คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : อัญมณี
อัญมณี...ภาค 1
“ชอบคนไหนครับ เจ้านาย” เสียงถามเบาๆ ข้างๆ หูท่ามกลางเสียงจอแจของห้องบอลรูมใหญ่ ที่จัดเตรียมไว้สำหรับการเดินแฟชั่นเครื่องประดับ
กุลชาติมองนางแบบที่เดินกรีดกรายผ่านไปมา ยังไม่มีใครถูกใจเขาเลย
“เอื้องผึ้งล่ะ ไม่ได้มาหรือ”
เขาถามเบาๆ ถึงนางเอกสาว ที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน รวมทั้งในเวทีเดินแบบด้วย หญิงสาวสวมใส่เสื้อผ้าแล้ว เสื้อสวย ถึงจะตัวเล็กกว่านางแบบมืออาชีพ แต่ในงานดังๆ เธอจะรับเชิญมาเดินเสมอ
แม่นางเอกสาวที่ปฏิเสธเขา ในความสัมพันธ์เกินเพื่อน หรือแม้แต่จะแค่เพื่อน อะไรนะที่เขาสนใจ ความสวย อ้าใช่เลย เธอสวย เครื่องหน้าทุกชิ้นหวาน ละมุน แฝงแววเศร้านิดๆ รูปร่างสวยไร้ที่ติ เมื่อมองผ่านชุดว่ายน้ำ และไร้ราคี ไม่เคยมีข่าวเกี่ยวกับผู้ชาย
นามเอื้องผึ้ง อรชา ที่เธอใช้ในการแสดง ไม่มีใครรู้เบื้องหลังครอบครัวว่ามาจากไหน หลักฐานแทบจะไม่มี
“มาครับ นั่นไง” นายหน้าหาหญิงสาวเพื่อสนองคนมีเงินยิ้มแก้มแทบปริ เมื่อโฆษกประกาศชื่อนางแบบคนต่อไป...
กุลชาติมองสาวงามร่างแบบบางที่เดินออกมาโชว์เครื่องเพชรดวงหน้างามมองตรง ใบหน้าหวามอมเศร้ายิ้มนิดๆ
อัญมณีเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยกิริยาเนือยๆ ตอนนี้เธออยากกลับที่พักแล้วล้มตัวลงนอนเป็นที่สุด ติดที่ว่าผู้จัดการของเธอชวนไปต่อด้วยคำพูดที่ยากจะปฏิเสธ
เครื่องดื่มอัลกอฮอร์ ผู้หญิง ดูจะเป็นสิ่งที่ผู้จัดการของเธอ นาย
หญิงสาวเอนพิงพนักเก้าอี้ มึนๆ คงเพราะทานยาแก้ไข้เข้าไป เอาล่ะมันคงไม่หนักหนาสาหัสนักหรอกถ้าจะขอพักหัวสักนิด เธอขยับตัวเมื่อรู้สึกเย็นยะเยือก ความอบอุ่นวูบเข้ามาหา หญิงสาวขยับตัว จนนอนได้อย่างสบาย
กุลชาติกระชับอ้อมแขนแน่นเข้า หญิงสาวซุกเข้าหาอย่างคนที่ใฝ่หาความอบอุ่น ท่าทางยามหลับ ไร้เดียงสา ว้าเหว่นัก ดวงหน้าหวานไร้เครื่องสำอางแต่งเติม อวดผิวหน้าใสเนียนนุ่มเหมือนผิวเด็ก ยามใบหน้าไร้สีสัน หญิงสาวผู้นี้ ก็ยังงามจับตา หวานอมเศร้าจนใจมลาย
ธนาโทร.ไปหาเขาว่าจะนำเอื้องผึ้ง มาให้ และเขาก็รับตัวเธอมา มึนเมาไม่ได้สติ
กุลชาติวางร่างงามลงบนเตียง ร่างบอบบางซ่อนอยู่ในเสื้อกางเกงสีเข้ม แบบสวมสบายมากกว่าตามสมัย มีกลิ่นบุหรี่ แต่เขาไม่ได้กลิ่นเหล้า สงสัยเจ้าธนา ผู้จัดการตัวแสบ...ขาย...เธอเสียแล้วนะ แม่นกน้อย จะรู้ตัวบ้างไหม
ชายหนุ่มนอนตะแคงมองความงามของผู้หญิงสวยตรงหน้าด้วยสายตาชื่นชม เจ้าหล่อนขยับกายเพียงครั้งเดียวเพื่อหาจุดที่นอนสบายที่สุด คงเป็นเพื่อนร่วมเตียงที่ไม่รบกวนอะไรเขาเลย ชายหนุ่มยิ้มขันๆ
“ฮันนี่ อื้ม ฮันนี่” เสียงพึมพำเบาๆ
ใครนะที่เธอเรียกแม้อยู่ในฝัน เขาไล้นิ้วไปทั่วหน้าหวานซึ้งนั่น ผิวนุ่มละมุนมือ ริมฝีปากอิ่มแย้มหวาน คนที่เธอฝันถึงคงเป็นที่รักยิ่ง ชายหนุ่มถามตัวเองเป็นครั้งแรก เขาต้องการแค่ตัวเธอเท่านั้นเองจริงๆ หรือ ความเฉยชาที่มีต่อคนที่เธอเรียกในฝัน มันไม่มีผลกระทบอะไรกับความรู้สึกเขาเลยใช่ไหม
สิ่งแรกที่อัญมณีทำเมื่อตื่นคือต้องลุกนั่ง เธอฝึกตัวจนเคยชิน ถ้านอนอยู่ เธออาจจะหลับต่อได้ แต่วันนี้แรงรั้งดึง ทำให้ลุกไม่ได้ดังใจ
“เอ๊” หญิงสาวหลุดปากอย่างหงุดหงิด
“เอ๊”
เสียงทุ้มๆ แปลกๆ หู หญิงสาวเงยหน้าขึ้นก็พบกับดวงหน้าคมคายเข้มด้วยไรหนวดเคราก้มลงมองอยู่ก่อน
“คุณกุลชาติ”
