คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : จดหมายถึงเพื่อน
บทที่ 2 "จดหมาบถึงเพื่อน"
จาก กระท่อมแม่มดปลายนา
ถึง เจ้าของที่ดินกลางทะเลสาบ
‘หวัดดี จ๋อม
เราหย่อนจม.ฉบับนี้ ลงจ๋อมที่ตู้ไปรษณีย์หวังให้มันดังจ๋อมที่ปราสาทของนายนะ
คิดถึงมากเกินกว่าที่ที่จะเขียนออกมา แต่เราก็นึกไม่ออกว่านอกจากเขียน จะส่งความคิดถึงมาให้ถึงได้ยังไง แจ๋วไหม สำนวนเรา
“เซ็ง” นายต้องตอบยังงี้ แหง๋ๆ
“เฉย และ เชย” นี่คือคำวิจารณ์ต่อมา ก็ใช่นะซิ ฉันไม่ใช่นักเขียน นี่-ยาย น้ำสีใบบัวบกอย่างนายนี่ยะ
ฮึ โกรธแล้วนะ ไม่เขียนถึงเราเลยนะจ๊ะ เราเหงา หงอย แถมยังเซ็งเหมือนที่เธอชอบว่าเรา เห็นไหม เราก็เขียนหวานๆ ถึงนายได้
แต่เราเหงาจริงๆ นะ สาบาลให้งูตกนรกซิ
จดหมายฉบับสุดท้าย จ๋อมบอกว่าจะสอบแล้วก็ไม่เขียนมาอีก ลืมเพื่อนคนนี้แล้วหรือ ที่จริงก็น่าจะลืมหรอก เรามันแค่เพื่อนทางจดหมายกันเองนี่ ไม่เคยพบหน้าค่าตากันเลย แม้แต่รูปสักใบ ที่จริงความเป็นเพื่อนของเราก็แปลกพอใช้นะนายส่งจดหมายมาที่โรงเรียนเรา แถมยังบอกซะอีกนะว่า
กรุณาตอบด้วยจะส่ง อ.จ. เอาคะแนน
เราก็แสนซื่อ ตอบไปได้ว่า อ.จ. นะอะไร โธ่ ก็เราเคยแต่เขียน อ. นี่น่า แล้วนายก็เขียนตอบมาคำเดียวเต็มหน้ากระดาษ
“โง่”
ความเป็นเพื่อนของเราเริ่มจากตรงนี้เองใช่ไหม เราไม่นึกเลยว่านายจะลืมเราได้ จริงๆนะ ขนาดเวลาเราตกฟากนายยังจำได้เลยนี่นา
วันนี้เราเจอเรื่องตลกๆ เยอะแยะ นายจะรู้สึกยังไงล่ะ ถ้ามีคนทักว่า
“ทำอะไรจ๊ะ”
ซ้อนๆ กันจากหนุ่มหล่อน่ารักสองคน แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิด เพื่อนพี่นนท์นะจ๊ะ นายเคยว่าเราโง่ใช่ไหม แต่มีคนมาให้เราไปเป็นคนติวให้ล่ะ เรายังไม่รู้เหมือนกันว่าใคร คิดว่าเราสอนได้นะ
นายล่ะจะเข้าม.ปลายที่ไหน ส่งมาบ้างซิ เราเซ็ง ขอจบฉบับนี้ก่อน ถ้านายอยากรู้ว่าเราจะไปสอนใคร ที่ไหน และอย่างไร ก็ตอบจดหมายเรานะ จะคอย
ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายคุ้มครองครอบครัวและตัวจ๋อม
รักและคิดถึงมาก
น้อย
สุราลัยวางปากกาลง พับจดหมายยังไม่ทันใส่ซองก็ได้ยินเสียงคนเดินขึ้นบ้านมา
“พี่นนท์” สุราลัยเรียก เมื่อได้ยินเสียงไปทางหัวบันได
“ฮือม์” เสียงตอบมาทั้งๆที่ไม่เห็นตัว
“น้อยเข้าไปนะ” สุราลัยร้องบอก
มองหาของมาวางทับจดหมาย ได้การล่ะ เจ้าที่เสียบปากกาที่แปรสภาพมาจากแก้วกาแฟน่าจะใช้ได้ เธอยกขึ้นเช็ดก้นแก้วก่อนวางทับจดหมาย ครั้งกระโน้น เจ้าจ๋อมกัดซะเจ็บเชียว ทำสีหยดลงเกินไปหยดเดียวในการ์ดทำเองจากสีหยดแล้วเอียงกระดาษให้สีไหลไปไหลมาไงล่ะ ส่งอันที่สวยที่สุดไปให้แล้ว ยังถูกต่อว่ากลับมาได้ ว่าน้ำตาผีเสื้อสมุทร ชะ!
