ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ก่องแก้ว-กาญจนา
บทที่ 1    ก่องแก้ว กาญจนา
    เสียงวิ่ง เสียงหัวเราะที่ดังมาแจ้วๆ ตามด้วยเสียงเอ็ดของผู้ใหญ่  ก่อนจะเป็นเสียงวิ่งแข่งขึ้นบันได เปิดปิดประตู แล้วดวงหน้าแฉล้มแดงก่ำอย่างออกกำลังกายมาเต็มที่ก็ยิ้มจนเห็นฟันสามสิบสองซี่ใส่กระจก  เงาสะท้อนในกระจกคือเด็กสาวแก้มใสที่ต่อไปคงจะโตเป็นสาวสวยคนหนึ่งที่เดียว
    “เหนื่อยมาล่ะซิ เล่นซนอะไรมา” เงาในกระจกถาม
    “เล่นซนเชอะ” ปากจิ้มลิ้มเชิดสูง หากสังเกตจะเห็นเงาซ้อนของสองคนบนกระจก
    “แก้วไม่ได้เล่นซนนะ นายก้องมาท้าวิ่งเองทำไมล่ะ”
    “ก้องเป็นน้องแก้วเป็นพี่ น่าจะพาน้องเล่นอะไรที่ดีๆ กว่านี้หน่อยนะ”
    “อย่าๆ เป็นเทพก็อยู่ส่วนเทพ ก้องนะเป็นน้องแก้วนะ ไม่ใช่น้องกาญจน์” ก่องแก้วต่อว่า
    เทพนี่เป็นเทพประจำตัวของเธอ เป็นเพื่อนเล่นมาตั้งแต่ยังเด็ก โตๆ มาพร้อมๆ กัน ชื่อ กาญจนาเทวี  แม่ของเธอเป็นคนพิเศษ ท่านมักจะมองเห็นอะไรเกินมิติที่สามอยู่บ่อยๆ  แต่ตัวก่องแก้วเองเห็นที่นอกจากมิติที่สามก็เป็น กาญจนาเทวีนี่ล่ะ  เธอรู้จากเทพประจำตัวอีกเหมือนกันว่าน้องชาย เจ้า ธนวัตรนั่นก็มีเทพประจำตัวแต่เจ้าตัวไม่เคยรู้ไม่เคยเห็น เธอลองถามแม่ดูแม่ก็บอกว่าแม่ไม่เคยเห็นเหมือนกัน
    “ไม่เห็นตั้งหลายวัน กาญจน์ไปไหนมาเหรอ”
    “คิดถึงหรือเปล่า” เงาวับแว้บข้างใน ก้าวออกมาจากกระจก
    กระจกอันนี้โบราณมาก แม่ได้เป็นมรดกตกทอดมาจากไหนก็ไม่รู้ บอกต่อๆ กันมาว่าให้วางกระจกบานนี้ไว้กลางบ้านห้ามวางไว้ชิดฝา  เดิมห้องนี้เป็นห้องของคุณย่า กระจกก็ตั้งไว้กลางห้อง  ก่อนคุณย่าเสียท่านสั่งไว้ให้ก่องแก้วมานอนห้องนี้  คุณย่าท่านก็เป็นอีกคนที่มองเห็นกาญจนาเทวีผ่านทางกระจก 
    ก่องแก้วมองเทพประจำตัว ก็เหมือนเด็กสาววัยเดียวกับเธอไม่ว่าเครื่องแต่งกายหรือกิริยาท่าที
    “ไปไหนมาละ ประชุม?” ก่องแก้วเดา 
    ก็มีบ้าง  ที่กาญจนาเทวีหายไปนานๆ พอกลับมาก็จะเล่าว่าไปประชุมบ้าง  ไปเยี่ยมท่านพ่อท่านแม่ของเธอบ้าง
    “ประชุม รับนโยบายมาปฏิบัติ”
    ก่องแก้วหัวเราะคิก “ใช้สำนวนเหมือนข้าราชการไทยเลย”
    “ซิ” กาญจนาเทวีค้อน
    “เพราะเธอล่ะรู้ไหม เขาสรุปผลการประชุมว่าพวกเทพไร้ฝีมือ ทำให้ประชาชนคนดีๆ ลดลง ขณะที่พวกใจบาปหยาบช้ามีมากขึ้น ปีศาจชนะ ทำยอดทะลุเป้า”
    ก่องแก้วลงไปนอนหัวเราะกลิ้งขณะที่เทพประจำตัวของเธอพูดออกมาอย่างฉุนจัด
    “ยังมาหัวเราะอีก”
    “กาญจน์จ๋า แก้วดีนะ แก้วไม่ดีตรงไหน เด็กในวัยอย่างแก้วก็อย่างนี้”
    “เราไม่ได้ว่าแก้วไม่ดี แต่สถิติที่สำรวจมา...”
