คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : อรทัย
“สิบสี่”
“ยี่สิบ” เสียงใสๆ ท้วงทันควัน พร้อมกับแบมือยื่นออกมา
“น้ำขม” วิสาขะพึมพำ ค่อยๆ คลี่ธนบัตรใบละยี่สิบวางลงบนมือที่ยื่นออกมา ระมัดระวังไม่ให้โดนแม้ปลายนิ้ว
“ขอบคุณมากค้า” อรทัยพนมมือไหว้ก่อนเก็บเงินใส่กระเป๋าไว้ ก็แค่เล่นทายกันสนุกๆ ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายที่จะก้าวเข้ามาในร้านก่อน
ก็คนนี้ไงล่ะคู่หมั้นที่พ่อแม่หาไว้ให้ วันที่แอบไปดูตัวเขากับเจ้าเอนั่น แทบตกตะลึงในความหล่อ โอ๊ย ใครจะไปคิดว่ามีหมออย่างนี้ด้วย สูงเพรียว ขาว ตาคม ผมดำคิ้วดำ ปากแดง แล้วอรทัยก็ย้อนมาดูตัวเธอเอง ตัวก็เตี้ย หน้าก็หมวย ยิ่งแย่ไปกว่านั้น เขายังเป็นคุณหมอที่ใจดีที่สุดอีกด้วย
“คนไข้ค่ะ ท้องเสีย” กฤติกาตามเข้าไปกำกับบท
“เป็นอะไรค่ะ ทานอะไร” พยาบาลซักอาการ
“ข้าวค่ะ” เจ้าตัวยุ่งตอบแทนอีก ที่ทำเอาคนไข้ตาค้างมองหน้าคนพามา เหมือนจะถามว่าเอาอย่างนี้เหรอ เจ้าเอยักคิ้วตอบอย่างกวนๆ
วิสาขะตรวจดูอาการคนไข้ เอ...ก็ไม่เป็นอะไร นอกจากหัวใจเต้นตึกตักไปหน่อย ก่อนพลิกบัตรคนไข้ ชื่อที่เห็นทำเอาต้องหันมามองคนไข้ใหม่อีกครั้ง จากที่สนใจในฐานะคนไข้คุณหมอหนุ่มเริ่มเปลี่ยนเจตนา
ตัวคนไข้นี่ ชื่อนามสกุลคุ้นมากๆ ได้ยินชื่อมานานเท่าอายุสาวเจ้า ที่ตอนนี้เท่าไรยี่สิบเต็มหรือยัง คุณหมอยิ้มขำ คนนี้ไงที่พ่อเขาตีตราจองไว้ให้ตั้งแต่ออกจากท้องแม่ สาวน้อยหน้าตาบ่งบอกถึงเชื้อสายจากจีนแผ่นดินใหญ่ ตัวเล็ก ผิวขาวใส
คนพามานั่นสาวตัวสูงกว่ามาตรฐานหญิงไทยหน้าอย่างไทยแท้ แต่ไม่ใช่ไทยหวานๆ หน้าดุ ยิ้มหน้าเป็น ตาหัวเราะร่า เขามองหน้าคนไข้และคนพามาที่ต่างทำไม่รู้ไม่ชี้
ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบๆ
“อาการหนักนะ ต้องนอนให้น้ำเกลือ ออกไปรอข้างนอกก่อน เดี๋ยวจะหาห้องให้ อย่าเพิ่งไปไหน”
แล้วสองสาวก็หายแวบไปเลย เขาต้องตามไปที่บ้าน
“คุณหมอนินทาอ้อยอยู่แน่เลย” อรทัยทำหน้ามุ่ย เมื่อสังเกตเห็นการแย้มปากแดงๆมากกว่าปกติ
“ยังท้องเสียอยู่อีกไหม” วิสาขะกลับถามเป็นอีกเรื่อง อรทัยหัวเราะ
“การเมืองไม่หรอกค่ะ อ้อยไม่อยากตายเร็ว”
