คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ทางที่ต้องผ่าน
บทที่ 6 ทางที่ต้องผ่าน
วายุขยับตัวเพียงครั้งเดียว ภายใต้สายตาจับจ้องของสุภาพสตรีสูงวัย ที่เขาคุ้นหน้าตามหน้าข่าวสังคม ท่านคือคุณหญิง
เขาไม่เคยคิดเลยว่ารัตน์สุดาจะมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับท่าน ศรีเลิศขวัญแก้ว นามสกุลบ้าๆ ถ้าเธอใช้นามสกุลบิดา ศศิธราพงศ์ เขาคงฉุกคิดได้ไปแล้ว แต่นี่ ศรีเลิศขวัญแก้ว
วายุไม่คิดจะขอความช่วยเหลือจากคุณราตรีที่พาเขามาพบ ผู้ปกครองของภรรยาเขา วายุแวะมาบ่อยเท่าที่เขาจะหาเวลามาได้ สลับกับไปเฝ้าข้างห้องของอ้อมอรุณ คุณพิภพช่วยได้แค่เพียงให้เช่าห้องที่อยู่บนชั้นเดียวกัน เจออ้อมอรุณยังทักทายปราศรัยกันด้วยดี แต่กับคุณแม่ ไม่รู้ซิน่า ว่าทำไมเขาต้องทำตัวเหมือนเด็กชวนทะเลาะด้วยก็ไม่รู้ ทั้ง ๆ ที่ท่านก็ต้อนรับเขาอย่างดี
ทะเบียนสมรสเจ้าปัญหาอยู่ในมือชรา ท่านเพ่งมองเหมือนมองลายแทงมหาสมบัติ
เรือนแก้วถอดแว่นตา ส่งทะเบียนสมรสคืนเจ้าหนุ่มที่ราตรีได้แวะมาเรียนล่วงหน้าแล้วว่าเขามาอ้างตัวว่าเป็นสามีของรัตน์สุดา และเธอได้ตรวจสอบแล้วว่าเป็นของจริง
“วายุ วิเศษชัย เป็นอะไรกับคุณหมอวารินทร์หรือคุณ” เสียงชราถามเบาๆ น้ำเสียงยังแจ่มใส ไม่สั่นเครือ
วายุกลืนน้ำลาย รู้จักพ่อเขาด้วย
“คุณพ่อผมครับ”
เขาเงยหน้ายิ้มประจบ อย่างที่เคยชนะใจปู่ย่าตายายทั้งหลายของเขามาแล้ว
เรือนแก้วยิ้มตอบ พ่อคนนี้มีสัมมาคารวะ กล้า โดยเฉพาะกล้าที่จะจับนกปรอดอย่างน้องเบล
“อ้าว กลับมาจากอเมริกาเมื่อไรล่ะ คุณหมอบอกว่าลูกชายทำงานที่โน้น ลูกชายโทน”
“สองปีแล้วครับ เพื่อนชวนมาร่วมหุ้นกัน”
วายุลอบถอนหายใจ ท่านรู้จักคุณ
“กิจการเป็นอย่างไรบ้าง”
“ก็ไปได้ดีครับ”
“อือม์ ดีแล้ว”
คำสนทนาดำเนินไปเรื่อยๆ จนท่านบ่นเหนื่อย ขอตัวไปพัก เขาก็ยังไม่รู้เลยว่าท่านคิดเห็นยังไงกับเรื่องระหว่างเขากับรัตน์สุดา ท่านไม่เอ่ยชื่อรัตน์สุดาแม้แต่ครั้งเดียว วายุเดินตามราตรีมาที่หน้าตึกใหญ่
“วายุ คุณย่ายอมรับเธอนะ มาหาท่านบ่อยๆ ล่ะ”
ราตรีบอกลาหนุ่มที่มาตีตราจองลูกสาวน้อยของท่าน
