ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ปัจจุบัน 2 สิ่งที่ต้องการ
2. สิ่งที่เขาต้องการ
อุณรุธจอดรถเทียบข้างทาง เมื่อจำหญิงสาวที่นั่งซบหน้ากับเข่าอยู่ที่ข้างทางเดินได้จนเขาลงมายืนตรงหน้า เจ้าหล่อนก็ยังไม่ขยับเขยื้อน ชายหนุ่มอมยิ้ม โยมหมวกกันน็อกในมือเล่น ยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะก้มลงถาม
“น้องแขกเป็นอะไรหรือเปล่า”
เสียงเรียกชื่อนั่นบอกถึงความสนิทสนมระคนยั่วเย้า เธอจำเสียงอย่างนี้ได้ดี คู่อริ! เขาไปงานเลี้ยงรุ่น เอ๊ย งานทำบุญรวมญาติ อย่างที่เธอคิดไว้ ปรากฏว่าเขาเป็นญาติที่ค่อนข้างจะสนิทเสียด้วยซิ
“คนนั้นไงคะพ่อ” เธอบอกบิดาให้ดูอาจารย์อุณรุธ รามมองตาม ชายหนุ่มผู้นั้นทำความเคารพคู่สนทนาอย่างเรียบร้อย คงเพิ่งจะมาถึง รูปร่างหน้าตาคุ้นๆ แต่นึกไม่ออกว่าเหมือนใคร
ลักษณ์มองตามสายตาของชายหนุ่มที่เขาสนทนาด้วยที่แม้จะคุยกับเขา แต่สายตามักจะโฉบไปทางอื่นอยู่บ่อยครั้ง จนอดหันไปดูบ้างไม่ได้ แล้วก็ต้องยิ้ม นั่นซินะ ที่ต้องคอยหันไปมอง ก็นั่นลูกศิษย์สาวนี่
“พี่ใหญ่” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงล้อเลียน เมื่อสบสายตาของหนุ่มใหญ่ที่ยืนข้างๆ สาวน้อยที่เป็นเป้าสายตาของเขาและชายหนุ่มข้างตัว “คงยังไม่รู้จักซินะหนุ่ม อาจะพาไป”
“พี่ราม น้องแขก” เมื่อเดินไปถึงบุคคลที่ต้องการพบ ลักษณ์ก็เอ่ยทักไปทางเด็กสาวก่อนอย่างเอ็นดู เห็นแม่สาวน้อยพนมมือไหว้เขาและชายหนุ่มที่เดินตามมา ก่อนแอบหลังบิดาเจ้าหล่อน ทำให้ลักษณ์ยิ้มกว้างขึ้น
“เป็นไงล่ะลักษณ์ ได้ข่าวว่ารวยใหญ่แล้ว” รามเอ่ยทักญาติผู้น้อง ส่ายหน้าน้อยๆ กับยิ้มกว้างๆ ของน้องชายที่เห็นขันกับการที่วิยะดามาหลบแอบอยู่ด้านหลัง เออ น้องแขกวันนี้เป็นอะไรไป
“ก็นิดๆหน่อยๆ พี่ราม ยังไม่รวยเท่าพี่รามหรอก” ลักษณ์ตอบคำทักทายของพี่ชายเรื่องโชคในการเล่นหุ้นของเขา ก่อนจะหันมาแนะนำชายหนุ่มที่เดินตามมาตามเจตนาเดิม
“นี่พี่ราม รู้จักลูกพี่รามหรือยัง” คำแนะนำดูจะวกวนเจ้าตัวก็เหมือนจะรู้ เมื่อหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะพยายามขยายความ
“นี่พี่ราม คงต้องเป็นอารามล่ะ” ลักษณ์บอกอุณรุธ
“รุ่นอา ถ้าไม่นับพ่อของหนุ่มล่ะก็ พี่รามนี่ล่ะเป็นพี่ใหญ่สุด หนุ่มลูกชายพี่ราเมศร์”
เขาหันไปบอกรามอีกครั้ง ถึงชื่อเต็มๆ ของพี่รามที่เขาเอ่ยถึงให้งุนงงในตอนแรก ในลูกพี่ลูกน้องรุ่นเดียวกัน อายุอานามไล่เรียงกันนั้น ราเมศร์อยู่อเมริกาเมืองมารดาเป็นส่วนใหญ่ แต่เขากลับมาเมืองไทยทุกปี ก็จะเรียกกันว่า พี่ราม พี่ราม ส่วนรามนั้นอยู่เมืองไทยเป็นส่วนใหญ่ น้องๆ เรียกเขาว่าพี่รามอยู่แล้ว แต่ในช่วงที่ราเมศร์อยู่เมืองไทย เขาก็ดูเหมือนจะยอมแชร์ชื่อกับลูกพี่ลูกน้องที่สูงวัยกว่าไม่เท่าไร
