ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ทรงพล
    เมธาวีจอดรถหน้าตึกทันสมัย วิ่งขึ้นบันไดที่ล่ะสองขั้น อยากจะเล่าให้ดาริกาฟังถึงเรื่องในวันนี้
    “คุณดาล่ะ” เขาถามเด็กรับใช้
    “ออกไปข้างนอกค่ะ คุณพลมา”
    เด็กรับใช้คุกเข่าตอบเสียงเบา เมธาวีขบกราม ทรงพลชื่อนี้ เขาจะไม่มีวันลืมเลย
    “รู้ไหมว่าคุณดาจะไปไหน”
    “ไม่ทราบค่ะ เธอกลับมาเมื่อสายมากแล้ว ยังบอกคุณแม่บ้านให้เตรียมของว่าง เธอยังอารมณ์ดีลงมาทำปอเปี๊ยะเอง”
    “นานหรือยัง”เมธาวีตัดบท ถ้าทรงพลอยู่บ้าน เขาก็ไม่อยากอยู่ในบ้านนี้นานนักหรอก
    “ไม่ถึงชั่วโมงนี่ล่ะคะ”
    “ขอบใจ” เมธาวีบอกเบาๆ
    เกร็งโดยอัตโนมัติ เมื่อเห็นสีหน้าของเด็กรับใช้ สีหน้าหวาดหวั่นกึ่งขยะแขยง เขาสูบลมหายใจลึก หันกลับ
    “เมมารับดาหรือ เขาออกไปข้างนอกแน่ะ” เสียงห้าวๆ รื่นรมย์ดังมาจากชานบันไดชั้นบน
    “ผมทราบแล้ว”
    เมธาวีตอบ โบกมือให้เด็กรับใช้ออกไป ก่อนหับกลับไปเผชิญหน้า เขามองร่างสมบูรณ์อย่างชิงชัง เขายังจำได้ ดาริกาไปหาเขา ชวนออกไปเที่ยว กลับไปที่พักกับเขา
    “ดาเกลียดมัน เมอย่าไล่ดากลับไปเลยนะ” เธอพูดกอดเขาไว้แน่น
    “เมามาก็นอนเสียดา เมจะนอนข้างล่างเอง”
    “อย่าไปไหนนะเม ดากลัว” ริมฝีปากแดง ทาบทับริมฝีปากเขา
    “อย่าดา” เขาห้าม ไม่แน่ใจว่าจะหักห้ามตัวเองได้ ในเมื่อเขาก็มึนเมาไม่แพ้หญิงสาว
    “เมอย่าไปไหนนะ ดากลัว”
    เขายับยั้งตัวเองไม่ได้จริงๆ ดาริกาซุกหน้ากับอกเขา เล่าให้ฟังปนสะอื้น
    “แม่ขายดาให้มัน ดาไม่อยาก ดากลัว”
    “มาอยู่กับเมซิ”
    เขาแน่ใจว่าไม่ได้รัก แต่ก็ห่วงใยเธอเสมอ ด้วยเขากับเธอเติบโตมาด้วยกัน ดาริกาเหมือนเป็นน้องน้อยท่ามกลางกลุ่มทโมนสี่ห้าคน ความที่เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวของเด็กแถวนั้น และ อ่อนกว่าทุกคน
    “ไม่ได้หรอก แม่ต้องการเงิน ดาไม่อยากให้แม่ล้มละลาย”
    “เมจะช่วยอะไรดาได้บ้าง” เมธาวีถาม
    ความจริงที่รู้ทำให้เขางันไป คุณน้านิภาแม่ของดาริกามีปัญหาทางการเงินหรือ คุณน้าแต่งงานครั้งที่สองกับนักธุรกิจชาวกรุง ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ สามีตายไม่กี่ปี ก็มีข่าวทรงพลมาติดพัน ครั้งแรกที่เขารับรู้ถึงอิทธิพลของเงิน  ครั้งแรกที่เขารู้ถึงอำนาจของมัน  ดาริกาซุกตัวเข้าแนบชิด
