ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ญาติสาวแต่งงาน
บทที่ 3 ตอน ญาติสาวแต่งงาน
กณิการ์โบกมือลาเพื่อนที่ทางสายการบินเรียกขึ้นเครื่อง หน้าสดชื่นของคนที่ต้องยืนอยู่คนเดียวเริ่มบอกแววเหงา เฮ้ย...เขาไปกันสองคน เหลือเราอยู่ตรงนี้คนเดียว
เพราะสารพัดสมบัติของสองหนุ่มสาว เลยยืมรถปิกอัพมาเพื่อขนของ พี่ปุ๊ผลัดกันขับมากับเจ้ากา แต่ขากลับนี่ซิ เจ้ากิ๊ฟมือเดียวล้วนๆ
หญิงสาวชูสองมือเหยียดเหนือศีรษะ...สู้ๆ ...อาการนั้นทำให้เศษกระดาษที่ยัดใส่ไว้ในกระเป๋าเอี๊ยมดีดตัวขึ้นมา กณิการ์ล้วงกระดาษออกมาอ่าน ไม่มีอะไรมาก ที่อยู่สั้นๆ ที่อยู่ของย่าเหมือน อาคนเล็กของพ่อที่ไม่พบกันนานมาก แม่บอกว่าถ้าว่างก็ไปเยี่ยมย่าด้วยล่ะ
กณิการ์เคยไปครั้งแรกเมื่อเข้ามาเรียนเมืองหลวงใหม่ๆ ไกลก็ไกล รถก็ไม่ค่อยจะมี ต้องอาศัยไหว้วานแกมบังคับพร้อมติดสินบนเพื่อนให้พาไป ทุกทีที่เปิดเทอมใหม่ แม่ฝากของมาให้ย่า แต่ตอนนี้มีรถแล้ว ต้องแวะไปเยี่ยมย่าเสียหน่อย ไปทีไรย่าก็ใจดี เลี้ยงขนมจนจุกทีนั้น ทั้งเธอและบรรดาโขยงเพื่อน
โชคชัยมองสองมือที่เหยียดขึ้นแล้วยังสูงไม่เลยระดับสายตารู้สึกสังหรณ์แปลกๆ เสียงสายการบินที่เขาจะเดินทางเรียกผู้โดยสารพอดีทำให้ไม่ได้เดินตามไปดูว่าจะใช่สาวตัวเล็กเท่าหัวใจคนนั้นหรือเปล่า ชายหนุ่มยักไหล่ เรื่องที่เขาล้อเจ้าฝ้ายเล่น น้องตัวแสบเอาไปบอกแม่กับพ่อทำเอาครั้งสุดท้ายที่กลับบ้านโดนแม่จับซักไซ้ เพิ่งจะรู้นะนี่ว่า เจ้ากิ๊ฟกั๊บ เป็นขวัญใจของพ่อแม่เขา
กณิการ์ขับรถไปก็ถามทางเจ้ายอร์ชไปด้วย ก็ทุกครั้งเจ้ายอร์ชเป็นคนขับรถนี่ ไม่ให้ถามเจ้ายอร์ชแล้วให้ถามใคร เพื่อนสุดรักก็ตอบแสนจะกวนว่า ในเมื่อกณิการ์ไม่ชวนให้ไปกินขนมอร่อยด้วย ก็จงถามทางไปเองเถอะ แถมหยอดมาอย่างชวนโมโหว่า ถ้าหาบ้านย่าเหมือนเจอ แล้วย่าแจกขนมอย่าลืมเอามาฝากด้วยนะ ฝันไปเถอะเจ้ายอร์ช
กณิการ์เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ก่อนหยุดที่ประตูไม้ คุ้นตาทั้งบ้านเลขที่ที่ทำจากไม้ สีที่ช่วยกันทาตั้งแต่ครั้งนั้น เริ่มซีดจาง หญิงสาวอดยิ้มไม่ได้เมื่อนึกถึงความหลัง ความที่เพื่อนๆ ถูกใจขนมย่าเหมือน ก็พากันชักชวนมาทุกปี มาช่วยซ่อมรั้ว ทาสี แต่ยังไงก็มาได้แค่ปีละหนแถมเมื่ออยู่ปีสุดท้ายงานเยอะมาก ทำให้ไม่ได้มาเลย หญิงสาวกระโดดมองเข้าไปในบ้าน
“ย่าจ๋า ย่าเหมือน” กณิการ์ตะโกนเรียก ก่อนหัวเราะกับเสียงเห่าตอบของสุนัขบ้านสวนหลายตัวของย่า
หญิงสาวที่เดินมานั่นไม่ใช่ย่าเหมือน ย่าอายุเจ็ดสิบกว่าแล้ว ไม่สาวขนาดนี้หรอก
“มาหาย่าเหมือนค่ะ กิ๊ฟค่ะ” กณิการ์แนะนำตัว เมื่อเห็นแววไม่แน่ใจในดวงตาโต
“กิ๊ฟ ลูกพ่อน้อยค่า” เธออธิบายเพิ่มเติมถึงโคตรตระกูล แล้วก็ได้รอยยิ้มกว้างตอบมา
“อ๋อ ลูกอาน้อยนี่เอง พี่นกจ้ะ ลูกสาวพ่อใหญ่” สาวสวยผิวขาวผ่องยกมือรับไหว้ แล้วเปิดประตูให้ ใครนะช่างว่าชาวสวนตัวดำมาดูพี่สาวคนนี้ซิ
กณิการ์เข้าไปประจำหลังพวงมาลัย ยิ้มขำกับการต้องแนะนำพ่อในการรู้จักกัน พ่อใหญ่ อย่างนั้นอาจจะเป็นพี่ชายพ่อที่มีศักดิ์เป็นลุงของเธอ หญิงสาวนำรถเข้าไปจอดใต้ร่มไม้ ใต้ถุนเรือนของย่าเหมือนดูจะมีกิจกรรมวุ่นวายอะไรอยู่
“ย่าจ๋า กิ๊ฟจ้า” กณิการ์ยกมือไหว้ย่ามาแต่ไกล ก่อนเข้าไปแปะกับบ่า ผู้เฒ่าเขม่นมองก่อนยิ้มกว้าง
“เออ เจ้ากิ๊ฟไม่เห็นหน้ามานาน มากันกี่คนล่ะ”
หญิงสาวหัวเราะกิ๊ก ย่ายังจำโขยงเพื่อนของเธอได้
“คนเดียวจ้า เพื่อนๆ เขาจบหมดแล้ว นี่ย่าทำอะไรคะ”
“ขนมขันหมาก” ย่าเหมือนบอก กณิการ์มองแผ่นข้าวเหนียวอันใหญ่บิ๊ก เอ๋ มันนางเล็ดนี่น่า
“ขนมนางเล็ดยักษ์เหรอคะ”
ย่าเหมือนหัวเราะจนน้ำลายกระเซ็น ดีว่าย่าไม่ได้กินหมาก
“ขนมขันหมากลูก เขาทำอันใหญ่ๆ อย่างนี้ล่ะ เดี๋ยวมีฝักบัว ข้าวเหนียวแดง ยังไงอยู่ค้างกับย่าไหม พรุ่งนี้รอรับซองแดงจากพี่เขาก่อน”
“นั่นซิ” หญิงสาวที่ไปเปิดประตูรับพยักพเยิดมา “กิ๊ฟอยู่ก่อนนะ เสื้อผ้ามีไหมล่ะ นุ่งผ้าเป็นไหม”
กณิการ์ยิ้มกว้างจนตาเป็นสระอิ
“มีเสื้อมาค่ะ แต่กิ๊ฟไม่แน่ใจว่าเหมาะกับงานแต่งไหม” เจ้าตัวพูดจากประสบการณ์งานแต่งงานสองงานที่เพิ่งไปร่วมมาอย่างใกล้ชิด
“นุ่งผ้าได้ไหมล่ะ เอาเจ้ากิ๊ฟนี่แหล่ะเป็นเด็กจูงเจ้าบ่าว นะแม่นก ตัวเล็กๆ”
