คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : หวาน
“คุณหมอครับ ผ่าตัดด่วนครับ”
“หมอคนอื่นไม่มีหรือ”
“คนไข้ต้องการคุณหมอครับ” บุรุษพยาบาลบอกอย่างอดทน
“คืนนี้ไม่ใช่หมอเป็นเวร” มาลาตีเดินตรวจคนไข้ไปเรื่อยๆ
“หมอมาลาตี เร็วเข้า หมอต้องผ่าตัด” นายแพทย์คนสันเดินมาตามถึงที
“หมออื่นไม่มีหรือคะ” สีหน้ามาลาตีบอกแววเหนื่อยอ่อนอย่างแท้จริง
“คำสั่งผอ.”
มาลาตีเบ้ปาก หันไปสั่งงานพยาบาลเวรก่อนออกไป
คนไข้รายนี้ทำไมเธอจะไม่รู้จัก ดร.นภดล บุตรชายคนเดียวของเจ้าของโรงพยาบาลที่เธอทำงานอยู่นี่ รู้จักดีทีเดียว
การเตรียมผ่าตัดพร้อมอยู่แล้ว นายแพทย์ผู้อำนวยการยืนกระสับกระส่ายอยู่หน้าห้องผ่าตัด มาลาตีหลับตา สูดลมหายใจลึกๆ
“คุณทราบรึยังใครเป็นคนไข้รายนี้”
“ค่ะ”
“จำไว้ ห้ามพลาดเด็ดขาด” ผอ.สั่ง
มาลาตีเม้มปาก เธอไม่ชอบการบังคับ
“ทำไมต้องเป็นดิฉัน”
“เพราะคุณรู้จักเขาดีนะซิ” ผอ.ตอบ เขารู้อะไรมากมาย เป็นผอ.ที่นี่มาสิบกว่าปีแล้ว
คำตอบทำให้มาลาตีกระพริบตางงๆ ดวงหน้าซีดขาวของคนไข้ที่นอนอยู่ตรงหน้า มาลาตีกำมือแน่น ก่อนคลายออก สูดลมหายใจลึก เขาเป็นเพียงคนไข้คนหนึ่งที่เธอต้องช่วยเอาไว้ เธอพยักหน้าให้ผู้ช่วย
มาลาตีก้าวออกจากห้องผ่าตัด ผอ.ยังรออยู่
“ผมจะให้คนขับรถไปส่งคุณนะ” ท่านบอกอย่างเห็นใจ
“ขอบคุณค่ะ ดิฉันไปได้”
เธอยิ้มชืดชา เดินดูคนไข้ของเธอ ก่อนขับรถกลับห้องพักของเธอ ใกล้ๆ โรงพยาบาล อาบน้ำแต่งตัว มานั่งที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง สางผมยาวช้าๆ
เงาในกระจกสะท้อนใบหน้าของหญิงสาวสวย ชวนมอง ตาทั้งโตทั้งยาวมีแววหวานละห้อย คิ้วโค้งดำเข้มตัดกับผิวขาวกระจ่าง จมูกขึ้นเป็นสัน ปากได้รูปสวยค่อนข้างบาง ร่องปากลึก แก้มอิ่ม เธอมองเงาในกระจก น้ำตาปริ่ม ก่อนไหลลงมาช้าๆ
เธอน่าจะร้องไห้ก่อนหน้านี้ ตั้งแต่ตอนที่เขาถูกใส่เตียงเข็นเข้าโรงพยาบาล รถชนกับรถบรรทุกหน้ายับ หลังจากถูกจ่อยิงถึงหกนัด
ทำไมเธอไม่ร้องตั้งแต่ตอนนั้น
ทำไมเธอปฏิเสธไม่ยอมผ่าตัด
เธอกลัว?