    “เมช่วยดาได้มากแล้ว ถ้าดาจะเสียสิ่งหวงแหนของดาให้ใคร ดาก็อยากแน่ใจว่าเขารู้คุณค่าของดา”
    คำพูดขมขื่นใจของดาริกา ถูกโอบกอด รอยจูบนุ่มนวล น้ำตาเขาซึมลงกับผมสลวย
    “แต่งงานกับเมนะ” เขาบอกอย่างจริงใจ
    “ดาทิ้งแม่ไม่ได้” นี่เป็นคำตอบของดาริกา
    เขาไปส่งเธอเย็นนั้น มองแววตาหื่นกระหายของชายผู้นี้อย่างชิงชัง เขาไม่เคยเกลียดชังใครเท่านี้มาก่อน มือดาริกาเย็นเฉียบ  เขาบีบมือเธอแน่น
    “ไปไหนมาดา คุณพลมารอตั้งแต่เช้า”
    นิภาก้าวลงมาถาม แววละอายหรือเปล่าที่เมธาวีเห็น เมื่อเธอรับไหว้เขา
    “เมื่อวานดาไปเยี่ยมคุณป้ากับเม” ดาริกาตอบ บีบมือเขาแล้วปล่อย
    “ขอบคุณเมมากจ๊ะ”
    “อ้อเม นี่คุณพล หุ้นส่วนของน้า”
    นิภาแนะนำอย่างเก้อๆ สายตาเด็กรุ่นลูกมีแวว ถามไถ่ ไม่เชื่อ ดาริกาบอกอะไรไป
    เมธาวียิ้มนิดๆ ไม่ทักทายว่าอะไร ไม่ลงจากรถ ไม่มีแม้แต่ยกมือไหว้
    “เขาโตมาพร้อมกับยายดา” นภาอธิบาย
    “แน่ใจนะดา” เมธาวีถาม ดาริกาพยักหน้า
    “ไม่ว่าดาจะเป็นยังไง จำไว้ ดายังมีเมอยู่เสมอ”
    ดาริกาพยักหน้าลงจากรถ ปิดประตูรถให้
    “ไปเถอะ อย่าอยู่ดูเวลาขึ้นตะแลงแกรงของดาเลย”
    เขามองตาที่มีน้ำตาคลออยู่แต่ไม่หยดลงมาแม้แต่หยดเดียว ดวงตาคู่นั้น เขาไม่เคยลืม แม้แต่เดี๋ยวนี้
    ตั้งแต่นั้น ดาริกาผู้เรียบร้อย ก็เปลี่ยนไป เปรี้ยว ก๋ากั่น ไปกับผู้ชายไม่เลือกหน้า ด้วยความพอใจบ้าง เงินบ้าง ของบ้าง จนสุดที่นภาจะห้ามปรามได้ บ้างครั้งเธอก็แวะมานอนกับเขาแล้วก็บินจากไป เขาไม่รู้จริงๆว่าเธอคิดยังไงกับเขา
    “คงไปหาเกียรติพงษ์มั่ง เห็นระยะนี้มารับส่งกันถี่นี่ เมเตือนดาบ้างซินะ โตมาด้วยกันไม่ใช่หรือ”ร่างใหญ่นั้นเดินลงมาตามขั้นบันได
    “คุณพลเป็นผู้ใหญ่ เตือนเขาไม่ได้ เขาจะเชื่อผมหรือ”
    เมธาวีไม่เคยเรียกน้า แม้นิภาจะเคยนำเรียก
    “เธอโตมาด้วยกัน ฉันคิดว่าน่าจะเข้าใจดาบ้าง” ทรงพลส่ายหน้ายิ้มๆ
    “เด็กน่ารักๆ อย่างดา ไม่น่าใจแตกเร็วอย่างนี้”
    “ดาริกาเป็นดาวบนฟ้านะครับ เขาจะตกด้วยความกตัญญู ผมจะห้ามอะไรได้”
    เมธาวีพูดเรื่อยๆ รอยยิ้มบนใบหน้าอูมชะงักไปนิด แล้วยิ้มกริ่มอย่างมีนัย