“เพิ่งจะพบ แต่คุ้นกับชื่อมาแล้ว” รามตอบ มองชายหนุ่มที่ทำความเคารพ ด้วยสายตาพิจารณา ถึงจะเพิ่งพบหน้าค่าตา รามก็ถูกชะตากับหลานชายคนนี้เสียแล้ว หน้าตาหล่อเหลาไม่แพ้พ่อเลย
“เสียใจด้วยเรื่องพี่ราเมศร์ กว่าจะรู้เรื่องก็จัดงานไปเรียบร้อยแล้ว” เขาเอ่ยอย่างจริงใจ
มีข่าวส่งมาสั้นๆ ถึงการเสียชีวิตของราเมศร์ ถึงญาติทางเมืองไทย ก็ยังดีที่มีการส่งข่าวมาให้รู้ เพราะหลังจากที่ราเมศร์กลับไปอเมริกาหลังจากมีเรื่องครั้งนั้น ชายหนุ่มไม่เคยกลับมาอีกเลย ข่าวคราวเงียบหายไป พร้อมๆ กับใครบางคน บ้างคนที่เดินทางปี่ประเทศนั้นยังติดต่อกับราเมศร์อยู่บ้าง แต่เขาไม่เคยถาม ไม่เคยตามข่าว และไม่มีใครสักคนจะเอาข่าวมาฝากเขาบ้าง เมื่อเห็นหลานชายคนนี้ รามนึกเสียใจเป็นครั้ง ถ้าไม่ถือทิฐิ เขาคงจะได้เห็นหลายชายคนนี้ตั้งแต่เล็ก ไม่ได้ทำให้อุณรุธเติบโตอยู่นอกครอบครัวทางฝ่ายบิดา
“ฮะ” อุณรุธยิ้ม คงมีน้อยคนนักที่จะรู้เรื่องภายในครอบครัวของเขา แม้เขาจะกลับมาเมืองไทยบ่อยๆ พร้อมๆ มารดาแต่ท่านก็ไม่เคยพาเขาไปหาญาติทางบิดาเลย อาจจะเพราะท่านเห็นว่า ไม่ใช่เรื่องของท่าน นั่นเป็นเรื่องที่พ่อจะพาเขาไปเอง ตอนนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับเขาที่ไม่ได้ไปเยี่ยมเยือนญาติฝ่ายบิดาเมื่อกลับมาที่เมืองไทย เพราะยามอยู่กับบิดาที่โน้น เขาก็ได้พบปะกับญาติๆ ที่แวะเวียนไปหาเสมอ
“คุณแม่ สบายดีใช่ไหม”
“ครับ” ชายหนุ่มยิ้มๆ กับคำถามนำ ตอบคำถามนั้นสั้นๆ แค่นั้น มารดาเขาไม่ห้ามเมื่อเขาเรียนท่านว่าเขาจะมางานพบญาติ ท่านเพียงแต่บ่นว่าท่านไม่ไปนะ อย่าให้มายุ่งวุ่นวายด้วย แล้วเขาจะทำอะไรได้ล่ะ ในเมื่อสิ่งที่เขารู้มาตั้งแต่เกิดคือเขาอยู่ระหว่างสองโลก โลกของพ่อและแม่ เขา...เด็กที่เกิดนอกสมรส พ่อกับแม่ที่คงความเป็นเพื่อนกันเอาไว้ แต่นอกจากนั้นแยกขาดกันโดยสิ้นเชิง
“ยังอยู่ที่โน่น” รามเลียบเคียง ภรรยาและลูกของราเมศร์เหมือนเป็นปริศนาสำหรับครอบครัวทางนี้ ราเมศร์ค่อนข้างจะห่างออกไป เพราะเขามีมารดาเป็นคนต่างชาติ ครอบครัวทางนี้ไม่รู้แม้แต่ว่าภรรยาของเขาเป็นคนไทยหรือต่างชาติ มีลูกกี่คน แต่ผลผลิตตรงหน้าก็ทำเอาเบาใจไปได้ ชายหนุ่มตรงหน้านี่ค่อนมาทางไทยมากกว่าครึ่งเหมือนไทยแท้ๆ
“ท่านไปๆมาๆครับ” อุณรุธตอบสั้นๆ เหมือนเดิม อาศัยรอยยิ้มแทนคำตอบที่ไม่อยากตอบ
“มาคนเดียว?”