ใช่เธอกลัวเขาจะจากไป
จากไปเหมือนเมื่อหลายปีก่อนนั้น
“คุณใหญ่กลับดึกอีกแล้ว” มาลาตีว่า
ขณะทั้งลากทั้งดึงแขนคนที่ตัวโตกว่าให้เข้ามานั่งเก้าอี้ในห้องนั่งเล่นได้
“ทำไมยังไม่นอนอีก ไม่เห็นมีใครเขาจุ้นเหมือนเรา” เสียงว่ามาอ้อแอ้
“ตีไม่อยากจะวุ่นกับคุณใหญ่หรอก” มาลาตีว่า เอาผ้าเย็นที่แช่ไว้ ออกมาโปะไปตามหน้า ลำคอ
“เฮ้ย จะฆ่ากันหรือไง” นภดลโวย คว้ามือเล็กให้หยุด
“แค่นี้ไม่ตายหรอก” มาลาตีบิดข้อมือ เอาผ้าผืนใหม่ยัดใส่มือให้
“คุณใหญ่เช็ดเองนะคะ ตีจะไปเอารถเก็บให้”
“อย่าเลย ให้เจ้าแต้มเก็บก็ได้” นภดลคว้ามือไว้ มาลาตีชะงัก หมุนข้อมือออก
“ก็ได้ค่ะ ตีจะไปเอากาแฟมาให้” มาลาตีเลี่ยงไปหน้าตึก ขับรถไปจอดในโรงรถ แต้มเมี่ยงๆ มองๆ อยู่
“ไปนอนเถอะ” มาลาตีพยักหน้าบอก
“คุณตีเอาคุณใหญ่ขึ้นนอนได้หรือครับ” แต้มถาม
“ใครว่าฉันจะเอาขึ้นนอน ให้นอนตากยุงอย่างนั้นล่ะ จะได้เข็ด”
“พรุ่งนี้ผมก็โดนเตะ”
“เถอะ บอกให้เขามาเตะฉัน” มาลาตีบอก เดินตัวปลิวขึ้นตึก แวะห้องอาหารชงกาแฟ
“สร่างยังคะ คุณใหญ่” มาลาตีถาม ส่งกาแฟให้
“ฮือ” นภดลทำท่าจะหลับแหล่มิหลับแหล่ รับกาแฟไปจิบ แล้วสำลักพรวด
“เฮ้ย นี่อะไร”
“กาแฟ ชงกับน้ำใบน้อยหน่า” มาลาตีบอก แล้วหลบวูบ นภดลสาดกาแฟถ้วยนั้นไปที่เธอนั่งอยู่เดิม
“ไปไหนก็ไปเถอะไป แล้วเรียกแต้มให้ที” ชายหนุ่มกระแอมกระไอ ทั้งพะอืดพะอม
“ตีให้แต้มไปนอนแล้ว” มาลาตีพูด รินกาแฟแท้ๆ ส่งให้
“อันนี้น้ำอะไรล่ะ”
“น้ำฝนแท้ค่ะ” มาลาตีบอก ทำหน้ายิ้มๆ นภดลจิบช้าๆ หายเมาไปกว่าครึ่ง
“ดึกแล้ว ทำไมยังไม่นอน”
“อ่านหนังสืออยู่ค่ะ ไม่ได้รอคุณใหญ่หรอก”
นภดลหรี่ตามอง มาลาตีที่ยังสวมชุดนักเรียนอยู่
“ที่หน้าที่หลังไม่ต้องลงมาหรอก ให้แต้มจัดการคนเดียวก็พอ” นภดลห้าม
“ตีไม่ได้ลงมา ตีอ่านหนังสืออยู่ในห้องทำงานข้างล่าง”
“ใครให้เธอมาใช้ที่นั่น” นภดลขมวดคิ้ว ที่นั่นเป็นห้องทำงานของเขา
“คุณหญิงแม่อนุญาตแล้ว” มาลาตีตอบเสียงเรียบ หน้าตาบอกว่าพร้อมที่จะมีเรื่อง ถ้าเกิดมีขึ้นมา
“ใครใช้ให้คุณใหญ่ไม่อยู่ล่ะ เหอะ ที่ค้นๆไว้ทำวิทนยานิพนธ์นะ ไม่เห็นจะได้เรื่อง”
“นี่ค้นหมดแล้วซิ” นภดลถาม
“เรียบร้อย!” มาลาตีตอบ
“ไหน มานั่งนี่ซิ” นภดลทำเสียงใจดี ตบที่เท้าแขนของเขา
มาลาตีส่ายหน้า
“ไม่ล่ะ ตีจะไปอาบน้ำแล้ว คุณใหญ่สร่างพอที่จะช่วยตัวเองแล้วนี่”
เด็กสาวแผ่นแพร้วออกไปอย่างรวดเร็วก่อนที่นภดลจะจับไว้ได้ทัน
รุ่งเช้า มาลาตีถูกคุณหญิงลงโทษให้ทำความสะอาดชุดโซฟาที่เลอะคราบกาแฟ ด้วยเหตุผลว่า นภดลบอกว่าเธอทำ