อัญมณีพึมพำ จำดวงหน้าคร้ามที่ลอยอยู่เหนือหน้าเธอได้ เขาจัดว่าเป็นเพื่อนที่ดี ถ้าไม่คิดเอาตัวเธอขึ้นเตียงอยู่บ่อยๆ ก็ยังดีที่เขารู้จักคำว่าไม่ ไม่เหมือนบ้างคนที่ต้องใช้มาตรการแรงกว่านั้น หญิงสาวขยับตัวแล้วก็รู้ว่าความรัดดึงที่รู้สึกมาจากอ้อมแขนของชายหนุ่มผู้นี้เอง หญิงสาวทิ้งตัวลงนอนนิ่ง ประสบการณ์ที่ผ่านมาบอกเธอให้ใจเย็น มีสติ
“คุณธนาเอาคุณมาส่งให้ผม” กุลชาติบอกง่ายๆ จับจ้องดูปฏิกิริยาของหญิงสาวในอ้อมแขน แววตาหวานอมเศร้าสีน้ำตาลอ่อน ทอประกายกร้าว อา...เธอไม่ใช่คนหัวอ่อนเท่าไรเลย
“เท่าไรล่ะคะ ค่าตัวดิฉัน” อัญมณีถาม
เจ็บใจตัวเองที่ไม่ทันเล่ห์กลคนอื่น ทางบ้านคงชอบใจนักล่ะ ถ้ารู้ว่าเธอเป็นอย่างนี้ โอ้หนอชีวิต ช่างเล่นตลกอะไรอย่างนี้
“ห้าหมื่น” ชายหนุ่มตอบเรียบๆ เขาไม่ได้บอกไปหรอกว่าเขายังไม่ได้ใช้ประโยชน์จากการเสียเงินห้าหมื่นนั่นเลย
“ถ้าคุณติดต่อกับดิฉันอาจจะจ่ายถูกกว่านั้น” อัญมณีตอบ ขยับจะลุกให้ได้ แต่ท่าทางชายหนุ่มจะไม่ยอมง่ายๆ
เขาเป็นคนหนึ่งเหมือนอีกหลายๆ คน ที่ต้องการตัวเธอ และถ้าสิ่งที่คนอื่นพูดถึงเขาไม่ผิดละก็ เขาเป็นคนยุติธรรม และไม่เคยบังคับใคร
“งั้นอะไรล่ะ ถ้าต้องการตัวเธอตลอดไป”
“ทะเบียนสมรสมั่งคะ” หญิงสาวตอบ แล้วส่ายหน้า
“ดิฉันไม่เคยเชื่อ และเห็นด้วยตัวเองว่ากระดาษแผ่นเดียวมันจะรั้งคนสองคนให้อยู่ด้วยกันได้อย่างไร ถ้าใจเขาต้องการจะไปจากกัน”
“สำนวนนักแสดง” กุลชาติเยาะ
“คุณเป็นคนมีอิทธิพล” หญิงสาวพูดต่อ ไม่สนใจว่าเขาว่าอะไร เธอต้องการผลประโยชน์สูงสุด ถ้าเธอต้องเสียอะไรบางอย่างไปโดยไม่เต็มใจ
“คุณจะช่วยกันไม่ให้ดิฉันเจอกับเหตุการณ์อย่างนี้อีก ได้ไหมคะ”
“ได้ ตราบเท่าที่คุณจะยังซื่อสัตย์ต่อผม” กุลชาติยิ้มหมิ่นๆ ก็เท่านั้น รักเสียสละไม่ต้องการสิ่งตอบแทนคงไม่มีในโลกนี้แล้ว เขาหวังอะไรความรักหรือ ก็รู้ว่าไม่ใช่ แต่ทำไมเกิดช่องว่างเล็กๆ ภายในอกนะ
“อย่างซ่อนเร้น” หญิงสาวต่อ คงจะบอกว่าเขารักคลั่งไคล้เธอไม่ได้ เขาก็แค่ต้องการตุ๊กตาสวยๆ ตัวหนึ่งเอาไว้ควงเอาไว้โชว์ให้คนอื่น รู้ว่าสิ่งที่ยากยิ่งนั้น เขาได้มาแล้ว เธอเสียตัวเธอแล้ว เธอจะไม่ยอมเสียศักดิ์ศรี ออกไปยืนตากหน้าเป็นตุ๊กตาตัวใหม่ของเขาหรอก มันเหมือนมีป้ายประกาศจองสำหรับคนต่อไปที่เธอไม่คิดจะมี
“ใช่ อย่างซ่อนเร้น” กุลชาติรับคำ สิ่งที่เขาต้องการคือผู้หญิงคนนี้ ถึงจะเสียโอกาสที่จะได้ควงสาวๆ สวยๆ แต่ความคิดที่จะเก็บเธอเป็นของเขาคนเดียวก็เย้ายวนใจ
คำสัญญานั้น นำเธอไปรู้จักกับความพิศวาส ความผูกพันที่เธอ...ยากจะปฏิเสธ
^__^
กุลชาติย้ายเธอไปอยู่ห้องชุดแห่งใหม่ที่เขาสามารถไปหาได้สะดวก ธนายังเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้เธออยู่ แต่แน่ล่ะ เขาจะต้องไม่กล้าพูดอะไรออกไป กุลชาติเป็นคนเอาจริง
“ธนา บอกว่ารับงานน้อยลง”
กุลชาติถาม เขาเข้ามาเงียบๆ นั่งรอจนเธอตั้งโต๊ะอาหารเสร็จ ใช่ละเขามีสิทธิในตัวเธอและเขาก็ใช้สิทธินั้นอย่างเต็มที่ ตามแต่เขาจะเลือก เขาถอนตัวยากขึ้นทุกที ความสงบเสงี่ยม เรียบร้อย รู้จักตัวเอง และเหนืออื่นใด เขาทำใจไม่ได้ เขาเป็นคนแรกของเธอ มันเป็นทั้งข้อผูกมัดและความภูมิใจ เขาคงจะรักเธอมั่ง ก็น่าหัวเราะนะ กับผู้หญิงประเภทที่เขาเคยดูถูก
“เหนื่อยค่ะ”
อัญมณีตอบง่ายๆ ขอบคุณเบาๆ เมื่อเขาตักข้าวให้ อย่างน้อยเขาก็ไม่ใช่ผู้ชายเห็นแก่ตัวสาม เดือนมานี้ เขามาหาเธอได้ห้าครั้งมั๊ง แล้วก็สามสี่ครั้งที่มานอนพักผ่อน หาความสบายใจ
