คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ปีศาจไร้หัวใจ กับคำท้าทาย...
001
ปีศาจไร้หัวใจ กับคำท้าทาย...
คำเรียกร้องจากส่วนลึกในหัวใจบางดวงเรียกร้องหา ความระทมทุกข์ขมขื่นรุนแรงที่ได้รับรู้ ความปรารถนาที่รุนแรง ผมอาจจะได้วิญญาณอีกดวงมาเสพให้อิ่มเอม
ผมตามติดกลิ่นของความขมขื่นไป หากแต่ ในโบสถ์หรือ ในโบสถ์ของพระผู้เป็นเจ้าเช่นนั้นหรือ หากผู้มีใจทุกข์ทนอยู่ในโบสถ์ของพระเจ้าแล้ว เหตุใดความปรารถนาของเธอถึงได้ส่งมาถึงผม มิได้ส่งตรงถึงพระองค์เล่า
นกสีดำตัวน้อยที่บินเข้ามาเกาะที่พนักเก้าอี้ ไม่ได้ทำให้สองหนุ่มสาวที่นั่งแยกกันคนละฝั่งของทางเดินสนใจเลย เรื่องที่พูดคุย จะเรียกว่าการระบายของหญิงสาวมากกว่า ขณะที่ชายหนุ่ม นิ่งฟัง
จิตใจของเธอหมดสิ้นความอยากมีชีวิต เรียกร้องการตอบแทนที่น้อยนิด ไม่มีเพื่อนแสนดีคนใดจะเดือดร้อนกับการกระทำของเธอ หากสิ่งที่เธอพูดมาเป็นความจริง คนที่จะเดือนร้อนคนแรก ชายหนุ่มเพื่อนที่แสนดีของเธอคนนี้จะเป็นคนแรก เสียงถูกบันทึกลงเทป เมื่อรายชื่อบางชื่อถูกเอ่ย การขอตัวไปทำธุระส่วนตัว หากมือถือถูกดึงมากดหมายเลขลับเฉพาะ ไม่เพียงเธอเท่านั้น เพื่อ...ชายผู้แสนดีของเธอด้วย ที่จะไม่มีชีวิตออกจากโบสถ์นี้ไปได้
หนุ่มสาวนิ่งเงียบไปครู่หลังจากประโยคสุดท้ายออกจากปากหญิงสาว ความเงียบครอบคลุมไปทั่ว
“ถ้าไม่มีอะไรอีก ผมจะออกไป” ชายหนุ่มพูดเบาๆ มีเสียงตอบที่เบากว่าจากอินเอียร์ที่เสียบไว้ในหูข้างหนึ่ง ชายหนุ่มลุกขึ้น ยื่นมือให้หญิงสาวเกาะลุก ทั้งคู่ ค่อยๆ เดินไปตามทาง เพื่อนออกไปจากโบสถ์ เจ้านกตัวน้อย กระโดดตามมา ก่อนโผตัดหน้าออกไปเกาะชายหลังคา
หญิงสาวก้าวออกจากโบสถ์ก่อน ...ส่วนของหัวใจที่เหลือของนาง คุ้มกับการลงมือของข้าหรือไม่ ข้าไม่ได้พบจิตใจที่เข้มแข็งเช่นนี้มานานแล้ว เข้มแข็ง แม้เหลือไม่เต็มดวง นักฆ่าเข้าประจำที่ การร้องขอที่น้อยนิด ขอให้เพื่อนคนเดียวของเธอ อย่าได้รับอันตรายเนื่องจากเธอเลย นกน้อยสีดำกลายร่างเป็นร่างจิ๋วของชายหนุ่มผู้มีปีกสีดำ ถอนขนหนึ่งเส้นแตะจูบก่อนเป่าลงมา
หญิงสาวชะงัก เมื่อชายกระโปรงติดอะไรบ้างอย่าง ชายหนุ่มที่เดินมาคู่กัน ก้มลงมอง ก่อนดึงชายกระโปรงให้พ้นช่องประตูออกไป เขาเงยหน้าขึ้นยิ้มให้หญิงสาวที่หันมาก้มดู เธอยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยนจริงใจ หากแฝงด้วยความอ้างว้างเหลือเกิน
