ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ครั้งแรกกับเพื่อนเจ้าสาว
บทที่ 1 “ครั้งแรกกับเพื่อนเจ้าสาว”
“กิ๊ฟ ชุดไหนดี” ทันที่ที่ยกกระเป๋าเข้ามาเก็บในห้องของฝ้าย สาวฝ้ายก็เปิดตู้เสื้อผ้า กรีดนิ้วไปตามเสื้อผ้าที่แขวนเรียงกันอยู่
“ชุดไหนก็ใส่ไปเหอะ” กิ๊ฟพูดอย่างงอนๆ โดนปลุกตั้งแต่เช้าแถมยังโดนเพื่อนหนุ่มอบรมตลอดทางกว่าจะไปถึงที่พักของหวานใจเธอก็อยากจะอ้วกแล้ว แน่จริงนายมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวเองซิวะ แล้วฉันหาเจ้าบ่าวใหม่ให้ฝ้ายเอง
สาวฝ้ายหันมาเท้าเอวใส่เพื่อนไม่ทันจะต่อว่าว่าอะไร แม่ของฝ้ายก็เปิดประตูเข้ามาเสียก่อน
“จะใส่ชุดไหนฝ้าย กิ๊ฟล่ะ เอาชุดมาไหม แม่จะได้ให้เด็กเอาไปรีด”
“อ่ะ...” เป็นคราวของสาวกิ๊ฟที่จะอ้าปากค้างบ้าง “ต้องใส่ชุดยังไงล่ะค่ะแม่ กิ๊ฟเอามาแต่กางเกง”สาวตัวเล็กบอกเสียงอ่อย
“ไม่เป็นไรลูก กิ๊ฟตัวเท่าๆ แม่ เอาของแม่ก่อนก็ได้”
ฝ้ายกลั้นยิ้มจนตาหยีเมื่อเห็นสีหน้าเพื่อนตอนที่แม่บอกเรื่องยืมเสื้อแม่ก็ได้ลูก ฮาฮาฮา เจ้ากิ๊ฟ แกรู้จักแม่ฉันน้อยไป
แม่ฝ้ายจัดแจงเดินมาหยิบเสื้อทาบกับตัวลูกสาวพร้อมบงการให้เข้าไปลองชุดโน้นชุดนี้ สลับกับหันมาถามเพื่อนลูกสาวว่าเป็นไงบ้างดีไหม สั้นไปยาวไป สาวกิ๊ฟ ลอบถอนหายใจ นี่แค่ทาบทามยังยุ่งขนาดนี้ หมั้นเอย แต่งเอย เฮ้ยยยย แล้วเพื่อนเจ้าสาวถูกบังคับอย่างหล่อนจะรอดไหมนี่
แล้วผู้หญิงนะ มีคนมาลองเสื้อผ้าสวยๆ งามๆ ให้ดู คุณแม่ฝ้ายกับสาวกิ๊ฟเลยกลายเป็นคอหนึ่งคอสองกันไปได้ ตกลงเลือกได้สองชุด คราวนี้ถึงคราวเพื่อนเจ้าสาวจำเป็นอย่าง กิ๊ฟบ้างที่เป็นตุ๊กตาลองชุดของสองแม่ลูก ในที่สุดสาวกิ๊ฟก็ได้ ชุดกางเกงเสื้อผ้าลูกไม้แขนกุดของคุณแม่ฝ้ายมาเป็นเสื้อออกงาน มีไยที่จะร้องขอความเห็นใจยังไงคุณแม่ก็ไม่รับฟัง
ตีสองเสียงนาฬิกาปลุกดังกระหน่ำหลังจากนั้นอีกครึ่งชั่วโมงกริ่งหน้าบ้านก็ ดังแบบไม่เกรงใจใครประกาศว่าช่างแต่งหน้าทำผมมาแล้วฮ่า กิ๊ฟอาบน้ำเสร็จเปลี่ยนชุดสวยออกมา ผลักสาวฝ้ายเข้าห้องน้ำวิ่งตื๋อลงไปเปิดประตู บอกคุณแม่ที่พบหน้าประตูห้องท่านว่าไปนอนต่อได้ค่ะ เดี๋ยวช่างเสร็จจากฝ้ายแล้ว กิ๊ฟจะมาปลุกคุณแม่เอง
ส่งช่างแต่งหน้าเข้าไปจัดการเสริมสวยให้เพื่อนสาวแล้ว กณิการ์ก็ลงมาข้างล่างเสียบกาน้ำร้อนชงกาแฟดื่ม พร้อมยกไปบริการช่างแต่งหน้าและเพื่อนสาว ลงมาครัวก็ยังว่าง เดินไปเดินมาก็อดเก็บๆ จัดๆ ห้องรับแขกไปพรางๆ ไม่ได้ มองนาฬิกาน่าจะใกล้เวลาเสร็จสวยของเจ้าฝ้าย กณิการ์ก็วิ่งขึ้นบ้านชะโงกดูเพื่อนสาวก่อน เห็นว่าใกล้เสร็จแล้วจึงไปเคาะห้องคุณแม่ฝ้าย