พี่นกว่าที่เจ้าสาว มองน้องญาติสาวตัวเล็ก ตาหยี แก้มอิ่ม เป็นเด็กๆ ก่อนจะอมยิ้มพยักหน้าเห็นด้วยกับผู้เป็นย่า “ดีค่ะ มาๆ ช่วยกันทำเร็วๆ เดี๋ยวพี่จะไปหาเสื้อผ้าให้”
ฮือม์ ช่วงนี้มันเป็นดวงร่วมงานแต่งงานหรือยังไงนะ กณิการ์ถามตัวเอง ด้วยนิสัยที่ไม่อยู่เฉย เจ้าตัวเข้าไปช่วยทำโน่นทำนี่ ช่วยไม่ได้มาก เพราะยังเป็นสาวไม่มีคู่เลยช่วยเขาปั้นไม่ได้ ก็ช่วยตาก ช่วยทอดนางเล็ดได้ นางเล็ดอันใหญ่ยักษ์ ขนาดว่าใหญ่กว่าหน้าเธอล่ะ
หลังจากจัดข้าวของตามคำสั่งย่า เรียงถาดไว้เรียบร้อยแล้ว กณิการ์ก็อาบน้ำผลัดผ้าเป็นเสื้อยืดกางเกงเลที่ติดกระเป๋ามาด้วย พี่นก กลับไปบ้านตั้งแต่เย็น หลังจากหาเสื้อผ้าสำหรับวันพรุ่งนี้มาไว้ให้
กณิการ์ถอนหายใจเมื่อนึกถึงชุด เธอใส่จะเหมือนกุมารทองไหมนั่น ผ้านุ่งหางกระรอกไว้นุ่งโจงกระเบน แถมด้วยเสื้อคอกระเช้า แบบมีระบายฟูๆ เพราะผมสั้นๆ ของเธอ เลยได้ที่ครอบผมประดับมุกที่พี่นกใช้เด็กวิ่งไปซื้อมา อันล่ะ ยี่สิบอีกหนึ่งอัน ถ้าไว้ผมยาวมิแคล้วถูกเกล้าจุกเสียบปิ่นเป็นเด็กน้อยสวัสดีเป็นแน่ หญิงสาวมองชุดที่เตรียมไว้อย่างทอดอาลัย ตลบมุ้งมุดเข้าไปนอนข้างย่า
“เสร็จแล้วหรือ กิ๊ฟ”
“เสร็จแล้วค่ะ” หญิงสาวก้มกราบหมอนสามทีก่อนนอน ปกติก็ไม่ค่อยจะได้กราบหรอก แต่นี่แปลกที่ ยังไงขอพระคุ้มครองไว้ก่อนล่ะ
“ได้งานทำหรือยัง” ย่าเหมือนพลิกตะแคงมาถาม หลานสาวคนนี้ไม่ได้ใกล้ชิด แต่แม่เลี้ยงดูมาดี มีสัมมาคารวะ มาเรียนเมืองหลวงนานๆ ทีมาหา พาเพื่อนมากลุ่มใหญ่ช่วยซ่อมนั่นทำนี่
“ยังค่ะ” กณิการ์ตอบตามตรง ก่อนคุยหงุงหงิงตามนิสัย
“กิ๊ฟมัวแต่วิ่งวุ่นอ่ะค่ะย่า ไม่รู้เป็นยังไง พักนี้กิ๊ฟถูกโฉลกกับงานแต่งงานจริง”
“เรอะ ยังไงล่ะ” ผู้อาวุโสกว่าถามอย่างนึกสนุก ฟังเสียงแจ๋วๆ ตาใสๆ
“ก็พอสอบเสร็จ เพื่อนกิ๊ฟก็แต่งงาน กิ๊ฟวิ่งวุ่นช่วยงานเขา แหมกิ๊ฟก็เพิ่งรู้ว่าเจ้าสาวเค้าไม่ให้ทำอะไร เพื่อนเจ้าสาวอย่างกิ๊ฟเลยวิ่งวุ่น”
“อ้าว ก็เจ้าสาวจะได้สวยๆ ไงลูก” ย่าปลอบปนหัวเราะ เจ้าคนนี้ โตแล้วเหมือนยังไม่โต
“เฮ้ย นั่นซิคะ เจ้าฝ้ายก็สวยเสียด้วย ย่าจำเจ้าฝ้ายเพื่อนกิ๊ฟได้ไหมคะ คนที่สวยๆ น่ะค่ะ สวยที่ซู๊ด”
ย่าเหมือนอมยิ้มกับเสียงได้อารมณ์ของหลานสาวอีกครั้ง
“จำได้ แต่งกับใครล่ะ พ่อยอร์ชหน้ากบนั่นหรือเปล่า”
กณิการ์หัวเราะชอบใจ ฮาฮาฮา เจ้ายอร์ชหน้ากบ ย่าพูดได้เหมือนใจคิดเลย
“ย่าเหมือนรู้ได้ไงคะว่าแต่งกับเจ้ายอร์ช”
ผู้แก่กว่าอมยิ้มอย่างคนที่ผ่านโลกมามาก ทำไมจะไม่เห็น เจ้าหัวโจกหน้ากบ กับใครๆ พ่อไม่มีกลัว พอมาเจอแม่สาวสวยตาดุ ทำเมินๆ เหมือนไม่สนใจ ปิดตาคนแก่ไม่ได้หรอก
“แต่งกันไปไม่กี่เดือนมานี่เองค่ะย่า เจ้ายอร์ชหงอไม่กล้าหือเลย” สาวน้อยหัวเราะอย่างสะใจ
“นี่กิ๊ฟเพิ่งจะไปส่งเพื่อนไปเรียนเมืองนอก เพิ่งแต่งกันอีกเหมือนกัน มาหาย่า พี่นกก็แต่งงาน”
ย่าเหมือนหัวเราะเสียงถอนหายใจของหลานสาว อายุเท่านี้ทำถอนหายใจเหมือนเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต ผู้เฒ่าซักถามเรื่องงานแต่งงานสองงานเจ้าตัวเล่าให้ฟังอย่างสนุกสนานพร้อมอะไรขำๆ ที่เจ้าตัวเก็บเอามาเล่า
ย่าเหมือนมองเจ้าตัวเล็กที่หลับไปแล้ว พอเงียบเสียงก็หลับไปเลย เด็กเอ๋ยเด็ก
“จ้า จ้าแม่จ๋า” กณิการ์รับคำ เธอแอบออกมาหาที่สงบเมื่อโทรศัพท์มือถือ หรือสายลับประจำตัวคุณแม่กันแน่ที่ดังกริ๊งกร๊างขึ้นท่ามกลางความวุ่นวาย
“อยู่บ้านย่าเหมือนแม่ พี่นกแต่งงานพอดี ย่าเลยให้กิ๊ฟอยู่ พี่นกไหนเหรอ พี่นกลูกลุงใหญ่ค่า” กณิการ์อ้างตามคำพี่สาว ก่อนพยายามตัดบท
“กำลังยุ่งนะแม่ แล้วบ่ายๆ ว่างๆ กิ๊ฟจะโทรกลับนะแม่ น้า” กณิการ์ลากเสียงหวานก่อนตัดสาย ถอนหายใจเฮือกก่อนเหน็บโทรศัพท์เข้ากับเข็มขัดเหมือนเดิม
สาวตัวเล็กที่วันนี้ดูเหมือนเด็กตัวโตในชุดเสื้อคอกระเช้าโจงกระเบนก้าวแกมกระโดดเข้าไปเมียงๆ มองๆ คนที่เข้ามายกถาดขนมของหมั้น ออกไปตั้งแถวกัน หญิงสาวยื่นมือให้ย่าเหมือนเกาะ วันนี้ย่างัดเสื้อไหมมาใส่ ผ้านุ่งไหมมานุ่ง ใส่สร้อยคอเส้นใหญ่ สร้อยข้อมือ ยังมีแหวนวง บะเริ้ม
เหอๆๆ ไปงานแต่งงานมาหลายงาน ประโคมแต่งกันอย่างไม่เกรงใจคุณขโมยเลยเชียวนะ หญิงสาวมองสร้อยตุ้งติ้งที่ข้อมือ อีกข้างกำไลสองวง รวมทั้งกำไลข้อเท้าที่เดินแล้วถ่วงหนักๆให้ยกขาไม่ค่อยขึ้น ช่างเข้ากันกับรองเท้าสกอร์สีจ๊าบของเธอจริงๆ ไม่ได้อยากใส่เลย แต่ย่าจับใส่ บอกว่างานอย่างนี้ใครๆ เขาก็ใส่กัน ...
