ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Devil & Ice Rose

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 29 มิ.ย. 57


    บทที่ 1

     

    ดวงตาสีเขียวเข้มจับมอง ภาพขบวนรถที่จอดเทียบเกือบจะพร้อมๆกับหญิงสาวที่อยู่ในวงล้อมของการ์ดเดินออกจากประตูมาพอดี ร่างนั้นมองตรงมาทางทิศนี้เหมือนจะรู้ว่ามีการลอบมอง ดวงหน้านั้นหยุดนิ่งราวกับจะสบตาทั้งๆ ที่สวมแว่นดำบดบังไว้ ก่อนก้มลงเข้าไปนั่งในตอนหลัง ตามด้วยองครักษ์ประจำตัวร่างสันทัด รถแล่นออกไป ปล่อยให้ขบวนนักข่าว หมดหวังอีกครั้ง

     

    นิ้วเรียวยาวกดย้อนภาพกลับไปยังตอนที่เธอ มองตรงมา ใบหน้าที่เปิดเผยจากการบดบังของแว่นตาดำอันใหญ่มีเพียงผิวขาวที่เป็นช่องว่างระหว่างขอบแว่น และปกโค้ดสูงที่ดึงปิดขึ้นมาถึงปลายจมูก

     

    นิ้วเรียวยาวขาวผ่องดั่งมีประกายแสง แตะผมหน้าม้าที่ยาวปรกลงมาจรดขอบบนของแว่น แม้เห็นเพียงเท่านี้ เขาก็มั่นใจ ต้องเป็นเธอไม่ผิดตัวแน่ ไม่ใช่ตัวแทนที่ไปโผล่ที่นั่นที่นี่ เบี่ยงเบนความสนใจของใครๆ

     

    สาวน้อยของเขา กลับมาแล้ว แต่เมื่อไรล่ะที่เธอจะรู้สึกตัว จำได้เสียทีว่าเธอเป็นของเขา เป็นราชินีของไมล์-ทรี ราชาปิศาจองค์ปัจจุบัน

     

     

     

    “ทำไมคุณหนูไม่นั่ง ฮ. ไปที่ปราสาทเลยล่ะ”

    เป-ล่า หรือสิทธา พี่เลี้ยงที่กลายมาเป็นคนสนิทถามเบาๆ อย่างสงสัย เพราะส่วนใหญ่โรซาลีนจะใช้ ฮ เดินทางเพื่อความสะดวกและรวดเร็ว สิ่งที่คุณหนูของเขาเกลียดคือการเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์

     

    เมื่อก่อนคุณหนูไม่ได้มีนิสัยอย่างนี้ เขายังจำเด็กน้อยผมสีน้ำตาลเป็นหลอดๆ เหมือนตุ๊กตาที่วิ่งเล่นไปทั่วในไร่กว้างได้ ตอนนั้นคุณหนูซุกซน ร่าเริงไม่แตกต่างจากเด็กในวัยเดียวกัน แล้วเมื่อไรล่ะที่คุณหนูเปลี่ยนไป

     

    “จะพาน้าเป้ชอปปิ้งไง”

    โรซาลีนหันมาตอบ มุมปากขยับยิ้มเพียงเล็กน้อย เท่านั้นก็มากพอแล้ว รอยแย้มเพียงนิดเหมือนกับดอกตูมแย้มกลีบแรก ชวนให้หวั่นไหว ชวนให้ติดตาม หากรอยแย้มยิ้มเพียงนิดนั้นช่างหาได้ยากเย็น แย้มแล้วก็ หุบนิ่งสนิท ราวกับดอกไม้ตูมดอกนี้จะไม่มีวันบานเลย ทิ้งให้อดีตคนสวนที่เชี่ยวชาญการเพาะเลี้ยงกุหลาบมองด้วยความเสียดาย

     

    “อยากได้อะไรสั่งซื้อทางเนตก็ได้ ไม่ต้องลำบากไปหาซื้อเองหรอก”

     

    ได้ยิ้มเสียงบ่นอุบอิบของลูกน้องคนสนิทของมารดา ที่ยอมทิ้งบ้านเมืองมาติดตามดูแลเธอด้วยความห่วงใยทำให้แววตาแข็งกร้าวของโรซาลีนอ่อนลง

     