“ถ้านะคะ ถ้าธีร่าจะแลกชีวิตที่ไม่ค่อยจะมีอะไรเหลือนี่ กับอะไรสักอย่าง ธีร่า อยากเห็นปีศาจมีหัวใจ อยากเห็นปีศาจที่สามารถถือกุหลาบแดง ดอมดมกลิ่นหอมของมันได้ เหมือนอย่างธีร่า”
ชายหนุ่มที่เธอถือเป็นเพื่อน ชูกุหลาบแดงในมือ “ถึงผมจะไม่ได้เลวร้ายขนาดปีศาจ แต่ก็มีคนว่าผมร้ายอยู่บ้าง” เขายิ้ม “กุหลาบแดงในมือปีศาจคนนี้ ไม่เหี่ยวแสดงว่าเขามีความรัก มีหัวใจครับ”
แค่คำพูดนี้...ผมพร้อมจะคุ้มครองเขา “ปีศาจที่มีหัวใจรัก” ขนสีดำที่เป่าลง ลอยอยู่ระดับหัวใจเมื่อหญิงสาวหันกลับ ก่อนผงะถอยไปด้านหลัง ลูกกระสุนความเร็วสูงปะทะกับช่อดอกไม้ที่เธอกอดไว้แนบอก กลีบกุหลาบสีแดงปลิวกระจาย สิ่งที่ทะลุหัวใจเธอไม่ใช่ลูกกระสุน หากคือก้านของดอกกุหลาบที่งามที่สุดในช่อนั้น ผมขอหัวใจอันแสนจะขมขื่นของคุณไปแล้วนะ เพื่อแลกกับการที่จะได้เห็นปีศาจที่ไร้ใจมีความรัก
นิ้วเรียวยาวรองรับกลีบกุหลาบที่เริ่มหล่นลงบนพื้น เพียงกระทบ...กลีบงามสลายเหลือเพียงเถ้าถ่าน เพียงลมพัดก็ปลิวหายไร้ล่องลอย กลีบแล้วกลีบเล่าที่มือเรียวขาวไล่ไขว่คว้า ก่อนเสียงห้าวจะหัวเราะก้อง
ใช่ ผมก็อยากจะรู้เช่นกันว่าเมื่อไร...ผมจะสามารถแตะต้องกุหลาบงามได้โดยไม่แหลกสลาย
เพื่อลมหายใจสุดท้ายที่ขอแลกกับ เพื่อนคนเดียวที่มีอย่าได้มาเดือนร้อนด้วยเลย ได้...ความทรงจำที่เกี่ยวข้องจะหายไปราวกับไม่เคยเกิด แต่ต้องช่วย...ตามหาหัวใจรักของผมคืนมา
นานเท่าไรแล้วที่ผมสูญเสียหัวใจไป ได้แต่เพียงเอาหัวใจที่มีความรู้สึกรุนแรงมาเก็บเอาไว้แทนที่ให้มีความรู้สึกแม้เพียงนิด หัวใจ...ของผม...หายไปที่ใด
จากอดีตอันแสนไกล นาธาเนียลแห่งพันต์ อัศวินผู้แกร่งกล้า เจ้านายแห่งที่ดินกว้างขวางสุดหูสุดตา ข้าทำสิ่งใดที่ทำให้ข้าต้องสูญเสียหัวใจ อาจจะเพราะข้าสลัดทิ้งหญิงงามผู้มีเชื้อสายแม่มด นางจึงสาปให้หญิงที่ข้ารักจากไปคนแล้วคนเล่า หัวใจข้าเจ็บปวดเกินทนไหว ร้องขอต่อปีศาจให้ความเจ็บปวดนั้นยุติลงเสียที นั่นทำให้ข้าไร้ใจ หรือนางแม่มดได้มาเอาหัวใจข้าไปเก็บไว้ ...เก็บหัวใจข้าไว้ที่นางเพียงผู้เดียว แต่จะเพราะเหตุใด เรื่องมันนานแสนนานมาแล้ว จนข้าคร้านจะจดจำ หากเมื่อข้าได้ยินคำขอ “หัวใจรักของปีศาจที่ไร้ใจ” เช่นนั้นหรือ แล้วอะไรเล่าจะนำหัวใจกลับมาสู่ข้าได้อีกครั้ง อะไร
นกน้อยสีดำกางปีกถลาร่อนจากไป ละทิ้งกองกุหลาบแดง แดงราวเลือดไปอย่างไม่แยแส หลังจากจิกกินดอกหางนกยูงสีแดงจนหมดสิ้น
