ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ที่ของหลวงพ่อ
บทที่ 8 ที่ของหลวงพ่อ
    บูรณะยุ่งกับเรื่องทำงาน เก็บเงินสร้างบ้าน ลืมเรื่องมรดกของหลวงพ่อที่ไหว้วานเอาไว้ จนเขามาถ่ายทำละครที่ต่างจังหวัด จำได้ว่าเป็นจังหวัดเดียวกับบ้านเกิดของหลวงพ่อ
    พอมีเวลาว่าง เขาก็เลยชวนเพื่อนนักแสดง กับผู้จัดการไปด้วยกัน
    “ไปไหนล่ะบุญ”
    คงคาถาม เข้าวงการมาพร้อมๆ กัน เขานะเป็นผู้ร้าย ขณะที่บูรณะเป็นพระเอก นิสัยที่เข้ากันได้ ทำให้เป็นเพื่อนสนิทกัน เขารู้เรื่องส่วนใหญ่ของบูรณะ ร่วมทั้งเป็นเด็กวัดด้วย เคยชวนให้มาอยู่คอนโดด้วยกัน เจ้าหนุ่มหล่อ ยกไหล่ ตอบว่าเขาไม่สนใจใครหรอกที่เห็นเขาเดินตามหลังพระบิณฑบาตนะ ยังไงๆ นั่นก็คือตัวเขา เอาไว้หรู หล่อ เลิศ แต่ในจอเถอะ
    “ไปเที่ยวดูบ้านดูเมืองกัน วันนี้ว่างทั้งวัน ไปลองนั่งรถเมล์เล่นกัน”
    บูรณะชูคู่มือท่องเที่ยวให้ดู
    “ไอ้บ้า” คงคาหัวเราะ
    “มีปาก กลัวอะไร ไม่มีทางหลงอยู่แล้ว ไปไหม พี่ชน”
    คงคาหันไปถามผู้จัดการทั้งของเขาและบูรณะ
    “ไปก็ได้ ดีกว่านอนเฉยๆ ขับไปอีกสักชั่วโมงก็ถึงบ้านพี่แล้ว”
    ชนโยนตั้งเอกสารที่เอามาอ่านค่าเวลา วันนี้ว่าง แล้วเด็กของเขาทั้ง เด็กฝากอย่างบูรณะ และเด็กตามมาอย่างคงคา ไม่มีรถทั้งคู่ เขาก็เลยรับส่งให้
    “เมื่อไรจะหารถกันสักทีนะ สอนขับแล้ว ใบขับขี่ก็มีแล้ว เงินก็มีแล้ว” ชนบ่น
    “ไปบ้านพี่ชนดีกว่า” คงคาชวนบูรณะ แล้วหันไปประกาศ
    “ไปบ้านพี่ชนกันไหม” 
ชนและบูรณะเดินไปบอกผู้กำกับ
    “ไปก็ได้ มีคิวอีกทีก็พรุ่งนี้ใช่ไหม” ผู้กำกับ อนุญาตอย่างใจดี
“รออยู่บ้านชนก็ได้ เดี๋ยวจะย้ายไปถ่ายแถวๆ บ้าน หุงข้าวหาที่หลับที่นอนให้พร้อมล่ะ”
    “กูไม่ให้มึงไปบ้านกูหรอก”
    ชนหันไปแสยะปากใส่ เพื่อนกันมา เขามาเอาดีทางธุรกิจ ทองม้วนหรือตอนนี้สมประสงค์ เป็นผู้กำกับ
    “จะหวงอะไรนักว่ะ  เมียกูก็น้องมึง”
    ชนท้าวเอวหัวเราะ
    “เมียน้อยเอ็งก็น้องลูกป้ากู พาเอ็งไปบ้านที่ไร ไม่แคล้วสักที นี่จะไปนอนกับลีหลี่ ล่ะซิ ผัวเขาเพิ่งตายระวังนะเว้ย จะลุกขึ้นมาเตะ”
    ทองม้วนยกไหล่ แบบฉันไม่แคร์
    “บ้านพี่ชนอยู่แถวๆ นี้หรือครับ ผมไม่ยักทราบว่าพี่ชนเป็นคนบ้านเดียวกับหลวงพ่อ”
    “อ้าว หลวงพ่อไม่ได้บอกหรือ”