    “คนสวยๆ อย่างดา เธอไม่เสียดายหรือไง”
    ทรงพลรินไวน์ส่งให้  ชายหนุ่มรับมาหมุนเล่นๆ มันแดงเหมือนเลือด เพียงแต่ว่าใส ถ้ามันขุ่น จับกันเหมือนเลือดจริงๆ เขาคงไม่แปลกใจ
    “เธอควรจะเป็นผู้ค้นพบคนแรกด้วยซ้ำไป”
    “สำหรับความเป็นเพื่อนของเรา ความสวยไม่จำเป็นหรอกครับ”
    เขาเงียบไปก่อนเทของเหลวในแก้วรินรดต้นไม้ในกระถางใกล้มือช้าๆ ชูแก้วตรงหน้าทรงพล
    “ขอบคุณนะครับ สำหรับ...ไวน์แก้วนี้”
    เขาทิ้งแก้วลง หันหลังกลับเดินออกไปขึ้นรถ ไม่สนใจปฏิกิริยาจากคนข้างหลัง  เขาไม่จำเป็นต้องสนใจ
V_v
    เมธาวีกลับมาห้องพักด้วยความหวังว่าดาริกาจะมารออยู่ แต่ไม่พบแม้แต่เงา เขาอ่านจดหมาย ทำงานรอ หวังว่าจะมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พร้อมกับนำเสียงของดาริกามาด้วย
    เขารู้สึกเจ็บปวดเมื่อพบเด็กหญิงสองคนนั้น เด็กที่มีวิถีชีวิตเช่นเดียวกับเขาและดาริกา
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เมธาวีรีบรับ แล้วก็ต้องผิดหวัง
    “เฮ้ย! เม ออกมาเที่ยวกันเป็นไง ยังหัวค่ำอยู่เลยนี่หว่า”
    เมธาวีถอนหายใจ ตั้งใจให้ดังไปตามสาย
    “ไม่ว่างโว๊ย”
    “เฮ้ย มีแม่สาวไก่หลงด้วยนะโว๊ย”
    “ไอ้....ไม่ว่างโว๊ย รู้จักไหม ไม่ว่าง”
    “เม” เพื่อนเรียกเสียงหนัก
    “ไก่มันบอกว่าแม่สาวไก่หลงนั่นมันน้องเอ็งนะโว๊ย เพื่อน จะว่าไงก็ว่ามา”
    “เฮ้ย” เมธาวีขยับตัว
    “สนล่ะซิ จะมาไหม คราวนี้” เสียงบอกมาปนหัวเราะ ท่ามกลางเสียงดนตรีกระหึ่ม
    “ไปเว้ย ที่ไหน”
    เมธาวีไม่สนใจเสียงกระเซ้าเย้าแหย่จากเพื่อน หลังจากรู้สถานที่ เขาวางหูเผ่นไปทันที
    ดาริกาจริงๆ ด้วยนั่นล่ะ มากับผู้ชายที่เขาไม่รู้จัก แค่มองท่าทาง แววตา เขาก็รู้ว่าดาริกากำลังประชด เขาอยากจะลากตัวออกมาปลอบโยนหรือตีให้เจ็บๆ ที่ประชดผิดๆ อย่างนี้ แต่เขาก็กลัวความแผลงของเธอ เธออาจจะไม่ยอมกลับมาหาเขาเลยก็ได้ ตอนนี้ดาริกายังรักและไว้ใจเขา
    “ไม่ไปเอาตัวออกมาล่ะ”
    เพื่อนถาม ตบไหล่ให้รู้ว่ากองหนุนพร้อมหาเรื่อง เมธาวีสั่นหน้าสั่งเหล้ามาเลี้ยงเพื่อน ค่าเสียเวลามันโทรไปบอก
    ดาริกาเคยบอกว่า