    ก่องแก้วรีบโบกมือห้าม 
    “หยุดก่อนหยุดพูดเรื่องสถิติสักพัก แก้วเพิ่งถูกน็อคมา”
    “นั่นละไม่ดี”
    เสียงหัวเราะใสๆ ประสานกัน
    “พี่แก้วๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็รีบลงไปข้างล่าง อย่ามัวแต่เมาส์อยู่ ถ้าพี่กาญจน์เขากลับมาแล้วคืนนี้ค่อยคุยกันก็ได้”
    ธนวัตรเคาะห้องบอก  เขาไม่เคยเห็นเทพประจำตัวของพี่สาว แต่ก็คุ้นเคย แล้วก็เรียกว่าพี่เหมือนกันมาตั้งแต่จำความได้  แม่พยายามให้เรียกด้วยถ้อยคำที่แสดงความเคารพมากกว่านี้  แต่เขาก็เรียกอย่างนี้ตามพี่แก้วน่ะ
    “ว้า เดี๋ยวค่อยคุยกัน หรือจะไปด้วยกัน” ก่องแก้วหันมาชวน
    “ไปซิ”
    สมใจ หันมาเมื่อได้ยินเสียงเดินลงบันไดมา แล้วก็เลยเห็นละอองวับแวมที่ตามหลังลูกสาวมา
    “แก้วมาตั้งโต๊ะเร็ว อ้าวท่านหายไปไหนมาหลายวันคะ”
    “ประชุมค่ะ” กาญจนาเทวี ก้าวไปนั่งมุมห้องปล่อยให้มนุษย์ทำกิจวัตรของตนเอง
    “เอ้าขนมของโปรด”
    ก่องแก้วยกจานใส่ขนมหวานมาให้พร้อมน้ำสะอาด  เพราะการมีเทพประจำตัวที่เหมือนเพื่อนเล่นนี่ล่ะทำให้เธอประสบปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวัน  ง่ายๆ เลยอย่างแรกก็อาหารการกิน เธอกินได้แต่ผักผลไม้ ตอนเด็กนั่นกินแล้วอาเจียน แต่ตอนโตนี่ทำให้เธอไม่สามารถคุยกับกาญจนาเทวีได้ พอชินๆ ก็ทำให้เหม็นเนื้อสัตว์ไปเลย  แล้วเธอก็ไม่ยอมกินอาหารที่ถูกเซ่นไหว้แล้วด้วย แม่เล่าให้ฟังว่าเธอร้องลั่นเลยว่าไม่กินมันไม่มี มันไม่มี นั่นมันก่อนที่จะรู้ว่าลูกสาวติดต่อกับเทพประจำตัวได้
    ก่องแก้วแบ่งสลัดผักของเธอใส่จานตั้งไว้ข้างๆ ไม่มีใครเขาแปลกใจแล้วล่ะนี่แสดงว่ากาญจนาเทวีกลับมาแล้ว
    “พี่แก้ว พี่กาญจน์เขามีประชุมแบบสมัยประชุมของเราด้วยหรือเปล่า”
    “เหมือน” กาญจนาเทวีตอบแล้วก่องแก้วก็ถ่ายทอดต่อ
    “มี”
    “แล้วเป็นไง ยุ่งเหยิงเหมือนประชุมสภาไหม”
    ก่อนที่กาญจนาเทวีจะได้ตอบ ก่องแก้วก็ตอบเองเสียก่อน
    “ถามทำไม จะเอาเตรียมตัวไปประชุมเรอะ อย่างเธอคงยากหรอก”
    “เปล่า ก้องได้เป็นประธานปีหนึ่งนะ” ธนวัตรอวด 
    เขาเข้าเรียนแพทย์ได้ อย่างที่กาญจนาเทวีแอบบอกเอาไว้  ไม่มีใครคิดหรอกว่าธนวัตรจะเป็นคุณหมอ เขาชอบทางช่างมากกว่า  ที่เท่าที่เห็นเรียนมาได้สองเดือนแล้วก็ยังสนุกสนานดีอยู่
    “ประชุมรับน้องคงไม่เหมือนประชุมเทวดามั้ง”
    เชิงชายบอกลูกชาย  เขาชินกับมิติที่สี่ แต่เขาก็ไม่ยอมรับอะไรที่เขาพิสูจน์ไม่ได้  เขาไม่เคยเห็นกาญจนาเทวี หรือมิติที่สี่อื่น อย่างที่ภรรยามองเห็น
    กาญจนาเทวีหัวเราะไม่ตอบ ก่องแก้วเลยได้แต่ยกไหล่ให้น้องชาย
    “วันนี้เจหรือ” เธอถามน้องชาย นายคนนี้เป็นพักๆ เจบ้าง ไม่เจบ้าง ตามอารมณ์
    “ฮือม์ วันนี้ทดลอง กินเนื้อไม่ลง” ธนวัตรตอบพี่สาว
    “พี่กาญจน์ ถ้าผมกินแต่ผักผมจะคุยกับเทพของผมเหมือนพี่แก้วคุยกับพี่กาญจน์ได้ไหม”