ชายหนุ่มอมยิ้มกับคำถาม จะแปลความหมายว่ายังไงดี พี่น้องไม่มีหรือ หรือว่าไม่เอาแฟนมาด้วย
“รู้จักกันหรือยัง นี่ลูกสาวของอา น้องแขก” รามเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นว่าพ่อหลานชายหวงความเป็นส่วนตัว เหมือนพี่ราเมศร์ คนนี้ยังดีกว่าที่ยิ้ม ถ้าเป็นพี่ราเมศร์คงตอบกลับว่าเรื่องส่วนตัวไม่อยากตอบ แถมเลิกคิ้วให้กวนๆ ในความรู้สึกอีก
วิยะดาจำต้องไหว้คู่อริของเธอตามมารยาทและขนบธรรมเนียมประเพณีของคนไทย ก่อนจะหลบเข้าไปแอบหลังบิดาอีกครั้ง นี่เธอทำตัวเคยชินกับการต้องหลบอาจารย์จอมเฮี้ยวท่านนี้แล้วหรือ
“น้องแขกเป็นนิสิตในมหาวิทยาลัยที่ผมสอนอยู่ครับ” อุณรุธรายงานเรียบๆ
รามเลิกคิ้วขึ้น อย่างประหลาดใจนิดๆ ถ้าเป็นอย่างที่วิยะดาเล่าจริงๆแล้ว พ่อหลานชายคนนี้ก็คงจะรู้ว่าวิยะดาเป็นลูกใคร และเมื่อรู้แล้วยังกล้าแกล้งลูกศิษย์เล่นและสามารถพูดมาตรงๆ เช่นนี้ได้ แสดงว่าใจกล้าไม่ใช่เล่นเลย
“ฝากดูแลน้องด้วยก็แล้วกันนะ ไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันที่ไหน พี่ๆน้องๆ กันทั้งนั้น” รามเอ่ยฝากฝังลูกสาวยิ้มๆ
“ครับ” อุณรุธชำเลือง ถึงจะรู้ว่าเป็นลูกสาวของอา ท่าทางพ่อจะเอาใจไม่เบาเลยนี่แต่ไม่มีอภิสิทธิ์อะไรเหนือคนอื่นหรอกนะ เขาส่งสายตาข่มขู่เด็กสาวย่นจมูกใส่ขอตัวพาลักษณ์ไปพบญาติคนอื่นๆ ที่เขาบ่นว่าหาไม่เจอ
“น้องแขกสุขภาพไม่ค่อยดี อาไม่อยากจะให้เขาเรียน มันจะหนักเกินกว่าที่สุขภาพจะอำนวยให้” รามบอกหลานชายที่เพิ่งพบหน้า เมื่อลักษณ์และวิยะดาแยกตัวออกไป บอกถึงสาเหตุที่เขาตามใจลูกสาวนัก วิยะดาไม่ค่อยพอใจกับการพะนอเอาใจของพ่อ เธอพยายามใช้ชีวิตปกติที่สุด
“น้องแขก วิยะดาเรียนดีครับ” เขายิ้มเขินๆ เรียกน้องแขกไม่ค่อยจะสนิทปากสนิทใจเลย
“เรียกเขาน้องแขกเถอะ ใครๆก็เรียกอย่างนั้น” รามบอกหนุ่มรุ่นหลาน รู้สึกถูกชะตาอย่างประหลาดกับชายหนุ่มผู้นี้“เห็นน้องแขกมาเล่าเกี่ยวกับหนุ่ม อายังคิดว่าหนุ่มจะเด็กกว่านี้”
รามหัวเราะหึๆ “เขาเล่าว่าพาลเป็นเด็กๆ เลยเชียว”
“ก็มีบ้าง” อุณรุธหัวเราะเขินๆ “แต่ผมสงสัยมากกว่าตัวเขาเองติวให้เพื่อนก็ได้ ทำไมต้องมาเรียนแทนด้วย”
“มันเป็นการทดแทน น้องแขกทำอะไรไม่ได้หลายอย่าง ดังนั้นสิ่งไหนที่เธอพอจะทำได้ เธอจะทำให้เพื่อน” รามไม่ได้อธิบายมากไปกว่านั้น
วิยะดาช้อนตาขึ้นมองก่อนพยายามยืดตัวให้นั่งตรงๆ ตลกดีที่เขาขี่มอเตอร์ไซ อาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่เท่ห์ๆ แล้วชอบขี่มอเตอร์ไซด์ซิ่ง ก็มีสองคนนี่ล่ะ คนแรกก็อาจารย์หนุ่มน้อย อาจารย์อุณรุธ อีกคนก็อาจารย์หนุ่มใหญ่ อาจารย์เพทาย
