ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    six to six ร้านสะดวกซื้อ

    ลำดับตอนที่ #4 : แม่มดวันคริสมาส ตอน น้องใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 3 ม.ค. 53


    บทที่ 1 น้องใหม่
     
           “แม่”
     
    อัปสรได้แต่ร้องคำนี้ ไม่เช่นนั้นเธอคงต้องร้องว่า เกิดอะไรขึ้นกับฉัน ประโยคที่เธอสาบานว่าจะไม่พูดมันอีกเลยถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เธอไม่ชอบเรื่องแปลกใจ ถ้าคนอื่นทำกับเธอ และนี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่าแปลกใจแต่ไม่ควรจะประหลาดใจ
     
    ก็ทำไมมันจะไม่ใช่เรื่องแปลกล่ะ ในเมื่อเธอไม่เคยยื่นใบสมัครขอเข้าเรียนที่สถาบันนี้ แล้วเธอติดที่นี่ได้อย่างไร เธอยื่นอีกมหาวิทยาลัยต่างหากที่รู้ว่า ยายรสาและนายเจคคู่ซี้ของรสาไม่ได้ยื่นใบสมัครไปที่นั่น ถึงมันจะทำให้เธอไม่ได้จบสถาบันเดียวกับพี่โรมก็ตามที แต่ไม่เป็นไร เธอเข้าไปพี่โรมก็จบแล้ว รอตามไปทำงนที่เดียวกันดีกว่า
     
    แล้วทำไม
    ทำไมเธอได้รับการตอบรับเป็นนักศึกษาใหม่ของที่นี่
     
    “เอ่อ หรือหนูอยากไปเรียนต่างประเทศคะ ถ้าอย่างนั้น ถึงจะช้าไปสักปีก็ได้นะคะ”
    พอคุณแม่พูดมาอย่างเกรงอกเกรงใจลูกสาวคนเดียวอย่างนี้ เธอจะพูดอะไรออกล่ะ อัปสรก้าวเข้าไปกอดแม่เอาไว้
     
    “ไม่หรอกค่ะ หนูดีใจที่สอบติดเท่านั้นเอง”
    ซุกหน้ากับอกแม่ คบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แน่ล่ะ มันต้องมีไอ้ร้านขายของประหลาดมาเกี่ยวข้อง อย่าคิดว่าคนอย่างอัปสรไม่กล้าไปอาละวาดอีกครั้งนะ อย่าคิดเชียว
     
    “ฮือม งั้นเราไปซื้อชุดนักศึกษาใหม่กันนะคะ แวะทานข้าวร้านโปรดของหนูด้วย”
     
    “โทรไปชวนคุณพ่อด้วยนะคะ”
    ไม่รอให้คุณแม่ตอบ อัปสรก็ดึงโทรศัพท์มือถือหรูหราสุดทันสมัยออกมากดโทรออก
     
    “พี่วิทย์ขา น้องฟ้าค่ะ”
    เด็กสาวรายงานตัวกับเลขาหน้าห้องคุณพ่อ
    “เที่ยงบ่ายคุณพ่อมีนัดไหมคะ”
     
    ปรวิทย์หัวเราะเบาๆ ตอบบุตรสาวคนเดียวของเจ้านาย
    “คุณพ่อมีนัดทานอาหารเที่ยงกับลูกค้าครับน้องฟ้า”
     
    “ขอบคุณค่ะ พี่วิทย์ ไม่ต้องบอกคุณพ่อนะคะ ว่าฟ้าโทรมา”
    อัปสรวางโทรศัพท์ลง
    “คุณพ่อมีนัดทานข้าวกับลูกค้าค่ะ”
    เด็กสาวยิ้มหวาน มองชุดสวยสมวัยของคุณแม่แล้วย่นจมูก
    “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่าค่ะ ไม่ไปเจอคุณพ่อ คุณแม่ไปปล่อยแก่ดีกว่า ฟ้าอยากไปกับพี่สาว ไม่ไปกับคุณแม่”
     