บุญตาลูบผมนุ่มของเด็กหญิงตัวน้อยๆ ที่นางเพิ่งเล่านิทานก่อนนอนกล่อมให้หลับไป แต่คงไม่นาน เด็กน้อยจะสะดุ้งตื่นแล้วไม่หลับอีกนานจนกว่าจะทนไม่ไหวแล้วหลับไปเอง นางจะเล่นกับความว่างเปล่า ผู้ที่พบเห็นต่างหวาดกลัว แต่กับบุญตาที่เลี้ยงมาแต่น้อย นางกับอบอุ่นใจที่เด็กน้อยมีเพื่อนเล่น แม่ซื้อยังไม่ทิ้งไปไหน ยังมาดูแลคุ้มครอง คงเห็นว่า แม่หนูน่าสงสารด้วย ไร้มารดา
เสียงประตูเปิดเบาๆ ข้างหลัง ตามด้วยกลิ่นหอมของสบู่กลิ่นน้ำนางหันไปยิ้มให้นายผู้ชายที่หอบหิ้วลูกสาวน้อยที่ตอนนั้นยังเป็นเพียงเด็กทารกมาตั้งรกรากที่นี่ กี่ปีมาแล้วที่นางถนอมกล่อมเลี้ยงทารกน้อยจนเติบใหญ่ถึงขนาดนี้
“ยายหนูเพิ่งหลับหรือพี่ตา”
“จ้า พ่อพงษ์” นางตอบนาย นายที่เคยถ่อมต้นอย่างไร ก็ยังถ่อมตนอย่างนั้น เรียกนางพี่มาอย่างไร จนเป็นนายใหญ่ของใครต่อใคร หากผู้ร่วมบุกเบิกมา นายยังคงยกย่องถือเสมอพี่น้องอย่างเคย
“เมื่อไรพ่อจะส่งคุณหนูไปเข้าโรงเรียนละจ้ะ อย่างตาจ้อยของฉัน พ่อยังส่งเข้าไปเรียนโรงเรียนดีๆ ในเมือง”
ผู้เป็นบิดาลูบผมนุ่มของลูกสาวอย่างถนอม มองบุตรสาวซ่อนสายตาจากผู้สูงวัยกว่า ถึงบุญตาจะเป็นคนบ้านนอกคอกนา หากวัยและความใกล้ชิด นางคงสังเกตถึงความผิดธรรมดาของบุตรสาวของเขาได้
“ยายหนูสุขภาพไม่ดีนัก พี่ก็เห็น ผมสอนหนังสือแกเองดีกว่า ต่อไป ไร่นี่ก็ เป็นของแก แค่อ่านออกเขียนได้ รู้จักต้นไม้ก็คงพอ” เขาบอกต่อเสียงเบา
“แต่คุณหนูต้องมีเพื่อนนะพ่อ เด็กๆ ในไร่นี้มันก็แค่ลูกไล่”
นายหนุ่มเพียงเงยหน้ายิ้มให้ ตาของนายเศร้านัก “แล้วค่อยว่ากันเถอะพี่บุญตา ให้ยายหนูสุขภาพดีกว่านี้แล้วผมจะส่งให้ลูกเรียนให้ดีที่สุดเอง เด็กในไร่ ผมยังส่งให้เรียนได้ แล้วลูกสาวคนเดียวของผม ผมจะไม่ให้แกได้ยังไง พี่ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก”
บุญตาได้แต่ลากลับเรือน เรื่องนี้ไม่ใช่เพิ่งพูดกัน ยกมาพูดกันหลายครั้งหากแต่นางก็พูดได้ไม่เต็มปากนัก เพราะความผิดปกติของคุณหนูที่นางช่วยประคบประหงมมานั้นเห็นได้ชัด นอกจาก จะนอนหลับยากแล้ว บ้างครั้งยังมีอาการเหมอลอยพูดคุยกับอะไรที่ไม่มีตัวตน
เขากับแม่ยายหนู ไม่ใช่เมีย ไม่ใช่คนรัก คงเป็นสิ่งที่เรียกว่าผ่านมาแล้วผ่านไป แต่มีผลพวงเกิดขึ้น ในเมื่อเขาแน่ใจว่าเด็กเป็นลูกของเขา รอให้เด็กคลอดแล้วต่างทางใครทางมัน หากใครจะไปคิด ครอบครัวของเขาไม่ต้องการเด็กที่นำพาความอับอายขายหน้ามาให้ แต่นี่คือลูกของเขา จะให้เขาทิ้งได้อย่างไร ชีวิตแบบนิยายน้ำเน่าครบสูตร เขาหอบลูกหนีออกมา เข้ารกเข้าพง
