คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : แม่พระเพลิง
บทที่ 1 แม่พระเพลิง
มันคงจบลงด้วยดี อลิสาบอกตัวเองอย่างนี้ทุกครั้งก่อนขึ้นเวที
“พร้อม?”
เสียงเข้มดังขึ้นข้างๆ พร้อมมือที่ตบลงบนต้นแขนอย่างปลอบใจ
หญิงสาวขยับกระพรวนที่ข้อมือ ขยับสะโพกให้รู้สึกถึงความพริ้วของกระโปรง
“พร้อม”
“เต้นให้เหมือนเพลิงเลย อีหนู” เมธตบไหล่อีกครั้ง
เสียงกระพรวนหวานใสดังมาท่ามกลางความมืดของเวทีที่ลดไฟลง เสียงกระพรวนค่อย ๆดังขึ้น ระรัวเร็ว ดวงไฟจับที่สาวนักเต้น สาวยิบซี เธอเต้นได้สนุกร่าเริง รอยยิ้มเริงร่า เจ้าหล่อนส่งจูบสะบัดกระโปรงสลับข้อเท้าว่องไว ขณะรับเงินทิปพิเศษก่อนลับหายเข้าไปหลังม่าน
“เป็นไงชอบไหม”
เสียงพูดข้างๆ ฉุดความสนใจจากม่านเวที เขาชอบแม่สาวยิบซีคนนั้น หล่อนเต้นได้สะเด็ดจริงๆ
“ก็ดีครับ”
นนทวรรต ตอบผู้เป็นลุง ญาติสนิทคนเดียวที่เหลืออยู่ และท่านก็มีเขาเป็น หลาน เพียงคนเดียว ท่านจัดงานนี้ขึ้นเพื่อให้เขาหายโศกเศร้าถึงภรรยาที่จากไปด้วยอุบัติเหตุเมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่เธอจากไปนานแล้วจากใจของเขา
ลินดา ภรรยาลูกครึ่งอเมริกัน-สเปน อยู่กับเขาเพราะอำนาจเงินเท่านั้น เธอพูดใส่หน้าเขาเมื่อเขาถามเธอตรง ๆ ว่าเธอคบชู้ใช่ไหม แล้วเธอก็ขับรถออกไปประสบอุบัติเหตุ ดีที่ไม่มีลูกด้วยกัน ลินดาไม่อยากตั้งครรภ์ เขาเองก็คิดว่ายังมีเวลาอีกมาก ไม่อย่างนั้นตอนนี้เขาคงระแวงว่าเด็กจะเป็นลูกของเขาหรือไม่
อลิสารีบเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอต้องแสดงอีกสองชุด ระบำอินเดีย กับรำไทยชุดสุดท้าย
“เหนื่อยไหม ขอโทษทีนะ ถ้าพวกน้อยไม่ป่วยคงไม่ต้องขอให้มาช่วย”
สำรวยพูดขณะช่วยหญิงสาวแต่งตัว
เมื่อก่อนอลิสาก็อยู่ร่วมคณะ เมื่อเธอเรียนจบได้งานที่มั่นคงในธนาคารแห่งหนึ่ง เธอก็เลิกแสดง ถึงแม้งานแสดงจะได้เงินมากกว่าก็ตาม แต่ช่วงเวลามันสั้นนัก แต่เวลาที่ขาดคนเธอก็ยังมาช่วย เพราะเธอถือว่าเธอโตมาในคณะแสดง
พ่อแม่เป็นใครเธอไม่รู้จัก แต่เมธและสำรวยสองสามีภรรยาก็แค่เล่าเรื่องให้ฟังคร่าวๆ ว่าพ่อแม่ของเธอเป็นนักแสดงเร่ที่เข้ามาร่วมคณะ แม่เธอร้องเพลง พ่อเล่นดนตรี แล้วโรคภัยก็มาคร่าชีวิต เหลือแต่เจ้าตัวน้อย ทั้งเมธและสำรวยพยายามติดต่อหาญาติก็ไม่มี หลักฐานการติดต่อ ไร้ทะเบียนบ้าน มีเพียงบัตรแจ้งเกิดของทารกเพศหญิง ทั้งคู่จึงเลี้ยงเจ้าตัวน้อยมาอย่างดีที่สุด
