ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Devil & Red Rose ปีศาจไร้ใจ

    ลำดับตอนที่ #3 : ศาสตรา

    • อัปเดตล่าสุด 10 ม.ค. 51


    003  
     
            “นนท์”
    พงศธรเคาะฝาเรือนเพาะชำเรียกเมื่อเห็นบุตรสาวยังจรดจ่อกับงานตรงหน้า
     
    “เดี๋ยวพ่อ ขอนนท์แยกกระถางเด็กๆ พวกนี้ก่อนน้า เมล็ดที่นนท์ผสมไว้ครั้งหลังสุดมันงอกแล้วล่ะ”
    น้ำเสียงจริงจังปนอิ่มเอมของบุตรสาวทำให้หนุ่มใหญ่ได้แต่หันมายักไหล่ให้นายตำรวจ
     
    “เสร็จแล้วไปหาพ่อหน่อยนะ”
     
    “คร้าบ”
     
    คนเป็นพ่อได้แต่ยักไหล่อีกครั้งกับคำขานรับอย่างผิดเพศของบุตรสาว แต่เพื่อนพี่ชายเจ้าหล่อนทำหน้าประหลาด มองเงาหลังบอบบาง ไม่เจอน้องนนท์มาหลายปี เป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้
     
    “คงอีกนาน ไปถามคนอื่นๆ ก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวน้าพาไปเอง” พงศธรสะกิดเรียก
     
    “ครับ” ศาสตราเดินตามไป แต่ยังอดเหลียวมามองเงาหลังบางนั้นอีกครั้งไม่ได้ นายตำรวจหนุ่มสั่นหัวอย่างงุนงงกับตัวเอง น้องนนท์ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเห็น แต่นี่ทำไมเกิดความรู้สึกอยากเห็นหน้า อยากอยู่ใกล้ๆ ไม่อยากเดินจากไปเลย ทำไม
     
     
    “งามมากๆ จ้า โตๆ แข็งแรงเป็นสาวสวยกันนะจ้ะ”
     
    คนงานที่มีหน้าที่ดูแลเรือนเพาะชำอมยิ้มกับถ้อยคำอ่อนหวานของนายน้อย มีแต่เวลาอยู่กับดอกไม้ที่แสนรักนี่ล่ะ ที่คุณหนูจะพูดจาอ่อนหวานสมกับเพศของเธอ ไม่อย่างนั้นพามึงพาโว้ยเป็นนักเลงไปเสีย หลังจากปลูกเจ้าต้นอ่อนๆ เรียบร้อย ยังเพลินชมต้นอ่อนที่ตั้งต้นได้แล้วเสียอีกจนต้องเตือน
     
    “คุณหนูครับ คุณพ่อจะรอนะ”
     
    “อื๋อ อะไรนะ พ่อรออะไรนนท์” สีหน้าเหรอหราของสาวน้อยคงหลอกได้หลายๆ คนแต่ไม่ใช่คนเก่าคนแก่คนนี้
     
    “พ่อนายมาหาคุณหนูไงครับ แล้วคุณหนูบอกว่าเสร็จงานแล้วจะตามไป คุณพ่ออยู่ด้วย คุณศาสตราไม่กล้าจับคุณหนูหรอกครับ”
     
    จมูกเล็กๆ เชิดโด่งขึ้นไปอีก
     
    “ไปหาคุณพ่อนะครับ ผมได้ข่าวว่ามีคนถูกฆ่าตายแถวนี้ คุณศาสตราน่าจะมาเรื่องนี้”
     
    “เอ๋ ใครตายหรือ”
     