พงศธรค่อยๆ นอนลงข้างบุตรสาวไม่ให้กระเทือนจนเจ้าตัวน้อยตื่น ลูกน้อยเติบโตร่าเริงไม่มีอะไรผิดปกติ ยกเว้นอาการเหมอลอยในบ้างครั้ง เหมือนคนนอนละเมอลืมตา พูดคุยสำเนียงแปลกๆ ชาวบ้านแถวนี้แนะนำหมอทรงหลายคนให้พาเด็กน้อยไปหา เสียเงินไปมากมายแต่ลูกสาวเขาก็ยังไม่หาย บ้างว่ามีเทพมาอยู่ให้รับเทพเสีย เขาทำพิธีรับเทพก็แล้ว แต่ลูกสาวก็ยังไม่หาย พาไปหาหมอปัจจุบันตรวจเช็คสมองก็ไม่มีอะไรผิดปกติ เจ้าดวงใจพ่อเป็นอะไรไปแล้วลูกเอ๋ย
เด็กน้อยสะดุ้งตื่น ‘ยาย่า’ หญิงผมขาวรอเธออยู่เช่นเคย แม่หนูขยับตัวจะลุกลงจากเตียง หากวงแขนของพ่อเอื้อมมากอดลูกเข้าแนบอกพอดี เธอทำได้เพียงยิ้มกว้างให้ ยาย่าพยักหน้ารับรู้ก่อนเดินหายไป เด็กน้อยได้แต่มองตาม ในสายตาของเธอสิ่งที่เห็นไม่ใช่ ผนังดำมืด หากแต่เป็นทุ่งโล่งกว้าง เด็กน้อยทำตัวขย่มเหมือนกำลังอยู่บนหลังม้า
กายสั่นเทาในอ้อมอก ปลุกในพงศธรรู้สึกตัว ความรู้สึกแรกตกใจ ลูกสาวน้อยเป็นอะไรไปหรือ กระตุกไฟหัวเตียงก้มดู ดวงตาใสแจ๋วมองไปเบื้องหน้า รอยยิ้มอิ่มเอม หากยังเขย่าร่างกาย ผู้เป็นพ่อใจเย็นพอที่จะพินิจพิเคราะห์ ลูกสาวเขากำลังควบม้า
“ขี่ม้าสนุกไหมลูก” ชายหนุ่มถามเบาๆ
“อื๋อ” เด็กน้อยขานตอบ ก่อนทำมือยกสูงย่อตัวต่ำ อา นั้นคงกระโดดข้ามอะไร นี่เป็นครั้งแรกที่เขาร่วมรับรู้ในจินตนาการของบุตรสาว
“ที่ไหนกันคะ”
“บ้านของเรา ที่ของเรา” เสียงเล็กๆ ตอบอย่างรำคาญนิดๆ มือน้อยๆ ชี้ไปข้างหน้า อย่างตื่นเต้น “นั่นๆ นางมารอแล้ว”
ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกไม่ดี เขย่าตัวบุตรสาวแรงๆ ร่างเล็กๆ เหลียวมามองอย่างแปลกใจ ดวงตาโตใสกระพริบปริบๆ “ป๊ะป๋า มีอะไรคะ”
เป็นทีของชายหนุ่มที่จะต้องกระพริบตาอย่างฉงนบ้าง นี่ลูกสาวเขารู้เรื่องทั้งหมด หรือเพิ่งจะรู้สึกตัวกันแน่ “พ่อตื่นมาคิดถึงหนูนะลูก ทำอะไรอยู่”
“ขี่ม้า ขี่ม้าข้ามทุ่งหญ้า นางรอข้าอยู่” ดวงหน้าเล็กก้มลงมองหาม้า ก่อนเงยหน้ามองผู้เป็นบิดาอย่างไม่เข้าใจ “ม้าของหนูล่ะคะ”
ผู้เป็นพ่อได้แต่โอบกอดลูกไว้แนบอก “แล้วพ่อจะหาม้ามาให้หนูนะลูก” น้ำตาแทบตก วิญญาณไหนมาเกิดเป็นลูกเขาหรือ หวังเพียงว่าเมื่อเติบโตขึ้น อาการประหลาดนี้จะหายไป
ผ่านมากี่ปีแล้ว พงศธรพิงรถรอบุตรสาวที่ยังเดินตรวจงานอยู่ในแปลงกุหลาบ ความแปลกประหลาดของนนทสรวงไม่ได้หายไปเมื่อเธอโตขึ้น เขาจึงต้องสอนหนังสือบุตรสาวเอง พอโตตามเข้าไร่ได้กุกลาบคือสิ่งที่บุตรสาวเขาหลงใหล ยามยังน้อย เขาปลูกกุหลาบให้รอบบ้าน จัดสวนที่มีแต่กุหลาบเพื่อนบุตรสาวคนเดียว พอเธอโตขึ้น ในอุ้งมือน้อยๆ เหมือนมีมนต์วิเศษ กุหลาบออกดอกงดงาม ขยายเป็นหลายร้อยไร่ แต่ความชอบของเธอกำจัดอยู่แต่เพียงกุหลาบเท่านั้น