แต่ยังไม่ลุกขึ้น ก็พี่นนท์นะ ชอบนุ่งลมห่มฟ้าในห้องนอนของเขาเองนี่นา ต้องรอเขาเรียกก่อน ไม่งั้นเขาเขิน อะไรใกล้ๆ มือมาลอยมาปิดตาเธอ
“ฮือม์” เสียงห้าวนุ่มๆ ดังข้ามมา สุราลัยจึงลุกจากห้องตัวเองไปที่ห้องของอานนท์
ห้องลูกชายทั้งคู่อยู่ติดบันไดหลัง ห้องพ่อกับแม่ติดด้านหน้า ตรงกลางเป็นของสาวๆ ทั้งสามคน พ่อกั้นให้อยู่เป็นสัดเป็นส่วน จะได้รู้จักดูแลตัวเอง มีคุณ
ห้องของสุราลัยและอานนท์เป็นห้องใหญ่ที่แบ่งกันคนล่ะครึ่งพอดี พี่นอง พี่น้อง พี่ชายพี่สาวคนโต แต่งงานแล้ว พ่อเลยให้ห้องใหญ่ เผื่อเวลามากับครอบครัวเขาจะได้ไม่อึดอัด พี่นิดก็ได้ห้องเดี่ยวห้องใหญ่ไป แต่เวลาญาติๆ เพื่อนๆ มา ห้องไม่พอ ก็นอนห้องใหญ่ของพี่นิดเขาไม่ว่าเพราะเขาไม่ค่อยจะอยู่บ้านเท่าไร ขอแต่สมบัติเขาไม่หายเขาก็พอใจแล้ว
“มีอะไร” อานนท์ถาม
ตัวท่านยังทรงชุดเดิมอยู่ นอนหลับตาบนฟูกที่ปูอยู่ที่พื้น พี่นนท์นี่เขาเป็นภาคผู้ชายของพี่นิด หน้าคล้ายๆ กัน อยู่ฝ่ายขาว เหมือนพ่อ ขณะที่เธอกับพี่นอง อยู่พรรคดำ(อย่างแม่) แต่เขาตัวสูง หกฟุตสองนิ้วครั้งสุดท้ายที่เขาบอก เตี้ยกว่าคู่ซี้เขา วัฒน์ไป ครึ่งของนิ้ว ก็ขาเขาเลยเตียงออกมา ต้องเอาเตียงออก แล้วเอาฟูกมานอนที่พื้นแทน
“พี่วัฒน์มา” สุราลัยรายงาน
เดินไปนั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือของเขา ห้องเธอกับห้องเขาก็จัดเหมือนๆ กัน เตียงวางชิดฝาด้านหนึ่ง มุมที่ลมผ่านมาที่สุด ก็หน้าต่างไงล่ะ ตั้งโต๊ะหนังสือ มีโคมไปประจำ มุมที่อับที่สุด ตั้งตู้เสื้อผ้า แบบตีเอง นี่ทำให้มีช่องว่างระหว่างตู้เสื้อผ้าของเธอกับพี่ชายให้แอบสอดสมบัติที่อยากซ่อนพ่อกะแม่เวลามาตรวจห้องไปไว้ในตู้ของอีกฝ่าย
กระเป๋าหนังสือ กับหนังสือที่ใช้ เก็บไว้ที่โต๊ะหนังสือ เพราะนอกนั้นเราไปรวมไว้ในห้องเก็บหนังสือข้างล่าง มีเด็กที่ชอบอ่านหนังสือแถวนี้บ้าง นักเรียนที่ไม่มีเงินจะซื้อหนังสือเรียนบ้างมาเอาหนังสือที่พวกเราไม่ใช้แล้วไปใช้ต่อ
ว่างๆ แม่ก็จะคัดที่เก่าๆ ออกไปขายเป็นเศษกระดาษบ้าง บริจาคไปที่โรงเรียนอื่นบ้าง พี่น้องแอบนินทาว่าที่พวกเราเรียนกันพอได้ นี่เป็นผลบุญของแม่ที่บริจาคหนังสือ
แม่บอกว่าสมัยแม่ยังเด็กอยากอ่านหนังสือก็ไม่มี เพราะบ้านแม่ไม่ค่อยมีเงิน แล้วหนังสือก็หายากและมีราคามาก แม่เลยเห็นใจคนที่อยากอ่านหนังสือแล้วไม่มีเงินมาก
“ฮือม์” อานนท์รับรู้
