ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    six to six ร้านสะดวกซื้อ

    ลำดับตอนที่ #1 : วาเลนไทน์

    • อัปเดตล่าสุด 16 พ.ย. 50


    Six to six หกโมงเช้าถึงหกโมงเช้า หรือจะหกโมงเย็นถึงหกโมงเย็น แล้วแต่ท่านจะคิดว่าเวลาไหนจะเป็นเวลาเปิดบริการของเรา
    ระบบบริการอัตโนมัติ สิ่งที่ท่านนำเข้ามา ท่านนำออกไปได้ สิ่งที่ท่านจะนำออกไปกรุณาชำระเงิน ระบบจะทอนเงินให้ท่านโดย อัตโนมัติ หากไม่สะดวกชำระเป็นเงินสด เรายินดีรับชำระเป็นอย่างอื่นไม่ว่าบัตรเครดิต บัตรเงินสด เวลาของท่าน หรืออะไรก็ตามที่ท่านมี Six to six ยินดีให้บริการ
     
    Six to six ตอนที่ 1 วาเลนไทน์
     
    “วันนี้มันวันอะไรของช้านนน” รสาร้องตะโกนก้องในใจ
    ทุกวันคุณแม่จะจอดรถส่งเธอหน้าโรงเรียนวันนี้รถติด คุณแม่เลี้ยวรถไม่ได้ เธอต้องวิ่งเกือบแยก แยกยาวๆ เสียด้วย แล้ววันนี้ วันวาเลนไทน์ แค่คิดรอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนแก้มอิ่มๆ จนเห็นลักยิ้มขึ้นบุ๋มทั้งสองข้าง เธอก้มลงมองกล่องเล็กๆที่ห่อด้วยกระดาษฟอร์ยสีชมพูหวานสมกับความหวานในหัวใจเธอตอนนี้
    “พี่โรมจะว่ายังไงนะ จะหัวเราะกับช็อกโกแลตหัวใจเบี้ยวๆ ฝีมือเธอหรือเปล่า”
    พี่โรมเป็นรุ่นพี่เธอสองปี หล่อ เรียนเก่ง เป็นนักกีฬาบาสของโรงเรียน เวลาลงเล่นทีสาวๆกรี๊ดทั้งสนาม แต่มีแต่เธอเท่านั้นที่พี่โรมยอมให้ถือผ้าซับเหงื่อ
    “พี่โรม พี่โรม” รสาฮัมชื่อหนุ่มหล่ออย่างมีความสุขแกว่งกระเป๋าเข้าทำนอง ปลายเท้าสะดุดแผ่นอิฐที่ทะลึ่งไม่นอนราบเรียบอย่างแผ่นอื่นเขา
    “ปุ๊!!!”
    “ว้าย”
    เสียงสองเสียงแทบจะดังพร้อมๆ กัน เสียงแรกเป็นเสียงของกระเป๋าหนังสือและถุงใสใส่กล่องสีหวานที่หล่นปุ๊ลงพร้อมๆ กับเสียงร้องตกใจของเจ้าของ
    เจ้ากรรม  แทนที่ของเบาจะตกทีหลัง นี่เป็นการทำลายกฎของนิวตันอย่างน่าเกลียดมาก เจ้ากระเป๋าของหนักดันหล่นทีหลังแถมทับถุงใสจนมิดเม้นมองไม่เห็น รสาเข่าอ่อนยวบ ค่อยๆ บรรจงยกกระเป๋าขึ้นวางตั้งไว้ข้างๆ ไม่ต้องแกะกล่องก็รู้สภาพแบนแต๊ดแต๋ออกอย่างนั้น พอหยิบถุงใสขึ้นมา
    “ยี้” สาวน้อยเอามือข้างหนึ่งอุดจมูก อีกมือค่อย ๆ หิ้วถุงขึ้นมา ขี้หมา ขี้หมาสดๆ
    เหลียวซ้าย แลขวา อะนั้นถังขยะหน้าร้าน 7-11 เด็กสาวจำต้องปล่อยมือออกจากตะหมูกมาหิ้วกระเป๋า ถ้าทิ้งกระเป๋าไว้ที่เดิมเกิดล้มแประทับขี้หมาอีกที วันนี้จะยิ่งกว่าสาหัส โดนเรียกยายกระเป๋าขี้ในวันนี้คงไม่ใช่เรื่องสนุกแน่
    รสาเงยหน้ามองชื่อร้าน Six to six หกถึงหกเหรอ ก่อนมองทะลุกระจกใสเข้าไปในร้าน มีชั้นวางของสีเขียวเข้มพื้นสีอ่อนมากๆ ขอบตู้แช่เป็นสีเขียวอีกเฉดที่อ่อนกว่าชั้น เพดานเป็นลายตารางสลับกันของสีเขียว สีเขียวแก่และสีเขียวอ่อนไล่สีตั้งแต่เขียวเข้มเกือบดำไปจนเขียวอ่อนจนเกือบขาว ยิ่งมองยิ่งเขียว จนตาจะเป็นสีเขียว
    รสาทิ้งถุงลงถังขยะสีเขียวอีกเช่นกัน สีเขียวอี๋อมะนาว ฝาเป็นสีเขียวอ๋อยของมะนาวสุก ทันทีที่ฝาถังขยะดีดปิด เธอได้ยินเสียงกุกๆ กักๆ ในถังขยะ พอเด็กสาวหันไปมองเสียงก็เงียบ พอหันกลับไป เสียงก็ดังอีก เหมือนเสียงของหนูคุ้ยถังขยะ เด็กสาวยักไหล่อย่างไม่สนใจ เบนสายตาไปที่ร้าน Six to six ใหม่เวลาเปิดเขียนว่า all time พร้อมกำกับภาษาไทยว่า ตลอดเวลา เด็กสาวชะโงกมองผ่านกระจกใส ไม่มีพนักงานบริการ อาจจะอยู่หลังร้าน
    ร้านสะดวกซื้ออย่างนี้ ต้องมีช็อกโกแลตแน่ๆ เด็กสาวยิ้มจนเกิดรอยบุ๋มที่ข้างแก้ม ผลักประตูเปิดเข้าไปทันที พี่โรมต้องเข้าใจ ถึงจะไม่ใช่ฝีมือน้องสาวคนนี้ แต่หนูไปเลือกซื้อมาให้พี่โรมด้วยมือเชียวนะคะ ถึงเป็นแค่ร้านสะดวกซื้อ ไม่ใช่ ร้านหรูๆ ก็ตาม