“แล้วจะทำอะไร” กุลชาติถาม
หญิงสาวที่เขาเริ่มรู้จักเธอดีไม่ใช่คนที่จะยอมอยู่นิ่งๆ ขนาดเขายังเข้าไปขวางระหว่างตารางงานของเธอไม่ได้เลย นอกเวลางาน คือเวลาของเขา หญิงสาวไม่เคยอิดเอื้อน และเขาก็ไม่ใช่คนหยาบกระด้างเกินไปนัก ดังนั้นเขาจึงรอเวลาของเขาอย่างใจเย็น และเธอหวานกว่าที่คิดเสมอ
“อีกนานค่ะ กว่าจะหมดคิว สักปีหน้า กำลังจะลองงานเป็นพิธีกรค่ะ นางเอกเด็กๆเกิดใหม่ทุกวัน” หญิงสาวตอบเรียบๆ
“ถ้าไม่แสดง คิดจะทำอะไร”
กุลชาติถาม อยากรู้เข้าไปถึงใจกลางความคิดของเธอ หญิงสาวมักจะเงียบแล้วก็ แล้วก็ครุ่นคิดอยู่กับตัวเอง
“ให้คุณเลี้ยงมั่งคะ”
อัญมณียิ้มขำๆ ก็ไม่เห็นว่าเขาจะตอบว่าอะไร หญิงสาวเลยบอกต่อเรียบๆ
“ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ ถ้าเลิกแสดงคงต้องเลิกขอความช่วยเหลือจากคุณ”
กุลชาติยกไหล่
“แล้วเงินเดือน” เขาถามถึงเงินประจำเดือนที่เขาจ่ายให้ รอบคอบถึงขนาดใส่ซองเป็นเงินสดให้ หญิงสาวจะวางคืนเอาไว้ที่โต๊ะเสมอ
หญิงสาวอมยิ้ม ส่ายหน้า
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ดิฉันขอเพียงความช่วยเหลือไม่ได้ขอเงินจากคุณ”
กุลชาติยอมรับเงียบๆ หลายอย่าง เงินเดือน เครื่องประดับ จะถูกส่งกลับมา เธอไม่ต้องการ มีความเป็นอยู่เงียบๆ
“มาคุยกันหน่อย”
เขาเรียก ดึงหญิงสาวนั่งบนตัก หลังจากจัดการกับจานชามเรียบร้อยแล้ว ถ้าเธอไม่ได้เป็นนักแสดง เขาจะสนใจเธอไหมนะ เธอสวยเป็นแม่บ้านแม่เรือน และไม่เคยขาดความลึกลับของผู้หญิง
“อะไรคะ”
อัญมณีนั่งนิ่งๆ แล้วก็เอนตัวตามแรงดึงของชายหนุ่ม ผ่อนคลายกล้ามเนื้อและตามใจเขาบ้าง
รักไหม คงจะไม่ เธอไม่เคยหวังถึงความรัก คำรักที่อ้าง ทำลายครอบครัวของเธอ แม่ที่อ้างคำรัก ไปกับชายอื่น พ่อที่อ้างคำรัก ดึงน้องไปจากมือเธอ ลูกสาวที่พ่อเคยรัก หวังว่าน้องของเธอจะไม่เจอกับรักที่หลายหลากอย่างนั้น มันสับสนเกินไปสำหรับเด็กเล็กๆ และผลของความรักเหล่านั้น เธอที่เดียวดายอยู่ ณ ที่นี้ คนเดียว
มันคงเป็นแค่ความผูกพันของคนสองคนที่มีอะไรกันลึกซึ้ง เป็นความรู้สึกแปลกๆ ที่เหมือนเขาจะมาเป็นส่วนหนึ่งของเรา แต่ก็แยกห่างจากกันได้ ความอบอุ่นที่ได้อยู่กับเขา ถอดหน้ากากสังคมทิ้งไป และเธอคิดว่าเขารู้สึกเช่นเดียวกันกับเธอ อาการแข็งกร้าวอ่อนลง ผ่อนคลาย เขาถึงมาที่นี่บ่อยขึ้น แม้ไม่มีความสัมพันธ์ทางกายเนื่องจากตารางเวลาทำงานที่กระชั้นของเธอ เขาก็ยังมาใช้เวลาน้อยนิดร่วมกัน อาจจะได้แค่เพียง กาแฟสักคนละถ้วย แล้วเธอก็ต้องรีบไป อาจจะเป็นตารางเวลาของเขาที่แวะมาจูบเดียว แล้วก็รีบไปขึ้นเครื่อง ไม่ใช่ความรักเป็นแค่ความสัมพันธ์ที่หยุดลงได้ทุกเมื่อ
“มาคุยกันเรื่องคุณดีกว่า” กุลชาติบอก กระชับอ้อมแขน ขยับตัวกล่อมหญิงสาวเบาๆ
“อะไรละคะ” เธอถามเบาๆ ซุกไซร้หน้ากับอกกว้างหาตำแหน่งสบายๆ ของเธอ
“ชื่อของคุณ แล้วทำไมมาทำงานนี้” ชายหนุ่มถาม โลมลูบไปตามผิวนุ่ม ปลอบประโลมเด็กน้อยในอ้อมแขน
“ชื่อที่คุณ
เธอพูดตามความจริง เมื่อน้องสาวเกิด บิดามารดาก็หย่าขาดจากกัน แม่นำเธอมาทิ้งไว้ที่บ้านคุณตาคุณยายที่ต่างรังเกียจเธอ เธอหนีออกจากบ้านเมื่ออายุได้สิบห้า เขาบังคับให้เธอแต่งงาน งานเดียวที่เธอทำได้ เป็นนักแสดง เป็นนางแบบ ขายรูปลักษณ์ภายนอก