    หากคนเก่าคนแก่ของพ่อไม่บอกอะไร แกหันไปสนใจดูหนอนดูแมลงที่อาจจะเข้ามากินต้นกุหลาบแสนรักของคุณหนูเสีย จนได้ยินเสียงรถของคุณหนูแล่นห่างไปแล้ว มือหนาหยาบกร้านกุมตรงตำแหน่งของหัวใจ รอยแผลเหมือนจะกระชากเปิดออกยังเห็นริ้วรอยชัดเจน ยังเจ็บแปลบเป็นระยะ ถ้าไม่ใช่พ่อนายพงศธรบ้าบิ่นขับรถขนคนไม่กี่คนที่บ้านมาพร้อมอาวุธตามที่หาได้มาเมื่อได้ยินเสียงปืน แม่บุญตาอุ้มคุณหนูที่ยังอ้อแอ้นั่งมาด้วย ไม่ยอมรอที่บ้าน เขาคงตายตามครอบครัวไปแล้ว ไอ้เผื่อน ศัตรูคู่แค้นที่จะไม่อยู่ร่วมโลกเดียวกัน คนอื่นในครอบครัว มันยิงนัดเดียวทะลุหัวใจ แต่กับเขามันกะจะเอามีดกะซวกกระชากหัวใจออกมา พอเห็นแสงไฟมันก็กระโดดลงเรือนหนีไป เขาไม่เคยบอกใครว่าไอ้โจรปล้นบ้านคือใคร เก็บแรงแค้นไว้นานปี มันกลับมาอีกครั้งแล้ว ...จะนรกปีศาจอะไรก็ได้ อยากได้อะไรมาเอาไป ขอให้ข้าไปฆ่า ควักหัวใจโสมมของมันออกมากับมือ
     
    คำเรียกร้องรุนแรงจากหัวใจที่ค่ำครวญถึงครอบครัว หัวใจที่เพาะบ่มแรงแค้นมานับสิบปี น่าสนใจ น่าสนใจ หัวใจดวงนี้เข้มแข็งรุนแรงพอที่จะผมจะได้ยินเสียงกรีดร้องนั้น  ล้างแค้น หัวใจของอีกฝ่ายกระนั้นหรือ นกน้อยสีดำที่บินมาเกาะที่ชายคาเรือนเพาะ ขยับหัวเล็กๆ ไปมาก่อนโผบินออกหาเหยื่อ
     
    นนทสรวงลงจากรถเดินเข้าไปใกล้ พ่อหันมาพยักหน้าให้รับรู้การมาของเธอ หญิงสาวเบียดแทรกผ่านคนงานเข้าไปเกาะแขนพ่อ ฟังท่านนายตำรวจหนุ่มอนาคตไกลสอบถามคนงานที่เข้าเมืองเมื่อวาน เมื่อกระตุกแขนพ่อจะถามว่าเรื่องอะไร หากผู้เป็นบิดาหันมาขมวดคิ้วใส่ ทำให้ต้องนิ่ง เงียบ รอ
     
    จับความได้คร่าวๆ ว่ามีคนตายใกล้ๆ แถวนี้ ก้านกุหลาบแทงทะลุหัวใจ นึกภาพตามแล้วอดสยองไม่ได้ หากหญิงสาวก็อดยิ้มไม่ได้ ก้านกุหลาบพันธุ์อะไร ริดหนามออกก่อนหรือเปล่า แล้วอย่างนี้เวลาแทงหนามไม่ตำมือหรือยังไง หญิงสาวส่ายหน้าไปมา ยังไงก็ไม่น่าจะแทงได้ ต่อให้เป็นพ่อเฮอคิวลีสเมื่อคืนก็ตาม
    ตอนเด็กๆ กว่านี้ เธอเคยเล่นดาบฟันแทง โดยคนงานของพ่อเอากุหลาบก้านยาวๆ ตรงๆ มาริดหนามให้นายน้อยเล่น เธอเที่ยววิ่งเอาไปไล่ฟันไล่แทงต้นไม้ในสวนจนพ่อต้องจับให้เธอไปฟันแทงต้นกล้วยแทน แทงยังไม่ค่อยจะเข้าเลย นับประสาอะไรกับเนื้อหนังของคน
     
    ศาสตราชายตามามองครั้งหนึ่งแล้วเมื่อนนทสรวงเดินเข้ามา แล้วต้องชายตาไปมองอีกครั้งเมื่อคนรอบๆข้างหน้าตาจริงจังแต่หญิงสาวที่เดินเข้ามาใหม่กลับมีรอยยิ้มขำบนหน้า น้องนนท์ขำอะไร เรื่องคนโดนฆ่าแบบสยองนี่ยังมีอะไรให้ขำขันได้อีก
     
