ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Devil & Red Rose ปีศาจไร้ใจ

    ลำดับตอนที่ #2 : เจ้าของกุหลาบ

    • อัปเดตล่าสุด 3 ม.ค. 51


    002 ...เจ้าของกุหลาบ
     
            ร่างบางสะดุ้งตื่น มือเรียวยกลูบหน้า รอยชื้นของน้ำตายังเปรอะแก้ม เธอฝันอะไร เธอกลัวอะไรนักกับความฝันความมืดมิด หญิงสาวเอี้ยวตัวไปดูนาฬิกาที่หัวเตียง เพิ่งจะตีสามกว่าๆ คอแห้งผากหญิงสาวโผเผไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตา ก่อนออกมารินน้ำดื่มอึกใหญ่ สูดกลิ่นหอมของกุหลาบที่ลอยตามลมเข้าไปเฮือกใหญ่ กลิ่นกุหลาบทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น หากความฝันที่ปลุกเธอขึ้นมายังทำเอาใจสะท้านทั้งที่จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าฝันอะไร ฝัน...ความมืด...ที่เธอหวาดกลัว หญิงสาวถึงไม่เคยนอนท่ามกลางความมืดคนเดียวเลย
     
    นนทสรวงลูบลำแขนหนาวเหน็บทั้งๆ ที่ไม่มีลมพัด มองนาฬิกาอีกครั้งก่อนรีบอาบน้ำแต่งตัว งานสวนกุหลาบที่รักของเธอรออยู่ ได้เวลาส่งบรรดาสาวน้อยไปให้แก่ผู้ที่ชื่นชมเธอแล้ว
     
            พงศธรอาบน้ำออกมา กาต้มน้ำไฟฟ้าที่เสียบทิ้งเอาไว้ที่ห้องกลางระหว่างฟากห้องของเขาและลูกสาวแสดงว่ามีคนตื่นแล้ว เจ้าของบ้านมองนาฬิกา วันนี้เจ้าตัวแสบตื่นแต่เช้าได้นะ ทำยังกับเหล้าเมื่อวานเป็นน้ำเปล่าไปได้ เมื่อลูกสาวลงสวนไปก่อนแล้ว ชายหนุ่มเลยใจเย็นจิบกาแฟสบายใจ ถึงจะโวยวายไม่มาดูสวนของพ่อแต่ยังไงก็ยังอดไปสั่งงานก่อนไม่ได้ ถ้าตื่นเช้านะ ก็เหมือนกับเขา ถ้าตื่นเช้ากว่า สั่งงานส่วนของตัวเองเสร็จแล้วก็มักเลยไปดูทางสวนกุหลาบว่าเจ้าตัวดีลุกแล้วหรือยัง
     
            คนเป็นพ่อถอนหายใจเบาๆ ดวงหน้าคร้ามเคร่งขรึมไร้ความอารมณ์ดีอย่างเคย จากที่เจ้าตัวน้อยส่งเสียงได้จนบัดนี้ ความผิดปกติของลูกไม่ได้หายไปตามกาลเวลา ฝันร้ายเมื่อยังพูดกันไม่รู้เรื่อง จนเมื่อพูดได้ ความฝันแปลกๆ ที่ลูกสาวเล่าให้ฟัง ความมืดมิดที่เจ้าตัวกลัวนัก จนเมื่อบ้างสิ่งที่ค้นพบโดยบังเอิญที่พอจะปลอบประโลมความหวาดกลัวของเจ้าตัวน้อยได้ นั่งคือกุหลาบ ที่เขาค้นคว้าว่าทำไม กุหลาบจึงมีผลประหลาดกับบุตรสาว หาก ไม่มีอะไรบอกได้ว่าทำไม
     
              พ่อยังหนุ่มอดยิ้มไม่ได้ เมื่อเปิดฝาชีเล็กๆ ลูกสาวปิ้งขนมปังไว้ให้ วาดแยมเป็นเป็นตัวยิ้มกับตะวัน ไอ้นนท์ พ่อไม่ได้ตื่นสายจนตะวันโด่งเสียหน่อย ไอ้ลูกคนนี้นี่ ฉลองศรัทธาลูกสาว แล้วรีบเข้าสวน
     
