ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ลมพัด
บทที่ 2  ลมพัด
    ก่องแก้วนิ่วหน้า อากาศร้อนมาก เหงื่อออกชุ่มเสื้อนักศึกษาสีขาว  แสงแดดจัดจ้าแสบตา แล้วเธอก็ยังไม่ได้ของที่ต้องการอีก แถวยังอีกยาวเหยียด
    “ไม่ไหวแล้ว” หญิงสาวร้องในใจ ตัดใจออกจากแถว มาหาน้ำเย็นๆ ดื่ม
    “ทำไมยอมแพ้ง่ายจัง” เสียงคุ้นๆหู โดยวิธีการที่คุ้นๆ มันดังในหัว ไม่ใช่ทางโสตสัมผัส
    “ไม่ไหวจะเป็นลม ทำไมคนเห่อกันอย่างนั้นนะ” เธอตอบด้วยวิธีการคุ้นเคย ตอบในใจ
    “ไม่รู้ซิจ๊ะ กาญจน์ไม่ใช่คนนี่น่า  คิดอย่างนั้นแล้วมาต่อแถวกับเขาทำไมล่ะ”
    “เพื่อนนะฝากมา ก็วันนี้แก้วว่าง กาญจน์ล่ะมาทำไมแถวนี้”
    ก่องแก้วถามอย่างสงสัย  ปกติจะพบกันก็ที่บ้าน หรือบ้างทีก็ชวนไปไหนด้วยกัน กับกาญจนาเทวีก็เหมือนคนที่อยู่บ้านเดียวกัน กลางวันต่างคนก็ต่างไปธุระของตนเอง เย็นๆก็กลับบ้านมาพบกัน
    “มาช่วยดูความสงบแถวนี้หน่อย จะมีคนอ้างเข้าทรงหลอกลวง มหาเทวีทรงกริ้ว ก็เลยให้เทวีมายาวีมาปราบ กาญจน์ตามมาดูเฉยๆ”
    “เทวีมายาวีนี่เป็นยังไง”
    “เป็นเทพผู้หญิง อ้อเทพไม่แบ่งชายหญิง เอาเป็นว่าเทพองค์นี้สำแดงลักษณะเป็นหญิงแล้วกัน”
    ก่องแก้วอยากจะซัดให้สักตุ้บ
    “อย่า-”
    เสียงห้ามมาเหมือนจะรู้  เวลาเหนื่อยหรือสมาธิไม่ดีเธอจะไม่เห็นกาญจนาเทวี รับสัญญาณไม่ได้ เวลานี้ที่ได้ยินเสียงก็ถือว่าพลังของกาญจนาเทวีต้องส่งมาแรงมากเชียวล่ะ
    “ทำใจให้มีสมาธิ น้ำเย็นๆ ก็ดื่มแล้ว อยู่ก็อยู่ในที่ที่ร่มเย็นแล้ว ท่านรุกขเทวดานะเอ็นดูแก้วมากนะ”
    “ขอบพระคุณค่ะ” ก่องแก้วส่งจิตไป สิ่งที่ได้รับกลับคือความเย็นฉ่ำ
    “ท่านได้รับแล้ว” เสียงกาญจนาเทวีดังมาอย่างอ่อนโยน
    “ตอนนี้แก้วยังสมาธิไม่ดี สงบ สติ  หา สมาธิ  อยู่ตรงนี้แล้วกัน  คงจะไม่ได้เห็นอะไรสนุกๆ  คืนนี้กลับไปจะเล่าให้ฟัง”
    ระหว่างนั้นก่องแก้วก็สำรวมสมาธิ กำหนดลมหายใจอย่างที่เคยปฏิบัติ ตาแพ่งอยู่ที่ขวดน้ำในมือ  การหลับตาจะทำให้สงบได้มากกว่า แต่เธอก็เคยถูกทักว่าหลับกลางวันมาแล้ว  เลยต้องเปลี่ยนเป็นจับที่อะไรสักอย่างแทน
    “เทวีมายาวีเป็นศิษÂìร่วมสำนัก เธอยังเยาว์นักมักทำอะไรเปิ่นๆ อย่างเสกวัวได้กบอะไรทำนองนั้น มหาเทวีทรงบัญชาให้เธอมาเข้าร่างทรงนั่น ไม่รู้เธอจะทำอะไรแปลกๆ ไหม ท่านอาจารย์เลยให้กาญจน์มาดู นี่ลัดคิวมานะ ตัวกาญจน์ยังนั่งทำงานอยู่เลย นั่นไงเริ่มแล้ว”
    เสียงเอะอะ คนเป็นลมอะไรนี่ล่ะ ก่องแก้วพยายามรักษาจิตให้เป็นสมาธิ กาญจนาเทวีจะได้ใช้พลังของเธอได้เต็มที
    “เอาล่ะ แก้วไปต่อแถวได้แล้ว  คงจะได้ตั๋วพอดี  เย็นนี้เจอกัน” 
    เสียงใสๆ ดังขึ้นปลุกให้ตื่นจากภวังค์    
    “แต่.. เอ.. อาจจะอีกสองสามวันล่ะมั๊งที่แก้วจะเห็นกาญจน์  แก้วจำได้ไหม มงคลชีวิตการคบเพื่อนนะ”
    “จำได้”  ก่องแก้วตอบ พยายามนึกเธอไปทำอะไรผิดเข้าอีกล่ะ
    “อย่าเพิ่งนึกเลย” กาญจนาเทวีปลอบมา 
