ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แปดเทพอสูรวังฟ้า

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2 หญิงสาวผู้เลี้ยงงู

    • อัปเดตล่าสุด 4 มี.ค. 56


    ดรุณีชุดเขียว พอผลักตะกร้าใส่สองกงจื้อ ก็ตีลังกาลงกลางฝูงชน อาศัยคนหมู่มาก มุดหลบเข้าตรอกซอกซอยหายไปอย่างไร้ร่องรอย

    มีใครบ้างที่สามารถหายไปโดยไร้ร่องรอย

     

    ไม่นานร้านขายแพรพรรณก็ปรากฏดรุณีสูงศักดิ์ เสื้อดำกระโปรงลายดอกใช้ผ้าบางคลุมปกปิดใบหน้า เดินนวยนาดออกมาร่วมกับผู้คนตามถนน นางชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นกงจื้อชุดขาวยืนโบกพัดอยู่ข้างหน้า ทำเป็นก้มเลือกเครื่องประดับที่วางขายข้างทาง ก่อนจะเปลี่ยนไปทางถนนอีกเส้นหนึ่ง หากทางนั้น ตรงผนังว่างเปล่า กงจื้อชุดดำยืนพิงมองผู้คนเดินผ่านไปมา ก่อนที่นางจะตัดสินใจเลือกเส้นทางใหม่ เสียงสดใสก็ดังขึ้นข้างตัว

     

    “แม่นางออกจากบ้านมาไม่มีผู้ติดตามออกจะอันตรายไป เช่นนี้ให้ข้าไปส่งดีหรือไม่”

     

    ได้แต่ด่า ตัวมารน่าตายเหตุใดไม่ตาย หากมันมายืนส่งเสียงได้เช่นนี้ งูน้อยที่นางบ่มเพาะเลี้ยงมาหลายปีหลายตัวนั้น คงมิมีชีวิตแล้ว บัญชีนี้จะเก็บจดไว้กับมันแล้วกัน

     

    “ผู้น้องมิอยากรบกวนกงจื้อ บ้านผู้น้องอยู่มิไกลนักจึงไม่ต้องมีผู้ติดตาม” นางกล่าวอย่างถ่อมตนพร้อมกับย่อกายน้อยๆ ขอบคุณในน้ำใจ

     

    “โอ้” กงจื้อชุดขาวเบิกตาโต ห่อปาก หุบพัดฉับ “คงมิได้ ข้านี้ พอเห็นสาวงามเดินเดียวดายอดหวั่นใจมิได้ ให้ข้าเดินไปส่งแม้ชั่วระยะสั้นๆ เถอะ”

    พูดพลางเดินเข้ามาประชิด แม่นางที่คลุมหน้ามิกล้าร้องให้คนช่วย ได้แต่เดินนำไปช้าๆ ลอบด่ามัน ข้าปิดหน้ามิให้ใครจำได้เช่นนี้ มีผีปิศาจเป็นผู้ช่วยหรือไรจึงเห็นโฉมหน้าข้าได้ว่างามหรือไม่งาม พอเดินผ่านกงจื้อชุดดำก็เดินตามทิ้งระยะห่างมาอีกคน ปิดกลั้นหนทางหนีของนาง

     

    ผู้คนเพียงเห็นกงจื้อทักทายหญิงงามในห้องหอ น่าจะพอรู้จักกันเดินตามนางไปห่างๆ เช่นนี้ผู้คนต่างโล่งใจนึกชื่นชมในความมีมารยาทและน้ำใจของกงจื้อชุดขาวที่เดินไปส่งหญิงงามถึงบ้านด้วยความเป็นห่วงความปลอดภัยของนาง พอกงจื้อชุดดำเดินตามไปอีกคน ออกจะเป็นขบวนที่ขัดตาไม่น้อย กว่าชาวบ้านร้านตลาดจะรู้สึกว่ามันประหลาด ไม่ธรรมดา หญิงงามและสองกงจื้อก็ลับหายไปจากสายตาเสียแล้ว

     

    พอพ้นชุมชน แม่นางที่คลุมหน้าก็ล้วงทองแท่งออกมาประคองคืน กล่าวอย่างยิ้มแย้ม “พี่ท่าน ผู้น้องมิมีของใดของท่าน ทองแท่งนี้ก็มิต้องการแล้ว โปรดปล่อยผู้น้องไปเถอะ”

     

    “ข้ามิกล้าแตะต้องทองก้อนนั้นของแม่นาง แต่เหล้าวานรนั้นยังอยากอยู่แต่เมื่อมิได้ ขอได้ชมบัวกลางบึงพร้อมหญิงงามก็ประเสริฐมิแตกต่างกัน”

     