“ค่ำแล้ว ทำไมยังไม่กลับบ้าน รถที่บ้านไม่ได้มารับหรือ”
หญิงสาวย่นจมูกกับคำถามมากมายนั้น ถาม? ถาม? ถาม? สมกับอาชีพอาจารย์เสียจริงๆ นะ
“อ้าว ว่าไงล่ะ” อุณรุธถามซ้ำ เมื่อหญิงสาวยังนิ่ง กอดอกพิงมอเตอร์ไซด์ให้รู้ว่าเขาไม่ปล่อยคำถามให้ผ่านๆไปโดยไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการเสียก่อน
“กำลังจะกลับค่ะ” หญิงสาวตอบออมเสียง ตอนนี้เอาเรืองอาจารย์หนุ่มไปบ่นกับพ่อไม่ได้แล้ว พ่อเข้าข้างหลานชายมากกว่าลูกสาว หญิงสาวย่นจมูกอย่างไม่ชอบใจ
“รอรถที่บ้านหรือ” อุณรุธชวนคุยซ่อนยิ้มในหน้า เด็กเอ๋ยเด็ก คิดอะไร แสดงออกมาทางสีหน้าแววตาหมด
“ค่ะ” วิยะดารีบตอบรับ สะกดกั้นความรู้สึกปวดจี๊ดๆ ในท้อง ตั้งใจฟังคู่อริของเธอ ถ้าสมาธิไม่ดีมีสิทธิเพลี่ยงพล้ำได้ง่ายๆ
“พี่จะรอเป็นเพื่อน”
อาจารย์หนุ่มพยักหน้า แถมขยับมอเตอร์ไซด์ให้จอดแอบขึ้นมาบนฟุตบาทไม่ให้ขวางทางเสียด้วย สติกระจายหายในพริบตา วิยะดาเลิกคิ้วอย่างสงสัยในคำสรรพนามที่ใช้แทนตัว
“ไม่ต้องหรอกค่ะรถไม่ได้มารับ” หญิงสาวบอกอ่อยๆ
ตอนแรกว่าจะไปต่อกับเพื่อนเลยบอกรถไม่ต้องมารับ แล้วระหว่างวันก็มีกิจกรรมมาคั่น ทำให้ต้องเลิกนัดกับเพื่อน แล้วผลของกิจกรรมก็ทำให้ท้องร้องจี๊ดๆ ทำให้มานั่งจุมปุกอยู่ตรงนี้ กะว่าพอค่อยยังชั่วจะไปหาอะไรรองท้องก่อนขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน แล้วมันก็สะดุดตาอาจารย์คู่อริของเธอทำให้เขามาหยุดตรงนี้ วันนี้มันวันอะไรกันนะ
“เอ้า งั้นขึ้นมาจะไปส่ง” อุณรุธโยนหมวกกันน๊อกให้ เลื่อนรถลงมา วิยะดารับหมวกที่ถูกโยนมาให้อย่างงงๆ อาจารย์ว่ายังไงนะ ไม่มีเวลาคิดเมื่อคิ้วเข้มขมวดก่อนชี้ที่นั่งข้างหลัง รีๆรอๆ พอถูกหันมาสั่งอีกครั้งเลยต้องกระโดดเกาะหลังมอเตอร์ไซด์อาจารย์หนุ่ม ดีนะ ว่าเพื่อนๆ กลับไปส่วนใหญ่แล้ว ไม่อย่างนั้นโดนล้อแน่เลยมัวแต่คิดจนลืมสังเกตไปว่า ทางที่ชายหนุ่มขับไปนั้นไม่ใช่ทางไปบ้านของเธอ
“จารย์ อาจารย์”
วิยะดาเรียกเป็นเชิงทักท้วง เมื่อเขาขับผ่านประตูเหล็กดัดลายเครือเถาอ่อนช้อย ที่ กดรีโมทบังคับประตูเปิดกว้างประมาณเครือๆ คัน เธอต้องหดตัวเก็บขาอย่างรวดเร็ว
“อาจารย์” หญิงสาวท้วงด้วยเสียงที่ดังขึ้นเมื่อถอดหมวกกันน๊อกออกแล้ว
“เข้ามากินข้าวเสียก่อน ปวดท้องกระเพาะใช่ไหม”