    “โรสโตแล้ว น้าเป้ไม่ต้องห่วงโรสหรอกน่า”

    หญิงสาวทำเสียงบ่นๆ อย่างที่บ่นมาตลอด 

    “โรสยี่สิบห้าแล้วนะ ไม่ใช่สิบห้าอย่างแต่ก่อน น้าเป้น่าจะไปห่วงยายอลีสมากกว่า”

    เธอหมายถึงน้องสาวที่เพิ่งจะจะมาเข้าโรงเรียนที่อังกฤษ ขณะที่วิลเลี่ยนน้องชายคนเดียว ข้ามไปเรียนที่ออสเตรเลียแทนที่จะเรียนต่อที่นี่หรือไปอเมริกา

     

    อลิซก้าวเข้าสู่วงการนางแบบ ด้วยรูปร่างที่สูงมาทางพ่อ ขณะที่โรซาลีนเป็นสาวไซด์มาตรฐานเอเชีย น้องสาววัยสิบสามของเธอยังตัวสูงกว่าเธออีก การตัดสินใจตอบรับเข้าสู่วงการนางแบบของอลิซทำให้โรซาลีนต้องกลับมาอังกฤษก่อนกำหนดเพื่อทำหน้าที่ผู้ปกครองของน้องสาว ทั้งที่คนที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดการส่วนตัวของอลิซก็ถูกเลือกสรรมาอย่างดีแล้ว

     

    เป-ล่ามองสาววัยเบญจเพสด้วยสายตาที่ไม่ต่างจากวันที่เขาตัดสินใจวางมือจากสวนกุหลาบตามคุณหนูข้ามน้ำข้ามทะเลมาอาศัยอยู่ในดินแดนประหลาดไม่คุ้นเคยทั้งภาษา ผู้คน อาหารการกิน เมื่อโรซาลีนในวัยสิบห้าดื้อดึงจะมาใช้ชีวิตที่ต่างประเทศเพียงลำพังทั้งๆ ที่ คุณมาวีสเพิ่งจะเสียชีวิตพร้อมๆ กับคุณโบตั๋นจากเหตุการณ์หิมะถล่ม

     

    ภาพสาวน้อยที่กรีดร้องก้องเมื่อเห็นภาพข่าว ยังติดตาเขาจนบัดนี้ ร่างผอมของสาวน้อยที่ยังไม่โตเต็มที่สั่นระริก กรี๊ดจนไม่มีเสียงล่วงพ้นลำคอ กว่านายน้อยนนทสรวงที่วิ่งเข้ามาเพราะได้ยินเสียงลูกสาว รับรู้ภาพที่ปรากฏในจอโทรทัศน์ได้ จะรีบถลาไปปิด ภาพนั้นก็ตราตรึงในความทรงจำของทุกคนที่เห็นไปแล้ว

     

    ร่างสองร่างที่ยังมีเค้าของชายหนุ่มและหญิงสาว กับ บรรดาฝูงหมาป่าที่ห่วงอาหารของมันยิ่ง พ่อนายพงศธรและนนทสรวงบ่นถึงการไม่จำกัดภาพความรุนแรงออกสื่อโดยเฉพาะคุณหนูโรสที่ตัวสั่นผวาอยู่หลายวัน เมื่อนาธานเกลี้ยกล่อมให้ลูกสาวอยู่เรียนเสียที่เมืองไทย หากอยากจะไปเรียนต่างประเทศก็ค่อยไปเมื่อเรียนปริญญาโทก็ได้

     

    เท่านั้น คุณหนูโรสก็ลุกมาจัดกระเป๋ายืนยันว่าเธอสามารถดูแลตัวเองได้แม้ไม่มีพ่อทูนหัวอย่างมาวีสและมามี้โบตั๋นแล้วก็ตาม นั่นทำให้เป่-ล่าอาสานายน้อยติดตามมาดูแลคุณหนูโรส  เพราะรักเพียงคำเดียว

     

    จากวันนั้นจนวันนี้ สิบปีแล้วสองมือที่ขุดดินขุดทราย แทบจะไม่เคยได้สัมผัสดินอีกเลยหากต้องฝึกซ้อมยิงปืนและศิลปะการต่อสู้ทุกรูปแบบอย่างสม่ำเสมอ  เสื้อยืดกางเกงยีนง่ายๆ ยังแขวนไว้ในตู้  เสื้อผ้าที่สวมจนคุ้นชิน คือสูท