“ไง สนุกไหม” นภดลก้มลงถามยิ้มๆ เชยคางคนชอบยุ่งเรื่องเขาขึ้นมาดูหน้า
มาลาตีทำหน้าบึ้งใส่ สะบัดหน้าหนี
“คุณตีไม่กินกาแฟนี่ ทำไมกาแฟถึงหกได้” วิรงรองถาม
“ตีไม่ได้กิน แต่คนอื่นเขากินนี่” มาลาตีปรายตาค้อน วันนี้ได้ไปสายแน่ๆ
“อ้อ แสดงว่าเมื่อคืนคุณตีอยู่รอคุณใหญ่สิท่า”
จิตรเลขาพูดพลางเดินไปวางท่าที่เก้าอี้ที่นภดลนั่งอยู่เมื่อคืน แล้วทำท่ายกกาแฟจิบ ก่อนทำท่าสาด
มาลาตีตีหน้าครึ่งยิ้มครึ่งบึ้ง
“เล็กไปโรงเรียนได้แล้ว” นภดลบอกเรียบๆ จิตรเลขายกไหล่
“คุณตีล่ะ” เด็กสาวถาม เธอกับมาลาตีไปโรงเรียนพร้อมกัน ถึงจะอยู่กันคนล่ะโรงเรียนก็ตาม
“มันเรื่องของเขา เราไปได้แล้ว ถึงเวลาแล้ว”
“ก็ได้” จิตรเลขาคว้ากระเป๋า เดินไปขึ้นรถที่รออยู่หน้าตึก
“รองยังไม่ไปหรือ” นภดลหันมาทางวิรงรองที่ยังนั่งเฉยอยู่
“รองจะรอไปส่งคุณตี ให้ไปเองเดี๋ยวก็สาย”
“รองมีเรียนเช้านี่ รีบไปเถอะ พี่จะไปส่งตีเอง”
“ได้ค่ะ ถ้าคุณใหญ่จะไปส่งคุณตี” วิรงรองคว้าหนังสือกระเป๋าถือเดินออกไปบ้าง
“ตีไปเองได้ ไม่เห็นต้องให้ใครไปส่ง” มาลาตีงึมงำ
“ฮื่อ งั้นพี่ไปน่ะ ต้องไปรับคุณสุดารัตน์ด้วย”
“ไปเล้ย” มาลาตีพยายามกลั้นสะอื้น
นภดลคว้ากระเป๋า ผิวปากออกไปอย่างสบายใจ
“คุณตีรีบไปแต่งตัวเถอะค่ะ เดี๋ยวสาย อิฉันจัดการให้เองค่ะ”
อิ่มบอกอย่างเห็นใจ มาลาตีมองนาฬิกาข้างฝา
“ช่างเถอะ อิ่ม ไหนๆมันก็สายแล้ว สายอีกหน่อยจะเป็นไร”
มาลาตีเช็ดคราบเปื้อนอย่างบรรจง ก่อนโยนผ้าลงถัง อิ่มคว้าไปทันที
“คุณรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะค่ะ อิฉันจะเตรียมของเช้าให้”
“ไม่ต้องหรอกจ้า ขอบใจมาก” มาลาตีบอก
วิ่งเร็วจี๋ไปวิ่งผ่านน้ำแต่งชุดนักเรียน ก่อนกระโจนลงบันไดมาทีล่ะสองขั้น สามขั้น ตาลีตาลานวิ่งออกไปรอรถเมล์ ไม่มีรถเหลือพอไปส่งเธอแล้ว
“ขึ้นมาซิ พี่จะไปส่ง”
มาลาตีไม่อยากจะมองเลยทั้งคนทั้งรถที่จอดเทียบอยู่นั่น รถประจำทางยังไม่มา เวลาก็เดินต่อไป
นภดลก้มมองนาฬิกา
“นี่ได้เวลาโรงเรียนเข้าแล้ว ถ้าให้พี่ไปส่ง อาจทันชั่วโมงที่สองนะ”
“ไม่ต้องมาทำใจดีหรอก” มาลาตีตวัดเสียง
“ฮือ อุตสาห์ไปซื้อขนมกับนมมาให้ รู้งิไม่ขับไปซื้อมาให้หรอก”
มาลาตีพยายามกลั้นยิ้ม แล้วก็ยิ้มออกมาจนได้ เปิดประตูเข้าไปนั่ง
“ถ้าคุณใหญ่ไม่ฟ้อง ตีก็ไม่ไปสายหรอก” เด็กสาวต่อว่า
“ใครว่าพี่ฟ้อง คุณแม่ถามว่าใครทำกาแฟหก พี่ตอบว่าต้นเหตุมาจากตี ก็เท่านั้น” เขายกไหล่
“ถ้าคุณใหญ่ตอบว่า คุณใหญ่สาดกาแฟใส่ตี หรือโบ้ยไปหาคุณรอง คุณเล็ก ตีก็ไม่โดนหรอก มีแต่ตีคนเดียวล่ะเป็นหมาหัวเน่า” มาลาตีบ่น หยิบหนังสืออกมาอ่าน