อุณรุธหันมาบอกแล้วก็เดินเลยขึ้นบ้านไปก่อน ชายหนุ่มแอบยิ้มในใจ ตอนนี้จะมีอะไรพอให้สาวน้อยลองท้องไปก่อนได้บ้าง เมื่อเด็กรับใช้เข้ามายอบตัวส่งแก้วน้ำให้เขาเลยใช้ให้ไปนำทางญาติผู้น้อง เพราะความกลัวหรือไม่แน่ใจเธออาจจะเกาะอยู่ข้างมอเตอร์ไซด์ของเขาทั้งเย็นเลยก็ได้ ในเมื่อไม่รู้ว่าเขาอยู่บ้านหลังนี้คนเดียวหรือเปล่า อารมณ์ไหนนะ ที่เรียกหญิงสาวให้ซ้อนท้ายพามาที่บ้าน อาจจะเพราะอยากจะอวดน้องสาวกับมารดาที่เพิ่งมาพักที่นี่ก็ได้
วิยะดามองบ้านอย่างพออกพอใจ เป็นไม้ถือปูนหรือปูนถือไม้สักอย่างล่ะ แบบทรงน่าจะเป็นแบบที่เรียกว่าเรือนปั้นหยานะ เป็นเรือนสองชั้นยกสูง พอใจบ้านนะ ยังไม่ใช่พอใจคนพามา
“เชิญคุณหนูค่ะ”
เสียงใกล้ๆตัว ดึงความสนใจของเธอได้ เหลียวมามอง หญิงวัยใกล้กับเธอ นุ่งผ้ายาวสวมเสื้อเหมือนสาวเหนือยิ้มอ่อนหวานให้
“จ้ะ” วิยะดาวางหมวกกันน๊อกไว้กับรถ ก่อนเดินตามหญิงสาวขึ้นเรือนไป
คู่อริตัวแสบของเธออยู่กับหญิงสูงวัย ร่างบอบบาง แววตาใจดีและสวย ขนาดเธอคุ้นกับมารดาที่จัดว่าเป็นสาวสวยแล้วยังสู้ไม่ได้ ยามสาวท่านคงจะสวยมากๆ เลยล่ะ อาจารย์หนุ่มได้หน้าตา สุภาพสตรีผู้นี้มาบ้าง น่าจะเป็นคุณแม่ของอาจารย์ หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งคลานเข้าไปกราบกับตัก
“นี่รึหนูแขก พี่เขาเล่าให้ฟังว่าขยันเรียนมาก ยังเสียใจอยู่ที่อาจจะไม่ได้อยู่สอน” บุษบาพูดกับเด็กสาว หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก แววตาใส กระจ่างฉายแววฉลาด สบตาบุตรชายเขาก็เพียงมองตอบนิ่งๆ จะแค่ให้ความช่วยเหลือญาติเท่านั้นจริงๆ นะหรือตาหนุ่ม
วิยะดาหันไปมองคู่อริอย่างสงสัย อาจารย์หนุ่มจะไม่สอนแล้ว ดีใจสุดฤทธิ์ จะได้เลิกมีคนก่อกวนสักที แต่ทำไมใจโหวงๆ ประหลาดๆ
“พี่จะออกมาทำงานส่วนตัว เราตั้งสาขาที่นี่เสร็จแล้ว งานคงเยอะขึ้นแต่ก็ยังไม่แน่หรอก ต้องดูงานกับเวลาว่างก่อน” อุณรุธขยายความ เห็นแวะระยิบระยับในดวงตาคมคู่โตเหมือนสาวแขกสมชื่อ สลดลงวูบหนึ่งก็แอบขำในใจ
“ไปล้างมือล้างหน้าซิ แล้วจะได้มากินข้าวกัน แจ่มมาพาคุณหนูไป” บุษบาพยักหน้าให้สาวใช้ วิยะดาตามสาวใช้คนเดิมออกไป
“หนุ่มก็ไปล้างหน้าล้างมือเสีย อาหารคงจะอุ่นเสร็จพอดี ช้าไปเดี๋ยวจะเย็น”
“ครับแม่” อุณรุธลุกออกไป
เขามีชีวิตครึ่งหนึ่งอยู่ที่นี่กับมารดา อีกครึ่งอยู่กับบิดาที่อเมริกา การแยกทางดูเหมือนจะเป็นเรื่องแปลก แต่ทั้งบิดาและมารดาต่างก็ไม่ได้มีความโกรธเคืองอะไรต่อกันเลยนี่นา เขาคุ้นเคยกับชีวิตตะวันตกพอที่จะเข้าใจได้ว่าการที่มีเขา อาจจะเกิดจากความผิดพลาด และเขาก็ไม่ใช่ลูกที่ถูกต้องตามกฎหมายนักแต่บิดาก็ยอมรับเขาเป็นบุตรตามใบเกิด ก็จะเป็นอะไรไปเล่า