“คุณแม่ คุณแม่ขา กิ๊ฟเองค่ะ ฝ้ายใกล้เสร็จแล้วค่า คุณแม่ตื่นยังคะ”
“ตื่นแล้ว” คนมาเปิดประตูเป็นคุณพ่อสาวฝ้ายเอง ท่านแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เสื้อพระราชทานสียอดตอง เรียบร้อยแถมด้วยสร้อยทองข่มขวัญฝ่ายมาขออีกเส้น เส้นใหญ่มั่กมาก ขนาดนิ้วก้อยของกิ๊ฟเลยเชียว
“โอ้โห้ คุณพ่อ หล่อมั่กมากค่ะ นี่กิ๊ฟนึกว่าพี่ชายฝ้ายเลยน้า”
คุณพ่อหัวเราะ หน้าบาน ถึงจะรู้ว่าเพื่อนลูกสาวแกล้งหยอดก็ตาม
“ปากหวานจริง” ท่านทุบหัวเบาๆ
“ขอกาแฟพ่อสักแก้วซิ”
“ค่ะ คุณแม่เอาอะไรค่ะ กาแฟโอวันติน” กิ๊ฟยื่นหน้าเข้าไปถาม
“กาแฟลูก”
“ค่า” กณิการ์วิ่งตื๋อลงบันไดไป
พอคุณพ่อฝ้ายลงมาถึงก็ได้กาแฟหอมกรุ่นจากมือเพื่อนลูกสาว ท่านมองตามร่างเล็กๆ คล่องแคล่วที่วิ่งขึ้นบันไดไปอีกครั้งพร้อมถาดกาแฟในมือ น่ารัก คล่องอย่างนี้ น่าจองให้ลูกชาย
กณิการ์ยิ้มกว้างส่งช่างแต่งหน้าที่ได้รับช้างม่วงหลายเชือกเป็นรางวัลสำหรับความสวยของสองแม่ลูก คุณแม่เจ้าฝ้ายจะจับเธอเข้าร่วมขบวนการสวยอีกคนแล้ว ดีแต่หลบออกมาทัน สาวตัวเล็กเอามือแตะปากก่อนเอามาดมๆ ทำหน้ายู่ยี่กลิ่นลิปสติกไม่น่าพิสมัยเลย จะใส่กลิ่นรสผลไม้น่ากินหน่อยไม่ได้ มองสีแดงที่เปื้อนนิ้ว มองชุดสีฟ้าพยับหมอกแล้วได้แต่ถอนหายใจ เหลียวซ้ายแลขวายังไม่เห็นกระดาษเช็ดมือ มองอีกทีไม่เห็นคนมอง สาวกิ๊ฟเอานิ้วเข้าปากเลียเสียเลย
คุณแม่ฝ้ายมาซักซ้อมว่า พอแขกมา กิ๊ฟต้องเป็นคนไปรับแขก เพราะสาวฝ้ายต้องเก็บตัวอยู่ในห้อง
“เก็บตัวทำไมค่ะคุณแม่”
“ก็ไม่ให้พ่อยอร์ชเห็นไงค่ะ” คุณแม่ฝ้ายใจเย็นพอที่จะตอบคำถามสาวตาแป๋ว
“ซ่อนทำไมล่ะคะ ก็ เขาจะมาขอฝ้าย ก็ต้องเอาฝ้ายออกไปซิคะ”
“เอาออกไปค่ะ เดี๋ยวแม่จะให้กิ๊ฟมาตามฝ้ายนะ”
“อ๋อค่ะ” พอคุณแม่ออกจากห้อง กิ๊ฟก็ชะโงกไปกระซิบข้างหูเพื่อนที่คงตื่นเต้นน่าดู เห็นบีบๆ คลายๆ ขยำเจ้าผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยจนยับเยินขนาดนั้น
“เขาเก็บเธอไว้ไม่ใช้ไปช่วยต่อรองเรื่องสินสอดเหรอ”
“หา อะไรนะ” ด้วยความตื่นเต้นฝ้ายเลยฟังเพื่อนไม่ถนัด
สาวกิ๊ฟเลยกระแอมเรียกเสียงให้ดังขึ้นอีกนิด “กิ๊ฟว่า คุณแม่เก็บฝ้ายเอาไว้บนนี้ กันไม่ให้ฝ้ายลงไปช่วยต่อเรื่องสินสอดเหรอ”
ขณะที่เพื่อนสาวยังตกตะลึงอยู่กิ๊ฟก็พูดต่อโดยไม่ได้ดูหน้าเพื่อนเลย
“จริงๆ คุณแม่คิดผิดนะ น่าจะให้ฝ้ายลงไปด้วย แม่ไม่รู้เหรอว่าฝ้ายอ่ะ เคี่ยวสุดๆ ขนาดเหยียบน้ำทะเลจืดอ่ะ”
ผลัวะ!ผลัวะ! ผลัวะ!