“ผมสัญญา จะเป็นความลับ ผมรู้สึกเสมอข้างในของสาวเปรี้ยวคนนี้มีอะไรที่เศร้าแฝงอยู่ ทำไมล่ะหึ คุณไม่มีครอบครัว ไม่มีพ่อแม่พี่น้องหรือ” ชายหนุ่มกล่อมเสียงนุ่มแตะริมฝีปากตามไรผม เริ่มจากริมหูนุ่ม ไล่ขึ้นไปตามโค้งหน้าผาก มือไต่ขึ้นมาตามสาบเสื้อ
สาวสวยคนนี้ยังมีปริศนามากมายให้ค้นหา หญิงสาวไม่ใช่คนหยิ่ง เธอเพียงมีโลกส่วนตัว เหมือนเช่นที่เขามี ความสัมพันธ์ที่ไม่ก้าวก่ายงานของกันและกัน เขาอึดอัดบ้างเมื่อยามเขาว่าง เธอไม่ว่าง แต่ก็สบายใจที่รู้ว่าเธอจะอยู่ที่ห้องของเขาเงียบๆ เมื่อเขาไม่ว่างและเธอว่าง ความเศร้าลึกๆ ที่เขารู้สึกเสมอยามจับต้อง เธอมีอะไรที่ต้องเสียใจมากมายนักหรือ อาชีพที่ทำเงินและมีคนอิจฉา เขาที่เป็นคนรักที่เอาใจใส่ อะไรที่ทำให้เธอเศร้าลึกล้ำขนาดนั้น
“ดิฉันไม่ได้มาสมัครงานกับคุณนะคะ” อัญมณีตอบ เสื้อหลุดไปอยู่ไหนแล้ว
แล้วกุลชาติก็ใช้ความชำนาญพิเศษในการสอบถามในสิ่งที่เขาอยากรู้
“คุณเป็นเพลย์บอยจริงๆนะ” อัญมณีบ่นหอบๆ
“ใครจะเก็บความลับจากคุณได้มั่งคะ ถ้าคุณเล่นถามแบบนี้”
“คุณไงล่ะแก้ว” เขาเรียกได้อย่างอ่อนหวาน
“คุณบอกแค่ว่าคุณชื่ออะไร เมื่อพ่อแม่แยกทางกันมีน้องสาวอีกคน หนีออกจากบ้าน แล้วผมก็ไม่รู้อะไรอีกเลย”
“อย่าคะ” หญิงสาวรีบบอก เมื่อเห็น ตาคมฉายแววเอาจริง
“อย่าถาม” เธอตัวอ่อนแนบเขา
“อย่าถาม”
“เล่ามาบ้างมันก็ทำให้เจ็บน้อยลงนะ น้องสาวล่ะ” ชายหนุ่มลูบผมนุ่มบอกหญิงสาวเบาๆ
“อยู่กับพ่อ” หญิงสาวบอกเสียงเบา
“น่ารักไหม” กุลชาติถาม แนบกับผมนุ่ม
“คงจะน่ารัก” หญิงสาวตอบอย่างฝันๆ
“ฮึ”
ชายหนุ่มมองดวงหน้างามที่ยิ้มน้อยๆ ถึงเรื่องสุขใจนัก เขาอยากให้เธอยิ้มแบบนี้เมื่อคิดถึงเขา ไม่ใช่เด็กที่ไหนก็ไม่รู้
“เขาไม่ให้ฉันพบน้อง”
อัญมณีตอบเบาๆ ไม่ให้พบ ไม่ให้คุย ให้เธอหายออกไปจากชีวิตของฮันนี่ ราวกับว่าช่วงปีแรกของชีวิตแก ไม่มีพี่สาวคนนี้ทุ่มเทความรักความใส่ใจให้ คนอื่น ยุ่งกับเรื่องการหย่าร้างของพ่อแม่ จนลืมเจ้าตัวน้อยไปสิ้น
“แทนว่า...แก้วซิ” กุลชาติบอก “กับผม”
“ไม่มีใครให้แก้วพบกับน้องเลย เคยส่งของไปให้ก็ถูกตีกลับ” หญิงสาวยอมตามใจ คนที่เคยได้ดั่งใจตัวเองเสมอ
“น้องคุณชื่ออะไรนะ” กุลชาติถามอย่างเอาใจบ้าง เมื่อหญิงสาวยอมโอนอ่อนผ่อนตามใจเขา
“ฮันนี่” หญิงสาวยิ้มคล้ายจะฝัน
“เด็กๆ แกน่ารัก ตัวกลม ผิวคล้ำเชียว ผิวสีน้ำผึ้ง”
“มีลูกสาวกันสักคนไหม” กุลชาติถามพลิกตัวหญิงสาวลงข้างล่าง เด็กผู้หญิงที่อ่อนหวานน่ารักเหมือนแม่ เขาเพิ่งคิดอยากจะมีลูก ลูกสาวเสียด้วย ไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะ เขาเบื่อผู้หญิงจะตาย น้องสาวจอมยุ่ง แม่เลี้ยงที่ช่างเซ้าซี้ให้เขาแต่งงานมีลูกเสียทีจนเขาอยากมีน้องชายแทน... ลูกสาว ถ้าลูกสาวกับแก้ว จะออกมาน่ารักขนาดไหนนะ
อัญมณีอยากจะถามว่าจริงหรือ แต่ไม่มีสติที่จะถาม เขาไม่เคยรุนแรงเอาแต่ใจ มีแต่ความอ่อนหวานปลอบประโลมใจ
^___^
อัญมณีสะดุดตาที่เด็กสาวคนนั้น ผิวคล้ำผมดำยักศกเป็นกรอบล้อมใบหน้า ยาวเพียงปะบ่า ดวงหน้าคมคายนั่นละม้ายคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก เธอเดินผ่านไปกับเพื่อน เด็กสาวร่างเล็ก ผิวผ่อง ที่เธอรู้ว่าเป็นน้องสาวของกุลชาติ
“ไม่ใช่ฮันนี่”
เสียงแจ๋วๆ นั่นทำเอาใจเธอวับหวิว
“ไม่ใช่อย่างนั้น”
“แล้วอย่างไหนล่ะ”
เสียงใสๆ ตอบกลับ เธอมองตามจนลับตา ฮันนี่น้องสาวเธอใช่ไหมนะ โตขนาดนี้แล้วหรือ นี่กี่ปีมาแล้ว สิบเจ็ดสิบแปดปี ฮันนี่เหมือนพ่อมาก ทั้งผิวเข้ม ผมยกศก คิ้วเข้มเครื่องหน้าคมคาย โตแล้วก็ยังเหมือน