ก็วันนั้นเขาตามไปตรวจถึงบ้าน ขออนุญาตตั่วแป๊ะ(ลุงคนใหญ่) แล้วก็เอาตัวเธอออกไปกินข้าวนอกบ้านด้วยกัน เกร็งไปหมด จนกินอะไรไม่ลง เขาแก่กว่าเธอหลายปีนะ สิบปีขึ้นไป มีท่ามีทางของเขาเอง ที่เธอก็ตามไปได้เรื่อยๆ อย่างไม่ขัด ไม่เขิน จนเดี๋ยวนี้แล้ว อรทัยก็ยังงงๆ อยู่ ว่าเธอกับเขาคบกันมาด้วยความสัมพันธ์ฉันท์คนรัก หรือคนรู้จักกันเฉยๆ
“นัดเอไว้ กี่โมงกันแน่นะ”
วิสาขะถามยังจำเพื่อนสาวคนนี้ของอรทัยได้ดี คนที่ดวงตาพูดได้
“ก็...เอนัดอ้อยอย่างนั้นนี่ค่ะ” เธอตอบ
เจ้าเอบอกแค่ว่าเจอกันที่ร้าน เธอไม่ได้บอกหรอกว่าวันนี้วันเกิดเธอ เธอชี้ให้ดูกฤติกาที่มาพร้อมกับจริยาทั้งคู่หอบของพะรุงพะรัง คนหนึ่งอุ้มเด็ก คนหนึ่งหอบของใช้ของเด็ก
“ทอมมี่แน่เลย” อรทัยร้อง เมื่อเห็นว่าเพื่อนหอบอะไรมาด้วย รีบผุดลุกไปแย่งอุ้มทารกน้อยมา
“คุณหมอคงยังไม่เคยเห็นฮันนี่”อรทัยพูด เงยหน้าจากทารกน้อยขึ้นยิ้มให้คุณหมอหนุ่ม
“แม่เจ้าทอมมี่นี่ละคะ ไปไหนเสียแล้วล่ะ” ท้ายประโยคเธอหันไปถามเพื่อนที่พากันนั่งลง หลังไหว้ทักทายคุณหมอแล้ว
“หาที่จอดรถเดี๋ยวก็มา” กฤติกาบอก ส่งสัญญาณเรียกพนักงานมาสั่งอาหาร
“วันนี้เราฉลองสองงานเลย พรุ่งนี้ฮันนี่จะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร วันนี้วันเกิดเจ้าอ้อย คุณหมออยากทานอะไรคะ”
“ขอผมเป็นเจ้ามือนะ” วิสาขะบอก ก่อนจะสั่งรายการอาหาร
“ครึ่งหนึ่งนะคะ” กฤติกาต่อรอง ตาพราวยิ้ม ฮือม์ ก็อยากให้คุณหมออกให้หมดอยู่หรอกนะ แต่พวกเธอก็ถล่มคุณหมอบ่อยๆ
“ส่วนของฮันนี่พวกเราจะออกเอง”
“ให้ผมมีส่วนต้อนรับ ฮันนี่ด้วยดีกว่านะ ในโอกาสพบหน้าเป็นยังไง”
“ได้เลย” จริยา ส่งเสียงสนับสนุน อย่างไม่ต้องคิดมาก แค่นี้คุณหมอขนหน้าแข้งไม่ร่วง ถ้าพวกเธอแชร์กัน ฮือม์ คงผมร่วงสัก สองสามเส้น
มารดาของทารกน้อยที่เดินมานั่น แทบจะไม่ต่างจากสาวๆ กลุ่มนี้ เท่าไร ยังเด็กเกินกว่าจะเป็นมารดาของทารกน้อย ผิวสองสี หน้าคม ตาดุ ผมยกศกมัดรวบไว้บนศีรษะด้วยคลิบอันใหญ่
ฮันนี่คงมาจากผิวสีน้ำผึ้งนวลเนียนนั่น ศรสวรรค์ทำความเคารพว่าที่เพื่อนเขยอย่างเรียบร้อย เขาหล่ออย่างที่เพื่อนบอก และท่าทางใจดี เธอเห็นประกายวิบๆ ขณะที่เขามองเพื่อนเธอ เธอแน่ใจว่าเขาเอ็นดูและมีเยื่อใยพิเศษให้แก่อรทัย นั่นทำให้เธอสุขใจ
^___^
“ต้อยติ่ง ทำไมวันนี้กลับช้าจริง แม่เก็บสำรับหมดแล้ว”