เสียงนี้คงไม่ต้องบรรยายมั้งค่ะว่าคือเสียงอะไร สาวกิ๊ฟดีดตัวห่างเพื่อนคลำแขนน้อยๆ ที่ขึ้นสิบสองนิ้วในพริบตา เสียงโทรศัพท์ดังมาช่วยชีวิตไว้ได้ทัน ทันทีที่อีกฝ่ายพูดมา กณิการ์ก็สวนออกไปก่อนเลยเมื่อจำเสียงได้
“แฟนนายจะฆ่าฉัน นายหาเพื่อนเจ้าสาวใหม่เลยยอร์ช”
“เออ งั้นมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว”
ดูซิดู พูดออกมาได้
“ก็ได้” กณิการ์มองเพื่อนสาวเหมือนจะบอกว่า ทีฉันบ้างล่ะ
“ไม่ได้” ฝ้ายร้องบ้าง เดินมาล็อกตัวเพื่อนสาวไว้ เอียงหูมาแนบใกล้ๆโทรศัพท์ ขอฟังบ้าง
เจ้ายอร์ชหัวเราะมาดังลั่นแล้วทำเสียงจุ๊บๆๆ มาตามสาย
“นายจุ๊บกิ๊ฟเหรอ”
ฮาฮาฮา กณิการ์เดินไปทิ้งตัวลงบนตียง ปล่อยให้คู่รักเขากุ๊กกิ๊กกันตามสบาย ไม่นานฝ้ายก็เดินมาบรรจงนั่งใกล้ๆ ระวังไม่ให้กระโปรงผ้าไหมยับ ส่งโทรศัพท์ของกิ๊ฟคืนให้
“ยอร์ชจะพูดกับกิ๊ฟ”
“กิ๊ฟกั๊บ” กณิการ์กรอกเสียงลงไป
“นี่ยอร์ชออกจากบ้านแล้วนะ” พ่อเพื่อนหนุ่มรายงานตัว
“เหรอ”
“อือม์ มีพ่อแม่ ยอร์ชแล้วก็ญาติๆ มาหนึ่งรถตู้นะ แต่ยอร์ชขับรถมาเอง”
“จ้า” มันบอกมาทำไม สาวกิ๊ฟขมวดคิ้ว
“คงถึงสักสิบโมง คุยกันเดี๋ยวเดียว ยังไงกิ๊ฟหากาแฟให้ยอร์ชด้วยนะ หิวมาก”
โธ่นึกว่าอะไร “ได้กั๊บ แล้วใครกินอะไรบ้างอ่ะ”
นี่ไงบทเรียนแรกของการเป็นเพื่อนเจ้าสาวของกณิการ์ หลังจากจดรายการเรียบร้อย สาวกิ๊ฟก็วิ่งจี๋ลงจากห้องแต่ไม่ก่อนหันมาถามเพื่อนสาวอีกที “เลี้ยงบ้าน หรือไปร้านดีอ่ะฝ้าย”
“ไปถามคุณแม่” ฝ้ายบอกสั้นๆ คุณแม่บอกแล้ววันนี้ฝ้ายทำสวยอย่างเดียวนะลูก เรื่องอื่นๆ ปล่อยคุณแม่เอง
ฝ่ายมาสู่ขอลูกสาว มองสาวตัวเล็กหน้าเป็นยิ้มตาหยีมาเชื้อเชิญให้นั่ง เสิร์ฟ เครื่องดื่มของว่าง พร้อมพาไปล้างหน้าล้างตาเสร็จสรรพอย่างเอ็นดู บางคนที่ไม่รู้จักแอบกระซิบถามกันว่าคนนี้เหรอ ก็ได้ยินเสียงตอบจากคนที่รู้ว่าคนนี้เพื่อน
“สวัสดีคุณน้า” หนุ่มยอร์ชแกล้งยกมือไหว้ เมื่อเพื่อนสาวยกเครื่องดื่มและของว่างมาให้เป็นคนสุดท้าย นี่ถ้าไม่เห็นแก่ญาติผู้ใหญ่ล่ะก็นะ จะลองย้อมผ้าสีชมพูด้วยกาแฟสักที
“ปากแกนี่น่า...”
