ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ความคิดของธนวัตร
บทที่ 11 ความคิดของธนวัตร
    “แม่ขา กลับมาแล้วค่ะ”
    ก่องแก้ววางกระเป๋า ร้องเสียงใส บ้านคือวิมานของเราจริงๆ สาวน้อยหิ้วรองเท้า กระเป๋าเสื้อผ้าไปห้องซักรีด จัดแจงเปิดน้ำเตรียมซักเสื้อผ้า หลังจากลงถังที่หนึ่งก็เดินออกหามารดา
    “แม่ แม่” 
    ก่องแก้วเดินวนหาตามที่ที่คิดว่ามารดาจะอยู่ รองเท้าก็อยู่ บ้านก็เปิด แม่ไปไหนนะ หาข้างล่างไม่พบ หญิงสาวแวะเอาเสื้อผ้าออกจากเครื่องซักผ้า ส่งชุดที่สองลงถังต่อ ย่องๆ ขึ้นข้างบน ถ้าข้างล่างไม่อยู่ ก็มีอยู่อีกที่ ห้องพระ หญิงสาวแง้มประตูชะโงกดู แม่เธอนั่งตัวตรงอยู่หน้าโต๊ะพระ ก่องแก้วเลยย่องลงมาซักเสื้อผ้าต่อ
แม่นั่งสมาธิได้นาน แม่เคยแนะนำทั้งเธอทั้งน้องชายให้นั่งสมาธิแต่ก็ไม่เคยบังคับ นายก้องนั่น รู้มาว่าทำสมาธิบ้างก่อนจะลงมือทำอะไรยากๆ หญิงสาวยิ้มขำ  ตัวเอง ก็ตั้งสติ ทำสมาธิบ้าง แต่ก็ไม่ใช่นั่งสมาธิเป็นชั่วโมงๆ อย่างมารดา
“กลับมาแล้วหรือ” เสียงทักเมื่อก่องแก้วสะบัดผ้าตากอยู่
“กลับมาแล้วค่ะ”
ก่องแก้วยิ้มเห็นฟันทั้งปาก วางมือจากผ้า ตรงเข้าจะกอดแม่แล้วก็ชะงัก
“ว้า แก้วไม่ได้อาบน้ำแต่เมื่อคืน”
“แม่ยกให้สักครั้ง”
สมใจยิ้ม โอบลูกมากอดซะเอง แถมหอมแก้มซ้ายขวา
“อยากกินอะไรล่ะ”
“อะไรก็ได้ค่ะ     อยู่บ้านนอกก็ดีค่ะ กินแต่ผักปลูกเองไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”
สมใจหัวเราะ
“ตากผ้าเสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำ แม่จะทำแกงจืดเห็ดร้อยแปดกับหุงข้าวผักของโปรดของหนูให้”
“เย้ ขอบคุณค้า” ก่องแก้วร้องตามเสียงใส แม่นี่น่ารักที่สุดเลย
“พี่แก้วไม่อยู่ไม่กี่วันพอกลับมาแม่ทำกับข้าวเอาใจใหญ่” ธนวัตรพูดไปก็ตักกับข้าวพิเศษของพี่สาวใส่จาน
“ชอบก็บอกแม่ซิ” ก่องแก้วบอกน้องชาย ตักใส่ถ้วยเล็กๆ วางไว้ข้างๆ
“ขอโทษพี่กาญจน์”
ธนวัตรรีบบอก พี่สาวไม่อยู่ เขาเป็นคนตักกับข้าวไว้ให้กาญจนาเทวี ไม่รู้ว่าอยู่หรือไม่อยู่ แต่ลางสังหรณ์เขาเริ่มใช่ได้แล้วนะ ก็วันไหนที่เขาลืม แม่ก็ไม่ทักท้วง แสดงว่าวันนั้นกาญจนาเทวีไม่มา