    “ทำใจให้สบายๆ กาญจน์ต้องไปก่อนล่ะน่ะ”
    “ขอบใจมากจ๊ะ” ก่องแก้วตอบ จากนั้นก็ส่งจิตขอบคุณรุกขเทวดา  ทำการแผ่เมตตา
    เมื่อลืมตาขึ้น เธอรู้สึกสดชื่นขึ้น  แถวสั้นลงแล้ว เมื่อถึงคิวเธอ ก็เหลือบัตรพอดี
    “ห้าใบค่ะ”
    “ไม่หกเลยล่ะคะ เหลือหกที่สุดท้ายพอดี”
    ก่องแก้วคิดแว้บเดียวก็ตกลง  เธออาสาเพื่อนมาซื้อบัตรดู Concert  ให้ เพื่อนก็ชักชวนให้ดูด้วยกัน  ไปอย่างนั้นล่ะ เพราะก่องแก้วถูกเพื่อนเรียกล้อๆว่าแม่สาวโบราณ  ไม่ดูภาพยนต์ Concert  อาจไปเดิน Shopping บ้าง เล่นกีฬา  ไม่สนใจเป็น Cheer  Leader ทั้งๆ ที่หน้าตาท่าทางก็ให้  แถมยังมีวัตรการกินอีกอย่าง  ที่แปลกประหลาด
    คราวนี้ ...ก่องแก้วแอบหัวเราะในใจ  เพื่อนๆ คงได้ตกตÐลึงกันบ้างล่ะ เธอเก็บตั๋วใส่กระเ»ëากลับบ้านอย่างสบายใจ
    รู้สึกอึดอัดแปลกๆ นิดๆ คงจะไม่สบาย ที่กาญจนาเทวีเµ×͹  ว่าเธอจะไม่สามารถมองเห็นกาญจนาเทวีได้นั้น คงเพราะจะไม่สบายล่ะมั๊ง
    กาญจนาเทวีมาเล่าความเมื่อกลางวันตามสัญญา ก่องแก้วนอนฟังเหมือนฟังนิทานก่อนนอน อึดอัดหน่อย หลังๆ สามสี่ปีมานี้ เวลาอยู่ที่บ้าน เธอจะเจอกาญจนาเทวีทั้งตัวคือรับได้ทั้งภาพเสียง การเคลื่อนไหว สัมผัส พอไม่เห็นตัวก็เลยรู้สึกแปลกๆ
    “มาแล้วๆ ” เสียงใสๆ ดังมาก่อน
    “รู้ว่าแก้วยังเหนื่อยก็เลยมาตอนนี้ ไม่ได้คอยใช่ไหมจ๊ะ”
    “คอยนิดหน่อย งานยุ่งมากหรือจ๊ะ”
    เธอตะแคงตัวมองกระจก ไม่มีเงาสะท้อน เสียงหัวเราะใสกังวาน
    “ยัง- แก้วไม่ค่อยสบาย” เสียงใสๆ เตือนมา
    “ไม่ต้องเป็นกังวล  นี่มากับมาราวัตรนะ เขาแยกไปเยี่ยมเยือนนายก้อง ก้องถึงเวลาแล้ว  ที่จริงมาราวัตรก็อยากมาเยี่ยมแก้วนะ แต่ไม่ล่ะ ” 
    เทพธิดาน้อยยังซุกซน
    “ไหนจะเล่าอะไรให้แก้วฟัง”
    ก่องแก้วเตือน แอบขำในใจ ท่าทีของเทพสององค์นี้จะเหมือนคู่รักของมนุษย์บางไหมน้า
    “ก็คิดแบบนี้ล่ะซิ” เสียงกาญจนาเทวีชักจะเขียวๆ ขึ้นมา
    “จะฟังเรื่องอะไรแน่นะ ฮึ”
    ก่องแก้วรู้สึกเหมือนถูกมดกัด เลยหัวเราะคิกออกมาเบาๆ ลมร้อนรำเพยพัดมา เทพเริ่มกริ้วล่ะ
    “เฮ้ย คราวนี้เราทั้งคู่เลย”
    เทพบ่น การพบปะกันได้ต้องอาศัยความบริสุทธิ์ของทั้งสองฝ่าย
    “แก้วอย่ายั่วกาญจน์ซิ  ตอนนี้แก้วไม่สบาย ถ้ากาญจน์ติดต่อแก้วไม่ได้เลย กาญจน์จะเป็นกังวลมากนะ เอาล่ะมาฟังเรื่องเมื่อกลางวันดีกว่านะ”
    “ขอโทษจ๊ะ เอาล่ะแก้วหลับแล้ว สงบแล้ว” ก่องแก้วสูดลมหายใจเข้าเป็นจังหวะ เข้าสมาธิ
    “เทวีมายาวีเธอไปรออยู่นะ พอคนเข้าทรงเริ่มสั่นเธอก็เข้าไป ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเธอก็เลยไม่รู้จะทำยังไง ใครถามอะไรมาเธอก็ตอบไปตามตรง ทำเอาร่างทรงได้รับความเชื่อถือขึ้นมาอีก”
    “เอ๋ ก็ดีแล้วนี้”
    “ใช่ แต่พระมหาเทวีต้องการให้พวกนี้หลาบจำไม่ใช่ได้รับความนับถือ เธอเลยต้องไปเข้า COURSE การเข้าเจ้าเข้าทรงอีก”
    ก่องแก้วหัวเราะ 
    “กาญจน์ผ่านมาแล้วซิ ถ้าเป็นกาญจน์จะทำยังไงล่ะ”