    การสอบถามทั้งแบบกลุ่มแบบเดี่ยวยังให้ผลเหมือนเดิม ไม่มีใครพบเห็นเหตุการณ์หรือคนน่าสงสัย ไม่มีใครกลับมาเดี่ยวๆ เพราะต้องอาศัยรถปิกอัพของไร่สำหรับโดยสารกลับกันทั้งนั้น ส่วนใหญ่ที่เข้าเมืองก็ไปหาซื้อของ มีหนุ่มๆ ที่ไปมองสาวๆ ไม่กี่คน ทั้งหมดกลับมาพร้อมๆ กัน เพราะรุ่งขึ้นต้องตื่นมาทำงานแต่เช้าไม่มีใครโอ้เอ้อยู่นานนัก
     
    เมื่อนายตำรวจหนุ่มเลิกการสอบถาม บรรดาคนงานก็กระจายตัวกันออกไปทำงานตามปกติ แต่ยังได้ยินเสียงพูดคุยกันเรื่องการฆาตกรรมนี้มาแว่วๆ นั่นละ ศาสตราถึงหันมาจ้องมองน้องสาวเพื่อนต้นเหตุของการปั่นป่วนทางอารมณ์ของเขาตอนนี้ ถ้าถามก็จะบอกตรงๆ ว่าฉุน มายืนยิ้มอะไร น้องนนท์
     
    เด็กสาวร่างสูงโปร่งแสนแสบยังเหมือนเมื่อสามสี่ปีที่แล้ว ดวงตาโตหวานเหมือนตากวางชวนให้น่าสงสาร ปากบางรูปกระจับแดงระเรื่อยส่งให้ใบหน้าคมคายเหมือนผู้เป็นบิดาสวยหวานน่ามอง รูปร่างอิ่มเอิบกว่าเมื่อครั้งยังเป็นเด็กสาวที่ผอมบางแทบจะปลิวได้ เจ้าหล่อนล่ะมือมี่เกาะแขนบิดามาพนมมือไหว้อย่างเรียบร้อย
     
    “สวัสดีค่ะ”
     
    “ล้อรถพี่คงยังอยู่ดีนะ” นายตำรวจหนุ่มออกปากทักล้อๆ ได้รอยยิ้มมุมปาก เฮ้ยให้โตเป็นสาวสวย ให้ดูหวานยังไง เจ้านนท์คงแสบเหมือนเดิม อาจจะยิ่งแสบกว่าเดิมก็ได้
     
    “นนท์โตแล้ว ไม่ขายแต่ยางล้อแล้วพี่ศาสตร์”
     
    คนเป็นพ่อพยักหน้าอย่างเหนื่อยใจ
     
    “ใช่ มันไม่ขายแต่ล้อแล้ว มันยกไปขายทั้งคันเลย ขับไปอีกไม่เท่าไร ก็ ข้ามไปขายฝั่งโน้นได้เลย กุญจงกุญแจไม่ต้อง”
     
    ขนาดคนเป็นพ่อยังส่ายเศียร นายตำรวจยิ้มกว้าง
    “ถ้าเจอคดีรถหายรู้ล่ะว่าจะมาตามที่ไหน”
     
    “เหอะพ่อ เห็นไหม พี่เขาเลยเข้าใจนนท์ผิดเลย นนท์ยังไม่เคยขายนะพี่ศาสตร์ อย่ามาจับนนท์” เจ้าหล่อนรีบออกตัว ก่อนหันไปทางพ่อเสีย
    “พ่อหานนท์มีอะไรฮะ”
     
    “เมื่อวานน้องนนท์เข้าเมืองเห็นอะไรผิดสังเกตุไหม”
     
    “นนท์เมา” นนทสรวงสั่นหัว ชี้ผู้เป็นพ่อ “แต่พ่อขับรถนะ นนท์รับรองให้ได้ว่าพ่อไม่ได้กิน นนท์กินคนเดียว”
     
    ชายทั้งคู่อดหัวเราะไม่ได้ พงศธรรู้แล้วว่าจะหาคนมากำราบเจ้าตัวยุ่งได้ยังไง ท่าทีเกรงๆ ของนนทสรวงที่มีต่อศาสตราทำให้เขาต้องจับตามองคู่นี้อย่างระมัดระวังมากกว่าเดิม
     
    “ไม่มีอะไรแปลกๆ มั่งเหรอ”
     