“ไม่เป็นไร แก้วมีน้องน่ารักมาก ก้องเขาตักข้าวให้ทุกครั้ง อย่างที่เล่าให้ฟัง”
ก่องแก้วหัวเราะ หันมาทางน้องชาย
“กาญจน์เขาไปเล่าให้ฟัง” เธอหันไปสบตาพราวระยับของเทพจอมซน
“เขาภูมิใจมากกับน้องชายที่น่ารักคนนี้” เธอตบไหล่น้องชาย
“ก็...ไม่รู้นี่ กลัวพี่กาญจน์เขาหิว”
ธนวัตรยกไหล่ วันไหนสมาธิดีๆ พี่ชาย มาราวัตรก็มาคุยด้วยบ้าง มุมมองต่างๆ ความรู้ที่แลกเปลี่ยน ก็สนุกดี มิน่าพี่แก้วกับพี่กาญจน์เขาถึงคุยกันไม่เลิกดึกๆดื่นๆ
“พี่ชายเขาไม่แวะมากินข้าวกับก้องบ้างหรือ”
ก่องแก้วกระพริบตาปริบๆ หันไปมองคำตอบของเธอ
“มาราวัตรนะ เขาเป็นเทพไม่ต้องเสพ” เทพธิดาโบกมือกว้างๆ เป็นการขยายความ
“อ้าวแล้วทีกาญจน์”
“ก็เราโตมาด้วยกัน มันก็เลยเหมือนความเคยชินไงล่ะแก้ว เวลาของเรากับของแก้วต่างกันมากนักนะ แล้วยิ่งเทพระดับสูงขึ้นไป ยิ่งไม่ต้องกังวลกับเรื่องแบบนี้”
ก่องแก้วพยักหน้าแล้วหันมาบอกน้อง
“พี่ชายของก้อง...ที่ไม่เกี่ยวอะไรกับแก้ว”
เธอได้ยินเสียงระฆังแก้วหวานใส  เสียงพ่อสะอึก กับเสียงอุทานปนหัวเราะของแม่
“เป็นเทพระดับที่ไม่ต้องเสพอะไรอย่างงี้แล้ว” เธอวาดมือเลียนแบบ
“งั้นพี่ชายก็ระดับสูงกว่าพี่กาญจน์” ธนวัตรสรุป
“มั๊ง” ชายตาเห็นคิ้วขมวดมุ่ยบนหน้างาม
“ม่ายช่าย” เธอลากเสียง ยิ้มยิงฟันให้กาญจนาเทวี
“กาญจน์เขาเคยชินนะ ก็เขากินข้าวมาตั้งยี่สิบปีแล้ว คงลืมไปว่าไม่ต้องกินก็ได้”
“เป็นยังไงบ้างฝึกงาน” เชิงชายเปลี่ยนเรื่อง
“ดีค่ะสนุก ดำขึ้นเยอะเลย” ก่องแก้วยื่นแขนให้ดู
“ออกไปอย่างนี้แก้วอยากมีที่อยู่ไกลๆ ปลูกต้นไม้ฟังนกร้องเพลง”
“ออกบวชเป็นฤาษีซิพี่แก้ว” ธนวัตรบอก
“หรือว่าผู้หญิงเรียกว่าฤาษา”
“เพี้ยนแล้ว” ก่องแก้วตีน้องเบาๆ
“เราเจอเพื่อนนายด้วยนะ สาวน้อยแว่นตาโตนะ”
ธนวัตรพยักหน้า
“ต้นตาล เขาบอกแล้วว่าเจอพี่แก้ว ตาลเขาไปอยู่กับน้าสาวที่เป็นพยาบาลที่นั่น ดูว่าจะเลือกเรียนอะไรดี เขาอยากเป็นหมอตีนเปล่า”
“แล้วก้องล่ะ” สมใจถาม เลื่อนกับข้าวไปมุมหนึ่ง เลื่อนผลไม้ออกมาแทน