            อีกคนที่ตื่นมาแต่ตะวันยังไม่ขึ้นเพราะกลิ่นหอมรัญจวนของกุหลาบ ร่างใหญ่ลืมตาเมื่อลมหอบกลิ่นกุหลาบอวลเข้ามาให้ห้อง หน้าต่างมุ้งลวดเปิดออกกว้าง กลีบกุหลาบลอยคว้างปลิวเข้ามาราวมีมนตร์เรียก หากมิมีกลีบใดจะหล่นกระทบร่างสูงใหญ่ เพียงตกอยู่รายรอบกาย กลิ่นหอมแรง กลิ่นหอมอ่อนๆ กลีบกุหลาบหลากสี หน่วยตาลึกคมพริ้มหลับอีกครั้ง ย้อนเวลากลับไปสู่อดีตเมื่อนานมาแล้ว
     
            ของนุ่มๆ ที่หล่นกระทบแก้มรกรื้นไปด้วยหนวดเคราหากร่างสูงใหญ่ในชุดฝึกไม่ขยับแม้สักนิ้วเดียว เสียงใสๆ หลุดคิกเอามาเบาๆ ก่อนของนุ่มๆ กลิ่นหอมอ่อนๆ จะร่วงลงมาอีก เหมือนคนโปรยตั้งใจแกล้งเมื่อกลีบนุ่มๆ ถูกโปรยจนเต็มใบหน้า ลมหายใจแรงพัดกลีบดอกไม้หอมบริเวณจมูกปลิวหล่นไปเรียกเสียงหัวเราะใสๆ ได้อีกนิด ก่อนเจ้าตัวจะตะครุบปิดปากตัวเองเอาไว้ ดวงตาโตเหนือมือบางๆที่ปิดปากตัวเองไว้นั้นเต้นพราวด้วยประกายหัวเราะ มือหนึ่งยังปิดปากเอาไว้ หากมือน้อยอีกข้างกำกลีมดอกไม้ที่ร่วง บรรจงวางลงตรงช่องโหว่ที่ถูกลมหายใจพัดปลิวออกไป มือใหญ่ขยับไวจนมองไม่ทันเมื่อคว้ามือน้อยไว้ได้ก่อนฉุดให้ร่างบางถลาล้มลงบนตัว เสียงใสๆ หัวเราะกังวาน คนที่เหมือนจะนอนหลับสะบัดศีรษะไล่กลีบดอกไม้กระจายไปทั่ว
     
            ตื่นแล้วทำไมท่านไม่ส่งเสียงเล่า
     
              “หากข้าส่งเสียงแล้วจะได้เจ้ามากอดเช่นนี้หรือ
    ปากได้รูปงามเปล่งเสียงทุ้มออกมามา หลังจากสะบัดไล่กลีบนุ่มออกจากใบหน้าแล้ว ชายร่างใหญ่ก็นอนนิ่งเช่นเดิม
     
            ข้าย่องเบาแล้วนะ ร่างบางที่เข้ามาก่อกวนขยับเท้าหยุกหยิก
    นี่ข้าถอดร้องเท้าแล้ว ยังได้ยินอีกหรือมือว่างอีกข้าง ยกบีบจมูกผู้ที่นอนนิ่งอย่างหมั่นเขี้ยว มือใหญ่ดึงมือบางออกจรดริมฝีปาก
     
    ให้ข้ากอดเจ้าอีกสักนิด เดี๋ยวข้าต้องไปแล้ว
     
    จะไปแล้วหรือ เสียงใสเอ่ยเบาๆ
     
    ไม่มีคำตอบจากร่างที่นอนนิ่งนั้น นอกจากยกมือบางๆ ทั้งสองข้างขึ้นจูบอีกครั้ง
     
    เจ้าอ่อนหวานกับข้าเพียงนั้น แล้วไยเจ้าทำกับข้าได้เช่นนี้ ทำไมเจ้าถึงทำกับข้าได้ นอร่า! มือใหญ่ปัดกลีบกุหลาบรอบกายกระจายออกไป เพียงสัมผัสกับร่าง กลีบกุหลายสีสวยบอบบาง หงิกงอราวถูกไฟเผาก่อนสลายเป็นเถ้าถ่านอย่างรวดเร็ว บานหน้าต่างกระแทกปิดสนิท ก่อนเสียงครางของเครื่องปรับอากาศดังขึ้นเบาๆ ร่างสูงพลิกตะแคงคว่ำหน้าลง บนแผ่นหลังกว้าง ใต้สะบักตรงข้างกระดูกสันหลังทั้งสองข้าง มีรอยแผลขนาดใหญ่เหมือนถูกขวานจามลงไป นอกจากรอยแผลทั้งสองแล้ว บนแผ่นหลังขาวสะอาดนั้นไร้ริ้วรอยใดๆ ทั้งสิ้น
     