หรี่ตามองน้องสาว นี่รื้อๆค้นๆ หนังสือบนโต๊ะเขา ก็หนังสือเรียน หยิบมาอ่านสองสามเล่มช่วงปิดเทอม text book เฉพาะทางนี่ เจ้าน้องสาวหนอนหนังสือของเขาจะอ่านไหมนะ เจ้าหล่อนเปิดอ่านท่าทางสนใจ
“แล้วบ้านพี่วัฒน์อยู่ไหน” สุราลัยปากถาม มือเปิดดูหนังสือเรียนพี่ชาย
เขาเรียนจะเป็นคุณหมอหมา ตั้งแต่เขาเริ่มไปเรียน น้องหมาที่บ้านวิ่งหลบว่าที่คุณหมอ(หมา)อานนท์ กันหมด แม้แต่เจ้าข้าวเม่าตัวโปรดของเขา เวลาเขาเรียก มันก็ไปแบบไม่ค่อยเต็มใจเท่าไร นอนตัวสั่นริกๆ
“ทำไม”
อานนท์ถามเสียงดุๆ ขึ้นมานิด ทำเอาสุราลัยสะดุ้ง อ่านเพลินๆ เธอเลยปิดหนังสือ จัดวางของบนโต๊ะเขาให้เป็นระเบียบ พลางคุยกับพี่ชาย
“น้อยจะไปพรุ่งนี้”
“มันเรื่องอะไร” อานนท์ลืมตามาถาม เสียงนุ่มๆ แต่มีแววอันตรายในดวงตา
พี่ๆ ไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ กันหมด เหลือเขากับน้อยอยู่บ้าน ตั้งแต่เล็กมาก็รับฟังคำสั่งสอนว่าเขาต้องดูแลน้องให้ดีนะ ตั้งแต่เขาไปหาช้อนปลากัดกับเด็กแถวนี้ ยายน้อยวิ่งตาม มัวแต่ช้อนปลา ยายน้อยลงไปปุ๊งๆ อยู่ในคลองแล้ว เขาว่ายน้ำไม่เป็น ดีแต่วัฒน์เพื่อนที่โรงเรียนที่เพิ่งตามาดูวิธีหาปลา ว่ายเป็นแล้วยังตัดสินใจเร็ว ยายน้อยเลยโตมาได้ขนาดนี้
วัฒน์เทศนาเขายาวเหยียด เรื่องไม่ดูน้อง วัฒน์เองมีน้องสาวคนเดียว เพิ่งเสียไปไม่นานเท่าไร เขาเลยอ่อนไหวกับเรื่องน้องมาก
ตั้งแต่นั้น เขากับวัฒน์ก็เลยเป็นเพื่อนสนิทกัน ดูแลยายน้อยมาด้วยกัน ถึงจะไว้วางใจเพื่อนมากขนาดไหน แต่ยายน้อยเป็นสาวแล้ว กุหลาบแรกแย้มชวนมอง ชวนให้เด็ดดอมดม ถึงจะเป็นกุหลาบที่แย้มไกลแอบซ่อนในเสื้อผ้ามอๆ แต่ยังไงความโดดเด่นก็เห็นได้ชัด
ผิวเปล่งปลั่งด้วยเลือดฝาดวัยสาวแบบที่เครื่องสำอางค์ยาวิเศษอะไรก็ช่วยไม่ได้ รูปร่างไม่ได้ป้อมๆ แบบเด็กๆ แล้ว เริ่มสูงเพรียว มีทรวดมีทรง ให้เห็น แล้วน้องสาวเขาก็หน้าตาคมคาย ก็เขายังเคยได้ยินรุ่นน้องที่โรงเรียนเขา พูดถึงนางเบญกายแปลง ในงานประจำปีของโรงเรียนน้องสาว ไปถามยายน้อยถึงรู้ว่านั่น น้องตูเอง
“พี่วัฒน์จะให้ไปติวให้น้องพี่วัฒน์” สุราลัยตอบจ้องตาแป๋วๆ ไปทางพี่ชาย
“เขียนแผนที่ให้ไปเองถูกไหม” อานนท์ถาม
“คงถูก” สุราลัยตอบแถมด้วยรอยยิ้มแหย๋ๆ
“หัดไปซะบ้างซิ โตจะตายแล้ว” อานนท์เอ็ด แต่ประโยคต่อมาทำให้สุราลัยแอบยิ้ม
“พรุ่งนี้ปลุกพี่นะจะไปส่ง”
“ค่ะ” สุราลัยรับคำ ตีหน้าอ่อนให้ เท่านี้ก็สำเร็จ ไม่ต้องไปเอง แต่....