คุณแม่ฝ้ายกระแอมขัดขึ้นมาเบาๆ ใช้สายตาปรามเพื่อนลูกสาว พยายามกลั้นยิ้มเอาไว้ ท่านได้ยินคำล้อเลียนของเจ้าหนุ่มที่มาทาบทามลูกสาว
กณิการ์กัดลิ้นตัวเองเอาไว้ แต่อดขยี้หัวแม่เท้าเพื่อนชายเบาๆ ไม่ได้เมื่อเดินผ่านกลับมานั่งแอบหลังคุณพ่อคุณแม่ของฝ้าย ฟังผู้ใหญ่ทักทายเจรจาความกัน เริ่มด้วยทักทาย ดินน้ำลมไฟ กิจการค้า ชมโฉมลูกสาว โฆษณาลูกชายก่อนตกลงสินสอดทองหมั้นที่คุณพ่อบอกว่าแล้วแต่จัดมา ไม่ว่าอะไร แล้วคุณแม่ให้กณิการ์ไปตามตัวฝ้ายลงมาไหว้ผู้ใหญ่ฝั่งโน้น พากันไปกินข้าวที่ กิ๊ฟโทรไปจอง พร้อมรายการอาหารตามที่คุณแม่บอก
กณิการ์ลงรถมาเห็นรถยอร์ชจอดต่อท้ายก็อดเดินไปถามไม่ได้ “อ้าว ไม่กลับไปพร้อมคุณพ่อคุณแม่เหรอ”
“มารับกิ๊ฟไง”
“รับกิ๊ฟ” กณิการ์เลิกคิ้ว
“ช่าย” ยอร์ช อดดีดหน้าผากโหนกๆ ของเพื่อนสาวไม่ได้ ยิ่งเลิกคิ้ว ยิ่งน่าดีด “ปิดเทอมแล้วไง ถ้ายอร์ชไม่มารับกิ๊ฟ กิ๊ฟจะกลับยังไง”
“เออ จริงซิ ขอบใจมากเพื่อนเลิฟ” กณิการ์เขย่งตัวขึ้นตบบ่าเพื่อน ก่อนวิ่งตื๋อเข้าบ้าน ลืมไปเลยว่านี่สอบเสร็จแล้ว พวกเธอเรียนจบแล้ว การทำข้อสอบน่าจะผ่าน ฮาฮาฮา
“เข้ามาก่อนซิ”
กณิการ์เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย ก่อนไปลาคุณพ่อคุณแม่ของเพื่อน คุณแม่ฝ้ายส่งซองให้
“นี่เอาให้ยอร์ชด้วยนะ”
“ค่ะ” ซองอะไรไม่รู้ทำไมไม่ให้เอง หญิงสาวรับมาใส่กระเป๋าสะพาย ลงไปล่ำลาสาวฝ้ายที่มาคุยกับคนรักระหว่างรอเธอไปเก็บสมบัติ
“เอาไป คุณแม่ฝ้าย ฝากมาให้นาย” พอเลยหน้าบ้านฝ้ายไปหน่อย กณิการ์ก็ส่งซองจดหมายน้ำหนักไม่น้อยให้เพื่อน
“อะไร”
“ม่ะรู้”
“แกะดูซิ เราขับรถอยู่ไม่เห็นหรือ”
“ไม่เห็น” เหอะจะว่าโกหกไม่ได้ ก็กำลังมองจดหมายขนาดสองหน้าที่คลี่ออกมาอยู่นี่ แต่เพื่อนส่งมะเหงกมาลงกลางหัวแล้ว
“ไอ...ยอร์ช คบกันชาตินี้ชาติเดียวเลยเพื่อน ตูทำกรรมอะไรว่ะต้องมาเป็นเพื่อนกับนายกับไอ้ฝ้ายด้วย ฉันไม่ใช่กระสอบทรายของพวกนายนะเฟ้ย” กณิการ์งึมงำ
“เป็นบุญของเรากับฝ้ายต่างหากที่ได้กิ๊ฟเป็นเพื่อนอ่ะ”
ดู ทีอย่างนี้มาอ้อน
“จดหมายอะไร” ยอร์ชถาม
“อ๋อ รายงานขนมขันหมากอ่ะ ถั่วตัด ขนมเป๊ยะ อ้อ ผ้าขาว เหล้า เอ๋ อะไรหว่า” เพราะมัวก้มหน้าก้มตาเลยหัวโขกกับกระจกข้างอีกทีเมื่อเพื่อนหนุ่มจอดข้างทางอย่างกะทันหัน แถมแย่งกระดาษในมือไปดู ก่อนบอกเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“นายต้องช่วยเรากิ๊ฟ”
“กั๊บ” จะพูดอะไรนอกเหนือจากนี้ไปได้ล่ะ ลืมบอกไปหรือเปล่า ว่าอาทิตย์หน้า จะยกขบวนมาหมั้น แล้วหลังจากนั้นอีกสิบวันจะแต่ง
“นายคิดซิ เราจะเริ่มอะไรก่อน” ยอร์ชโยนกระดาษรายการลงบนตักเพื่อน เข้าเกียร์ออกรถ
“ฮือม์” กณิการ์เปิดกระเป๋าคว้าปากกาออกมาโน้ต
“เราต้องไปหาขนมของหมั้นของนายก่อน แล้วไปหาของชำรวย คิดยังว่าจะเอาอะไร ปรึก(ษา)กับฝ้ายยังอ่ะ หรือเราย้อนกลับไปรับฝ้ายมาดี”