    ความมืดมิดแผ่ขยายออกจากร่างบนเตียงจนกลืนแสงทุกอย่างในห้องไปสิ้น หากสามารถมองเข้าไปในห้องที่แสนจะมืดมิดนั้นได้ จะเห็นเพียงประกายสีแดงจากรอยแผลทั้งสองบนแผ่นหลัง ราวกับตาของปีศาจร้าย
     
    นนทสรวงถอดหมวกมาพัดไล่ลม มองตามรถส่งดอกไม้ที่แล่นออกไป อดใจหายไม่ได้เหมือนทุกครั้ง ทะนุถนอมเลี้ยงมาจนออกดอกงามแล้วต้องพรากจากต้น ส่งออกไปไกลถิ่น หากกลิ่นหอมที่ยังกรุ่นกำจายช่วยปลอบประโลมได้เหมือนเคย ไม่มีอะไรพิเศษเท่ากลิ่นหอมของกุหลาบ กลีบนุ่มๆ ของกุหลาบที่สัมผัสได้ไม่รู้เบื่อ
    หญิงสาวสวมหมวกตามเดิม ร่างสูงโปร่งสาวเท้ายาวๆ ไปทางเรือนเพราะชำ ที่ที่เธอลองผสมพันธ์กุหลาบสีแปลกๆ ออกมา ถ้าไม่ขายกุหลาบ จะเอาทรัพย์ไหนมาทำงานทดลองล่ะ จะขอเงินจากพ่อ เธอก็รู้ดีว่ากำไรจากสวนนะ ได้เท่าไร แล้วยังคนงานที่ต้องอาศัยพึ่งพิงอีก พ่อไม่ใช่พ่อของเธอคนเดียว พ่อเป็นพ่อของคนทุกคนในไร่นี้ ความคิดนี้เรียกรอยยิ้มออกมาได้กว้างขวาง กระทั่ง พี่ ลูกชายหญิงของป้า ก็ยังพึงพาปรึกษาพ่อเธอ นั่นไงล่ะ ชายหนุ่มร่างสันทัดที่ขี่จักรยานเข้ามาขวางทาง
     
    ไอ้นนท์ ปรีชาเรียก เรียกอย่างนี้เวลาอยู่ตามลำพังเท่านั้น ต่อหน้าแม่ของเขา ป้าของนนสรวง ต้องเรียกน้องนนท์
     
    มีอะไร พี่ชา
     
    น้าพงศ์อยู่ไหน
     
    ไปสวน ทางโน้น นนทสรวงตอบชี้มือบอกทิศทาง เอานิ้วมือเกี่ยวหูกางเกง เอียงคอมองพี่ชายอย่างสนใจ ท่าทางเร่งด่วนของเขายิ่งน่าสนใจ เมื่อได้รับคำตอบ ปรีชาก็ตั้งท่าจะปั่นจักรยานไปต่อ
     
    มีเรื่องอะไรด่วนหญิงสาวตัดสินใจกระโดดเกาะท้ายจักรยานไปด้วย
     
    รู้ว่าด่วนก็ลงไปซิโว้ยปรีชาพยายามสะบัดคนเกาะลง ทางสวนไม่ใช่ทางเรียบๆ จะได้ขี่ง่ายๆ แถมเจ้านนท์ยังไม่ใช่ตัวน้อยๆ กระโดดขึ้นมาเกาะได้
     
    ก็อยากรู้นี่ ลิงยักษ์ตอบ ไม่ยอมลงง่ายๆ ปรีชาถอนหายใจเฮือก จอดรถลง คงต้องใช้แรงล่ะ ถึงจะแกะเจ้าลิงตัวนี้ลงไปได้
     
    ลงไปเลยไป เรื่องของผู้ชาย อย่ามารู้เลย
     
    อ๊ายยย เรื่องอย่างนี้ นนท์ยิ่งต้องรู้ เรื่องของผู้ชาย ผู้ชายอย่างพ่อของนนท์ จะมีอะไร พี่ชาจะหาแม่เลี้ยงให้นนท์ล่ะซิ เรื่องนี้นนท์เกี่ยวด้วยแน่ๆ
    น้องสาวร้อง ตาพราวสวย ไอ้นนท์ ก็สวยอยู่หรอก ถ้ามันคิดว่ามันเป็นผู้หญิงนะ แต่นี่เขาสงสัยว่าน้องสาวเขาจะรู้ตัวไหม ว่ามันเป็นผู้หญิง
     