สุราลัยหันหลังเดินออกจากห้อง แล้วก็หยุดกึกเมื่อ
“เรานะ จะเข้า ม.ปลายที่ไหน”
“ยังไม่รู้ค่ะ” สุราลัยตอบออมเสียง หลุบซ่อนแววตาเอาไว้ เบื่อพี่จอมยุ่งจริงๆ
“จะหันหลังคุยกับพี่หรือ”
เสียงห้าวๆ ถามนุ่มๆ มา สุราลัยก็ค่อยๆ หันกลับมา ด้วยความละอาของผู้ดูในท่าทางที่เหมือนกึ่งๆ เด็กปัญญาอ่อนนั้น
“เราเองยังไม่รู้ แล้วจะยังไปติวให้คนอื่น”
อานนท์ขยับตัวให้มองน้องให้ถนัด สงสัยไม่ค่อยได้กลับบ้าน นอนมองอย่างนี้เจ้าน้อยดูสูงขึ้นอีก เสื้อกางเกงนอนลายลูกหมี ดูเหมือนขากางเกงมันจะสั้นขึ้นไปอีกนะ
“น้อยยื่นใบสมัครที่โรงเรียนเดิมแล้ว เกรดน้อยถึง”
สุราลัยอธิบายระบบเรียนต่อของโรงเรียนเธอ
“งั้นเหรอ ไม่อยากไปเรียนกรุงเทพฯ”
อานนท์ถามไปอย่างนั้นล่ะ พ่อแม่คงยังไม่อยากให้ไป ก็ตอนนี้เหลือเจ้าน้อยอยู่บ้านคนเดียว เขาก็กลับบ้านเฉพาะเสาร์อาทิตย์ที่ไม่มีกิจกรรมอื่นๆ
“ให้น้อยคิดดูก่อน” สุราลัยตอบเลี่ยง ใครไม่อยากไปละ โธ่! กรุงเทพฯ น่าสนุกจะตาย
“จะรออะไร วันสมัครเหลืออีกไม่กี่วัน”
อานนท์ซักไซ้ เขาก็อยากให้น้องสาวไปลองดูจะได้รู้ว่าเด็กกรุงเทพฯ กับเด็กต่างจังหวัดนั้นแตกต่างกันมากไหม ถึงเจ้าหล่อนจะอยู่โรงเรียนอันดับหนึ่งของจังหวัด ที่ทุกปี นักเรียนส่วนใหญ่เข้ามหาวิทยาลัยต่างๆ ได้มากก็ตาม
“เรื่องของน้อยน่า อย่ามายุ่ง” สุดท้ายสุราลัยก็ใช้ไม้เด็ด แผดเสียงลั่นบ้าน
“เออ ถ้าแกไม่ใช่น้องฉันก็ไม่สนใจเหมือนกันละวะ” อานนท์เสียงดังกลับ
“เออ จะเอายังไงก็เอาซิ” สุราลัยถลกแขนเสื้อ ถึงเป็นพี่ชายก็ไม่กลัว ใครอยากให้เขาเอาเธอเป็นคู่ซ้อมยูโด
อานนท์รำคาญ เลยคว้าหมอนมาปาใส่พลางไล่
“ไป ไป๊ จะไปไหนก็ไป”
สุราลัยต้องทำแผลงฤทธิ์ไปอย่างนั้นล่ะ ไม่งั้นมีหวังโดนอานนท์อัดเข้ากรอบที่เธอไม่ชอบแน่ๆ เลย
“พี่นนท์ พี่นนท์”
สุราลัยกระตุกหมอนข้างที่พี่ชายกอดเบาๆ แตะตัวไม่ได้ เดี๋ยวถูกถีบ เคยโดนมาแล้ว
อานนท์แทบยากจะอัดคนปลุกเขาแต่เช้าเข้าแนบฝา แต่เมื่อเห็นตาแป๋วๆ ใสแจ๋วเหมือนน้ำฝน ก็อดที่จะเวทนาในความบริสุทธิ์ไม่ได้
