ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 002 เช้าวันนั้น
๐๐๒ เช้าวันนั้น
นันทนาพยักหน้ารับไหว้พนักงานระหว่างเดินออกจากลิฟต์ไปยังห้องทำงาน พนักงานทำความสะอาดตัวเล็ก บางกว่าที่ชินตา ยอบตัวเบียดชิดฝา หลีกทางให้นันทนาเดินผ่านไปก่อน สะดุดตาจนต้องเหลียวกลับไปมองอีกครั้ง ก่อนจะเดินเลยเข้าห้องทำงาน
“คุณศรีเข้ามาหน่อย”
หัวหน้าเลขาของชั้นบริหาร ลอบถอนหายใจ คว้ากระดาษปากกา สำรวจเครื่องแต่งงายหน้าผม เคาะประตูห้องเบาๆ เตือนเจ้านายก่อนจะเดินเข้าไป
เจ้านายนั่งประสานนิ้วเข้าด้วยกัน ไมได้ลงมือทำงานที่กองอยู่เต็มโต๊ะข้างๆ ท่านี้ของเจ้านาย เตือนเลขาคู่ใจอย่างเธอให้ระมัดระวังคำพูด สาวใหญ่หันไปปิดประตู กลับมานั่งลงหน้าโต๊ะตามการชี้บอกของเจ้านาย
“ยายศรีไปไหน”
“ป้าศรีไม่สบายมาก คุณนนท์เลยสั่งให้พาไปโรงพยาบาลเลย”
คิ้ววาดสวยของเจ้านายขยับขึ้นสูง บอกว่าเธอยังไม่พอใจกับคำตอบนัก
“คือ ปวดท้องมาก คุณนนท์พาไปโรงพยาบาล คุณหมอให้รอดูอาการ อาจจะต้องผ่าตัดค่ะ”
นันทนาพยักหน้า
“คุณนนท์กลับมาแล้ว?”
“กลับมาแล้วค่ะ อยู่ในห้องทำงาน”
ดวงตาคมมากกด้วยประสบการณ์ มองผ่านกระจกกั้นห้องออกไป มองพนักงานทำความสะอาดที่ขึ้นมาทำแทน ทำให้สุรีย์ศรีต้องรีบปกป้องลูกน้อง
“ยายสุทำงานกับเรามาไม่นานเท่าป้าศรี แต่แกทำงานเรียบร้อย ตั้งใจทำงานไม่ปากมากด้วยค่ะ”
นันทนาพยักหน้าอีกครั้ง
“ให้เอากาแฟมาให้หน่อย บ่ายนี้มีนัดกับลูกค้าที่โรงงาน บอกคุณนนท์ให้ออกไปพร้อมกันเลยนะ”
“ค่ะ”
สุรีย์ศรีรีบกระวีกระวาดมาบอกพนักงานทำความสะอาดที่เธอออกโรงปกป้องเอาไว้ หากคุณนันทนาไม่พอใจขึ้นมา เธอไม่ต้องขัดถูเก็บกวาดทั้งชั้นบริหารนี้เองหรือ
“เอากาแฟไปให้คุณนันถ้วยหนึ่ง กาแฟหนึ่ง น้ำตาลหนึ่ง คลีมไม่ต้อง รินน้ำส้มไปให้ด้วย อย่าลืมน้ำเย็นล่ะ”
“ค่ะ”
พนักงานทำความสะอาดก้มศีรษะรับคำ อย่างเดียว ทำให้สุรีย์ศรีออกจะเบาใจขึ้นมาได้บ้างว่าคงไม่เข้าไปทำอะไรให้คุณนันไม่พอใจ
นันทนา ยกกาแฟขึ้นจิบ ขยับมือทำอาการให้พนักงานทำความสะอาดอยู่ก่อน
น้ำร้อนได้ที่ คนจนกาแฟและน้ำตาลละลายเข้ากัน รสชาติกล่อมกลมอย่างที่เธอชอบ ทำให้เกิดรอยยิ้มนิดๆ บนดวงหน้าเรียบเฉย
“หลิน ฉันจะทำยังไงกับแกดีนะ”
เสียงปรารภที่ดังขึ้นยิ่งทำให้ศีรษะที่ก้มต่ำอย่างสำรวมอยู่แล้ว ก้มต่ำลงไปอีก
กิริยาเช่นนั้นทำให้นันทนานึกถึงเช้าวันนั้น ที่ปุณยนนท์บุตรชายของเธอลากแม่สาวตรงหน้าที่ตอนนั้นยังเป็นแค่เด็กที่เพิ่งจะแตกเนื้อสาวมายืนต่อหน้า ร่างเล็กหากอวดอัดอยู่ในเสื้อยืดตัวโคร่งและกางเกงหูรูดที่ตัวใหญ่กว่าตัว ท่าทางห่อไหล่ บอกให้เธอรู้ว่าภายใต้เสื้อตัวใหญ่ๆ นั่น ไม่มีอะไรเลย