    “รับคนมาคน แต่เป็นแขกของบ้านสวนกุหลาบ คงไม่แปลกหรอกใช่ไหม” หญิงสาวบอก แล้วเล่าต่อ
    “พี่แกตัวใหญ่มากเลยนะ นนท์ยังแอบสงสัยว่าเป็นนักเพาะกล้ามหรือเปล่า จริงๆ เมื่อวานพ่อไม่ต้องรับมาก็ได้ เดินอีกไม่กี่กิโลก็ถึงแล้ว นนท์ว่าที่พี่แกเดินมาเพราะอยากออกกำลังกายหรอก พ่อไปชวนเขาขึ้นรถป่านนี้มิต้องวิดพื้นแก้ตัวไปแล้วหรือ”
     
    “ไอ้นนท์” คนเป็นพ่อคราง กำมือทุบลงบนศีรษะลูกสาวเบาๆ อย่างอ่อนใจ
     
    ศาสตราหัวเราะ “ถ้าอย่างนั้นผมรบกวนน้าพงศ์ช่วยดูคนแปลกหน้าที่มาสมัครงานด้วยนะครับ ผมยังไม่ย้ายมาประจำที่นี่ แค่ตามคดี พักนี้อาจจะอยู่ที่นี่นานหน่อย”
     
    “อ้าวแล้วพักที่ไหน มาพักด้วยกันที่นี่ก็ได้”
     
    นายตำรวจหนุ่มอมยิ้ม “ผมมาอยู่กับนายชาแล้วครับ”
     
    “อี๋” เสียงรังเกียจชัดเจนดังออกจากปากสีแดงระเรื่อ แถมสีหน้าขยะแขยง “พี่ศาสตร์อย่าพูดเหมือนพี่ชาเพี้ยนซิ แล้วอย่างนี้นนท์จะหลอกล่อสาวๆ มาให้พี่ชาได้ยังไง”
     
    “เอามาให้พี่แทนก็ได้” คนคิดแย่งเพื่อนบอกหน้าตาเฉย “แล้วเมื่อกี้หัวเราะอะไร คนตายมันตลกมากหรือไง”
     
    ไหล่บางๆ ไหวอย่างไม่สนใจ
    “นนท์ว่าประหลาดมาก ก้านกุหลาบแทงทะลุหัวใจนี่นะ ขนาดนนท์เลือกก้านแข็งๆ เสี้ยมปลายแหลมๆแล้ว ยังแทงทะลุต้นกล้วยไม่เท่าไร นี่หัวใจคนนะ แทงผู้หญิงด้วยที่มี…”
    เจ้านนท์ยอมไม่เอ่ยคำบางคำตามการกระแอมดักคอของพ่อ “ตรงนั้นหนากว่าผู้ชายนิด...โหน่ย มันจะไปแทงยังไงทะลุ ว่าแต่เขาริดหนามออกหรือเปล่าฮะ”
     
    ศาสตราคิดตามเจ้าของแปลงกุหลาบงามหลายร้อยไร่ แถบนี้ถ้าจะหาผู้เชี่ยวชาญเรื่องกุหลาบจะหาได้ที่ไหน ถ้าไม่ใช่ที่นี่ จะหาก้านกุหลาบที่เป็นอาวุธสังหารได้อย่างสะดวกสบายได้ที่ไหน ถ้าไม่ใช่ที่นี่ หรือเขาจะมองหาผิดไป ไม่ใช่คนที่เข้าเมือง แต่เป็นคนที่อยู่ที่ไร่ล่ะ
    หากคำทักท้วงของนนทสรวงเรื่องการแทงก้านกุหลาบทะลุหัวใจก็เป็นเรื่องน่าสนใจ การชันสูตรไม่พบว่ามีการใช้ของแหลมอื่นใดแทงลงไปก่อนใช้ก้านกุกลาบแทงตามเพื่อสร้างคดีพิสดาร หากแต่เป็นการใช้ก้านกุหลาบแทงไปทีเดียว ก้านที่ยังมีหนามแหลมคมเสียด้วย
     
    “ปกติ กิ่งก้านที่ไม่ใช้ของกุหลาบน้องนนท์เอาไปที่ไหน”
     