    Six to six ยินดีต้อนรับ ร้านเรามีระบบบริการอัตโนมัติ สิ่งที่ท่านนำเข้ามา ท่านนำออกไปได้ สิ่งที่ท่านจะนำออกไปกรุณาชำระเงินที่เครื่องรับชำระเงิน ระบบจะทอนเงินให้ท่านโดย อัตโนมัติ หากไม่สะดวกชำระเป็นเงินสด เรายินดีรับชำระเป็นอย่างอื่นไม่ว่าบัตรเครดิต บัตรเงินสด เวลาของท่าน หรืออะไรก็ตามที่ท่านมี Six to six ยินดีให้บริการ” เสียงประกาศแจ่มชัด
    “ว้าว” เด็กสาวห่อปาก เงยหน้ามองไปรอบๆ อย่างถูกใจ เพดานที่เห็นจากนอกร้านเป็นช่องสีๆ ขณะที่เธออยู่ในร้าน แต่ละช่องปรากฏภาพของสิ่งของที่เธอนำเข้ามา กระเป๋า หนังสือ ดินสอ ว้าว เด็กสาวหน้าแดง กางเกงในรูปหัวใจ เงยหน้ามองอีกครั้งกลับเป็นเพดานสีเขียวสลับกันเหมือนเดิม รสาสะบัดศีรษะไล่ความมึนงง รีบก้าวเท้าไปยังชั้นที่เธอเห็นมีป้ายห้อยว่าขนมหวาน น่าแปลกที่บนชั้นไม่มีขนมอย่างร้านทั่วๆ ไป
    “อ้าว” เด็กสาวอุทาน ก่อนบ่นออกมาอย่างผิดหวัง “ร้านเปิดหรือยังเนี๊ย แล้วเค้าจะไปหาช็อกโกแลตจากที่ไหนได้ล่ะ”
    ทันที่ที่เธอบ่น ผนังหลังชั้นก็ปรากฏรูปช็อกโกแลตมากมาย เด็กสาวยื่นมือไปอย่างกลัวๆ กล้าๆ แตะเลือกเหมือนเลือกจากจอคอมพิวเตอร์ จนเธอได้ช็อกโกแลตสอดไส้ด้วยสตรอว์เบอร์รี่สุกฉ่ำแช่น้ำหวานและอบเชย ห่อเรียบร้อยในกระดาษหรูสีน้ำตาลอมม่วงผูกด้วยโบว์สีทอง หลังจากเธอเลือกเสร็จแล้ว จอก็ปรากฏราคาขึ้น
    “ร้อยห้าสิบ โห้” รสาร้อง
    Six to six: ทางเรามีช็อกโกแลตพิเศษสำหรับคนพิเศษ ราคาของสิ่งพิเศษเช่นนั้นคือหัวใจรักของเธอ:
    “หัวใจรักของฉันอย่างนั้นหรือ” รสาร้อง อดแอบมองไปรอบๆ ไม่ได้ว่าจะมีใครเห็นเธอทำอะไรแปลกๆ หรือไม่
    Six to six: รสชาติของช็อกโกแลตขึ้นอยู่กับใจรักของเธอ ช็อกโกแลตพิเศษสำหรับคนพิเศษ หรือ...ปรากฏภาพช็อกโกแลตในห่อหรูที่เธอเลือกพร้อมป้ายราคา หนึ่งร้อยห้าสิบบาท
    “ก็ได้ ก็ได้ เอาที่แลกด้วยหัวใจ” เด็กสาวรีบบอก
    รสาประสานมืออธิษฐาน ใส่ความคิดถึงพี่โรมทั้งหมดเข้าไป เมื่อเธอลืมตาขึ้น ก้อนสีเงินเรียบๆ ในถุงใสสีเงินประทับตราชื่อร้าน six to six ก็วางอยู่บนชั้นตรงหน้า แวบเดียวที่เด็กสาวเกือบเปลี่ยนใจยอมจ่ายเงินเพื่อช็อกโกแลตสุดหรูเสียแล้ว แต่...ช็อกโกแลตที่ปรุงด้วยหัวใจ...เด็กสาวยิ้มหวานคว้าถุงขึ้นมาโดยเร็ว ก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือ หว่า ใกล้เวลาเข้าเรียนแล้ว
    “แล้วจะหาเวลามาช่วยขายนะคะ”
    เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นในร้านเมื่อเด็กสาวในชุดนักเรียนรีบวิ่งออกไปแล้ว
                    รสารีบวิ่งไปโรงเรียนสุดฝีเท้า เพี้ยง...ขอให้เธอไปทันก่อนประตูปิดด้วยเถอะ เด็กสาวไม่สนใจจะหันกลับไปมองร้านสะดวกซื้อที่เธอวิ่งจากมา ไม่ได้สนใจชายที่เดินสวนเธอเข้าไป...และ..ลอยระลิ่วออกมาเลย
    โรมก้มลงแอบยิ้มกับกุหลาบที่เขาแอบไว้ใต้โต๊ะ ตอนนี้เขาหย่อนช็อกโกแลตอีกชิ้นลงในถุง ชิ้นที่เท่าไรแล้ว ก่อนมองเลยข้ามระเบียงไปที่ตึกใกล้ๆ ตรงหน้าต่างสาวน้อยเจ้าของรอยยิ้มบุ๋ม วางกระเป๋าชูถุงใสในมือให้เขาดู ก้มหัวลงทักทาย ก่อนรีบหันไปสนใจกับอาจารย์ที่เข้ามา
    ที่หน้าต่างบานถัดมา สาวน้อยอีกคนส่งยิ้มหวานมาให้ พร้อมจุ๊บลงที่กุหลาบแดงก้านยาวในมือผูกริบบิ้นสีหวานห้อยลงนอกหน้าต่าง ก่อนหันไปสนใจกับการสอน
    “พ่อโรเมโอ หันมานี่หน่อย ได้ช็อกโกแลตได้หัวใจเท่าไรล่ะวันนี้”
    โรมยืนขึ้นยิ้มกว้างให้อาจารย์ขณะที่หน้าร้อนวาบ
    “มานี่” อาจารย์สาวใหญ่กวักมือ “มาช่วยแจกข้อสอบที”
    โรมคำนับอาจารย์ก่อนรับข้อสอบมาแจก เมื่อนั่งลงทำข้อสอบ กุหลาบแดงที่แขวนไว้นอกหน้าต่างของตึกฝั่งตรงข้าม หายไปเสียแล้ว
     
    “รสา” เสียงหวานๆ เรียก
    รสาเอนตัวไปข้างหลัง ตาจ้องเป๋งที่กระดาน “อะไร” เด็กสาวพูดแทบไม่ขยับปาก
    “เค้าได้ดอกกุหลาบล่ะ” เสียงหวานบอกความปลาบปลื้ม