เธอข่มความตระหนกที่เด็กในปกครองไม่ได้อยู่หอพักตามที่คิด มองลูกชายเหวี่ยงถุงใบใหญ่ที่คงใช้ใส่เสื้อผ้าของสุธีราลงบนเก้าอี้ ก่อนเจ้าตัวจะทิ้งตัวลงนั่ง กอดอก ตีหน้าบูดไม่พูดไม่จา ทิ้งให้เด็กสาวยืนบิดเสื้ออยู่ตรงหน้าเธอ
“”มีอะไรหรือ”
คำถามของเธอไม่ได้รับการตอบสนองไม่ว่าจากใคร
“ถ้าคำถามยากไป ป้าจะถามใหม่ ทำไมแกไม่อยู่หอ ไหนมานั่งนี่ซิ”
นันทนาตบเบาะข้างตัว ขาเล็กๆ ขยับ แต่พอมีเสียงกระแอ้มเบาๆ จากคนที่นั่งเฉย ขาที่ขยับก็หยุดทันควัน ดวงหน้าอ่อนเยาว์ที่เงยมองเธออย่างวิงวอน หลังจากแอบมองไปทางคนทำเสียงกระแอมอย่างกลัวๆ
เกิดอะไรขึ้นกับสองคนนี้กันแน่ เธอไม่กล้าคิดว่ามันจะเป็นอะไร ไม่อยากจะเชื่อว่าลูกชายเธอจะทำได้ กับเด็กสาวที่รู้ว่าเป็นเด็กในปกครองของเธอ
“คือว่า
” สุธีราพูดไม่ออก
การโดดออกจากหอพักครั้งแรกก็ทำให้เธอโดนจับได้เสียแล้ว เพื่อนๆ ช่วยกันเกลี้ยกล่อมให้ออกไปเที่ยวข้างนอกด้วยกัน ไม่มีใครรู้อยู่แล้ว เพราะไม่ใช่ สุดสัปดาห์ปลายเดือนที่เธอต้องกลับบ้าน แถม ไม่เคยมีใครโทรมาเธอด้วย
“หลินขอโทษค่ะคุณป้า”
นิ้วเรียวสวยพนมมือไหว้ ก้มศีรษะจนต่ำ เมื่อเงยขึ้น คราบน้ำตาเปื้อนบนแก้มใสๆ เจ้าตัวพยายามกัดปากไม่ให้สะอื้นออกมา
“เกิดอะไรขึ้น ขอโทษป้าเรื่องอะไร”
นันทนาพยายามจะซักถามอย่างใจเย็น อดขัดใจกับเจ้าลูกชายโทนที่นั่งเป็นนิ่งตีหน้าข่มขู่เด็ก
“นนท์ ไม่มีอะไรก็ไปได้แล้ว เดี๋ยวแม่จะถามน้องเอง ขอบใจพี่นนท์มากที่พาน้องกลับบ้าน”
คำพูดเหมือนเป็นเชิงไล่กรายๆ ของนันทนาเปล่าประโยชน์ ปุณยนนท์ยิ่งตีหน้าบึ้งกว่าเดิม
“ผมจะรอฟังเด็กแม่จะโกหกอะไรอีก”
“หลินไม่โกหกนะคะ” สุธีราเงยหน้าเถียงเสียงสั่นๆ
“หลินเพิ่งไปครั้งแรก หลินไม่ได้โกหก”
เพียงดวงตาคมปรายมองมา เด็กสาวก็ก้มหน้างุดอีกครั้ง นันทนาขมวดคิ้วนิดๆ เป็นเชิงเตือนให้บุตรชายเงียบ เธอจะซักถามเด็กเอง หากไม่จริงตรงไหนค่อยบอกได้ไหม สายตาบังคับของมารดา ทำให้ชายหนุ่มยอมพยักหน้ารับนิดหนึ่ง ปากริมฝีปากยังเม้มแน่นแสดงความไม่พอใจอย่างเปิดเผย
“เอาล่ะ เล่าให้ป้าฟัง เพื่อนชวนไปเที่ยวฉลองวันเกิดหรือยังไง”