    เรื่องด่วนที่ต้องมาตามหาน้าพงศ์นี่ เอาเจ้านนท์ไปด้วยไม่ดีแน่
     
    จะไปทำอะไรก็ไปไป๊ ไม่ได้หาสาวมาให้น้าพงศ์หรอกน่า ศาสตราเขาอยากพบน้าพงศ์ หรือนนท์จะออกไปด้วย
     
    คำ ศาสตรา เหมือนป้ายห้ามผ่าน นนทสรวงกระโดดลงจากท้ายจักรยานทันที ศาสตรา เพื่อนนายตำรวจของปรีชา ตาตำรวจนี่ไม่ถูกกับเธอตั้งแต่สมัยเพิ่งจบตำรวจมาประจำที่นี่ ก็จับเธอฐานขับรถไม่มีใบขับขี่ พอมีใบขับขี่ก็โดนข้อหา เมาแล้วขับ ไม่ได้เมาเสียหน่อย แค่แอลกอฮอร์เกินไปหน่อยเดียวเอง มาเรียกตรวจได้ ไม่ได้ขับชนใครเสียหน่อย เหยียบก็ไม่เร็วเหมือนอย่างเคย กินเลนก็ไม่กินเลน ตอนย้ายไปที่อื่น เธอเกือบเปิดเหล้าเลี้ยงทั้งร้านด้วยซ้ำไป นี่มาทำไม หรือว่าย้ายกลับมาประจำที่นี่ โอ๊ย ไม่ใช่นะ
     
    ปรีชามองน้องสาวที่รีบปลีกตัวหนี ก่อนรีบไปตามหาตัวพงศธร เรื่องที่ศาสตรามาพบไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
     
    นนทสรวงมองออกมาจากเรือนเพราะชำเมื่อรถกระบะของพ่อวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยมีจักรยานของปรีชาอยู่ท้ายรถ
     
    พงศธรรับไหว้นายตำรวจหนุ่มเพื่อนหลานชาย เรื่องที่ได้รับฟังทำเอาหนุ่มใหญ่หนาวยะเยือก ศพหญิงสาวที่ถูกแทงทะลุหัวใจด้วยก้านกุหลาบ ถึงจะเป็นหญิงสาวที่ไม่มีใครในหมู่บ้านชอบเธอเลย แต่การถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมเช่นนั้น...
     
    คดีประหลาดที่สังหารเหยื่อด้วยก้านกุหลาบนี้ ไม่ได้เกิดที่ประเทศไทยที่เดียว หากเกิดกระจายทั่วโลก แต่ที่ไม่เป็นข่าวใหญ่โต เนื่องจากผู้ตายมักเป็นคนเดนคนที่ชาวบ้านสมน้ำหน้า แต่ตอนนี้การสังหารประหลาดเกิดขึ้นบ่อยในประเทศไทย
     
    คดีที่เริ่มจากการฆ่าปิดปากผู้ต้องหาคดีอุจฉกรรจ์ แต่ในกรณีนั้นอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญที่กระสุนสังหารมากระทบกับลวดพันก้านดอกไม้ที่เป็นโลหะอย่างเหมาะเหม็ง ตอกกระแทกทะลุหัวใจไป
     
    หากคดีต่อๆ มา บางรายเป็นก้านกุหลาบมากมายแทงทะลุร่าง เรื่องนี้จึงเป็นแฟ้มคดีโหดที่ต้องสืบกันอย่างต่อเนื่องทีเดียว ที่น่าประหลาดคือ ขณะที่เกิดคดีในประเทศไทย อีกไม่กี่วันอาจจะเกิดคดีในอีกซีกหนึ่งของโลก แต่ตอนนี้การตายประหลาดมาเกิดใกล้ๆ แถวนี้ แถวๆ ไร่กุหลาบ
     
    ผมต้องสอบปากคำผู้ต้องสงสัยทุกคนครับ
     
    นายตำรวจหนุ่มยิ้มอย่างขออภัย วันนี้เขามานอกเครื่องแบบ ตามเรื่องเจ้าฆาตกรโหดมาหลายพื้นที่ ส่วนใหญ่เหยื่อเป็นคนโฉดที่ถูกสันนิฐานว่าถูกศัตรูล้างแค้น
    เมื่อคืน น้าพงศ์เข้าเมือง
     
