ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฝันกลางสายหมอก

    ลำดับตอนที่ #4 : 004

    • อัปเดตล่าสุด 29 ส.ค. 51


    004
     
    ดุรงค์วางไมโลร้อนพร้อมขนมปังปิ้งลายการ์ฟิลแมวตาปรือลงให้ ก่อนทิ้งตัวลงยังเก้าอี้ตรงข้าม ชายหนุ่มเอนพิงพนักเต็มที่จนเก้าอี้ส่งเสียงเอี๊ยดลั่นประท้วง
     
    ดารกาจิบเครื่องดื่มร้อนๆ มองชายหนุ่มที่ดูผอมสูงหากแต่ซ่อนความล่ำสันไว้ภายใต้เสื้อยืดกางเกงขาสั้น กำลังเสยผมยาวๆ ของตัวเองหลับตานิ่งเหมือนยังนอนไม่พอ อาชีพช่างถ่ายภาพทำให้แฟนหนุ่มของเธอต้องเดินทางไปทั่ว บางครั้งไม่กลับบ้านเป็นเดือน บางครั้งก็นอนขี้เกียจอยู่บ้านเป็นเดือนอีกเหมือนกัน และเดือนนั้นทั้งเดือนพ่อหนุ่มผมยาวจะจัดบ้าน แต่งบ้านถ่ายรูปบ้านเกือบทุกมุมอีกทั้งเดือนอีกเหมือนกัน
     
    “เหนื่อยหรือจ๊ะ” หญิงสาวถือแก้วไปวางข้างแก้วของชายหนุ่มก่อนเดินไปหลังเก้าอี้ ผลักไหล่ให้ชายหนุ่มก้มตัวไปข้างหน้า นิ้วกดลงในกล้ามเนื้อ ผ่อนคลายความเมื่อยล้า
     
    หลังจากก้มให้นวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อไหล่ต้นคอ ดุรงค์ก็ขยับเงยหน้าให้คนมือนุ่มๆ นวดขมับให้บ้าง ตาเรียวยาวเหม่อมองไปข้างหน้า ทอดสายตาไปไกลไม่ได้จับจ้องสิ่งไหน วาดภาพทิวทัศน์ที่เคยผ่าน ผิวนุ่มๆ ที่คลอเคลียข้างแก้ม ทำให้ชายหนุ่มดึงสติกลับมา สายตาเริ่มรับรู้ภาพตรงหน้าและ
     
    “ตา” เขาเรียกหญิงสาวที่เพลินกับกล้ามเนื้อแกร่ง
     
    “ฮือม์”
     
    “ไม่ไปทำงานหรือ”
     
    หญิงสาวเงยหน้ามองนาฬิกาทันควัน ร้องเสียงแหลม คว้ากระเป๋า รีบสวมรองเท้า “เพราะตัวเองเชียว”
     
    ชายหนุ่มได้แต่หัวเราะ ร้องตามหลังหญิงสาวที่รีบจ้ำเท้าไปข้างหน้า “รีบกลับบ้านล่ะ จะทำหมูหมักของชอบไว้ให้”
     
    หญิงสาวแค่ยกแขนสูงแสดงอาการรับรู้ หลังจากแฟนหนุ่มเฝ้าแทบไปห่างหลังจากที่เขารู้สึกว่าเป็นความผิดที่ทิ้งเธอไว้ตามลำพังเมื่อครั้งที่ไปเที่ยงทุ่งกระเจียวด้วยกัน หญิงสาวอมยิ้มส่ายหน้ากับตัวเองน้อยๆ ห่วงอยู่...สักเดือน แล้ว พ่อหนุ่มผมยาวก็หอบกล้องคู่ใจออกตระเวนถ่ายรูปอีกแล้ว มีทั้งงาน ทั้งเรื่องส่วนตัวปนเปกันไป แต่ไม่ว่าอย่างไรเจ้านกรักอิสระอย่างเขาก็จะกลับมาพักที่บ้านหลังน้อยของเธอเสมอ
     
    มัวแต่คิดถึงคนที่บ้านที่เดี๋ยวคงต้องขยับเครื่องเรือนจัดมุมใหม่ ออกไปตลาดหาของสดมาทำกับข้าวเอาใจเธอ หรือกระเพาะของเขากันแน่ จนไม่ทันสังเกตรถยนต์ที่จอดเทียบตรงป้ายรถประจำทาง กระจกด้านข้างคนขับถูกลดลง จนมีเสียงเรียกนั่นล่ะ หญิงสาวจึงได้ย่อตัวลงไปมอง
     