    ชนถามกลับ หลวงพ่อเอาเด็กหนุ่มบูรณะมาฝากเจ้านายเขา เจ้านายก็ส่งต่อมาให้เขาดูแล ดูแลง่ายดี เพราะบูรณะมีระเบียบ มีวินัยในตัวเองพอที่เขาไม่ต้องเป็นห่วง ก็เลยดูแลแบบห่างๆ
    “พี่ก็เป็นญาติกับหลวงพ่อนะ”
    “งั้นพี่ชนต้องรู้เรื่องที่ผืนนี้แน่”
    บูรณะกล้าวางใจเล่าเรื่องให้ชนฟัง เขาว่าเขาดูคนไม่ผิด ชนพยักหน้า
    “แวะไปดูก็ได้ พี่ไม่ได้กลับบ้านมานานแล้ว เขาว่ากันว่าเจริญ” ชนลากเสียงยิ้มๆ
    “เรื่องญาติๆ ที่รู้ก็ไม่มีใครลำบากนะ หลวงพ่อท่านก็เป็นลูกรอง มีพี่ชายกับเขาคนเดียว นี่หลานชายที่เสียไปก็ยังไม่แต่งงาน คงไม่มีใครเหลือหรอก ว่าแต่หลวงพ่อคิดจะทำอะไร”
    “ยังไม่ทราบเลยครับ พี่ที่เขาเป็นทนายยื่นเรื่องรับมรดกให้หลวงพ่อแล้ว ท่านให้ผมมาดูว่าจะทำอะไร แต่ผมว่าท่านคิดอะไรไว้แล้วล่ะครับ พี่ชนว่าท่านจะทำอะไร” เขาหยั่งเชิงถาม
    “พัฒนาอสังหาริมทรัพย์”` ชนเว้นระยะอย่างครุ่นคิด
    “หลวงพ่อไม่คิดขายใช่ไหม”
    “ไม่ทราบซิครับ ยังไม่เห็นท่านว่าอะไร ตามกฎหมาย ถ้าจะไม่ต้องเสียภาษีก็อีกห้าปีไม่ใช่หรือครับ”
    “ก็ประมาณนั้น ถ้าจำไม่ผิดนะ ถามเรื่องโน้ต ดนตรีซิวะ ถามเรื่องกฎหมายแม่นที่ไหนล่ะ”
    บูรณะหัวเราะ
    “ถ้าพี่ชนจะทำอะไร”
    “ก็สร้างบ้านให้เช่ามั๊ง ถ้าไม่มีเงินก็หานายทุนมา ไปดูที่ก่อนดีกว่า แล้วค่อยคิดจะทำอะไร ถ้าจะหานายทุนจะเรียนถามนายพี่ให้” ชนพูดเร็วๆ อย่างไม่อยากให้บุคคลที่สามได้ยิน
    คณะเดินทางที่คงคาไปหามาได้ มีเพิ่มอีกสองคน ที่ไม่มีคิวเข้าฉากแล้ว
    ชนชลอรถจอดเมื่อผ่านที่ดินแปลงมรดก
    “ขอสูบบุหรี่หน่อย” เขาบอก
    “ลงมาเดินยืดเส้นยืดสายก่อนไหมเบียดกันมานะ”
    คณะเดินทางสมัครใจลงมาเดิน
    “เฮ้ย ชนบทนี่อากาศดีจังนะพี่ชน” คงคาบิดขี้เกลียด
    “อ้าว คงคาไม่ใช่เด็กบ้านนอกหรือ” น้อย หนึ่งในคณะที่ตามมาแซว มองทิวทัศน์อย่างพึงใจ
    “เด็กนอกบ้านนะซิ ผมนะเด็กท่อ กทม.แท้ๆนะ โน้นต้องถามรายโน้น” เขาบุ้ยไปทางบูรณะที่เดินไปรอบๆ กับชน
    “บุญ” ต๋อยตะโกน โบกมือเรียก บูรณะหันกลับมา
    “บุญเด็กบ้านนอกไหม”
    บูรณะขยายยิ้มกว้าง ยิ้มเสน่ห์ที่ขายได้
    “ผมเด็กวัดเต็มตัว”
    “นั่นล่ะ วัดในเมืองหรือนอกเมือง” น้อยช่วยถาม
    “ก็ตามหลวงพ่อไปเรื่อยๆ ก็ทั้งในเมือง นอกเมืองนั่นล่ะ แต่ที่จำได้โตๆมานี่ อยู่ในเมืองมากกว่า” เขาทิ้งท้ายด้วยยิ้มสวย
    “อย่างจ่ายบ่อย ไม่ได้ตังค์” ชนกระซิบ
    “อะไรครับ”