“หมอพาณิชย์ หาเงินก่อน ไม่งั้นไม่มีแรงทำงาน อุดมการณ์กินไม่ได้”
ทั้งก่องแก้วทั้งสมใจ หันไปมองกาญจนาเทวีเป็นตาเดียว แม่เทพธิดา ตักข้าวเข้าปากเฉย
“ก้อง เราพอมีกิน ถ้าก้องอยากเป็นหมอตีนเปล่าก็เป็นอย่างที่อยากเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องปากเรื่องท้องหรอก ปากเดียวท้องเดียว พ่อเลี้ยงได้ หรืออีกสิบปากสิบท้องพ่อก็พอหาได้ ถ้าหาไม่พอแม่เขาก็มี”
เชิงชายหันไปมองภรรยา คู่ชีวิตที่ผ่านแม่สื่อแม่ชัก
“ใช่ไหม แม่หนู”
สมใจยิ้ม สามีไม่ได้เรียกอย่างนี้มานานแล้ว ตอนแต่งงาน เธอยังเด็ก ขณะที่เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว เธอมีสมบัติมาพอดู เชิงชายไม่ได้แตะต้อง เขาหาเลี้ยงเธอได้อย่างสบาย
“พอมีพอใช้” สมใจตอบ พยักหน้าให้ลูกชาย
“ทำอย่างที่อยากทำเถอะ”
ธนวัตรพนมมือกราบกับขอบโต๊ะ
“ขอบคุณครับ ถ้าก้องไม่ต้องห่วงปากท้อง ยังไงก็ต้องหาชื่อเสียง”
เขาถอนหายใจเป็นผู้ใหญ่เต็มที่
“ไม่งั้นใครเขาจะมาสนับสนุน”
“ทำร่วมกับมูลนิธิที่ก้องศรัทธาซิ” พี่สาวแนะนำ
“แต่เรื่องเรียน หาความรู้ ถ้าสอบชิงทุนไม่ได้ เราก็คงส่งได้ใช่ไหมคะ”
ก่องแก้วถามอย่างไม่แน่ใจนัก
“ไปเมืองนอกพ่อคงยาก แต่แม่เขามี”
“งั้นทำอย่างที่นายอยากทำ” ก่องแก้วตบไหล่น้องชาย ลุกเก็บโต๊ะ
“ขอบคุณครับ” ธนวัตรลุกไปกอดทั้งพ่อแม่ แล้วหันมากอดพี่สาว
“พี่แก้ว พี่กาญจน์เขาจะให้ก้องกอดไหม”
ธนวัตรอ้าแขนออก แล้วเขาก็รู้สึกถึงความอบอุ่นแปลกๆ
“ขอบคุณครับ” เขาหลับตาลง ขอบคุณทุกอย่างทั้งครอบครัว ทั้งการสนับสนุน ทุกอย่าง
“แม่เขาติดละครพี่แก้ว” ธนวัตรกระซิบบอกเสียงดัง
“ช่วงเวลาหลังข่าวแม่เขายึดทีวี”
“ก็หล่อ น่ารักอย่างนี้ บูรณะนะแก้ว เรื่องนี้แก้วก็ชอบนี่” สมใจบอกชื่อเรื่องกับบุตรสาว
“อ๋อ” ก่องแก้วเลยตัดสินใจดู ดูซิว่าจะเลียนแบบผู้หญิงได้เหมือนขนาดไหน
ก็ตลกดีที่แม่ไม่รู้ว่าที่ที่แม่ไปดูเป็นของบูรณะ แล้วพ่อก็ไม่คุยเรื่องงานที่บ้าน ก็ดูซิ พ่อเลิกคิ้วให้เธอ เมื่อเห็นนักแสดงขวัญใจแม่ แต่พ่อก็ไม่พูดสักคำว่าพ่อสร้างบ้านให้เขานะ หลายบาทเสียด้วยซิ กฎไม่พูดโกหกในบ้านยังใช่ได้เสมอ ก็เลยไม่ถามก็ไม่ตอบ