    เพื่อนของดุรงค์ วันนี้ชายหนุ่มอยู่ในชุดแต่งกายเหมือนคนจะไปทำงาน จนเธอเกือบจำไม่ได้ด้วยเสื้อเชิ้ตสีสุภาพผูกเนคไทเรียบร้อย ผมที่เคยดูยุ่งเหยิงเสยลวกไปไว้ข้างหลังวันนี้ถึงจะเสยไปไว้ข้างหลังเหมือนเคย แต่ดูเป็นรูปเป็นทรง ยังมีเสื้อสูทที่เขาหยิบไปโยนไว้ข้างหลังอย่างไม่ใส่ใจ
     
    “ขึ้นมา ผมจะไปส่ง”
     
    “ทางเดียวกันหรือคะ” ดารกาโผล่งถามออกไปอย่างแปลกใจ ดุรงค์ไม่ใช่คนที่เล่าเรื่องตัวเองเท่าไร เขาจะเล่าเรื่องของเธอให้เพื่อนเขาฟังอย่างนั้นหรือ คิ้วที่วาดไว้ขมวดจนชายหนุ่มที่ชะโงกมองแอบขำในใจ เห็นเขาแต่งตัวอย่างนี้แล้วแปลกไป หรือจำไม่ได้หรืออย่างไร
     
    “ผมพิเศก เพื่อนดุรงค์ คุณทำงานอยู่เพชรบุรี ผมทำงานอยู่สุขุมวิท ขึ้นมา”
     
    เขาเน้นเสียดุ จนหญิงสาวต้องรีบเปิดประตูเข้าไปนั่งอย่างรวดเร็ว น้ำหอมกลิ่นส้มของเครื่องปรับอากาศผสมกลิ่นน้ำยาโกนหนวดของผู้ชาย ดารกาสูดลมหายใจลึกๆ อีกครั้ง เอ๋ไม่มีกลิ่นบุหรี่ ทั้งๆ ที่เธอจำได้ และไม่ชอบใจเลยที่เขาสูบบุหรี่จัดมาก สูดมวนใหม่ที่ไรก็ยื่นให้ดุรงค์ทุกที เธอไม่ชอบผู้ชายสูบบุหรี่
     
    “ไม่ชอบกลิ่นส้มหรือ”
     
    เสียงห้าวๆ ถามมาห้วนๆ เหมือนเคย เป็นผู้ชายหยาบกระด้างที่สุดเท่าที่เคยพบมา ไม่ลงท้ายสุภาพ ไม่มีหางเสียงทอดให้ระรื่นหู เหมือนคนเอาแต่ใจ หรือคนที่ไม่เคยสนใจความรู้สึกของใครเลย แต่ความมีน้ำใจของเขาที่รีบเอารถขึ้นมารับเธอเมื่อตอนที่หมดสติ รวมทั้งรับจากชัยภูมิพามาส่งถึงบ้าน ความห่วงใยกระด้างปนกวนๆ ที่รอให้พวกเธอเข้าบ้านก่อน ทำให้เธอยอมมองข้ามน้ำเสียงไม่ระรื่นหู สงสัยจะเคยชินแล้ว หญิงสาวตอบตรงๆ กลับอย่างไม่รักษาน้ำใจคนฟังเช่นกัน
     
    “หากลิ่นบุหรี่”
     
    เสียงห้าวๆ หัวเราะเสียงดัง “เห็นนะว่าไม่ชอบให้ดุรงค์สูบบุหรี่”
     
    ดารกากัดปากด้านในไว้ไม่ให้ตอบโต้อะไรออกไปแรงๆ รู้แล้วยังยื่นบุหรี่ให้ต่อหน้าต่อตาเธออีกทำไมเล่า(โว้ย)
     
    “ให้บุหรี่ดีกว่าผมให้จูบเขาไม่ใช่หรือ”
     
    กรี๊ด ดารกานิ่งเหมือนช็อกไป ไม่แน่ใจว่าเป็นเสียงเธอส่งเสียงอะไรออกไปหรือเปล่า แต่นั่นเป็นเสียงโทรศัพท์ ส่งเสียงหวีดแหลมแสบหู
     