    “เวลาดาไม่มีความสุขดาไม่ไปหาดาหรอกนะ เวลาที่อยู่กับเมดามีความสุข ดาไม่อยากหาความทุกข์มาให้คนดีๆ อย่างเม”
    “ไม่คิดว่าเมจะช่วยแบ่งทุกข์ให้ดาได้บ้าง” เขาจำได้ว่าย้อนถามไป
    “เมแบ่งความสุขมาให้เมบ้างซิ” หญิงสาวมองสบตาตรงๆ
    จากสายตา ทั้งคู่รู้ดี ว่าอะไรเป็นอะไร
    “ตามใจดา” เมธาวีตอบสั้นๆ แค่นั้น
    เขาบอกไม่ได้ ว่ารัก  ว่าชัง หรือสงสาร เขายังไม่รู้ใจตัวเองเลย แล้วเขาจะไปบงการคนอื่นได้อย่างไร
    “ไอ้บ้า ตามมาทั้งที ไม่เอาน้องกลับหรือว่ะ ไอ้นั่นมันเสือผู้หญิงชัดๆ”
    “ไม่” เมธาวีตอบ จ้องมองชายหนุ่มหญิงสาวคู่นั้น ไม่คลาดสายตา
    “ไอ้...แล้วตามมาทำไมว่ะ”
    เพื่อนไม่รู้จะว่ายังไงดี รู้อย่างนี้ ไม่โทรไปบอกให้เสียค่าโทร แล้วไอ้เมก็ไม่ต้องเสียค่าน้ำมันรถมาให้เสียเวลา
    “ก็เขาออกจากบ้านมา”
    เมธาวีหันมามองหน้าเพื่อน พร้อมรอยยิ้มนิดๆ ที่เพื่อนมองออกว่าสุดแสนจะฝืนใจ ยิ้มออกมาได้ ไอ้เม
    “ข้าไม่รู้นี่หว่า ว่าเขาอยู่ไหน เมื่อข้ารู้ ก็สบายใจ”
    เมธาวีร่อนธนบัตรลงบนโต๊ะ เดินจากมาเงียบๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีดวงตาดำขลับที่มีแววปวดร้าวไม่แพ้แววตาของเขามองตามหลังมา
    “คุณดาล่ะ” เขาถามเด็กรับใช้
    “ออกไปข้างนอกค่ะ คุณพลมา”
    เด็กรับใช้คุกเข่าตอบเสียงเบา เมธาวีขบกราม ทรงพลชื่อนี้ เขาจะไม่มีวันลืมเลย
    “รู้ไหมว่าคุณดาจะไปไหน”
    “ไม่ทราบค่ะ เธอกลับมาเมื่อสายมากแล้ว ยังบอกคุณแม่บ้านให้เตรียมของว่าง เธอยังอารมณ์ดีลงมาทำปอเปี๊ยะเอง”
    “นานหรือยัง”เมธาวีตัดบท ถ้าทรงพลอยู่บ้าน เขาก็ไม่อยากอยู่ในบ้านนี้นานนักหรอก
    “ไม่ถึงชั่วโมงนี่ล่ะคะ”
    “ขอบใจ” เมธาวีบอกเบาๆ
    เกร็งโดยอัตโนมัติ เมื่อเห็นสีหน้าของเด็กรับใช้ สีหน้าหวาดหวั่นกึ่งขยะแขยง เขาสูบลมหายใจลึก หันกลับ
    “เมมารับดาหรือ เขาออกไปข้างนอกแน่ะ” เสียงห้าวๆ รื่นรมย์ดังมาจากชานบันไดชั้นบน
    “ผมทราบแล้ว”
    เมธาวีตอบ โบกมือให้เด็กรับใช้ออกไป ก่อนหับกลับไปเผชิญหน้า เขามองร่างสมบูรณ์อย่างชิงชัง เขายังจำได้ ดาริกาไปหาเขา ชวนออกไปเที่ยว กลับไปที่พักกับเขา
    “ดาเกลียดมัน เมอย่าไล่ดากลับไปเลยนะ” เธอพูดกอดเขาไว้แน่น
    “เมามาก็นอนเสียดา เมจะนอนข้างล่างเอง”