เพื่อนหนุ่มเร่งรถเร็วขึ้น “ไม่ต้องกวนฝ้ายหรอก” หมาป่าหันมายิ้มให้ลูกแกะ
“คนรู้ใจฝ้ายมาอยู่ตรงนี้ตั้งสองคน เอาฝ้ายมาเหนื่อยทำไม”
เออ นายกลัวแฟนนายเหนื่อยนะ ไม่กลัวเพื่อนนายตัวน้อยๆ เหนื่อยมั่ง กณิการ์คว้าโทรศัพท์มาโทรหาเพื่อน
“ฝ้าย ฝ้ายจ๋า ไอ้ร้าน แต้ๆ อะไรนี่มันอยู่ตรงไหนกั๊บ” เธอกรอกเสียงหวานถึงว่าที่เจ้าสาว
“ว้าย แม่จะให้เอาขันหมากจีนเหรอ ฝ้ายอยากกินคุกกี้อาร์ซานอล” เสียงเพื่อนสาวกรี๊ดเล็กๆ มาพองาม
“จ้า ไปถามคุณแม่ให้ทีนะ แล้วกิ๊ฟจะซื้ออาร์ซานอลเป็นของขวัญแต่งงานให้ฝ้ายเอง”
เสียงเพื่อนสาวหัวเราะเสียงใส ก่อนบอกทางไปร้านให้ กณิการ์ทวนประโยคเพื่อนสาว แล้วฟังเพื่อนหนุ่มข้างตัว ถามที่ไม่เข้าใจ กับ รู้แหล่ะ ในสิ่งที่มันรู้
“จ้า แล้ว ฝ้ายอยากได้อะไรเป็นของชำรวยงานแต่งอ่ะ” หลังเรื่องขนมขันหมาก ก็ถามเรื่องจำเป็นต่อไป ไหนๆ ก็โทรแล้วนี่ แล้วก็ นั่งเฉยๆ ในรถไม่ได้ทำอะไร
“อะไรที่เป็นคู่ๆ อ่ะ” สาวฝ้ายตอบมา
“กั๊บ” สาวกิ๊ฟรับคำเพื่อน จดลงกระดาษต่อรายการ ของชำร่วย
“เออ กิ๊ฟ แม่บอกว่า ไหนๆ กิ๊ฟจะไปสั่งขนมแล้ว กิ๊ฟไปซื้อหีบเจ้าสาว ไม้บรรทัด ตะเกียง มาให้ด้วยซิ ร้านอยู่เลยร้านขนมเลี้ยวซ้ายเอง
“กั๊บ”
“แล้วแม่บอกว่า ขนมกล่องนะ ต้องส่งก่อนงานวันหมั้นนะ ช้าสุดต้องก่อนสามวัน จะได้แจกญาติๆ ทางนี้ การ์ดแต่งมาช้าหน่อยก็ได้ แจกวันหมั้นก็ทัน”
“กั๊บ” กณิการ์รีบปิดโทรศัพท์ก่อนจะได้อีกหลายรายการ
“นี่ดีนะที่เราเลือกขนมหมั้น ต้องเอาไปส่งก่อนงานหมั้นสามวัน”
“โอ้ย ได้วันนี้ ส่งวันนี้เลย” คนกำลังมีความรักมีแรง แต่คนที่เป็นเพื่อนคนมีความรักหมดแรง นายรู้ไหมเมื่อคืนฉันนอนเมื่อไร เช้าต้องตื่นตั้งกะเมื่อไร
“เออ ขับไป กิ๊ฟนอนเอาแรงก่อนนะ”ว่าแล้วก็กดเบาะเอนนอนทันที
“เฮ้ย ตื่นมาคุยแก้ง่วงก่อน”
“ไม่ ง่วง ต้องเก็บแรงเดินหาของให้นายอีก ฉันรู้ อย่างดี นายก็นอนรอที่รถ” สาวกิ๊ฟตอบเพื่อนสะบัดๆ
กณิการ์เดินตามหลังเพื่อน ถอนหายใจอีกเฮือก ก่อนสาวเท้าเดินตามเจ้ายอร์ชไป พระเจ้ายอร์ชช่างอึดเสียนี่กระไร ทำไมเวลาเดินห้างมันไม่อึดแบบนี้บ้างฟ่ะ เธอไม่เข้าใจเลยทำไมผู้ชายที่เดินห้างติดแอร์ทีไร มักจะเรียกร้องว่า เหนื่อยไปกินเหอะ จะมีความมานะกับการเดินเข้าซอกนั้นตรอกนี้ เลือกของชำร่วยยิ่งกว่าผู้หญิงไปได้ ผู้หญิงถูกแล้ว เพราะสาวกิ๊ฟเหนื่อยจะขาดใจอยู่แล้ว หลังจากไปสั่งขนมและหาของจากร้านเจ้าสาวให้สาวฝ้ายเสร็จแล้ว
“นี่กิ๊ฟ อันนี้ดีไหม” ยอร์ชชูพวงกุญแจหนุ่มสาวจูจุ๊บ กับอีกมือเป็นเทียนรูปหัวใจคู่สีแดง
“เอาเหอะ งานนายนี่ งานฉันเมื่อไรค่อยมาถาม”
เพื่อนหนุ่มยิ้มกว้างเมื่อเห็นรอยยิ้มระเหี่ยจายยยของเพื่อน สาวกิ๊ฟหยิบของใกล้มือที่เธอนั่งแปะกับหน้าร้านขึ้นมาดู แล้วหิ้วดุ๊กดิ๊กไว้ในมือ
“ไอ้นี่นายว่าความหมายมันจะไม่ดีกว่าเหรอ ถุงเงินถุงทองอ่ะ”
เจ้ายอร์ชยิ้มกว้าง แยกเขี้ยวยิ้มก็ว่าได้
“รองานนายเหอะ”
แหม มันน่า!!!!
