ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องรวมเรื่องสั้น

    ลำดับตอนที่ #5 : ลอยกระทงรัก

    • อัปเดตล่าสุด 26 ม.ค. 52


    ลอยกระทงรัก โดย Arabian2009
     
                    ผมมองเธอ หญิงสาวที่ก้มหน้าเห็นเพียงหน้าผากนูนๆ ผมยาวหยิกเป็นลอนสวยรวบไว้ด้วยที่หนีบผมอันใหญ่ มองนิ่งนานแค่ไหน ก็ไม่สามารถเรียกความสนใจจากเธอได้ จนต้องส่งเสียงเรียก
     
                    “เมื่อไรจะเสร็จล่ะปิ่น”
    ผมถาม ทิ้งตัวลงข้างๆ หญิงสาวที่สาละวนหยิบจับดอกไม้ปักลงในกระทงใบตอง ปิ่นหอม ชื่อของเธอ ชื่อเชยๆ แปลก และสมตัวเธอ
     
    ตาคมเปลือกตาซ้อนทบเป็นสองชั้นถนัดตา เข้ากับขนตายาวงอนเช้ง เหลือบมองมาอย่างเตือนๆ
    “ไม่ช่วยทำก็ไปไกลๆ”
     
    ผมฉีกยิ้ม แกล้งดึงปลายผมเธอเล่น ใบหน้าเนียนๆ สะบัดขวับมาทางผมอีกครั้ง ตาโตๆ ฉายแววดุ กระชากปลายผมของเธอออกจากมือซนๆ ของผม
     
    “ไปไกลๆ”
     
    ขายาวๆ ห่อหุ้มด้วยกางเกงยีนสีซีดที่ขัดสมาธิอยู่บนเก้าอี้ ยืดออกยันปังเข้ากลางอก ทิ้งรอยพื้นรองเท้าของผ้าใบคอนเวอส์เบอร์สามสิบแปดเอาไว้เต็มอกเสื้อขาวๆ ร่างบางๆ โดดขึ้นเต้นก๋า
     
    “ไอ้แซมแกอยากใส่ผ้าถุงขึ้นไปประกวดไหม” หญิงสาวถามเสียงเหี้ยม
     
    เพื่อนฝูงที่กำลังช่วยทำงานอยู่ใกล้ๆ พากันหัวเราะ ษมาและปิ่นหอมเป็นคู่ไหว้ครูมาตั้งแต่ปีแรก ฝ่ายหญิงเพราะเป็นผู้หญิงคนเดียวในชั้นปี รักษาตัวรอดผ่านมาได้จนขึ้นปีสาม การเลือกตัวแทนฝ่ายหญิงไม่ต้องคิดมาก มีหนึ่งเดียวเท่านั้น ฝ่ายชาย เพราะท่าทางมันเหมือนจะเรียบร้อยที่สุด รับหน้าที่ออกหน้าหากต้องการอาสาสมัครเรื่องความหล่อหน้าตาดี
     
    หากในความเป็นจริง ไอ้ปิ่นมันเป็นผู้หญิงแค่รูปลักษณ์เท่านั้นล่ะ ก็อย่างที่เห็นๆ กันอยู่ แล้วอย่าคิดว่าษมายอมเพราะเห็นเป็นผู้หญิงเชียว ปิ่นหอมเป็นลูกสาวเจ้าของค่ายมวย มือเท้าหนักแถมยังไวเสียอีก ส่วนษมาแม้เชิงมวยสู้ไม่ได้ แต่จัดว่าเป็นหนุ่มหน้าตาหล่อ นักกีฬากระโดดไกลประจำมหาวิทยาลัย
     
    ปัญหาของปีนี้คือ นอกจากจะมีการประกวดกระทงใหญ่ระหว่างชั้นปีแล้ว ยังมีการประกวดกระทงเล็กและนางนพมาศด้วย ชั้นปีอื่นที่ไม่มีสาวๆ เลย หรือสาวๆ ไม่เต็มใจที่จะประกวด ก็จะมีการประกวดนายนพมาศแทน ษมาไม่รังเกียจที่จะแต่งหล่อขึ้นเวที แต่แต่งสวยนี่ซิ
     