ชายหนุ่มหันมามอง แววตาเขายังงวยงง
“ครับ” ชายหนุ่มกระพริบตา
“เรียกผมว่า ต้นเถอะครับคุณแม่”
เขาทำความเคารพราตรีอย่างจริงใจเป็นครั้งแรก ถ้าเขามีลูกสาว มีไอ้หนุ่มไหนมาอ้างว่าเป็นสามีลูกสาวเขา เขาคงไม่ใจเย็นเท่าราตรี เท่าคุณย่าเรือนแก้ว
“ผมขอโทษ ที่ใจเร็วด่วนได้ ผมคงกำลังได้รับบทเรียน”
ราตรียิ้ม อย่างเห็นใจ
“หาน้องเบลให้พบ แล้วพาเขามายืนยันซิ”
“คุณแม่ยังไม่ได้พบน้องเบล”
“เขาก็โทรมาหา” ราตรีตอบอย่างใจเย็น
“แล้ว... ไม่ได้ถามเขา” วายุ รู้สึกเหมือนถูกทุบหัว
“ไม่ใช่เรื่องที่แม่ต้องถาม น้องเบลโตแล้ว เขาดูแลตัวเองได้ นี่เป็นเรื่องที่ลูกโตๆแล้ว ต้องมาบอกพ่อแม่ ไม่ใช่ลูกเล็กๆ ที่พ่อแม่ต้องคอยดูแล”
วายุเริ่มรู้แล้ว ว่าการตกนรกนะเป็นอย่างไร
“สำหรับน้องเบลทะเบียนสมรสไม่มีค่าเท่ากับที่เขามายืนข้างๆ ผมที่นี่หรือ... ครับ”
“สมัยโบร่ำโบราณ มีทะเบียนสมรสหรือ” ราตรีย้อนถาม
วายุทำความเคารพอีกครั้งก่อนขับรถออกไป
ปรีชามองภรรยาที่เดินมากับชายหนุ่มตั้งแต่หมู่เรือนไทยของผู้เป็นมารดาจนมายืนสนทนาข้างรถคันงาม ก่อนหนุ่มผู้นั้นจะไหว้ลา แล้วขับรถออกไป ไอ้หนุ่มนี่หรือ ที่ริมาจีบลูกสาวของเขา ไม่ใช่จีบ จับลูกสาวเขาแต่งงาน
น้องเบลลูกสาวน้อยที่เขาต้องยอมปล่อยให้อยู่กับมารดาของเธอ รับเพียงแมรี่มาเลี้ยงดู ทุกปิดเทอม ฝาแฝดถึงจะได้อยู่ด้วยกันสักครั้ง สลับกัน น้องเบลมาอยู่ที่นี่กับแมรี่ แมรี่ไปอยู่กับน้องเบลที่หนองคาย ริมฝั่งโขง
แค่ความอ่อนไหวของอารมณ์มนุษย์ ความถูกใจในผู้หญิงอีกคนที่ก่อให้เกิดปมในใจของคนรุ่นหลัง ทั้งน้องเบล ทั้งแมรี่ ไม่เคยเห็นคุณค่าของทะเบียนสมรส มันก็แค่กระดาษแผ่นเดียว มันห้ามศีลข้อสามไม่ได้
แล้วเขาล่ะ ต้นแบบที่ทำให้ลูกเป็นเช่นนั้น แต่สิ่งที่เขาชดเชยให้ ความรักมากมาย ความรักอย่างไม่มีข้อจำกัด อีกทั้งภรรยาที่เข้าใจเขามาก เธอที่เฝ้าเลี้ยงดูลูกของหญิงอื่นดั่งเช่นเลือดในอกของเธอเอง ความรักของพี่น้อง ทั้งร่วมสายเลือดหรือไม่ก็ตาม
หากรับกันเป็นพี่น้องลูกหลาน
สายเลือดสำคัญนักหรือ
คุณแม่ของเขากล่าวเช่นนั้นเสมอ