กณิการ์โยนเจ้าถุงเงินถุงทองลงกล่องมองหนุ่มยอร์ชโทรไปจิจ๊ะกับแฟนสาวอีกครั้ง ขี้เกียจนับแล้วว่าครั้งที่เท่าไร เจอะอะไรถูกใจโทรกระหน่ำ เพี้ยงให้เงินหมด สายตาส่ายสอดไปทั่วเจอเข้ากับของที่เพื่อนฉันต้องชอบ
“ยอร์ช”กระตุกขากางเกงเพื่อนพร้อมชี้ ยอร์ชหันมองตามแรงดึงของเพื่อนสาวแล้วยิ้มกว้าง
กระปุกพริกไทยเกลือรูปคนกอดกันสีฟ้ากับสีชมพู ถูกใจพ่อเจ้าประคุณ เสียงจุกจิกเปลี่ยนเป็นร้อนแรงเล็กน้อย ก่อนยอร์ชจะส่งโทรศัพท์มาให้เธอ
“น่ารักจ้า น่ารักมากเลย ก็กิ๊ฟชี้เองนี่” กณิการ์กรอกเสียงหวาน พยักหน้าหงึกหงัก ก่อนส่งโทรศัพท์เครื่องจิ๋วคืนเพื่อนหนุ่ม เอานิ้วโป้งจรดนิ้วชี้เป็น สัญลักษณ์...เห็นด้วยจ้า...ของปลายสายอีกข้าง
การเจรจาต่อรองราคาเริ่มขึ้น พ่อเพื่อนหนุ่มเคี่ยวแล้ว แต่สาวกิ๊ฟเคี่ยวกว่า การตกลงเจรจา จำนวนของและสติกเกอร์พร้อมบรรจุภัณฑ์จึงทำให้ว่าที่เจ้าบ่าวถึงกับชูนิ้วให้
“นี่ไง เรากับฝ้ายถึงเลือกกิ๊ฟเป็นเพื่อนเจ้าสาว” ดูมันชมหวังใช้เพื่อน
โดนลากไปอีกหลายที่รวมทั้งร้านตัดชุดเจ้าสาวที่สาวฝ้ายได้มาวัดตัวสั่งตัดไว้ล่วงหน้าแล้ว นี่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่ยกให้เจ้าฝ้ายจะทำยังไงนะนี่ กณิการ์คิดในใจอย่างขำๆ แล้วที่พ่อยอร์ชให้มาดูชุดเจ้าบ่าวคร้าบ ชุดเจ้าบ่าว แถมมีน้ำใจจะสั่งตัดสูทเผื่อกณิการ์ด้วย
นายจะบ้าเหรอเจ้ายอร์ช
วันนั้นกว่าจะโดนเจ้ายอร์ชเตะลงจากรถหน้าหอพัก ตะวันก็ลับฟ้าไปหลายชั่วโมงแล้ว แถมเจ้าเพื่อนตัวแสบยังไม่ได้เลี้ยงข้าวด้วย
“อ้าว รีบลงไป เดี๋ยวหอนายปิด เค้าไม่ต้องลงไปช่วยส่งนายข้ามรั้วเหรอ”
เหตุผลพอรับได้ แต่หิวนะโว้ย มาม่าเป็นเพื่อนตายเหมือนเคย กดน้ำร้อนใส่มาม่า อาบน้ำออกมานอนรอ รอ แล้ว มาม่าก็รอคนกินจนเช้า
เสียงโทรศัพท์ดังข้างๆ หู กณิการ์ควานหาโทรศัพท์มารับ ไอ้เสียงสัญญาณแบบนี้ก็ เสียงจากพ่อเจ้าประคุณยอร์ชนะซิ
“กิ๊ฟอ่ะ” กณิการ์เรียกเสียงได้เท่านั้น
“ตื่นจ้า กิ๊ฟ ตื่น สุดหล่อมารอแล้ว”
“รอทำไม วันนี้เราไม่มีนัดกันน้า”
“ไม่มีนัดก็ดีแล้วนี่ แสดงว่าว่าง ว่างก็ไปกับยอร์ชได้”
“ไปไหนอ่ะ”สาวกิ๊ฟปิดปากหาว เดินไปชะโงกหน้าต่าง เจ้ายอร์ชโบกมือให้ คุยโทรศัพท์พิงรถด้วยท่าทางสุดเท่ห์ ตามความคิดของเจ้ายอร์ชคนเดียว
“จะมาชวนไปดูต้นไม้”
“ต้นไม้” กิ๊ฟตะโกนลั่น ชะโงกหน้าออกไปเกือบทั้งตัว เพื่อนหนุ่มหัวเราะ ท่าทางเสียงแท้จริงจะดังกว่าเสียงผ่านโทรศัพท์ บรรดาชาวหอ ต่างโผล่หน้ากันสลอน
“ขอเวลาอาบน้ำเดี๋ยวลงไป” กณิการ์บอกเร็วปรื๋อ อายจนหน้าแดงแจ๋ ฮึ่ม เจ้ายอร์ชหน้าฉันนะที่ขาย ไม่ใช่หน้าแก