    “ไม่อยากโว้ย” หนุ่มหล่อสาละวนปัดรอยเปื้อนออก
    “ไอ้นั่นน่ะจิ้มๆ ปักๆ ไปเถอะ กระทงใหญ่รอโปรแกรมของนายอยู่ หรือจะให้เราจัดการ”
     
    คิ้วบางๆ ขมวดมุ่น
    “นายไปติดตั้งก่อนก็ได้ มีปัญหาอะไรค่อยเรียกเรา เซ็ตเสร็จแล้ว ลองแล้ว ไม่น่าจะมีอะไรนะ”
    หญิงสาวพูดเป็นเชิงปรึกษา กระทงที่เป็นผลงานของนักศึกษาทั้งชั้นปีที่แยกไปเรียนต่างสาขามาลงมือทำงานชิ้นนี้ด้วยกัน
     
    หนุ่มหล่อพยักหน้า กลับไปยุ่งกับเจ้ากระทงยักษ์ต่อ
     
    “ปิ่น เวลาเอาลงน้ำ นายต้องมาลงกระทงด้วยนะ” เสียงเพื่อนคนหนึ่งร้องบอก
     
    “เฮ้ยอะไร” ปิ่นหอมที่เพิ่งนั่งลงใหม่หันกลับไปทางเพื่อน
     
    “อ้าว ไม่รู้หรือ นางนพฯ นายนพฯ ปีนี้ เปิดตัวที่กระทง ไอ้คณะเจ้านายทาสมันเพิ่งฝากบอกมา”
    เพื่อนคนเดิมตะโกนบอก น้ำเสียงหงุดหงิดคณะกรรมการจัดงานอยู่ไม่น้อย
    “มันจะให้ใช้กระทงพาข้ามสระไปเดินขึ้นเวทีประกวด”
     
    “กระทงนะโว้ยไม่ใช่เรือจ้าง” เพื่อนๆ หลายคนพึมพำ
     
    “ให้ไอ้แซมมันลอง มันตัวใหญ่”
     
    “อย่าบอกนะว่าปิ่นคนกล้า ว่ายน้ำไม่เป็น”
    ษมาตะโกนแซวมา ซ่อนยิ้ม คงจะว่ายไม่เป็นจริงๆ เมื่อหญิงสาวสะบัดหน้าหันหลังให้ไม่ยอมสนใจกลุ่มเพื่อนๆ อีก
     
    ปิ่นหอมเร่งพับใบตองปักลงบนต้นกล้วยที่ตัดเป็นท่อนๆ ให้เป็นเหมือนกลีบบัว บรรจงซ้อนลงไปเป็นชั้นสุดท้าย มองกระทงสามชั้นตรงหน้า นึกบ่นด่าไอ้คนเลือกแบบในใจ มันเลือกแบบแล้ว ไม่เสือกมาช่วยทำด้วย
     
    “เสร็จยังปิ่น จะยกกระทงไปลองแล้วนะ”
    เสียงเพื่อนๆ ร้องเรียก ช่วยกันยกกระทงไปลองลอยที่สระหน้าตึก
     
    “เสร็จแล้ว”
    หญิงสาวรีบรวบเก็บเศษดอกไม้ใบตองลงถังขยะ พอยกกระทงขึ้นก็แทบทรุด ทำไมมันหนักอย่างนี้
     
    “โห”
    แขนยาวๆ ยื่นมาแย่งกระทงไปก่อนร้องลั่น
    “เฮ้ย ปิ่น ทำเอาไว้ยกแทนดัมเบลล์เหรอ”
     
    หญิงสาวยกเท้าส่องอีกที แต่ษมาที่แย่งกระทงไปเล่น วิ่งตามเพื่อนๆ ออกไปแล้ว ปิ่นหอมรีบวิ่งตามไปทันที เกิดษมาทำกระทงตก ความพยายามแต่เช้าของเธอไม่เสียหมดหรือยังไง
     
    ษมาเอากระทงลองลงไปลอยในสระแล้ว กระทงเอียงไปข้างหนึ่ง ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ชะโงกตัวไปหยิบกระทงขึ้นมาใหม่ เพราะกระทงทำด้วยต้นกล้วยแถมยังซ้อนลงไปถึงสามชั้น เมื่อลงน้ำก็อุ้มน้ำไม่น้อย เห็นเพื่อนทำท่าจะเซถลาลงไปในสระ ปิ่นหอมรีบเกี่ยวหูกางเกงช่วยดึงตัวเอาไว้
     