เธอกลับไปนอนซมราวกับจะเป็นไข้ เธอได้พบหน้าน้องสาวแล้ว รู้สึกใจเต้นตึกตัก ไม่กล้าเข้าไปทัก พ่อ ญาติคนอื่นๆ บอกฮันนี่ว่าอย่างไรเกี่ยวกับพี่สาวคนนี้ ไม่เคยมี หรือ พี่เลวๆ หนีออกจากบ้าน
ฮันนี่น่ารัก คงจะไม่เป็นไรหรอกนะ ท่าทางที่เห็นแข็งพอตัว และอีกอย่างที่เธอรู้สึกถึงความผิดปกติ ดีที่เธอเตรียมตัวพร้อมที่จะรับสถานการณ์นี้
“ไม่สบายหรือ” เสียงห้าวๆ ถามมา มือแตะตามหน้าผากซอกคอ
“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้า เขาเข้ามาเงียบ หรือเธอจะหลับไป ถึงไม่ได้ยินเสียงประตูเปิด ไม่ได้ออกไปรับตามปกติ
“ไปหาหมอหรือยัง” กุลชาติถาม ผิวที่สัมผัส ไม่ได้ร้อนผิดปกติ เสยผมสั้นๆ ไปข้างหลัง เขาโกรธแทบตายที่หญิงสาวไปซอยผมสั้นกุดมา ถึงมันจะเน้นโครงหน้าสวยให้งามเด่นก็ตาม ทั้งหมดของเธอเป็นของเขานะ
“ยังค่ะ” อัญมณีตอบ ขยับตัวลุก ไม่เป็นอะไรมาก คงจะเหนื่อยเท่านั้น ทำงานหนัก พักผ่อนน้อยมานาน เธอไม่บอกถึงความสังหรณ์ส่วนตัว สิ่งที่เธอสงสัย
“ไปหาหมอนะ ผมขับรถให้” กุลชาติบอก หน้าหญิงสาวซีดกว่าปกติ
“ไม่ดีหรอกค่ะ ถ้าให้ใครเห็นคุณเข้า” หญิงสาวตอบ
“พรุ่งนี้ออกไปทำงานแก้วจะแวะไปหาหมอเอง”
“ก็จะเป็นอะไรไป” กุลชาติยกไหล่ เขาไม่สนใจหน้าไหนหรอก ถ้าเห็นเขาออกไปกับพิธีกรสาวสวยคนนี้ ควงกับคนสวยมีอะไรน่าแอบซ่อน
“ไปหาหมอไหม” เขาถามอีกครั้ง
หญิงสาวซุกตัวลงกับหมอนใหม่ กริยาเหมือนเด็กๆ เวลางอแงเป็นอะไรที่น่าเอ็นดูในสายตาของชายหนุ่ม เขากดริมฝีปากเข้ากับแก้มนวล
“พรุ่งนี้จะไปเองค่ะ” หญิงสาวบอกอู้อี้ ซุกหน้าหนี
“แก้ว”
ชายหนุ่มเรียก ทำเสียงดุๆ พลิกหน้าหญิงสาวขึ้นมา ผู้หญิงที่เลี้ยงไว้ เขาไม่เคยกลัวใจใครเท่าผู้หญิงคนนี้ ใจเธอเหมือนแก้วจริงๆ ใสสะอาดเหมือนแก้ว เปราะบางเหมือนแก้ว แล้วก็แข็งดั่งแก้วที่เรียกว่าเพชรนั่นเชียว
“ไม่สบายใจหรือไปสบายกาย” กุลชาติหยั่งเชิง จากประสบการณ์ของเขา คนเราจะทำเหมือนเด็กๆ เวลาไม่สบาย
“ทั้งสองอย่างรวมกัน” อัญมณีตอบ ตวัดตาค้อนคนช่างซักไซ้
“ว่างงานล่ะมั่ง”
เขาพึมพำ ทอดตัวลงนอนเคียงข้าง เสียงอาเจียนในตอนเช้าและดวงหน้าขาวซีดนั่น ทำให้เขาไม่อาจวางใจ
“จะเรียกหมอมาให้”
ชายหนุ่มบอก เมื่อหญิงสาวเดินมาทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดแรง
“ไม่ต้องหรอกค่ะ”
อัญมณีตอบ ดวงตาฉายแววเด็ดเดี่ยว ไม่ค่อยจะแน่ใจ แต่เกือบแปดสิบเปอร์เซ็นต์ที่เธอแน่ใจ ใช่ล่ะเธอท้อง
“เรียกมาแล้ว” เขาตอบเรียบๆ ลุกไปอาบน้ำแต่งตัว
กุลชาติออกจากห้องน้ำมาหญิงสาวที่นอนอยู่เมื่อครู่ลุกไปแล้ว เขาพบเธออยู่ในครัวเล็กๆ เตรียมอาการเช้าง่ายๆ ให้ กาแฟ ขนมปังปิ้ง เขาไม่เคยคุม และไม่รู้ว่าเธอจัดการตัวเองหรือเปล่า ระยะหลังที่เธอมีงานน้อยลง เขาก็มาอยู่กับเธอมากขึ้น มีความอบอุ่นเป็นกันเอง และ หวงแหนนิดๆ แฝงอยู่
เขาไม่อยากสงสัยว่าเธอจ้องจะจับเขา เขาไม่อยากจะคิดอย่างนั้น
“ดีใจด้วยนะ อีกชีวิตมาเกิดแล้ว”
วิสาขะ บอกเพื่อน ไม่แน่ใจว่าเพื่อนจะยินดีด้วยหรือไม่
“ถ้าต้องการความช่วยเหลือด้านอื่น แกไปหาคนอื่น กันไม่ทำ”
เขาบอก เมื่อเพื่อนยังนิ่ง
“ผู้หญิงหรือผู้ชาย”
นายแพทย์
“ใครจะไปรู้ ก็ประมาณเกือบสามเดือนนะ ฉันจะเอายาบำรุงมาให้”
“ช่วยดูแลด้วย” กุลชาติบอก
“ฉันจะแวะมาดูให้ที่นี่” เขาบอก
“ผู้หญิงเป็นดาราดังนี่นะ”