“แผนที่ฮะ” สุราลัยเตือน
“เอากระดาษกะปากกามาซิ”
พอพูดจบ ของก็ถูกยื่นมาตรงหน้า เจ้าตัวแต่งตัวเรียบร้อยแล้วในแบบฉบับของตัวเอง กางเกงตัวใหญ่ๆ เสื้อยืดข้างใน เสื้อเชิ้ตตัวโคร่งๆ อีกตัว มีเป้วางไว้ข้างๆ คู่กับหมวกแก๊ปใบคุ้นๆ
อานนท์ขยับนอนคว่ำเขียนให้อย่างละเอียดรวมทั้งสายรถเมล์ที่ผ่าน เมื่อเขาส่งให้ ก็บอกน้องสาว
“คอยพี่เดี๋ยว จะไปส่ง”
ไม่มีเสียงตอบมีแต่เสียงพื้นกระดานไหวตามการเดินย่องๆ ของน้องสาว อานนท์หลับพักสายตาอีกนิด เมื่อเขาลงมาข้างล่าง ก็พบแต่กุลปราณีนั่งอยู่เพียงคนเดียว
“น้อยละครับพี่นิด” อานนท์ถามพี่สาวที่ชี้ไปทางกาน้ำเป็นเชิงบอกว่าจัดการตัวเองนะเธอ
“ออกไปแล้ว” กุลปราณีบอก
เจ้าน้อยมาหาของกินง่ายๆ ขนมปังกระกบสอดไส้ด้วยกุนเชียง นมอีกกล่องอ้อมๆแอ้มๆ พูดอะไรไม่รู้เรื่อง แล้วก็เดินกินออกไป ก็เดาว่าหนูจะออกไปสอนหนังสือแล้วนะ วัฒน์พูดขอต่อหน้าเธอแล้ว เธอก็อนุญาตแล้ว
“ยายบ้า” อานนท์พึมพำว่า
“ทำไมว่าน้องอย่างนั้น”
คุณนันทาหันมาต่อว่า ท่านเดินลงมาจากข้างบนพร้อมกับคนางค์ พี่สาวคนรอง
“นนท์ยังไม่ได้ว่าอะไรน้องเลยนี่คะ”
คนางค์ล้อเลียนมารดา กุลปราณีส่งถ้วยน้ำเต้าหู้ให้มารดา
“แม่ว่านะ หมายถึงยายน้อง”
“น้อยค่ะแม่ น้อย” คนางค์แก้แล้วก็หัวเราะ
เธอแต่งงานแล้วเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเดียวกับสามี อาทิตย์นี้สามีไปสัมมนา เธอเลยกลับบ้านมาเยี่ยมแม่ ยังไม่มีลูกก็สบายแบบนี้ล่ะ
“พี่น้องกลับมาเมื่อไรครับ” อานนท์ทักพี่สาวคนรอง
“เมื่อคืนแน่ะ เรานะหลับสนิทเลยเชียวนะ ยายน้อยเสียอีกยังลุกมาเปิดประตูให้”
“พี่นองไม่ได้มาด้วยหรือครับ”
อานนท์ถามถึงพี่ชายคนโต ในเมื่อวันนี้เป็นวันหยุด ปกติก็จะพากันมาเยี่ยมพ่อแม่วันหยุด
“พี่นองไปกับแฟนนะ พาหลานไปเยี่ยมคุณตา” คนางค์ตอบน้องชาย
“แล้วพี่เขยของนิดละคะ” กุลปราณีเย้า
“แฟนเราล่ะ” คนางค์ว่าบ้าง
นันทาหันมามองสาวๆ อานนท์ยิ้มให้มารดา
“ถามผมดีกว่าครับแม่” อานนท์พูด ทำให้มารดาอดหัวเราะไม่ได้
“จ๊ะ พ่อคนช่างรู้ แฟนแม่น้องนะแม่พอรู้”