    รสาย่นจมูก ดอกกุหลาบ ปีไหนเจ้าหญิงประจำชั้นปีไม่ได้ดอกกุหลาบบ้างล่ะ ไม่ใช่แต่เจ้าหญิงประจำชั้นปี จะว่าเป็นเจ้าหญิงของโรงเรียนก็ได้ ไม่มีใครสวยเกินอัปสร สวย เก่งกิจกรรม ฉลาด ถ้าหมายถึงสี่จุดศูนย์ศูนย์ รสาแอบยิ้ม มีอย่างเดียวเท่านั้นที่อัปสรไม่ได้ ถือผ้าซับเหงื่อของพี่โรม
    “เค้าได้ ดอกกุหลาบจากพี่โรมล่ะ” กุหลาบสีแดงสดก้านยาวถูกส่งข้ามไหล่มาให้
    เมื่อสาวน้อยข้างหน้ายังทำเมินเฉย กลีบนุ่มๆ ของดอกไม้หอมก็เขี่ยแก้มใสอย่างยั่วเย้า อัปสรดึงกุหลาบกลับมาเมื่ออาจารย์หันกลับจากการเขียนกระดาน
    พี่โรมให้ดอกกุหลาบยายฟ้า ฮึ่ม!!! รสาตวัดตาค้อนไปยังตึกฝั่งตรงข้าม
     
    โรมมองหาไปรอบๆ สนามจนเกือบรับลูกบอลจากเพื่อนไม่ได้
    “เป็นอะไรว่ะไอ้โรม ตื่นสนามหรือไง” เพื่อนตบไหล่ป้าบเข้าให้พร้อมหัวเราะ เมื่อพวกเขาสองคนถูกเปลี่ยนตัวออก
    “เปล่า” โรมยักไหล่
    โกสินทร์หันไปมองรอบๆ สนามยิ้มให้สาวสวยบางคน
    “อ้าว วันนี้น้องฟ้ามาเชียร์นายด้วย นั่นเธอปฏิเสธดอกไม้สวยของพี่ ม.6วุ้ย” โกสินทร์ตบไหล่เพื่อนอีกที บรรยายต่ออย่างสนุก “ข้าล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าใครเป็นเจ้าของกุหลาบแดงในมือเธอ”
    โรมเมินหน้าหนี ผลักเพื่อนออกให้ห่าง ปฏิเสธแก้วน้ำ ที่ถูกยื่นให้ แต่เดินไปตักน้ำกินด้วยตัวเอง โกสินทร์รับแก้วน้ำมาดื่มเดินตามมาป่วนเพื่อนต่อ
    “อาราย ไอ้โรม มูดดี้เรื่องอะไรว่ะ วันนี้ข้าเห็นเอ็งได้ช็อกฯ ตั้งเยอะ หรือไม่ได้จากหวานใจวะ”
    หน้าที่แดงขึ้นทันควันยิ่งทำให้โกสินทร์หัวเราะมากขึ้น
    “วันนี้เธอหายไปไหน หายไปไหน แม่สาวหน้าจืดแก้มบุ๋มหายไปไหน” เพื่อนยังทำเสียงครวญเป็นเพลง
    “รสาไม่ได้จืดเสียหน่อย”
                    โกมินทร์ยิ้มกว้างเมื่อรู้ความลับของเพื่อน วันนี้เล่นได้ไม่ดีเพราะหวานใจไม่มานี่เอง เพิ่งจะรู้ว่าโรมชอบยายแก้มบุ๋ม ไหนบอกว่าน้อง น้องข้างบ้าน
                    “ถ้าสาวๆ รู้ว่านายชอบยายจืดนั่น นายว่า...น้องบุ๋มของเราจะมีปัญญาไปสู้รบตบมือกับใครไหม” โกสินทร์ยอมเปลี่ยนคำเรียกเมื่อตาเขียวๆ ของเพื่อน
    “ถ้านายควงน้องฟ้า สาวๆ คงทำใจได้มากกว่าน้องบุ๋ม”
                    โรมถอนหายใจ ก็ใช่ว่าจะไม่รู้ กวาดสายตามองหา ไม่มีร่างเล็กของสาวน้อยหน้าใส แก้มป่องอวดลักยิ้มบุ๋ม ข้างๆ ถุงกระดาษใส่ช็อกโกแลตที่ได้ในวันนี้ กระถางต้นไม้ดินเผารูปหัวใจที่มียอดอ่อนแทงแค่เขียวๆ คนที่ตั้งใจจะให้ ไปไหนแล้ว
    เมื่อเช้า...ร้านสะดวกซื้อสีเขียวสะดุดตา ตั้งใจแค่เข้าไปซื้อเครื่องดื่มสักกระป๋อง แต่สิ่งที่เขาได้มา หน่อต้นไม้ที่หล่อเลี้ยงด้วยความรัก พูดคุยรดน้ำ และมันจะทำให้ความรักของเธองอกงาม ราคานะหรือ หัวใจรักของเธอเป็นยังไง
                    รสารีบออกจากโรงเรียนไม่ได้แวะโรงยิมเชียร์พี่โรมซ้อมบาสอย่างเคย ให้กุหลาบใครเธอไม่ว่าเลย นี่ให้ยายอัปสรสาวสวยที่เลิศ เชิด หยิ่งออกอย่างนั้น จะให้คิดอย่างไร  ไม่คิดถึงน้องสาวน้อยๆ ที่ตั้งใจเชียร์สุดเสียง เวลาแข่งก็ขนสารพัดยา ขนของบำรุงกำลังไปให้บ้างหรือไง พี่โรมทำอย่างนี้ได้ยังไง
    ร้านสะดวกซื้อตั้งเด่นอยู่ระหว่างทางที่เธอจะเดินไปรอกลับบ้านพร้อมคุณแม่ เด็กสาวเอียงคอมองหน้าร้านอย่างประหลาดใจ สีมันผิดไป เธอบอกได้อย่างคนที่มีสัมผัสทางสี เมื่อเช้ามันคือสีเขียว เขียว...เขียว ยามบ่ายแก่ใกล้เย็นๆ อย่างนี้ เริ่มมีแซมด้วยสีส้ม ชั้นสีเขียว ตัดขอบด้วยสีส้ม มีคนในร้านหลายคนที่เดินเลือกซื้อของ ทำให้รสาตัดสินใจเดินเข้าร้าน
    Six to six ยินดีต้อนรับ ร้านเรามีระบบบริการอัตโนมัติ สิ่งที่ท่านนำเข้ามา ท่านนำออกไปได้ สิ่งที่ท่านจะนำออกไปกรุณาชำระเงินที่เครื่องรับชำระเงิน ฯลฯ...