เขา...ไม่ใช่เด็ก...เอ่อ..สาวอายุยี่สิบสอง เพิ่งเรียนจบปริญญาตรีคนนี้นี่น่า
“จำได้ไหม เราต้องทำอะไรบ้าง” ย่าเหมือนซ้อมคิว มองหลานสาวที่นานๆ มาหาที วันนี้เจ้าตัวแต่งตัวสวยไม่มอมๆ เหมือนเคย แทนที่จะดูสาว กลับไปเหมือนเด็กสมัยก่อนไปได้
“จำได้ค่ะ” กณิการ์เลิกมองปลายรองเท้าที่ส่งเสียงปิ๊บๆ กับกำไลคู่เก่งที่ส่งเสียงดังซ่าๆ ใสๆ พยายามขยับให้มันเข้าจังหวะกัน
“พอพ้นด่านประตูทั้งหลายเข้ามาได้ กิ๊ฟต้องไปจูงเจ้าบ่าวเข้าบ้าน พอถึงตรงที่เขากองดอกไม้ไว้ ก็ เอาน้ำพรมนิดหน่อยพอเป็นพิธีแล้วจูงเข้าไปในห้องที่เขาเอาขันหมากไปตั้งเอาไว้”
“แล้วหลังจากนั้นเราไปไหน” ย่าถามยิ้มๆ สาวหน้าเป็นหันมายิ้มตาหยี พร้อมส่ายหน้าเดี๊ยะ
“ไม่ไปค่ะ ไม่ได้ซองหนักๆ ไม่ไปไหนเด็ดๆ”
ย่าหัวเราะ จนต้องเอาผ้าเช็ดหน้ามาปิดปากกระแอมกระไอ
“แกไม่เอาซองตั้งแต่ตอนล้างเท้าพี่เขา รอจนจูงเข้าบ้าน ใครจะไปให้แก เจ้ากิ๊ฟ”
“อ้าวเหรอคะ” กณิการ์งึมงำ
“กิ๊ฟได้แต่ซองยกกระเป๋าเจ้าฝ้าย” สาวน้อยยิ้มกว้าง “ได้หนักด้วยนะคะ กิ๊ฟยกกระเป๋าเครื่องเพชร”
ย่าเหมือนหัวเราะอีกยกใหญ่
กณิการ์จูงย่าไปนั่งที่สำหรับผู้หลักผู้ใหญ่ ไหว้ญาติตามคำแนะนำของย่าเหมือน จนญาติผู้ใหญ่กวักมือเรียกให้ออกไปเตรียมตัว ชี้ให้ดูดอกไม้มงคลที่วางบนใบตองที่ตัดมาทั้งก้านยาวๆ ข้างๆ มีขันน้ำ มีช่อใบไม้ดอกไม้พร้อมปะพรมน้ำรดเจ้าบ่าว สาวตัวเล็กแอบนึกสนุก ว่าถ้าเธอจัดแจงอาบเจ้าบ่าวหมดขันเข้าล่ะก็นะ จะได้กี่อัฐ หรือกี่อิฐกันแน่
“หนู เอาพอเป็นพิธีนะ อย่ารดโจกเข้าไปล่ะ” ท่านเตือน เมื่อมองเครื่องแต่งกายประยุกต์ ชี้รองเท้าที่ไม่เข้าชุด
“ค่า” สาวเจ้ารับคำตาหยี รีบถอดรองเท้าวางแอบเอาไว้ ตอนนี้เธอเลยเหมือนสาวน้อยโบราณเลย ทั้งกำไลข้อมือ ข้อเท้า
เสียงโห่ เอาฤกษ์เอาชัย กระบวนกลองยาวมาช่วยเสียงดังมาแต่ทางบ้านย่าเหมือนที่กะเอาเป็นที่ตั้งขบวนเจ้าบ่าว กณิการ์พยายามชะเง้อชะแง้มอง ก่อนยิ้มแหยๆ เมื่อถูกญาติผู้ใหญ่ข้างกายแหนบเอา แล้วท่านก็อดหัวเราะอย่างเอ็นดูไม่ได้
อุ...ว๊าวว พี่สาวบ้านสวนแต่งกับฝรั่งที่ไม่ใช่ผลไม้
อุ...ว๊าววว แล้วจะทำยังไงกับพิธีเฝ้าหอสามคืนตามแบบไทยๆ ที่ฟังเต็มสองหูเมื่อเย็นวานล่ะ
แต่ช่างเถอะ ยังไงก็ได้ซองใหญ่ๆ สมกับเป็นเด็กจูงเจ้าบ่าวต่างชาติเข้าบ้านสวนไทยๆ นั่นล่ะ
“นี่น้องสาว เพิ่งมาเมื่อวาน” พี่นกแนะนำอีกครั้งตอนอาหารเย็นที่เหลือแต่คนในครอบครัว
เลี้ยงแต่งงานนั่นจบที่ตอนเที่ยง พ่อใหญ่ของพี่นก เป็นผู้มีอิทธิพลพอตัว คนเมาพอเมาก็มีคนหิ้วหายไป ไม่มีเสียงโหวกเหวกให้หนวกหู พอบอก งานเลี้ยงเลิกแล้ว คนก็พากันกลับไม่มีเรียกร้องต่อยาว
กณิการ์ตักกับข้าวใส่ปิ่นโต ใส่ถุง แจกคนมาร่วมงานสนุกสนาน ใครๆ ก็อยากมาคุย เด็กจูงเจ้าบ่าวเป็นใครมาแต่ไหน คนอื่นๆ คุ้นหน้า มีมาแปลกตาก็แม่สาวน้อยคนนี้คนเดียว ย่าเหมือนอมยิ้ม มองหลานสาวที่มือทำงาน ปากทักทายหน้ายิ้ม อย่างคนหน้าเป็นด้วยความพอใจ
ย่าเหมือนอยู่คนเดียว เลยมากินข้าวที่บ้านนี้ด้วย แล้ว ทำไมกณิการ์จะไม่ติดสอยห้อยตามย่ามาด้วยล่ะ หญิงสาวยกมือไหว้ เจ้าบ่าวที่ตอนนี้ต้องเรียกพี่เขยรับไหว้พร้อมทักทายเป็นภาษาไทยชัดแจ๋ว
“สวัสดีครับ อายุเท่าไรแล้ว”
สาวน้อยที่สุดมัวแต่ตกตะลึง ผู้ใหญ่ที่รู้กันแล้ว พากันหัวเราะ
“ยี่สิบกว่าแล้ว ไมค์ จบตรีแล้ว” ย่าเหมือนตอบแทน
“ตรี ปริญญาตรี bachelor degree น่ะค่ะ” พี่นกช่วยแปลอีกที
สายตาพี่เขยออกอาการทึ่ง “ขอโทษทีคิดว่ายังเด็ก ตัวเล็ก”
พี่นกหัวเราะ หันมาทางน้องสาวที่เพิ่งพบกัน
“ไมค์ตอนที่เจอพี่เขาก็คิดว่าพี่เป็นเด็กๆ แก่จะตายอยู่แล้วตอนนั้นยี่สิบเจ็ดเข้าไปแล้ว ยังมาเรียกเรา เฮ เกิร์ล อยู่ได้”
“อือม์ พี่นกยังดี เป็นสาวกว่ากิ๊ฟ กิ๊ฟ คงโดนเรียกเป็นเบบี้เพิ่งหัดเดิน”
วงข้าวหัวเราะกันเสียงดัง จนแล้วจนรอดเธอก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าพี่นกทำงานอะไร คงเรียนสูงล่ะ แต่ช่างเถอะ นานๆ เจอกันที อยากรู้อะไรไปแอบถามย่าเหมือนก็ได้
“เดือนหน้า จะเลี้ยงฉลองแต่งงาน เลี้ยงเพื่อนๆ กิ๊ฟมานะ”
กรกนกชักชวน ถูกชะตาน้องสาวคนนี้อย่างบอกไม่ถูก เธอก็ลูกสาวคนเดียว มาเจอเด็กสาว ยิ้มง่ายไม่ สวยเริด เชิดหยิ่ง รู้สึกถูกตาถูกใจ
“ค่า” กณิการ์รับคำตาหยี
ฮาฮาฮา มางานแต่งงานญาติฝั่งพ่อ แม่คงไม่ว่าอะไรหรอกน่า จะได้มาแวบๆ ดูเสียหน่อยว่ามีงานอะไรเขาเรียกเธอไปทดสอบเข้าทำงานบ้าง
รุ่งเช้า กณิการ์ขับรถกลับบ้านแต่เช้าบรรทุกของสวนที่ย่าและลุงใหญ่จัดแจงใส่รถ แม้เจ้าตัวจะบอกว่าที่บ้านมีไม่กี่คนเอาไปเดี๋ยวเอาไปขายนะ
ลุงใหญ่หัวเราะชอบใจจับใส่รถให้จนเต็มกระบะ บอกให้ขายระหว่างทางเป็นค่าข้าว ค่าน้ำมัน แหม...ลุงขา ไม่บอก หนูก็กะว่าจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว
กลับถึงบ้าน เอารถไปคืนลุงอุดมเพื่อนของแม่ พร้อมผลไม้ของฝากจากสวน คุณลุงเพื่อนแม่นี่ยังหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยว จนเกรงใจที่จะเรียกว่าลุง
กลับมานั่งๆ นอนๆ อยู่พอหายเหนื่อย ขายของสวนหน้าบ้าน พอได้ค่ารถ ก็ลาแม่ใหญ่(คุณกรรเกรา) แม่เล็ก(แม่สา) จรลีกลับเมืองหลวง มีจดหมายบ้างโทรศัพท์บ้างมาตามให้ไปสัมภาษณ์ จะได้งานไหมนี่
ลากรองเท้าคัทชู นุ่งกระโปรงไปสอบมาหลายที่ แวะไปหาสาวฝ้ายที่ตัวเริ่มกลมๆ สาวฝ้ายยุให้ไปทำงานกับพี่ชายเธอ กณิการ์ระแวงตามีเล่ห์เหลี่ยมของเพื่อนสาวจำต้องปฏิเสธอย่างหนักแน่น ไม่ยอมเล่าว่าพี่ชายเจ้าหล่อนชวนแถมเปิดทางให้ไปสมัครในตำแหน่งเลขาด้วยซ้ำ
ถอดรองเท้าเก็บเข้าชั้นก่อนทิ้งตัวนอนหน้าเตียง เหนื่อยจังเลย เสียงโทรศัพท์ดังแสดงถึงสายเข้าของคนที่ไม่คุ้นเคย หญิงสาวยืดตัวไปคว้ามาดู เบอร์ไม่คุ้นเลย
“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวกรอกเสียงหวาน
“สวัสดีค่ะ” เสียงที่ตอบมาหวานไม่แพ้กัน ไม่คุ้นและไม่เคย ต่างเงียบกันไปทั้งสองฝ่าย ก่อนจะมีเสียงหัวเราะใสๆ