    ฮือม์ พาน้องนนท์ เข้าไปกินข้าวดูหนังในเมือง พวกคนงานก็ไปหลายคน ถ้าอยากสอบ น้าจะให้หัวหน้าคนงานพาไป
     
    ขอบคุณครับ น้าพงศ์พบอะไรแปลกๆ บ้างไหมครับ
     
    มี พาแขกของบ้านสวนกุหลาบมาส่ง พงศธรบอกอย่างอารมณ์ดี ศาตรามองเพื่อนที่ลุกไปขอสมุดลงทะเบียนมาจากเจ้าหน้าที่โดยไม่ต้องขอ มีคนเข้าพักเมื่อวานหนึ่งคน จองมาจากต่างประเทศ
     
    อ้าว ไม่ได้ให้รถไปรับหรือ ศาสตราถามอย่างคุ้นเคยกับการทำงานที่นี่
     
    แขกไม่ได้บอกว่าต้องการนี่ ปรีชาบอกง่ายๆ ตามนิสัยที่ไม่ค่อยคิดอะไรมาก
     
    ศาสตรามองหน้าหนุ่มใหญ่เจ้าของพื้นที่ ที่แค่เลิกคิ้วขึ้นเพียงนิดเดียว
     
    น้าพงศ์ว่าแปลกหรือครับ
     
    สำหรับน้า ถ้าไปต่างถิ่น ยิ่งต่างประเทศที่ไม่คุ้นเคย ถ้ามีบริการส่งรถไปรับ ถึงจะต้องเสียเงินเพิ่ม น้าคงยอมเสียนะ
     
    น้าเจอแขกคนนั้นแล้ว รู้สึกยังไงครับ
     
    หนุ่มใหญ่ยักไหล่อีกครั้ง ชีวิตที่คุมคนงานจำนวนมาก การดูคนต้องดูให้ขาด ว่าจะใช้ได้หรือไม่ได้ จะมีปัญหาหรือไม่ เขาไม่พบความผิดปกติในชายหนุ่มแปลกหน้าที่รับติดรถมาเมื่อคืน แต่คนเพิ่งพบหน้า คุยกันไม่กี่คำ คงจะบอกได้ไม่เต็มปากว่า ไม่มีอันตราย
     
              “เห็นเดินท่อมๆ อยู่ข้างทางที่ผ่านมาทางไร่ คิดว่าคงเป็นแขกของบ้านสวนกุหลาบเลยลงไปถาม เขาบอกน้าว่า คิดว่าใกล้ๆ เลยไม่ได้ให้รถไปรับ แวะกินข้าวเดินเที่ยวในเมือง นั่งรถสองแถวเที่ยวสุดท้ายที่บอกให้เดินต่อมาเอง
     
    เจ้าของไร่ ยักไหล่ ศาสตราอดยิ้มไม่ได้ เขาก็คุ้นกับคนแถวนี้ คุ้นกับระยะทางจากแยกมาจนถึงบ้านสวนกุหลาบ โดยเฉพาะเขาเคยเจอเด็กแสบเจ้านนท์ เจาะยาง จนต้องเดินทางมาขอความช่วยเหลือที่บ้านสวนกุหลาบมาแล้วอย่างน้อยก็สองครั้ง
     
              ที่ดินของพงศธรกินอาณาเขตตั้งแต่ แยกที่ว่าเข้ามาอีกหลายกิโล ทางที่เห็นจากทางแยกนั้น คือทางส่วนบุคคลที่พงศธรทำไว้ และเปิดให้ชาวบ้านที่อยู่เลยไร่เขาไปได้ใช้ไปด้วยกัน เขาไม่ได้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ที่เป็นเจ้าของทั้งหมด บางส่วนยังทิ้งรกร้างเอาไว้ หากแต่ที่มีที่ดินมากอย่างนี้ เพราะชาวบ้านมาบอกขาย แล้วบางส่วนก็ย้ายเข้ามาเป็นสมาชิกของไร่เขาด้วย เพราะเด็กๆ หลายคนที่พงศธรช่วยส่งเสริมเรื่องการเรียน ส่วนใหญ่ไม่ได้กลับมาบ้านเกิด บ้างมีครอบครัว จนลืมพ่อแม่ไปเลย มีส่วนน้อยที่กลับมาพัฒนาที่ดินของตนเอง บางคนกลับมาทำงานที่ไร่
     