ไปเป็นเพื่อนยอร์ชซื้อต้นไม้มาแต่งบ้านรอรับวันเจ้าสาวเข้าบ้าน แล้วก็หน้าที่เธออีกเช่นกันที่ต้องแต่งห้องเจ้าสาว มันหน้าที่ฉันตรงไหน ให้ร้องโวยวายอย่างไร ทั้งสาวฝ้ายทั้งหนุ่มยอร์ชก็ไม่ฟังเสียง
หลังจากผจญกับหนุ่มยอร์ช เธอก็ถูกว่าที่เจ้าบ่าวส่งตัวไปบ้านสาวฝ้ายพร้อมขนมขันหมากและการ์ดเชิญแต่งงานส่วนหนึ่ง ยอร์ชโบกมือลา บอกว่า อีกสองวันจะมารับ ปล่อยให้เธออยู่ในความเมตตาของสาวฝ้าย พระเจ้ายอร์ช นายไม่ช่วยฉันเลย
สาวฝ้ายปล่อยเธอรับหน้าคุณแม่ขณะที่ตัวฝ้ายขับรถออกไปแจกขนมขันหมากกับคุณพ่อ เหอๆๆ ใครจะคิดว่า งานหมั้นจะต้องใช้เครื่องทองเหลืองเยอะขนาดนี้ เธอเทมะขามเปียกกิโลสุดท้ายลงกะละมัง
“พอไหมคะคุณแม่” สาวกิ๊ฟถามแหยๆ เห็นใจบรรดาสาวน้อย สาวใหญ่ที่มาลงแรงขัดทองเหลือง ที่ขัด เช็ด ตากแดด กันเหลืองอร่ามเต็มลานบ้าน
“ฮือม์ เหลือดีกว่าขาดลูก มาไปดูซิ ว่าเราขาดเหลืออะไรอีก
พระเจ้ายอร์ช นายไม่ช่วยฉันเลย
สาวกิ๊ฟลอบถอนหายใจ ควักกระเป๋าหยิบรายการและปากกาเดินตามหลังคุณแม่ไป เอาน่า นี่เป็นงานแต่งงานลูกสาวเดียวของคุณแม่นี่น่า
กณิการ์ถูกดึงตัวระหว่างว่าที่ บ่าวและสาวเท่าๆ กัน จนรู้สึกเหมือนเธอเป็นเชือกที่ถูกสองคนนี้ดึงคนล่ะข้าง
“กั๊บ กิ๊ฟกั๊บ” กณิการ์หลับตาพูด เธอโดนเจ้ายอร์ชจับใส่รถ พร้อมสาวฝ้ายเพื่อไปลองชุดเจ้าสาว กะว่าจะหลับเอาแรงหน่อย เมื่อสองหนุ่มสาวอยู่ด้วยกันเธอคงไม่ต้องรับโทรศัพท์จากฝ่ายใดแล้ว แต่ยังมีจนได้
“คุณแม่นะคะ ลูกกิ๊ฟ คุณแม่น้องฝ้าย”
“ค่า จะพูดกับฝ้ายหรือคะ” กณิการ์ลืมตาตื่นมาได้ข้างหนึ่ง กำลังจะชะโงกไปส่งโทรศัพท์ให้เพื่อนสาว
“ไม่จ้ะ คุณแม่โทรมาหาลูกกิ๊ฟจ้ะ ยังไงลองชุดแล้ว ให้รีบกลับมานะจ้ะ ขับไปขับมาอย่าให้มืดค่ำ จริงๆ ให้ลุงสุขขับรถพาน้องฝ้ายไปก็ได้” เสียงคุณแม่ยังบ่นหงุงหงิงอย่างห่วงลูกสาว
“ค่ะ กิ๊ฟจะดูแลไม่ให้เถลไถล ไม่ให้คลาดสายตาเลยค่ะ”
“จ้า คุณแม่ไว้ใจกิ๊ฟ” คุณแม่หัวเราะเสียงใสก่อนวางสาย
กิ๊ฟเอื้อมมือไปเคาะไหล่เพื่อนสาว
“ฝ้ายจ๋า คุณแม่โทรมาบอกให้รีบกลับนะจ้ะ ห้ามแอบไปหวีดกัน”
“จะหวีดอะไรล่ะกิ๊ฟก็” หนุ่มหนึ่งเดียวโวย “ถ้ากิ๊ฟไม่มาเรายังจูจุ๊บกันได้มั้ง”
เพี๊ยะ เสียงสาวฝ้ายปรามหนุ่มค่ะ เสียงปรามเท่านั้น
“อะไรละฝ้าย เค้าพูดจริงนะ”
น่านมันวอน...แล้วก็ไม่ผิดหวัง เสียง...เพี๊ยะ...มาเร็วทันใจ กณิการ์หลับตาลงอย่างวางใจ ลงว่าสาวฝ้ายเข้าสู่โหมดโหด จูจุ๊บน่ะไม่มีทาง
พอถึงร้านสาวฝ้ายเข้าไปลองชุด ว่าที่เจ้าสาวยิ้มร่าออกมาในชุดราตรียาวสีขาวเกาะอก ด้วยหุ่นสูงโปร่ง สาวฝ้ายสวยจริงๆ
“สวยจังเลยฝ้าย” กิ๊ฟชมเพื่อน ยิ้มตาหยี “สวยมากๆ เจ้ายอร์ชตาถึง”