    เสียงอัตโนมัติเจื้อยแจ้ว เธออดแอบมองไปรอบๆ ร้านไม่ได้ ไม่มีลูกค้าคนไหนผิดปกติกับร้านนี้เลยหรือยังไง บนชั้นวางสินค้า มีของวางบ้าง บางชั้นก็ว่างเปล่า อาจจะมีระบบสั่งซื้ออย่างเมื่อเช้าที่เธอซื้อช็อกโกแลต เด็กสาวค่อยๆ ก้าวไปยืนหน้าชั้นที่เธอเลือกซื้อของเมื่อเช้า ด้านหลังชั้นแพรวพราวด้วยสีรุ้ง
    “ช็อกฯ แลกด้วยใจไม่มีประโยชน์แล้วค่ะ เขามีคนอื่น” เธอเปิดกระเป๋าหยิบถุงใสออกมา “คืนแล้วขอใจหนูคืนได้ไหม”
    Six to six: มันมีราคาการคืนนะ
    “เท่าไรละคะ” รสาถาม “ถ้าแพงมากหนูจะมาทำงานให้ อย่างช่วงเย็นอย่างนี้สักชั่วโมงได้ไหม”
    Six to six: เธอจะเป็นพนักงานคนแรกของเรา รสา
    “รู้ชื่อหนูด้วย” รสา อุทานในใจ
    Six to six:  แล้วเราจะไปรับเธอ
    หลังชั้น ความแพรวพราวหายไป ปรากฏเป็นสีพื้นหลังสีเขียวอ่อนๆ เช่นเดิม เด็กสาวเดินไปเลือกหยิบนมกล่อง ไปชำระเงินยังจุดที่มีป้ายบอก ใส่ธนบัตรใบละยี่สิบลงในกล่อง ก่อนหยิบเงินทอดและใบเสร็จที่หล่นลงมาอยู่ในถาดไป
    ออกจากร้านไปแล้วเด็กสาวยังอดเหลียวหลังมามองอีกครั้งไม่ได้ ร้านสะดวกที่เหมือนจะไม่แปลกจากร้านสะดวกซื้อทั่วๆ ไป ยกเว้นเทคโนโลยีสูงมาก เทคโนโลยีหรือเวทย์มนตร์กันแน่นะ
    “เป็นอะไรลูก ไม่กินอะไรเลย หรืออิ่มใจฮึ! ที่ได้หัวใจได้ดอกไม้” วัจนาถามบุตรสาวที่เขี่ยข้าวไปมา ลูกสาวคนเดียวย่นจมูก
    “หน้าตาจืดๆ อย่างหนูจะไปได้อะไรคะ”
    “งั้นก็ไม่อิ่มช็อกโกแลตก็น่าจะหิวข้าวนี่นา รีบกินข้าวไปอาบน้ำทำการบ้านไปลูก”
    “ค่า” สาวน้อยฝืนกินข้าวไปอีกสองสามคำ แต่ไม่ได้ปฏิเสธเค้กช็อกโกแลตที่เป็นของหวาน
    วัจนาเท้าคางมองลูกสาวหม่ำเค้กตุ้ยๆ อย่างเอ็นดู เจ้าหนูน้อยของแม่เอ๊ย ทำท่าจะเป็นสาว แต่ยังเด็กอยู่แท้ๆ “แม่ซื้อมาเผื่อโรมด้วย กินเสร็จแล้วเอาไปให้โรมด้วยนะ”
    วัจนาแอบยิ้มเมื่อได้ยินเสียงกระแอมกระไอของบุตรสาว
    “ไปให้พี่โรมทำไมอ่ะแม่ วันนี้เขาได้ช็อกโกแลตมาตั้งเยอะ ยังไม่แบ่งให้หนูเลย หนูไม่ให้เค้กหรอก หนูยังไม่อิ่มด้วย กินอีกชิ้นได้” รสารีบกินเค้กตรงหน้าให้หมดก่อนนำเค้กอีกชิ้นออกจากกล่อง พอเห็นเค้กในกล่องสาวน้อยก็แทบกรี๊ด “แม่ แม่ซื้อไวท์ช็อกให้พี่โรม แล้วให้หนูกินแบล็คเหรอ”
    วัจนาอมยิ้มกับสายตากล่าวหาของบุตรสาว คุณแม่ตบศีรษะลูกสาวเบาๆ ลำเรียงจานชามไปเตรียมล้างทำความสะอาด
    ฮึ่ม ฮึ่ม กินไป รสาก็คิดแค้นไป คุณแม่นะคุณแม่ รู้ว่าลูกสาวชอบไวท์ช็อกฯ มากกว่า ยังลำเอียงให้ไวท์ช็อกฯ กับพี่โรม ถึงจะบอกว่ากินแบล็คช็อกฯ จะฉลาดกว่าก็เถอะ รสาหม่ำเค้กคำสุดท้าย แล้วรีบช่วยเก็บล้างทำความสะอาด
    “คุณพ่อกลับดึกหรือคะ” เด็กสาวถามเมื่อเห็นกับข้าวที่วัจนาเก็บใส่ตู้เย็น
    “จ้า เห็นว่าจะกลับดึกนะ”
    คุณพ่อเธอเป็นเซลล์ บางครั้งไปต่างจังหวัดหลายๆ วัน เหลือแต่เธอและแม่อยู่บ้านกันสองคนดีที่แถวบ้านไม่เปลี่ยว และเพื่อนบ้านก็ไว้ใจได้
    รสาหิ้วกระเป๋านักเรียนเข้าห้อง แลบลิ้นใส่ห้องของบ้านติดกันที่หน้าต่างชนกับห้องของเธอ ไฟยังปิดเงียบ เจ้าของห้องคงยังไม่กลับบ้าน ไปเที่ยวกับสาวสวยล่ะซิ เด็กสาวกระชากผ้าม่านลายหมีน้อยปิดอย่างหงุดหงิด อาบน้ำ รื้อกระเป๋าเอาการบ้านออกมาทำ
    เสียงข่าวในพระราชสำนักดังแว่วๆ มา ไม่มีอารมณ์เอาการบ้านไปทำหน้าโทรทัศน์ ไม่อยากเจอหน้าบางคนที่อาจโพล่เข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ รสาก้มลงอ่านโจทย์เป็นรอบที่สิบ ไม่เข้าหัวเลย ลงไปดีไหมนะ จะได้มีคนสอนการบ้านด้วย
    เสียงห้าวๆ เอ่ยทักคุณแม่ คุณแม่คงจะเล่าเรื่องเค้กเมื่อตอนเย็นเพราะมีเสียงหัวเราะประสานกันดังขึ้น รสาทิ้งตัวลงนั่งตามเดิม ทำเองก็ได้ เด็กสาวคิดอย่างงอนๆ