              ศาสตราเบาใจไปได้ส่วนหนึ่ง อย่างน้อยถ้าน้าพงศ์ยอมรับแขกใหม่ของบ้านสวนกุหลาบให้ติดรถมาด้วยทั้งๆที่ลูกสาวสุดรักอยู่ในรถด้วยแสดงว่า น้าพงศ์มองแล้วว่าไว้ใจได้
     
            ว่าแต่แขกของนายอยู่ไหนล่ะปรีชา
     
            อยู่ในสวน ตื่นมาเรียกกาแฟ แล้วก็หิ้วโน้ตบุคไปทำงานที่ศาลาชมพูในสวน
     
    ศาลาในสวนเรียกชื่อตามสีของกุหลาบที่ปลูกรอบๆ ศาลานั้น ชมพู แดง เหลือง ส้ม ขาว สำหรับศาลาสีชมพู เป็นกุหลาบมอญโบราณกลิ่นหอมจรุงใจ
     
            ศาตราขอตัวไปยืนมอง ร่างสูงใหญ่นั่งทำงานอย่างจดจ่อ เขาทำอาชีพอะไร
     
    นักเขียนอิสระ เจ้าตัวไม่ได้บอกอะไรมากหรอก แต่เพื่อนของเขาที่จองที่พักให้ บอกมาว่าเขาเป็นนักเขียนอิสระ เขียนเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว พักผ่อน เขียนนิยายด้วยขึ้นเบสเซเลอร์เลยเชียวล่ะ
     
    ปรีชาที่มายืนข้างเพื่อนตอบ พี่แกเขียนเรื่องประวัติศาสตร์ เรื่องโบราณทั้งนั้น
     
    พี่แกตัวใหญ่มากเลยนะ
    ศาสตราลูบคางอย่างครุ่นคิด ถึงตามตำราจะบอกว่าคนตัวใหญ่ไม่มีแนวโน้มว่าจะเป็นฆาตกรโรคจิต เพราะคนตัวใหญ่ ต้องฝึกควบคุมตัวเอง แต่ใครจะไปรับรองได้ ถ้าเป็นพี่เฮคิวลีสที่นั่งทำงานอยู่กลางสวนนั่น การฆ่าคนด้วยมือเปล่า เป็นเรื่องง่ายๆ ยิ่งกว่าบี้แมลงเลยเชียวล่ะ
     
    เขามาเมื่อไร
     
    ลงจากเครื่องบินก็มาที่นี่เลย เราต้องเก็บพาสปอร์ตเขาเอาไว้ เขาจะอยู่เมืองไทยสามเดือน ถามเด็ก เด็กบอกว่าเขาก็ไม่ได้ถามอะไรเกี่ยวกับที่ท่องเที่ยวเลยนะ คิดว่าคงมาหาที่เงียบๆ เขียนนิยายมากกว่ามาหาสถานที่ท่องเที่ยว
     
    เรื่องค่าที่พักล่ะ ศาสตราลดเสียงเบาลง เขาอยากรู้ว่า ผู้ต้องสงสัยคนนี้พร้อมจะผละจากไปหรือไม่
     
    จ่ายมาพร้อมการจองแล้วล่ะ ทางโน้นจ่ายมาให้ ค่าที่พัก ค่าอาหาร ครบสามเดือนเลย
     
    แสดงว่า เขาไปได้เลยนะซิ
    นายตำรวจพึมพำ แต่คนที่มีต้นสังกัดชัดเจนอย่างนี้ จะทำเรื่องร้ายๆ อย่างฆ่าคนได้หรือ ถ้าเราอ่านจากงานเขียนของเขา เราจะรู้ความคิดเขาได้สักนิดไหมนะ
     
    อยากอ่านงานของเขา นายพอจะช่วยได้ไหม
     
    ได้ เดี๋ยวเอาไปอ่านเลย เมื่อเช้าพอเขาเห็นมีหนังสือให้อ่านได้ เลยเอาหนังสือมาให้สองสามเล่ม ให้ทางนี้ไว้เลย แต่ภาษาอังกฤษนะเพื่อน
     
    เพื่อนนายตำรวจยกนิ้วกลางให้ ปรีชาหัวเราะ เดินไปหยิบหนังสือที่เขาใส่ชั้นไว้ที่ห้องกลาง สำหรับแขกทุกคนมาหยิบอ่านได้มาให้
     