สิ่งสำคัญคือทำยังไงจะดีที่สุด
สร้างความเดือดร้อนแก่คนให้น้อยที่สุด
ไอ้หนุ่มนั่นยังต้องเจออะไรอีกเยอะ
“อ้าวกลับมาแล้วหรือคะ”
ราตรีทัก พนมมือไหว้อย่างที่เคยทำมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กสาวจนมีลูกโตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้ว
“เด็กจัดของว่างอะไรให้หรือยังค่ะ น้องรับประทานกับคุณแม่แล้ว”
“ยังเลย” ปรีชาโบกมือห้ามภรรยา
“ไม่ต้องหรอก ว่าจะไปทานข้าวกับคุณแม่ บอกแม่สำเนียงแล้วให้ส่งสำรับไปที่บ้านโน้น”
“มานั่งนี่ มาเล่าเรื่องเจ้าหนุ่มนั่นให้ฟังใหม่ซิ”
ราตรีหัวเราะเบาๆ เดินมานั่งข้างสามี รู้อยู่ว่าสามีเป็นห่วงเป็นใยน้องเบลมากกว่าลูกคนอื่นๆ ด้วยความที่ไม่ได้เลี้ยงดูมาแต่เล็ก แล้วยังเรื่องเข้าใจผิดใหญ่โต ที่ทำให้น้องเบลต้องออกจากบ้านไปอีก
เรื่องเริ่มจากแมรี่ที่เลี้ยงดูมากับมือ....
น้องเบลเพิ่งจะมาอยู่ร่วมบ้านได้ไม่นานหลังจากที่แม่แท้ๆ ของเธอเสียชีวิต สองสาวไปสอบชิงทุนเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน แมรี่หวังไว้มากเธอสอบไม่ติดแต่น้องเบลสอบได้เลือกไปอังกฤษ ด้วยความอยากเอาใจลูกสาวอีกคน ปรีชาติดต่อโรงเรียนที่อังกฤษให้แมรี่ไปเรียนต่อไฮสคูล
หลังจากน้องเบลกลับมา แมรี่ไปเรียนต่อ น้องเบลเดินออกจากบ้านไปเป็นช่างภาพ สามีเธอเสียใจนัก โทษวัฒนธรรมตะวันตก โทษแม่ของแมรี่เบลที่เลี้ยงลูกสาวไม่เป็น หน้าลูกก็แทบไม่อยากมอง จนผ่านไปเกือบปี แมรี่กลับมาเยี่ยมบ้าน จูงมือน้องเบลมาสารภาพว่าคนที่ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนคือแมรี่ แล้วเธอก็อยากเรียนต่อที่โน้น กลัวคุณพ่อไม่อนุญาต น้องเบลเลยออกหัวคิดอ้อนขอไปเรียนที่อังกฤษบ้าง (ในนามแมรี่) คนในบ้านเลยเข้าใจสาวน้อยใจแข็งคนนี้ขึ้นมาบ้าง
น้อยครั้งที่ราตรีจะร้องไห้ แต่เธอร้องไห้ พ่อที่กอดขอโทษลูก ลูกที่เขาคิดถึง ลูกที่อยากเลี้ยงดูแต่ต้องยอมให้ห่างไกล ขอโทษที่ไม่เชื่อใจลูกเลย
“คุณย่าชอบต้นนะคะ แต่ท่านคงจะไม่ช่วยเขามากกว่าหลานสาวของท่านหรอกค่ะ”
ปรีชานิ่งคิด
“ทะเบียนสมรสนั่นของจริงหรือ”