    “ก็.... คงเหยียบอก บอกให้สารภาพล่ะมั๊ง รู้ไหมล่ะว่าการที่มนุษย์กลัวเทพมันก็ดี แต่จะดีกว่านี้ถ้าถือศีลมีสัตย์ นะ โลกจะร่มเย็นอยู่กันอย่างสงบ ราตรีสวัสดิ์จ๊ะ นอนหลับสนิทนะจ๊ะ”
    ก่องแก้วหลับสนิทในคืนนั้น  ด้วยอำนวยพรของเทพธิดา
    ธนวัตร ปิดหนังสือ ถอดแว่น เอนตัวพิงพนัก  หลับตากะจะพักสักกะเดี๋ยว ไม่ได้สายตาสั้นเลยแต่เวลาใส่แว่นอ่านหนังสือมันสบายกว่าเยอะ แต่นอกนั้นเขาก็ไม่ได้ใส่แว่น
    “เหนื่อยมากหรือ” เสียงคุ้นๆ หู
    “ฮะ”
    ธนวัตรตอบในใจ แล้วลืมตาโพลง เฮ้ย เขาอยู่คนเดียวนี่น่า แล้วเมื่อกี้เสียงใคร เย็นวูบ ขนลุกซู่  หลังจากควานหาสติมาได้ ก็ชักจะชินๆ พี่แก้วคงไม่รู้สึกแปลกๆ แบบเขา ก็พี่แก้วกับพี่กาญจน์  เขาอยู่ด้วยกันมาตั้งนาน ก็ตั้งแต่เขาจำความได้  เขาก็รู้จัก พี่กาญจน์คู่กับพี่แก้วมาตลอด  อะไรนะ พี่แก้วเคยบอกว่ายังไง
ตั้งสติ
ทำสมาธิ
ทำจิตใจให้ว่างเปล่า
    เขาหลับตาลงใหม่  สะดุ้งหน่อยๆ เมื่อเห็นหนุ่มหล่อ ยืนพิงโต๊ะอยู่ มีแววขำๆ ในดวงตา อารมณ์ดีนั้น
    “มาราวัตรครับ”
    หนุ่มหล่อแนะนำตัว ก้มศีรษะลงน้อยๆ เหมือนจะล้อเลียน
    “คุณ-  ท่าน-”
    ธนวัตรไม่รู้จะใช้สรรพนามอะไรดี  จะเทียบกับกาญจนาเทวีก็ไม่ได้ นั่นเป็นพี่  พี่อีกคนหนึ่ง
    “เรียกว่าพี่ก็ได้ พี่มา พี่มาร”
    คิ้วเข้มยกขึ้นนิดๆ เหมือนจะถาม จะล้อเลียน
    “พี่มารา  พี่วัตร”
    “พี่วัตรก็คล้ายๆ ชื่อผมซิครับ” ธนวัตรหัวเราะ
    “ไม่เอาล่ะเหมือนเรียกตัวเอง  เรียกพี่ชายเฉยๆ ได้ไหมครับ”
    “ได้” 
    หนุ่มหล่อตอบ เดินไปรอบๆ ห้อง  ธนวัตรหมุนเก้าอี้ตาม เพ่งพิศสนใจ ต่างจากครั้งที่แล้ว ครั้งที่แล้วเขาไม่ได้รายละเอียด มันเป็นความรู้สึก ใช่นั่นเหมือนเทพ  นี่เป็นเหมือนมนุษย์คนหนึ่ง พี่ชายอารมณ์ดี น่าคบหา  กางเกงสีดำ เสื้อสีดำปิดถึงคอ เรียบร้อย น่าใกล้ชิด
    มาราวัตรหันกลับมายิ้มให้ในมือถือตำราเล่มหนึ่งเปิดอ่านคร่าวๆ ก่อนเก็บเข้าชั้นตามเดิม
    “มากับ...กาญจนาเทวี  ก็เลยแวะมาเยี่ยม”
    ธนวัตรยิ้มกว้าง 
    “พี่กาญจน์คงนอนกับพี่แก้ว  คุณจะค้างที่นี่หรือเปล่าครับ”
    ท่าทางเทพจะงง นิดหน่อย
    “ค้าง  อ้อ ไม่ใช่อย่างนั้น ผมแค่แวะมา แล้วก็จะกลับ กาญจนาเทวีแวะไปเยี่ยมก่องแก้ว แล้วก็จะกลับด้วยกัน  เรามีงานที่ต้องทำด้วยกันอีกมาก  สอบ ใช่ล่ะ นี่เป็นการสอบเลื่อนชั้นของกาญจนาเทวี”
    “อ้อ”  ธนวัตรไม่แปลกใจ 
    “พี่กาญจน์คงต้องพยายามหน่อย เขาค่อนข้างเจ้าอารมณ์”  เขายิ้มแหย๋ๆ
    “อย่าว่าผมแอบนินทาพี่เลย  พี่กาญจน์เป็นเทพแท้ๆ ยังยั่วโมโหง่ายกว่าพี่แก้วซะอีก  แถมจำเก่งกว่าพี่แก้วอีก พี่แก้วเดี๋ยวๆ ก็ลืม  พี่กาญจน์ให้พี่แก้วมาทวงสัญญาบ่อยๆ ”
    “การผิดสัญญาไม่ดี  ถ้าไม่ทำ ก็ต้องตามไปใช้กันไม่มีที่สิ้นสุด เทพถือเรื่องสัจจะกันมาก มนุษย์ไม่ถือเช่นนั้นหรือ”
    “ก็ ถือครับ” ธนวัตรหน้าแดง 