    “ขอบใจ”
    ษมาบอก จัดการเสียบตะปูที่ติดกระเป๋าอยู่เพื่อถ่วงน้ำหนักกระทงให้สมดุล ก่อนจะลองลอยกระทงอีกครั้ง มีปิ่นหอมชะโงกมองเอาใจช่วย คราวนี้กระทงลอยอย่างสง่าอวดความงามไม่เอียงกระเท่เร่ให้เสียฟอร์ม เพื่อนที่ลองเอากระทงใหญ่ลง แล้วเอาตัวทดลองนั่ง มือบังคับรีโมทกลไกที่พาตัวกระทงเคลื่อนที่ไปมา บังคับกระทงมาใกล้
     
    “ฝีมือดีนี่หว่า ไอ้ปิ่น ทำเสียเหมือนเลย”
     
    “แล้วใช้ใครทำล่ะ” ปิ่นหอมยืดอก อวดตัวเสียเลย
     
    ดำรงหัวเราะ บังคับกระทงใหญ่มาใกล้ฝั่ง กระโดดขึ้นบนฝั่ง กระทงใหญ่ยังชิดตลิ่ง
     
    “ขึ้นไป”
     
    “เฮ้ย” ปิ่นหอมร้อง ตั้งท่าจะหนี แต่ษมาคว้ามือเอาไว้
     
    “ขึ้นไปปิ่น รับรองไม่ตก ถ้าตกจะลงไปงม”
     
    อยากยกเท้ายันเพื่อนอีกสักที แต่กลัวตัวเองจะหล่นลงน้ำ ปิ่นหอมค่อยๆ ก้าวลงไปในกระทง มันโยกเยกเพราะหญิงสาวยังรักษาสมดุลไม่ได้ มือบางกำมือหนาๆ แน่น หน้าซีด เหงื่อออกจนชุ่มมือ
     
    “ใจเย็น มองเรา”
     
    ปิ่นหอมไม่กล้ามองต่ำ เธอจ้องมองตาเพื่อนที่ยังยึดมือเธอเอาไว้ รอยยิ้มนิดๆ ทำให้เธอสบายใจ
     
    “เลื่อนไปทางซ้ายนิด ช้าๆ”
     
    หญิงสาวขยับเท้าตามคำสั่ง ตายังมองสบตาเพื่อนไม่กล้าเบี่ยงไปทางไหนแม้องศาเดียว
     
    “ข้างหน้าอีกนิด”
     
    “เฮ้ยนั่งด้วยนะโว้ย”
    เสียงเพื่อนคนอื่นตะโกนมา ปิ่นหอมได้ยินเพียงแว่วๆ เท่านั้น ตอนนี้ เธอได้ยินแต่เสียงนุ่มๆ ของผู้ชายที่เธอจ้องตาเขาอยู่ ความอบอุ่น ใจดีที่เธอมองเห็น ทำให้อุ่นใจ
     
    “ค่อยๆ นั่ง”
    มือแข็งแรงค่อยๆ นำให้ย่อตัวลง ดวงตาอบอุ่นที่เธอหลงจมลงไป เริ่มพราวระยิบ
    “นั่งพับเพียบ ปิ่น ไม่ใช่ขัดตะหมาด”
     
    ขายาวๆ ขยับพลิกตามที่ถูกบอก พอเธอนั่งลงเสร็จมือแข็งๆ ก็สะบัดฉับ กระทงเลื่อนถอยไปข้างหลังอย่างกะทันหัน ปิ่นหอมตื่นจากภวังค์พร้อมๆ กับเสียงโห่ฮาของเพื่อนๆ ที่กระจายตัวรอบๆ สระ
     
    “เจ๋งโว้ยไอ้แซม สะกดไอ้ปิ่นอยู่หมัด เหมือนหมองูสะกดงูเลยเว้ย เฮ้ยปิ่นโบกมือหน่อย โบกเหมือนนางงามนะโว้ย ไม่ใช่นักมวย”
     