     

    ดวงตาคมหวาดระแวงจับมองไปรอบๆ เส้นทางคุ้นเคย โรซาลีนกำลังจะเข้าสำนักงานใหญ่ของกองทุนโรเชสที่เธอได้รับเป็นมรดกจากพ่อทูนหัวของเธอ เป-ล่าลอบถอนหายใจ หลังสิ้นมาวีส ชีวิตของโรซาลีนก็ไม่เคยเหมือนเดิมอีกเลย

     

    เด็กน้อยน่ารัก ช่างเอาใจคนนั้นซุกซ่อนอยู่ตรงไหนหนอ

     

     

     

    ดวงตาสีน้ำตาลใสของเด็กน้อยเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนจางแกมสีทอง หรือจะเอาความจริงดวงตาของโรซารีนได้กลายเป็นสีทองในวันที่เธอเห็นภาพพ่อทูนหัวและคู่ชีวิตของเขาตกเป็นเหยื่อของฝูงหมาป่าหิมะ ได้ถูกเจ้าตัวปกปิดไว้ด้วยคอนแทกซ์เลนน์สีเข้มไม่ต่างจากสีดวงตาเดิม ดังนั้นทุกครั้งที่เข้าสำนักงานใหญ่ซึ่งต้องสแกนม่านตาในการผ่านเข้าชั้นบริหารจะทำให้อารมณ์ของโรซาลีนขุ่นมัวถึงขีดสุด

     

    หญิงสาวถอดเลนน์ใส่กล่องที่เป-ล่ายื่นให้ ก่อนจะยื่นหน้าเข้าเครื่อง จากนั้นกดรหัสผ่านด้วยตัวเลขชุดเดิม ก่อนจะตามด้วยตัวเลขชุดใหม่สำหรับการเปิดเข้าในครั้งต่อไป เมื่อผนังที่ดูเรียบสนิทเลื่อนเปิดเป็นช่องให้ผ่านเข้าไปได้ โรซาลินก็ถอนหายใจเบาๆ เดินเข้าไปยังห้องกว้างที่มีเพียงรูปภาพประดับบนผนัง อีกด้านเป็นกระจกใสเปิดรับแสงธรรมชาติ  เป-ล่ายืนรอปล่อยคุณหนูให้เข้าไปตามลำพัง

     

    เขารู้ว่าโรซาลีนเป็นที่รักยิ่งของบุคคลในครอบครัว และเธอก็รักครอบครัวของเธอทุกคน แต่มาวีสพ่อทูนหัวของเธอมีตำแหน่งแห่งที่พิเศษในหัวใจของโรซาลีน สายสัมพันธ์แปลกประหลาดที่ยึดโยงทั้งสองเอาไว้ด้วยกัน ยิ่งกว่าความสัมพันธ์ฉันพ่อลูก แล้วยิ่งกับโบตั๋นภรรยาของมาวีสแล้ว โรซาลีนยิ่งสนิทสนมจนน่าแปลกใจ

     

    โรซาลันเดินไปที่รูปคู่ของชายหนุ่มหญิงสาวที่เธอให้ช่างวาดรูปประดับอยู่บนผนังตรงกลางหันหน้าเข้าหาแสง เธอเดินตรงเข้าไปช้าๆ จนหยุดอยู่ที่หน้ารูปวาดเท่าตัวจริง มาวีสแห่งโรเชส และโบตั๋นแห่งตระกูลฉี ในวันแต่งงานของทั้งคู่ เจ้าบ่าวในชุดแบล็กไทด์ และเจ้าสาวในชุดเจ้าสาวของจีนสีแดงสดใส ตรงปลายเท้าของเจ้าสาวได้เพิ่มเจ้าแมวดำตัวน้อยที่มีลายดอกไม้เด่นตรงระหว่างนัยน์ตาเข้ามาอีกตัวหนึ่งตามความประสงค์ของเธอเอง หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาสองข้างที่สีไม่เหมือนกันสะท้อนคำถามมากมายที่อยากถาม แต่คนที่จะตอบคำถามมากมายของเธอไม่อยู่แล้ว

     