    “แล้วอย่างล้อเล่นอะไรอย่างนี้  ไม่ได้เลยหรือครับ”
    “สัจจะ” มาราวัตรส่ายหน้า
    “เราทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกนะ  ไม่ว่าจะเป็นการพูดเล่นหรือพูดจริง เมื่อลมผ่านออกจากปากไปแล้วเราไม่สามารถดึงกลับมาได้  ผู้อื่นได้ยินแล้ว เราไม่สามารถบดบังความจำของเขาได้ คลื่นเสียงจะแผ่ออกไปทั้งสามโลกให้เป็นพยาน ดังนั้นการจะพูดอะไรออกไปต้องผ่านจากใจ จากสติ กาญจนาเทวีทำถูกแล้วที่ทวงสัญญา  ก้องก็ไม่ได้คิดจะผิดสัญญาไม่ใช้หรือ เพียงแต่ลืมไปเท่านั้น”
    “ฮะ” ธนวัตรรับคำ รู้สึกเป็นกันเองขึ้น ไม่ค่อยเกร็งแล้ว
    “เทพไม่มีบ้างหรือครับ ที่พูดออกมาตามอารมณ์”
    “มีซิ แล้วก็เกิดเหตุร้ายแรงด้วย  รู้จักพระพิหเคนทร์ ไหม”
    “ครับที่มีเศียรเป็นช้าง”
    “ใช่แล้ว พระพิหเคนทร์  เป็นโอรสของพระมหาเทพศิวะ และพระมหาเทวีอุมา  ยามเมื่อโสกันต์ ก็เป่าสังข์เชิญเทพชั้นผู้ใหญ่มาร่วมด้วย  พระนารายณ์ท่านบรรทม ณ เกษียรสมุทร ถูกปลุกอย่างนั้นท่านก็บ่น  ไอ้ลูกหัวหายนี่ยุ่งจริง พระพิหเคนทร์ ที่อยู่ในประรำพิธีก็เศียรหายไปตามคำ แต่เมื่อตรัสออกไปแล้วจะคืนคำยังไงได้ ท่านก็เลยต้องไปหาหัวอื่นไปต่อให้  จะเอาหัวที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่ได้ก็ต้องไปหาจากที่ตายแล้ว หาไปทุกทิศแล้วก็พบช้างนอนตายอยู่ทางทิศตะวันตก  ตั้งแต่นั้นพระพิหเคนทร์ ก็มีเศียรเป็นช้าง และถือว่าทิศตะวันตกเป็นทิศหันศีรษะของคนตาย ”
    “ถ้าพระนารายณ์ไม่งัวเงียตอนนั้น พระพิหเคนทร์ คงจะหล่อนะครับ”
    “ก็คงอย่างนั้น เห็นไหมล่ะก้อง คำพูดที่พูดออกไปเป็นสิ่งสำคัญขนาดไหน”
    “ครับ”
    พอเห็นหน้าจ๋อยๆ ก็เสียงอ่อนลง
    “มนุษย์ยังมีกิเลสอยู่มาก แต่ก็เป็นผู้ไม่มีทิฐิ เป็นผู้เรียนรู้ได้  ค่อยๆ ฝึกไปแล้วจะดีเอง ผมต้องไปแล้ว ไม่รู้ว่ากาญจนาเทวีเขาอยากมาคุยกับก้องบ้างไหม”
    “เธอนินทาพี่ นายก้อง” เสียงกล่าวหามาก่อนเจ้าตัวจะเปิดประตูเข้ามา
    “ขอโทษครับ” 
    ธนวัตรรีบบอก เห็นกาญจนาเทวีก็เหมือนเห็นพี่สาวตัวเองเพียงแต่ไม่ใช้ในเสื้อผ้าที่เขาเคยเห็น เขาอมยิ้มกับเครื่องแต่งตัวของเทพที่เขารู้สึกเหมือนเป็นพี่สาว โจงกระเบนสีเขียวเข้ม  สไบบางสีเงิน
แวววับทับสไบสีม่วงแดง กำไลเงินทั้งข้อมือข้อเท้า  มีที่คาดผมอีกอัน พี่กาญจน์ต่างกับพี่แก้วตรงผมยาวกับผมสั้นนี่เอง
    “เพชรจ้ะ ไม่ใช้เงิน”
    กาจนาเทวีเดินเฉิดฉายเข้ามาให้ดูใกล้ๆ  กลิ่นหอมระพัด หอมอย่างบอกไม่ถูก
    “เด็กสมัยนี้นี่ยังไงนะ แต่งอย่างนี้ไม่ได้หรือนายก้อง”
    “พี่กาญจน์อารมณ์ บ่จอยไปได้ ผมไปได้ว่าอะไรล่ะฮะ แค่รู้สึกว่ามันแปลกๆ อย่างพี่ชายผมก็เห็นเขาปกติ ใครจะคิดว่าพี่กาญจน์จะโพล่มาในชุดย้อนยุคอย่างนี้”
    “แต่งอย่างนี้บ้าง แก้เซ็งนะ พี่จะไปแล้ว”
    แล้วกาญจนาเทวี ก็เปิดประตูกลับออกไป
    ธนวัตรลืมตา ยังจำสิ่งที่เห็นได้  พี่แก้วจะว่ายังไงบ้างนะ เปิดหนังสืออ่านต่อ ความเหนื่อยล้าเหมือนจะหายไปหมด   