“เป็นคนดีๆ ไม่ชอบ”
มาลาตีทุ่มเทสมาธิอยู่ที่หนังสือ ไม่สนใจเสียงยั่วแหย่ มาเอะใจเมื่อรถแล่นเร็วขึ้นอย่างผิดปกติวิสัยของการจราจรในกรุงเทพฯ
“คุณใหญ่ผิดทางแล้ว นี่ไม่ใช่ทางไปโรงเรียนตีแล้ว” มาลาตีโวยวาย
“วันนี้อย่าไปโรงเรียนเลยน่า พี่มีเรื่องจะคุยด้วย”
ชายหนุ่มหันมาชำเบืองมอง คนขยันเก็บหนังสือเข้ากระเป๋าไปแล้ว
“คุยที่บ้านก็ได้นี่คะ วันนี้ตีมีเทสนะคะ” เด็กสาวขยับกระสับกระส่าย
“ช่างมัน” นภดลตอบอย่างไม่ใยดี เร่งความเร็วขึ้น เมื่อถนนว่าง
“ส่งตีที่นี่ก็ได้ ตีกลับเองได้” มาลาตีอ้อนวอน
“แล้วเรื่องที่พี่จะพูดกับตีล่ะ”
มาลาตีเห็นแววเครียดในดวงหน้าของชายหนุ่มที่เธอฝันถึง แต่ก็รู้ว่าเขาอยู่ไกลเกินเอื้อมถึง
“พูดที่บ้านน่า นะคะ นะ คุณใหญ่ ตีสัญญาจะนั่งฟังดีๆ ไม่เถียงเลย”
“พี่ไม่กล้ารบกวนเวลาอ่านหนังสือของเราหรอก”
มาลาตีเม้มปากแน่น รู้แล้วว่าขอร้องไปก็เปล่าประโยชน์ น้ำตาปริ่มขึ้นมา แต่มันไม่มีวันไหลออกมาให้สมใจใครหรอก
“พี่รักตี”
มาลาตีรู้สึกชาวูบ ร้อนวาบไปทั้งตัว ทั้งคู่นั่งนิ่งอยู่ริมทะเล
“รักมากกว่ารอง มากกว่าเล็ก”
นภดลมองตาสาวน้อยตรงหน้า เขาไม่เคยรู้เลยว่าเธอจะคิดยังไง หน้าต่างแห่งหัวใจ ดวงตาใสแจ๋ว
ไม่เคยบ่งบอกอะไร
“คุณแม่จะให้พี่ไปอเมริกาอาทิตย์หน้า”
“ก็ดีแล้วนี่ค่ะ”
“พี่อยากจะแน่ใจ เมื่อพี่กลับมา ตียังรอพี่”
หัวใจเต้นตึกๆ ร่างร้อนสลับเย็น มือเย็นจนต้องกำซุกไว้ในกระเป๋ากระโปรง เด็กสาวละล่ำละลักบอกเสียงใส
“ตีให้สัญญา ตีจะรอคุณใหญ่”
“พี่ต้องการมากกว่าคำสัญญา”
มาลาตีไม่อยากจะเชื่อโสตประสาทตัวองเลย เธอได้ยินถูกต้องไหม เด็กสาวมองตาเขาอย่างค้นคว้า อย่างไม่แน่ใจ ในสิ่งที่เห็น ในสิ่งที่ได้ยิน
“ตีรักคุณใหญ่ แต่คุณใหญ่ไม่ได้รักตี ให้ตีกลับเถอะค่ะ”
หัวใจดวงน้อยคร่ำครวญ รักบริสุทธิ์ที่ให้ เขาคิดว่าเป็นอะไร
“จะไม่มีการตกลงระหว่างเราอีก เมื่อพี่ตัดสินใจไปแล้ว
มาลาตีงงอยู่นานกว่าจะเข้าใจความหมาย ความน้อยใจเป็นความโกรธ เธอโกรธ โกรธมากด้วย
“ตีกลับเองก็ได้” มาลาตีผุดลุกขึ้นยืน นภดลคว้าแขนเอาไว้
“คิดหรือพี่พาตีมาถึงนี่ จะให้ตีกลับได้ง่ายๆ”
มาลาตีเหวี่ยงกระเป๋าใส่นภดลทำให้เขาต้องปล่อยมือเธอ มาลาตีออกวิ่งทันที เธอจำได้ แม่เอมคนเลี้ยงเธอมาตอนเล็กๆ เปิดร้านอาหารที่นี่ กับสามีของแก นภดลคงไม่เฉลียวใจ แต่ที่เขาพาเธอมาที่นี่ คงเพราะความเคยชิน
“เอมช่วยตีด้วย” มาลาตีละล่ำละลั่ก โถมเข้าแอบข้างหลัง ร้านเพิ่งจะเปิด ยังไม่มีคน