คนถูกกล่าวถึง หัวเราะกั๊กๆ “สวยกว่านี้เราจะเห็นคนเดียว” ยอร์ชชะโงกมากระซิบเสียงดัง สองสาวทำหน้าเหรอหรา แต่ช่างเสื้อหัวเราะกิ๊ก
“มานี่คะ เจ้าบ่าว ถ้าอยากเห็นสวยกว่านี้คุณต้องมาตรงนี้นะคะ”
ฮาฮาฮา รู้หรือเปล่าเขาสอนอะไรเจ้าบ่าว สอนปลดชุดเจ้าค่ะ ฮาฮาฮา ที่หัวเราะนี่ หน้าแดงนะกั๊บ
กณิการ์ต้องเข้าไปเรียนรู้การตีสุ่มให้มันออกมาเป็นสุ่ม เพราะตอนขนเสื้อผ้าไปมันอาจจะเป็นสุ่มแฟบก็ได้
พอถึงชุดเจ้าบ่าว หนุ่มยอร์ชอ้อนตาหวาน “ฝ้าย ไม่เข้ามาลองปลดชุดเจ้าบ่าวดูมั่งเหรอ”
เออ ตอนนี้คงไม่ต้องบรรยายว่าสาวฝ้ายจะแก้เขินไปกี่ตุ้บ และด้วยความที่ไม่อยากขัด ศรัทธาเพื่อน กณิการ์เลยได้ชุดสูทกางเกง อะแอ้ม แบบผู้หญิงสีชมพูอมม่วงมา 1 ชุดเป็นค่าจ้างครั้งนี้
“เดี๋ยวจะให้คุณแม่หักเงินในซองแดงของกิ๊ฟ” ดูเจ้าฝ้ายว่า นี่ไงละ สาวเค็มตัวจริง
แล้วก็มาถึงวันหมั้น สาวฝ้ายใส่ชุดไทยสีชมพูเพราะเรายกขันหมากแบบจีน กณิการ์วิ่งวุ่นกองเจ้าสาวทีเจ้าบ่าวที ฉะนั้นอย่ามาถามว่าพิธีมีอะไรบ้าง ไม่รู้กั๊บ แต่ถ้ามาถามว่ามีอุปสรรคอะไรบ้างที่สาวกิ๊ฟต้องลงมือแก้ไข ถามมาเลย เยอะมาก มากขนาดไหนนะหรือ
“กิ๊ฟยังไม่ได้กินข้าวเลยนะยอร์ช”
กิ๊ฟส่งสายตาอ้อนสุดฤทธิ์ให้เพื่อน เมื่อเธอกำลังตรวจตราความเรียบร้อยของบ้านหลังจากมรสุมของการเลี้ยงโต๊ะจีนไปหนึ่งมื้อใหญ่ คุณแม่ฝ้ายขอตัวไปพักเอาแรง คุณพ่อไปทำงานต่อ ส่วนสาวฝ้าย ก็ยืนกุมมือคู่หมั้นอยู่ตรงนี้ เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย เป็นเสื้อสีหวานเข้ากับกางเกง ดูกิ๊ฟซิ ยังทรงชุดออกงานสีส้มโอโรสที่คุณแม่ฝ้ายบังคับเปลี่ยนอยู่เลย ท่านไม่ชอบใจชุดที่เธอใส่
“ก็ใช่นะซิ”
ฝ้ายหัวเราะกิ๊ก “จะมาชวนไปกินข้าวนี่ไงล่ะ เร็ว โต๊ะจีนเขาเก็บชุดพิเศษไว้ให้เรา กับข้าวอุ่นเสร็จแล้ว”
“โธ่โถ ฝ้าย จะเลี้ยงงานหมั้นทั้งที เลี้ยงในบ้านเนี้ยะ กิ๊ฟนึกว่าฝ้ายจะเลี้ยงดูปูเสื่อกิ๊ฟอย่างดีเสียอีก”
สาวฝ้ายหัวเราะกิ๊ก แหนบเข้าให้อีกที
กิ๊ฟปาดน้ำตาปรอยๆ มองเพื่อนทั้งคู่บนเวทียิ้มร่า แหมมันน่าปลื้มอยู่ไม่น้อยที่ทั้งคู่มีวันนี้กันได้ กิ๊ฟเห็นความสัมพันธ์ที่ค่อยๆ เริ่มจนพัฒนามาถึงวันนี้ รู้ว่ารักกันมาก มากจนเขาตัดสินใจอยู่ร่วมกัน แล้วกิ๊ฟล่ะ กิ๊ฟก็รักเพื่อนมากเหมือนกันนะ ทำไมวันนี้ มันเหงาปนปลื้มยังไงไม่รู้ เพื่อนรักสองคนไปด้วยกัน แต่กิ๊ฟยืนตรงนี้คนเดียว
“กิ๊ฟ” เสียงแจ๋วๆ เรียก
“จ้า”
กิ๊ฟขานหันขวับตามเสียงเรียก เอื้อมมือไปรับดอกไม้ตามสันชาติญาณ อ้าปากค้างกับหมู่สาวๆ ที่ตรงเข้ามาหา ก่อนที่สาวตัวน้อยจะ แหลกเหลวเป็นโจ๊ก อ้อมแขนแข็งๆ ก็โอบรอบเอว ช่วยหิ้วให้พ้นบาทาส้นเข็ม เฮ้ยโล่งอก
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น