ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กระจก

    ลำดับตอนที่ #6 : ผลของฝึกงาน ?

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ย. 48


    บทที่  6 ผลของฝึกงาน ?



        ก่องแก้วไหว้ลาลุงนิกรก่อนเปิดประตูเข้าบ้าน  รู้สึกตัวรุมๆ เธอถอนหายใจ งั้นวันนี้คงจะคุยกับกาญจน์เรื่องแปลกๆวันนี้ไม่ได้



        “แม่ขาแก้วกลับมาแล้วคะ” หญิงสาวเปิดประตู ปากก็รายงานตามความเคยชิน



        “เป็นไงบ้าง” สมใจชะโงกหน้ามาจากครัว



        “แม่ทำสลัด กินเลยไหม”



        “คะ”



        ก่องแก้วเบนเข็มทิศจากจะขึ้นบันไดเป็นเลี้ยวเข้าครัวแทน จัดแจงตักผัก ราดน้ำสลัด มารดาวางขนมปังอบใหม่ให้อีกก้อน



        แต่งมาเข้าครอบครัวนี้ จากที่เธอรู้สึกว่าตัวเองแปลก กลับเป็นเรื่องปกติไป  สมใจรินน้ำสมุนไพรแช่เย็นจากตู้เย็นวางลงข้างๆ  พวกนี้ คุณย่า มารดาสามีสอนสั่งมา



        “ขอบคุณค่ะ” ก่องแก้วรีบยกมือไหว้

        “แก้วหยิบเองก็ได้ แม่กินยังคะ”



        “บ่ายสองแล้วนะหนู”



        สมใจรอจนลูกสาววางช้อนส้อม ล้างจานชามคว่ำก่อนแล้วจึงถาม  



        “เป็นไง เห็นอะไรบ้าง”



        “แฮ่ แม่ แม่แกล้งแก้วหรือเปล่า แก้วเกือบไม่ได้กลับมาเจอแม่แล้วนะ”



        “เกิดอะไรหรือ”



        ท่าทางเรื่อยๆ ไม่ได้ตกอกตกใจของมารดาทำให้ลูกสาวค้อนเล็กๆ



        “แก้วเห็นคุณแฉล้ม”



        “คุณแฉล้ม?”



        “เออ” ก่องแก้วหลับตาพยายามนึกภาพ

        “สาวๆ สวยๆ ห่มสไบ นุ่งจีบหน้านาง เธอเป็น.. เจ้าที่ แถวนั้น เธอว่าเธอมาดูเจ้าของที่คนใหม่ แล้วมะพร้าวก็หล่นใส่หัวคุณบุญ  แก้ววิ่งไปเตือน-”



        “เดี๋ยวๆ คุณลูก ใจเย็นๆ คุณแฉล้ม เจ้าที่ตรงนั้น เธอมาดูเจ้าของที่คนใหม่ แล้วคุณบุญใคร”



        “คุณบุญก็ลูกค้าเรา นี่ดีนะที่แก้ววิ่งไปทันไม่งั้น-”



        “คุณบุญไปเกี่ยวตรงไหนล่ะ”



        “คุณบุญจะซื้อที่ตรงที่คุณแฉล้มอยู่ คุณลุงนิกรว่าที่ที่มีอยู่เป็นที่สามเหลี่ยมชายธงเล็ก ไม่สวย คุณบุญเลยบอกว่ากำลังจะซื้อที่ที่ติดกันอยู่ แล้วแก้วก็เห็นคุณแฉล้มตรงที่ตรงนั้นนะคะ”



        “แล้วยังไง”



        “ยังไง ก็ ตกลงว่ารอคุณบุญซื้อที่ก่อน เราก็ลากลับ เรานี่แก้วกับคุณลุงนิกรนะคะ”



        ก่องแก้วจารนัย มารดาพยักหน้า



        “ตอนเดินกลับมาที่รถมันแว๊บเลยแม่ แก้วก็เลยวิ่งกลับไปหาคุณบุญ”



        “อะไรแว๊บ” สมใจถาม อาการแวบของลูกสาวคนนี้แปลกๆ บอกได้บ้างไม่ได้บ้าง



        “ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ แก้วก็ไม่รู้” สาวน้อยยกไหล่



        “ก็ ไม่รู้ทำไปได้ยังไง” ก่องแก้วหน้าร้อนซู่



        “แก้ววิ่งชนคุณบุญ” เธอบอก ยกไหล่แก้เขินอีกครั้ง



        “ฮือม์” มารดาได้แต่คราง รับรู้



        “เกิดอะไรขึ้นล่ะ”