นนทสรวง หันไปทางรถปิกอัพที่จอดรออยู่เมื่อคนงานที่คุยอยู่เหลือบตายิ้มแปลกๆ ไปทางข้างหลังเธอบ่อยครั้ง จนอดที่จะหันไปดูไม่ได้ หญิงสาวยิ้มกว้างโบกมือให้ ก่อนหันไปคุยกับคนงานเรื่องงานที่จะให้ทำต่อ เธอมีพ่อที่ดีที่สุด รักตามใจเสมอ วันนี้นัดจะไปกินข้าวดูหนังกันในเมือง คนงานหลายคนจะออกไปพร้อมๆ กัน เพลือเพียงคนไม่กี่คนที่อยากพักผ่อนอยู่กับบ้าน และพวกที่ต้องเขาเวรดูแลทางเรือนพัก
สวนกุหลาบที่พ่อทำให้เธอวิ่งเล่น เมื่อยามเด็กตอนนี้ มีบ้านพักหลังเล็กๆ หลายสิบหลัง สำหรับผู้ที่ชอบอยู่ตามธรรมชาติความสงบ ทานอาหารง่ายๆ ที่เรือนครัว หญิงสาวอดเบ้ปากเมื่อนึกถึงสวนสวยเมื่อยามเด็กของเธอไม่ได้
ความจริงเธอไม่อยากแบ่งสถานที่พิเศษของเธอให้ใครเลย นอกจากพ่อและครอบครัว แต่นี่คนที่มาขอคือป้าพี่สาวแท้ๆ ของพ่อ เธอจะว่าอะไรได้ แล้วคนที่มาลงมือก็เป็นลูกชายลูกสาวของป้า ญาติของเธอเอง ข้อตกลงที่พ่อพูดเป็นคำขาดคือ ห้ามมีเสียงดังอึกกระทึก เหล้ายาพ่อไม่เอา พ่อทำรั้วกั้นเขตกันชัดเจน และทำการแบ่งโฉนดที่ตรงนั้นเป็นชื่อเธอ ให้ป้าโอนเงินเข้าบัญชีเธอเป็นค่าเช่าที่ เจอหน้าป้าทีไร เธอได้ฟังป้าบ่นเรื่องความงกของพ่อทุกทีไป
พงศธรมองบุตรสาวที่แกว่งหมวกเล่นเดินมาช้าๆ นนทสรวง ได้รูปร่างสูงโปร่งและโครงหน้าไปจากเขา สิ่งเดียวที่เธอได้ไปจากแม่ คือดวงตาโตหวาน เหมือนตากวาง และปากรูปกระจับ ปากของคนที่เอาแต่ใจตัวอย่างลูกสาวเขานี่ไง คนเป็นพ่อ ถอนหายใจเมื่อมองเลยไปถึงผมซอยสั้นของบุตรสาว ถ้าซอยสั้นแบบผู้หญิงจะไม่ว่าเลย นี่เจ้าหล่อนไปตัดรองทรงสูงมาเสียเลยเมื่อมารวมกับร่างสูงโปร่งเข้าไป เวลาเข้าเมืองกัน มีสาวๆ มาเหล่ลูกสาวมากกว่าหนุ่มๆ เสียอีก
“เมื่อไรจะไว้ผมยาวอีก” พงศธรขยี้ผมลูกสาวก่อนรั้งมายืนข้างตัว สองพ่อลูกมองไร่กุหลาบที่ทอดยาวไปไกล ลูกสาวสุดที่รักยอมไว้ผมยาวเอาใจพ่อ พอเผลอเจ้าหล่อนก็ไปตัดสั้นจู๋มาอีก
“พ่อก็เคยเห็นนนไว้ผมยาวแล้วไง”
นี่อีกอย่าง “หนูนัน” เป็น “นนครับ”ไปตั้งแต่เมื่อไร เขาอยากจะคิดว่าคงเป็นวิญญาณผู้ชายมาเกิดในร่างลูกสาวของเขา
“แล้วงานของพ่อ เมื่อไรจะไปช่วยดูแล พ่อแก่ขึ้นทุกปีนะลูก” พงศธรบ่น งานทางไร่กุหลาบเจ้าตัวรับผิดชอบดิบดี ทีงานทางสวนผลไม้ เจ้าตัวมาทำบัญชีรายรับรายจ่ายให้อย่างเดียว อย่างอื่นไม่สนใจจะเข้าไปดุแล เจ้าตัวแสบเก็บเงินอย่างเดียว