“มีอะไรคะ ไปหลังร้านก่อน” เอมรีบบอก
มาลาตีสั่นหน้าแอบหลังเอม นภดลวิ่งมาทันพอดี
“คุณใหญ่” เอมอุทานเบา ชักจะเริ่มเข้าใจ
“ตีไปกับพี่” นภดลก้าวมาจะจับมือ
“ไม่ไป” มาลาตียึดแม่เอมแน่น
“คุณใหญ่กลับไปเถอะค่ะ เอมจะไปส่งคุณตีเอง”
“แม่เอมอย่ามายุ่ง” นภดลขึ้นเสียง
“คุณก็ยังรังแกคุณตีอยู่เหมือนเดิม กลับไปเถอะค่ะ เอมจะส่งคุณตีกลับบ้านเอง”
“เราเข้าใจผิดกันนิดหน่อยเอง เอม เอมก็รู้นี่ว่าฉันเลิกแกล้งตีแล้ว”
เอมมีทีท่าลังเล จะยังไง แกก็รักคุณ
“เอมอย่าเชื่อคุณใหญ่ วันนี้ตีมีเรียน เขายังพาตีมานี่”
“กลับไปค่ะ...”เอมบอกเสียงแข็งตัดสินใจได้
เธอต้องดูแลคุณตีก่อน คุณใหญ่โตแล้ว แล้วก็เป็นผู้ชาย ไม่ต้องให้นางดูแลแล้ว
“แล้วเธอจะเสียใจ” นภดลทิ้งท้าย
มาลาตีกลับมาพร้อมแม่เอม หลังจากสะอึกสะอื้นอยู่พักใหญ่ ให้แม่เอมซักยังไง มาลาตีก็ไม่เล่าเพิ่มเติม
คุณหญิงโยนสมบัติเธอไว้ที่หน้าบ้าน อิ่มกระซิบกระซาบเบาๆ เพราะเธอยั่วยวนคุณใหญ่ ทำให้วันนี้เขาพลาดนัดกับคุณสุดารัตน์ที่คุณหญิงหมายหมั้นมาเป็นลูกสะใภ้ เธอนะหรือยั่วยวน
“คุณตีจะไปอยู่ที่ไหนคะ” อิ่มถามอย่างเป็นห่วง
มาลาตีนั่งลงอย่างหมดแรง นภดลทำได้อย่างไร เขาที่บอกว่ารักเธอ นภดลทำได้เจ็บมาก เขายังเหมือนเดิม เอาแต่ใจตัว
“ไม่รู้เลย” มาลาตีส่ายหน้า
เธอจะไปอยู่ที่ไหนได้ เธอเคยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ยังเล็ก ตั้งแต่พ่อแม่แยกทางกันจนล้มหายตายจาก
จริงซิ เธอมีกุญแจบ้านเก่าของพ่อแม่อยู่นี่ ไม่แน่ใจว่าเธอจะยังจำทางได้ไหม
“เอมจำบ้านเก่าของตีได้ไหม ตีมีกุญแจ”
“ค่ะ ได้ค่ะ” เอมน้ำตาคลอ
“ผมขับรถไปส่งนะครับ” ชุ่มคนขับรถประจำบ้านรับอาสา
“ขอบใจจ๊ะ” มาลาตีบอกทั้งน้ำตานองหน้า
ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งคุณหญิง เธอจะให้คนอื่นเดือดร้อนเพราะเธอได้ยังไง เธอเงยหน้ามองบนตึก คุณเล็กคุณรองคงยังไม่กลับ
“ฉันไปรถแท็กซี่ได้ สมบัติก็มีเท่านี้”
“ผมไปเรียกแท็กซี่ให้” ชุ่มบอก
“คุณใหญ่ฝากไว้ค่ะ” อิ่มกระซิบ ยัดซองจดหมายใส่มือ
“คุณใหญ่ล่ะ”
“คุณหญิงส่งไปอเมริกาแล้วค่ะ”
มาลาตีถ่วงซองจดหมายก่อนเปิดออก
“กุญแจแฟลตของพี่ อนุญาตให้เธอใช้ได้”
มาลาตีตระเวนไปดูบ้านเก่าของพ่อแม่ มันเปลี่ยว แล้วก็ทรุดโทรมเกินกว่าเด็กผู้หญิงตัวคนเดียวจะอยู่ได้ เธอไม่อยากอยู่แฟลตของนภดล แต่ก็ต้องจำใจอยู่ คุณหญิงไม่ได้ว่าอะไร เมื่อท่านรู้ว่าเธอเข้าไปอยู่
เธอไม่ได้กลับเข้าบ้านอีกเลย บ้านที่เธออาศัยและเติบโตมา