    “ยิ้ม”
    “อ้อ ไม่ได้ตังค์ก็ได้ใจ” บูรณะกระซิบตอบ
    “โน้น ต้นตาลโน้น กับก่อไผ่นู๊น ถ้าจำไม่ผิดนะ”
    บูรณะมองที่ดินที่เริ่มมีต้นไม้ล้มลุกขึ้น ที่แปลงกว้าง ติดถนน ไม่ไกลชุมชน
    “แต่ก่อนทำอะไรครับ”
    “ปลูกมัน ปลูกอ้อย ไปตามเรื่อง ว่างๆ ก็ไปตรวจสอบที่กับผังเมืองซิ จะได้มีไอเดียอะไร”
    “ครับ”
    ชนชำเลืองดูสีหน้าของพระเอกยอดนิยม สายตามุ่งมั่น แล้วเหมือนจะสับสวิทซ์ได้รวดเร็ว อยู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นเด็กหนุ่มร่าเริง นี่เองที่ทำให้เขาเป็นนักแสดงที่เก่ง
    “ไปบ้านพี่ชนดีกว่า เพื่อผมจะได้ไอเดียดีๆ ว่าจะทำอะไรกับบ้านพี่ได้บ้าง”
    “อย่ามายุ่งกับบ้านข้า ไอ้หนู” ชนดับบุหรี่ที่ไม่ได้สูบ โยนทิ้ง ยืนดูให้มันดับจริงๆ
    “พี่ชนทำเหมือนแผ่เมตตาให้มันเลย ถ้าสงสารมันขนาดนั้น ผมว่าอย่าจุดดีกว่า” บูรณะบอกเมื่อเห็นท่าทางของผู้จัดการ
    ชนหันมามอง พินิจพิจารณาหนึ่งในตัวทำรายได้ของเขา  ต้องเริ่มมองบูรณะใหม่แล้วล่ะมั่ง หลายคนเห็นเขาสูบบุหรี่ ทิ้งบุหรี่ คงมีเจ้านี่คนเดียวที่สังเกตว่าเขาไม่ได้ดูดเลย  เขากอดคอรั้งให้เดินกลับด้วยกัน
    “ยังเด็กนัก ไอ้น้อง”
    บูรณะยุ่งกับเรื่องทำงาน เก็บเงินสร้างบ้าน ลืมเรื่องมรดกของหลวงพ่อที่ไหว้วานเอาไว้ จนเขามาถ่ายทำละครที่ต่างจังหวัด จำได้ว่าเป็นจังหวัดเดียวกับบ้านเกิดของหลวงพ่อ
    พอมีเวลาว่าง เขาก็เลยชวนเพื่อนนักแสดง กับผู้จัดการไปด้วยกัน
    “ไปไหนล่ะบุญ”
    คงคาถาม เข้าวงการมาพร้อมๆ กัน เขานะเป็นผู้ร้าย ขณะที่บูรณะเป็นพระเอก นิสัยที่เข้ากันได้ ทำให้เป็นเพื่อนสนิทกัน เขารู้เรื่องส่วนใหญ่ของบูรณะ ร่วมทั้งเป็นเด็กวัดด้วย เคยชวนให้มาอยู่คอนโดด้วยกัน เจ้าหนุ่มหล่อ ยกไหล่ ตอบว่าเขาไม่สนใจใครหรอกที่เห็นเขาเดินตามหลังพระบิณฑบาตนะ ยังไงๆ นั่นก็คือตัวเขา เอาไว้หรู หล่อ เลิศ แต่ในจอเถอะ
    “ไปเที่ยวดูบ้านดูเมืองกัน วันนี้ว่างทั้งวัน ไปลองนั่งรถเมล์เล่นกัน”
    บูรณะชูคู่มือท่องเที่ยวให้ดู
    “ไอ้บ้า” คงคาหัวเราะ
    “มีปาก กลัวอะไร ไม่มีทางหลงอยู่แล้ว ไปไหม พี่ชน”
    คงคาหันไปถามผู้จัดการทั้งของเขาและบูรณะ
    “ไปก็ได้ ดีกว่านอนเฉยๆ ขับไปอีกสักชั่วโมงก็ถึงบ้านพี่แล้ว”
    ชนโยนตั้งเอกสารที่เอามาอ่านค่าเวลา วันนี้ว่าง แล้วเด็กของเขาทั้ง เด็กฝากอย่างบูรณะ และเด็กตามมาอย่างคงคา ไม่มีรถทั้งคู่ เขาก็เลยรับส่งให้