    ปิ่นหอมหน้าร้อนวาบ ยอมทำตามคำตะโกนบอกของเพื่อน ไม่อย่างนั้นมันคงไม่ให้เธอขึ้นจากกระทงแน่ ส่งสายตาฝากเอาไว้ก่อน ขึ้นฝั่ง ยืนบนพื้นนิ่งๆ เมื่อไร ระวังตัวไว้
     
    ชายหนุ่มต้นเหตุปัญหาที่ทำให้เธอโดนเพื่อนๆ ล้อ นั่งยองๆ ริมสระมองมาด้วยรอยยิ้มนิดๆ ประกายในดวงตาคู่นั้นยังระยิบระยับเหมือนนึกขำเรื่องอะไร
     
    ปิ่นหอมใจระทึกนั่งตัวแข็งในกระทงที่บังคับโดยฝีมือเพื่อนๆ สุดห่ามที่ผลัดกันลองบังคับให้เลี้ยวซ้ายขวา เธอรู้สึกปลอดภัยเมื่อหันไปมองร่างสูงที่ยังนั่งยองๆ ที่เดิม มองตามเธอยิ้มๆ เหมือนเดิม ถึงจะกวนสายตา แต่เธออดมองไม่ได้ มันเหมือนทุ่นช่วยชีวิตเธอในขณะนี้
     
    ษมาเหลือบมองนาฬิกาข้อมือก่อนตะโกน
    “เฮ้ย เอานางนพฯ ขึ้นได้แล้วโว้ย ต้องส่งไปแต่งตัว ให้ปิ่นลงประกวดชุดนี้ ชั้นปีเราไม่ได้รางวัลแน่ๆ”
     
    นั่นล่ะ กระทงถึงได้เลื่อนเข้าชิดตลิ่งอีกครั้ง ปิ่นหอมมองมือแข็งแรงที่ยื่นมาตรงหน้า รวมกับอีกหลายมือ เธอเลือกมือที่เธอมั่นใจที่สุด อย่างน้อย ถ้าเธอตกน้ำ ต้องเอาษมาลงไปด้วยให้ได้ ได้ยินเสียงชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ เมื่อจับมือเธอได้มั่น ก็ออกแรงฉุดร่างบางๆ ปลิวขึ้นมาปะทะอก ก่อนจะวางเธอลงบนพื้น ผละห่างไปช่วยเพื่อนๆ ยกกระทงใหญ่ขึ้นเพื่อเตรียมเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ประกวดจริง
     
    ปิ่นหอมมองตามร่างสูง ที่เฮฮาอยู่ในกลุ่มเพื่อนไม่ได้สนใจเธออีก ก่อนก้มลงยกกระทงเดินกลับขึ้นตึก
     
     
     
    ปิ่นหอมถลึงตาโตๆ ใส่แววเหี้ยมลงไปเต็มที่กันไม่ให้พวกเพื่อนๆ ออกปากล้อเลียนเรื่องชุดไทยผ้านุ่งจีบหน้านาง ดีที่ผ่าสูงขึ้นมาถึงเข่า สไบเฉียงเปิดไหล่ข้างหนึ่ง ยังไม่นับผมที่ถูกยีเกล้าสูง ตอนนี้เธอเหมือนตุ๊กตาปั้นนางรำไปแล้ว ไม่สนใจเสียงแซวของเพื่อนๆ ที่ให้ยิ้มหวานเรียกคะแนน แล้วเวลาที่เธอกลัวก็มาถึง
     
    “ไอ้ปิ่นลงกระทง”
     
    หญิงสาวเหลียวมองหาร่างสูงๆ ที่จะช่วยให้เธอไม่กลัวการนั่งกระทงกลางน้ำ ไม่นับวิธีขับเรือแบบพิสดารของแต่ละคน ไม่มีร่างสูง รอยยิ้มน้อยๆ อบอุ่นในสายตาเธอเลย
    “แซมไปไหน”
    ปิ่นหอมถามหาเพื่อนที่คอยเป็นหลักบนพื้นน้ำ เมื่อตอนสายแค่ในสระเล็ก นี่สระใหญ่ ถอดรองเท้าแตะใส่รองเท้าส้นสูง
     