เมื่อนภดลกลับมา เขาก็ไม่ได้มาสนใจเธอเลยหลังจากครั้งแรกที่เขาโทรศัพท์มา
“ทำไมไม่ตอบจดหมายพี่”
เขาเขียนจดหมายมาสองสามฉบับ เมื่อเธอไม่ตอบ เขาก็ยังเขียนมา
“ตีไม่มีอะไรจะตอบ” จริงๆ เธอไม่ได้อ่านเลยด้วยซ้ำ
“ตีพี่รักตีนะ”
“ตีเข้าใจความรักของคุณใหญ่ดี”
“ตีอยู่ในห้องของพี่ใช่ไหม” นภดลถามปนหัวเราะ
มาลาตีมองรอบๆ ใช่ซินะ บรรยากาศของนภดลยังอบอวลอยู่ แม้ว่าเจ้าของห้องจะไม่ได้แวะเวียนมาหลายปีแล้วก็ตาม เธอไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรด้วยรู้ว่าตัวเองคือผู้อาศัย
“ตีจะต้องย้ายเข้าหอ” มาลาตีบอกด้วยเสียงเรียบๆ ไม่บ่งบอกความรู้สึก
“พี่ไม่ได้ไล่นะ พี่พอใจให้ตีใช้ห้องของพี่ เตียงที่พี่นอน เก้าอี้ที่พี่นั่ง...”
มาลาตีรู้สึกทนฟังไม่ได้ เหมือนเขาเล้าโลมเธอ แม้ด้วยเพียงคำพูด เธอกระแทกหูโทรศัพท์
นภดลตอบโต้เธอทันทีเหมือนกัน เขาควงสาวๆ ไปทั่ว ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนเธอ สำมะเลเทเมา ยังดีอยู่บ้างที่เวลาเมา นภดลไม่เคยมาหาที่แฟลตเลย
แล้วเขาก็ไปเมืองนอกอีกครั้ง เมื่อเธอเรียนจบ รับหมั้นเพื่อนชายคนหนึ่ง นภดลจากไปเงียบๆ เธอแทบไม่รู้สึกอะไรเลย เพื่อนขอถอนหมั้นเงียบๆ หัวใจเธอไม่ได้อยู่ที่เขา หัวใจเขาไม่ได้อยู่ที่เธอเช่นกัน
รัก ด้วยดวงใจ
ภักดี ตราบชีพวาย
กลอนเปล่าสั้นๆ เขียนด้วยลายมือเล่นหางด้วยหมึกสีน้ำเงิน ด้านหลังของรูปหนุ่มน้อยหน้าตาคมสัน ลายมือของเธอ รูปคิดว่าทำหายไปหลายปีแล้ว เป็นสิ่งแรกที่เธอสะดุดตาเมื่อเข้ามาอาศัยในห้องนี้ เพื่อความแน่ใจเธอแกะกรอบออกเพื่อดูหลังรูป
สิ่งที่พบมากกว่านั้น รูปสาวน้อยที่ซ่อนอยู่ด้านหลัง จารึกคำตอบ
เอื้อเอ็นดูเสมอ
ปกป้องคุ้มครองเธอ
สิ้นใจ สิ้นลมหายใจ
พี่จึ่งสิ้น รักเธอ
เขาทำได้อย่างปากว่าเสียด้วย เขาปกป้องเธอ(จากคนอื่น)เสมอ
มาลาตียกกล่องเก็บจดหมายของนภดลออกมา หลังจากอ่านไปสามสี่ฉบับหญิงสาวก็หัวเราะ ทั้งน้ำตา นอกจากสอง สามฉบับแรกที่เขาขอโทษ และเล่าเรื่องประจำวันแล้ว นอกนั้น เป็นกระดาษเปล่าทั้งสิ้น
“หมอรู้หรือยัง หมอได้เป็นเจ้าของไข้ดร.นภดลแน่ะ”
“ใครนะคะ”
“ดร.นภดล”
“ไม่ ดิฉันหมายถึง หมอประจำ-“
“หมอไง” หมอคมสันเลิกคิ้ว
“หมอมาลาตี”
“ใครสั่งคะ” มาลาตีฉุน เอาอีกแล้ว นภดลเอาแต่ใจอีกแล้ว
“ท่านผู้อำนวยการ”
มาลาตีลุกขึ้น ก้าวยาวๆ ไปที่จุดมุ่งหมาย เคาะประตูก่อนเปิดเข้าไป
“ทำไมให้ดิฉันเป็นหมอประจำของ ดร.นภดล” หญิงสาวถามตรงประเด็น
“เจ้าของไข้ต้องการอย่างนั้น” เจ้าของห้องตอบอย่างใจเย็น
“คุณหญิง?”