    “กองทำปุ๋ยหมักอยู่ทางโน้น” นนทสรวงชี้มือบอก ทำไม้ทำมือบอกขนาด
    “ตัดสั้นๆ สักเท่านี้ ตัดๆ สับๆ ตั้งแต่ยังสดๆ มันตัดง่ายกว่า รวมกับทางสวนของพ่อ กะขี้วัวเศษอาหาร ก็กองไว้หลายกองนะ”
    เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมองพ่อขอความมั่นใจ พงศธรพยักหน้ายืนยัน นายตำรวจหนุ่มมองการทำไม้ทำมือแล้วนึกเปรียบเทียบกับก้านกุหลาบหลักฐานที่ยาวประมาณเมตร ยังมีใบประดับอยู่เหมือนโกร่งกระบี่ น่าแปลกจากข้อสันนิฐานของนนทสรวง อย่างน้อยควรจะมีเลือดติดหนามกุหลาบบ้างซิ เดี๋ยวเขาต้องโทรไปตรวจสอบให้แน่ใจอีกที
     
    “หรือจะเป็นคนที่ไม่ได้เข้าเมือง” นายตำรวจรำพึงกับตัวเอง หากเข้าไปก่อกวนอารมณ์คนบางคนเข้า
     
    “จะจับคนร้ายให้ได้ที่นี้เลยหรือไงผู้กอง เดี๋ยวเถอะ นนท์ได้เอารถพี่ศาสตร์ถอดเป็นชิ้นๆ ไปกองที่แยกโน่น”
     
    “นนท์” พงศธรปรามลูกสาว
     
    “พ่อก็ดูพี่ศาสตร์พูดซิ”
     
    ศาสตราสะดุ้ง พร้อมๆ กับที่พงศธรมองมาอย่างขออภัยแทนบุตรสาว ชื่อศาสตร์ที่ต้องออกเสียงยาวๆ เจ้าตัวแสบเรียกเสียงให้มันสั้นๆ กระชั้นๆ เสียอย่างนั้น ยังดีที่ขมวดลิ้นตอนท้ายๆ ให้ได้ยินเสียง ต.ตอ ร.รอ กล้ำชัดพอไม่ให้ขัดหู เป็น ..พี่-สัด- ตะ-ระ... แต่ไม่รู้ว่าหากไม่ได้ดั่งใจ ไอ้เสียงควบกล้ำมันจะหายไปในอากาศระหว่างทางหรือเปล่า
     
    “พ่อว่าพี่เขาไม่ได้กล่าวหาหรอกนะ ที่เข้ามาขออนุญาตมาบอกกล่าวก่อนนี่ก็แสดงความบริสุทธิ์ใจของพี่เขาแล้วนะน้องนนท์” พงศธรอบรมบุตรสาวเสียงเย็น
    “ในบริเวณนี้ ในจังหวัดนี้ก็ว่าได้ที่ไร่ของเราเป็นที่เดียวที่ปลูกกุหลาบ ทั้งตัดดอก ทั้งขายต้น ถ้าพ่อเป็นตำรวจพ่อก็ต้องเพ่งเล็งมาที่นี่ก่อนอยู่แล้ว แล้วยิ่งตัวนนท์เอง มีคดีตั้งเท่าไร”
     
    บุตรสาวทำหน้าม่อย “นนท์มีแต่เมาแล้วขับเอง”
     
    “คนไร่เราก็มาก มาจากหลายถิ่น คนเก่าคนแก่ไม่ว่ากัน แต่พวกที่เวียนเข้าเวียนออกก็มี ยังไงน้าจะช่วยดูๆ ให้นะศาสตรา”
     
    “ขอบคุณครับ”
     
    “เราด้วย เจ้านนท์” โดนกำชับมาด้วยน้ำเสียงเข้มๆ หญิงสาวก็ได้แต่พยักหน้ารับ “โดยเฉพาะเรานะน้องนนท์ ดูคนงานในไร่ใกล้ชิดหน่อย มีใครหน้าใหม่ๆ มาบ้างไหม”
     
    ศีรษะทุยๆ สั่นไปมา “ไม่มีหรอก ที่ไร่มีแต่คนเก่าๆ แก่ๆ กุหลาบต้องเอาใจเยอะๆ จะมีก็ที่เรียงห่อน่ะพ่อ ที่นนท์รับเด็กมาหาเงินพิเศษ ไม่น่าจะเข้ากลุ่มผู้ต้องสงสัยนะพี่ศาสตร์”
     