“ขอบใจมากติ่ง” กุลชาติ ยื่นมือให้เพื่อนจับอย่างจริงใจ
“ไม่เป็นไร ใหญ่ ฉันดีใจนะที่แกไม่คิดทำลายเด็ก”
“แล้วเขาล่ะ”
กุลชาติถามถึงคุณแม่คนใหม่ เธอจะทำยังไงต่อไป เขาคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเด็กนั่น เป็นลูกของเขา
“ร้องไห้” วิสาขะตอบ คุณหมอหนุ่มยิ้มกว้าง
“แต่ไม่ได้ร้องเพราะเสียใจหรอก เธอยิ้ม”
“ขอบใจมาก” เขาบอกเดินลงไปส่งเพื่อน เมื่อขึ้นมาหญิงสาวกำลังเก็บผ้าซักอยู่
“อย่าทำเลย เดี๋ยวจะส่งเด็กมาช่วย” ชายหนุ่มบอก หญิงสาวที่เงยหน้ามามองเมื่อได้ยินเสียงนั้น สีหน้าเรียบเฉย เหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ
“ไม่เป็นไรค่ะ ทำเองได้” อัญมณีตอบเรียบๆ
เธอต้องหาอะไรทำ จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน คราวนี้ต้องคิดให้รอบครอบ ใช่แค่เธอคนเดียว มีอีกชีวิตหนึ่งที่บอบบางเหลือเกิน และเขาหรือเธอคนนี้มีเธอเพียงผู้เดียวที่จะปกป้อง ดูตาก็รู้ ผู้ชายของเธอ ไม่ซิ ผู้คุ้มครองของเธอตอนนี้ เขาไม่พอใจจะรับผิดชอบเท่าไร
ไม่ใช่ความผิดของเขา มันควรเป็นความรับผิดชอบของเธอที่จะควบคุมไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้ มันไม่ควรจะเกิด เธอไม่เคยลืม แล้วมันเกิดอะไรขึ้นละ หญิงสาวยิ้มหยัน พระพรหมท่านลิขิตเช่นนี้ เธอก็ต้องเข้มแข็งให้รู้ว่า แค่นี้... เธอยังยืนหยัดมีชีวิตต่อไป
กุลชาติเดาไม่ถูกจริงๆ อะไรที่อยู่ภายใต้สีหน้าเรียบเฉยนี้
“แก้วเรามาพูดกันก่อนซิ” เขาดึงมือเธอมานั่งด้วยกัน
“ทำไมไม่ป้องกัน ทำไมปล่อยให้ท้อง” ชายหนุ่มถาม ถึงจะเคยคิดมีลูก แต่ไม่ใช่วิธีนี้ที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว
ดวงตาหวานอมเศร้านั้นมองเขาตรงๆ คงจะหวานและชวนให้ใจอ่อนกว่านี้ ถ้าเธอจะเหลือบมองหรือช้อนสายตาชวนน่าสงสารผ่านแพขนตายาวงอน แต่นี่ อัญมณีสาวสวยที่แกร่งเหมือนชื่อของเธอ มองตรงมาสู่ตา สู่ใจ ของเขา
“สองอย่างที่คุณคิดตอนนี้ ทะเบียนสมรสหรือเงินที่แก้วต้องการจากคุณ ใช่ไหมคะ”
หญิงสาวเอ่ยมาเหมือนแทงใจดำ เขาไม่ปฏิเสธ หญิงสาวพยักหน้าช้าๆ
“ค่ะ ทะเบียนสมรสที่แก้วต้องการ แต่ไม่เป็นไร”
เธอพยายามยิ้ม อะไรนะที่มันทำให้อ่อนแอ ขี้แย อย่างนี้ รู้อยู่ว่าไม่มีความผูกพันยั่งยืน แล้วเธอหวังอะไร ฝันลมๆ แล้งๆ
“แก้วทราบว่าคุณไม่ยอมหรอก” หญิงสาวบอกตรงๆ
“แก้วไม่เคยลืม แก้วรู้ค่ะว่าเป็นหน้าที่ของแก้ว” หญิงสาวยักไหล่
“พระพรหมท่านคงต้องการอย่างนั้น”
“มันต้องใช้เวลา” กุลชาติบอก
เขาอยากจะเชื่อใจอัญมณี เธอไม่เคยโกหก ไม่เคยหวังผลประโยชน์อะไรนอกเหนือจากข้อตกลง แต่ใครจะไปรู้ จิตมนุษย์นี้ไซร้ ยากแท้ หยั่งถึง
“ผมไม่เคยคิดสละชีวิตโสด” เขาบอกหญิงสาวตรงๆ ถึงจะถูกใจมากกว่ารายที่ผ่านๆ มา สบายใจยามอยู่ใกล้ แต่ไม่พอที่เขาจะผูกพันกับใคร แม้แต่เธอ
“แก้วเข้าใจค่ะ ไม่ต้องห่วงแก้วหรอก ถึงจะไม่ได้แสดง แก้วก็มีทางไป”
เขาไม่ได้เฉลียวใจเลย เขากลับไปนอนที่บ้าน รุ่งขึ้น เขาไปหาเธอ พาเด็กที่บ้านไปด้วยจะได้ช่วยทำงานบ้าน แล้วพบว่า เธอไม่อยู่ เย็นนั้นธนามาหา บอกว่า เธอขออำลาวงการแสดง ไม่ต้องรับงานอะไรอีก และเธอไม่เคยกลับมาเลย
สิ่งเดียวที่เขารู้ว่าเธอยังเก็บลูกของเขาเอาไว้ เพราะเขาแพ้ท้อง กุลชาติอยากจะหัวเราะเยาะตัวเองนัก เขาขุดคุ้ยหา แต่หาไม่พบ ไม่มีหลักฐาน ไม่มีแหล่งที่ จะค้นหา เหมือนดาวดวงหนึ่งลอยอยู่บนฟ้า แล้วอยู่ๆ ก็วูบ หายไป
..