    อัปสรลากเอาอัจฉราไปแปลงโฉม กระโปรงยีน เสื้อสายเดี่ยวและเสื้อถักเท่านี้ก็ไม่ต่างกันเท่าไรแล้ว อัปสรยืนเกาะเอวคุณแม่ที่ทำหน้าไม่มั่นใจ ขยับดับดึงกระโปรงที่สั้นเหนือเข่าลง
     
    “คุณแม่ คุณแม่อย่าบอกหนูนะคะว่าไม่เคยใส่กระโปรงสั้น”
     
    “ก็ไม่เคยค่ะ” สีหน้าอัจฉรายังไม่ดีขึ้น
     
    อัปสรตีหน้ามุ่ย นี่เธอยอมให้คุณแม่ใส่เสื้อถักอีกตัวแล้วนะ เด็กสาวมองตัวเองในกระจก เสื้อสายเดี่ยวที่ตัดจากผ้าลายไทยเข้ากันกับกระโปรงยีนสั้น พอเห็นหน้าไม่พอใจของลูกสาวคุณแม่ก็ต้องรีบเอาใจ หันไปหยิบกระเป๋า กุญแจรถ อัปสรแอบยิ้มกว้าง
     
    คุณแม่คุณลูกเดินซื้อเสื้อผ้าของใช้สำหรับนักศึกษาใหม่ ก่อนจะแวะทานอาหารร้านโปรดของอัปสร เสียงโทรศัพท์ของเด็กสาวดังเบาๆ พอเห็นชื่อคนโทรเข้ามา เด็กสาวก็ซ่อมยิ้ม ทำหน้าไม่ชอบใจส่งโทรศัพท์ข้ามมาให้
     
    “ใคร” อัจฉราทำปากถามเบาๆ
     
    “ป๋า” อัปสรทำปากบอกเช่นกัน
     
    อัจฉราขมวดคิ้ว ป๋า...หรือ มีตาแก่ที่ไหนกล้ามาวอแวลูกสาวเธอ ไม่รู้หรือว่าอัปสรน่ะลูกหลานใคร
     
    “สวัสดี”
     
    อัปสรก้มลงกลั้นยิ้มกับน้ำเสียงเย็นๆ ของคุณแม่
     
    “มีธุระอะไร เลิกโทรมากวนกันเสียที”
    อัจฉราบอกเสียงเข้มเมื่ออีกฝ่ายเงียบไม่ส่งเสียงมา ก่อนที่เธอจะกดตัดสาย เสียงคุ้นๆ ก็ดังมาอย่างไม่แน่ใจนัก
     
    “คุณอัจเหรอ”
     
    “อัจเองค่ะ”
    อัจฉราบอกกับสามี ขยับนิ้วสั่นใส่หน้าลูกสาวที่ตอนนี้กล้าเงยขึ้นมายิ้มกว้าง
     
    “คุณวิทย์บอกว่า ฟ้าโทรหา มีอะไรหรือเปล่าครับ”
    น้ำเสียงกังวลของศิลป์ชัย เธอเข้าใจเป็นอย่างดี
     
    “จะชวนออกมาทานข้าวข้างนอกน่ะค่ะ อัจกับยายฟ้าออกมาซื้อของข้างนอกกัน แกสอบติดแล้วนะคะ เป็นรุ่นน้องมหาวิทยาลัยเดียวกับเรา แต่ต่างคณะเท่านั้นเอง”
     
    “อย่างนี้ต้องฉลอง แวะมาหาผมที่บริษัทนะ แล้วเราไปฉลองกัน”
     