    นายตำรวจพยักหน้า “ถึงใจพี่จะเห็นด้วย แต่ยังไง ตามที่ถูกสอนมา ต้องมอง ต้องเก็บหลักฐานทุกอย่างจนกว่าความจริงจะปรากฏออกมา”
     
    “เหอะ เกิดนนท์กลายเป็นคนร้ายขึ้นมา คงช็อกโลก”
     
    “นนท์” เสียงปรามเกิดแทบจะพร้อมๆ กัน หญิงสาวยิ้มยิงฟัน
     
    “พูดเล่น พูดเล่น ไม่มีอารมณ์ขันกันบ้างหรือไงนะ”
     
    “พ่อว่าเรามันมีมากเกินไปแล้ว ไม่ต้องมีเผื่อพ่อ เผื่อพี่เขาหรอก”
     
    หญิงสาวเบ้ปาก ยักไหล่ “ไม่มีอะไรนนท์ไปทำงานต่อแล้วกันนะ พ่อเข้าไปกินข้าวก่อนไหม จะเที่ยงแล้ว”
     
    แทนที่จะมองนาฬิกาที่ข้อมือ หนุ่มใหญ่เงยหน้ามองตะวัน “ก็ดี ไปกินเลยก็ได้ กลับมาทำงานต่อจะได้ไม่ต้องกังวล ว่าแต่จะไปยังไง ไปกับพ่อไหม แล้วนนท์ค่อยมาเอารถ”
     
    ลูกสาวส่ายหัว ผิวปากเสียงแหลม ก่อนกวักมือเรียกคนงานคนหนึ่งมาส่งกุญแจรถของตัวเองให้
     
    “ขับไปให้นายน้อยที่โรงเพาะเน้อ เดี๋ยวไปกะพ่อ”
     
    รถของพงศธรเป็นปิดอัพไม่มีแคบ แล้วนนทสรวงไม่ยอมนั่งเบียดกับใคร นายตำรวจหนุ่มผู้เป็นแขกจึงต้องแสดงความเป็นสุภาพบุรุษกระโดดขึ้นไปนั่งกระบะหลัง พงศธรมองลูกสาวที่ปิดปากหัวเราะเงียบ เอากะมันซิ แกล้งเขาแค่นี้ก็เอาเจ้านนท์
     
    “ตัวก็ไม่ใหญ่ นั่งเบียดๆ กันไปก็ได้ ไม่อย่างนั้นให้พี่เขาขับรถเราไปที่โรงเพาะแล้วค่อยกระโดดขึ้นหลังก็ได้ นั่งหลังจากนี่ไปจนถึงบ้าน ก้นระบม”
     
    “ช่วยไม่ได้” ลูกสาวตอบเสียอย่างนั้น เลือกเพลงฟังสบายใจ แถมผิวปากเมื่อเข้าทำนองที่ถูกใจเสียอีก
     
    ยามค่ำมืดดึกดื่นแทนที่จะหลับพักเอาแรงเพื่อลุกขึ้นมาทำงานหนักตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้นอย่างคนอื่นๆ หากคนงานดูแลโรงเพาะกุหลาบลุกออกมานั่งสูบบุหรี่หน้าเรือน พ่อนาย ปลูกโรงเรือนยาวให้คนงานอยู่ใกล้ๆ กัน แยกเรือนหญิงชาย หากมีครอบครัว นายจะให้ยก เป็นบ้าน แยกออกไปอีกหน่อย คนงานต่างถิ่นมีมาทำไม่เท่าไร ปกติก็คนบ้านนี้ที่ขายที่ให้นายแล้วมาขอทำงานด้วย มีคนมาหากินต่างถิ่นไม่กี่ราย อยู่ๆ ไป แต่งกับสาวชาวสวน กลายเป็นคนบ้านเดียวกันไปหมด พ่อนายใจดี คนแก่คนเฒ่าที่ติดมากับลูกหลานพ่อนายเลี้ยงหมด เขายังว่าพ่อนายใจดีเกินไป บางคนทำงานให้พ่อนายคุ้มหรือเปล่า หากเป็นเขาเมื่อก่อนคงไม่คิดอะไรมากนอกจากสมน้ำหน้า อยากหน้าโง่ให้หลอกได้
    แต่บุญคุณที่พ่อนายมี ช่วยพาไปรักษา ออกค่าหมอค่ายาให้ แถมยังเอาตัวมาดูแลต่อที่ไร่จนหายดี ทำให้เขาอ้อนวอนขายที่ให้พ่อนาย ก่อนย้ายตัวเองเข้ามาทำงานที่นี่ ตอนนอนป่วยพี่บุญตามาช่วยดูแลเอาคุณหนูมาเลี้ยงด้วย เขาจึงรักคุณหนูนัก พอเห็นคุณหนูชอบดอกกุหลาบมากกว่าอะไรเขายังไปขอกิ่งจากบ้านที่มีมาเลี้ยงเป็นต้นออกดอกให้คุณหนู รอยยิ้มบนใบหน้าน้อยๆ เหมือนนางฟ้าสำหรับเขา
     