ลูกสาวยักไหล่ “นน ไม่ชอบอย่างอื่นนอกจากกุหลาบ ให้ลุงชาญดูแลต่อไม่ได้หรือ นนคุ้มบัญชีต่อไปไม่ได้หรือพ่อ”
ดวงตากลมโตมองตรงๆ ไม่มีอ้อนๆ อย่างลูกสาวของคนอื่น เจ้าหล่อนไว้ใจลุงชาญผู้ช่วยของเขาเหมือนเป็นพ่ออีกคน
พ่อได้แต่ถอนหายใจ ผลักลูกสาวไปนั่งข้างคนขับ “ไปกลับบ้านอาบน้ำแต่งตัว จะได้เข้าไปอ่อยสาวต่อ นัดใครไว้ละ น้องแนนซี่ น้องกิ๊ฟฟี่”
แทนที่จะสลดลูกสาวกลับยิ้มกว้าง “ถ้านนจีบหนุ่มแทน พ่อให้งั้นซิ”
“ไม่ให้โว้ย”
นนทสรวงเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง ดวงตาหวานที่หันมามองท่าทางขุ่นเคืองของเขานั้นฉายแสงแห่งความรักและซุกซน
“พ่อไม่อยากได้ลูกเขยมาช่วยงานของพ่อหรือจ๊ะ” เจ้าหล่อนเดินย้อนกลับมากอดแขนเอาใจ พูดเสียงอ่อนเสียงหวาน นานๆ ทีหรอกเขาถึงจะเห็นลูกสาวทำแบบนี้เสียที “หรือว่า พ่ออยากได้ลูกสะใภ้มาทำให้บ้านเราสดใสล่ะ”
ประโยคท้ายแทงใจดังฉึก หลังจากยุให้พ่อจีบสาวไม่สำเร็จ เจ้านน จะเล่นไม้นี้เลยหรือ
“เอาทั้งเขยทั้งสะใภ้พร้อมๆ กันทีเดียวเลยได้ไหมล่ะ”
โดนย้อนเข้าอย่างนี้ คนถูกย้อนย่นจมูกใส่เดินไปนั่งประจำที่ข้างคนขับไม่ต่อล้อต่อเถียงอะไรอีก ง่วนกับการเลือกเปิดเพลงลูกทุ่งก่อนจะร้องคลอดังลั่น
พงศธรแต่งตัวเรียบร้อย กำลังจะเดินไปทางปีกห้องของลูกสาว หากแต่เมื่อเดินผ่านโถงกลางที่เป็นส่วนพักผ่อนของเขา ลูกสาวและเพื่อนๆ เงาหลังบอบบางของสตรีสาวให้ชุดสีชมพูกุหลาบที่ยืนหันหลังให้ ทำให้ชายเจ้าของบ้านต้องหยุดเท้า
“สวัสดีครับ” พงศธรส่งเสียงทักหวังให้ร่างโปร่งบางหันมา หากศีรษะได้รูปเพียงก้มนิดๆ เป็นเชิงรับรู้ หากยังไม่หันจากทิวทัศน์ที่มองไปนอกหน้าต่าง กริยาแปลกๆ ของแขกสาว ทำให้เขาต้องนึกว่า ทิศทางที่เธอมองออกไปนั้นจะมองเห็นอะไร ทางนั้น ทางไร่กุหลาบของเจ้านน นี่
“ถ้าคุณจะมาพักที่บ้านสวนกุหลาบ ผมจะให้เด็กพาไป”
ร่างโปร่งยังนิ่ง หากโครงศีรษะนิดๆ เป็นเชิงรับรู้ กริยานั้นทำให้เขาเอะใจ ผมดำซอยสั้นนั้นคุ้นตา ที่ไม่คุ้นคือชุดกระโปรงสีหวานนั่นเอง
“ไอ้นน”
ร่างสูงโปร่งหันมาตามเสียงเรียกทันที ตากลมโตพราวหัวเราะ
“ต๊าย คุณพ่อ นนทใส่กระโปรงเอาใจแล้วทำไมไม่เรียก น้องนนมั่งล่ะ เหอะ เวลานุ่งกางเกง พ่อเรียก น้องนน นุ่งกระโปรงพ่อเรียกไอ้นนเสียนี่” ปากรูปกระจับขยับต่อว่า แถมยังเข้ามากอดแขนประจ๋อประแจ๋ พงศธร เริ่มรู้สึกพื้นมันโครงเครง