“อาหารอร่อยมากค่ะ” หญิงสาวเอ่ยชม เมื่อจบอาหารมื้อนั้น
“น้องแขกชอบทำกับข้าวไหม” บุษบาถามเด็กสาวอย่างเอ็นดู
ลูกเต้าเหล่าใครนี่ ลูกชายบอกว่าเป็นญาติ เธอไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องกับตระกูลนี้อีก แต่ที่ให้อุณรุธไปงานพบญาติก็เพราะเขาเป็นคนตระกูลนั้น ญาติๆ ต่างรู้กันแล้วแล้วเรื่องของคนรุ่นก่อนไม่กี่คน จะทำให้ลูกชายเธอไม่มีญาติพี่น้องได้อย่างไร แต่ตัวเธอไม่ไม่อยากเข้าไปติดต่อข้องแวะกันอีก หากเด็กสาวหน้าตาสดใสคนนี้ ทำไมล่ะ เรื่องมันผ่านมานานแล้ว มีไม่กี่คนที่รู้เรื่องละเอียด ทำไมไม่ปล่อยให้มันผ่านไปการเก็บเรื่องเก่ามาเป็นอารมณ์ จะไม่เสียดายหรือ ถ้าจะไม่ได้พบปะพูดคุยกับสาวน้อยคนนี้อีก
“ไม่ชอบค่ะ” วิยะดาบอกทันที
“แต่ชอบทาน เวลาแขกไปทานอะไรอร่อยๆ ก็จะขอสูตรไปให้คุณแม่ทำให้ทาน” เธอบอก กลัวอยู่ว่าจะถูกตำหนิ
“เหมือนป้า ป้าไม่ชอบทำเหมือนกัน แต่ถูกบังคับ” ท่านหลิ่วตาเหมือนรู้กัน
“ก็ได้ดีมาไม่กี่อย่างหรอกนะ นี่ฝีมือแม่ครัวเอก ยายแก้ว เขาทำเอาใจตาหนุ่มเขา พี่เขาทำอาหารอร่อยนะ หนุ่มนะ”
วิยะดาหัวเราะ ชำเลืองมองหน้าคู่อริ ก็เห็นหน้าแดงขึ้นถนัดตา อายทำไม ผู้ชายทำกับข้าวไม่เห็นน่าอายเลยดีเสียอีกสำหรับสาวๆที่ไม่ชอบทำกับข้าว
“แม่ชอบทานนะน้องแขก เวลาป้าแก้วไม่ได้ตามไปด้วย พี่ก็เลยต้องทำ” ชายหนุ่มออกตัว ทำตาเหมือนจะค้อนไปทางมารดา “ก็แม่ไม่ยอมทำนี่”
หญิงสาวอมยิ้ม ครอบครัวที่อบอุ่น อาจารย์สนิทกับคุณแม่มาก รอยยิ้มของหญิงสาวอ่อนโยน อุณรุธชำเลืองมองเมื่อเห็นรอยยิ้มอ่อนหวานนั้น คิดอะไรอยู่หรือน้องแขก
“เอ้า รีบพาน้องไปส่ง มืดค่ำแล้ว ป้าก็ลืมบอกให้โทรไปบอกที่บ้านก่อน” ผู้อาวุโสกว่ารีบไล่เมื่อเหลือบไปมองนาฬิกา
พาหนะที่อุณรุธขับไปส่งไม่ใช่มอเตอร์ไซด์คันเก่ง แต่เป็นรถยุโรปยี่ห้อดังเสียด้วยซิ คาดเดาจากบ้าน แล้วก็รถยนต์ อาจารย์หนุ่มนี่ก็รวยไม่ใช่เล่น ถ้าดูจากการไปสอนด้วยรถมอเตอร์ไซด์แล้ว คาดเดาฐานะไม่ได้เลย
อุณรุธลงเดินตามไปส่งลูกศิษย์สาว ไหว้สาวใหญ่ที่ออกมายืนรอที่หน้าตึกตามวิยะดา แม้จะวางท่านิ่งๆ แต่แววตากังวลห่วงใยนั้นซ่อนไม่มิด ก่อนจะเรียนให้ทราบถึงเหตุผลที่หญิงสาวกลับบ้านช้า
“ผมมาส่งน้องแขกครับ เห็นว่าปวดท้องเลยให้แวะทานข้าวที่บ้านก่อน”
“อาจารย์หนุ่ม อาจารย์ที่มหา’ลัยค่ะแม่” วิยะดารายงานกอดแขนมารดาไว้ขยายความต่อเมื่อมารดายังมีสีหน้างงๆ “ลูกชายของลุงราเมศร์ที่อเมริกาไงคะ”