    ทำไม ทำไมเขาไม่คิดทำอะไรที่มันถูกมันควร ไม่อย่างนั้น เมียลูกก็ยังอยู่กับเขา ทำงานหนักนิดเบาหน่อย แต่เรายังอยู่ด้วยกัน มือใหญ่กร้านโยนบุหรี่ที่สูบยังไม่ถึงครึ่งทิ้งก่อนขยี้ด้วยส้นรองเท้า คว้ามีดอีโต้เดินดุ่มๆ ลับหายไปในความมืด ไม่มีใครสนใจจะตามหาด้วยรู้ดีว่านายสมหมายยังไม่หายคิดถึงครอบครัวที่จากไปอย่างโหดร้าย บ้างทีดึกๆ แกนอนไม่หลับ แกก็ไปขลุกอยู่กับเรือนเพาะต้นไม้ จนแกมีแคร่เล็กๆ มุ้งหลังน้อยๆ เอาไว้นอนอยู่มุมเรือนเพาะ
     
    ศาสตราถูกเรียกแต่เช้ามืด ตอนเขาขับรถออกไปนั้น นนทสรวงกำลังจะเข้าไปไร่กุหลาบของเธอพอดี หญิงสาวมองตามไฟท้ายรถไปอย่างสงสัย เขามีธุระอะไรเร่งด่วนแต่เช้านะ พงศธรที่ลงเรือนตามมาติดๆ เกาะบ่าลูกสาวมองตามไปด้วยความรู้สึกที่ต่างกัน หวาดกลัวแทนบุตรสาว
    ถูกตามตัวอย่างนี้แสดงว่าเกิดคดีขึ้นอีกแล้วน่ะซิ ถ้าอยู่ห่างไกลไปก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าแถวนี้อีก เขากอดลูกสาวแน่นขึ้น เจ้ายอดดวงใจของพ่อ อย่าให้มีอะไรเกิดกับลูกเลย ถ้าจะมีอะไร ขอให้เกิดกับพ่อแทน สายตาลูกสาวที่มองเพื่อนของพี่ชาย ทำอกพ่อร้อนไปได้อีกแบบ เจ้านนท์โตเป็นสาวเริ่มมีสายตามองผู้ชายแล้วหรือ เพราะความไม่ปกติของเจ้าตัวทำให้นนทสรวงไม่เคยเข้าโรงเรียน เขาสอนหนังสือลูกเองแล้วให้ไปสอบเทียบเอา เจ้านนท์ไม่เคยมีเพื่อนวัยเดียวกันที่ฐานะเท่าเทียม ที่เห็นๆ วิ่งในไร่ก็ล้วนแต่เป็นลูกไล่ทั้งนั้น
     
    นกน้อยสีดำเกาะกิ่งราชพฤกษ์เอียงคอมมองลงมายังสองพ่อลูก แรงความตั้งใจปกป้องลูก ความห่วงหวงของผู้เป็นพ่อ ยอมได้ทุกอย่างเพื่อเจ้าลูกน้อย ดวงใจที่มีความตั้งใจแรงกล้าเช่นนี้ ย่อมเป็นที่ปรารถนาของปีศาจ และเป็นที่สรรเสริญของสวรรค์
     
    หัวใจที่เข้มแข็ง จะแข็งแกร่งได้เท่าใดเมื่อต้องเผชิญกับการทดสอบของปีศาจ...ที่ไร้หัวใจ
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×