    พิเศกควานข้างๆ ตัวก่อนหันมาบอกหญิงสาวที่เขารับขึ้นรถมาด้วย
     
    “รับให้ที คุณนั่งทับโทรศัพท์ผมอยู่”
     
    ดารกาเก็บปากเก็บคำเอาไว้ เอามือควานไปบนเบาะจนเจอโทรศัพท์เครื่องบาง ขยับจะสงให้ ชายหนุ่มก็บอกเสียงเข้มมาอีกครั้ง
    “รับ ขับรถอยู่”
     
    เสียงนกหวีดที่หยุดไปดังขึ้นมาอีกครั้งจนสะดุ้ง หญิงสาวก้มลงมองหน้าปัดเล็กๆ ก่อนกดรับสาย
     
    “ท่านคะ อยู่ไหนแล้วคะ” เสียงหวานๆ ดังมาตามสายด้วยจังหวะจะโคนที่น่าฟัง ดารกากรอกตา ท่านคะเชียวนะ
     
    “ท่านกำลังจะไปขึ้นทางด่วนค่ะ” เธอตอบกลับไปเมื่อสังเกตุจากเส้นทางที่ชายหนุ่มพารถเครื่องที่ไป
     
    “เออ นั่นโทรศัพท์ของคุณพิเศก ชัยนันท์ หรือไม่คะ” เสียงหวานๆ ถามมาอีกอย่างไม่แน่ใจ
     
    โอ้ไม่น่าเชื่อ คนนิสัยกระด้างจะมีคนยอมพูดหวานๆด้วย ดารกาคิดอย่างมั่นไส้ “รอสักครู่นะคะ ขอถามเจ้าของเครื่องก่อน”
     
    “คุณพิเศก ชันนันท์”
     
    “ฮือ”
     
    กระทั่งรับคำยังฮือ เกินจะเยียวยาแล้ว ดารกากรอกตาอีกรอบ ส่งเสียงตอบไปในโทรศัพท์เครื่องน้อย “”ใช่ค่ะ”
     
    “คุณช่วยเรียนท่านด้วยนะคะ ว่าทุกคนพร้อมแล้ว”
     
    “ค่ะ” หญิงสาวลังเลเล็กน้อย ยังไม่วางสาย และเธอก็ยังไม่ได้ยินอีกฝ่ายวางสายเช่นกัน
     
    “ท่านคะทุกคนพร้อมแล้ว” หญิงสาวกลั้นใจ ขณะที่เลียนจังหวะในการพูดของเสียงหวานใสในโทรศัพท์
     
    พิเศกกัดกระพุ้งแก้มเอาไว้ ทำได้แค่พยักหน้า เมื่อได้ยินเสียงหวานๆ เลียนแบบเลขาฯของเขา เอากะแม่ซิ เห็นหงิมๆ เรียบร้อย ร้ายเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ตาวาวๆ ที่คอยมองเขาอย่างไม่ชอบใจเวลาพูดคุยกับดุรงค์บอกให้เขารู้ว่า สำหรับแฟนเธอต้องเป็นหนุ่มแสนดีเท่านั้น แล้วหนุ่มแสนเลวมันรักใครไม่เป็นหรือยังไง เขาถามกลับในใจขำๆ แล้วก็อดแกล้งยั่วไม่ได้ อยากเห็นคนหน้าเฉยๆ ตาวาววับเหมือนดวงดาวเช่นชื่อของเธอ
     
    คราวนี้กระทั่งเสียงพูดก็ไม่มี นอกจากอาการพยักหน้านิดๆ นี่ถ้าเธอไม่ได้หันไปคอยจ้องหน้าอยู่ เธอจะรู้ไหมว่าเขาพยักหน้า เพื่อนคนนี้ของดุรงค์ นิสัยสุดๆ เกินจะแก้ไขแล้ว เจ้าประคูณ อย่ามาพาแฟนเธอเสียคนอย่างนี้เลย
     
    “ท่านพยักหน้ารับทราบแล้วค่ะ”
     
    เธอไม่รู้เหมือนกันวาปลายสายอีกข้างจะเชื่อถือเธอหรือไม่ น้ำเสียงหวานมีแววลังเลไม่แน่ใจเมื่อกล่าวขอบคุณแล้ววางสายลง
     
    ดารกาส่งมือถือให้อีกฝ่ายไม่รับ บอกมาด้วยประโยคเดิมๆ “รับให้ด้วย”
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×