“คุณหญิงยังไม่กลับจากอเมริกา คุณรองต่างหาก”
“ดิฉันขอปฏิเสธ”
“เขาอาการหนักมากนะ” นายแพทย์ผู้อำนวยการพูด
“ค่ะ ได้ค่ะ” มาลาตีกระแทกเสียง
แวะไปดูคนไข้พิเศษ ใจอ่อนลงได้อย่างประหลาด เครื่องช่วยหายใจเพิ่งถูกถอดออก เลือดขวดสุดท้ายหมดไปแล้ว เธอดูแผ่นรายงานที่ปลายเตียง
ริมฝีปากนภดลขยับเหมือนจะพูดอะไร เธอเดาได้ เขาเรียกชื่อเธอ
เธอไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องจูบเขา
“ด้วยรัก จากตีค่ะ” เธอกระซิบ
“ทำไมคุณรองให้ตีเป็นเจ้าของไข้” เธอถามวิรงรองตรงๆ
ตั้งแต่ออกจากบ้านก็มีวิรงรองที่ยังติดต่อกันสม่ำเสมอ อย่างน้อยเดือนล่ะครั้ง วิรงรองจะแวะมาชวนไปกินข้าวด้วยกัน
“พรุ่งนี้ พี่จะไปญี่ปุ่น เขารอพี่อยู่” วิรงรองพูดเบาๆ เคาะบุหรี่ออกมาจุด
“อีกอาทิตย์กว่าคุณหญิงแม่จะมา”
นภดลตามใจตัวเองนัก จนคุณหญิงเลิกยุ่งปล่อยให้เขาทำตามใจตัวเอง
“เรื่องคุณเล็ก?”
“แน่ล่ะท่านต้องรู้” วิรงรองยิ้มหยัน
ที่คุณหญิงต้องอยู่นาน กลับมาดูแลลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไม่ได้ ก็เพราะจิตรเลขาทำเรื่องยุ่ง ทั้งยา ทั้งผู้ชาย
“ในที่สุดเธอก็เป็นคนดีที่สุด”
“ตีไม่ได้คิดอย่างนั้น”
วิรงรองโบกมือให้หยุดพูด
“พี่รู้ คุณใหญ่รักเธอ อย่าทิ้งคุณใหญ่ไปเสียล่ะ”
“ทำไมต้องทิ้งคนอย่างนั้นให้ตี”
วิรงรองยิ้มคล้ายจะขำอะไรอยู่ในใจ
“ออกไปกินอะไรข้างนอกกันนะ แล้วไปเยี่ยมคุณใหญ่ด้วยกัน”
มาลาตีเกลื่อนหน้ารื่นเริงได้ไม่สนิทนัก เมื่อดวงตาคมจ้องมาอยู่แล้ว
“เป็นไงค่ะ วันนี้” เธอถามอย่างขัดเขิน
“ก็ดี” นภดลยังไม่ล่ะสายตาที่จ้องมอง
“ตีเพิ่งไปส่งคุณรองค่ะ เธอไปญี่ปุ่น”
“พี่รู้แล้ว”
มาลาตีตรวจอาการ ทั่วๆ ไป จดบันทึกไว้
“คุณใหญ่ อาการดีขึ้นมากค่ะ คงหายเร็วๆ นี้”
“พี่รักตี”
“คุณใหญ่เคยบอกตีแล้ว
“แต่งงานกับพี่นะ”
มาลาตีหัวเราะในลำคอ
“ความรักของคุณใหญ่พัฒนาขึ้นมากนี่คะ มีคำแต่งงานแถมมาด้วย”
“พี่พูดจริงๆ แต่งงานกับพี่นะ”
“แต่งกันนานไหมคะ ถึงจะหย่า เดือน สองเดือน หรือแค่ปี”
“จะต้องให้พี่ทำยังไง เธอถึงจะแต่งงานกับพี่ คุกเข่าอ้อนวอน”
“สงบสติอารมณ์หน่อยค่ะ” มาลาตีเตือนเบาๆ เมื่อนภดลขึ้นเสียง