“ไม่เป็นไรหรอกป้า มีอะไรก็ช่วยกัน” เธอขยับชุดให้รัดกุม ชุดคับกว่าที่จำได้
“แหม๋” เธอมองกระจกแล้วนิ่วหน้า สำรวยหัวเราะ
“สงสัยทิปจะหนักกว่าเดิมว่ะ” ถึงอย่างนั้นก็พยายามขยับเสื้อให้มิดชิดขึ้น
“เอ็งอวบขึ้นนี่หว่าชุดถึงได้คับ”
“ใครว่าล่ะ ชุดฉันที่ไหน ชุดน้อยต่างหาก หนูแดงของป้าแต่งชุดไหนไม่แดงบ้าง”
ขยับเสื้อสียอดตองอีกครั้งก่อนไปเตรียมตัวข้างเวที
นนทวรรตเดินเข้าไปใกล้เวทีกว่าเดิม แม่สาวยิบซี แล้วนี่นางในฮาเล็มที่ไหนเขาถูกการเต้นที่ชวนเชิญดึงให้เข้าไปหา
นนท์ยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นปฏิกิริยาของหลานชาย หลังการตายของหลานสะใภ้เมื่อปีที่แล้ว นนทวรรตก็เฉยชากับผู้หญิง เขาเคยดูการแสดงของคณะนี้ เขาจึงจ้างมาแสดงในคืนนี้โดยเฉพาะ เจาะจงเลยว่าต้องการสาวนักเต้นคนนี้ แม่พระเพลิง ไม่มีใครจะเต้นรำให้เลือดของผู้ชายร้อนแล้วเย็นได้เท่าแม่พระเพลิงอีกแล้ว
เขาไม่เห็นเจ้าหล่อนเต้นมานานเท่าไรแล้วสามปีได้ละมั้ง เจ้าหล่อนยังเต้นได้ดีเช่นเดิมสมฉายา แม่พระเพลิง
โฆษกออกมาประกาศถึงการแสดงชุดสุดท้าย รำไทย
นนทวรรตลืมตากว้าง ไม่อยากจะเชื่อเลย แม่สาวคนนี้อีกแล้ว ทอดแขนอ่อน ชะม้ายตาทอดให้ ใช่ เธอรำไทยได้งามนัก แต่นัยน์ตาของเธอคือไฟ หลังจากจบรำชุดนั้น เขาหลบไปหาอะไรแรงๆ ดื่ม มันไม่พอเสียแล้ว มันไม่สามารถดับอารมณ์ความรู้สึกของเขาได้เลย เมื่อเห็นชาวคณะแสดง ทยอยขึ้นรถ เขาก็ตัดสินใจทันที
อลิสากระโดดลงจากรถหน้าหอพักใกล้ที่ทำงาน เมธแวะมาส่ง ยังไงเขาก็ยังห่วงใยก็เลี้ยงมาเหมือนลูก
“ระวังตัวละอีหนู” เขาบอกก่อนออกรถ
หญิงสาวโบกมือให้ หันกลับเมื่อรถแล่นห่างออกไป ล้วงกุญแจออกจากกระเป๋า เงินค่าตัวยังอุ่นๆ จะเอาเข้าธนาคารเก็บเอาไว้ เธอมีเงินพอสมควรแล้ว คงจะหาซื้อที่หรืออะไรสักอย่างไว้เป็นหลักประกันอนาคตเสียที
“เดี๋ยว” เสียงเรียกข้างหลัง เสียงผู้ชาย สัญชาติญาณบอกให้วิ่งทันที
“เดี๋ยว”
หญิงสาวถลาเข้าประตู หักมุมเป็นบันได เธอเบรกกึก มีดสปริงอยู่ในมือ
นนทวรรตวิ่งตามไป เขาตามมาตั้งแต่ออกจากบ้าน ชีวิตจิตใจที่ชืดชาต่อผู้หญิง เริ่มเร่าร้อนเพราะแม่สาวยิบซีนั่นเชียว แล้วเขาก็ไม่คิดเลยว่าต้องมาเจอกับมีด
“มีธุระอะไร” เสียงหญิงสาวถามมา
“เธอเป็นคนเต้นยิบซีใช่ไหม” ที่ต้องถามเพราะตอนนี้หญิงสาวตรงหน้า ในชุดเสื้อกางเกงยืด นั้น ก็ดูเหมือนหญิงสาวทั่วๆ ไป แต่เขาคิดว่าใช่น่ะ ก็มีดในมือนั่น และแววตาเอาเรื่อง