“นน นน พาพ่อไปนั่งก่อน พ่อจะเป็นลม”
ลูกสาวที่ตั้งท่าจะหัวเราะ หากเห็นน้าซีดเผือกของพ่อ รีบประคองบิดานั่งลง คว้ากระดาษใกล้มือมาพัดกระพือให้
“ยาลมไหมพ่อ ถ้าเอา นนจะรีบวิ่งไปขอป้าบุญตาให้”
“ไปเปลี่ยนเป็นกางเกงดีกว่าไหม น้องนน”
เท่านั้นลูกสาวก็หัวเราะก้อง เอากระดาษปิดปากตัวเอง “ไม่เอาล่ะ กว่าจะแต่งได้สวยขนาดนี้ ไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ก็ไม่ทันรอบหนังนะซิ ไปนะพ่อ เรื่องนี้นนอยากดู”
มองเจ้าร่างแน่งน้อยแล้วชักอยากเปลี่ยนใจให้ลูกสาวนุ่งกางเกงเสื้อเชิ้ตเข้าเมืองเหมือนเคย ดูตาพราวยิ้มแล้ว เจ้าตัวร้ายมีแผนจะทำอะไรล่ะ พงศธรปาดเหงื่อบนใบหน้า เขาเองอยากจะไปอาบน้ำอีกรอบแต่เจ้านน คงไม่ยอมหรอก ลงมาหน้าเรือนลูกสาวเจ้าแผนการให้เอารถยนต์ที่ใช้ทางบ้านสวนกุหลาบมาจอดรอ นนทสรวงจะทำอะไรกันแน่ เห็นพ่อนิ่วหน้า ลูกสาวก็เงยหน้ายิ้มหวาน เพียงเพื่อรอยยิ้มของเจ้าตัวน้อย จะให้พ่อทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น น้องนน
แม้จะคิดอย่างนั้นตอนออกจากบ้าน แต่พอมาถึงในเมืองพงศธรอยากเปลี่ยนใจเสียแล้ว สาวๆ มองมาที่เขาด้วยสายตาหยาดเยิ้ม เจ้านน รู้ใช้พิษริษยาเสียด้วย เขาขยับแขนอย่างอึดอัด
“ไปห่างๆ หน่อย”
“อะไรคุณป๋า หนูเกาะแค่นี้ไม่ได้หรือ”
พงศธรได้แต่กรอกตามองฟ้า เอาเข้าไปเจ้านน เอาเข้าไป อยากได้แม่หรืออยากให้เขาเลิกยุ่งกันแน่ ลูกสาวกอดแขนนัวเนียเรียกป๋าคะ ป๋าขา
“อยากได้แม่ใหม่นักหรือเจ้านน” พงศธรกระซิบ หญิงสาวที่เกาะแขนยิ้มหวานหยด ผู้เป็นพ่อได้แต่อดทน จนขากลับถึงได้อบรมยาวเหยียด เจ้าตัวได้แต่หัวเราะคิกคัก จะเมาหรือเปล่านั่น ออกจากโรงหนังลากไปฟังเพลงในร้านไฟสลัวต่อ อย่างเคย ตอนที่เจ้านน นุ่งกางเกงมา เขาไม่เคยสนใจ พอมาใส่กระโปรงหวาน มีหนุ่มๆ ยกแก้วชวนชน อาการหวงลูกสาวคนเดียวเกิดขึ้นทันที
“นน นน” พงศธรลองเรียกอีกครั้ง เมื่อครู่ฟังพอบน เสียงแจ้วๆ ถึงจะอ้อแอ้ก็ยังเถียงนู้นนี่ ตอนนี้มาเงียบๆ ไปเสียเฉยๆ
“คร้าบ ฟังอยู่คร้าบ วันหลังห้ามนนนุ่งกระโปรงไปกินเหล้า ห้ามนุ่งกระโปรงเวลากลางคืน ห้าม นุ่งกระโปรงเวลานอน โธ่ พ่อ นนไม่นุ่งอะไรนอนหรอก” เสียงอู้อี้ดังแทรกมา ยิ่งทำเอาพ่อสะดุ้ง
“เฮ้ย ทำไมไม่ใส่อะไรนอน”
“ไม่มี นุ่งผ้าถุงหลุด เลยไม่ใส่ สบายดี”
ไม่รู้ว่าจะเชื่อมันดีหรือไม่ดี เสื้อผ้าของใช้ของเขา เจ้านน ก็หามาให้ครบนี่น่า ทำไมมันจะจัดการตัวเองไม่ได้