        “มะพร้าวมันหล่นลงมาทั้งทะลายเลยซิแม่” ก่องแก้วยื่นแขนให้ดู



        “คุณบุญนะสบายไป แก้วโดนกระเด็นใส่ตั้งหลายลูก”



        หญิงสาวคลำสีข้างปรอยๆ สมใจจับเลิกเสื้อขึ้นมาดู รอยช้ำเขียวๆ ที่คงจะกลายเป็นสีม่วง รอยใบไม้ คราบดินยังเห็นชัด



        “ไปอาบน้ำไป แม่จะทายาให้ กินอะไรแล้วก็ดี เดี๋ยวลงมากินยาแล้วนอนซะ ถ้าไม่ไหว พ่อกลับมาตอนเย็นจะได้พาไปหาหมอ”



        “หมอไหนก็ได้นะแม่ ตอนนี้ ยกเว้นหมอก้อง”ก่องแก้วบอกล้อๆ รวบสมบัติขึ้น



        “แม่คะ” เด็กสาวหันมาอย่างนึกได้



        “ตอนหลังที่แก้วเดินกลับ หลังจากที่มะพร้าวหล่นแล้วนะคะ แก้วเห็นคุณแฉล้มอีก เธอยิ้มให้แก้วด้วย”



        สมใจพยักหน้าให้



        “ไม่มีอะไรหรอกลูก ไปอาบน้ำไป”



        “แล้วยังงี้ คุณบุญจะซื้อที่ได้ไหมนะ แล้วเราจะได้สัญญาสร้างบ้านไหมนะ”



        ก่องแก้วครวญไปตลอดทาง ได้ยินเสียงมารดาหัวเราะตามหลังมา



        “เฮ้ย วันนี้จะได้คุยกับกาญจน์ไหมนะ” ก่องแก้วถามตัวเองในใจ



        ปฏิบัติตัวตามคำสั่งมารดา อาบน้ำ ลงมาให้แม่ทายาให้ กินยา แล้วกลับขึ้นไปนอนอย่างว่าง่าย ก็เริ่มจะปวดหัว และระบมตามตัวแล้ว ก็ว่าง่ายล่ะ



        “กลับมาแล้วครับ”



        ธนวัตรร้องบอก เก็บรองเท้าเข้าชั้น เห็นรองเท้าพี่สาววางอยู่



        “อ้าวพี่แก้วกลับมาแล้วหรือครับ ไหนว่าวันนี้ไปฝึกงาน จะกลับเย็นพร้อมพ่อไงครับ”



        หนุ่มน้อย วางกระเป๋า รินน้ำดื่ม เปิดตู้หาของว่างใส่จาน สมใจวางหนังสือในมือ กำลังสนใจกับลายปักผ้าปูโต๊ะ แต่กี่วันจะเสร็จนะ



        “เจออุบัติเหตุ คุณลุงนิกรก็เลยมาส่งก่อน โดนมะพร้าวหล่นใส่นะ”



        “พี่แก้วเค้าไปทำท่าไหนล่ะครับ ทายเลยว่าพี่กาญจน์ไม่ได้ไปด้วย แล้วเขาไปทำอะไรตามที่อโคจร”



        สมใจหัวเราะ



        “เดี๋ยวนี้รู้ด้วย...ที่อโคจร... แม่ให้พี่เขาไปดูที่ที่ลูกค้าจะปลูกบ้านนะ แม่เห็นเจ้าที่ข้างๆ เขาบอกว่าอยากเจอลูกสาวแม่ ก็ส่งไปเจอแล้วไหงเป็นอย่างนี้ก็ไม่รู้”



        “อ้อ ไม่ใช้ท่านจะเลี้ยงน้ำมะพร้าวนะครับ”



        “เออ ความคิดดีนี่เรา”



        สมใจอดหัวเราะไม่ได้ แต่ธนวัตรก็โดนให้เคาะโต๊ะไปทีหนึ่ง ลูกชายเคาะโต๊ะตามที่แม่ชี้สั่งให้ทำ



        “กินเสร็จแล้วไปดูพี่เขาที ยังไงพ่อกลับมาจะได้พาไปหาหมอ”



        “หาหมอก้องก็ได้” ธนวัตรหันมาตอบ ล้างชามคว่ำเสร็จ



        “ไม่ได้ ตอนนี้ไม่ได้ พี่แก้วเขาไม่ยอมหรอก” สมใจบอกปนหัวเราะ อ้างคำลูกสาว



        “แต่หมอก้องมาตรวจได้นี่ ใช่ไหม ไปดูให้แม่หน่อยไป ให้กินยา ทายาแล้ว ก่อนก้องมา แม่ขึ้นไปดูเห็นหลับอยู่ ยังไงก็ปลุกล้างหน้าล้างตาซะหน่อยนะก้อง นอนหลับทับตะวันมันไม่ดี”