    “ถ้าเขาอยากมาคุยก็คงจะได้ เทพของก้องเขาไม่ค่อยยุ่งหรอก” กาญจนาเทวีบอก
    “ไม่เหมือนกาญจน์ใช่ไหมล่ะ” ก่องแก้วเย้าเทพของเธอ ก่อนหันไปถ่ายทอดให้น้องชายเธอ
    “อาจจะนะ กาญจน์บอกว่าเทพของก้องไม่ค่อยขี้เหงา ไม่งั้นก้องก็ได้คุยด้วยนานแล้ว”
    “เขาอยากคุยกับก้องเหมือนกัน เขาบอกว่าก้องเป็นเด็กดี” กาญจนาเทวีพูด
    “เหรอ” ก่องแก้วหันมาสนใจ รวมทั้งคนอื่นๆด้วย  “ท่านอยู่ที่นี่หรือ”
    “แม้ ท่านเลยนะ” กาญจนาเทวีค้อน
    “เขาแวะมานะ เห็นกาญจน์อยู่ที่นี่ เดี๋ยวนะขอคุยแป๊บ”
    ก่องแก้วมองตามร่างของเทพประจำตัวเธอที่เคลื่อนผ่านประตูที่เปิดออกไป แล้วก็ต้องอมยิ้ม มีเรื่องขำๆหลายอย่าง เช่นว่าเทพที่สามารถผ่านมิติที่สามได้อย่างกาญจนาเทวีก็มีบ้างที่ติดนิสัยมนุษย์โดยลืมว่า
ตัวเองผ่านวัตถุได้  ก็อย่างวันนี้เธอก็ผ่านออกไปทางช่องประตู
    “ขำอะไรหรือพี่แก้ว พี่กาญจน์เขาว่ายังไง”
    “ไม่ว่ายังไง ยังออกไปคุยกันอยู่ แต่พี่กาญจน์เขาลืมไปนะว่าเขาผ่านกำแพงได้ เขาออกไปทางประตู”
    “ไปว่าท่าน ท่านไม่ทำอะไรอุตริหรอก มันเป็นบาป” แม่ค้อนลูกสาว
    กาญจนาเทวีเดินกลับเข้ามาทางเดิม ทำตาให้รู้ว่าเมื่อกี้ได้ยินนะ
    “มาราวัฒน์เขายินดีที่จะพบกับก้องก็แล้วแต่ว่าโอกาสจะอำนวยหรือเปล่า อย่างก้อง กาญจน์ว่าคงไม่ยากเพราะเขาเป็นคนสมาธิดี”
    ก่องแก้วถ่ายทอดต่อให้น้องชายฟัง
    “มาราวัฒน์”
    ผู้ฟังร้องออกมาเป็นเสียงเดียวกัน ก่องแก้วก็เพิ่งสะกิดใจ
    “มาราวัฒน์”
    เธอหันไปย้ำกับกาญจนาเทวี  เธอยิ้มงาม จนก่องแก้วไม่แน่ใจว่าการเจ้าเล่ห์นี่จะทำให้เหล่าเทวดา  บาป อย่างแม่ว่าหรือเปล่า
    “ใช่มาราวัฒน์ มารตลอดกาลยังไงล่ะ เป็นเทพมารเต็มองค์เลยละ พระมารดาเป็นเทพ พระบิดาเป็นอสุระ รูปเหมือนอสูร กรรมเยี่ยงเทวดา อ้ารูปอสูระก็เหมือนหนุ่มล่ำบึกของแก้วนะ เทวดาของเราอ้อนแอ้น บอบบางกันทั้งนั้นล่ะ มาราวัฒน์มีเมตตาจิตใจดี ประกอบแต่กรรมดี จิตตะบูรพะท่านอาจารย์ยังชมเชย ว่ามี
จิตใจงามกว่าพวกรูปโฉมงามบ้างองค์เสียอีก”
    ความคุ้นเคยกันทำให้ทราบว่าจิตตะบูรพะ คือฤษีที่เป็นอาจารย์สั่งสอนกาญจนาเทวีมา  แม่เทพธิดาน้อยแสนซุกซนนี้เดิมเป็นศิษย์ของเทพจันทรา ภริยาของจิตตะบูรพะฤษี  ซุกซนจนท่านต้องอบรมเอง
    “อย่างกาญจน์ใช่ไหม” ก่องแก้วแหย่
    “มาราวัฒน์อยากพบแก้วมากกว่า  แต่กาญจน์ตอบเขาไปแล้วว่าแก้วก็เหมือนกาญจน์นั่นล่ะ”
    “เขาไม่เห็นแก้ว”
    ก่องแก้วพิศวงเป็นอย่างยิ่ง เธอคิดเสมอว่าเทพมองทะลุไปไหนๆได้หมด  ถึงจะสนิทกับกาญจนาเทวีก็เถอะน่า ทำตัวเหมือนเทวดาซะเมื่อไร
    “ไม่ เราไม่สามารถลุกล้ำส่วนตัวเขาได้ เขาเห็นแก้ว แต่แก้วมีกาญจน์คุ้มครองอยู่ เขาไม่เสียมารยาทหรอกถ้ากาญจน์ยังอยู่ ยกเว้นแต่เขาต้องทำลายกาญจน์ไปเสีย”