    “เมื่อไรจะหารถกันสักทีนะ สอนขับแล้ว ใบขับขี่ก็มีแล้ว เงินก็มีแล้ว” ชนบ่น
    “ไปบ้านพี่ชนดีกว่า” คงคาชวนบูรณะ แล้วหันไปประกาศ
    “ไปบ้านพี่ชนกันไหม” 
ชนและบูรณะเดินไปบอกผู้กำกับ
    “ไปก็ได้ มีคิวอีกทีก็พรุ่งนี้ใช่ไหม” ผู้กำกับ อนุญาตอย่างใจดี
“รออยู่บ้านชนก็ได้ เดี๋ยวจะย้ายไปถ่ายแถวๆ บ้าน หุงข้าวหาที่หลับที่นอนให้พร้อมล่ะ”
    “กูไม่ให้มึงไปบ้านกูหรอก”
    ชนหันไปแสยะปากใส่ เพื่อนกันมา เขามาเอาดีทางธุรกิจ ทองม้วนหรือตอนนี้สมประสงค์ เป็นผู้กำกับ
    “จะหวงอะไรนักว่ะ  เมียกูก็น้องมึง”
    ชนท้าวเอวหัวเราะ
    “เมียน้อยเอ็งก็น้องลูกป้ากู พาเอ็งไปบ้านที่ไร ไม่แคล้วสักที นี่จะไปนอนกับลีหลี่ ล่ะซิ ผัวเขาเพิ่งตายระวังนะเว้ย จะลุกขึ้นมาเตะ”
    ทองม้วนยกไหล่ แบบฉันไม่แคร์
    “บ้านพี่ชนอยู่แถวๆ นี้หรือครับ ผมไม่ยักทราบว่าพี่ชนเป็นคนบ้านเดียวกับหลวงพ่อ”
    “อ้าว หลวงพ่อไม่ได้บอกหรือ”
    ชนถามกลับ หลวงพ่อเอาเด็กหนุ่มบูรณะมาฝากเจ้านายเขา เจ้านายก็ส่งต่อมาให้เขาดูแล ดูแลง่ายดี เพราะบูรณะมีระเบียบ มีวินัยในตัวเองพอที่เขาไม่ต้องเป็นห่วง ก็เลยดูแลแบบห่างๆ
    “พี่ก็เป็นญาติกับหลวงพ่อนะ”
    “งั้นพี่ชนต้องรู้เรื่องที่ผืนนี้แน่”
    บูรณะกล้าวางใจเล่าเรื่องให้ชนฟัง เขาว่าเขาดูคนไม่ผิด ชนพยักหน้า
    “แวะไปดูก็ได้ พี่ไม่ได้กลับบ้านมานานแล้ว เขาว่ากันว่าเจริญ” ชนลากเสียงยิ้มๆ
    “เรื่องญาติๆ ที่รู้ก็ไม่มีใครลำบากนะ หลวงพ่อท่านก็เป็นลูกรอง มีพี่ชายกับเขาคนเดียว นี่หลานชายที่เสียไปก็ยังไม่แต่งงาน คงไม่มีใครเหลือหรอก ว่าแต่หลวงพ่อคิดจะทำอะไร”
    “ยังไม่ทราบเลยครับ พี่ที่เขาเป็นทนายยื่นเรื่องรับมรดกให้หลวงพ่อแล้ว ท่านให้ผมมาดูว่าจะทำอะไร แต่ผมว่าท่านคิดอะไรไว้แล้วล่ะครับ พี่ชนว่าท่านจะทำอะไร” เขาหยั่งเชิงถาม
    “พัฒนาอสังหาริมทรัพย์”` ชนเว้นระยะอย่างครุ่นคิด
    “หลวงพ่อไม่คิดขายใช่ไหม”
    “ไม่ทราบซิครับ ยังไม่เห็นท่านว่าอะไร ตามกฎหมาย ถ้าจะไม่ต้องเสียภาษีก็อีกห้าปีไม่ใช่หรือครับ”
    “ก็ประมาณนั้น ถ้าจำไม่ผิดนะ ถามเรื่องโน้ต ดนตรีซิวะ ถามเรื่องกฎหมายแม่นที่ไหนล่ะ”
    บูรณะหัวเราะ
    “ถ้าพี่ชนจะทำอะไร”