“คุณใหญ่ไม่ต้องทำอะไรเลย ออกจากโรงพยาบาล แล้วก็ไปตามทางที่คุณใหญ่เคยเดิน”
“แล้วเธอรู้บ้างไหมว่าพี่เดินไปทางไหน”
“ทางโลกีย์ค่ะ” มาลาตีตอบ
ทั้งคู่หยุดต่อปากต่อคำ เมื่อมีเสียงเคาะประตู
“ไง ท่าทางดีขึ้นนี่” นายแพทย์ผู้อำนวยการทัก อ่านแผ่นรายงานอาการ
“ผมอยากสูบบุหรี่” นภดลหงุดหงิด
“คงยังไม่ได้นะครับ จนกว่าหมอจะอนุญาต อย่าสูบ”
“พี่อยากสูบบุหรี่” นภดลหันมาทางหมอเจ้าของไข้
มาลาตีเอามือจิ้มที่ผ้าพันแผล
“กระสุนทะลุปอดตรงนี้”
“นิดเดียว ครึ่งมวน”
“ไม่ได้ค่ะ อยู่โรงพยาบาลนี้ คุณใหญ่อาจเลิกบุหรี่ได้อีกอย่างนะคะ”
“งั้น...”ตานภดลแวววาว
“อยากสูบบุหรี่ แล้วจูบตีแทนได้ไหม”
มาลาตีสะบัดหน้าออกไป นายแพทย์ผู้อำนวยการหัวเราะเบาๆ
“หมอมาลาตีเป็นคนดีมากนะครับ”
“จะว่าผมเป็นคนเลวมากล่ะซิ”
“ถ้าคุณเลวมาก คงไม่เรียนจนจบปริญญาเอกมาได้หรอก”
“ขอบคุณ” นภดลยิ้ม
.
มาลาตีเคาะประตูก่อนเปิดเข้าไป แล้วก็ต้องรีบพนมมือไหว้
“คุณหญิงแม่ สวัสดีค่ะ”
ถึงท่านจะไล่เธอออกจากบ้าน แต่ท่านก็ยังส่งเสียค่าเล่าเรียนค่ากินอยู่ให้เธออยู่ วันเกิด วันสำคัญ ก็ยังฝากของ ฝากเงินขวัญถุงมากับวิรงรอง
“จ๊ะ” คุณหญิงหันมาพยักหน้า
“จริงๆ เลยนะ ที่เขาว่ารักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี”
มาลาตีกระพริบตางง นภดลยิ้มใส่ตา
“เอ้า” คุณหญิงถอนแหวนใส่มือเธอ มาลาตีรับมากำไว้อย่างงงๆ
“ยายรองไปญี่ปุ่น ยายเล็กโน้น เป็นอเมริกัญชาอยู่โน้น ไม่ยอมกลับ”
“ผมเตือนแม่แล้ว”
“ใช่ล่ะ ฉันผิดเอง” คุณหญิงสะบัดหน้า กรีดน้ำตา ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วตามนิสัย
“แม่จะกลับล่ะ ลูกหายไวๆนะจ๊ะ” ท่านก้มลงจุ๊บข้างแก้ม
“น่าเสียดาย แม่ต้องไปฝรั่งเศสอีก”
“โชคดีครับ”
มาลาตีทำได้แค่พนมมือไหว้ลา เมื่อท่านกราดมากอดจุ๊บซ้ายขวา ก่อนเปิดประตูออกไป
นภดลยิ้มให้ หลังจากคุณหญิงออกไปแล้ว
“ให้คุณใหญ่” มาลาตีส่งแหวนในมือให้
นภดลจับมือเธอมาทาบกับตำแหน่งหัวใจ
“รู้สึกไหม”
ก็ทำไมจะไม่รู้สึกล่ะ หัวใจเขาเต้นแรงจะตาย
“พี่บอกคุณแม่ว่ารักตี จะแต่งงานกับตี”
มาลาตีไม่รู้สึกอะไรเลย นอกจากหวาน...หวานไปทั้งตัว...ทั้งหัวใจ
THE END
ความคิดเห็น