ร่างสูงใหญ่ที่เดินท่อมๆ อยู่ข้างทางแยกเข้าไร่ของเขานั้นสะดุดตา ไม่ใช่ว่าจะไม่มีใครอื่นมาผ่านทางนี้ แต่ลักษณะเหมือนนักท่องเที่ยวแล้วยังเรือนร่างสูงใหญ่กำยำนั่นอีก ไม่คุ้นตา
“นน” เสียงเรียกหนักๆ ของพ่อ เรียกสติมากว่าครึ่ง นิ่งเมื่อพ่อเปิดไฟสูงส่อง ก่อนลดความเร็วลง หญิงสาวเอื้อมไปผลักตะกร้าเพลงด้านหลังปิดสลักก้นตะกร้าหยิบอาวุธออกมา
ร่างสูงที่หันกลับมายกมือป้องหน้าตามสัญชาติญาณ ก่อนจะลดมือลงแสดงความบริสุทธิ์ ต่างฝ่ายต่างนิ่ง ก่อนที่พงศธรจะเปิดประตูลงไป
“พ่อ” มือบางยุดดึงมือไว้
“มีอะไรยิงอย่างที่พ่อสอน”
“นน ลงไปดีกว่า” เสียงใสๆ ยังบ่น หากผู้เป็นพ่อหัวเราะขยี้ผมนุ่มๆ ยัดกุญแจใส่มือ ทำเอาลูกสาวบ่นพึม ต้องปีนข้ามไปนั่งฝั่งคนขับ
เมื่อเห็นคนลงจากรถ ร่างสูงจึงเคลื่อนตรงมา เมื่อเข้ามาใกล้ที่เป็นว่าใหญ่ นั่นคือเป้หลังใบใหญ่ หากความสูงนี่ แล้วยิ่งกล้ามเนื้อแขนเป็นมัดที่พ้นแขนเสื้อสั้นนั่น พ่อคุณเล่นกีฬาอะไร ยกน้ำหนักสามร้อยกิโลหลังอาหารหรือยังไง เห็นเจรจาความกัน ก่อนจะเดินตามพ่อมาที่รถ นนทสรวงเปิดกระโปรงหลังให้เอาของไปใส่ พงศธรเปิดประตูไล่ลูกสาวไปนั่งข้างหลัง
“คุณนาธารมาพักที่บ้านกุหลาบ แกไม่คิดว่าจะไกลเลยไม่ได้บอกให้เอารถไปรับ นนไปนั่งข้างหลังไป แขนขายาวอย่างนั้นอย่าให้ไปขดข้างหลังเลย”
ลูกสาวออกจากรถเข้าไปนั่งข้างหลังตามคำสั่งโดยดี ซุกปืนไว้ใต้กลีบกระโปรง เอนพิงทำเป็นหลับเสีย หูก็ฟังเสียงคนข้างหน้าคุยกันเบาๆ
นายยกน้ำหนักนี่นะเป็นนักเขียน หุ่นไม่ให้เลย ยังไงไม่รู้ล่ะ เธอไม่ชอบเขา จะว่าไปนอกจากพ่อแล้ว เธอไม่ชอบผู้ชายเอาเสียเลย ผู้ชายจะมาเอาสิ่งสำคัญของเธอไป
ชายร่างสูงยิ้มพร้อมขอบคุณอีกครั้งเมื่อชายที่แวะรับเขากลางทาง ขับรถมาส่งถึงที่ พร้อมกับมาช่วยติดต่อเจ้าหน้าที่ ก่อนจะควงแขนสาวคู่ควงที่เมื่อมองใกล้ๆ ท่ามกลางแสงไฟเช่นนี้ สวยใช่เล่นจากไป
เสียงเชื้อเชิญให้ตามไปที่ห้องพักอีกครั้งของพนักงานต้อนรับ ทำให้ต้องละสายตาจากสองหนุ่มสาวที่เดินเกาะกอดกันออกไป สาวเจ้าเดินเดินเป๋ไปเป๋มาไม่ตรงทางเอาเสียเลย คืนนี้เขาคงเหงาเปล่าเปลี่ยว น่าอิจฉาชายหนุ่มคนนั้นเสียจริงๆ
บ้านสวนกุหลาบชื่อต้องห้ามสำหรับเขา แต่ก็ดึงดูดให้เข้ามามาเสมอ สิ่งที่ถูกห้ามมักจะกวักมือให้ฝ่าฝืนไม่ใช่หรือ ร่างสูงใหญ่ก้มมองนาฬิกาข้อมือ เลือกเสื้อผ้าเดินเข้าห้องน้ำไป ก่อนมานอนนินทากับคืนแรกที่บ้านสวนกุหลาบ
....ใจร้อน...ร้อนใจ...เอามาลงก่อน
ความคิดเห็น