    “อย่าไปไหนนะเม ดากลัว” ริมฝีปากแดง ทาบทับริมฝีปากเขา
    “อย่าดา” เขาห้าม ไม่แน่ใจว่าจะหักห้ามตัวเองได้ ในเมื่อเขาก็มึนเมาไม่แพ้หญิงสาว
    “เมอย่าไปไหนนะ ดากลัว”
    เขายับยั้งตัวเองไม่ได้จริงๆ ดาริกาซุกหน้ากับอกเขา เล่าให้ฟังปนสะอื้น
    “แม่ขายดาให้มัน ดาไม่อยาก ดากลัว”
    “มาอยู่กับเมซิ”
    เขาแน่ใจว่าไม่ได้รัก แต่ก็ห่วงใยเธอเสมอ ด้วยเขากับเธอเติบโตมาด้วยกัน ดาริกาเหมือนเป็นน้องน้อยท่ามกลางกลุ่มทโมนสี่ห้าคน ความที่เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวของเด็กแถวนั้น และ อ่อนกว่าทุกคน
    “ไม่ได้หรอก แม่ต้องการเงิน ดาไม่อยากให้แม่ล้มละลาย”
    “เมจะช่วยอะไรดาได้บ้าง” เมธาวีถาม
    ความจริงที่รู้ทำให้เขางันไป คุณน้านิภาแม่ของดาริกามีปัญหาทางการเงินหรือ คุณน้าแต่งงานครั้งที่สองกับนักธุรกิจชาวกรุง ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ สามีตายไม่กี่ปี ก็มีข่าวทรงพลมาติดพัน ครั้งแรกที่เขารับรู้ถึงอิทธิพลของเงิน  ครั้งแรกที่เขารู้ถึงอำนาจของมัน  ดาริกาซุกตัวเข้าแนบชิด
    “เมช่วยดาได้มากแล้ว ถ้าดาจะเสียสิ่งหวงแหนของดาให้ใคร ดาก็อยากแน่ใจว่าเขารู้คุณค่าของดา”
    คำพูดขมขื่นใจของดาริกา ถูกโอบกอด รอยจูบนุ่มนวล น้ำตาเขาซึมลงกับผมสลวย
    “แต่งงานกับเมนะ” เขาบอกอย่างจริงใจ
    “ดาทิ้งแม่ไม่ได้” นี่เป็นคำตอบของดาริกา
    เขาไปส่งเธอเย็นนั้น มองแววตาหื่นกระหายของชายผู้นี้อย่างชิงชัง เขาไม่เคยเกลียดชังใครเท่านี้มาก่อน มือดาริกาเย็นเฉียบ  เขาบีบมือเธอแน่น
    “ไปไหนมาดา คุณพลมารอตั้งแต่เช้า”
    นิภาก้าวลงมาถาม แววละอายหรือเปล่าที่เมธาวีเห็น เมื่อเธอรับไหว้เขา
    “เมื่อวานดาไปเยี่ยมคุณป้ากับเม” ดาริกาตอบ บีบมือเขาแล้วปล่อย
    “ขอบคุณเมมากจ๊ะ”
    “อ้อเม นี่คุณพล หุ้นส่วนของน้า”
    นิภาแนะนำอย่างเก้อๆ สายตาเด็กรุ่นลูกมีแวว ถามไถ่ ไม่เชื่อ ดาริกาบอกอะไรไป
    เมธาวียิ้มนิดๆ ไม่ทักทายว่าอะไร ไม่ลงจากรถ ไม่มีแม้แต่ยกมือไหว้
    “เขาโตมาพร้อมกับยายดา” นภาอธิบาย
    “แน่ใจนะดา” เมธาวีถาม ดาริกาพยักหน้า
    “ไม่ว่าดาจะเป็นยังไง จำไว้ ดายังมีเมอยู่เสมอ”
    ดาริกาพยักหน้าลงจากรถ ปิดประตูรถให้