“ค่ะ สำเนาที่ ซี-ร็อกมาก็เห็นแล้วนี่คะ” ราตรีตอบคำถามเดิม
เธอให้คนไปถ่ายสำเนาลำดับที่ลงทะเบียนมาด้วยให้แน่ใจว่าถูกต้องตามกฏหมาย
“น้องบอกเขาแล้ว ให้เขาจูงมือน้องเบลมาหาเรา ไม่อยากคุยกับเขาบ้างหรือคะ”
กริยาเบือนหน้าหนีของสามี ทำให้อมยิ้มได้ แต่หัวเราะให้ได้ยินไม่ได้เชียว
“ผมไปคุยกับคุณหมอดีกว่า” ปรีชาบอกไปอีกทาง
“ชวนให้ตาใหญ่ตาเล็กไปคุยกับน้องเขยเขาซี”
“จะบอกลูกให้ค่ะ” ราตรีลากเสียงรับคำ
นี่ลูกสาวคนแรกที่มีคนมาจับจอง ถ้าเป็นคนต่อๆ ไป โดยเฉพาะยายบลูยอดดวงใจ คุณพ่อจะทำยังไง
“คุณย่าไม่อยู่ ท่านมีแขกที่ตึกใหญ่”
เสียงดังมาจากเงามืดหลังฉากไม้แกะสลักบานใหญ่ ที่กางกั้นระหว่าง ห้องด้านหลัง กับชานส่วนหน้า มีตั่งตัวใหญ่ที่ท่านชอบออกมานั่งอยู่ประจำ แล้วเจ้าของเสียงก็ดึงตัวขึ้นนั่ง วายุเห็นเพียงกอบร่างของชายหนุ่มผมสั้นที่ตัวสูงไม่น้อย
“ถ้าคุณจะรอก็ได้ ผม..” เงาดำๆ ยกไหล่ ก่อนเปลี่ยนเป็นยืดแขนขา แล้วก็ลุกออกจากที่ที่เขาเอนหลังสบายอยู่
ชายหนุ่มตัวสูง โปร่ง หน้าตาหล่อเหลา เสื้อยืด กางเกงลำลอง
“ท่านว่าถ้าคุณไม่ไปไหนก็รอ ท่านใช้เวลาไม่นาน”
“ผมจะรอครับ” วายุส่งใบทะเบียนสมรสให้อย่างรู้หน้าที่
เมื่ออาทิตย์ก่อน เขาเจออนิล พี่ชายคนโตของรัตน์สุดาโดยบังเอิญ ในงานสังคมงานหนึ่ง ควงมากับสาวสวย ความที่เพิ่งจะเจรจาหากลุ่มร่วมทุนในธุรกิจที่น่าสนใจ ทำให้เขาไม่เฉลียวใจเลยว่าเขาถูกตรวจสอบ
อนิลชวนไปเที่ยวต่อ เรื่อยเปื่อยไปแบบหนุ่มโสด วายุขอตัวในตอนท้าย เขาบอกตรงๆว่าเขาแต่งงานแล้ว
“แต่งงานแล้ว เอ อยากเจอสุภาพสตรีที่สามารถกำหัวใจหนุ่มไฟแรงอย่างคุณเสียแล้วซิ คงจะสวยและแสนดี”
“เธอกำหัวใจผมไว้ได้จริงๆ เสียด้วยซิครับ ขอตัวแล้วกัน รายการนี้”
ชายหนุ่มบุ้ยใบ้ ไปทางสาวๆสวยๆ กลับมานอนเดียวดาย เธอไม่ใช่แค่กำหัวใจ ขโมยหัวใจไปเลยมากกว่า
แล้วเมื่อวันเซ็นสัญญา คู่สัญญาร่วมทุน อนิล ศศิธราพงษ์
หนุ่มใหญ่จอมเจ้าชู้เซ็นชื่อ กระดิกนิ้วขอของแลกเปลี่ยน ที่เขางงในตอนแรก แล้วก็ต้องควักใบ(ทะเบียนสมรส)เบิกทางให้ หนุ่มจอมเสเพลก้มลงอ่าน พอเห็นชื่อเสียงเรียงนามภรรยาเขา ก็หัวเราะยกใหญ่