สุธีราเงยหน้ามองผู้ปกครองอย่างแปลกใจ เธอไม่คิดว่าคุณป้านันทนาจะเข้าใจและพูดเหมือนจะเข้าข้างเธอ คุณป้ารับเธอมาอยู่ด้วย เพราะเธอไม่มีที่ไป แม่เธอมาแต่งงานกับน้องชายคุณป้าทั้งๆ มีลูกติดคือเธอ แม่ที่เป็นเพียงเด็กเสิร์ฟอาหารเท่านั้น แล้วน้องชายของคุณป้ายังโง่ไปจดทะเบียนด้วยอีก เธอฟังญาติฝ่ายคุณพ่อ พ่อเลี้ยงพูดจากระทบกระเทียบจนไม่อยากจะใส่ใจ เธออยากจะมาอยู่ตรงนี้ที่ไหนกันเล่า เพราะคุณพ่อกับแม่เธอตายด้วยอุบัติเหตุ คุณป้าถึงต้องจำใจรับเอาเด็กอายุสิบสองที่ไม่มีสายเลือดเกี่ยวพันกันเลยมาเลี้ยง แล้วคุณป้าก็จับเธอโยนเข้าโรงเรียนประจำ พอดีปีนี้มีเด็กที่อยู่หอน้อย ทางโรงเรียนจึงปิดหอพักเสีย คุณป้าเลยให้เธออยู่หอหญิงใกล้ๆ โรงเรียนแทน
“ค่ะ หน่อยบอกว่าให้ไปค้างที่บ้านหน่อยก็ได้ เช้าค่อยกลับหอ”
“อายุยังไม่ถึงสิบแปด เข้าไปเที่ยวผับกินเหล้า ถ้าผมไม่ไปเจอสักก่อน อาจจะโดนไอ้หนุ่มไหนหลอกไปขายซ่องแถวไหนก็ไม่รู้ ไม่ได้เช้ากลับหอหรอก”
ดวงตาละห้อยช้อนมอง ก่อนจะหลุบลงเมื่อโดนมองมาอย่างคาดโทษ
“พี่นนท์” นันทนาขึ้นเสียง “แค่นี้น้องก็ตกใจพอแล้วนะ”
“ควรจะจำใส่หัวเอาไว้เลย ผู้หญิงเมานะทุเรศ”
“พี่นนท์” นันทนาขึงตาใส่
เธอหมดปัญญาจะจัดการกับบุตรชาย ปุณยนนท์รักคุณอาของเขามากพอๆ กับเกลียดอาสะใภ้และลูกติดของอา ตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า ตอนที่รับสุธีรามาอยู่แรกๆ เธอสอนให้เด็กเรียกลูกชายว่าพี่นนท์ ต่อๆ มาได้ยินเรียกคุณนนท์ เธอก็ไม่ได้ติดใจอะไร จนแอบไปได้ยินเด็กรับใช้พูดจาหัวเราะเยอะสุธีราที่โดนปุณยนนท์ไม่ให้เรียกว่าพี่ เพราะเธอไม่ใช่น้องฉันไม่ใช่ลูกคุณอาของฉัน
สุธีราได้แต่ก้มหน้าก้มตาเงียบ ไม่เคยฟ้องสักแอะ เมื่อถูกดุเรื่องเสื้อผ้าที่มอมแมมยับยู่ยี่ บรรดาเด็กรับใช้พากันเอาใจคุณนนท์รวมหัวรังแกเด็กกำพร้าด้วย ประเภทนายว่าขี้ข้าพลอยจริงๆ เมื่อเธอเรียกลูกชายมาถามกลับโดนเขาร้องว่าแม่รักคนอื่นมากกว่าลูก นันทนาจึงตัดปัญหาโดยส่งสุธีราไปอยู่หอพักเสียหวังไว้ว่าเมื่อปุณยนนท์โตกว่านี้เขาอาจจะเอ็นดูเด็กบ้าง
“ผมเจอไม่เมาแอ๋ เห็นว่าเป็นหลานสาวนอกไส้ของคุณแม่เลยลากออกมา อ้วกรดผมไปทั้งตัว เลยให้ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คอนโดผมก่อน เช้าตื่นแล้วพูดจารู้เรื่องถึงเอามาส่ง”
นันทนาถอนหายใจ หวังเอาไว้ว่าจะมีเพียงแค่นั้น แต่ท่าทีของสาวน้อยและลูกชายหนุ่มทำให้เธออดหวาดระแวงไม่ได้
เรียนจบแล้ว ปุณยนนท์ไปทำงานกับบริษัทใหญ่หาประสบการณ์ แล้วแยกตัวออกไปเช่าคอนโดอยู่เองอย่างอิสระตามประสาหนุ่มโสด เมื่อเขากลับบ้านเจอสุธีราบ้างยามเด็กสาวกลับบ้านเขาก็แค่พยักหน้า ไม่ได้สนใจ หรือหาเรื่องเด็กสาวอีก เธอจึงเบาใจจนคิดว่าเมื่อสุธีราเรียนจบไม่ว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้หรือไม่เธอจะให้เด็กสาวกลับมาอยู่บ้าน แต่จากปฏิกิริยาของสองคนนี้ จับแยกให้ห่างกันดีที่สุด จะให้ดีกว่านั้น แยกห่างกันไปคนละซีกโลกเลย