    เรื่องที่เทพประจำตัวเธอบอกเป็นเรื่องน่าสนใจ แต่คนอื่นคงไม่รู้เรื่องด้วยเพราะตอบโต้กันในใจ โดยเฉพาะเจ้าของเรื่อง
    “ว่าไง พี่แก้วเทพของผมเป็นมารหรือ”
    “เป็นเทพมาร แต่เป็นเทพมารที่ดี ดีกว่าเทพบ้างองค์” ก่องแก้วตอบน้องชายแล้วหันมาซักต่อ
    “แก้วไม่เข้าใจ”
    “เทพก็มีระดับชั้นเหมือนกัน” กาญจนาเทวีตักสลัดผักเข้าปากอย่างใจเย็น
    “มาราวัฒน์อยู่ระดับเดียวกับกาญจน์ แต่ถ้าเขาเลื่อนชั้นขึ้นไปสูงกว่าตบะของเขาก็สามารถทำให้เขาดูในระดับที่ต่ำกว่าได้ แต่โดยมารยาทเขาก็ยังไม่ควรทำ” เทพธิดาจอมซนยิ้ม
    “เขาได้ยินที่เราพูดกัน อ้า อสูระนี่ความอดทนน้อยจริงหนอ”
    ก่องแก้วแน่ใจได้เลยว่าประโยคท้ายนั่นไม่ได้พูดกับเธอ
    “ถ้าก้องเชิญ เขาจะเข้ามาพบกับก้องในห้องนี้” กาญจนาเทวีบอกไหวไหล่น้อยๆ
    “แต่ไม่รับประกันนะว่าก้องจะเห็นเขาไหม”
    ก่องแก้วหันไปบอกน้องชาย
    “ถ้าก้องเชิญ ท่านจะมาพบกับก้อง แต่ไม่รู้ว่าก้องจะเห็นไหม”
    “เหรอครับ ผมต้องทำยังไงบ้าง”
    “คงแค่เชิญมั๊ง เอ่ยชื่อออกไปแล้วขอเชิญคงได้มัง” เธอหันไปมองกาญจนาเทวี ฝ่ายนั้นยิ้มเห็นด้วย
    “ไม่ต้องจุดธูปหรือ” พ่อแสดงความคิดเห็นบ้าง
    “ไม่ต้องหรอก แค่กระแสจิตที่ส่งออกไป ก็พอแล้ว” กาญจนาเทวีบอก
    แม่กับก่องแก้วพยักหน้า แต่ธนวัตรเข้าใจว่าต้องใช้ธูปเขาเลยลุกขึ้น
    “ไปไหนน่ะ เชิญตรงนี้ก็ได้” ก่องแก้วถามน้องชาย
    “ผมจะไปเอาธูป”
    “ไม่ต้องหรอกลูก ตั้งจิตเอา” แม่บอก
    ธนวัตรนั่งลงตามเดิม 
    “ผมอธิฐานในใจได้ไหม”
    พอพี่สาวพยักหน้าให้ เขาก็หลับตา ตั้งจิตเชิญ  เหมือนเขายังลืมตา เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเทพของพี่สาว เหมือนพี่สาวของเขาราวกับพิมพ์ นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวข้างๆ พี่สาวของเขาตรงที่ก่องแก้วตักสลัดวางใส่จานเอาไว้ เธอส่งยิ้มมาให้ แลัวบุ้ยใบ้ให้เขาหันไปทางหนึ่ง  เขาหันตามแล้วก็พบชายหนุ่มคนหนึ่ง ต้องเป็นเทพองค์หนึ่งซินะ หล่อมาก ดาร์ค ทอล แอน แฮนซั่ม  เลยเชียวล่ะ เขาหันไปมองทางพี่สาวก็ยังคุยกับเทพของเธออยู่
    “สวัสดีครับ”
    “สวัสดี” มาราวัฒน์ ตอบ
    ธนวัตรไม่แน่ใจว่าเขาพูดอะไรหรือถามอะไรไปบ้างหรือเปล่า เพียงแต่รู้สึกปิติ อิ่มเอิบ มารู้สึกอีกทีตอนพี่สาวเรียก
    “ไง ก้อง คุยอะไรกันบ้าง เงียบไปนาน กาญจน์บอกว่าไปแล้วนะนี่เลยลองเรียกดู”   
    ธนวัตรมองไปรอบๆ สายตาอยากรู้ของทุกคนจับที่เขา
    “ไม่ได้คุยอะไรนี่ แม่เห็นท่านไหมครับ”
    แม่ส่ายหน้า  ก่องแก้วส่ายหน้าตาม
    “ผมเห็นพี่กาญจน์ด้วย เหมือนพี่แก้วเปรี๊ยบเลย” เด็กหนุ่มตื่นเต้น
    “รู้แล้ว กาญจน์บอกแล้ว ที่จริงเทพของเธอต่างหากที่ทำให้เธอเห็นกาญจน์นะ”
    กาญจนาเทวีบอกแล้วว่ามาราวัตรยอมให้ธนวัตรเห็นกาญจนาเทวี  แต่ตัวเธอไม่ยอมให้มาราวัตรเห็นก่องแก้วแน่ๆ 