    “เรียกหาใครหรือปิ่น” เสียงถามมากวนๆ
     
    ปิ่นหอมหันไปตามเสียงทันที ร่างสูงอยู่ในเสื้อปิดคอกระดุมห้าเม็ด นุ่งโจงกระเบนสำเร็จสีน้ำเงิน ถุงน่องรองเท้าครบ หญิงสาวอ้าปากค้าง
     
    “มา”
    มือใหญ่คว้ามือเล็กๆ ก้าวลงกระทงก่อน เสียงษมากระซิบถามเบาๆ
    “กลัวไม่ใช่หรือ”
     
    ปิ่นหอมกัดฟันยิ้ม ค่อยๆ ก้าวเท้าข้ามไปตามเสียงกระซิบของษมา ย่อตัวลง กว่าจะรู้เธอก็นั่งอยู่ชิดตัวเขาในกระทงแล้ว  ษมาบังคับกระทงให้เคลื่อนที่ไป
     
    หลังจากเอากระทงมาถึงสถานที่จริง ลองให้คนบนฝั่งบังคับดูก็ลงความเห็นกันว่าให้คนที่นั่งในกระทงบังคับเองดีกว่า เพราะเวลากลางคืนมีกระทงอีกหลายกระทงอยู่ในพื้นน้ำเดียวกัน คนบนฝั่งอาจจะมองเห็นได้ไม่ถนัด ทุกคนไว้ใจให้ปิ่นหอมเป็นคนบังคับ ในเมื่อหญิงสาวเป็นคนวางโปรแกรมบังคับการเคลื่อนที่ตัวนี้เอง หากมีบัญหาอะไรเธอจัดการได้ คงมีแต่ษมาที่ไม่มั่นใจในตัวเพื่อนสาวเลย เขาเลยอาสามาขับกระทงส่งนาง(นพมาศ)เอง ยามบ่ายษมาเลยต้องวิ่งวุ่นไปกับการหาชุดหล่อชุดนี้มา
     
    “นายลงมาทำอะไรในนี้แซม”
     
    “พาปิ่นไปส่งไง เดือนแจ่มงามตา ไม่มีใครเทียบ”
    ก่อนจะสูดลมหายใจลึกๆ
    “หอม”
     
    อยากจะยันให้เต็มๆ เท้า แต่ตาระยิบที่ใกล้แสนใกล้ ทำเอามือไม้เก้งก้างเต็มที
     
    “ไว้ใจได้ปิ่น เราไม่ทำปิ่นตกน้ำหรอก รับรอง”
     
    แววตาจริงใจ ของเพื่อนทำให้ปิ่นหอมพูดไม่ออก
     
    พอเข้าไปใกล้ริมสระฝั่งเวที ที่คณะกรรมการทำเก๋ ต่อสะพานยาวๆ มากลางน้ำเทียบกระทงสำหรับนางนพมาศที่เข้าประกวดเดินไปขึ้นเวที ษมาเห็นหลายๆ กระทงใช้วิธีชักรอกข้ามไป หรือบางชั้นปี ลงทุนลงไปว่ายดันกระทงกันเลยทีเดียว
     
    “ปิ่นเก่งมาก ออกแบบคอนโทรลเยี่ยม กระทงเราปีนี้ชนะแน่”
     
    “แล้วนางนพไม่ชนะหรือไง” หญิงสาวสะบัดเสียงใส่
     
    “อยากให้ชนะทั้งหมดเลย ปิ่นจะได้ทั้งเก่งทั้งสวยไง”
     
    เพื่อนหนุ่มพูดดีด้วยจนน่าแปลกใจ ปิ่นหอมตะแคงมองหน้าเพื่อนอย่างฉงน
    “กินยาลืมเขย่าขวดหรือไง”
     
    ษมาหัวเราะ ส่งยิ้มเรียกคะแนน เลือกเทียบกระทงให้ใกล้ฝั่งที่สุด
    “อย่าๆ เดี๋ยวปล่อยให้ตกน้ำเลยนี่”
     
    พอเทียบกระทงได้ที่ ษมาก็ขยับลุก กางขารักษาน้ำหนักก่อนฉุดเพื่อนสาวให้ลุกขึ้น
    “ก้าวลงไปเองได้ไหม”
     
    ปิ่นหอมสูดลมหายใจลึกๆ
     
    “อยากลงไปส่งหรอกนะ แต่ติดนั่น”
    ษมาใช้คางชี้ไปทางเครื่องบังคับที่เขาวางเอาไว้กลางกระทง
     