“น้องกิ๊ฟหรือเปล่าคะ”
“ค่ะ” กณิการ์ถอนหายใจอย่างโล่งอก ยิ้มออกมาได้
“พี่นกนะคะ ลืมหรือยังว่าเรามีนัดกัน”
“นัด” สาวอายุน้อยกว่าทวนคำ ทวนความจำเร็วจี๋ ก่อนกลั้นเสียงกรี๊ด “พี่นกจะเลี้ยงโต๊ะจีนกิ๊ฟ”
เสียงพี่สาวหัวเราะมาอย่างอารมณ์ดี
“ไม่ได้เลี้ยงโต๊ะจีนนะ เลี้ยงคอกเทล” ก่อนหัวเราะเสียงงอแงอย่างเด็กๆ ของน้องสาว
“แต่งตัวสวยๆ นะ ชวนเพื่อนมาก็ได้”
“กิ๊ฟจะควงย่าเหมือน” กณิการ์บอก หลังจากรับคำพี่สาวดิบดี
เหอ โรงแรมหรู คอกเทล มีชุดสวยไหนที่จะใส่ไปงานอยางนี้ได้บ้างล่ะ กณิการ์โทรศัพท์หาที่ปรึกษาใหญ่ทันที
“ยอร์ชเหรอ ขอสายภรรยาเธอหน่อยซิ”
เสียงเจ้ายอร์ชบอกอะไรฝ้าย ตามด้วยเสียงอู้อี้ฟังไม่รู้เรื่องของสาวฝ้าย ตามด้วยเสียงหัวเราะลั่นของพระเจ้ายอร์ช แล้วตามมาด้วยเสียงของเจ้ายอร์ชอีกนั่นล่ะ
“ฝ้ายไม่ยอมพูดด้วยอ่ะ กิ๊ฟ ฝ้ายบอกว่าฝ้ายเป็นเพื่อนนาย ไม่ใช่ภรรยาของเพื่อน” ตามด้วยเสียงหัวเราะดังสนั่น
“อ่ะ ค่า ขอสายเพื่อนรักสุดที่รักของกิ๊ฟหน่อยจ้า ขอคุยกับฝ้ายหน่อย ยอร์ช” กณิการ์ถอนหายใจ เพื่อนรักนี่น้า สาวสวยต้องแสนงอนทุกคนไหมนี่
“ดีกิ๊ฟ” เสียงฝ้ายอารมณ์ดีมาเลยเชียว
“ฝ้ายจ๋า” กณิการ์เรียกเพื่อนเสียงหวาน
“จ๋า” ฝ้ายขานตอบ ยักคิ้วให้ยอร์ชพร้อมกวักมือให้มาฟังข้างๆ
“กิ๊ฟต้องไปงานแต่งงานที่ โรงแรม...” หญิงสาวเอ่ยชื่อโรงแรมเก่าแก่ แสนจะมีชื่อริมแม่น้ำเจ้าพระยา
“เลี้ยงหางไก่ (คอกเทล) ด้วยอ่ะฝ้าย ยืมชุดหน่อย”
ที่ยืมนี่ไม่ใช่ของสาวฝ้ายหรอกนะ ชุดของสาวฝ้ายต้องเย็บข้าง เย็บชายขึ้นอีกหลายนิ้ว นี่หวังยืมชุดหรูของคุณแม่ต่างหาก
“เหรอ วันไหนล่ะ”
กณิการ์บอกวันเวลาเสร็จสรรพ
“ไม่มีปัญหา เดี๋ยวจะเอาชุดไปให้ ต้องการช่างแต่งหน้าไหม”
“ไม่ต้องจ้า กิ๊ฟจัดการตัวเองได้ ขอบใจน้า”
กณิการ์ควงแขนย่าเหมือนเข้างาน โบกมือไล่สารถียอร์ชกลับไป ทั้งๆ ที่เจ้ายอร์ชหิ้วสูทใส่รถมาด้วย
“ไม่ต้องหรอก ยอร์ชกลับไปไป๊” กณิการ์ไล่
“แล้วกิ๊ฟล่ะ จะกลับยังไง” ยอร์ชยังห่วง จากบ้านสวนกลับหอพัก เวลากลางวันก็ยากแล้ว นี่กลางคืน
“นอนกับย่าก็ได้” เพื่อนสาวบอกง่ายๆ
“ชุดนี้น่ะนะ” เจ้ายอร์ชถามเสียงลั่น
ย่าเหมือนต้องโบกมือห้ามเป็นกรรมการตัดสิน “เดี๋ยวย่าให้ลุงเขาแวะส่งเจ้ากิ๊ฟที่หอเองพ่อยอร์ช จะได้รู้ด้วยว่าอยู่ที่ไหน”
“ครับ” ทีอย่างนี้มันรับคำดิบดีเชียว “เวลาฝ้ายถามอย่าลืมบอกอย่างนี้ล่ะ”
ดู ยังมีการมาสั่งกันอย่างนี้ด้วย
“เอ่อ แต่กิ๊ฟจะบอกว่ายอร์ชเอาชุดมาให้แล้วกลับเลย”
ยอร์ชที่ขยับเท้าจะเหยียบคันเร่งเลยเปลี่ยนใจเหยียบเบรกแทน “เฮ้ย นายพูดอย่างนี้ได้ยังไง”
กณิการ์ยักคิ้วแผล็บ ควงแขนย่าเหมือนเชิดหน้าเข้าประตู ทิ้งเพื่อนหนุ่มเกาหัวอย่างขัดใจ วันนี้เขารับบัญชาฝ้ายสุดที่รัก เอาชุดสวยมาให้กณิการ์ เป็นแท็กซี่แบบไม่ต้องจ่ายเงิน พาไปรับย่าเหมือนที่บ้าน พามาส่งที่โรงแรม เสียอย่างเดียวเจ้ากิ๊ฟไม่ยอมให้รับกลับ ยอร์ชยิ้มกว้าง ต้องรีบกลับไปเล่าให้ฝ้ายฟัง เรื่องความสวยความงามของเจ้ากิ๊ฟ ฮาฮาฮา เห็นกันมาหลายปี เพิ่งจะรู้ว่าเจ้ากิ๊ฟก็มีความสวยแอบแฝงอยู่เหมือนกัน
กณิการ์แอบมองรอดหน้าต่างไปดูสวนสวย อยากออกไปเดินดูจังเลย เข้างานรับเครื่องดื่มหนึ่งแก้ว พาย่าเหมือนไปเข้ากลุ่มญาติ หรือจะว่า ย่าเหมือนพาหลานสาวคนสวยไปให้ญาติรู้จักก็คงได้
กณิการ์อดยิ้ม ไม่ได้เมื่อนึกถึงสีหน้าของญาติสาว
“ว๊าว น้องกิ๊ฟ” เจ้าสาวร้องเสียงใส แถมด้วยกอด แตะแก้มซ้ายขวาตามธรรมเนียมเปรี๊ยบ น้องสาวแก้มแดง ก็ พี่เขย กอดและยื่นหน้ามาแตะแก้มตามธรรมเนียมด้วยนี่น่า
“สวยมาก” กรกนก ยังอดมองอย่างทึ่งจัดไม่ได้
คิดว่าน้องสาวคนนี้น่ารัก ง่ายๆ ไม่เริดเชิดหยิ่งแล้ว แต่วันนี้ สวยจริงๆ ผมสั้นๆ ใส่มูสเสยเปิดหน้า ขยำๆ ให้ยุ่งอย่างมีศิลป์ ทาปากสีชมพูแพตตินั่ม วาดขอบตาสีเทอร์คอย ไล่เปลือกตาเป็นสีรุ้งบางๆ เข้ากับเดรสสีเหลื่อมรุ้ง แสดงถึงฝีมือช่าง แนบไปกับเรือนร่างบาง ตามด้วยรองเท้าส้นสูงปรี๊ด กณิการ์ยิ้มจนตาหยีเมื่ออ่านคำถามในดวงตาพี่สาวได้
“พอไหวค่ะ พี่นก แต่ว่า วันนี้พี่นกงามมั่กมั่ก”
เจ้าสาวหัวเราะ ปล่อยน้องสาวไป เดินควงแขนเจ้าบ่าวทักทายแขกต่อ
“ยังไม่มีแฟนใช่ไหม” เจ้าบ่าวกระซิบถาม
“ไม่มีนะคะ ทำไม จะเป็นพ่อสื่อหรือคะ” กรกนกชม้ายตามอง
“สวยน่ารักอย่างนี้ น่าเสียดาย ผมแนะนำให้ได้ไหม ถ้าไม่ชอบคนต่างชาติ เพื่อนนักธุรกิจคนไทยผมก็รู้จักอยู่หลายคน”
“คงออกนอกหน้ามากไม่ได้หรอกค่ะ ไม่อย่างนั้นฉันคงโดนพ่อตีตาย ว่าหาหนุ่มให้น้อง” เธอสะกิดสามีให้ดูบิดาเธอที่อวดหลานสาวคนสวย แกมอาการหวงหน่อยๆ
กณิการ์ยืนยิ้มข้างๆ ลุงใหญ่ ก่อนเลี่ยงๆ แอบไปยืนข้างย่าเหมือนขยับตัวยุกยิก อย่างเด็กอยู่ไม่สุข
“ย่าจ๋า หิวอะไรไหม กิ๊ฟจะไปเอามาฝาก” เธอกระซิบ
“เอาซิ ไม่หิวหรอก แต่อยากกินอะไรแปลกๆ”
กณิการ์ยิ้มกว้าง แหม ย่านี่ ทันสมัยสุดๆ หญิงสาวหาที่วางแก้ว ก่อนประคองตัวเองบนตึกสูงสามชั้นไปที่โต๊ะ มองอาหารที่แต่งเป็นคำๆ สวยงามน่ารับประทาน ทำไมไม่มีข้าวคลุกน้ำพริก เสียบแกล้มด้วยแตงกวาและไข่ต้มชิ้นบางๆ บ้างนะ เลือกของไป ก็ อดนึกถึงของไทยรสแซบไปด้วยไม่ได้ พอได้หลายอย่างเต็มจาน สาวน้อย ที่วันนี้ตัวไม่เตี้ยเท่าไร ก็ ประคองจานเดินกลับไปหาย่าเหมือน ที่จริงไม่มีเก้าอี้หรอกนะ แต่ด้วยความที่ญาติผู้ใหญ่วัยชราทางฝั่งเจ้าสาวมากหน่อย เลยขอเก้าอี้มาตั้งพอให้ผู้อาวุโสได้นั่งพักกันบ้าง กณิการ์สนุกกับการบริการ ตักโน่นตักนี้มาชวนให้ชิมกัน
โชคชัย ไปแสดงความยินดีกับเพื่อนชาวต่างประเทศและเจ้าสาวชาวไทยที่สวยจับตา แอบอิจฉาเพื่อนหน่อยๆ เขาเป็นคนไทยเสียอีก ทำไมไม่เจอเจ้าสาวสวยแบบนี้ก่อนนะ ปล่อยให้ผ่านไปถึงมือเพื่อนได้ เสียดุลชะมัด ชุดสีรุ้งผ่านแวบไปทางหางตา ไม่ได้สะดุดตาที่คนใส่ แต่เป็นตัวเสื้อ เสื้อผ้าแบบนี้ ไม่เห็นได้บ่อยนัก เป็นเสื้อตัวอย่างต้นแบบ ก่อนที่จะแก้ไขจนออกเป็นคอลเลคชั่น ไซด์เล็กขนาดเท่าตัวคุณแม่พอดี ถ้าเขาได้แวะไปล่ะก็ไม่มีพลาดล่ะที่จะสรรหามาฝากคุณแม่ที่รัก เป็นค่าปิดปากเรื่องจะหาลูกสะใภ้ของท่าน แล้วแม่มักจะใส่เสื้อผ้าที่ลูกชายคนโปรดซื้อให้เขาดูบ่อยๆ