    “แต่พี่กาญจน์ดูสวยกว่าพี่แก้วนะ มันมีอะไรที่ปิ๊งๆ”
    ก่องแก้วค้อนน้องชายแล้วก็หัวเราะ เก็บถ้วยชามล้าง ธนวัตรลุกมาช่วย
    “เขาตาแหลม” กาญจนาเทวีแหย่ 
    “แน่ซิจ๊ะ ตัวเป็นเทพถ้ามิมีราศีให้ดูงาม ก็...” ก่องแก้วยกไหล่แหย่กลับบ้าง
    เสียงวิ่ง เสียงหัวเราะที่ดังมาแจ้วๆ ตามด้วยเสียงเอ็ดของผู้ใหญ่  ก่อนจะเป็นเสียงวิ่งแข่งขึ้นบันได เปิดปิดประตู แล้วดวงหน้าแฉล้มแดงก่ำอย่างออกกำลังกายมาเต็มที่ก็ยิ้มจนเห็นฟันสามสิบสองซี่ใส่กระจก  เงาสะท้อนในกระจกคือเด็กสาวแก้มใสที่ต่อไปคงจะโตเป็นสาวสวยคนหนึ่งที่เดียว
    “เหนื่อยมาล่ะซิ เล่นซนอะไรมา” เงาในกระจกถาม
    “เล่นซนเชอะ” ปากจิ้มลิ้มเชิดสูง หากสังเกตจะเห็นเงาซ้อนของสองคนบนกระจก
    “แก้วไม่ได้เล่นซนนะ นายก้องมาท้าวิ่งเองทำไมล่ะ”
    “ก้องเป็นน้องแก้วเป็นพี่ น่าจะพาน้องเล่นอะไรที่ดีๆ กว่านี้หน่อยนะ”
    “อย่าๆ เป็นเทพก็อยู่ส่วนเทพ ก้องนะเป็นน้องแก้วนะ ไม่ใช่น้องกาญจน์” ก่องแก้วต่อว่า
    เทพนี่เป็นเทพประจำตัวของเธอ เป็นเพื่อนเล่นมาตั้งแต่ยังเด็ก โตๆ มาพร้อมๆ กัน ชื่อ กาญจนาเทวี  แม่ของเธอเป็นคนพิเศษ ท่านมักจะมองเห็นอะไรเกินมิติที่สามอยู่บ่อยๆ  แต่ตัวก่องแก้วเองเห็นที่นอกจากมิติที่สามก็เป็น กาญจนาเทวีนี่ล่ะ  เธอรู้จากเทพประจำตัวอีกเหมือนกันว่าน้องชาย เจ้า ธนวัตรนั่นก็มีเทพประจำตัวแต่เจ้าตัวไม่เคยรู้ไม่เคยเห็น เธอลองถามแม่ดูแม่ก็บอกว่าแม่ไม่เคยเห็นเหมือนกัน
    “ไม่เห็นตั้งหลายวัน กาญจน์ไปไหนมาเหรอ”
    “คิดถึงหรือเปล่า” เงาวับแว้บข้างใน ก้าวออกมาจากกระจก
    กระจกอันนี้โบราณมาก แม่ได้เป็นมรดกตกทอดมาจากไหนก็ไม่รู้ บอกต่อๆ กันมาว่าให้วางกระจกบานนี้ไว้กลางบ้านห้ามวางไว้ชิดฝา  เดิมห้องนี้เป็นห้องของคุณย่า กระจกก็ตั้งไว้กลางห้อง  ก่อนคุณย่าเสียท่านสั่งไว้ให้ก่องแก้วมานอนห้องนี้  คุณย่าท่านก็เป็นอีกคนที่มองเห็นกาญจนาเทวีผ่านทางกระจก 
    ก่องแก้วมองเทพประจำตัว ก็เหมือนเด็กสาววัยเดียวกับเธอไม่ว่าเครื่องแต่งกายหรือกิริยาท่าที
    “ไปไหนมาละ ประชุม?” ก่องแก้วเดา 
    ก็มีบ้าง  ที่กาญจนาเทวีหายไปนานๆ พอกลับมาก็จะเล่าว่าไปประชุมบ้าง  ไปเยี่ยมท่านพ่อท่านแม่ของเธอบ้าง
    “ประชุม รับนโยบายมาปฏิบัติ”
    ก่องแก้วหัวเราะคิก “ใช้สำนวนเหมือนข้าราชการไทยเลย”
    “ซิ” กาญจนาเทวีค้อน
    “เพราะเธอล่ะรู้ไหม เขาสรุปผลการประชุมว่าพวกเทพไร้ฝีมือ ทำให้ประชาชนคนดีๆ ลดลง ขณะที่พวกใจบาปหยาบช้ามีมากขึ้น ปีศาจชนะ ทำยอดทะลุเป้า”
    ก่องแก้วลงไปนอนหัวเราะกลิ้งขณะที่เทพประจำตัวของเธอพูดออกมาอย่างฉุนจัด
    “ยังมาหัวเราะอีก”
    “กาญจน์จ๋า แก้วดีนะ แก้วไม่ดีตรงไหน เด็กในวัยอย่างแก้วก็อย่างนี้”
    “เราไม่ได้ว่าแก้วไม่ดี แต่สถิติที่สำรวจมา...”