    “แม่ขา กลับมาแล้วค่ะ”
    ก่องแก้ววางกระเป๋า ร้องเสียงใส บ้านคือวิมานของเราจริงๆ สาวน้อยหิ้วรองเท้า กระเป๋าเสื้อผ้าไปห้องซักรีด จัดแจงเปิดน้ำเตรียมซักเสื้อผ้า หลังจากลงถังที่หนึ่งก็เดินออกหามารดา
    “แม่ แม่” 
    ก่องแก้วเดินวนหาตามที่ที่คิดว่ามารดาจะอยู่ รองเท้าก็อยู่ บ้านก็เปิด แม่ไปไหนนะ หาข้างล่างไม่พบ หญิงสาวแวะเอาเสื้อผ้าออกจากเครื่องซักผ้า ส่งชุดที่สองลงถังต่อ ย่องๆ ขึ้นข้างบน ถ้าข้างล่างไม่อยู่ ก็มีอยู่อีกที่ ห้องพระ หญิงสาวแง้มประตูชะโงกดู แม่เธอนั่งตัวตรงอยู่หน้าโต๊ะพระ ก่องแก้วเลยย่องลงมาซักเสื้อผ้าต่อ
แม่นั่งสมาธิได้นาน แม่เคยแนะนำทั้งเธอทั้งน้องชายให้นั่งสมาธิแต่ก็ไม่เคยบังคับ นายก้องนั่น รู้มาว่าทำสมาธิบ้างก่อนจะลงมือทำอะไรยากๆ หญิงสาวยิ้มขำ  ตัวเอง ก็ตั้งสติ ทำสมาธิบ้าง แต่ก็ไม่ใช่นั่งสมาธิเป็นชั่วโมงๆ อย่างมารดา
“กลับมาแล้วหรือ” เสียงทักเมื่อก่องแก้วสะบัดผ้าตากอยู่
“กลับมาแล้วค่ะ”
ก่องแก้วยิ้มเห็นฟันทั้งปาก วางมือจากผ้า ตรงเข้าจะกอดแม่แล้วก็ชะงัก
“ว้า แก้วไม่ได้อาบน้ำแต่เมื่อคืน”
“แม่ยกให้สักครั้ง”
สมใจยิ้ม โอบลูกมากอดซะเอง แถมหอมแก้มซ้ายขวา
“อยากกินอะไรล่ะ”
“อะไรก็ได้ค่ะ     อยู่บ้านนอกก็ดีค่ะ กินแต่ผักปลูกเองไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”
สมใจหัวเราะ
“ตากผ้าเสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำ แม่จะทำแกงจืดเห็ดร้อยแปดกับหุงข้าวผักของโปรดของหนูให้”
“เย้ ขอบคุณค้า” ก่องแก้วร้องตามเสียงใส แม่นี่น่ารักที่สุดเลย
“พี่แก้วไม่อยู่ไม่กี่วันพอกลับมาแม่ทำกับข้าวเอาใจใหญ่” ธนวัตรพูดไปก็ตักกับข้าวพิเศษของพี่สาวใส่จาน
“ชอบก็บอกแม่ซิ” ก่องแก้วบอกน้องชาย ตักใส่ถ้วยเล็กๆ วางไว้ข้างๆ
“ขอโทษพี่กาญจน์”
ธนวัตรรีบบอก พี่สาวไม่อยู่ เขาเป็นคนตักกับข้าวไว้ให้กาญจนาเทวี ไม่รู้ว่าอยู่หรือไม่อยู่ แต่ลางสังหรณ์เขาเริ่มใช่ได้แล้วนะ ก็วันไหนที่เขาลืม แม่ก็ไม่ทักท้วง แสดงว่าวันนั้นกาญจนาเทวีไม่มา