อุณรุธอมยิ้มกับปากที่ขยับจ๋อยๆนั่นนั่งเงียบออมคำมาตลอด ยกเว้นตอนบอกทาง สีหน้าคุณแม่ของลูกศิษย์สาวเริ่มผ่อนคลาย เมื่อรู้ว่าเขาเป็นญาติคนหนึ่ง
“ป้าแก้วที่บ้านอาจารย์ทำกับข้าวอร๊อยอร่อยค่ะ”
“เอ้า พูดเข้า ไม่มีใครเขาแย่งพูดหรอกน้องแขก เชิญขึ้นบ้านก่อนซิคะ ทานข้าวด้วยกันอีกสักรอบ ชิมอาหารบ้านนี้บ้าง” ละเวงเอ็ดลูกสาว ยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างขออภัยแทนลูกสาวอยู่ในที
“น้องแขกอิ่ม” หญิงสาวแอบกระซิบ
“คุณอากลับมาหรือยังครับ” อุณรุธถามถึงญาติอาวุโสของเขา คงไม่เหมาะถ้าเขาจะอยู่รับประทานอาหารถ้าไม่มีผู้ชายในบ้าน
“อยู่ข้างบนจ้ะ เดี๋ยวก็ลงมา นั่นไง” ละเวงบอก เมื่อเดินเข้ามาภายในตึกแล้วเห็นรามกำลังเดินลงมาพอดี
รามรับไหว้ชายหนุ่มที่พอจะจำได้ว่าเป็นลูกของพี่ราเมศร์ที่อเมริกา เขาเดินลงมาดูว่าเสียงรถใครมาในเวลาเย็นอย่างนี้ ไม่คิดว่าจะเป็นชายหนุ่มที่ถูกชะตา
“อ้าวตาหนุ่ม มากินข้าวกัน ดีจริงวันนี้คึกคักกินข้าวอร่อย”
“ผมมาส่งน้องแขกครับ เห็นว่าเย็นมากแล้ว เลยให้แวะทานข้าวที่บ้านก่อน ขอโทษด้วยครับที่ไม่ได้โทรมาบอกก่อน” อุณรุธรายงานให้ผู้ใหญ่ทราบอีกครั้ง ทำได้ได้รับรอยยิ้มไว้ใจจากทั้งรามและละเวง วิยะดาแอบย่นจมูกใส่ เสนอหน้าจริงๆ อาจารย์
“ไม่เป็นไร มากินข้าวด้วยกันก่อน ชิมนิดชิมหน่อยก็ได้ คุณน้อยเขาทำอาหารอร่อย” รามบอก แล้วก็ต้องขยายความเมื่อเห็นแววไม่เข้าใจ “คุณน้อย, แม่ของน้องแขก”
อุณรุธร่วมโต๊ะอาหารด้วย ละเวงรู้สึกว่าบรรยากาศดีกว่าทุกวัน คุณท่านอารมณ์ดี ท่าทางถูกใจชายหนุ่มผู้นี้มากอาจจะมากกว่า หนุ่มๆ เพื่อนเล่นของวิยะดาที่เห็นมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย
“อ้าวออกมาทำเองอย่างนี้แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปสอนล่ะ” รามถามอย่างสงสัยเมื่อลองถามว่าบริษัทที่เทคโอเวอร์ไว้นะจะเข้ามาทำเองหรือไม่
“ก็คงดูเวลาก่อนครับ ช่วงแรกผมอาจจะพักสอนเอาไว้ก่อน แต่ผมคงไปสอนอีก ความคิดของเด็กๆทำให้ได้ความคิดใหม่ๆ” อุณรุธชำเลืองมองสาวน้อยที่ยิ้มแป้นก่อนหุบยิ้มทันควัน แถมยังค้อนน้อยๆ มาให้อีก
รามหัวเราะ “เชื้อไม่ทิ้งแถว เหมือนพ่อเรามากนะหนุ่ม น้องแขกไม่ได้เรื่อง ไม่โตเสียที” รามบ่นลูกสาวคนเดียว หากรอยยิ้มที่ส่งให้บอกว่าเขาไม่ได้จริงจังกับสิ่งที่พูดไปนัก หญิงสาวย่นจมูกใส่ รามยิ้มมากขึ้น เมื่อเห็นว่าเจ้าหลานชายก็อมยิ้มขำเหมือนกัน
“คุณแม่ล่ะ คงจะย้ายมาอยู่ด้วยกัน” รามถามถึงญาติผู้ใหญ่ที่เหลือของชายหนุ่ม จะว่าไปเขาก็อยากพบหน้าพี่สะใภ้คนนี้ ผู้หญิงที่หยุดราเมศร์ได้ไม่ใช่ธรรมดา คนเจ้าชู้ชอบผู้หญิงสาวพราวเสน่ห์อย่างนั้น