    ก่องแก้วนิ่วหน้า อากาศร้อนมาก เหงื่อออกชุ่มเสื้อนักศึกษาสีขาว  แสงแดดจัดจ้าแสบตา แล้วเธอก็ยังไม่ได้ของที่ต้องการอีก แถวยังอีกยาวเหยียด
    “ไม่ไหวแล้ว” หญิงสาวร้องในใจ ตัดใจออกจากแถว มาหาน้ำเย็นๆ ดื่ม
    “ทำไมยอมแพ้ง่ายจัง” เสียงคุ้นๆหู โดยวิธีการที่คุ้นๆ มันดังในหัว ไม่ใช่ทางโสตสัมผัส
    “ไม่ไหวจะเป็นลม ทำไมคนเห่อกันอย่างนั้นนะ” เธอตอบด้วยวิธีการคุ้นเคย ตอบในใจ
    “ไม่รู้ซิจ๊ะ กาญจน์ไม่ใช่คนนี่น่า  คิดอย่างนั้นแล้วมาต่อแถวกับเขาทำไมล่ะ”
    “เพื่อนนะฝากมา ก็วันนี้แก้วว่าง กาญจน์ล่ะมาทำไมแถวนี้”
    ก่องแก้วถามอย่างสงสัย  ปกติจะพบกันก็ที่บ้าน หรือบ้างทีก็ชวนไปไหนด้วยกัน กับกาญจนาเทวีก็เหมือนคนที่อยู่บ้านเดียวกัน กลางวันต่างคนก็ต่างไปธุระของตนเอง เย็นๆก็กลับบ้านมาพบกัน
    “มาช่วยดูความสงบแถวนี้หน่อย จะมีคนอ้างเข้าทรงหลอกลวง มหาเทวีทรงกริ้ว ก็เลยให้เทวีมายาวีมาปราบ กาญจน์ตามมาดูเฉยๆ”
    “เทวีมายาวีนี่เป็นยังไง”
    “เป็นเทพผู้หญิง อ้อเทพไม่แบ่งชายหญิง เอาเป็นว่าเทพองค์นี้สำแดงลักษณะเป็นหญิงแล้วกัน”
    ก่องแก้วอยากจะซัดให้สักตุ้บ
    “อย่า-”
    เสียงห้ามมาเหมือนจะรู้  เวลาเหนื่อยหรือสมาธิไม่ดีเธอจะไม่เห็นกาญจนาเทวี รับสัญญาณไม่ได้ เวลานี้ที่ได้ยินเสียงก็ถือว่าพลังของกาญจนาเทวีต้องส่งมาแรงมากเชียวล่ะ
    “ทำใจให้มีสมาธิ น้ำเย็นๆ ก็ดื่มแล้ว อยู่ก็อยู่ในที่ที่ร่มเย็นแล้ว ท่านรุกขเทวดานะเอ็นดูแก้วมากนะ”
    “ขอบพระคุณค่ะ” ก่องแก้วส่งจิตไป สิ่งที่ได้รับกลับคือความเย็นฉ่ำ
    “ท่านได้รับแล้ว” เสียงกาญจนาเทวีดังมาอย่างอ่อนโยน
    “ตอนนี้แก้วยังสมาธิไม่ดี สงบ สติ  หา สมาธิ  อยู่ตรงนี้แล้วกัน  คงจะไม่ได้เห็นอะไรสนุกๆ  คืนนี้กลับไปจะเล่าให้ฟัง”
    ระหว่างนั้นก่องแก้วก็สำรวมสมาธิ กำหนดลมหายใจอย่างที่เคยปฏิบัติ ตาแพ่งอยู่ที่ขวดน้ำในมือ  การหลับตาจะทำให้สงบได้มากกว่า แต่เธอก็เคยถูกทักว่าหลับกลางวันมาแล้ว  เลยต้องเปลี่ยนเป็นจับที่อะไรสักอย่างแทน
    “เทวีมายาวีเป็นศิษÂìร่วมสำนัก เธอยังเยาว์นักมักทำอะไรเปิ่นๆ อย่างเสกวัวได้กบอะไรทำนองนั้น มหาเทวีทรงบัญชาให้เธอมาเข้าร่างทรงนั่น ไม่รู้เธอจะทำอะไรแปลกๆ ไหม ท่านอาจารย์เลยให้กาญจน์มาดู นี่ลัดคิวมานะ ตัวกาญจน์ยังนั่งทำงานอยู่เลย นั่นไงเริ่มแล้ว”
    เสียงเอะอะ คนเป็นลมอะไรนี่ล่ะ ก่องแก้วพยายามรักษาจิตให้เป็นสมาธิ กาญจนาเทวีจะได้ใช้พลังของเธอได้เต็มที
    “เอาล่ะ แก้วไปต่อแถวได้แล้ว  คงจะได้ตั๋วพอดี  เย็นนี้เจอกัน” 
    เสียงใสๆ ดังขึ้นปลุกให้ตื่นจากภวังค์    
    “แต่.. เอ.. อาจจะอีกสองสามวันล่ะมั๊งที่แก้วจะเห็นกาญจน์  แก้วจำได้ไหม มงคลชีวิตการคบเพื่อนนะ”
    “จำได้”  ก่องแก้วตอบ พยายามนึกเธอไปทำอะไรผิดเข้าอีกล่ะ
    “อย่าเพิ่งนึกเลย” กาญจนาเทวีปลอบมา 
    “ทำใจให้สบายๆ กาญจน์ต้องไปก่อนล่ะน่ะ”