ชายหนุ่มขอตัวจากคู่สนทนา เดินตามประกายสีรุ้งไป อ้าว หายไปไหน ชายหนุ่มหันรีหันขวาง ก่อนมีเสียงกระแอมเบาๆ โชคชัยหันไปก้มศีรษะขอโทษที่ขวางทางก่อนเดินเลี่ยงไปหยิบจาน มาเลือกอาหาร ระหว่างนั้นก็ใช้สายตาและความสูงให้เป็นประโยชน์ ยังไม่มีสีรุ้งปรากฏในสายตา
ชายหนุ่ม พูดคุยลัดเลาะไปรอบๆ ห้อง ตั้งใจจะจับเจ้าของชุดสีรุ้งให้อยู่มือ ไม่คิดว่าคุณแม่จะมางานนี้ ถ้าท่านจะมา ทำไมไม่บอกละ เขาคิดว่าเป็นใครสักคนที่เจ้าน้องตัวดี ส่งมากวนอารมณ์มากกว่า แล้วแม่สาวคนนี้ต้องนกรู้มากเลยล่ะที่หลบหลีกเขาได้อย่างนี้ ห้องจัดงานที่แบ่งออกเป็นสามห้องมีซุ้มดอกไม้ที่ประตูเชื่อมต่อกันระหว่าง อำนวยความสะดวกในการหลบหลีกได้เป็นอย่างดี
วันนี้ ลงเครื่องกลับเข้าคอนโด เจอเจ้าฝ้ายนอนเล่นอยู่ ถามถึงสุดที่รักของน้องสาว เจ้าตัวบอกว่า ใช้ไปทำงาน เดี๋ยวดึกๆ คงมารับ ถ้าไม่มารับจะนอนคุยกับพี่ชาย เขารีบโบกมือบอกว่าเขามีงานแต่งงานของเพื่อนต้องไป ไม่ไปไม่ได้ อาสาจะไปส่งให้ที่เรือนหอ เจ้าฝ้ายหน้างอ งอแงเข้าห้องหายเงียบไป ตอนนี้เริ่มคิดว่าน้องสาวมีแผน
อ้าวนั่นไง แม่สาวเสื้อสีรุ้ง โชคชัย จับตามองจะไม่ให้พลาดแล้ว เขาค่อยๆ ขยับตัวตาม ไม่ให้ใครจับผิดได้ นึกโล่งอกไปหน่อยว่าไม่ใช่เพื่อนซี้ของน้องสาว เจ้าหล่อนคนนี้สูงเพรียวเป็นสาวกว่า จากเงาหลังเวลาเคลื่อนไหวเห็นเอวเป็นเอว สะโพกเป็นสะโพก หุ่นไม่ใช่เด็กๆ ตรงๆ อย่างเพื่อนน้องสาว คิ้วเข้มขมวดนิดๆ เมื่อหญิงสาวผู้นั้น ย่อตัวลงนิดๆ ส่งจานให้มือให้ผู้ที่นั่งอยู่ สายตาคมกวาดเก็บภาพ รุ่นเดอะทั้งนั้น คงจะญาติฝั่งเจ้าสาวที่บอกอย่างไม่อายว่า เธอเป็นสาวบ้านสวน
กิริยาย่อนั้นแปลกๆ ตาคมที่สาวๆ หลายคนชมว่าสวยน่าหลงใหลกวาดลงตามเรียวขาเนียนด้วยถุงน่อง รองเท้าแดงแรงฤทธิ์สูงปรี๊ดจนน่ากลัวจะตกมาข้อเท้าพลิก แต่ก็ส่งให้น่องเรียวน่ามองเช่นกัน โชคชัยถอนหายใจอย่างโล่งอก เขารู้แล้วว่าเจ้าหล่อนเป็นใคร แต่..ขอทดสอบให้มั่นใจเต็มร้อยก่อนเถอะ
“กิ๊ฟ”
ย่าเหมือนมองหนุ่มหล่อที่มายืนข้างหลังหลานสาวพร้อมส่งเสียงเรียก อย่างพิจารณา เขม่นมองเจ้าหนุ่มนี่ที่เดินตามมาแล้ว หยุดมองอย่างจะให้แน่ใจ ก่อนจะเดินเข้ามาทัก จากอายุและท่าทางแล้วไม่น่าจะใช่เพื่อนของหลานสาว หรือจะแฟน ท่าทางเจ้ากิ๊ฟก็ยังไร้เดียงสาขนาดนั้น จะว่าคนมากวนใจท่าทางก็ดีเหลือเกิน ย่าเหมือนมองหาหลานชาย เจ้าลุงใหญ่เวลาอย่างนี้หายไปไหน
“กั๊บ” กณิการ์ขานตอบอย่างเคยชิน ก่อนจะสะดุ้งหน่อยๆ เรียกอย่างนี้มีแต่เพื่อนๆ แล้วงานนี้ ไม่น่าจะมีเพื่อนเธอนะ ด้วยวัยและการทำงานยังไม่ถึงเวลา จะตามพ่อแม่มา เธอก็มองสำรวจแล้วว่าไม่มี
โชคชัยกลั้นยิ้มจนดวงตาคมแพรวพราวให้ย่าเหมือนแอบตบอกปุ๊ๆ ไอ้หนุ่มนี่ตาเจ้าชู้ ย่าเหมือน ส่งสายตาจิกหลายชายจนได้
“กิ๊ฟกั๊บ” โชคชัยลองเรียกใหม่ อยากรู้เสียงใสๆ เล็กๆ จะตอบว่าอะไร
“ขา” กณิการ์หันขวับกลับมาเจอแต่แผงอกกว้าง ต้องเงยขึ้นอีกหน่อย อุ๊บ พระเจ้ายอร์ช โชคดีที่ฉันไล่แกกลับบ้าน ถ้าแกดื้ออยู่ มีวางมวยแน่ๆ พี่เขยแกหวงน้องสาวจะตาย หญิงสาวกระพุ่มมือไหว้ พี่ชายเจ้าฝ้ายชื่ออะไรหว่าจำไม่ได้
โชคชัยยิ้มกว้างกับกริยากระชดกระช้อย เหมือนนักมวยไหว้กราด สายตาคมเลื่อนปราดขึ้นลง อย่างรวดเร็ว ชุดนี้ ถ้าคุณแม่ใส่ จะมีผ้าพันคอบดบังริ้วรอยของวัย
นี่สาวน้อย ร่างกายยังอิ่มเต็ม รอบคอเลยเป็นทองเส้นบางมีตุ้งติ้งรูปดอกไม้เล็กๆ ห้อยเป็นระยะ น่ารักสมวัย ชุดมีสายไขว้เล็กๆสีทองบางเฉียบ จับเดรสที่ช่วงอก ก่อนจะปล่อยชายยาวตั้งแต่ใต้อกลงมาเหนือเข่า
เวลาคุณแม่เขาใส่ท่านจะใส่คู่กับกางเกงขาลีบสีเข้ม แต่สาวน้อยคนนี้ไม่ต้อง เธออวดเรียวขาสวย...สวยมาก
เอามาทั้งชุด รองเท้า รวมทั้งกระเป๋าราตรีปักลูกปัดที่ห้อยอยู่กับข้อมือเล็กๆ ฝีมือเจ้าฝ้ายแน่ๆ
“พี่ชายเจ้าฝ้ายค่ะย่า” กณิการ์บอก ชายหนุ่มพนมมือไหว้เป็นคนๆ ตามการแนะนำ เหอะ คนหล่อหน้าตาดี กริยายังงามอีก กณิการ์ย่นจมูกอย่างหมั่นไส้ฝากไปถึงเพื่อนสาวด้วยอีกคนที่มารยาทเข้าหาผู้ใหญ่งามน่าเอ็นดูมากๆ แล้วรีบเคาะหัวตัวเอง (ในใจ) ให้เลิกคิด คุณแม่สอนมาดีจ้า คุณแม่สอนมาดี
“ย่าเหมือนของกิ๊ฟค่ะ นี่ลุงใหญ่พ่อ พี่นก เจ้าสาวอ่ะค่ะ
” กณิการ์บอกพี่ชายเพื่อนก่อนไล่ไปตามญาติๆ ที่นั่งอยู่ตรงนั้นจนครบคน
“ผมโชคชัยเป็นเพื่อนของไมเคิลครับ”
“เพื่อนธุรกิจ?” ลุงใหญ่ถาม
โชคชัยหันไปมองสบตาคนถาม แววตาคมแจ่มใส จริงใจอดีตกำนันใหญ่ ปัจจุบันพ่อใหญ่ คนจริงใจนักเลงอดยิ้มตอบไม่ได้ ไอ้หนุ่มนี่มันกล้าดี แล้วมันมาชอบหลานสาวหรือเปล่า ดวงตาที่เริ่มยาวเพราะวัยแต่ยังคม มองไปยังหลานสาว ตายังแป๋วแหวไม่รู้เรื่องราว
“เพื่อนนักเรียนด้วยครับ แล้วมาทำธุรกิจด้วยกัน พอโตแล้วเราก็ แตก”
ชายหนุ่มทำมือทำไม้ประกอบ แล้วยักไหล่อย่างคนสมัยใหม่ของแท้ “ไปทำกันคนละอย่างสองอย่าง”
“แล้วคุณทำอะไรล่ะ” ลุงใหญ่ถามต่อ
“ผมจะกลับไปทำธุรกิจส่งออกของที่บ้านครับ” โชคชัยตอบ
มองสาวตัวเล็กที่ยืนแอบอยู่ข้างผู้ใหญ่ คุยสักพัก เขาก็ขอตัวไปหาเพื่อน หายข้องใจสาวในชุดสีรุ้งแล้ว แผนเจ้าฝ้ายหรือเปล่าไม่น่าจะใช่ ตาแป๋วไร้เล่ห์เหลี่ยมอย่างน้องสาวตัวร้ายของเขา
ชายหนุ่มส่ายหัวอย่างไม่เข้าใจ สองสาวนี่มาเป็นเพื่อนกันได้ยังไง เจ้าฝ้ายร้ายเหลือไม่เผื่อใคร เจ้าเล่ห์แสนกล ส่วนเจ้ากิ๊ฟกั๊บนี่ ซื่อใสไร้เหลี่ยมไม่แบ่งมาให้น้องสาวของเขาบ้างเลย
ตาไวของไมเคิลมองเห็นเพื่อนสนิทชาวไทยเข้าไปทักทายญาติผู้ใหญ่ฝ่ายภรรยาแถมยังคุยหัวเราะถูกคอ สะกิด กรกนกที่ยืนคุยกับแขกอีกคน หญิงสาวยื่นมือไปกุมมือสามีบีบเบาๆ ตอบรับ เจ้าบ่าวเจ้าสาวยิ้มแย้มต่างขอตัวเพื่อเดินไปทักทายแขกรายอื่นต่อไป
“คะ?”