    “ได้”
    ปิ่นหอมสูดลมหายใจลึกๆ กลิ่นอะไรนะ หอมๆ แตะจมูก หญิงสาวทำจมูกฟุดฟิด
     
    “ลงไปได้แล้ว” ษมาบอกเสียงรำคาญ
    “คนอื่นๆ เขาจะได้ลงจอดบ้าง”
     
    ปิ่นหอมยึดมือษมาไว้แน่นก่อนหยั่งเท้าลงบนสะพานไม้แคบๆ เมื่อเห็นหญิงสาวลงไปยืนได้เต็มสองเท้า ษมาก็รีบบังคับกระทงถอยออก ค่อยๆ พาหลบกระทงอื่นไปยังที่นัดกับเพื่อนๆ ด้วยความเร่งรีบที่จะไปเชียร์ปิ่นหอม ทำให้กะความกว้างของช่องห่างระหว่างกระทงกับริมตลิ่งผิด
     
    พรืด!
    ษมาลื่นลงไปยืนในน้ำเกือบครึ่งตัว เพื่อนๆ บนฝั่งหัวเราะกันเกรียวกราว แต่ยังยื่นมือมาช่วยฉุดขึ้นไป
    “ไอ้แซมเอ๊ย จะส่งไปประกบคู่ไอ้ปิ่นเสียหน่อย หมดหล่อเลยเพื่อน”
    เพื่อนฝูงพากันส่ายหน้า
    “รีบๆ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไป เอากระทงเข้าที่แล้วไปเชียร์ปิ่นกัน”
     
    ษมามองท่อนล่างที่เปียกเปื้อน แถมรองเท้ายังโดนโคลนดูดไปอีกข้าง เสียงประกาศจากเวทีดังมาแว่วๆ ถึงคนที่จะเข้ารอบ
    “ไปดูปิ่นเถอะ เดี๋ยวจะรีบตามไป”
     
     
    ปิ่นหอมฉีกยิ้ม กำมือคนข้างๆ เอาไว้แน่น เธอเห็นเพื่อนๆ มาเชียร์ชิดติดเวที แต่ไม่เห็นตัวกวนใจ ษมาไปไหน ทำปากถามเพื่อน ก็เห็นหัวเราะเฮฮา
     
    “นางนพมาศปีนี้ได้แก่....”
     
    จนสิ้นเสียงประกาศ ปิ่นหอมก็ยังไม่เห็นหน้าษมา
     
     
     
    กระทงใหญ่ ชั้นปีของเธอได้ที่หนึ่งอย่างที่หวัง เพื่อนๆ ส่งนางนพฯ ประจำชั้นปีออกไปรับรางวัล รับคำเย้าจากท่านอาจารย์ที่กรุณามาแจกรางวัลว่า ...ทั้งเก่งและเกือบสวย... ปิ่นหอมได้แต่ฉีกยิ้มเต็มที่รับคำชม รับรางวัลเสร็จเพื่อนๆ ช่วยกันเก็บของบางส่วนเอาไปเก็บที่ห้องก่อน ปิ่นหอมตัดสินใจเดินไปด้วย เธออยากถอดชุดนี้ออกเต็มแก่แล้ว
     
    พอก้าวขึ้นตึก เพื่อนหนุ่มที่เฝ้ามองหา นั่งกระดิกขารอ ปากที่อ้าเตรียมจะต่อว่าเปลี่ยนเป็นร้องถามอย่างตกใจ
    “เป็นอะไร”
     
    ษมามองขาตัวเองที่พันแผลเอาไว้หนา
    “รองเท้าหายไปข้าง ตอนเดินกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้า ดันเหยียบแก้วเข้าไปเต็มๆ”
     
    “ทำไมไม่กลับบ้านไปนอน” ปิ่นหอมเอ็ดเสียงเขียว
     
    “ก็อยากลอยกระทงกับนางนพมาศนี่น่า”
     
    ปิ่นหอมชะงัก
    “ถ้าอย่างนั้นต้องไปหาน้องจุล ปีหนึ่งคณะวิทย์แล้ว”
     