ท่านอมยิ้มขำๆ ตัวเอง ก็ถ้าไม่รู้จะยกลูกสาวให้ถูกคนได้ยังไง
“แต่แม่นิดนี่แม่ไม่รู้จัก”
“หล่อครับ เพื่อนพี่นอง” อานนท์บอก
“แม่ก็เคยเจอนี่ครับที่เขาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้พี่นองไงครับ”
“อ้อ แล้วใครล่ะ พ่อชาติ หรือคุณพร้อม” คุณนันทาจำเพื่อนสนิทของบุตรชายคนโตได้
“แหม๋แม่ขา ลำเอียงเห็นชัดๆ เชียวนะคะ พ่อชาติ กับคุณพร้อมเชียว แม่ชอบใครล่ะคะ” คนางค์เย้า ชายตามองน้องสาวที่เอาแต่ปิดปากหัวเราะ
“คุณพร้อมเขาเป็นหม่อมหลวง ก็ต้องเรียกว่าคุณ ไม่ได้ลำเอียงอะไร ใครก็ได้ที่ลูกแม่ชอบ แม่ก็พร้อมจะเปิดกว้างรับมาเข้าครอบครัวเราเสมอ”
“สงสัยแม่ชอบคุณพร้อม” คนางค์ยังแซวไม่เลิก
“แม่จำผิดแล้วครับ พี่ธงชัยต่างหากที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าว พี่ชาติกับพี่พร้อมเขายืนอวดสาวอยู่ข้างๆ พี่นองต่างหาก” อานนท์ไขความ ให้กระจ่าง
“ผมเห็นจะต้องไปเล่นกีฬายืดเส้นยืดสายละครับ” หนุ่มหนึ่งเดียวในที่นั้นประกาศ
“ไปด้วยซิ” คนางค์วางหนังสือ
“ไม่ได้ครับ เพื่อนผมแต่ล่ะคน เดี๋ยวคุณ ดร. มาเตะผม” อานนท์รีบห้าม แล้วเผ่นเลย
“ทายกันไหม” คนางค์ถามกุลปราณีทันทีที่อานนท์ลับหลัง
“มา เอาเดิมเท่าไร” กุลปราณีเตรียมรับแข็งขัน
“สิบหนึ่งเป็นไง เซี่ยงไฮ้สิบอันกับหนังรอบเดียว”
“เอาซิเซี่ยงไฮ้สิบอันนิดจ่ายได้ พี่น้องว่าใคร” กุลปราณีตาพราว
“รายซอยที่สี่แน่ๆ เลย” คนางค์เดา สาวที่น้องชายหาเหตุออกจากบ้านแต่เช้า
“ใครว่าซอยเก้าต่างหากล่ะ” กุลปราณีค้าน
“อะไร เป็นสาวเป็นนางหัดพนัน”
นันทาดุ ทั้งสองสาวหน้าม่อย แล้วก็ปล่อยงอหายเมื่อได้ยินประโยคถามต่อมา
“ให้แม่รู้บ้างซิ”
เมื่อสองสาวยังไม่มีท่าทีจะหยุดง่ายๆ นันทาเลยซัดให้คนล่ะเพี๊ยะ
“แฟนนนท์ค่ะ แฟนนนท์” คนางค์ร้องบอก แล้ววิ่งหนีไปข้างบน
“ลงมาทำกับข้าวนะ” นันทาเรียกเสียงดุ
ถ้าคนางค์และกุลปราณีรู้ว่าอานนท์ไปไหนคงจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วบ่นออกมาพร้อมๆ กันว่า
“รักน้องจริงนะแก”
ความคิดเห็น