    อัจฉราอมยิ้มมองลูกสาวที่รับพยักหน้ารับเหมือนจะเดาได้ว่าคุณพ่อจะฉลองให้แน่ๆ
     
    “ได้ค่ะ”
    อัจฉราตอบรับส่งโทรศัพท์คืนให้ลูกสาวได้อ้อนพ่อด้วยตัวเอง
     
    เสียงลูกสาวปฏิเสธว่าเธอไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น ทำให้คุณแม่ยังสาวยิ้มมากขึ้น หลังจากที่ลูกสาวหายไป เธอก็ตามติดแทบจะไม่เคยห่างแล้วเธอก็รู้ สิ่งที่ลูกสาวต้องการคือความใส่ใจจากพ่อแม่ต่างหาก ไม่ต้องการของรางวัล บางครั้ง กอดสักครั้ง อยู่ร่วมโต๊ะกินข้าว ฟังแกคุยถึงเพื่อนบ้าง ดีกว่าการให้เงิน ซื้อของแพงๆ ให้เงินบินไปเที่ยวกับพี่เลี้ยงเสียอีก
     
    ที่ลูกสาวของเธอต้องการคือพ่อแม่
     
    “คุณพ่อจะเลี้ยงฉลองให้หนู”
    อัปสรบอก ยิ้มกว้างจนเหมือนเด็กซนๆ มากกว่า ยิ้มพองามตามแบบฉบับคุณหนูที่ชินตา
    “เดี๋ยวแวะโรงเรียนหน่อยนะคะคุณแม่ แวะไปบอกอาจารย์ว่าหนูสอบติดที่ไหน”
     
    “ได้ซิคะ แล้วเรายังขาดของอะไรอีกไหม”
     
    อัปสรหยิบกระดาษออกมาตรวจสอบรายการ ก่อนจะเงยหน้าตอบแบบจริงจัง
    “ไม่มีนะคะ เดี๋ยวพอเปิดเทอมก็น่าจะรู้เองล่ะค่ะ เย้เค้กมาแล้ว”
     
    อัจฉราได้แต่ส่ายหน้า เมื่อลูกสาวหันไปสนใจขนมของโปรดแทน
     
     
    Six to six หกโมงเช้าถึงหกโมงเช้า หรือจะหกโมงเย็นถึงหกโมงเย็น แล้วแต่ท่านจะคิดว่าเวลาไหนจะเป็นเวลาเปิดบริการของเรา
     
    ระบบบริการอัตโนมัติ สิ่งที่ท่านนำเข้ามา ท่านนำออกไปได้ สิ่งที่ท่านจะนำออกไปกรุณาชำระเงิน ระบบจะทอนเงินให้ท่านโดย อัตโนมัติ หากไม่สะดวกชำระเป็นเงินสด เรายินดีรับชำระเป็นอย่างอื่นไม่ว่าบัตรเครดิต บัตรเงินสด เวลาของท่าน หรืออะไรก็ตามที่ท่านมี Six to six ยินดีให้บริการ
     
    เสียงต้อนรับของร้านปิศาจทำให้อัปสรแยกเขี้ยวใส่ เด็กสาวหาผนังด้านที่ว่าง
     
    “นี่ ใครใช้ให้ยุ่งไปเปลี่ยนที่เรียนของฉัน”
     
    “อ้าว ก็คุณอยากรู้ไม่ใช่หรือว่าใครส่งคุณไปลำบาก”
     
    อัปสรอยากจะขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอีกรอบ ถ้าไม่ระลึกได้ก่อนว่าจะทำให้ฟันที่ดัดอย่างสวยงามของเธอผิดรูปไป
     
    “ฉันขอให้ส่งมีการลงโทษคนที่ทำอย่างนั้นกับฉันไม่ใช่หรือ”
     
    “เขากำลังได้รับบทเรียนในการทำเกินหน้าที่ของเขาอยู่ แต่หากคุณอยากจะ เอาคืน คุณต้องจัดการเอง เราแค่สามารถช่วยให้คุณพบกับเขาเท่านั้น”
     
    “แสดงว่าเรียนที่นั่น”
    สาวสวยคิดตามได้อย่างรวดเร็ว เรียนที่ไหนก็ไม่แตกต่างสำหรับเธอ ที่นั่นก็ได้ ดีเสียอีกจะได้เจอกับพี่โรม
    “แต่อย่างน้อยบอกกันก่อนได้ไหม ไม่ใช่อยู่ๆ ให้ฉันงงว่าไม่สมัครเรียนตั้งแต่เมื่อไร”
     