    “ไปเถอะ อย่าอยู่ดูเวลาขึ้นตะแลงแกรงของดาเลย”
    เขามองตาที่มีน้ำตาคลออยู่แต่ไม่หยดลงมาแม้แต่หยดเดียว ดวงตาคู่นั้น เขาไม่เคยลืม แม้แต่เดี๋ยวนี้
    ตั้งแต่นั้น ดาริกาผู้เรียบร้อย ก็เปลี่ยนไป เปรี้ยว ก๋ากั่น ไปกับผู้ชายไม่เลือกหน้า ด้วยความพอใจบ้าง เงินบ้าง ของบ้าง จนสุดที่นภาจะห้ามปรามได้ บ้างครั้งเธอก็แวะมานอนกับเขาแล้วก็บินจากไป เขาไม่รู้จริงๆว่าเธอคิดยังไงกับเขา
    “คงไปหาเกียรติพงษ์มั่ง เห็นระยะนี้มารับส่งกันถี่นี่ เมเตือนดาบ้างซินะ โตมาด้วยกันไม่ใช่หรือ”ร่างใหญ่นั้นเดินลงมาตามขั้นบันได
    “คุณพลเป็นผู้ใหญ่ เตือนเขาไม่ได้ เขาจะเชื่อผมหรือ”
    เมธาวีไม่เคยเรียกน้า แม้นิภาจะเคยนำเรียก
    “เธอโตมาด้วยกัน ฉันคิดว่าน่าจะเข้าใจดาบ้าง” ทรงพลส่ายหน้ายิ้มๆ
    “เด็กน่ารักๆ อย่างดา ไม่น่าใจแตกเร็วอย่างนี้”
    “ดาริกาเป็นดาวบนฟ้านะครับ เขาจะตกด้วยความกตัญญู ผมจะห้ามอะไรได้”
    เมธาวีพูดเรื่อยๆ รอยยิ้มบนใบหน้าอูมชะงักไปนิด แล้วยิ้มกริ่มอย่างมีนัย
    “คนสวยๆ อย่างดา เธอไม่เสียดายหรือไง”
    ทรงพลรินไวน์ส่งให้  ชายหนุ่มรับมาหมุนเล่นๆ มันแดงเหมือนเลือด เพียงแต่ว่าใส ถ้ามันขุ่น จับกันเหมือนเลือดจริงๆ เขาคงไม่แปลกใจ
    “เธอควรจะเป็นผู้ค้นพบคนแรกด้วยซ้ำไป”
    “สำหรับความเป็นเพื่อนของเรา ความสวยไม่จำเป็นหรอกครับ”
    เขาเงียบไปก่อนเทของเหลวในแก้วรินรดต้นไม้ในกระถางใกล้มือช้าๆ ชูแก้วตรงหน้าทรงพล
    “ขอบคุณนะครับ สำหรับ...ไวน์แก้วนี้”
    เขาทิ้งแก้วลง หันหลังกลับเดินออกไปขึ้นรถ ไม่สนใจปฏิกิริยาจากคนข้างหลัง  เขาไม่จำเป็นต้องสนใจ
V_v
    เมธาวีกลับมาห้องพักด้วยความหวังว่าดาริกาจะมารออยู่ แต่ไม่พบแม้แต่เงา เขาอ่านจดหมาย ทำงานรอ หวังว่าจะมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พร้อมกับนำเสียงของดาริกามาด้วย
    เขารู้สึกเจ็บปวดเมื่อพบเด็กหญิงสองคนนั้น เด็กที่มีวิถีชีวิตเช่นเดียวกับเขาและดาริกา
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เมธาวีรีบรับ แล้วก็ต้องผิดหวัง
    “เฮ้ย! เม ออกมาเที่ยวกันเป็นไง ยังหัวค่ำอยู่เลยนี่หว่า”
    เมธาวีถอนหายใจ ตั้งใจให้ดังไปตามสาย
    “ไม่ว่างโว๊ย”
    “เฮ้ย มีแม่สาวไก่หลงด้วยนะโว๊ย”