“เพื่อนผมเข้าไปทักพ่อ”
“ฮื๋ม” กรกนกชายตาไปมอง สะดุดตากับเสื้อสีรุ้งที่อยู่ตรงนั้น
ไมเคิลยิ้มกว้าง กระซิบ “เจ้าเพื่อนคนนี้ตาแหลม”
กรกนกจิกเล็บลงกับหลังมือสามีด้วยอารมณ์หวงน้องสาว เสียดายจริงที่ไม่ได้ไว้เล็บยาว “เขาเป็นใครคะ แล้วใครพาไปแนะนำ”
ไมเคิลยิ้มขำภรรยา เขาจะไปได้ยังไงเล่าตัวติดกันอยู่ตรงนี้ แล้วเจ้าโชคชัยไปรู้จักญาติๆ ภรรยาเขาตั้งแต่เมื่อไรกัน
“เดี๋ยวจะถามให้เอาไหม?” เขายิ้มมากขึ้นกับรอยยิ้มฝากเอาไว้ก่อนของเจ้าสาว
โชคชัยเดินออกมาที่ลานจอดรถบังเอิญหรืออะไรที่เจอชุดสีรุ้งอีกแล้ว ได้ยินเรื่องที่ไม่ควรจะได้ยินแล้วออกปากเรื่องที่ไม่ควรจะออกปาก
“เดี๋ยวส่งกิ๊ฟตรงตลาดก็ได้ค่ะ กิ๊ฟหารถกลับหอเอง”
“อ้าวก็บอกว่าลุงจะไปส่งไง” เสียงดังฟังชัด สมชื่อลุงใหญ่
“ก็ย่า ป้าๆ ลุงๆ เหนื่อยกันแล้ว ไปส่งกิ๊ฟย้อนไปย้อนมา” เสียงสาวตัวน้อยเถียงแง้วๆ
“อ้าว ก็ บอกให้นอนที่บ้านสวน” เสียงคุณย่าที่เจ้ากิ๊ฟกั๊บแนะนำบอกถึงความเหนื่อยของวัยชรา แกมอ่อนใจกับหลานสาวจอมดื้อ
“พรุ่งนี้กิ๊ฟมีนัดสัมภาษณ์นี่คะ ชุดก็ไม่เอามา กิ๊ฟค้างก็ต้องใส่ชุดเด็กโบราณออกมานะซิ” เสียงเจ้าตัวน้อยกระเง้ากระงอด เสียงผู้ใหญ่พากันหัวเราะ ยังจำเจ้าเด็กน้อยจูงเจ้าบ่าวเข้าบ้านได้
โชคชัยเดินเข้าไปหาคนกลุ่มใหญ่กระแอมเบาๆ
“พี่แวะไปส่งไหม” โชคชัยถามส่งยิ้มซื่อให้กับสายตาพิฆาตของผู้อาวุโสที่นับรวมอายุ คงเฉียดหลักพัน
“ไม่เป็นไร” สายตาคนบอก ถามว่า นายเป็นใคร และ เตือน อย่ามายุ่งกับหลานสาวผมชัดเจนครับ
กณิการ์อ้าปากจะตอบเสียงโทรศัพท์ทำนองคุ้นหูดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน หญิงสาวรีบเปิดประเป๋าควักโทรศัพท์ขึ้นมา สายตาของสาวน้อยที่มีพิรุธทำให้โชคชัยตั้งใจแอบฟัง
“ไร”
เสียงปลายสายอีกข้างหัวเราะลั่นมา “จะกลับหรือยัง ยังไงฉันไปรับไหม ฝ้ายให้โทรมาถาม”
เออ เพื่อนฉัน ถ้าเจ้าฝ้ายไม่ห่วงฉันนายจะโทรมาไหมนี่
“ไม่ต้องย่ะ มีคนแย่งไปส่งหลายคน” สาวตัวเล็กท้าวเอวหมับอย่างลืมตัว ก่อนมองตามโทรศัพท์ที่ลอยสูง
“ยอร์ชหรือ”
ยอร์ชยักคิ้วให้ภรรยาที่ยังนั่งเล่นเย็นใจในห้องชุดของพี่ชาย
“ครับ พี่โชคอยู่ไหนนั่น เจ้ากิ๊ฟเป็นยังไง”
ฝ้ายส่ายหน้ากับเสียงตกใจเกินจริงของสามี
“นายโทรหากิ๊ฟ มีอะไร ฝ้ายเป็นอะไรหรือเปล่า” โชคชัยย้อนถามบ้าง
“กิ๊ฟไม่เป็นไรนะครับ” ยอร์ชยังรอขอคำยืนยัน ยักคิ้วให้สาวฝ้ายอีกแผล็บ
“ไม่เป็นไร สบายดี” โชคชัยมองสาวตัวเล็กที่ตอนนี้ตาเขียวปัด อยากจะกระโดดมาแย่งโทรศัพท์ในมือเขา แต่ส้นสูงที่สวมไม่อำนวยในการกระโดด จะเขย่งมายื้อคืน มันก็ยังเตี้ยเกินไป ชายหนุ่มยิ้มกว้างอย่างยั่วๆให้
“โทรมามีอะไร”
ยอร์ชส่งโทรศัพท์ให้สาวฝ้าย ทิ้งตัวลงนั่งเบียด แนบหูขอฟังด้วย
“พี่โชคเหรอ ฝ้ายเองล่ะที่ให้ยอร์ชโทรหากิ๊ฟ จะถามว่าจะกลับยัง จะได้ให้ยอร์ชไปรับ ตัวเล็กๆ อย่างนั้น ใครๆ ก็หิ้วได้ง่ายๆ ฝ้ายไม่อยากอ่านข่าวเพื่อนฝ้ายเป็นข่าวหน้าหนึ่ง”
“เดี๋ยวพี่ไปส่งให้ ฝ้ายอยู่ไหนนั่น”
“อยู่กับยอร์ชน่ะซิคะ”
ดูน้องสาวตอบ
“ฝากเจ้ากิ๊ฟด้วยละคะ” สาวฝ้ายตัดบทเก็บโทรศัพท์ ขยับลุก
“เรากลับบ้านกันได้แล้ว”
“กลับบ้าน” ยอร์ชทวนคำ ยิ้มเจ้าเล่ห์ “กลับทางหอเจ้ากิ๊ฟใช่ม่ะ”
ฝ้ายหันมาทุบตุ้บ “บ้า ไปทางนั้น พี่โชคก็รู้ดิ กลับบ้าน ฝ้ายง่วงแล้ว”
โชคชัยหันมามองสาวที่ยืนมองมาอย่างเอาเรื่อง สาวเจ้ารับโทรศัพท์คืน จับใส่กระเป๋าลูกเล็กอย่างกระแทกกระทั้น
“ฝ้ายให้พี่ไปส่งกิ๊ฟเอง” เขาบอกเพื่อนน้องสาวด้วยเสียงเป็นงานเป็นการ ก่อนหันไปยิ้มทรงเสน่ห์ให้ผู้อาวุโสทั้งหลาย
“เดี๋ยวผมไปส่งกิ๊ฟเองครับ กิ๊ฟเป็นเพื่อนรักของน้องสาวผมเอง”
“ฝ้ายอ่ะค่ะ ย่า” กณิการ์งึมงำตอบ
ลุงใหญ่ถืออาการพยักหน้ารับของย่าเหมือนว่าไว้ใจได้ แต่ไม่วาย “เอานี่เบอร์โทรลุง แกเก็บให้ลุงหน่อยซิ”
กำลังอารมณ์ไม่ค่อยดี สาวกิ๊ฟก็ยิ้มออกมาได้ จัดแจงเก็บเบอร์โทรของลุงใส่เครื่อง เอาเบอร์ตัวเองเก็บเข้าเครื่องลุงวุ่นวาย
“มีของใครอีกคะ” กณิการ์ถามทั้งๆ ที่ยังก้มหน้า ของญาติๆ คนไหนอีกบอกมา เก็บทีเดียว