“ยินดีด้วย ภรรยาคุณน่ะ สุดสวยและแสนดีจริงๆ ผมรับรองได้” อนิลขยิบตาให้
“เชื่อผมได้เลยนะ ถ้าใครไม่เชื่อให้มาถามผม ผมตอบเขาได้ละเอียดกว่าคุณแน่”
พี่ชายของภรรยากระซิบ
วายุหน้าชา ใครจะกล้าให้ไปถามหนุ่มเจ้าชู้รายนี้ เกี่ยวกับภรรยาของเขาล่ะ เกิดความรู้สึกคันๆ จนอยากอัดใครสักคน คนแรกก็คงตัวเขานี่ล่ะ
แล้วนี่ ใครอีกกล่ะ จากวัยคงไม่ใช่พ่อของรัตน์สุดาแน่ และจากรูปในงานสังคมที่เขาทำการบ้านมาก็ไม่ใช่ อ้อ นึกออกแล้วพี่ชายอีกคน ครอบครัวนี้แปลกแต่จริง แต่ล่ะคนเป็นคนดังแต่มีข่าวลงเรื่องครอบครัวน้อยมาก ทุกคนในสังคมชั้นสูงรู้ว่าปรีชามีทั้งลูกสาวลูกชาย ที่แน่ๆ ลูกชายสองคน ลูกสาวหนึ่ง หรือสองหรือสามหรือ...ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ มีลูกสาว เขาล่ะปวดหัว รูปบุตรชายทั้งสอง ไม่ยากที่จะหา แต่บรรดาบุตรสาว แม้แต่ที่ตึกใหญ่ ส่วนที่ควรจะมีรูปครอบครัวก็ไม่มี ดูเหมือนบ้านนี้จะไม่นิยมประดับข้างฝาด้วยรูปเลย
เพทายเขี่ยทะเบียนสมรสคืน ไม่ แม้แต่จะชำเลืองดู
ผ่านมือแม่เขา มืออนิล เขาไม่ต้องดูให้เสียเวลา มาดูพ่อหนุ่มหน้าใสนี่ดีกว่า
“เอามาให้ดูทำไม ถ้าผมเชื่อแค่ใบทะเบียนสมรส ป่านนี้ผมมีเมียเป็นโหลไปแล้ว เล่นหมากรุกเป็นไหม กำลังอยากเล่น”
“เป็นครับ”
“ไทยนะ ยายนิด ไปเอาหมากรุกฉันจากตึกใหญ่มาให้ที”
เพทายส่งเสียงดังขึ้นมาหน่อยสั่งสาวใช้ที่นั่งทำงานอยู่ใต้ถุนให้ไปเอาอุปกรณ์ที่ต้องการมาให้ ระหว่างรอ ก็พยักหน้าให้วายุมาช่วยเขาเลื่อนโต๊ะตัวเล็กมาสำหรับตั้งกระดาน
สองหนุ่มนั่งเล่นกันเงียบๆ เพทายบุกเมื่อได้โอกาส ชอบขุดบ่อล่อปลา ขณะที่วายุไม่เคยทิ้งโอกาสที่มี สองหนุ่มเล่นวางหมากสามชั้นเท่าๆ กัน ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ
“ถ้าคุณยอมให้ผมชนะ ผมจะบอกให้ว่าน้องเบลอยู่ไหน”
วายุชะงัก ใจเต้นวูบ กี่เดือนแล้วที่หาตัวไม่เจอ คลาดกับแบบเฉียดฉิว
“คุณรู้หรือครับ ว่าอยู่ไหน”
“อ้าว ทำไม ผมเชื่อไม่ได้หรือ” เพทายอมยิ้ม คู่ต่อสู้เขาเริ่มไม่มีสมาธิล่ะ
“ผมถามใครก็ไม่เห็นมีใครบอกผมสักคนว่าน้องเบลอยู่ไหน” วายุยกไหล่