“ใช่” อลิสาตอบตรงๆ กระพริบตาถี่ๆ ง่วงแสนจะง่วง พรุ่งนี้ต้องลุกไปทำงานอีก ดีนะว่านี่ไม่ใช่ช่วงเวลาพลุ่กพล่าน หรือไม่ดี
“เธออยู่กับใคร”
“ถามทำไม ไม่เกี่ยวกับคุณ”
เสียงเขียวๆ นั่นทำเอายิ้มได้
“ถ้าเธออยู่กับใคร ผมก็จะกลับ แต่ถ้าไม่มีใคร” รอยยิ้มบ่งบอกชัดเจน
ง่วงเกินไปหรือเปล่าถึงไม่ได้โกรธเท่าที่ควร
“ฉันไม่สนใจ” เธอตอบง่ายๆ
“สองหมื่น”
สงสัยจะฝันเป็นแน่ หูถึงฝาด
“สามหมื่น”
คราวนี้หญิงสาวหัวเราะ
“บ้าจัง “ เธอโบกมืออีกข้างที่ว่าง
“กี่โมงกี่ยามแล้วรู้ไหมคะคุณ ฉั นง่วงมากอยากนอนมาก”
“ตกลงที่สามหมื่น” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว ขยับมาใกล้ มือที่ถือมีดนั่นไม่สั่นเลย เขามองพินิจ
สวย ตาโต ผิวขาวละเอียด จมูกโด่ง เหมือนลูกครึ่ง เขาปวดแปลบในใจ
“เธอยังไม่มีใคร”
อลิสาขมวดคิ้ว คำถามหรือว่าอะไร
“หนึ่งแสน”
อาการหวิวๆ เริ่มบังเกิด ความคิดค่อยๆ กระจ่าง เธอห่างสถานการณ์อย่างนี้ไปนาน ห่างคนตื้อมานาน แต่ก่อนทำยังไงนะ อ้อ เธอมีลุงเมธ แล้วที่ทำงานล่ะ ต่างคนก็ต่างทำงาน ถ้าวางตัวดี ฝ่ายตรงข้ามก็จะหยุด
แล้วนี่เธอจะทำยังไง ยันกันอยู่ตรงนี้จนกว่าจะมีคนมาหรือใครหมดความอดทนก่อน ยามหายไปไหนนะคืนนี้ แต่ก็นั่นล่ะ เวลาอย่างนี้เขาเรียกว่าฤกษ์โจรเลยเชียว
“คุณต้องการอะไรคะ ตัวฉัน ไปนอนด้วย หรือแค่หาเพื่อนคุยเฉยๆ เพื่อนกินเหล้า
เพื่อนควง”
คำถามแบบนักเลงทำให้ต้องคิด
“ตอบตรงๆ นะ อยากนอนกับเธอ เห็นเธอเต้นแล้วมันร้อนมาก”
เขาเห็นสีกุหลาบซับขึ้นที่แก้มขาว
“แต่คิดดูแล้ว ฉั นก็เหงา อยากมีเพื่อนคุย ใช่ อยากมีเพื่อนกินเหล้า กินข้าว แต่เพื่อนควง”
เขาปรายตามองดูเสื้อผ้า เสื้อยืด กางเกงยืด ถูกๆ
อลิสาฉุนจนต้องหัวเราะออกมา
“ฉันไม่เป็นเพื่อนนอนใคร ถ้าคุณไม่ถอยแล้วฉันก็ไม่อยากยืนเฝ้าบันไดทั้งคืน ฉันจะเป็นเพื่อนคุย เพื่อนกินเหล้าคุณเอง ตกลงไหม”
ชายหนุ่มยกไหล่
“ฉันอลิสานะคะ ขอกุญแจรถคุณด้วย”
“นนทวรรต ครับ” ชายหนุ่มตอบส่งกุญแจรถให้
“จะทำอะไรนะ”
“กฏข้อแรกคือความไว้วางใจค่ะ” หญิงสาวคว้ากุญแจ พับมีดยัดใส่กระเป๋า
“จะพาไปกินเหล้าที่ดี ๆ บรรยากาศดี ๆ ” หญิงสาวบอก ผายมือให้เขานำหน้า
“ตามกฏข้อแรก คุณก็ควรไว้ใจผมให้ขับรถให้”
“ก็ได้ค่ะ แต่คุณแน่ใจหรือคะว่าจะหาที่ที่เขารับ”
เธอวาดมือให้เขาดูชุดของเธอ นนทวรรตส่งกุญแจให้ เดินนำไปที่รถของเขา ถึงหญิงสาวจะเก็บมีดไปแล้ว เธอก็ยังมีทีท่าระวังตัวอยู่