    “ไอ้....ไม่ว่างโว๊ย รู้จักไหม ไม่ว่าง”
    “เม” เพื่อนเรียกเสียงหนัก
    “ไก่มันบอกว่าแม่สาวไก่หลงนั่นมันน้องเอ็งนะโว๊ย เพื่อน จะว่าไงก็ว่ามา”
    “เฮ้ย” เมธาวีขยับตัว
    “สนล่ะซิ จะมาไหม คราวนี้” เสียงบอกมาปนหัวเราะ ท่ามกลางเสียงดนตรีกระหึ่ม
    “ไปเว้ย ที่ไหน”
    เมธาวีไม่สนใจเสียงกระเซ้าเย้าแหย่จากเพื่อน หลังจากรู้สถานที่ เขาวางหูเผ่นไปทันที
    ดาริกาจริงๆ ด้วยนั่นล่ะ มากับผู้ชายที่เขาไม่รู้จัก แค่มองท่าทาง แววตา เขาก็รู้ว่าดาริกากำลังประชด เขาอยากจะลากตัวออกมาปลอบโยนหรือตีให้เจ็บๆ ที่ประชดผิดๆ อย่างนี้ แต่เขาก็กลัวความแผลงของเธอ เธออาจจะไม่ยอมกลับมาหาเขาเลยก็ได้ ตอนนี้ดาริกายังรักและไว้ใจเขา
    “ไม่ไปเอาตัวออกมาล่ะ”
    เพื่อนถาม ตบไหล่ให้รู้ว่ากองหนุนพร้อมหาเรื่อง เมธาวีสั่นหน้าสั่งเหล้ามาเลี้ยงเพื่อน ค่าเสียเวลามันโทรไปบอก
    ดาริกาเคยบอกว่า
    “เวลาดาไม่มีความสุขดาไม่ไปหาดาหรอกนะ เวลาที่อยู่กับเมดามีความสุข ดาไม่อยากหาความทุกข์มาให้คนดีๆ อย่างเม”
    “ไม่คิดว่าเมจะช่วยแบ่งทุกข์ให้ดาได้บ้าง” เขาจำได้ว่าย้อนถามไป
    “เมแบ่งความสุขมาให้เมบ้างซิ” หญิงสาวมองสบตาตรงๆ
    จากสายตา ทั้งคู่รู้ดี ว่าอะไรเป็นอะไร
    “ตามใจดา” เมธาวีตอบสั้นๆ แค่นั้น
    เขาบอกไม่ได้ ว่ารัก  ว่าชัง หรือสงสาร เขายังไม่รู้ใจตัวเองเลย แล้วเขาจะไปบงการคนอื่นได้อย่างไร
    “ไอ้บ้า ตามมาทั้งที ไม่เอาน้องกลับหรือว่ะ ไอ้นั่นมันเสือผู้หญิงชัดๆ”
    “ไม่” เมธาวีตอบ จ้องมองชายหนุ่มหญิงสาวคู่นั้น ไม่คลาดสายตา
    “ไอ้...แล้วตามมาทำไมว่ะ”
    เพื่อนไม่รู้จะว่ายังไงดี รู้อย่างนี้ ไม่โทรไปบอกให้เสียค่าโทร แล้วไอ้เมก็ไม่ต้องเสียค่าน้ำมันรถมาให้เสียเวลา
    “ก็เขาออกจากบ้านมา”
    เมธาวีหันมามองหน้าเพื่อน พร้อมรอยยิ้มนิดๆ ที่เพื่อนมองออกว่าสุดแสนจะฝืนใจ ยิ้มออกมาได้ ไอ้เม
    “ข้าไม่รู้นี่หว่า ว่าเขาอยู่ไหน เมื่อข้ารู้ ก็สบายใจ”
    เมธาวีร่อนธนบัตรลงบนโต๊ะ เดินจากมาเงียบๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีดวงตาดำขลับที่มีแววปวดร้าวไม่แพ้แววตาของเขามองตามหลังมา
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น