    ดรุณีคลุมหน้าได้แต่เดินตามการผายมือไปทางเรือลำน้อยที่มิทราบกงจื้อชุดดำไปหามาแต่ที่ใด  แม่นางกลัวๆ กล้าๆ เมื่อกงจื้อชุดดำ มิยื่นมือมาช่วยเหลือ กงจื้อชุดขาวเอามือไพล่หลังมองมายิ้มๆ  นางได้แต่กระโดดลงไปในเรือลำน้อย ลอบใช้กำลังภายในถ่วงพันชั่ง หวังทะลวงพื้นเรือเป็นรูใหญ่ เปิดโอกาสให้นางหลบหนี  น่าประหลาดนัก เรือหาได้โคลงเคลงไม่ พลังของนางกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย หญิงสาวคลุมหน้าได้แต่ลอบร้อง ย่ำแย่แล้วในใจ จำต้องนั่งลงอย่างเรียบร้อย

     

    “นั่งระวังด้วยแม่นาง”

    กงจื้อชุดขาวมิมีท่าทีจะลงเรือด้วย ร้องเตือนมา มือที่ไพล่หลังดึงออกมาพร้อมพัดจีบสีดำ โบกสะบัดเพียงเบาๆ เรือน้อยก็แล่นลิ่วเข้าหากลางบึง ตัวมันสะกิดเท้าเพียงเบาๆ ก็ลอยลงมายืนที่หัวเรือดั่งก้าวเท้าเพียงก้าวบอกถึงระดับวิชาตัวเบาขั้นเหยียบเมฆไต่ขึ้นสวรรค์แล้ว

     

    ดรุณีชุดเขียวได้แต่ร้อง โชคดี! โชคดี! อยู่ในใจที่มิได้ลอบปล่อยสัตว์พิษคู่ใจใส่เมื่อสักครู่มิเช่นนั้นคงเป็นชีวิตของนางและสัตว์เลี้ยงแสนรักที่จะปลิดปลิว

     

    “เอี้ยเท้าโง่เขลาเจ้าบอกเล่าเอี้ยได้หรือยังว่าสุราเล่าเอี้ยอยู่ที่ใด” กงจื้อชุดขาวพอเท้าแตะหัวเรือก็หมุนตัวกลับทรุดนั่งลงยังหัวเรือประจันหน้ากับนาง โบกพัดเบาๆ

     

    ในปากสุนัขมิมีสุกรจริงๆ ปิศาจสุราเอ่ยปากย่อมทวงสุรา นางดึงผ้าแพรคลุมหน้าออกเผยดวงหน้าเกลี้ยงเกลา เป็นเด็กสาวในชุดเขียวชนบทที่ริอ่านขายของหลอกลวงฆ่าเจ้าทรัพย์ ดรุณีขายเหล้าวานรจริงๆ มิทราบเหตุใด กงจื้อดำขาวจึงหาตัวนางได้

     

    “งูผู้น้องนั้นพอจะเอาไปดองเหล้ารสเลิศได้ แม้มิเลิศเท่าใจพิสุทธิ์ แต่เบญจพิษจะขาดงูน้อยนั้นมิได้” นางขยับยกคำแทนตัวจากข้าน้อยขึ้นมาเป็นผู้น้องเสียแล้ว

     

    “เฮอะ” ปากกงจื้อชุดขาวที่นั่งตรงหน้าแค่นเสียงออกมา “งูลายพร้อยพวกนั้นมาหมักสุรา ออกจะดูถูกลิ้นเล่าเอี้ยไป หากเจ้ามิมีงูหิมะพันปี หรืองูหงอนโลหิตดำ เอ หากได้ งูเขียวเกล็ดมรกตยังพอใช้ได้...”

     

    ยิ่งมันร่ายรายชื่องูพิษต่างๆ ออกมา ตาแม่นางขายงูยิ่งเบิกกว้างขึ้นเรื่อยๆ

     

    ชื่อเหล่านั้นบ้างเป็นงูพิษในตำนานที่นางเคยเห็นผ่านตาในตำรามาบ้าง อาจารย์นางยังบอกว่าเป็นเพียงเรื่องเลื่อนลอย หากกงจื้อชุดขาว หน้าตาอ่อนเยาว์ แก่กว่านางมิกี่ปี อาศัยเวลาชั่วอึดใจร่ายรายชื่องูพิษชั้นเลิศมาสิบยี่สิบกว่าชื่อ ช่วงมันพักสูดหายใจ กงจื้อชุดดำด้านหลังส่งเสียงถามว่า

     

    “แม่นาง เจ้าชื่อแซ่ใด บ้านอยู่ที่ไหน ใกล้พลบค่ำแล้ว ข้าจะได้แจวเรือไปส่ง”

     