กี่ปีแล้วนะ กุลชาติคิดรำพึง เมื่อมองเด็กหญิงตัวกลมแก้มยุ้ย ในเสื้อคอกระเช้าสีขาวมีโบว์ผูกรูดสีแดง เข้ากับซิ่นตัวน้อย ผิวขาวผุดผ่องผมตัดสั้น ข้างหน้ายังมัดจุกน้ำพุ ปากแดงอิ่มเม้มนิดๆ อย่างเด็กใจแข็ง แม่หนูน้อย นั่งเก้าอี้เด็กที่เคาน์เตอร์ ตรงหน้ามีไอศกรีมและขนมเค้ก
“ลูกใครนั่น ทำไมนั่งอยู่คนเดียว” กุลชาติถามพนักงาน
“อ๋อ หนูน้ำผึ้ง ครับ” พนักงานหนุ่มน้อยตอบ
“คุณแม่มาติดต่องานกับร้านเพชรข้างๆ นี่ ฝีมือดีมากเลยครับ หนูน้ำผึ้งเลยต้องมารอที่ร้าน เดี๋ยวคุณแม่ก็มารับครับ”
“กล้าดีนะ” เขาชวนคุย
“ครับกล้าเล่นกับคนเขาไปทั่ว” พนักงานบอกก่อนไปบริการลูกค้ารายอื่น
จริงๆ นั่นล่ะ แม่หนูไม่กลัวใคร ส่งยิ้มให้คนที่เดินผ่านไปมา ซึ่งก็จะได้รับยิ้มเอ็นดูตอบมา บางคนก็อดใจไม่ได้มาหอมแก้มปลั่งเอาแรงๆ ความหวงพุ่งขึ้นในใจ ถ้าเด็กคนนี้ เป็นลูกสาวเขา จะไม่ให้ใครมากอดมาหอมอย่างนี้ จะถนอมเลี้ยงไว้ในบ้าน พี่เลี้ยงนางนมจะให้คอยเฝ้าไม่ห่าง ไม่ให้ต้องออกมานั่งเหงาเดียวดายอย่างนี้ แล้วลูกของเขาไปอยู่ที่ไหน ผู้หญิงหรือผู้ชายไม่รู้ ...ไม่รู้เลย
ชายหนุ่มขยับลุกไปหา
“น้ำผึ้ง” เขาเรียกเสียงหวาน นั่งลงข้างๆ เด็กน้อยเงยหน้ายิ้มให้ ชี้ที่แว่นกันแดดของเขา
“สวย...แว่น...สวย” เด็กหญิงพยายามพูดช้าๆ ให้ชัด
“น้ำผึ้ง” เธอชี้ที่ตัวเอง
“จ้า น้ำผึ้ง” เขาอดหัวเราะความน่าเอ็นดูไม่ได้
“อร่อยไหม”
เขาชี้ไปที่ขนมตรงหน้า แม่หนูพยักหน้า แต่มือยังคนไอศกรีมในถ้วยเล่น ก่อนเงยหน้าขึ้นยิ้มประจบ เหมือนจะจำได้ว่าผู้ใหญ่ถามห้ามพยักหน้า
“อร่อยค่ะ”
“คุณกุลชาติพ่อเลี้ยงเชิญครับ”
เสียงบอกอยู่ข้างๆ กุลชายเงยหน้ามอง พยักหน้ารับรู้ เขาลาแม่หนูน้อยอย่างอาวรณ์
“ขอหอมทีได้ไหมคะ”
เด็กน้อยเอียงแก้มยุ้ยๆ ให้แต่โดยดี ทั้งยังพนมมือป้อมๆ ไหว้อย่างถูกสอนมาดี
ก่อนจะก้าวเข้าบริษัทที่เขามาติดต่อ ชายหนุ่มอดหันไปมองเด็กหญิงอย่างเป็นห่วงไม่ได้ แต่หญิงสาวที่อุ้มแม่ตัวน้อยนั่นซิ ทำเอาเขาตะลึงไปกว่าจะขยับได้ผู้หญิงกับเด็กน้อยนั้นก็ลับไปเสียแล้ว ใช่แน่ๆ ใช่อัญมณีแน่ๆ เขาจำได้ พบเธอเมื่อเดือนก่อนละมั่ง ในงานเลี้ยงทางธุรกิจ แล้วเธอก็หายไปก่อนที่เขาจะตามตัวพบ
“รู้จัก คุณแก้วหรือครับ” ชายหนุ่มที่มาตามเขาถาม เมื่อเห็นกุลชาติชะงักไป
“คุ้นๆ น่ะ” กุลชาติตอบอย่างไว้เชิง
“คุณแก้วเป็นหลานแม่เลี้ยงพร้อมจิตต์ไงครับ เคยเป็นดาราดัง ฝีมือจัดดอกไม้เป็นเยี่ยม ตอนนี้กำลังร่วมทุนทำเครื่องประดับครับ คราวนี้ไปประกวดก็ได้รางวัลที่สามมา ยังฝีมือฟ้อนได้งามแต้ๆ ด้วยนะครับ ตอนปีใหม่ขึ้นไปรำอวยพร สาวๆ อย่างนี้ อายไปเลย”
พ่อหนุ่มนั้นคุยเพลิน
“เด็ก...ลูกสาวเขาน่ารัก” กุลชาติบอก
“นั่งเล่นกันเมื่อกี้”
“น้องน้ำผึ้งน่ารักมากครับ” ชายหนุ่มยิ้ม
“ผมยังขอจองไว้เลย คุณแก้วเธอไม่ให้ เธอหวงของเธอ” ชายหนุ่มนำทางหยุดที่หน้าห้อง
“ถ้าคุณอยากได้ดอกไม้สวยๆ ไปสั่งที่ไร่พร้อมจิตต์ซิครับ ที่นั่นเลื่องชื่อทั้งดอกไม้สวย หญิงงาม”
เป็นคำแนะนำที่เขายินดีปฏิบัติตามเชียวล่ะ
โชคดีที่แม่หนูน้ำผึ้งวิ่งเล่นอยู่หน้าบ้านคนเดียว เขาอยู่คุยเล่นกับลูกสาว หลังจากบอกความต้องการไปกับคนในบ้าน ที่ออกมาต้อนรับ เขารู้จากเพื่อน แก้ว ไม่ให้ใครเห็นเธอนัก เก็บตัวอยู่ในบ้าน ต่างจากลูกสาวตัวน้อย