    “ก็สร้างบ้านให้เช่ามั๊ง ถ้าไม่มีเงินก็หานายทุนมา ไปดูที่ก่อนดีกว่า แล้วค่อยคิดจะทำอะไร ถ้าจะหานายทุนจะเรียนถามนายพี่ให้” ชนพูดเร็วๆ อย่างไม่อยากให้บุคคลที่สามได้ยิน
    คณะเดินทางที่คงคาไปหามาได้ มีเพิ่มอีกสองคน ที่ไม่มีคิวเข้าฉากแล้ว
    ชนชลอรถจอดเมื่อผ่านที่ดินแปลงมรดก
    “ขอสูบบุหรี่หน่อย” เขาบอก
    “ลงมาเดินยืดเส้นยืดสายก่อนไหมเบียดกันมานะ”
    คณะเดินทางสมัครใจลงมาเดิน
    “เฮ้ย ชนบทนี่อากาศดีจังนะพี่ชน” คงคาบิดขี้เกลียด
    “อ้าว คงคาไม่ใช่เด็กบ้านนอกหรือ” น้อย หนึ่งในคณะที่ตามมาแซว มองทิวทัศน์อย่างพึงใจ
    “เด็กนอกบ้านนะซิ ผมนะเด็กท่อ กทม.แท้ๆนะ โน้นต้องถามรายโน้น” เขาบุ้ยไปทางบูรณะที่เดินไปรอบๆ กับชน
    “บุญ” ต๋อยตะโกน โบกมือเรียก บูรณะหันกลับมา
    “บุญเด็กบ้านนอกไหม”
    บูรณะขยายยิ้มกว้าง ยิ้มเสน่ห์ที่ขายได้
    “ผมเด็กวัดเต็มตัว”
    “นั่นล่ะ วัดในเมืองหรือนอกเมือง” น้อยช่วยถาม
    “ก็ตามหลวงพ่อไปเรื่อยๆ ก็ทั้งในเมือง นอกเมืองนั่นล่ะ แต่ที่จำได้โตๆมานี่ อยู่ในเมืองมากกว่า” เขาทิ้งท้ายด้วยยิ้มสวย
    “อย่างจ่ายบ่อย ไม่ได้ตังค์” ชนกระซิบ
    “อะไรครับ”
    “ยิ้ม”
    “อ้อ ไม่ได้ตังค์ก็ได้ใจ” บูรณะกระซิบตอบ
    “โน้น ต้นตาลโน้น กับก่อไผ่นู๊น ถ้าจำไม่ผิดนะ”
    บูรณะมองที่ดินที่เริ่มมีต้นไม้ล้มลุกขึ้น ที่แปลงกว้าง ติดถนน ไม่ไกลชุมชน
    “แต่ก่อนทำอะไรครับ”
    “ปลูกมัน ปลูกอ้อย ไปตามเรื่อง ว่างๆ ก็ไปตรวจสอบที่กับผังเมืองซิ จะได้มีไอเดียอะไร”
    “ครับ”
    ชนชำเลืองดูสีหน้าของพระเอกยอดนิยม สายตามุ่งมั่น แล้วเหมือนจะสับสวิทซ์ได้รวดเร็ว อยู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นเด็กหนุ่มร่าเริง นี่เองที่ทำให้เขาเป็นนักแสดงที่เก่ง
    “ไปบ้านพี่ชนดีกว่า เพื่อผมจะได้ไอเดียดีๆ ว่าจะทำอะไรกับบ้านพี่ได้บ้าง”
    “อย่ามายุ่งกับบ้านข้า ไอ้หนู” ชนดับบุหรี่ที่ไม่ได้สูบ โยนทิ้ง ยืนดูให้มันดับจริงๆ
    “พี่ชนทำเหมือนแผ่เมตตาให้มันเลย ถ้าสงสารมันขนาดนั้น ผมว่าอย่าจุดดีกว่า” บูรณะบอกเมื่อเห็นท่าทางของผู้จัดการ
    ชนหันมามอง พินิจพิจารณาหนึ่งในตัวทำรายได้ของเขา  ต้องเริ่มมองบูรณะใหม่แล้วล่ะมั่ง หลายคนเห็นเขาสูบบุหรี่ ทิ้งบุหรี่ คงมีเจ้านี่คนเดียวที่สังเกตว่าเขาไม่ได้ดูดเลย  เขากอดคอรั้งให้เดินกลับด้วยกัน
    “ยังเด็กนัก ไอ้น้อง”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น