    เมื่อได้ของที่ต้องการ ศาสตราก็เข้ามาลาผู้อาวุโส พงศธรวางหนังสือที่หยิบมาอ่านรอ สองหนุ่มที่แอบไปชมโฉมแขกหน้าใหม่ของบ้าน นายตำรวจชำเลืองมองปกหนังสือที่ถูกวางลงแล้วอดยิ้มไม่ได้ ขิงแก่เผ็ดร้อนกว่า ไปหยิบเล่มนี้มาอ่าน น้าพงศ์สนใจจริงจังหรือว่าเรื่องบังเอิญ
     
    สนุกไหมครับน้าพงศ์ เล่มนั้น
     
    น้าชอบอ่านเรื่องโบราณ เคยอ่านของนักเขียนคนนี้ เห็นเล่มใหม่เลยหยิบมา ชา...เดี๋ยวน้าเอาไปอ่านนะ จบแล้วจะเอามาคืน
     
    ครับปรีชายิ้มกว้าง
     
    เขาเขียนเรื่องแนวไหนครับ
     
    พงศธรเลิกคิ้วนิดๆ เห็นหนังสือในมือนายตำรวจหนุ่มเช่นกัน
     
    ฮือม์ คงเรียกแนวโรแมนติกล่ะมั่ง เรื่องโบราณที่มีอัศวินขี่ม้า เจ้าหญิง ปราสาท
     
    ไม่รู้เลยนะฮะ ว่าน้าพงศ์อ่านเรื่องแนวนี้ด้วย
     
    จริงๆ ตอนแรกที่ซื้อเลย เพราะชื่อเรื่อง Red Rose หลังจากนั้น น้าก็ตามมาตลอด ให้เพื่อนที่อยู่ทางโน้นซื้อให้ หนุ่มใหญ่ชี้ที่ชื่อผู้แต่ง ถ้าเป็นลูกชายเขา จะมีตัว เจอาร์ จูเนียร์ยังไงล่ะ แทรกอยู่ เรื่องเขียนต่อ จากพ่อสู่ลูก ส่งต่อไปเรื่อยๆ
     
    ศาสตรามองอย่างทึ่งจัด ที่น้าชายของเพื่อนเล่าอย่างรู้เรื่องดี
     
    คนพ่อจะเขียนแนวโบราณ คนลูกนี่ บ้างเรื่องจะเป็นสมัยใหม่บ้างแล้ว คนพ่อได้ข่าวว่าเพิ่งจะเสียเมื่อต้นปีนี่เอง เล่มนี้เป็นของพ่อ นิ้วมือหนาชี้ตรงระหว่างชื่อและนามสกุลที่ไม่มีตัวอักษรเจอาร์ปรากฏอยู่ เล่มนี้ คงพิมพ์นานแล้ว น้ายังไม่เคยอ่าน
     
    คนลูกนี่ ยังเขียนโรแมนติก หรือฉีกแนวออกไปครับ
     
    ไปแนวไหนล่ะ สืบสวนสอบสวนหรือไง
    พงศธรถามล้อๆ
    อย่างนั้น น้าว่าเราเขียนเองเถอะ คนลูกจะเขียนแนวท่องเที่ยวนะ น้าไม่แน่ใจว่าเมื่อพ่อเขาเสียไปแล้ว จะมาเขียนเรื่องแนวโบราณสืบต่อจากพ่อหรือเปล่า เพราะเรื่องแรกที่คนลูกเขียนก็เป็นเรื่องแนวโบราณนะ แต่คนละสไตล์กับพ่อ เป็นเรื่องความรักของผีดูดเลือดไปโน่น
     
    น่าสนใจนะครับ ผมอยากขอยืมอ่านบ้างนะครับ
     
    ฮือม์ อ่านจบก็แวะเลือกเอาที่บ้านซิ
     
    ขอบคุณครับ เอ่อ ผมขอไปถามคนงานของน้าพงศ์หน่อย
     
    พงศธรพยักหน้าให้หลานชาย ให้ชาพาไป อย่าไปคนเดียวล่ะ น้องนนท์ยิ่งร้ายขึ้นตามอายุ น้องยังแค้นไม่หายเลยนะที่เราไปจับเขาน่ะ จับทีเดียวยังพอว่า นี่ล่อเข้าไปสามสี่ที
     
    โธ่ นายตำรวจหนุ่มได้แต่ร้องหัวเราะเขินๆ มองตามหลังร่างสูงโปร่ง หลังจากออกปากแซวแล้วหยิบหนังสือติดมือไปด้วย เจ้าของไร่คงมีธุระค้างอยู่ เลยไม่ได้อยู่คุยเล่นอย่างเคย 
     