        “ครับ”



        ว่าที่หมอก้องตะเบะรับ คว้าเป้ประจำตัวก้าวโหย่งๆ ขึ้นบ้าน แวะแง้มประตูดูพี่สาวเห็นยังหลับอยู่ เลยเดินไปห้องตัวเอง เก็บกระเป๋า ล้างหน้าล้างตา ก่อนย้อนมาที่ห้องพี่สาวใหม่



        เดินผ่านกระจกก็มองตามความเคยชิน เขาก็มองบ่อยๆ นะ ไม่เห็นอะไรนอกจากเงาสะท้อนของตนเอง คงมีแต่พี่แก้วละมั๊ง ที่ส่องกระจกแล้วเห็นพี่กาญจน์นะ



        “พี่แก้ว”



        ธนวัตรเรียก ก่อนอังมือ ตามหน้าผาก ซอกคอ ไอร้อนผ่าว อาจจะมาจากผ้าห่ม เขาเลื่อนมือมารองที่จมูก



        “ยังไม่ตายน่า” เสียงใสๆ แหววเบาๆ ก่อนขยับ



        “อูย”



        “เป็นไงบ้างพี่แก้ว” ธนวัตรช่วยขยับหมอนให้พิงหลัง



        “ตอบยาก ยอกไปทั้งตัว”



        “ไปทำอีท่าไหนเข้าล่ะ ไปหาหมอไหม ก้องขับรถให้” ธนวัตรอาสา



        “คิดว่าไม่ต้องนะ ทายา กินยาแก้ปวด ยอกสักสองสามวัน คงเท่านั้น ไม่ได้โดนที่สำคัญ”



        ก่องแก้วบอกน้องชาย ยื่นมือให้เขาชวยฉุด แล้วตีหน้าแหยเก



        “ไปหาหมอดีกว่ามั่งพี่แก้ว จะได้ยาคลายกล้ามเนื้อมาด้วย มุมถนนตรงนี้เอง ก้องเดินผ่านมาเขาเปิดร้านแล้ว ถ้าเดินไม่ไหวก็นั่งรถไปก็ได้”



        น้องชายดูตัวพี่สาวแล้วส่ายหน้า



        “ถ้าให้อุ้มคงไม่ไหว”



        ก่องแก้วค้อน แล้วก็อดหัวเราะไม่ได้



        “ดีขึ้นเยอะแล้ว ไม่ปวดหัวแล้วด้วย ถ้าก้องให้เกาะ เราก็ลงไปข้างล่างด้วยกันได้”



        ธนวัตรหยิบตำราเล่มที่ก่องแก้วชี้  ขยับมาใกล้ให้พี่สาวเกาะลงบันได



        “เป็นไงบ้าง” สมใจถาน เดินเข้ามาแตะหน้าผากซอกคอ ก่อนพยักหน้า



        “ใช้ได้ ไม่ต้องไปหาหมอแล้ว”



        ทิ้งให้ลูกชายบ่น



        “พอกันเลย ทั้งแม่ทั้งพี่ ถ้าก้องเป็นหมอเมื่อไรนะ จะไม่รักษาให้เลย คนอะไร”



        “เอาน่า ให้จบออกมาก่อน แล้วเค้าจะไปเป็นคิวแรกเลย” พี่สาวพูดเอาใจ





        เชิงชายกลับมาถึงบ้านก็ล้อลูกสาว



        “ไงยายแก้ว วันแรกก็ช่วยชีวิตลูกค้าเลยนะ”



        ก่องแก้วย่นจมูก



        “มันบังเอิญพ่อ  บังเอิญจริงๆ”



        “แล้วพรุ่งนี้ไปทำงานให้พ่อไหวไหมล่ะ” เชิงชายมองลูกสาวขึ้นๆลงๆ



        “ดูท่าทางก็สบายดีนี่ ไหวไหม” ท้ายประโยค หันไปถามแม่บ้าน



        “ก็ถ้าไม่ไปช่วยชีวิตใคร ก็ไหว” สมใจตอบปนหัวเราะ



        “ก้องเป็นว่าที่คุณหมอนะไม่ใช่พี่แก้ว” ธนวัตรบ่นพึม ขณะที่พี่สาวได้แต่ทำหน้ามุ่ย



        คืนนั้นกาญจนาเทวีไม่มา และในคืนต่อๆมาก็ไม่มา.....





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×