    ตัวหัวเราะสีเขียววิ่งพล่านบนผนังเพราะมันเป็นวันพุธบ่ายๆ แล้ว จึงมีตัวหัวเราะบางตัวได้ลิ้นสีแสด บางตัวได้ตาสีแสด อัปสรหลับตา ข่มใจ ทำไมฉันต้องมายุ่งกับเรื่องไร้สาระนี่ด้วย เลิกแล้วกันไปดีกว่า
     
    “เอามหาวิยาลัยเดิมของฉันคืนมา ฉันไม่เอาเรื่องแล้ว”
     
    “ข้อตกลงทำไปแล้ว ยกเลิกไม่ได้ หากจะยกเลิก”
     
    “เดี๋ยว”
    อัปสรรีบยกมือห้าม เธอไม่อยากเจออะไรที่แย่กว่าการส่งเธอข้ามไปยุคกลางอีก ไม่เอาอีกแล้ว
     
    “ก็ได้ ก็ได้ แล้วมีอะไรอีกไหม ยังไงช่วยบอกล่วงหน้าหน่อยไม่ดีหรือ”
     
    “ฮือม์ เราบรรจุคุณเป็นพนักงาน...”
     
    “อะไรนะ” นิ้วเรียวๆ กระแทกไปบนปุ่มอย่างไม่ยั้งแรง
     
    “นั่นคือข้อตกลงไม่ใช่หรือ ช่วยคุณหาคนที่ส่งคุณไป พนักงานคนหนึ่งของ six to six หากคุณเป็นพนักงานของเรา คุณจะได้ติดต่อกับพนักงานในสาขาต่างๆ”
     
    สมองของอัปสรวิ่งเร็วจี๋ คำนวณผลได้ผลเสียต่างๆ
     
    “ฉันจะได้ค่าแรงไหม แล้ว ทำงานเมื่อไร เวลาไหนถึงเวลาไหน ดึกไม่เอานะ นอนไม่พอแล้วหน้าเหี่ยวไม่สวย”
     
    ตัวหัวเราะลอยเป็นแพมาอีกรอบ อัปสรหลับตาลง ปล่อยให้มันลอยผ่านไป
     
    “เราจะติดต่อคุณไปเอง และเรามีค่าแรงให้คุณ”
     
    อัตราค่าแรงที่เสนอมาพร้อมรายละเอียดของงานทำให้อัปสรคลี่ยิ้มออกมาได้นิดหนึ่ง
     
    “น่าสนใจ แต่บอกก่อนนะ ดึกไม่ได้”
     
    เหมือนเธอจะเห็นผู้หญิงยืนยิ้มให้จากเบื้องหลังพนัง ก่อนที่มันจะกลับสภาพเดิม อัปสรได้แต่ถอนหายใจ เลือกของสองสามชิ้นแล้วไปจ่ายเงินกับเครื่องอัตโนมัติ
     
     
    อัปสรลืมไปแล้วว่าเธอมีสัญญาการไปเป็นพนักงานของ Six to six หลังจากกลับจากเลี้ยงฉลองที่เธอสอบติดมหาวิทยาลัย
     
    โชคร้ายร้านที่คุณพ่อเลือก ดันไปพบกับยายรสา ที่พ่อแม่พามาฉลองเหมือนกัน แถมมีตาเจคพ่วงมาด้วย โชคดีหน่อยที่พี่โรมมาด้วย เธอเลยถือโอกาสนั่งข้างๆ พี่โรมเสียเลย เด็กสาวยิ้มหวานใส่กระจก เมื่อแสงประหลาดพุ่งวาบออกมาจากกระจกส่องเต็มหน้า
     
    ไม่อีกแล้วนะ
     
    อัปสรร้องเสียงหลงในใจ
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×