    ก่องแก้วรีบโบกมือห้าม 
    “หยุดก่อนหยุดพูดเรื่องสถิติสักพัก แก้วเพิ่งถูกน็อคมา”
    “นั่นละไม่ดี”
    เสียงหัวเราะใสๆ ประสานกัน
    “พี่แก้วๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็รีบลงไปข้างล่าง อย่ามัวแต่เมาส์อยู่ ถ้าพี่กาญจน์เขากลับมาแล้วคืนนี้ค่อยคุยกันก็ได้”
    ธนวัตรเคาะห้องบอก  เขาไม่เคยเห็นเทพประจำตัวของพี่สาว แต่ก็คุ้นเคย แล้วก็เรียกว่าพี่เหมือนกันมาตั้งแต่จำความได้  แม่พยายามให้เรียกด้วยถ้อยคำที่แสดงความเคารพมากกว่านี้  แต่เขาก็เรียกอย่างนี้ตามพี่แก้วน่ะ
    “ว้า เดี๋ยวค่อยคุยกัน หรือจะไปด้วยกัน” ก่องแก้วหันมาชวน
    “ไปซิ”
    สมใจ หันมาเมื่อได้ยินเสียงเดินลงบันไดมา แล้วก็เลยเห็นละอองวับแวมที่ตามหลังลูกสาวมา
    “แก้วมาตั้งโต๊ะเร็ว อ้าวท่านหายไปไหนมาหลายวันคะ”
    “ประชุมค่ะ” กาญจนาเทวี ก้าวไปนั่งมุมห้องปล่อยให้มนุษย์ทำกิจวัตรของตนเอง
    “เอ้าขนมของโปรด”
    ก่องแก้วยกจานใส่ขนมหวานมาให้พร้อมน้ำสะอาด  เพราะการมีเทพประจำตัวที่เหมือนเพื่อนเล่นนี่ล่ะทำให้เธอประสบปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวัน  ง่ายๆ เลยอย่างแรกก็อาหารการกิน เธอกินได้แต่ผักผลไม้ ตอนเด็กนั่นกินแล้วอาเจียน แต่ตอนโตนี่ทำให้เธอไม่สามารถคุยกับกาญจนาเทวีได้ พอชินๆ ก็ทำให้เหม็นเนื้อสัตว์ไปเลย  แล้วเธอก็ไม่ยอมกินอาหารที่ถูกเซ่นไหว้แล้วด้วย แม่เล่าให้ฟังว่าเธอร้องลั่นเลยว่าไม่กินมันไม่มี มันไม่มี นั่นมันก่อนที่จะรู้ว่าลูกสาวติดต่อกับเทพประจำตัวได้
    ก่องแก้วแบ่งสลัดผักของเธอใส่จานตั้งไว้ข้างๆ ไม่มีใครเขาแปลกใจแล้วล่ะนี่แสดงว่ากาญจนาเทวีกลับมาแล้ว
    “พี่แก้ว พี่กาญจน์เขามีประชุมแบบสมัยประชุมของเราด้วยหรือเปล่า”
    “เหมือน” กาญจนาเทวีตอบแล้วก่องแก้วก็ถ่ายทอดต่อ
    “มี”
    “แล้วเป็นไง ยุ่งเหยิงเหมือนประชุมสภาไหม”
    ก่อนที่กาญจนาเทวีจะได้ตอบ ก่องแก้วก็ตอบเองเสียก่อน
    “ถามทำไม จะเอาเตรียมตัวไปประชุมเรอะ อย่างเธอคงยากหรอก”
    “เปล่า ก้องได้เป็นประธานปีหนึ่งนะ” ธนวัตรอวด 
    เขาเข้าเรียนแพทย์ได้ อย่างที่กาญจนาเทวีแอบบอกเอาไว้  ไม่มีใครคิดหรอกว่าธนวัตรจะเป็นคุณหมอ เขาชอบทางช่างมากกว่า  ที่เท่าที่เห็นเรียนมาได้สองเดือนแล้วก็ยังสนุกสนานดีอยู่
    “ประชุมรับน้องคงไม่เหมือนประชุมเทวดามั้ง”
    เชิงชายบอกลูกชาย  เขาชินกับมิติที่สี่ แต่เขาก็ไม่ยอมรับอะไรที่เขาพิสูจน์ไม่ได้  เขาไม่เคยเห็นกาญจนาเทวี หรือมิติที่สี่อื่น อย่างที่ภรรยามองเห็น
    กาญจนาเทวีหัวเราะไม่ตอบ ก่องแก้วเลยได้แต่ยกไหล่ให้น้องชาย
    “วันนี้เจหรือ” เธอถามน้องชาย นายคนนี้เป็นพักๆ เจบ้าง ไม่เจบ้าง ตามอารมณ์
    “ฮือม์ วันนี้ทดลอง กินเนื้อไม่ลง” ธนวัตรตอบพี่สาว
    “พี่กาญจน์ ถ้าผมกินแต่ผักผมจะคุยกับเทพของผมเหมือนพี่แก้วคุยกับพี่กาญจน์ได้ไหม”
    “ถ้าเขาอยากมาคุยก็คงจะได้ เทพของก้องเขาไม่ค่อยยุ่งหรอก” กาญจนาเทวีบอก