    “ขอบใจมากจ๊ะ” ก่องแก้วตอบ จากนั้นก็ส่งจิตขอบคุณรุกขเทวดา  ทำการแผ่เมตตา
    เมื่อลืมตาขึ้น เธอรู้สึกสดชื่นขึ้น  แถวสั้นลงแล้ว เมื่อถึงคิวเธอ ก็เหลือบัตรพอดี
    “ห้าใบค่ะ”
    “ไม่หกเลยล่ะคะ เหลือหกที่สุดท้ายพอดี”
    ก่องแก้วคิดแว้บเดียวก็ตกลง  เธออาสาเพื่อนมาซื้อบัตรดู Concert  ให้ เพื่อนก็ชักชวนให้ดูด้วยกัน  ไปอย่างนั้นล่ะ เพราะก่องแก้วถูกเพื่อนเรียกล้อๆว่าแม่สาวโบราณ  ไม่ดูภาพยนต์ Concert  อาจไปเดิน Shopping บ้าง เล่นกีฬา  ไม่สนใจเป็น Cheer  Leader ทั้งๆ ที่หน้าตาท่าทางก็ให้  แถมยังมีวัตรการกินอีกอย่าง  ที่แปลกประหลาด
    คราวนี้ ...ก่องแก้วแอบหัวเราะในใจ  เพื่อนๆ คงได้ตกตÐลึงกันบ้างล่ะ เธอเก็บตั๋วใส่กระเ»ëากลับบ้านอย่างสบายใจ
    รู้สึกอึดอัดแปลกๆ นิดๆ คงจะไม่สบาย ที่กาญจนาเทวีเµ×͹  ว่าเธอจะไม่สามารถมองเห็นกาญจนาเทวีได้นั้น คงเพราะจะไม่สบายล่ะมั๊ง
    กาญจนาเทวีมาเล่าความเมื่อกลางวันตามสัญญา ก่องแก้วนอนฟังเหมือนฟังนิทานก่อนนอน อึดอัดหน่อย หลังๆ สามสี่ปีมานี้ เวลาอยู่ที่บ้าน เธอจะเจอกาญจนาเทวีทั้งตัวคือรับได้ทั้งภาพเสียง การเคลื่อนไหว สัมผัส พอไม่เห็นตัวก็เลยรู้สึกแปลกๆ
    “มาแล้วๆ ” เสียงใสๆ ดังมาก่อน
    “รู้ว่าแก้วยังเหนื่อยก็เลยมาตอนนี้ ไม่ได้คอยใช่ไหมจ๊ะ”
    “คอยนิดหน่อย งานยุ่งมากหรือจ๊ะ”
    เธอตะแคงตัวมองกระจก ไม่มีเงาสะท้อน เสียงหัวเราะใสกังวาน
    “ยัง- แก้วไม่ค่อยสบาย” เสียงใสๆ เตือนมา
    “ไม่ต้องเป็นกังวล  นี่มากับมาราวัตรนะ เขาแยกไปเยี่ยมเยือนนายก้อง ก้องถึงเวลาแล้ว  ที่จริงมาราวัตรก็อยากมาเยี่ยมแก้วนะ แต่ไม่ล่ะ ” 
    เทพธิดาน้อยยังซุกซน
    “ไหนจะเล่าอะไรให้แก้วฟัง”
    ก่องแก้วเตือน แอบขำในใจ ท่าทีของเทพสององค์นี้จะเหมือนคู่รักของมนุษย์บางไหมน้า
    “ก็คิดแบบนี้ล่ะซิ” เสียงกาญจนาเทวีชักจะเขียวๆ ขึ้นมา
    “จะฟังเรื่องอะไรแน่นะ ฮึ”
    ก่องแก้วรู้สึกเหมือนถูกมดกัด เลยหัวเราะคิกออกมาเบาๆ ลมร้อนรำเพยพัดมา เทพเริ่มกริ้วล่ะ
    “เฮ้ย คราวนี้เราทั้งคู่เลย”
    เทพบ่น การพบปะกันได้ต้องอาศัยความบริสุทธิ์ของทั้งสองฝ่าย
    “แก้วอย่ายั่วกาญจน์ซิ  ตอนนี้แก้วไม่สบาย ถ้ากาญจน์ติดต่อแก้วไม่ได้เลย กาญจน์จะเป็นกังวลมากนะ เอาล่ะมาฟังเรื่องเมื่อกลางวันดีกว่านะ”
    “ขอโทษจ๊ะ เอาล่ะแก้วหลับแล้ว สงบแล้ว” ก่องแก้วสูดลมหายใจเข้าเป็นจังหวะ เข้าสมาธิ
    “เทวีมายาวีเธอไปรออยู่นะ พอคนเข้าทรงเริ่มสั่นเธอก็เข้าไป ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเธอก็เลยไม่รู้จะทำยังไง ใครถามอะไรมาเธอก็ตอบไปตามตรง ทำเอาร่างทรงได้รับความเชื่อถือขึ้นมาอีก”
    “เอ๋ ก็ดีแล้วนี้”
    “ใช่ แต่พระมหาเทวีต้องการให้พวกนี้หลาบจำไม่ใช่ได้รับความนับถือ เธอเลยต้องไปเข้า COURSE การเข้าเจ้าเข้าทรงอีก”
    ก่องแก้วหัวเราะ 
    “กาญจน์ผ่านมาแล้วซิ ถ้าเป็นกาญจน์จะทำยังไงล่ะ”