วิสาขะทำความเคารพคุณนายประจำบ้าน เขาโชคดีที่หลังจากแม่แท้ๆ ของเขาเสียชีวิต มารดาเลี้ยงของเขาก็สุดแสนจะใจดี เป็นแม่บ้านแม่เรือน น้องชายต่างมารดาก็เข้ากับเขาได้ดี ตอนนี้ ณรงค์น้องชายเขาก็แต่งงานแยกบ้านออกไปแล้ว
“เป็นเจ้ามือเลี้ยงวันเกิดอ้อยครับ” เขาตอบ เก็บรองเท้าเข้าชั้นเรียบร้อย รับผ้าเย็นและน้ำจากมือมารดา
“ไงล่ะ เมื่อไรจะแต่งสักที ติ่ง ต้อมกับดาวเพิ่งมาบอกว่าแม่จะได้เป็นย่าแล้วนะ”
วิสาขะหัวเราะแล้วก็บ่น
“แย่จัง เขาเห็นผมเป็นอะไร พี่ชายเป็นหมอนะ ทำไมไม่ให้ผมตรวจ”
“เขาอายนะซิ”
ทิพย์ตอบบุตรชายคนโต เธอคิดเสมอว่าเขาเป็นลูกคนแรกของเธอ
“ว่าไงจ้ะ คุยกับหนูอ้อยเขาแล้วหรือยัง”
“ยังเลยครับ เขาไปกับเพื่อนตามเคย”
เขาหัวเราะนิดๆ อย่างอารมณ์ดี ไม่ว่าจะนัดครั้งไหนๆ เธอก็มีเพื่อนพ่วงไปด้วย เขาไม่ได้รู้สึกไม่พอใจออกจะเอ็นดูด้วยซ้ำไป
“แล้วอย่างนี้เมื่อไรจะได้แต่งล่ะติ่ง ติ่งชอบหนูอ้อยไหม หรือแอบชอบเพื่อนหนูอ้อย”
คุณหมอหนุ่มหัวเราะเสียงดัง ชอบเพื่อนอ้อยหรือ ใครล่ะ คนหนึ่งที่เพิ่งพบก็คุณแม่ลูกหนึ่งแล้ว ต้อยคุณจริยาสถาปนิกสาวสวยนั่น เธอเหมือนไม่มีหัวใจสาวให้สะเทิ้นอายเลยด้วยซ้ำ ส่วนเอ เจ้ากฤติกาดาวลูกไก่ ยังเป็นลูกไก่ไม่รู้จักโตอยู่นั่นเอง เขาไม่เคยมองใครในกลุ่มเพื่อนสาวของอรทัยเกินไปกว่าน้องสาวเลยนะ ยกเว้น ตัวอรทัยเอง
“ก็ไม่รู้ซิครับ” คุณหมอบอกยิ้มๆ อย่างเขินๆ
“อะไร โตจนป่านนี้แล้ว ยังไม่รู้อีกหรือว่ารักเขาไหม”
“กับสาวอื่นคงดูง่าย มั่งครับ แต่นี่เจ้าหล่อนเล่นไปเยือนผมถึงที่”
ทิพย์หัวเราะ ยังจำที่บุตรชายมาเล่าให้ฟังได้
“ตกลงกับหนูอ้อยเสียติ่ง ถ้าไม่รักไม่ชอบก็บอกกับทางโน้น เขาจะได้มีอิสระไปชอบใครได้”
เขาขวางหูขึ้นมานิดๆ ในคำแนะนำของมารดา
“พ่อละครับ” ชายหนุ่มชะเง้อมองหา บิดา ที่ปกติจะนั่งดูโทรทัศน์อยู่ วันนี้ไม่มีเสียงจากเจ้าตู้สี่เหลี่ยม
“อ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุดแน่ะ ติ่งไปคุยกับพ่อเขาหน่อยนะ เขาเหงาๆ เห็นเจ้าต้อมจะมีลูก แต่เจ้าติ่งยังไม่พ้นจากอกเลย”
วิสาขะก็ได้แต่หัวเราะ เอาเถอะเขาจะชวนอรทัยไปคุยให้รู้เรื่อง โดยไม่มีคอสอง คอสาม คอสี่ และ คอเล็กๆ คอที่ห้าที่เพิ่งพบ และสังหรณ์ว่าจะพบอีกบ่อยๆ
^___^
“คุณหมอเขาขอแต่งงานหรือยัง”ศรสวรรค์ถามเพื่อน
“ขอใครล่ะ” กฤติกาถามยวนๆ
“ขอเจ้าอ้อยซิเล่า ไม่ได้ขอนายหรอก เอ” เจ้าของคำถามย้อนกลับแบบคนไม่เคยยอมแพ้