    “ไม่เหมือนกาญจน์ใช่ไหมล่ะ” ก่องแก้วเย้าเทพของเธอ ก่อนหันไปถ่ายทอดให้น้องชายเธอ
    “อาจจะนะ กาญจน์บอกว่าเทพของก้องไม่ค่อยขี้เหงา ไม่งั้นก้องก็ได้คุยด้วยนานแล้ว”
    “เขาอยากคุยกับก้องเหมือนกัน เขาบอกว่าก้องเป็นเด็กดี” กาญจนาเทวีพูด
    “เหรอ” ก่องแก้วหันมาสนใจ รวมทั้งคนอื่นๆด้วย  “ท่านอยู่ที่นี่หรือ”
    “แม้ ท่านเลยนะ” กาญจนาเทวีค้อน
    “เขาแวะมานะ เห็นกาญจน์อยู่ที่นี่ เดี๋ยวนะขอคุยแป๊บ”
    ก่องแก้วมองตามร่างของเทพประจำตัวเธอที่เคลื่อนผ่านประตูที่เปิดออกไป แล้วก็ต้องอมยิ้ม มีเรื่องขำๆหลายอย่าง เช่นว่าเทพที่สามารถผ่านมิติที่สามได้อย่างกาญจนาเทวีก็มีบ้างที่ติดนิสัยมนุษย์โดยลืมว่า
ตัวเองผ่านวัตถุได้  ก็อย่างวันนี้เธอก็ผ่านออกไปทางช่องประตู
    “ขำอะไรหรือพี่แก้ว พี่กาญจน์เขาว่ายังไง”
    “ไม่ว่ายังไง ยังออกไปคุยกันอยู่ แต่พี่กาญจน์เขาลืมไปนะว่าเขาผ่านกำแพงได้ เขาออกไปทางประตู”
    “ไปว่าท่าน ท่านไม่ทำอะไรอุตริหรอก มันเป็นบาป” แม่ค้อนลูกสาว
    กาญจนาเทวีเดินกลับเข้ามาทางเดิม ทำตาให้รู้ว่าเมื่อกี้ได้ยินนะ
    “มาราวัฒน์เขายินดีที่จะพบกับก้องก็แล้วแต่ว่าโอกาสจะอำนวยหรือเปล่า อย่างก้อง กาญจน์ว่าคงไม่ยากเพราะเขาเป็นคนสมาธิดี”
    ก่องแก้วถ่ายทอดต่อให้น้องชายฟัง
    “มาราวัฒน์”
    ผู้ฟังร้องออกมาเป็นเสียงเดียวกัน ก่องแก้วก็เพิ่งสะกิดใจ
    “มาราวัฒน์”
    เธอหันไปย้ำกับกาญจนาเทวี  เธอยิ้มงาม จนก่องแก้วไม่แน่ใจว่าการเจ้าเล่ห์นี่จะทำให้เหล่าเทวดา  บาป อย่างแม่ว่าหรือเปล่า
    “ใช่มาราวัฒน์ มารตลอดกาลยังไงล่ะ เป็นเทพมารเต็มองค์เลยละ พระมารดาเป็นเทพ พระบิดาเป็นอสุระ รูปเหมือนอสูร กรรมเยี่ยงเทวดา อ้ารูปอสูระก็เหมือนหนุ่มล่ำบึกของแก้วนะ เทวดาของเราอ้อนแอ้น บอบบางกันทั้งนั้นล่ะ มาราวัฒน์มีเมตตาจิตใจดี ประกอบแต่กรรมดี จิตตะบูรพะท่านอาจารย์ยังชมเชย ว่ามี
จิตใจงามกว่าพวกรูปโฉมงามบ้างองค์เสียอีก”
    ความคุ้นเคยกันทำให้ทราบว่าจิตตะบูรพะ คือฤษีที่เป็นอาจารย์สั่งสอนกาญจนาเทวีมา  แม่เทพธิดาน้อยแสนซุกซนนี้เดิมเป็นศิษย์ของเทพจันทรา ภริยาของจิตตะบูรพะฤษี  ซุกซนจนท่านต้องอบรมเอง
    “อย่างกาญจน์ใช่ไหม” ก่องแก้วแหย่
    “มาราวัฒน์อยากพบแก้วมากกว่า  แต่กาญจน์ตอบเขาไปแล้วว่าแก้วก็เหมือนกาญจน์นั่นล่ะ”
    “เขาไม่เห็นแก้ว”
    ก่องแก้วพิศวงเป็นอย่างยิ่ง เธอคิดเสมอว่าเทพมองทะลุไปไหนๆได้หมด  ถึงจะสนิทกับกาญจนาเทวีก็เถอะน่า ทำตัวเหมือนเทวดาซะเมื่อไร
    “ไม่ เราไม่สามารถลุกล้ำส่วนตัวเขาได้ เขาเห็นแก้ว แต่แก้วมีกาญจน์คุ้มครองอยู่ เขาไม่เสียมารยาทหรอกถ้ากาญจน์ยังอยู่ ยกเว้นแต่เขาต้องทำลายกาญจน์ไปเสีย”
    เรื่องที่เทพประจำตัวเธอบอกเป็นเรื่องน่าสนใจ แต่คนอื่นคงไม่รู้เรื่องด้วยเพราะตอบโต้กันในใจ โดยเฉพาะเจ้าของเรื่อง
    “ว่าไง พี่แก้วเทพของผมเป็นมารหรือ”
    “เป็นเทพมาร แต่เป็นเทพมารที่ดี ดีกว่าเทพบ้างองค์” ก่องแก้วตอบน้องชายแล้วหันมาซักต่อ