    เพราะก้มหน้าก้มตาทำการบ้าน จึงไม่รู้สึกถึงแสงสว่างที่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นที่กรอบประตูก่อนจะทวีขึ้น จนประตูห้องน้ำเหมือนช่องลำแสง
    “รสา รสา ได้เวลาทำงานแล้ว”
    “เดี๋ยวการบ้านยังไม่เสร็จเลย”
    “เอาไปทำด้วยก็ได้”
    ลำแสงสีส้มทอดมากลืนร่างเด็กสาวและโต๊ะทำงาน รสาหลับตาปี๋เมื่อแสงครอบคลุมตัวเธอ ไม่ร้อน แค่สว่างจ้าเท่านั้น ลืมตาขึ้นอีกที ห้องกว้าง โล่ง สีขาวเจือเขียวสะอาดตา เธอนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน บนโต๊ะมีคอมพิวเตอร์เปิดเอาไว้ เด็กสาวชะโงกไปใกล้มองหน้าจอ เหมือนหน้าตาเกม
    “อื๋อส์”
    “สวัสดี รสา” เสียงทักทายชัดแจ๋วจากหญิงสาวที่สวยมากๆ คนหนึ่ง นัยน์ตาแขก คุณน้าสาวคนนี้มีเชื้อแขกแน่ๆ
    “อา...สวัสดีค่ะ” รสารีบทักตอบ ผงกศีรษะหนึ่งทีก่อนยิ้มแหยๆ ที่ตัวเองควรจะยกมือไหว้
    “คุณเป็นพนักงานคนแรกของร้านเรา”
    “อา...ค่ะ” สาวน้อยพยักหน้าอีกหนึ่งหงึก
    “ฮือม์ ทำงานสิบวัน วันละหนึ่งชั่วโมง น่าจะพอกับการคืนช็อกโกแลตก้อนนั้น”
    “อา...ค่ะ” ดวงตาโตกรอกมองไปรอบๆ
    “ให้หนูทำอะไรบ้างคะ”
    หน้าจอเริ่มปรากฏจุดเคลื่อนไหว รสามองตาม ก่อนจะร้องอ๋อออกมาลั่นในใจ นี่มันเหมือนเกมเลย มีคนเข้ามาในร้าน
    เสียงทักทายเจื้อยแจ้วที่เธอเริ่มคุ้นหู ดังมาแว่วๆ
    เครื่องสแกนขึ้นรายการสิ่งของที่อยู่ในร่างกายของลูกค้า เด็กสาวตาใสเขม่นมองอย่างสนใจเต็มที่ ลูกค้าหยิบของเดินมาที่เครื่องคิดเงิน ที่ส่งเสียงบอกจำนวนเงิน ธนบัตรถูกหย่อนลงมา เงินทอนร่วงลงไปตามช่อง อ่ะฮ่า นี่ไงล่ะ ร้านสุดไฮเทค
    “นี่คืองานของเธอ รสา” เสียงใสๆ ตอบมาจากเจ้าของร้าน
    “ให้หนูทำอะไรคะ” รสาถามอย่างสงสัย ร้านจัดการทุกอย่างได้
    “อาจจะมีเหตุการณ์ที่คอมพิวเตอร์ของร้านไม่สามารถจัดการได้”
    “อา...ค่ะ”
    “เรียกฉันว่ามาดามแล้วกันนะ” เจ้าของร้านสาวพยักหน้า ลูบหน้าอย่างเพลียๆ “มีเธอมาช่วยงานก็ดีแล้ว ฉันขอไปพักสักชั่วโมงนะ” พูดเสร็จ มาดามก็เดินไปหลังร้านโดยไม่สั่งอะไรอีกเลย เด็กสาวตาค้างก่อนยักไหล่ ก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องยากเลยนี่
    เด็กสาวรออย่างใจจรดใจจ่อว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรบ้างให้เธอจัดการ สลับกับการทำการบ้าน มาดามแวะออกมาเป็นพักๆ ช่วยสอนการบ้านของพนักงานชั่วคราวไปด้วย เวลาหนึ่งชั่วโมงมาถึงโดยไม่รู้ตัว
    “ดูซิคะมาดาม เขาซ่อนของ” รสาพูดจ๋อยๆ ชี้ให้ดูภายในจอตรงหน้า มาดามยิ้มส่ายหน้าอย่างเอ็นดู ตามองนาฬิกาเรือนหนึ่งที่อยู่ตรงมุมหน้าจอ เข็มยาวเคลื่อนเข้าใกล้เลขสิบสอง แม่สาวน้อยจะมองเห็นไหมนะ ว่า หน้าปัดนาฬิกาเรือนนี้เป็นหน้าของเธอ เข็มยาวเคลื่อนทับเลขสิบสอง รสาถูกดึงกลับห้องของเธอโดยวิธีเดิม ท่ามกลางลำแสง
    “เฮ้ย” เด็กสาวร้องอออกมาอย่างตกใจ เมื่อแสงสว่างวาบขึ้น แล้วเจ้าคนจะขโมยของจะเป็นยังไงล่ะ เจ้าตัวยังอดคิดไม่ได้ก่อนกระพริบตาถี่ๆ
     “ฝันแหงๆ” รสาร้องเมื่อพบว่าเธอกลับมาอยู่ที่โต๊ะหนังสือในห้องอีกครั้ง คงเผลอหลับไป เธอรีบเปิดหน้าการบ้าน เสร็จแล้ว เธอทำการบ้านเสร็จแล้ว
    ก่อนเหลียวมองรอบๆ ตัวอย่างงงๆ นี่เธอไปทำงานที่ร้านนั้นจริงๆ หรือ แน่หรือเปล่า เสียงรถยนต์แล่นมาจอดหน้าบ้าน ดึงความสนใจของเด็กสาวไป คุณพ่อกลับมาแล้ว คุณพ่อไปตั้งเกือบเดือน รสาปิดประตูวิ่งจี๋ลงจากห้อง
    “ไงลูก” นิวัติยิ้มรับลูกสาวที่ไหว้ปุ๊บกอดแขนหมับทันทีที่ผู้เป็นพ่อเปิดประตู
    “เอาของพ่อไปเก็บก่อนนะคะ” เขาส่งของน้ำหนักเบาให้ลูกสาวนำเข้าบ้าน ก่อนเปิดท้ายรถหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ออกมา ยิ้มให้ภรรยาที่ปิดประตูรั้วเดินมาถึง