“ย่าเหมือนขากิ๊บขอเบอร์” หลานสาวตัวเล็กส่งเสียงแจ๋ว ย่าเหมือนหัวเราะหึหึ
“โชคชัย”
กณิการ์คีย์ตาม เม้มปากนิดๆ อย่างตั้งใจสะกดตามปุ่มเล็กๆ เหล่านั้น เสียงทุ้มๆ บอกเบอร์โทรตามมา
“ชื่อลุงๆ อาๆ ท่านไหนคะ ชื่อเพราะนะคะ โชคชัย ชื่อดีเชียว”
สาวกิ๊ฟเงยหน้าขึ้นยิ้มกว้างเมื่อจัดเก็บเสร็จ ก่อนทำหน้าเหรอหรา เมื่อเจอสายตาดุๆ ของลุง กับยิ้มพราวกระจ่างของพี่ชายเจ้าฝ้าย
“ใครว่าชื่อลุงล่ะ” กำนันใหญ่มองหน้าเด๋อด๋าของหลานสาวก่อนถอนหายใจ ส่งมือถือตัวเองให้ชายหนุ่มที่รับอาสาไปส่งหลานสาว เก็บเบอร์ใส่ให้อย่างอ่อนใจ มันเอาตัวรอดมาได้ยังไงตั้งหลายปี เจ้ากิ๊ฟ
“ถึงแล้วโทรหาลุงด้วยนะ” ลุงใหญ่สั่ง มองหลานสาวตัวน้อยรับคำพร้อมรอยยิ้มกว้าง เจ้าหนุ่มไม่มีท่าทีเป็นหมาป่า แต่หลานสาวเขานั้นเป็นลูกนกปีกอ่อนชัดๆ
กณิการ์เห็นสายตาอ่อนใจของผู้เป็นลุง หลานสาวซ่อนยิ้ม ฮาฮาฮา ลุงขา ลุงยังไม่เคยเจอฤทธิ์เจ้าฝ้าย ดุยิ่งกว่าเสือ ไปกับพี่ชายเจ้าฝ้าย ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์กั๊บ
โชคชัยยกมือไหว้อำลาญาติๆ ของเพื่อนน้องสาว ก่อนเดินนำไปที่รถของเขา เสียวสันหลังวาบๆ แน่ใจได้เลยว่าถ้าหันหลังไปต้องเจอกับสายตาหลายคู่ที่บ่งบอกถึงความหวาดระแวงเนื่องจากมีประสบการณ์ชีวิตมามาก ชายหนุ่มแอบยิ้ม
แต่สาวน้อยประสบการณ์ที่เดินตามมาต้อยๆ นี่ซิ ไม่คิดอะไรมากเลย ไว้ใจในตัวพี่ชายเพื่อนรักขนาดนี้เลยหรือ เสียงรองเท้าส้นแหลมปรี๊ดของเจ้ากิ๊ฟกั๊บ กระทบพื้นเป็นจังหวะถี่ๆ ตามมา
กณิการ์ยิ้มจืดๆ เบี่ยงตัวหลบร่างสูงที่เปิดประตูให้ เหอ เจ้าสามนิ้วทำพิษ หญิงสาวพยายามนั่งให้สบายตัว พร้อมกับระวังชายกระโปรงริ้วๆ ไม่ให้มันร่นขึ้นมามากเกินไปพร้อมๆ กัน นี่ถ้าให้เจ้ายอร์ชมารับ ก็ ถอดเจ้าสามนิ้วโยนเข้าไปในรถก่อน ได้นั่งสบายๆ ไม่ต้องมานั่งทำร้ายข้อต่อตัวเองอยู่อย่างนี้
โชคชัยหันไปมองกลุ่มผู้อาวุโสที่ยังมองมาอยู่ ค้อมศีรษะลาอีกครั้ง ก่อนเข้าประจำที่นั่งคนขับ มองสาวตัวเล็กที่คาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย แต่ยังหยุกหยิกอยู่ไม่สุข
“เอาล่ะ ไปทางไหน”
กณิการ์บอกทางไปหอพักอย่างละเอียด โชคชัยเลิกคิ้ว ทางผ่านกลับคอนโดเขาพอดี
“ถ้าง่วงก็นอนได้นะ” โชคชัยบอก เมื่อเห็นสาวน้อยข้างตัวแอบปิดปากหาว
“ค่ะ”
แล้วใครจะไปคิดว่าเจ้าหล่อนหลับไปจริงๆ หลับลึกเสียด้วย
“กิ๊ฟ กิ๊ฟ” โชคชัยเรียก เปิดไฟเลี้ยวจอดรถชิดขอบทาง เมื่อพยายามสอบถามทางให้ละเอียดแล้วยังไร้เสียงตอบ เขาวนมาสามรอบแล้ว ยังหาหอพักของเจ้าหล่อนไม่เจอ
สาวน้อยข้างตัวส่งเสียง งึมงำ ขยับตัวหลับสบาย ดีดรองเท้าส้นสูงออก งอขาขึ้นมาไว้บนที่นั่ง ชายกระโปรงร่นสูงจนน่าหวาดเสียว นี่ถ้าให้เจ้ายอร์ชมารับ โชคชัยอดห่วงสถานภาพแต่งงานของน้องสาวไม่ได้
“กิ๊ฟ” ชายหนุ่มแตะไหล่เรียกอีกครั้ง ร่างบางๆ ขยับหนีซุกตัวแนบเข้ากับเบาะมากกว่าเดิม
เอายังไงดี ง่วงแล้ว จะเอาไปทิ้งไว้กับเจ้าฝ้าย มองเวลาก็ ดึกดื่นมากแล้ว ชายหนุ่มเปิดไฟเลี้ยวขวา ออกรถ
โชคชัยส่ายศีรษะมองเจ้าตัวเล็กที่ขนาดดับเครื่อง ปลดสายคาดนิรภัยแล้ว ยังไม่รู้สึกตัว จะขี้เซาอะไรขนาดนั้น ชายหนุ่มก้มตัวลงไปจะดึงแขนบางๆ เตรียมอุ้มเจ้าตัวไปนอนสบายๆ เสียงกรี๊ดทำลายประสาทดังขึ้น จากเบาๆ ค่อยๆ ดังขึ้น มือน้อยขยับความหาพร้อมๆ กับมือใหญ่ที่จับกระเป๋าใบน้อยมาเปิด
กณิการ์ควานหาต้นตอของเสียงทำลายประสาท พระเจ้ายอร์ช นายจะปล่อยให้ฉันนอนหลับอย่างสงบบ้างไม่ได้หรือไง คราวนี้อะไรอีกล่ะ ฝ้ายอยากกินมะม่วงน้ำดอกไม้ หรือแรดแต่แกไม่รู้จักหรือยังไง
เสียงเงียบไปแล้วแต่เธอยังไม่กดปุ่มเลยนี่ แล้วนี่มันเสียงโทรศัพท์สายเข้าของเจ้ายอร์ชไม่มีทางที่เจ้าตัวจะยอมแพ้ง่ายๆ นั่นไง เสียงดังกวนประสาทเพลงประจำตัวเจ้ายอร์ชมาอีกแล้ว
“ครับ”
เสียงผู้ชายที่มารับโทรศัพท์เบอร์ของเจ้ากิ๊ฟ ทำเอายอร์ชอึ้งไปได้หลายอึดใจ ใครว่ะ ก่อนจะนึกถึงความน่าจะเป็นได้ ชายหนุ่มชำเลืองมองนาฬิกาก่อนคำนวณเวลาอย่างรวดเร็ว ไม่น่าเป็นไปได้ ที่พี่โชคจะใช้เวลาขับรถนานขนาดนี้แล้วยังเอาเจ้ากิ๊ฟไปไม่ถึงหอ นอกจากว่า...