    ในวันนั้น เธอไม่ได้เห็นเพียงซากของพวกเขาที่ฝูงหมาแหนหวง เธอเห็นภาพตั้งแต่ พวกเขาจัดที่พักหยอกล้อ จนฝูงสัตว์ตัวสีขาวเข้าจู่โจมกัดกระชาก วินาทีที่ลมหายใจพวกมาวีสหมดลง แต่เธอไม่เห็นภาพของโบตั๋น ไม่เห็นอาสะใภ้เลย ร่างของอดีตนางแบบมาปรากฏอีกที เมื่อสิ้นชีวิตไปแล้ว

     

    วันนั้น มันเปิดสัมผัสประหลาดของเธอขึ้น นอกจากดวงตาสีทองแล้ว เธอสามารถมองเห็นภาพก่อนหน้าที่จะเกิดภาพนิ่งนั้นได้ยาวบ้างสั้นบ้างโดยที่เอมสามารถควบคุมเวลามองย้อนกลับได้ สัมผัสที่ทำให้เธอราวจะเป็นบ้า หาทางต่างๆ ทุ่มเทความสนใจลงไปเพื่อไม่ให้เป็นบ้าไปเสียก่อน

     

    แล้วตอนนี้ ตัวแทนตระกูลฉีกำลังจะมาพบเธอ กับมรดกที่สืบทอดมาจากฉีโบตั๋น อาสะใภ้ อาสะใภ้ที่เธอสงสัยมาตลอดว่าอาจจะไม่ได้เสียชีวิตในวันนั้น

     

     

    “แด้ดดี้ เกิดอะไรขึ้นในวันนั้น สิ่งที่โรสเห็นมันคือความจริงหรือแค่คิดไปเอง”

     เจ้าตัวสั่นศีรษะแรงๆ ปฏิเสธคำพูดของตัวเอง

    “มันคงเกิดขึ้นจริงๆ ใช่ไหม ในเมื่อโรสยังเห็นมันได้จากภาพอื่นๆ”

     

    มือเรียวชี้ไปยังรูปตรงหน้า

    “ก็ก่อนภาพนี้จะสำเร็จโรสยังเห็นรอยแปรงสุดท้ายตรงนี้เลยนี่”

    เธอจิ้มลงที่มุมขวาบนสุดของภาพที่เป็นลายเซ็นของจิตรกร เส้นที่ตวัดราวกับมังกรกำลังโบยบิน

     

     

    เบื้องหลังของชายหนุ่มร่างสูงผมสีอ่อนจางยกมือที่ถือพู่กันขึ้นสูงตวัดวาดสัญลักษณ์แทนตัวเขาลงไป เธอเคยติดต่อกลับไปหาจิตกรผู้นี้ ก็ไม่สามารถหาพบได้ เรื่องลึกลับที่เธอเกลียด แต่หญิงสาวก็ตามล่าภาพที่เจ้ามังกรคนนี้วาดมาได้หลายภาพ มาประดับไว้ในห้องนี้ จนเป็นที่รู้กันว่าเธอชื่นชมศิลปินผู้ลึกลับคนนี้ ภาพของเขาออกมาไม่บ่อยนัก สองสามปีอาจจะนำออกมาประมูลสักภาพ

     

    และคราวนี้ นอกจากเรื่องมรดกของโบตั๋นจากทางตระกูลฉีที่ตกทอดมาถึงเธอแล้ว พวกเขายังมีข่าวของเจ้ามังกรคนนี้มาให้เธอเป็นของกำนัลด้วย

     

    แต่ทำไมถึงรู้สึกถึงปากบ่อแห่งหลุมพรางอยู่รำไร อยากจะปฏิเสธ ไม่อยากจะสนใจ แต่ก็อดไม่ได้ โรซาลีนกำมือแน่นจนปลายเล็บแหลมจิกลงในเนื้อ

     

    อะไรที่ไม่แน่ใจ... อันตราย อย่าไป... เมื่อไรที่รับมือไม่ได้... กลับมาหาพ่อ

     

    คำพูดที่พ่อจะบอกทุกครั้งก่อนที่เธอจะจากบ้านสวนกุหลาบมา ครั้งนี้ ไม่แน่ใจ... รู้สึกว่ามีอันตราย.... แต่โรสไม่กลับไปหาพ่อนะคะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นอย่าโกรธโรส