    “หิวไหมคะ นาเก็บกับข้าวเอาไว้ให้”
    “แวะกินมาแล้ว” สามีบอก “อยู่บ้านได้จนสิ้นเดือนล่ะ” เขายิ้มเย้าภรรยา
    “คุณพ่อ ไม่มีของฝากหนูเหรอ” เสียงแจ๋วๆ ที่ดังมาจากในบ้านเรียกรอยยิ้มของพ่อแม่ได้
    “เป็นยังไงบ้างเจ้าตัวยุ่ง”
    “สงสัยจะทะเลาะกับตาโรม นาซื้อเค้กมาฝากโรม เจ้าตัวยุ่งของเราแย่งกินหมด โรมแวะมาตอนเย็นก็ไม่ลงมา” วัจนายิ้มให้คุณพ่อที่มีลูกสาวคนเดียว ที่พอได้ยินชื่อหนุ่มก็ เริ่มชักสีหน้า ลูกสาวเราเพิ่งสิบสามเองนะคะ
    “ถ้าไม่เหนื่อยวัฒน์ดูการบ้านของรสาหน่อยนะคะ” เธอบอกสามี ที่พยักหน้ารับ
    “ไหน ลูกหนูจะเอาของนะ เอาการบ้านมาดูซิ ถ้าทำถูกเอาไปเลย ทำผิด พ่อจะให้แม่แทน”
    “อะไรล่ะคะ” เด็กสาวชะงักอาการวิ่งขึ้นไปเอาการบ้าน มือยังจับราวบันไดอยู่ คุณพ่อยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ เด็กสาวย่นจมูก รีบวิ่งขึ้นไปเอาการบ้าน
    รสายื่นการบ้านให้พ่อ ตาแป๋วมองอย่างมีความหวัง มือน้อยๆ ยื่นทวงเมื่อผู้เป็นบิดาเงยหน้าขึ้น “รางวัลของหนู”
    นิวัติหัวเราะ รวบตัวลูกสาวมาจุ๊บลงกลางกระหม่อม
    “เอ้าของรางวัล เจ้าหญิงของพ่อตัวเหม็นมาก ยังไม่อาบน้ำเลยหรือคะ ไปอาบน้ำนอนได้แล้วลูก เดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อไปส่ง”
    เด็กสาวดิ้นออกจากอ้อมแขนที่รัดแน่นอย่างแกล้งๆ ของผู้เป็นพ่อ คว้าการบ้านมาคืน
    “อื๋อ รางวัลอย่างนี้ให้คุณแม่ดีกว่า”
    ว่าแล้วเจ้าตัวน้อย ก็รีบวิ่งขึ้นบ้าน อมยิ้มกับเสียงหัวเราะของบุพการี
     
                    รสาขยับไปนั่งอีกข้าง เว้นที่ให้เด็กข้างบ้านก้าวขึ้นมานั่ง สาวน้อยเมินหนี ฮึ คุยกะสาวๆ ดึกละซิ เลยตื่นสาย ไปไม่ทันซ้อมบาส รอบเช้า แข่งคราวนี้แพ้นะ จะไปโห่ฮามาจากยอดตึกเลย
                    โรมยิ้มเก้อเมื่อสาวน้อยที่เขาตั้งใจยิ้มให้เมินหน้าหนี อุตสาห์วางแผนตื่นสายจะได้ขอติดรถไปด้วย จะได้ปรับความเข้าใจกัน เสียแผนตั้งแต่ที่คนขับรถอออกมาเป็นอาวัฒน์แล้ว ดีแต่อานา เรียกให้ขึ้นรถมาด้วย
                    “สายอย่างนี้ เมื่อคืนนอนดึกหรือ” วัจนาชวนคุย
    มองกระจกหลังเป็นลูกสาวตัวน้อย เมินมองออกนอกหน้าต่างไป ปกติได้ชวนพี่โรมคุยจ๋อยๆ ไม่หยุดปาก เออ เด็กสมัยนี้โตเร็วจริง ที่ชวนคุยนี่ไม่ได้ส่งเสริมเลยนะ แต่เธอไม่อยากให้โกรธกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง เมื่อวานโรมมาหาเหมือนปกติ แอบถาม เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าน้องเป็นอะไร กลัวว่ารสาจะไม่สบาย
                    “คุยกับสาวกี่สาย” นิวัตน์เย้าเด็กหนุ่มเล่น เห็นหน้าคร้ามๆ แดงขึ้นทันควัน
                    “โอ๊ย นับไม่ถ้วนค่ะพ่อ” สาวน้อยส่งเสียงกระแหนะกระแหน เด็กสาวเพิ่งหัดค้อนทำตาประหลับประเหลือก “เมื่อวานได้ช็อกโกแลตมาตั้งถุงใหญ่ไม่แบ่งหนูด้วย”
                    “เมื่อวานรสาก็ไม่ได้แบ่งเค้กให้พี่” เด็กหนุ่มต่อว่าทันควัน “พี่ยังเอาช็อกโกแลตแบ่งไว้ให้ในตู้เย็นเลย”
                    “อ่ะดี งั้นเย็นนี้จะกลับไปกินให้หมด” เด็กสาวลอยหน้าลอยตา
                    นิวัติ สบตาภรรยาที่แอบยิ้ม วัจนา เอานิ้วแตะริมฝีปากเป็นเชิงบอกว่า ยังไม่ถึงเวลาคุยเรื่องนี้ เด็กๆ 2 คนข้างหลังคุยกันเสียงดัง ถ้าจะถือว่าบทสนทนาเหล่านี้เป็นการคุย
                    “กินแล้ว เอาเค้กเราคืนมาด้วย”
    “ไม่ เรื่องอะไร นั่นแม่เค้าซื้อนะ เหอะ เค้าช่วยกินไม่ให้ตัวเองอ้วน โดดชู้ตบาสไม่ไหว ยังไม่ขอบใจอีก”
    “เมื่อวานทำไมไม่อยู่เชียร์ล่ะ” โรมถามถึงเรื่องที่ข้องใจทันที