“ไม่เป็นไร แก้วมีน้องน่ารักมาก ก้องเขาตักข้าวให้ทุกครั้ง อย่างที่เล่าให้ฟัง”
ก่องแก้วหัวเราะ หันมาทางน้องชาย
“กาญจน์เขาไปเล่าให้ฟัง” เธอหันไปสบตาพราวระยับของเทพจอมซน
“เขาภูมิใจมากกับน้องชายที่น่ารักคนนี้” เธอตบไหล่น้องชาย
“ก็...ไม่รู้นี่ กลัวพี่กาญจน์เขาหิว”
ธนวัตรยกไหล่ วันไหนสมาธิดีๆ พี่ชาย มาราวัตรก็มาคุยด้วยบ้าง มุมมองต่างๆ ความรู้ที่แลกเปลี่ยน ก็สนุกดี มิน่าพี่แก้วกับพี่กาญจน์เขาถึงคุยกันไม่เลิกดึกๆดื่นๆ
“พี่ชายเขาไม่แวะมากินข้าวกับก้องบ้างหรือ”
ก่องแก้วกระพริบตาปริบๆ หันไปมองคำตอบของเธอ
“มาราวัตรนะ เขาเป็นเทพไม่ต้องเสพ” เทพธิดาโบกมือกว้างๆ เป็นการขยายความ
“อ้าวแล้วทีกาญจน์”
“ก็เราโตมาด้วยกัน มันก็เลยเหมือนความเคยชินไงล่ะแก้ว เวลาของเรากับของแก้วต่างกันมากนักนะ แล้วยิ่งเทพระดับสูงขึ้นไป ยิ่งไม่ต้องกังวลกับเรื่องแบบนี้”
ก่องแก้วพยักหน้าแล้วหันมาบอกน้อง
“พี่ชายของก้อง...ที่ไม่เกี่ยวอะไรกับแก้ว”
เธอได้ยินเสียงระฆังแก้วหวานใส  เสียงพ่อสะอึก กับเสียงอุทานปนหัวเราะของแม่
“เป็นเทพระดับที่ไม่ต้องเสพอะไรอย่างงี้แล้ว” เธอวาดมือเลียนแบบ
“งั้นพี่ชายก็ระดับสูงกว่าพี่กาญจน์” ธนวัตรสรุป
“มั๊ง” ชายตาเห็นคิ้วขมวดมุ่ยบนหน้างาม
“ม่ายช่าย” เธอลากเสียง ยิ้มยิงฟันให้กาญจนาเทวี
“กาญจน์เขาเคยชินนะ ก็เขากินข้าวมาตั้งยี่สิบปีแล้ว คงลืมไปว่าไม่ต้องกินก็ได้”
“เป็นยังไงบ้างฝึกงาน” เชิงชายเปลี่ยนเรื่อง
“ดีค่ะสนุก ดำขึ้นเยอะเลย” ก่องแก้วยื่นแขนให้ดู
“ออกไปอย่างนี้แก้วอยากมีที่อยู่ไกลๆ ปลูกต้นไม้ฟังนกร้องเพลง”
“ออกบวชเป็นฤาษีซิพี่แก้ว” ธนวัตรบอก
“หรือว่าผู้หญิงเรียกว่าฤาษา”
“เพี้ยนแล้ว” ก่องแก้วตีน้องเบาๆ
“เราเจอเพื่อนนายด้วยนะ สาวน้อยแว่นตาโตนะ”
ธนวัตรพยักหน้า
“ต้นตาล เขาบอกแล้วว่าเจอพี่แก้ว ตาลเขาไปอยู่กับน้าสาวที่เป็นพยาบาลที่นั่น ดูว่าจะเลือกเรียนอะไรดี เขาอยากเป็นหมอตีนเปล่า”
“แล้วก้องล่ะ” สมใจถาม เลื่อนกับข้าวไปมุมหนึ่ง เลื่อนผลไม้ออกมาแทน
“หมอพาณิชย์ หาเงินก่อน ไม่งั้นไม่มีแรงทำงาน อุดมการณ์กินไม่ได้”