“ยัง” อรทัยตอบ เธอกับจริยาช่วยกันเลี้ยงหลานอยู่ข้างหลัง ไม่เคยถามว่าใครเป็นพ่อของทอมมี่ แต่เธอคิดว่าเธอรู้ ไม่อยากจะพูดไป
จริยาเงียบเฉย เขายังติดต่อกับพี่ตี้ พี่สาวของเธอ เมื่อเจอหน้ายังถามถึงฮันนี่ แต่เธอไม่เคยบอก ไม่เคยพูด ทอมมี่มีแม่ มีน้าๆ เลี้ยงรอดได้
“เขาดีนะ จากที่ดูวันนี้”
“ดี ไม่ใช่ว่าจะเหมาะกับการเป็นพ่อบ้าน สามี” จริยาแย้ง
“ต้อยไม่ชอบหรือ” กฤติกาหันกลับมาถาม
“เขาเป็นพี่ชายที่เอื้ออาทรดี เป็นเพื่อนชายที่สุภาพ แต่ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นแฟนยังไง” สถาปนิกสาวยักไหล่
“เขาชอบอ้อยมากล่ะ” ศรสวรรค์บอกเพื่อน
“ฮันนี่ไม่ได้คุ้นเคยกับเขา เลยไม่รู้ว่าเขาดีแค่ไหน”
“ใช้ได้” กฤติกาให้คำรับรอง คนที่ถูกอรทัยลากไปเป็นกันชนบ่อยที่สุดก็คือเธอ
“แต่งเถอะอ้อย หลาน ทอมมี่คนเดียวไม่พอเล่น”
อรทัยได้แต่หัวเราะหน้าแดง เอ๋ มันยังไงนะที่ลากคนสองคนมาอยู่ร่วมกันได้ เธอชักอยากให้เป็นสมัยก่อนเสียแล้วซิ ที่เป็นการคลุมถุงชนนะ คงจะสบายใจกว่านี้มาก ในการตอบรับหรือปฏิเสธ
หรือไม่อย่างนั้น ก็แฟนหนุ่มแฟนสาวอย่างสมัยนี้ที่ตกลงกันเอง ไม่ใช่อย่างเธอ พ่อแม่ตกลงกันไว้ แล้วให้ลูกๆมาชักม่านปิดตอนจบ มันแปลกอยู่นะ
“อย่าพูดมากเลยน่า ฮันนี่ นายนอนไหนล่ะคืนนี้”
“โรงแรม” ศรสวรรค์พูดสั้นๆ และเพื่อนก็เข้าใจ
ตั้งแต่เธอมีทอมมี่ พี่น้องพ่อแม่รังเกียจ แต่เธอ..ไม่หรอก ถึงเขาจะไม่ตั้งใจให้ทอมมี่เกิดและเธอเองด้วยความอ่อนต่อโลก แต่เมื่อมีชีวิตมาเกิดกับเธอจะทำลายได้อย่างไร เขาเป็นของเธอ เป็นส่วนหนึ่งของเธอ เธอถึงพลาดงานรับปริญญาพร้อมเพื่อนร่วมรุ่น กลับมาเรียนอีกปีจนจบ
^__^
อรทัยไม่เคยคิดเลยว่าคุณหมอใจดีจะจู่โจมจนตั้งตัวไม่ติดอย่างนี้ เขามารับตอนเที่ยง โมเมกับผู้จัดการ หัวหน้าของเธอ แล้วก็เอาตัวเธอออกมา
“ไม่ทราบเลยนะคะว่าคุณหมอรู้จักหัวหน้าด้วย”
“เป็นรุ่นน้องผมหลายรุ่น” วิสาขะบอก สั่งอาหาร แล้วก็ถามง่ายๆ
“จะเอายังไงดีกับเรื่องของเรา”
“เอาไงล่ะคะ” อรทัยย้อนหัวเราะแก้เขิน หน้าแดง
“ผมอยากให้อ้อยคิดดูนะ” วิสาขะทำหน้าขึงขัง แล้วก็อดหัวเราะตามไม่ได้
“ไหนดูลายมือให้” เขาจับมือพลิกหงาย
“ดูเป็นหรือคะ” อรทัยถาม ไม่แน่ใจเลยว่าเขาจะขี้โกง หลอกจับมือหรือเปล่า
“ก็เป็นบ้าง” วิสาขะลากนิ้วตามเส้นในมือเล็กๆ