“พี่โชค” ชายหนุ่มเรียกอย่างไม่แน่ใจนัก
“ยอร์ชหรือ” โชคชัยถามเสียงเข้ม อะไรเจ้าน้องเขยนี่ทำให้ไม่น่าไว้ใจ “ฝ้ายอยู่ไหน”
ยอร์ชส่งโทรศัพท์ให้ภรรยาสุดที่รัก ให้พี่น้องคุยกันเอง เป็นเรื่องปกติที่ทำเป็นประจำเวลาเพื่อนๆ กลับบ้านดึกดื่นแล้วเขาไม่ได้ไปส่งเอง ที่จะโทรตามเช็คความเรียบร้อย ไม่ว่ากับเพื่อนหนุ่มเพื่อนสาวคนไหน นี่เกือบลืมไปแล้ว แต่ฝ้ายซินึกขึ้นมาได้สะกิดให้เขาลุกมาโทรหาเพื่อนรัก
“พี่โชคอยู่กับกิ๊ฟเหรอ พาเพื่อนฝ้ายไปต่อไหน ทำไมยังไม่เอาไปส่ง” เสียงน้องสาวกรี๊ด ซอยถี่ยิบไม่มีเวลาแทรก นึกเห็นใจน้องเขยหน่อยๆ
“หาหอไม่เจอไง เลยจะให้มานอนที่ห้องพี่”
เสียงกรี๊ดระเบิดมาอีกครั้ง “เดี๋ยวฝ้ายจะให้ยอร์ชไปรับกิ๊ฟไปส่งเอง”
โชคชัยมองมือที่สะกิดขอโทรศัพท์ ชายหนุ่มส่งโทรศัพท์ให้
“กิ๊ฟกั๊บ” กณิการ์ขานชื่อตัวเอง
“นายอยู่ที่ไหน” เสียงเพื่อนสาวกรี๊ดมาจนต้องยกหูไว้ห่างๆ กณิการ์ขยับตัวออกมานอกรถ กระพริบตาถี่ๆ มองซ้ายมองขวา
“ไม่รู้อ่ะ เพิ่งตื่น”
“ไอ...กิ๊ฟ” เสียงเพื่อนสาวกรี๊ดมาอีกรอบ
หญิงสาวกระพริบตาถี่ๆ ไล่ความง่วง ขนตาหนักๆ เริ่มคันๆ หน้าแล้ว เมื่อไม่มีแอร์เย็นๆ มาเป่า สาวตัวน้อยเงยหน้ามองคนข้างตัวแอบกระซิบถาม “ที่นี่...ที่ไหนคะ”
“คอนโดพี่เอง”
“ฮือม์ ได้ยินป่ะ คอนโดพี่เอง”
สาวฝ้ายแทบเต้น ชี้นิ้วไปทางสามี “ยอร์ชไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย เอารถออกไปรับกิ๊ฟ”
“มาทำไมอ่ะ กิ๊ฟตื่นแล้ว” สายตัวเล็กถามอย่างสงสัย ก่อนประสาทจะทำงานอย่างเต็มที่ “ทำไมกิ๊ฟมาอยู่ที่นี่คะ”
โชคชัยเก็บซ่อนรอยยิ้ม ตีหน้าขรึมแกมเบื่อมองสาวตัวสูงเท่าหัวใจ หันมาถามอย่างสงสัย สงสัย จริงใจ ไม่มีความระแวง “หาหอพักไม่เจอ”
“อ๋อ มันต้องเข้าซอยไปหน่อยค่ะ ป้ายซอยโดนรถเฉี่ยวหายไป แหมกิ๊ฟก็ลืมไป” เจ้าหล่อนบอกเสียอย่างนั้น “เดี๋ยวกิ๊ฟนั่งแท็กซี่กลับหอเองได้”
โชคชัยขยับตัว นอนขี้เซาอย่างนี้ปล่อยให้นั่งแท็กซี่ได้ยังไง เขาเริ่มเข้าใจน้องสาวแล้วที่กังวลถึงความปลอดภัยของสาวตัวเล็กคนนี้ “เดี่ยวพี่ไปส่งเอง”
“ไม่เอา เดี๋ยวฝ้ายจะให้ยอร์ชไปส่ง ให้พี่โชคไปส่งได้ถึงเช้าแน่” สาวฝ้ายกรี๊ดมาอีกครั้ง มองนาฬิกาแล้วกรี๊ดอีกรอบ “กิ๊ฟจะเข้าหอได้ไหมนี่ กี่โมงแล้ว”
กณิการ์คว้าข้อมือคนตัวสูงข้างตัวมาดูอย่างลืมตัว ก่อนครางเบาๆ “กรรมแล้ว”
“มีอะไร” โชคชัยถาม มองหน้าจ๋อยๆ ของสาวน้อย
“หอปิดแล้ว”
เสียงสาวฝ้ายถอนหายใจได้ยินถนัด
“เดี๋ยวนายมานอนกะเรา จะให้ยอร์ชไปรับ” ฝ้ายพยักหน้าบอกสามีที่แต่งตัวออกมาเรียบร้อย
“เดี๋ยวฝ้ายจะให้ยอร์ชมารับค่ะไปนอนกับฝ้าย” กณิการ์รายงานชายหนุ่มข้างตัว
โชคชัยเลิกคิ้ว ดึงโทรศัพท์จากมือเล็กๆไป “ไปนอนกับฝ้ายมีเสื้อผ้าเปลี่ยนหรือเปล่า”
สาวตัวเล็ก ส่ายหน้าหวือ ชายหนุ่มถอนหายใจ ยกโทรศัพท์ขึ้น
“ฝ้าย ทำไมไม่ให้เพื่อนนอนนี่ล่ะ ที่นี่มีเสื้อผ้าคุณแม่ตัวเท่าๆ กันจะได้มีเปลี่ยน ถ้าอยากมานอนเป็นเพื่อนเพื่อน ก็ให้ยอร์ชมาส่ง” โชคชัยบอกน้องสาวเสียงดุ
สาวฝ้ายฉีกยิ้มกว้าง เมื่อได้ฟังพี่ชายบอก โบกมือให้สามีกลับเข้าไปเปลี่ยนเป็นชุดนอนคืน ถึงอย่างนั้นสาวสวยยังทำเสียงไม่พอใจได้
“งั้นก็ได้ แต่คราวหน้าฝ้ายไม่ฝากเพื่อนฝ้ายกับพี่โชคแล้ว”
ชายหนุ่มขยี้จมูกอย่างหงุดหงิด “เอาแล้วบอกเพื่อนฝ้ายเสียว่าอะไรอยู่ตรงไหน”
ชายหนุ่มส่งโทรศัพท์คืน เจ้าหล่อนตีหน้างอ ชี้ที่ตัวเอง ทำปากบอกชื่อตัวเอง ทั้งชื่อจริง ชื่อเล่นแบบไร้เสียง
“กิ๊ฟจ้า” หญิงสาวส่งเสียงรายงานตัว ค้อนทั้งคนตรงหน้า ทั้งคนอยู่ปลายสายอีกข้าง ฉันคิดเองเป็นนะไม่ใช่สิ่งของเสียหน่อย พูดข้ามหัวไปมาอยู่ได้
แล้วก็ต้องจำสิ่งที่สาวฝ้ายบอก เครื่องใช้ส่วนตัวสำรอง ที่เก็บชุดชั้นในใหม่ๆ ผ้าเช็ดตัว ร่วมไปถึงเสื้อผ้า
“แล้วไม่ต้องซักนะ ผ้าเช็ดตัว ปลอกหมอนน่ะ กิ๊ฟแค่รื้อออกมาใส่ตะกร้าเอาไว้ เดี๋ยวมีคนมาเอาไปซักเอง เสื้อผ้าคุณแม่เลือกไปได้เลย ซักแล้วค่อยเอามาคืน ชุดชั้นในใหม่ๆ จะแพ็กใส่ถุงไว้นายน่าจะใส่ได้พอดี เอาไปได้เลย แล้วไม่ต้องเอามาคืนนะ”
“จ้า เดี๋ยวๆ คลีนเซอร์ของคุณแม่อยู่ไหนอ่ะฝ้าย คันหน้าจะแย่แล้ว”
“ตู้เย็นเล็กในห้องนอน”
“จ้า” กณิการ์ปิดโทรศัพท์ คว้าตึกสามนิ้วมาสวมอีกครั้ง
เป็นคราวอึ้งของหนุ่มโชคชัยบ้างไม่คิดว่าน้องสาวจะยอมง่ายๆ แบบนี้ แล้วท่าทางเริ่มจะหัวทิ่มอีกครั้งของเพื่อนน้องสาวตัวยุ่ง ทำให้เขากดล็อกปิดรถ เดินนำไปที่ห้อง
“กิ๊ฟ อย่าลืมโทรหาลุงใหญ่ล่ะ”
“แหมดึกแล้ว” สาวน้อยงึมงำ
“โทร” เสียงสั่งอย่างพี่ชายใหญ่ ทำให้สาวตัวน้อยต้องเปิดกระเป๋าดึงโทรศัพท์มากดโทรออก ภาวนาให้ลุงอย่ารับ ที่ไหนได้รับเร็วทันใจ
“กิ๊ฟค่า ถึงแล้วค่าทำไมไม่รีบโทร กิ๊ฟหลับค่ะ นี่ตื่นมานึกได้รีบโทรเลยค่า กวนลุงใหญ่ไหมคะ ขอโทษค่า คราวหน้ากิ๊ฟจะรีบโทรเลย ค่า ก่อนกลับบ้านกิ๊ฟจะไปหาค่า ไม่ลืมค่า สวัสดีค่ะ”
โชคชัยมองเพื่อนน้องสาวที่เก็บมือถือเข้ากระเป๋าฉีกยิ้มตาปรือ ยืนพิงพนังลิฟต์อยู่ฝั่งตรงข้าม ไร้เล่ห์เหลี่ยม เพราะกลมกลิ้งไปได้รอบตัวแล้วนะซิ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น