     

    เธอรู้ว่าในบรรดาลูกทั้งสามคน เธอเป็นสุดหัวใจของเขา ลูกที่พ่อเฝ้ารอที่จะได้อุ้ม เธอมีที่พิเศษในหัวใจพ่อเสมอ

     

    รู้ว่าเขาเป็นห่วงเธอมากกว่าน้องๆ อีกสองคน ทั้งๆ ที่เธอประสบความสำเร็จในเชิงธุรกิจตั้งแต่อายุยังน้อย รับงานบริหารต่างๆ ของโรเชส แทนมาวีสที่จากไป และ งานอื่นๆ ของดีโวท ให้พ่อมีอิสระอยู่กับแม่ รอเพียงเวลาที่น้องชายเรียนจบ อยากจะทำงาน เธอก็จะสอนงานเขา สำหรับอลิซน้องสาว เวลาคิดถึงน้องคนนี้ โรซาลีนก็ได้แต่ส่ายหน้า เจ้าหล่อนได้ความสูงความมั่นใจล้นเหลือของพ่อมา และก้าวเข้าสู่วงการนางแบบทั้งๆ ที่อายุสิบสามนี่ล่ะ ทำให้เธอต้องมาอังกฤษแทนที่จะอยู่อเมริกาอย่างทุกปี

     

    “แด้ดดี้ มามี้ อลิซกำลังจะเดินในเส้นทางเดียวกับมามี้ หากวิญญาณของมามี้ยังไม่ได้ไปไหน ช่วยคุ้มครองดูแลน้องด้วย”

    โรซาลีนก้มศีรษะลงเล็กน้อยทำความเคารพเช่นทุกครั้ง ก่อนจะออกจากห้อง

     

    นอกห้องนอกจากน้าเป-ล่าที่ไม่เคยห่างจากเธอเลย ยังมีชายหนุ่มร่างสูงผมสีเงินรวบไว้ด้านหลังเรียบร้อย

     

    “ยินดีต้อนรับสู่ลอนดอน”

    กิริยาโค้งวาดมือมาให้ ทำให้โรซาลีนจำต้องส่งมือให้เขาจูบตามธรรมเนียม แต่มันห้ามการถอนหายใจแรงๆ อย่างเบื่อหน่ายของเธอไม่ได้

     

    ผู้ชายคนนี้เป็นญาติที่ได้มาจากการแต่งงานของนอร่าน้องสาวแท้ๆ ของมาวีส เขาจัดตัวเองเป็นญาติที่เหลือเพียงน้อยนิดมีหน้าที่ดูแลเธอยามที่เธอมาเหยียบภาคพื้นยุโรป หรือจะว่าให้แน่ๆ คือทุกที่ นอกจากประเทศไทย

     

            “ขอบคุณค่ะ ไมล์-ทรี ดูเหมือนเราจะเจอกันบ่อยเกินไปแล้วนะคะ”

     

    “ความสุขใจที่ได้พบญาติ ไม่มีอะไรจะจำกัดว่ากี่ครั้งถึงจะเรียกว่ามากเกินไปหรอกครับ”

    ชายหนุ่มวางมือของหญิงสาวไว้บนวงแขน ดึงกึ่งนำเธอไปยังห้องทำงาน

     

            “คุณไปพบอลิซน้องสาวของฉันหรือยังละคะ” หญิงสาวถามกึ่งประชด

           

    “ต่อไปอาจจะบ่อยกว่าที่เจอคุณนะ เลดี้โรส  เพราะเลดี้อลิซเซ็นต์สัญญากับบริษัทผม”

     

    เขารู้สึกถึงอาการชะงักเล็กน้อยจนแทบสัมผัสไม่ได้ โรซาลีนชายตาไปสบกับเป-ล่า ส่งสัญญาณถามว่าทำไม อลิซถึงไม่ได้อยู่ในการดูแลของโรเชส

     

    ถึงกองทุนโรเชสจะไม่มีกิจการที่เกี่ยวข้องกับเอเจนซี่ดารานางแบบโดยตรง แต่เครือข่ายมากมายของกิจการต่างๆ ก็พอจะมีที่เกี่ยวข้องกับการเป็นตัวแทนอยู่

     

    หรือ ถึงโรเชสจะไม่มี แต่ทางดีโวทต้องมีแน่ๆ อย่างน้อยๆ ก็ตัวแทนพ่อของเธอที่เป็นนักประพันธ์ใหญ่นั่นไง

     

    “ไม่เชื่อ! คิดไม่ถึง! เป็นไปไม่ได้!

