องเบลมาคุยว่าพี่ต้นดีมาก เป็นเจ้าของบ้านที่ดี”
สุดารัตน์ชำเลืองมองแก้วกุมารีอย่างแปลกใจ แล้วก็สงสัยว่าเธอคงจะไม่รู้หรอกว่าวายุนั้นมาอ้างเป็นสามีของรัตน์สุดา
“ครับ ขอตัวนะครับ สวัสดีครับ”
วายุอำลากลับไปยังโต๊ะของเขา การเจอสุดารัตน์เป็นการสำรวจจิตใจของเขาจริงๆ เขาชอบน้องเบล ชอบมากกว่าใครๆ ชอบที่เธอเป็นตัวเธอ ไม่ใช่ชอบรูปร่างหน้าตา
หลบไปอยู่ตรงไหนนะ น้องเบล
ไม่ใช่ว่าจะตามตัวไม่ได้ ตามจับได้ที่ห้องของอ้อมอรุณ เขาไปดักรออยู่ที่ห้องข้างๆ เป็นเดือนๆ เพื่อที่จะจับให้เธออยู่กับเขาได้สามวัน
ผู้หญิงร้ายกาจ
เขาอยากตะโกน
......แต่ก็น่ารัก
ความคิดเห็น