“คงจะแวะมาบ้างครับ ท่านมีกิจการทอผ้าอยู่ที่เชียงใหม่” อุณรุธเรียนท่านอย่างสบายๆ ไม่ได้บอกว่าแม่ทำมานานแล้ว
“เอ๊ะ! อาก็มีไร่อยู่ที่เชียงใหม่ วันหน้าคงต้องขอไปทำความรู้จักกับพี่สะใภ้แล้ว”
“เชิญครับ” อุณรุธยิ้มกับท่าทีกระตือรือร้นของราม ใครๆก็อยากพบแม่เขาทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นอา ที่เขารู้จักมาตั้งแต่สมัยอยู่ที่อเมริกา หรืออาคนอื่นๆ ที่เพิ่งจะรู้จัก
“แต่ผมต้องขอโทษแทนคุณแม่ล่วงหน้าด้วย ท่านทุ่มเทกับงานมาก แทบจะหาเวลาเป็นส่วนตัวไม่ได้เลย” ชายหนุ่มขอแก้ตัวเอาไว้ก่อน พ่อแค่หัวเราะเมื่อเขาถามว่าแม่รู้จักญาติของพ่อบ้างไหม ในเมื่อแม่บอกเสมอว่าแม่รู้จักญาติของพ่อ ดีหว่าพ่อเองเสียอีก ดีจนไม่อยากจะพบอีกแล้ว
“อาพอจะเข้าใจ” รามบอก
เขาก็โตมาเป็นหนุ่มไล่หลังราเมศร์ขึ้นมา จัดได้ว่าเป็นหนุ่มรุ่นเดียวกัน พอจะรู้ลายของพี่ชายมาบ้างว่าแค่ไหน ก็เคยติดตาต้องใจ ถึงขั้นผูกใจแย่งกันในความรักของผู้หญิงคนเดียวกัน คู่หมายของราเมศร์ แล้วเขาก็แย่งชิงมาได้สำเร็จ ถึงจะแต่งงาน ราเมศร์คงไม่สิ้นลายง่ายๆ
“พี่สาวคนนี้คงต้องเข้มแข็งมาก”
อุณรุธหัวเราะออกมาเบาๆ เขาก็ลูกชายพ่อ ใกล้ชิดพ่อ ทำไมจะตามความคิดของรามไม่ได้ แต่ไม่ใช่อย่างที่อารามคิดเลย พ่อกับแม่เป็นเพื่อนที่สนิทเหมือนพี่น้องกันมากกว่า ไม่มีเรื่องขุ่นข้องใจกันในเรื่องนั้นเลย
“หัวใจแม่มักจะอ่อนนุ่ม”
“ครับ!” อุณรุธหันมาทางหญิงสาวเมื่อเธอพูดพึมพำอะไร ทำให้รามพลอยหันมาด้วย
“อะไรน้องแขก” รามถาม ค่อนข้างจะชินกับคำพูดสวยงามที่โพล่งออกมาลอยๆของสาวน้อยคนนี้ดี ก็เลี้ยงมากับมือ
“หัวใจแม่ จะอ่อนนุ่ม ปกป้องลูกไว้ในหัวใจไหม หอมหวาน นิ่มนวล”
ละเวงหัวเราะเบาๆ ดึงลูกมากอดไว้ จับศีรษะเขย่าอย่างเอ็นดู ชายหนุ่มมองตามด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้งขึ้น อุณรุธอยู่คุยเพลินจนกระทั่งรู้สึกตัวว่าชักจะดึกแล้ว ลูกศิษย์สาวตาปรือ แอบขยี้ตา จึงลากลับ วิยะดาออกมาส่งที่รถ
“คุณพ่อชอบอาจารย์” หญิงสาวพูดลอยๆ “ท่านไม่ค่อยจะชมใครนัก”
“อาจจะเพราะเป็นญาติกันก็ได้แล้วก็เลิกเรียกอาจารย์ได้แล้ว เรียกว่าพี่นะ จะได้ชินๆ”
“คะ ?” หญิงสาวเลิกคิ้ว งุนงง กับคำสั่งนั้น เอ๋มันแปลกๆอยู่นะ แต่ก็ง่วงมากกว่าความต้องการที่จะอยากรู้
“ส่งแค่นี้พอน้องแขก นอนหลับฝันดีนะครับ”
นั่น....ทั้งหมดละคู่อริของเธอ หญิงสาวกัดฟัน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น