    เด็กสาวแก้มบุ๋มชะงักเหมือนนึกขึ้นมาได้ ว่างอนอะไรกันอยู่ เหอะ ให้ดอกกุหลาบกลีบนุ่มยายฟ้า แล้วเอาช็อกโกแลตที่สาวๆ ให้มา มาอ่อยเรา เชอะ...เชอะ...เชอะ เมินซะเถอะ
    “การบ้านเยอะ จะรีบกลับมาทำการบ้าน”
    “ทำเองถูกหรือเปล่า”
    สาวน้อยแทบลุกขึ้นมาเต้น ถ้ารถสูงกว่านี้หน่อยนะ  “เค้าไม่โง่นะ” หน้าขาวๆ แดงก่ำ
    นิวัติกระแอมมาจากตอนหน้ารถ ถ้าไม่ห้ามทัพ สงสัยรถจะระเบิดด้วยฤทธิ์ลูกสาว
    “อาตรวจดูแล้ว”
    โรมมองหน้าขาวๆ ที่แดงแล้วตอนนี้เป็นสีชมพู ก่อนพยักหน้า เหมือนกับ...ก็ได้...จะว่าถูก...ก็ได้...ทำเอารสาเกือบเต้นอีกครั้ง
    “เลี้ยวค่ะ”
    นิวัติเลี้ยวตามคำบอกของภรรยา ขณะที่ลูกสาวร้องกรี๊ด “ผิดทางแล้ว หนูต้องลงเดินอีกแล้ว”
    “อ้าว”คุณพ่อร้อง ทำหน้าเหรอหรา วัจนาเอื้อมมือมาจับมือสามีไว้
    “จอดตรงนี้ล่ะค่ะ คุณพ่อเลี้ยวผิดแล้ว ไม่เป็นไรนะคะ ลูกหนู พี่โรมเดินไปด้วย”
    โรมลงจากรถมาก่อน รับกระเป๋าที่เด็กสาวเหวี่ยงมาใส่ ต้องหนีบกระเป๋าสองใบไหว้คุณอาทั้งสอง ขณะที่ เด็กสาวมือว่าง แถมออกเดินไม่ยอมเอากระเป๋าคืนเสียด้วย
    “รสา กระเป๋า”
    “ขอบใจ” รสารับกระเป๋ามากอด สะบัดหน้า เดินแกมกระโดดเข้ากับจังหวะเพลงที่ครวญหงุงหงิงในลำคอ ไม่สนใจคนขายาวที่ตอนแรกก็เดินมาข้างๆ จนเดินล้ำหน้าไปไกล รสาแลบลิ้นตามหลัง
    “เดินเป็นตามหมาหาย ไปเลย ไปหายายฟ้าเลย หนูไม่ง้อหรอก”
                    แม้จะแกล้งมองโน้นมองนี่ แต่สายตาเด็กสาวก็ยังอดจ้องมองไปยังแผ่นหลังของคนตัวสูงที่เดินดุ่มๆ ไปก่อนไม่ได้ ร่างสูงเดินเข้าร้านสะดวกซื้อ รสามองตามหยุดรอที่หน้าร้าน สมองส่วนความทรงจำเริ่มทำหน้าที่ เมื่อจำได้ เด็กสาวเกือบร้องกรี๊ดออกมา
                    เห้ยย ร้านสีเขียวกลายเป็นสีส้มไปได้ยังไง ยังกับขวดน้ำส้มซันควิกมาตั้งอยู่
                    โรมออกมาพร้อมกับถุงใส่นมและขนม ยื่นให้ไม่พูดไม่จา เดินดูดนมของตัวเองไป รสามองถุงขนมในมือ มองร้านสีส้ม ตาฝาดไปหรือเปล่านะ ที่เหมือนจะเห็นเงา มาดามคนสวยเมื่อคืน เลือนรางที่ประตูร้าน
                    “รสา สายแล้วนะ” โรมหันมาป้องปากตะโกนเรียก เมื่อเด็กสาวยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
                    รสาสะบัดหน้าไล่ภาพหลอน มองถุงใส่ขนมในมือ เชอะ ซื้อของมาให้ ง้อหรือยังไง แค่นี้ไม่พอหรอก
                    โรมมองตามอย่างตกใจระคนแปลกใจ เมื่ออยู่ๆ รสาก็วิ่งมายัดถุงขนมใส่มือ ก่อนวิ่งตึกๆ ไปทางโรงเรียนโดยไม่รอ “เฮ้ยอย่าวิ่ง มันโป๊” นั่น แล้วฟังเสียที่ไหน
                    มาดามมองเด็กหนุ่มที่วิ่งตามเด็กสาว พนักงานคนแรกของร้านนี้ไป ก่อนปรารภกับความว่างเปล่า
    “ต้นรักของเธอ คงใช้เวลาปลูกไม่นาน มันคงเติบโตแข็งแรง แต่ดอกรักของเธอ...” มาดามยิ้มขัน “คงต้องรอเวลาหน่อยนะ โรม”
     
                    อัปสรลอบยิ้ม เมื่อเห็นเพื่อนสาวที่นั่งข้างหน้า ทำท่าเชิด คอแข็งเมื่อ รุ่นพี่หนุ่มเนื้อหอม เอาถุงใส่ขนมมาวางไว้ให้แล้วออกจากห้องไป เขายิ้มรับเสียงกรี๊ด ของเด็กสาวๆ อย่างคนมนุษย์สัมพันธ์ดี
                    “ว๊าว รสา งอน พี่โรมเหรอ”
                    “ไม่ได้งอน” รสา ตอบเสียงเรียบกริบ เขี่ยถุงขนมไปจนสุดขอบโต๊ะ เค้าจะหาที่ว่างไว้กางหนังสือเรียนหรอก
    อัปสรซ่อนยิ้ม ลุกเดินนวยนาดมากรีดนิ้วหยิบถุงขนมดู  “ว๊าว พี่เลี้ยงมาส่งนมให้เบบี๋เหรอ”
    เธอดูสีหน้าบึ้งตึงของเพื่อน โธ่ ยายหน้าจืด อย่างเธอนะ ไม่เหมาะกับพี่โรมหรอกจ้ะ คนหล่อ เรียนเก่ง กีฬาเลิศ ต้องเหมาะกับสาวสวยอย่างฉัน อัปสรคิดในใจ
    “ฟ้ายังไม่กินอะไรเลย ขอแบ่งนมได้ไหมจ้ะ”