    “แก้วไม่เข้าใจ”
    “เทพก็มีระดับชั้นเหมือนกัน” กาญจนาเทวีตักสลัดผักเข้าปากอย่างใจเย็น
    “มาราวัฒน์อยู่ระดับเดียวกับกาญจน์ แต่ถ้าเขาเลื่อนชั้นขึ้นไปสูงกว่าตบะของเขาก็สามารถทำให้เขาดูในระดับที่ต่ำกว่าได้ แต่โดยมารยาทเขาก็ยังไม่ควรทำ” เทพธิดาจอมซนยิ้ม
    “เขาได้ยินที่เราพูดกัน อ้า อสูระนี่ความอดทนน้อยจริงหนอ”
    ก่องแก้วแน่ใจได้เลยว่าประโยคท้ายนั่นไม่ได้พูดกับเธอ
    “ถ้าก้องเชิญ เขาจะเข้ามาพบกับก้องในห้องนี้” กาญจนาเทวีบอกไหวไหล่น้อยๆ
    “แต่ไม่รับประกันนะว่าก้องจะเห็นเขาไหม”
    ก่องแก้วหันไปบอกน้องชาย
    “ถ้าก้องเชิญ ท่านจะมาพบกับก้อง แต่ไม่รู้ว่าก้องจะเห็นไหม”
    “เหรอครับ ผมต้องทำยังไงบ้าง”
    “คงแค่เชิญมั๊ง เอ่ยชื่อออกไปแล้วขอเชิญคงได้มัง” เธอหันไปมองกาญจนาเทวี ฝ่ายนั้นยิ้มเห็นด้วย
    “ไม่ต้องจุดธูปหรือ” พ่อแสดงความคิดเห็นบ้าง
    “ไม่ต้องหรอก แค่กระแสจิตที่ส่งออกไป ก็พอแล้ว” กาญจนาเทวีบอก
    แม่กับก่องแก้วพยักหน้า แต่ธนวัตรเข้าใจว่าต้องใช้ธูปเขาเลยลุกขึ้น
    “ไปไหนน่ะ เชิญตรงนี้ก็ได้” ก่องแก้วถามน้องชาย
    “ผมจะไปเอาธูป”
    “ไม่ต้องหรอกลูก ตั้งจิตเอา” แม่บอก
    ธนวัตรนั่งลงตามเดิม 
    “ผมอธิฐานในใจได้ไหม”
    พอพี่สาวพยักหน้าให้ เขาก็หลับตา ตั้งจิตเชิญ  เหมือนเขายังลืมตา เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเทพของพี่สาว เหมือนพี่สาวของเขาราวกับพิมพ์ นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวข้างๆ พี่สาวของเขาตรงที่ก่องแก้วตักสลัดวางใส่จานเอาไว้ เธอส่งยิ้มมาให้ แลัวบุ้ยใบ้ให้เขาหันไปทางหนึ่ง  เขาหันตามแล้วก็พบชายหนุ่มคนหนึ่ง ต้องเป็นเทพองค์หนึ่งซินะ หล่อมาก ดาร์ค ทอล แอน แฮนซั่ม  เลยเชียวล่ะ เขาหันไปมองทางพี่สาวก็ยังคุยกับเทพของเธออยู่
    “สวัสดีครับ”
    “สวัสดี” มาราวัฒน์ ตอบ
    ธนวัตรไม่แน่ใจว่าเขาพูดอะไรหรือถามอะไรไปบ้างหรือเปล่า เพียงแต่รู้สึกปิติ อิ่มเอิบ มารู้สึกอีกทีตอนพี่สาวเรียก
    “ไง ก้อง คุยอะไรกันบ้าง เงียบไปนาน กาญจน์บอกว่าไปแล้วนะนี่เลยลองเรียกดู”   
    ธนวัตรมองไปรอบๆ สายตาอยากรู้ของทุกคนจับที่เขา
    “ไม่ได้คุยอะไรนี่ แม่เห็นท่านไหมครับ”
    แม่ส่ายหน้า  ก่องแก้วส่ายหน้าตาม
    “ผมเห็นพี่กาญจน์ด้วย เหมือนพี่แก้วเปรี๊ยบเลย” เด็กหนุ่มตื่นเต้น
    “รู้แล้ว กาญจน์บอกแล้ว ที่จริงเทพของเธอต่างหากที่ทำให้เธอเห็นกาญจน์นะ”
    กาญจนาเทวีบอกแล้วว่ามาราวัตรยอมให้ธนวัตรเห็นกาญจนาเทวี  แต่ตัวเธอไม่ยอมให้มาราวัตรเห็นก่องแก้วแน่ๆ 
    “แต่พี่กาญจน์ดูสวยกว่าพี่แก้วนะ มันมีอะไรที่ปิ๊งๆ”
    ก่องแก้วค้อนน้องชายแล้วก็หัวเราะ เก็บถ้วยชามล้าง ธนวัตรลุกมาช่วย
    “เขาตาแหลม” กาญจนาเทวีแหย่ 
    “แน่ซิจ๊ะ ตัวเป็นเทพถ้ามิมีราศีให้ดูงาม ก็...” ก่องแก้วยกไหล่แหย่กลับบ้าง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น