    “ก็.... คงเหยียบอก บอกให้สารภาพล่ะมั๊ง รู้ไหมล่ะว่าการที่มนุษย์กลัวเทพมันก็ดี แต่จะดีกว่านี้ถ้าถือศีลมีสัตย์ นะ โลกจะร่มเย็นอยู่กันอย่างสงบ ราตรีสวัสดิ์จ๊ะ นอนหลับสนิทนะจ๊ะ”
    ก่องแก้วหลับสนิทในคืนนั้น  ด้วยอำนวยพรของเทพธิดา
    ธนวัตร ปิดหนังสือ ถอดแว่น เอนตัวพิงพนัก  หลับตากะจะพักสักกะเดี๋ยว ไม่ได้สายตาสั้นเลยแต่เวลาใส่แว่นอ่านหนังสือมันสบายกว่าเยอะ แต่นอกนั้นเขาก็ไม่ได้ใส่แว่น
    “เหนื่อยมากหรือ” เสียงคุ้นๆ หู
    “ฮะ”
    ธนวัตรตอบในใจ แล้วลืมตาโพลง เฮ้ย เขาอยู่คนเดียวนี่น่า แล้วเมื่อกี้เสียงใคร เย็นวูบ ขนลุกซู่  หลังจากควานหาสติมาได้ ก็ชักจะชินๆ พี่แก้วคงไม่รู้สึกแปลกๆ แบบเขา ก็พี่แก้วกับพี่กาญจน์  เขาอยู่ด้วยกันมาตั้งนาน ก็ตั้งแต่เขาจำความได้  เขาก็รู้จัก พี่กาญจน์คู่กับพี่แก้วมาตลอด  อะไรนะ พี่แก้วเคยบอกว่ายังไง
ตั้งสติ
ทำสมาธิ
ทำจิตใจให้ว่างเปล่า
    เขาหลับตาลงใหม่  สะดุ้งหน่อยๆ เมื่อเห็นหนุ่มหล่อ ยืนพิงโต๊ะอยู่ มีแววขำๆ ในดวงตา อารมณ์ดีนั้น
    “มาราวัตรครับ”
    หนุ่มหล่อแนะนำตัว ก้มศีรษะลงน้อยๆ เหมือนจะล้อเลียน
    “คุณ-  ท่าน-”
    ธนวัตรไม่รู้จะใช้สรรพนามอะไรดี  จะเทียบกับกาญจนาเทวีก็ไม่ได้ นั่นเป็นพี่  พี่อีกคนหนึ่ง
    “เรียกว่าพี่ก็ได้ พี่มา พี่มาร”
    คิ้วเข้มยกขึ้นนิดๆ เหมือนจะถาม จะล้อเลียน
    “พี่มารา  พี่วัตร”
    “พี่วัตรก็คล้ายๆ ชื่อผมซิครับ” ธนวัตรหัวเราะ
    “ไม่เอาล่ะเหมือนเรียกตัวเอง  เรียกพี่ชายเฉยๆ ได้ไหมครับ”
    “ได้” 
    หนุ่มหล่อตอบ เดินไปรอบๆ ห้อง  ธนวัตรหมุนเก้าอี้ตาม เพ่งพิศสนใจ ต่างจากครั้งที่แล้ว ครั้งที่แล้วเขาไม่ได้รายละเอียด มันเป็นความรู้สึก ใช่นั่นเหมือนเทพ  นี่เป็นเหมือนมนุษย์คนหนึ่ง พี่ชายอารมณ์ดี น่าคบหา  กางเกงสีดำ เสื้อสีดำปิดถึงคอ เรียบร้อย น่าใกล้ชิด
    มาราวัตรหันกลับมายิ้มให้ในมือถือตำราเล่มหนึ่งเปิดอ่านคร่าวๆ ก่อนเก็บเข้าชั้นตามเดิม
    “มากับ...กาญจนาเทวี  ก็เลยแวะมาเยี่ยม”
    ธนวัตรยิ้มกว้าง 
    “พี่กาญจน์คงนอนกับพี่แก้ว  คุณจะค้างที่นี่หรือเปล่าครับ”
    ท่าทางเทพจะงง นิดหน่อย
    “ค้าง  อ้อ ไม่ใช่อย่างนั้น ผมแค่แวะมา แล้วก็จะกลับ กาญจนาเทวีแวะไปเยี่ยมก่องแก้ว แล้วก็จะกลับด้วยกัน  เรามีงานที่ต้องทำด้วยกันอีกมาก  สอบ ใช่ล่ะ นี่เป็นการสอบเลื่อนชั้นของกาญจนาเทวี”
    “อ้อ”  ธนวัตรไม่แปลกใจ 
    “พี่กาญจน์คงต้องพยายามหน่อย เขาค่อนข้างเจ้าอารมณ์”  เขายิ้มแหย๋ๆ
    “อย่าว่าผมแอบนินทาพี่เลย  พี่กาญจน์เป็นเทพแท้ๆ ยังยั่วโมโหง่ายกว่าพี่แก้วซะอีก  แถมจำเก่งกว่าพี่แก้วอีก พี่แก้วเดี๋ยวๆ ก็ลืม  พี่กาญจน์ให้พี่แก้วมาทวงสัญญาบ่อยๆ ”
    “การผิดสัญญาไม่ดี  ถ้าไม่ทำ ก็ต้องตามไปใช้กันไม่มีที่สิ้นสุด เทพถือเรื่องสัจจะกันมาก มนุษย์ไม่ถือเช่นนั้นหรือ”
    “ก็ ถือครับ” ธนวัตรหน้าแดง 
    “แล้วอย่างล้อเล่นอะไรอย่างนี้  ไม่ได้เลยหรือครับ”
    “สัจจะ” มาราวัตรส่ายหน้า