“นี่เส้นชีวิต ลึก นี่เส้นอุปถัมภ์ จะไม่ลำบากหรอกชีวิตนี้ นี่เส้นสมอง แค่นี้ เรียนแค่ตรีพอแล้ว ไม่ต้องคิดไปโทเอกหรอกนะ แล้วนี่...เส้นเสน่ห์... เสน่หาบ่หักหาย”
อรทัยหัวเราะ เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่กิริยาเขาสุภาพเป็นกันเอง
“นี่เส้นหัวใจ เป็นคนโรแมนติกมาก เห็นเฉยๆอย่างนี้ก็เถอะ แต่งงานนะนี่ แล้วก็รักเดียวใจเดียวด้วยซิ เส้นไม่แยก แต่ขาดปลาย จะตายจากนะ ไม่แยกทางกันหรอก ถ้าแต่งงาน เอาล่ะ นี่เส้นเนื้อคู่”
วิสาขะมองตา พนักงานนำอาหารที่สั่งมาให้พอดี อรทัยชักมือกลับด้วยท่าทีเฉยๆ ลงมือทานอาหาร
“อย่ากลับไปทำงานเลยนะ คุยเรื่องของเราให้เสร็จ”
“ได้ค่ะ” อรทัยพยักหน้า อยากให้ทุกอย่างเรียบร้อยลงไป
วิสาขะพาไปร้านเครื่องดื่มเล็กๆ เงียบๆ บรรยากาศดี หลังจากเครื่องดื่มและขนมชิ้นเล็กๆ แล้ว เขาก็ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร
“คุณหมอยังดูไม่จบเลย” อรทัยแบมือลงตรงหน้า ท่ามกลางความขัดเขิน
“เพิ่งรู้ว่าชอบดู” วิสาขะยิ้มให้
“เปล่า อยากรู้ว่าคุณหมอดูเป็นจริงหรือเปล่า เจ้าเอซิคะดูแม่น ดูให้อ้อยแล้ว อ้อยจะเอาไปเปรียบเทียบกับของเอ”
“ถึงเส้นไหนแล้ว” วิสาขะอมยิ้มไม่สนใจคำขู่กรายๆนั้น ลากนิ้วไปตามรอยเส้น
“เอ๋...แฟนหล่อนะ หล่อเหมือนผมนี่ล่ะ” เขาโมเม หญิงสาวกลั้นหัวเราะจนหน้าแดง
“ดูตรงไหนค่ะ”
“นี่ไงเรือหงส์” เขาเอาสองมือเล็กๆ มาต่อกัน ชี้ให้ดูรูปเรือ
“เนื้อคู่มาแล้วนะ ถ้าอ้อยไม่ตกลงใจตอนนี้ อีกสักอายุสี่สิบ ถึงจะมาใหม่ จะจับไหม”
วิสาขะถามมองจ้องในดวงตารีๆ วาวใสของสาวหมวยขนานแท้
“แล้วคุณหมอล่ะคะ”
วิสาขะแบมือตัวเองดู แล้วก็สั่นหน้า
“เขาไม่ให้ดูให้ตัวเองหรอก อ้อยเชื่อหรือ”
“ครึ่งเดียวค่ะ” อรทัยตอบยิ้มๆ
“ว่าไงล่ะ” คุณหมอหนุ่มถามซ้ำ
“อะไรละคะ” สาวเจ้าทำไก๋
“จะแต่งไหม”
“ก็ยังไม่มีใครมาขอ” อรทัยตอบ เมินไปยิ้มกับวิวนอกหน้าต่าง
“จะกรุณาแต่งงานกับผมได้ไหมครับ อ้อย” วิสาขะเท้าคางพูดยิ้มๆ
“คุณหมอกล้าไปสาบานที่ไหนไหมล่ะคะ” อรทัยเท้าคาง ถามกลับมาบ้าง
“ไม่หรอก แต่จะสัญญาต่อหน้าอ้อยนี่ล่ะ
อรทัยหัวเราะหน้าแดงแช้ด เก็บมือเก็บไม้ลง รวบกระเป๋า
“เพิ่งทราบว่าคุณหมอก็หวานเป็น”
เธอไม่ตอบเขาในวันนั้น แต่ครั้งต่อมาที่เจอกัน เขาก็รู้คำตอบ แหวนหมั้นที่เคยใส่ไว้ที่นิ้วกลางถูกเลื่อนมาอยู่ที่นิ้วนางแล้ว
ความคิดเห็น