“ผมพิสูจน์แล้วว่าไม่มีใครรู้ จริงๆ น้องสาวคุณนี่เหมือนมีคาถาล่องหน หรือไม่ก็ห้อยพระรอดเลยนะ แคล้วคลาดตลอด”
“พี่เขาสอนมาดี” เพทายตอบอย่างไม่ละอายใจเลย
สมาธิกระจายก็เห็นผลง่ายๆ วายุถูกต้อน แต่เขาหนีพ้นตานับของหมาก
“แก้มือไหม” เพทายถาม วายุส่ายหน้า
“ไม่ดีกว่า เวลาคิดถึงน้องเบลผมไม่มีสมาธิ ให้น้องเบลมานั่งตรงนี้ ข้างๆผม ผมค่อยแก้มือ”
เพทายหัวเราะ ในคำยอกย้อนของน้องเขย สงสัยจะเจ็บใจมาก
“ถ้าเจอน้องเบล บอกนะว่าผมชอบคุณ เรียกผมว่าพี่เล็กอย่างน้องเบลก็ได้ คุณ
แล้วชายหนุ่มก็ก้าวอ้อมไปหลังฉาก ที่ตอนนี้วายุมองมันเหมือนปากประตูถ้ำมหัศจรรย์
“ตาต้น รอย่านานไหม นี่ไม่หิวหรือ ไม่มีใครหาน้ำหาท่ามาเลี้ยงหลานฉันเลยหรือไง”
ท่านรับไหว้หลานเขย กวาดตามองรอบๆ กระดานหมากรุกยังกางหรา
“อ้าวเล่นกับใคร”
“พี่เล็กครับ” วายุตอบ เก็บตัวหมากลงกล่อง คงเป็นของสะสมที่เจ้าตัวนำมาเชยชมบ่อยๆ ลายแกะสวย ลื่นมือ
“อ้อ” เรือนแก้วพยักหน้า
ถ้าเพทายอยู่สาวๆ หายหน้าหมด เพราะดุจัดนัก ไม่เรียกใช้ไม่ต้องมาเสนอหน้า แต่ถ้าเรียกหาแล้ว ต้องมาให้เร็วทันใจพ่อพายุเขา
“หาน้ำหาท่ามาหน่อย มีอะไรกินว่างๆ เอามาเลี้ยงคุณต้นหน่อย”
ท่านสั่งแม่สาวๆ ที่ทยอยขึ้นมา
“เพิ่งเจอน้องเบล..” ท่านเริ่ม
“คุณย่า” วายุร้องประท้วง
“เขามาเป็นช่างภาพ มาทำงาน ย่าเพิ่งรู้ก็ตอนเห็นหน้านี่ล่ะ”
รู้อย่างนี้เขายอมรับข้อเสนอของเพทายก็ดี พี่ชายคนที่ไม่ชอบแพ้ รู้แน่ๆ ว่าน้องสาวมาเป็นตากล้อง
“ท้อไหม” เสียคุณย่าถาม เมื่อเห็นแววเสียดายอ่อนล้า ในตาของหลานเขย
“ถ้าท้อ ย่าทำให้มันเป็นโมฆะได้นะ”
วายุรู้สึกเย็นเฉียบไปตามสันหลัง
“ไม่ครับ” เขาส่งยิ้มให้ ไม่อยากท้าทาย ไม่อยากคิดถึงผลที่จะตามมา ถึงท่านจะเอ็นดูและวางตัวเป็นกลางขนาดไหนก็ตาม แต่นั่นก็หลานสาวท่านเลี้ยงมากับมือ
ท่านไม่ได้กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกเลย ไม่ว่าเขาจะไปอีกกี่ครั้ง เล่นแก้มือหมากรุกครั้งไหนกับเพทาย เขาก็เสียเปรียบอยู่ร่ำไป ชายหนุ่มคนนั้น หาเรื่องมาทำลายสมาธิเขาจนได้สินา
ความคิดเห็น