    ษมาหัวเราะเบาๆ
    “อยากลอยกระทงกับพวกเรา อยากลอยกับปิ่น” ตามองขึ้นลง
    “อยากเปลี่ยนเสื้อผ้าใช่ไหมล่ะ เดี๋ยวรอ เร็วๆ ด้วยนะ”
     
    ปิ่นหอมอยากจะค้อนสักแปดตลบแต่ความที่ไม่เคยค้อน หญิงสาวเลยได้แต่ทำปากขมุบขมิบ ก่อนเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่นานก็หอบชุดไทยที่อยู่ในถุงพลาสติกเรียบร้อยออกมา มองเพื่อนชายลุกขึ้นเก้ๆ กังๆ
                    “เจ็บมากไหม ทำไมไม่ขอไม้เท้าคุณหมอมาด้วย”
     
                    “ไม่ลงน้ำหนักมากก็เดินได้” ษมาบอก
    “คนอื่นไปกันแล้วนะ ให้เรารอปิ่น”
     
                    ปิ่นหอมเดินเข้าใกล้ “เอ้า ให้ยืมเป็นไม้เท้าวันหนึ่ง”
     
    ษมาแอบยิ้ม โอบรอบไหล่บางๆ อาศัยพยุงตัว เดินไปเก็บชุดไทยที่รถของปิ่นหอมก่อน
     
                    “ไปขึ้นรถ เดี๋ยวไปส่ง” ปิ่นหอมพยักหน้าบอกเพื่อนที่เท้าหลังคารถพยุงตัวรอเธอ
     
    “ไปลอยกระทงกันก่อนซิ ปีหนึ่งมีแค่หนเดียว”
     
    หญิงสาวเอียงคอมอง ก่อนจะพยักหน้า
    “ก็ได้ เดี๋ยวไปจอดใกล้ๆ ก็ได้ เอ...” หญิงสาวรื้อกระบะหลัง ลงทุนปีนขึ้นไป
    “จำได้ว่าทำกระทงเล็กๆ ไว้นี่ อยู่ไหน ใครมือบอนเอาไปแล้วหรือ”
    บ่นไปค้นไปสักพักหญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นยิ้มกว้าง ส่งกระทงอันเล็กสองอันให้ ก่อนลงมือรื้ออีกไม่นานก็คว้าธูปเทียนยกชูยิ้มกว้าง
    “เรามาลอยกันหน้าตึกนี่ล่ะ นายจะได้ไม่ต้องเดินไกลไง จะได้รีบกลับบ้านด้วย”
     
    ปิ่นหอมกระโดดลงจากท้ายรถเดินเข้ามาใกล้ช่วยพยุงไปริมตลิ่ง
     
    “อ๊ะ อธิษฐาน เดี๋ยวเราลงไปลอยให้”
    ปิ่นหอมขีดไม้ขีด จุดธูปเทียนในกระทงทั้งสอง
     
                    “ไม่ได้ต้องลอยเอง”
     
    ปิ่นหอมมองร่างสูงที่เดินโขยกเขยกไปริมตลิ่ง พยายามนั่งลงให้ใกล้น้ำที่สุด ได้แต่ถอนหายใจ ก้าวไปนั่งข้างๆ ยกกระทงของเธอขึ้นอธิษฐาน ไม่รู้ว่าจะอีกกี่ปี แต่ปีหน้าขอให้ได้มาลอยด้วยกันอีกนะ
     
                    หญิงสาวไม่รู้เลยว่าคนข้างๆ ก็อธิษฐานอย่างเดียวกัน สองหนุ่มสาวมองกระทงที่ลอยคลอเคลียเคียงใกล้ไปตามแรงกระเพื่อมของน้ำ
     
                    “ปีหน้าเรามาลอยด้วยกันอีกนะ”
    ษมาหันมาทางหญิงสาวข้างตัวชวนเบาๆ สาวเจ้าไม่ได้ส่งเสียงตอบ เพียงแต่พยักหน้ารับนิดๆ ดวงหน้าที่เห็นเลือนรางในความมืดอมยิ้มน้อยๆ มองกระทงที่ยังคงเกาะเกี่ยวกันลอยไป
     
                    ใช่ ปีหน้า ปีหน้า และปีหน้า เราจะมาลอยกระทงด้วยกันอีก
     
                   
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×