    “เราทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกนะ  ไม่ว่าจะเป็นการพูดเล่นหรือพูดจริง เมื่อลมผ่านออกจากปากไปแล้วเราไม่สามารถดึงกลับมาได้  ผู้อื่นได้ยินแล้ว เราไม่สามารถบดบังความจำของเขาได้ คลื่นเสียงจะแผ่ออกไปทั้งสามโลกให้เป็นพยาน ดังนั้นการจะพูดอะไรออกไปต้องผ่านจากใจ จากสติ กาญจนาเทวีทำถูกแล้วที่ทวงสัญญา  ก้องก็ไม่ได้คิดจะผิดสัญญาไม่ใช้หรือ เพียงแต่ลืมไปเท่านั้น”
    “ฮะ” ธนวัตรรับคำ รู้สึกเป็นกันเองขึ้น ไม่ค่อยเกร็งแล้ว
    “เทพไม่มีบ้างหรือครับ ที่พูดออกมาตามอารมณ์”
    “มีซิ แล้วก็เกิดเหตุร้ายแรงด้วย  รู้จักพระพิหเคนทร์ ไหม”
    “ครับที่มีเศียรเป็นช้าง”
    “ใช่แล้ว พระพิหเคนทร์  เป็นโอรสของพระมหาเทพศิวะ และพระมหาเทวีอุมา  ยามเมื่อโสกันต์ ก็เป่าสังข์เชิญเทพชั้นผู้ใหญ่มาร่วมด้วย  พระนารายณ์ท่านบรรทม ณ เกษียรสมุทร ถูกปลุกอย่างนั้นท่านก็บ่น  ไอ้ลูกหัวหายนี่ยุ่งจริง พระพิหเคนทร์ ที่อยู่ในประรำพิธีก็เศียรหายไปตามคำ แต่เมื่อตรัสออกไปแล้วจะคืนคำยังไงได้ ท่านก็เลยต้องไปหาหัวอื่นไปต่อให้  จะเอาหัวที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่ได้ก็ต้องไปหาจากที่ตายแล้ว หาไปทุกทิศแล้วก็พบช้างนอนตายอยู่ทางทิศตะวันตก  ตั้งแต่นั้นพระพิหเคนทร์ ก็มีเศียรเป็นช้าง และถือว่าทิศตะวันตกเป็นทิศหันศีรษะของคนตาย ”
    “ถ้าพระนารายณ์ไม่งัวเงียตอนนั้น พระพิหเคนทร์ คงจะหล่อนะครับ”
    “ก็คงอย่างนั้น เห็นไหมล่ะก้อง คำพูดที่พูดออกไปเป็นสิ่งสำคัญขนาดไหน”
    “ครับ”
    พอเห็นหน้าจ๋อยๆ ก็เสียงอ่อนลง
    “มนุษย์ยังมีกิเลสอยู่มาก แต่ก็เป็นผู้ไม่มีทิฐิ เป็นผู้เรียนรู้ได้  ค่อยๆ ฝึกไปแล้วจะดีเอง ผมต้องไปแล้ว ไม่รู้ว่ากาญจนาเทวีเขาอยากมาคุยกับก้องบ้างไหม”
    “เธอนินทาพี่ นายก้อง” เสียงกล่าวหามาก่อนเจ้าตัวจะเปิดประตูเข้ามา
    “ขอโทษครับ” 
    ธนวัตรรีบบอก เห็นกาญจนาเทวีก็เหมือนเห็นพี่สาวตัวเองเพียงแต่ไม่ใช้ในเสื้อผ้าที่เขาเคยเห็น เขาอมยิ้มกับเครื่องแต่งตัวของเทพที่เขารู้สึกเหมือนเป็นพี่สาว โจงกระเบนสีเขียวเข้ม  สไบบางสีเงิน
แวววับทับสไบสีม่วงแดง กำไลเงินทั้งข้อมือข้อเท้า  มีที่คาดผมอีกอัน พี่กาญจน์ต่างกับพี่แก้วตรงผมยาวกับผมสั้นนี่เอง
    “เพชรจ้ะ ไม่ใช้เงิน”
    กาจนาเทวีเดินเฉิดฉายเข้ามาให้ดูใกล้ๆ  กลิ่นหอมระพัด หอมอย่างบอกไม่ถูก
    “เด็กสมัยนี้นี่ยังไงนะ แต่งอย่างนี้ไม่ได้หรือนายก้อง”
    “พี่กาญจน์อารมณ์ บ่จอยไปได้ ผมไปได้ว่าอะไรล่ะฮะ แค่รู้สึกว่ามันแปลกๆ อย่างพี่ชายผมก็เห็นเขาปกติ ใครจะคิดว่าพี่กาญจน์จะโพล่มาในชุดย้อนยุคอย่างนี้”
    “แต่งอย่างนี้บ้าง แก้เซ็งนะ พี่จะไปแล้ว”
    แล้วกาญจนาเทวี ก็เปิดประตูกลับออกไป
    ธนวัตรลืมตา ยังจำสิ่งที่เห็นได้  พี่แก้วจะว่ายังไงบ้างนะ เปิดหนังสืออ่านต่อ ความเหนื่อยล้าเหมือนจะหายไปหมด   
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น