    แจวเรือไปส่งบ้านมันเถอะ ข้าหาได้ยินเสียงพายกระทบน้ำสักนิด เรือลำน้อยแล่นช้าๆ เลาะเลี้ยวไปตามกอบัวเหมือนมันรู้จักมีขาเดินไปเอง

     

    “เฮอะ” กงจื้อชุดขาวแค่นเสียงออกมาอีกคำ “นางเลี้ยงงูน้อยแสนรัก รู้จักการบ่มสุราเบญจพิษที่ใช้ งูห้าสี พี่ท่านยังพอจะนึกออกหรือไม่ว่าบ้านนางควรอยู่ที่ใด”

     

    เพราะนางหันหลังให้กงจื้อชุดดำจึงไม่อาจเห็นสีหน้าของมันได้ เพียงเห็นกงจื้อชุดขาวย่นจมูกตอบกิริยาคนเบื้องหลังนาง ออกจะเป็นกิริยาแปลกตาของบุรุษ หรือว่ามันเป็นบุรุษหน้าขาว(กระเทย) นางจึงลอบพิจารณามัน เห็นผิวละเอียดยิ่งกว่าผิวนาง ขาวผ่อง ปากแดงระเรื่อ ตากลมโตกระจ่าง คิ้วเรียวดำสนิท ดูไปดูมา นางงามสะคราญยิ่งกว่า หญิงงามมีชื่อที่นางเคยเห็นมาเสียอีก แม้แต่อาจารย์นาง นางพญามรกตแห่งดินแดนแม้วที่ถือว่ามียาเสน่ห์คงรูปโฉม ยังหาสู้บุรุษชุดขาวผู้นี้ได้ไม่ หรือแม้แต่ศิษย์น้องคนเล็กของนาง อื้อหลีหวา(ปลาสวย/ตุ๊กตาปลา แซ่อื้อ) ที่งามสุดในดินแดนแม้ว ยังงามไม่เท่าบุรุษผู้นี้ โลกช่างลำเอียงไปแล้ว ให้มันมีฝีมือเลิศล้ำแม้แต่รูปโฉมยังล้ำเลิศ

          

    ได้ยินเสียงมันบ่นพึม

           “นอกกำแพงใหญ่นั้น มีชนเผ่ามิน้อย ที่นับว่าสวยงามต้องถือเห่อหว่าเป็นหนึ่ง”

     

    นางได้ยินก็ทำหน้าบึ้ง สาวเห่อหว่างดงามอย่างไร ตัวใหญ่เทอะทะ ตาผมสีแปลกอย่างนั้นจัดว่างามหรือ นางเห็นว่าเหมือนคนป่ามิใช่น้อย

     

    “แม้ในวังหลวงเจ้ารู้หรือไม่ว่ามีสาวเห่อหว่ามากมายเพียงใดที่ฮ่องเต้โปรดปราน”

     

    คราวนี้ เสียง เฮอะดังมาจากทางด้านหลังของนาง นางลอบตระหนก แม้มันอยู่ข้างหลังนางมาตั้งแต่ลงเรือ นอกจากเสียงเฮอะเมื่อสักครู่ นางไม่ได้ยินแม้เสียงลมหายใจ นางเพียงรู้นางลงเรือมานั่งข้างหน้ามัน หากมิเคยสังเกตมาก่อนว่านางจับลมปราณมันได้ไม่ ถือว่าฝีมือมันไม่ด้อยกว่า กงจื้อชุดขาวเลย

     

    ผู้เดียวนางยังรับมือไม่ได้ มีถึงสองนางจะรับมือได้อย่างไรมีแต่ใช้แผนแสร้งตายแล้วหลบหนี  ก่อนที่นางจะลงมือทำสิ่งใด เสียงขลุ่ยก็ดังแว่วหวาน เปลือกตานางถ่วงหนักก่อนร่างทั้งร่างจะเอนราบลงกับพื้นเรือ

     

    กงจื้อชุดขาวยิ้มตาหยีส่งให้กงจื้อชุดดำที่ยังคงบรรเลงเพลงขลุ่ย

    “ลมปากท่านครั้งนี้ช่างเหนือล้ำกว่าข้าจริงๆ ข้าพร่ำพูดเสียน้ำลายไปไม่น้อยนางมิเพียงไม่สารภาพ ยังคิดหนี ท่านเพียงเสียลมสองสามอึดใจก็จัดการนางได้ นับถือ นับถือ” ประกอบคำ นับถือ มันโบกสะบัดพัดจีบ ลมแล่นผ่านช่องของตัวพัดบังเกิดเสียงสอดรับกับขลุ่ย

    เสียงเพลงลอยไปทั่วท้องน้ำ ดรุณีหลับใหลในเรือของบุรุษ ช่างน่าอันตรายนัก

     

    ….โปรดติดตาม ตอน ต่อไป....

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×