“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วรอป้าที่ห้อง พี่นนท์ หนูแอ้มโทรมาหา เรื่องจะไปเรียนต่อว่ายังไง”
ปุณยนนท์ยักไหล่ มองตามร่างเล็กแต่อวบอิ่มไป ปากก็ตอบมารดา
“ปีหน้าผมจะได้ย้ายไปที่โน่น แล้วค่อยไปลงเรียน ถ้าแอ้มจะไปผมไปเป็นเพื่อนก็ได้”
“พ่อแม่เขาไม่ว่าหรือไง” นันทนาถามปนประชด ลูกชายยักไหล่อีกครั้ง
“พ่อแม่เขาก็รู้จักเรานี่ แล้วผมก็คบกับแอ้มมาตั้งนานแล้ว”
นันทนาส่ายหน้า ลุกขึ้นจิ้มนิ้วลงบนหน้าผาก พูดทิ้งท้ายก่อนเดินตามสุธีราไป
“ไม่มีใครที่มีลูกสาวหลานสาวจะไว้ใจแกหรอกเจ้านนท์ เอาแต่ใจ”
ปุณยนนท์เอานิ้วลูบรอยที่โดนจิ้ม พึมพำอย่างคนปากแข็ง
“หลานสาวนอกไส้ของแม่นะหรือ ไม่อยากจะชายตาไปมองหรอก”
นันทนานั่งบนเตียงเล็กมองเด็กสาวที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นของตัวเองแล้ว นั่งพับเพียบอยู่ตรงหน้า
“เอาล่ะบอกป้ามาว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง”
“หลินจำไม่ได้ค่ะ” เด็กสาวตอบเสียงเบาหลบตา
“จำได้ว่ากินเหล้าผสม ดิ้นกับเพื่อน เหม็นควันอยากอาเจียน พอเข้าห้องน้ำเจอคุณนนท์ คุณนนท์ดุหลินใหญ่แล้วลากหลินออกมาเลย”
“ทำไมไม่ให้พี่เขามาส่งบ้าน ไปนอนที่คอนโดเขาได้ยังไง”
สุธีราก้มหน้า เธอจะทำอะไรได้ล่ะ จะทำอะไรได้
“มีอะไรก็บอกป้ามา ป้าเห็นแกเป็นเหมือนหลานสาวคนหนึ่งนะ พี่เขารังแกอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรค่ะ” สุธีราก้มลงกราบกับพื้น
นันทนาได้แต่ถอนหายใจ
แล้วตอนนี้เธอมองหน้าหลานนอกไส้ที่ออกไปเติบโตนอกการปกป้องของเธอ
“พี่นนท์มาทำงานที่นี่แล้วนะ เจอเขาหรือยัง”
“ค่ะ”
“พี่เขาโกรธมากตอนที่แกหนีออกจากบ้าน ไม่ยอมไปเรียนหนังสือหนังหา ไม่ยอมเอาเงินที่เขาส่งมาให้แกไปเรียนพิเศษ”
“หลินพอหาเงินเรียนเองได้ค่ะ”
หญิงสาวตรงหน้า ก้มหน้าตอบแทบไม่ต่างไปจากเด็กสาวร่างอวบเมื่อตอนนั้น หากหญิงสาวตรงหน้ามีความนิ่งเยือกเย็นอยู่ในทุกท่าที สีราเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้วจริงๆ
“ไปทำอะไรก็ไปเถอะ” นันทนาโบกมือไล่
สุธีราแอบถอนหายใจ เธอก้มหน้าก้มตาทำงาน พยายามเลี่ยงให้ห่างปุณยนนท์ที่สุด จนเขาออกไปข้างนอกพร้อมนันทนานั่นล่ะ เธอถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น