“ได้แล้วเจ้า”แม่สาววัยล่ะอ่อน นำกระถางต้นแก้วเจ้าจอม ที่ถูกตกแต่งด้วยกระดาษสีสวยผูกโบว์พร้อมเครื่องประดับ พร้อมเป็นของกำนัล
“ผมอยากพบคุณแก้ว”
เจ้าหล่อนทำหน้าตื่น เข้าไปข้างในแต่ผู้ที่อกมาเป็นสตรีสูงวัยสง่าที่ยังคงความงามไว้ ท่าเดินมั่นใจในตัวเองยิ่ง เหมือนสตรีที่กุมชีวิตตัวเองเอาไว้ในกำมือ ไม่ใช่คนที่จะยอมใครง่ายๆ
กุลชาติยกมือไว้ก่อน แม่เลี้ยงพร้อมจิตต์รับไหว้ มองแขกหนุ่มอย่างพินิจพิจารณา คนมาติดพันยายแก้วไม่ใช่น้อย ยิ่งรู้ว่ามีลูกติดไม่มีพ่อด้วยแล้ว ท่านได้แต่พยายามปกป้องหลานสาวไม่ให้เจอเรื่องรำคาญใจ
“สวัสดีค่ะ มีปัญหาอะไรหรือคะ”
พร้อมจิตต์ถามก่อน อย่างเจ้าของร้านที่ดีพึงจะถามลูกค้า
“ไม่พอใจอะไรหรือคะ ทางเรายินดีเปลี่ยนให้”
“ผมอยากพบน้องแก้ว”
พร้อมจิตต์มองชายหนุ่มอย่างพิจารณา หลานสาวที่บาดเจ็บทางใจมาขอพึ่งพิง เธอรู้จักอัญมณีดี แข็ง ไม่เคยงอนง้อใคร แต่กลับมาหาเธอ ถึงแม่หลานสาวจะไม่พูดอะไร แต่เธอก็รู้ว่าความปวดร้าวที่ซ่อนลึกลงไปนั้นยากที่จะลืม เค้าหน้าชายหนุ่มผู้นี้ เจนตานัก อา...คล้ายแม่หลานสาวตัวน้อย เธอกวาดตามองหา
“ผมชื่อกุลชาติ ถ้าแม่เลี้ยงจะกรุณา ผมอยากพบแก้ว”
“แก้วไม่อยากพบใคร” พร้อมจิตต์บอกเสียงแข็ง อย่างที่ปฏิเสธชายหนุ่มทุกคน
“ไม่ครับ เขากลัว” กุลชาติก้มศีรษะลงทำความเคารพผู้อาวุโสกว่า ก่อนจากไป
หลังจากนั้นไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ท่ามกลางความโกลาหล น้ำผึ้งหายไป
อัญมณีคว้าโทรศัพท์ พร้อมจิตต์คว้าข้อมือไว้ทัน
“ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวบอกทำใจไว้แล้ว สำหรับทุกอย่างแม้แต่การเรียกค่าไถ่ ยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู
“ขอสายคุณแก้ว”
“แก้วพูดอยู่ค่ะ” เธอตอบ เสียงชายหนุ่ม คุ้นหู
“คุณน้าไม่ได้บอกหรือว่าผมอยากพบคุณ”
ความทรงจำยังเลือนๆ อยู่
“ใครมาหาแก้วหรือคะ น้าพร้อม” เธอถามน้าสาว
“คุณกุลชาติ” พร้อมจิตต์บอกอย่างไม่เต็มใจ
เธอปกป้องหลานสาวคนนี้จากทุกคนที่ไม่สมควร แล้วก็เห็นหน้าขาวซีดขึ้นมาทันใดของหลานสาว
“น้ำผึ้ง” หญิงสาวหลุดปากไป
“เอา คุยกับคุณแม่หน่อย”
เธอได้ยินลูกสาวเอิ้กอ้ากมา
“ผมให้เวลาคุณครึ่งชั่วโมงนะ จากที่ไร่จนถึงสนามบิน ผมจองตัวไว้ให้แล้ว ถ้าไม่ทันผมจะรออยู่ที่บ้าน” เสียงวางสายอย่างสุภาพ
หญิงสาวมองนาฬิกา ใช่ล่ะ จะถึงเวลาเครื่องออกแล้ว
“น้าพร้อมขา ให้ใครไปส่งแก้วที่สนามบินหน่อยนะคะ”
พร้อมจิตต์ไม่มีเวลาคิดอะไร รีบทำตามที่หลานสาวบอก หลังจากนั้นอีกสามวัน เธอก็ได้รับจดหมายจากอัญมณี
น้าพร้อมที่รักและเคารพของแก้ว
แก้วแต่งงานแล้วค่ะ แก้วเพิ่งไปจดทะเบียนกับคุณกุลชาติ เขาเป็นพ่อของน้ำผึ้งไงคะ น้าพร้อมไม่ต้องห่วง แก้วสบายดี น้ำผึ้งเป็นหวัดเพิ่งหลับไปค่ะ ผิดอากาศ แต่ก็ยังทะเล้นเล่นกับใครๆ ไปทั่วบ้าน จนน่าตีนัก ตอนนี้ใครๆก็หลงรักแม่น้ำผึ้งเดือนหกกันทั้งนั้น น้าพร้อมตั้งชื่อให้สมตัวดีจังค่ะ ร้อยรัก ดูแกจะร้อยความรักของทุกคนเอาไว้
แก้วกำลังสงสัยว่า ถ้าแก้วหอบน้ำผึ้ง กลับไปหาน้าพร้อมอีก คงต้องกำราบกันเป็นการใหญ่ ที่นี่ใครๆก็ตามใจจนจะเหลิงแล้วค่ะ
แก้วคิดถึงน้าพร้อมมาก อยากกลับไปอยู่กับน้าพร้อมที่สุดเลย
น้องแก้ว
ความคิดเห็น