    โธ่! น้าพงศ์ ผมไม่ได้ตั้งใจจับน้องนนท์เลยนะ เห็นว่าเป็นน้องเพื่อนเลยใส่ใจมากกว่าปกติหน่อยเท่านั้นเอง
     
    ส่วนเจ้าเพื่อนเขา ปรีชา ปิดปากหัวเราะไหล่เขย่า เมื่อโดนเพื่อนมองตาเขียวเจ้านั่นก็หลุดหัวเราะก๊าก
     
    ไร่ของน้าพงศ์ แต่ไอ้นนท์มันใหญ่เว้ย ตำรงตำตรวจมันเคยกลัวเสียที่ไหน แกนึกยังไงกล้าไปจับมัน
     
    อ้าว ใครทำผิดกฎหมาย ก็จับทั้งนั้นล่ะ ไป พาไปหาน้าช่วยหน่อย น้าช่วยยังอยู่ใช่ไหมล่ะ
     
    ปรีชาพยักหน้า น้าบุญช่วย รับหน้าที่หัวหน้าคนงานให้พงศธรตั้งแต่เขาเริ่มมาก่อร่างสร้างตัวที่นี่ น้าบุญช่วยขายที่ใช้หนี้แล้วมาเป็นลูกจ้างรายแรกๆ เลยทีเดียว รักนนทสรวงทูนหัวทูลเกล้าเพราะลูกเมียแกตายก่อนหน้าไม่กี่ปี พอน้าพงศ์อุ้มเจ้านนท์มาอยู่ที่นี่ น้าบุญตาพี่สาวน้าบุญช่วยมาเป็นพี่เลี้ยง น้าช่วยก็เลยหวงคุณหนูนนท์ยิ่งกว่าจงอางหวงไข่
     
    ศาสตรายิ้มกว้าง เมื่อเข้าใจอาการหัวเราะของเพื่อนได้ดี ไปหาน้าช่วย น้าช่วยก็ต้องบอกคุณหนูหมด ความลับมันคงไม่เป็นความลับ
     
    หรือนายว่าฉันไปสอบปากคำน้องนนท์ก่อนดี แล้วให้น้องนนท์ พาไปถามคนงานอื่นๆ
     
    งั้น แกไปเองนะ เอารถไปล่ะ อย่าเอาจักรยานไปเลย เมื่อเช้าตอนไปตามน้าพงศ์ นนท์กระโดดซ้อนตัวหนักฉิบปั่นแทบไม่ออก เจ้านนท์อยู่ที่โรงเพาะต้นไม้ อย่าไปทะเลาะกับเด็กล่ะ แถวนั้นเด็กนนท์ทั้งนั้นจะจับแกหมักทำปุ๋ยไม่รู้ด้วย
     
    ชายหนุ่มโบกมือให้เพื่อนวางใจ ไม่นานก็ได้ยินเสียงสตาร์ทรถ ปรีชาเดินไปชะโงกมอง อ้าวน้าพงศ์เดินลงไปตั้งนานทำไมออกไปพร้อมกันได้ เออ แต่ลงไปตั้งนานเขาก็ไม่ได้ยินเสียงรถเลยนี่นา
     
    นาธานเงยหน้าจากเครื่องคอมพิวเตอร์กระเป๋าหิ้ว สูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ของกุหลาบ นอกจากการเดินทางวิบากเมื่อคืน นับว่าที่นี่ไม่เลวนัก กาแฟสดหอมเข้มข้น ขนมปังอร่อย ถามไถ่ได้ความว่ารับสำเร็จจากเจ้าอร่อยในกรุงเทพฯ มาใส่ตู้เย็นเอาไว้แล้วมาอบใหม่อีกครั้ง รสชาติอร่อยหอมจนไม่น่าเชื่อว่าไม่ได้ทำสดๆ ตรงนี้
     
    ความรู้สึกว่างเปล่าในอกเริ่มอีกแล้ว หัวใจดำมืดเมื่อคืนไม่ได้มีความต้องการแรงกล้าอย่างที่จับได้ อารมณ์อ่อนไหววูบวาบ ทำให้พลังจางไปอย่างรวดเร็ว ก็ดี มีหัวใจเลวๆ อย่างนี้สู้อย่ามีหัวใจเสียดีกว่า ชายหนุ่มจัดเก็บไฟล์งาน ตั้งใจจะเริ่มงานอีกครั้งหลังอาหารมื้อหนักแล้ว
     
     


    .............

    เจอกัน วันที่ 10 นะคะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×