ทั้งก่องแก้วทั้งสมใจ หันไปมองกาญจนาเทวีเป็นตาเดียว แม่เทพธิดา ตักข้าวเข้าปากเฉย
“ก้อง เราพอมีกิน ถ้าก้องอยากเป็นหมอตีนเปล่าก็เป็นอย่างที่อยากเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องปากเรื่องท้องหรอก ปากเดียวท้องเดียว พ่อเลี้ยงได้ หรืออีกสิบปากสิบท้องพ่อก็พอหาได้ ถ้าหาไม่พอแม่เขาก็มี”
เชิงชายหันไปมองภรรยา คู่ชีวิตที่ผ่านแม่สื่อแม่ชัก
“ใช่ไหม แม่หนู”
สมใจยิ้ม สามีไม่ได้เรียกอย่างนี้มานานแล้ว ตอนแต่งงาน เธอยังเด็ก ขณะที่เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว เธอมีสมบัติมาพอดู เชิงชายไม่ได้แตะต้อง เขาหาเลี้ยงเธอได้อย่างสบาย
“พอมีพอใช้” สมใจตอบ พยักหน้าให้ลูกชาย
“ทำอย่างที่อยากทำเถอะ”
ธนวัตรพนมมือกราบกับขอบโต๊ะ
“ขอบคุณครับ ถ้าก้องไม่ต้องห่วงปากท้อง ยังไงก็ต้องหาชื่อเสียง”
เขาถอนหายใจเป็นผู้ใหญ่เต็มที่
“ไม่งั้นใครเขาจะมาสนับสนุน”
“ทำร่วมกับมูลนิธิที่ก้องศรัทธาซิ” พี่สาวแนะนำ
“แต่เรื่องเรียน หาความรู้ ถ้าสอบชิงทุนไม่ได้ เราก็คงส่งได้ใช่ไหมคะ”
ก่องแก้วถามอย่างไม่แน่ใจนัก
“ไปเมืองนอกพ่อคงยาก แต่แม่เขามี”
“งั้นทำอย่างที่นายอยากทำ” ก่องแก้วตบไหล่น้องชาย ลุกเก็บโต๊ะ
“ขอบคุณครับ” ธนวัตรลุกไปกอดทั้งพ่อแม่ แล้วหันมากอดพี่สาว
“พี่แก้ว พี่กาญจน์เขาจะให้ก้องกอดไหม”
ธนวัตรอ้าแขนออก แล้วเขาก็รู้สึกถึงความอบอุ่นแปลกๆ
“ขอบคุณครับ” เขาหลับตาลง ขอบคุณทุกอย่างทั้งครอบครัว ทั้งการสนับสนุน ทุกอย่าง
“แม่เขาติดละครพี่แก้ว” ธนวัตรกระซิบบอกเสียงดัง
“ช่วงเวลาหลังข่าวแม่เขายึดทีวี”
“ก็หล่อ น่ารักอย่างนี้ บูรณะนะแก้ว เรื่องนี้แก้วก็ชอบนี่” สมใจบอกชื่อเรื่องกับบุตรสาว
“อ๋อ” ก่องแก้วเลยตัดสินใจดู ดูซิว่าจะเลียนแบบผู้หญิงได้เหมือนขนาดไหน
ก็ตลกดีที่แม่ไม่รู้ว่าที่ที่แม่ไปดูเป็นของบูรณะ แล้วพ่อก็ไม่คุยเรื่องงานที่บ้าน ก็ดูซิ พ่อเลิกคิ้วให้เธอ เมื่อเห็นนักแสดงขวัญใจแม่ แต่พ่อก็ไม่พูดสักคำว่าพ่อสร้างบ้านให้เขานะ หลายบาทเสียด้วยซิ กฎไม่พูดโกหกในบ้านยังใช่ได้เสมอ ก็เลยไม่ถามก็ไม่ตอบ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น