    คิ้วของไมล์-ทรีเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม ก่อนมุมปากจะขยายเป็นรอยยิ้มกว้าง

    “ผมรอเวลานี้มาหลายปีทีเดียว อะไรสักอย่างที่เลดี้โรซาลีนคนเก่ง ไม่ได้คิดแผนเอาไว้รับมือแล้ว”

     

    ไมล์-ทรีดึงเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานออกให้ กดร่างหญิงสาวให้นั่งลง ก่อนจะอ้อมมานั่งบนเก้าอี้ตัวใหญ่ พร้อมรับซองเอกสารจากเลขาของเขาวางให้ตรงหน้าแล้วยังหยิบปากกาของตนออกเตรียมไว้ให้อย่างเรียบร้อย

     

    “ผมถึงได้มาพบคุณไงครับ ความยินยอมของคุณในฐานะผู้ปกครองของอลิซ”

     

    โรซาลีนกวาดตามองเอกสารอย่างรวดเร็ว ก่อนจะผลักออกห่าง

    “คุณไปทำท่าไหน อลิซถึงยอมให้คุณเป็นตัวแทน”

     

    “ขอเสนอแบบมืออาชีพ”

     

    โรซาลีนปฏิเสธไมได้ว่าข้อเสนอของเขาดีพอสำหรับมืออาชีพไหนๆ ที่ต้องการความสำเร็จ ไม่ใช่เธอไม่ต้องการให้น้องปะสบความสำเร็จ แต่น้องสาวเธอเพิ่งอายุสิบสามนะ ยังต้องเรียน คบหาเพื่อนในวัยเดียวกัน การกำหนดปริมาณงานที่ต้องรับ จะทำให้อลิซไม่มีเวลาเรียนพอ ดวงตาคู่โตกวาดมองสัญญาอีกครั้ง อาจจะมีเวลาเรียนพอ แต่น้องสาวเธอจะไม่มีเวลาทำกิจกรรมและคบหาเพื่อนในวัยเดียวกันแน่นอน

     

    “แกยังเป็นแค่เด็กนะ”

     

    “เพราะคุณคิดแบบนี้ไง เธอถึงตกลงกับผม”

    ไมล์-ทรียิ้มละไม มองสาวหน้าตรงหน้า เธอไม่ได้เปลี่ยนไปจากวันที่ครบรอบสิบห้าปีเลย แม้จะพยายามแต่งตัวให้ดูภูมิฐานขึ้นอย่างไรก็ตาม ยิ่งตอนนี้ ดวงตาข้างหนึ่งเผยสีทองของดวงจันทร์งามจับตาจนเกือบจะห้ามใจไม่ไหว ทำไมต้องปกปิดความงามของดวงแก้วเอาไว้ด้วย เขาไม่เข้าใจเธอเลย

     

    “ฉันจะคุยกับน้องก่อน สัญญาฉบับนี้ขอไว้ก่อนได้ไหม”

     

    นิ้วมือเรียวสวยผายกว้างเป็นเชิงบอกว่าตามสบาย ร่างสูงลุกขึ้น บ่งบอกว่าเขาหมดธุระกับเธอแล้ว โรซาลีนลุกขึ้นเดินออกมาส่งมือให้เขาจูบลาตามความเคยชิน แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะถือโอกาสดึงเธอเข้าไปประชิดตัว ประทับริมฝีปากลงบนเรือนผมตรงหน้าผาก ฉาบฉวย แต่เริ่มใกล้ชิดบ่งบอกว่าเขาจะไม่รอ ไม่เสียเวลาให้กับการไม่ตัดสินใจของเธออีกต่อไป

     

    คิดหรือว่าเธอจะไม่รู้ว่าเขาคือใคร ภายใต้ดวงตาสีทองกระจ่างนี้ เธอเห็นร่างที่แท้จริงของเขา ไอ้สิงโตเผือกเจ้าเล่ห์

     

    .....

     

    เจอกัน ทุกจันทร์เว้น จันทร์ นะคะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×