หญิงสาวผิวปากเบา ๆ เมื่อเห็นรถของเขา รถเศรษฐีเลยเชียวล่ะ
“คุณคงจะรวยมาก”
นนทวรรตอมยิ้ม ผู้หญิงคนนี้มีอะไรแปลกๆ เธอรู้ว่าเขาขับรถแพง ซึ่งมีไม่มากนักในเมืองไทย และไม่เป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย เหมือน BMW ,VOLVO หรือ BENZ
หญิงสาวพาเขาไปย่านข้าวต้มรอบดึก สั่งเหล้าที่เขาต้องการพร้อมทั้งผสมให้อย่างคล่องแคล่ว
“คุณล่ะ” เขาพยักหน้าไปทางหญิงสาวที่ดื่มเพียงน้ำเปล่า
“พรุ่งนี้ต้องทำงานค่ะ แล้วตอนนี้ฉันก็มึนพอแล้ว”
“ทำงานอะไรน่ะ”
“ทำงานธนาคารค่ะ”
เธอตอบชอบน้ำเสียงเขามันนุ่มดีจริง เสียงอย่างนี้คงร้องเพลงได้ไพเราะเพราะพริ้งนักล่ะ
“ทำงานธนาคารกับเป็นนักเต้น”
หญิงสาวยิ้มเห็นฟันสวย
“ก็ยังมีหนุ่มธนาคารเป็นนักร้องได้เลยนี่คะ ทำไมจะมีสาวธนาคารเป็นนักเต้นไม่ได้”
“เล่าชีวิตคุณให้ผมฟังได้ไหม”
“อะฮ้า แกล้มเหล้าหรือคะ” หญิงสาวหัวเราะ
“ถ้าตอนนี้มีเครื่องสาย ฉันจะขับลำนำให้ฟังได้เลยนะ”
เธอหัวเราะสดใส ตาหวานฉ่ำ รอยยิ้มยิ่งหวาน นนทวรรตสั่นนิ้วใส่หน้า เริ่มจะมึนๆ ปริมาณสุรา จากบ้านแล้วยังมาต่อที่นี่อีก เธอจะมอมเหล้าเขาหรือไงนะ
“จะมอมเหล้าผมหรือไง”
“เปล่าค่ะ คุณเมาแล้วนะ เมาหรือยัง”
“ไม่รู้”
“งั้นก็บอกบ้านมาซิคะ จะได้ไปส่งคุณถูก”
“เมาแค่ไหน ผมก็กลับบ้านได้น่ะ”
“ทราบค่ะ”
อลิสายิ้ม ชอบเขานะ เขาเมาแล้ว สุภาพ แสดงว่าโดยนิสัยแล้วเขาเป็นคนสุภาพ อย่างลุงเมธเมาแล้วเสียงดังโวยวาย เหมือนนิสัยเวลาโมโหเลย แต่ปกติแล้วจะเงียบๆ
“แต่ความประมาทนำไปสู่ความตายนะคะ เพื่อความปลอดภัยของคุณและคนอื่นๆ ฉัน
ไปส่งได้ค่ะ”
พอฟังเขาบอก เธอก็แน่ใจเลยว่าพาเขาไปส่งถูกแน่ๆ ก็บ้านที่เธอเพิ่งไปออกโรงแสดงมานี่นา อลิสามองนาฬิกา สมควรไปได้แล้วถ้าต้องเอาเขาไปส่งบ้านด้วยน่ะ
“กลับยังคะ”
“จะรีบไปไหนล่ะ เหล้ายังเหลืออีกตั้งเยอะ”
“ฝากเขาไว้ก็ได้ค่ะ แล้ววันหลังคุณค่อยมาเอา เป็นไงคะอาหาร”
“ใช่ได้” นนทวรรตตอบ เขาติดใจยำหมูยอ รสชาดกลมกล่อมมาก
“ถ้าคุณจะมากับผมอีก ผมจะฝากไว้”
อลิสาหัวเราะ เรียกเด็กมาคิดเงิน ราคาไม่แพงอย่างที่เขาคิด
นนทวรรตยอมให้อลิสาขับรถมาส่ง เขามองดูเธอเป็นคนใจเย็นนะ ขับรถได้นุ่มนวล
อลิสาจอดรถหน้าประตู ลงไปกดออด
“จะกลับยังไง” นนทวรรตเปิดประตูมาถาม
“เรียกแท็กซี่ค่ะ”
“ค่ารถ ? ”
หญิงสาวโบกมือให้เขา
“คุณจ่ายค่าอาหารแล้ว” เธอบอกก่อนก้าวเข้าไปในรถแท็กซี่
“ส่งเพื่อนหรือครับ” คนขับชวนคุย
“ค่ะ” เธอตอบ ยิ้มกับตัวเอง
ความคิดเห็น