    “เอาไปทั้งถุงเลย รสากินข้าวมาแล้ว” เด็กสาวตอบ เชอะ อยากได้เอาไปเลย ฉันได้ช็อกโกแลตทั้งถุงอยู่ในตู้เย็นที่บ้านย่ะ
     
    โรมยิ้มรับสาวน้อยแก้มบุ๋มที่วันนี้มาทำหน้าที่ถือผ้าเช็ดหน้า ส่งน้ำเหมือนเคย
    “พี่โรม” เสียงใสๆ อ้อน
    “อือม์ มีอะไร” เด็กหนุ่มถาม
    “รสายืมคอมพิวเตอร์ค้นข้อมูลหน่อยซิ”
    โรมมองดวงหน้าใสๆ ยิ้มหวานประจบ ถ้าไม่มีรายงาน จะมาถือผ้าให้ไหม
    “เรื่องอะไร จดมา เดี๋ยวพี่ค้นให้”
    เหมือนจะเตรียมตัวมาอย่างดี รสายื่นกระดาษให้ทันที “อ่ะ ขอบคุณล่วงหน้าจ้า”
    พอโรมรับกระดาษไป รสาก็ส่งผ้าขนหนูน้ำ ให้ทีเดียว ก่อน ยิ้มกริ่ม หิ้วกระเป๋าออกมา เหอะ หนูงอนนะ แค่ค้นรายงานให้นะ รสาไม่หายงอนหรอก
    โรมมองตามหลังเด็กสาวไปอย่าง งงๆ ใช้เสร็จไปเลยนะ เสียงเพื่อนหัวเราะยั่วอยู่ข้างหู
    “ข้าว่าน้องบุ๋มเขายังไม่หายโกรธแกเว้ยเจ้าโรม หันไปหาน้องฟ้าดีกว่ามั๊ง”
    โรมหันไปเจอนางฟ้าประจำโรงเรียนส่งยิ้มหวานลงมาให้ สายตาออดอ้อนให้เขาเรียก เด็กหนุ่มส่งยิ้มขรึมๆ ให้ ตั้งแต่วันที่ซื้อต้นไม้ของหัวใจมาแล้ว เขาได้ตอบคำถามด้วยความหนักแน่นของหัวใจทั้งดวง เขาอยากมีอนาคตกับเธอ ไม่ว่าจะอีกกี่เดือน กี่ปี ข้างหน้า เขาก็ จะรอ
                    J
                    อีกวันแล้วที่โรมแวะไปสอนการบ้านแล้วคนเรียนไม่ยอมลงมา เขาขึ้นไปเคาะประตูเรียกแล้ว แต่เงียบ หมุนลูกบิด...ล็อกข้างใน
                    “สงสัยนอนครับ เรียกก็ไม่เปิด” โรมเดินลงมาบอก
                    นิวัติ เลยเดินขึ้นไปดูลูกสาวเอง หมุนประตูเข้าไป เห็นลูกสาวน้อยนั่งทำการบ้านอยู่
    “พี่โรมมาสอนการบ้านแล้ว ลูกหนู”
    “หนูทำเองได้แล้ว ไม่เอาคนสอนแล้วค่า”
    “แล้วเอาลงไปให้พ่อตรวจนะ”
    นิวัติบอก สงสัยเด็กๆ มีเรื่องทะเลาะกัน เมื่อกี้อะไรนะแปลกๆ เห็นลูกสาวนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะหนังสือ มีอะไรเหมือนเครื่องคอมพิวเตอร์วางตรงหน้า เขาซื้อคอมให้ลูกสาวเมื่อไรกัน ขยับจะหมุดลูกบิดเปิดประตูอีกครั้ง ประตูกลับล็อกเสียแล้ว นิวัติยักไหล่ คิดว่าลูกสาวไม่อยากให้ใครมากวนแก เวลาทำการบ้านมากกว่า เลยเดินลงมาบอกเด็กหนุ่มข้างบ้าน ว่าเดี๋ยวเขาจะตรวจการบ้าน รสาเอง
    โรมต้องถอยกลับบ้าน รดน้ำต้นไม้ในกระถางรูปหัวใจ ยอดอ่อนๆ แทงสูงขึ้นมาอีกหน่อย หยิบกระดาษไปค้นรายงานให้สาวน้อยแสนงอน
    J
    “ว๊าว” เด็กสาวร้อง ก่อนยกนิ้วหัวแม่มือชูร่อน “เจ๋ง”
    ภาพเธอนั่งที่นี่ ถูกส่งไปที่ห้อง ดีนะ ที่พ่อไม่เดินเข้ามา ไม่อย่างนั้น พ่อตกใจตายเลยที่จับทะลุตัวลูกสาวได้
    “ถ้าคุณนิวัติเดินเข้ามา เราจะส่งตัวเธอกลับทันที” มาดามตอบ ก่อนจะสอนโปรแกรมต่อไปให้เธอ โปรแกรมที่ส่งภาพของเธอไปที่ห้อง รวมทั้งการใช้ลำโพง และปุ่มพิเศษที่จะส่งเธอกลับห้องก่อนเวลา
    มาดามมองตาใสแจ๋วที่แพรวพราวอย่างสนุกกับการลองของใหม่ ก่อน กระแอมเบาๆ
    “อย่าลืมทำการบ้านล่ะ รสา ฉันฝากร้านเธอหน่อยนะ ขอไปพักหน่อย
    “ค่า มาดาม ไว้ใจหนูได้ หนูจำได้ค่ะ ว่าถ้ามีอะไรฉุกเฉิน หนูจะต้องกดปุ่มไหน” เสียงแจ๋วๆ ตอบ
    มาดามส่ายหน้าช้าๆ อย่างเอ็นดู ถ้ารสา ทำงานที่นี่นานกว่านี้ จนถึงเวลาที่เจ้าเจทหลานชายมาเยี่ยมเธอ ความอยากรู้อยากเห็นของเด็กสองคนนี่จะทำเอาวุ่นวายขนาดไหนนะ
    J          
    โรมวางกระดาษรายงานที่เขาค้นคว้ามาให้สาวน้อยข้างบ้านลงบนโต๊ะนักเรียนของเธอ ไปหาที่บ้าน รสาทำการบ้านเองได้แล้ว ไม่ต้องช่วยตรวจการบ้าน เพราะเดี๋ยวนี้เจ้ารสาตัวน้อยเริ่มเก่งกาจทำการบ้านไม่มีที่ผิด อันนี้ คุณพ่อคุณแม่รับรองมาเอง เขาจะพูดอะไรได้
    ตอนเช้าเขาไม่กล้าแอบไปดักรอรถอีกเมื่อทราบว่าคุณอานิวัติหยุดไม่ออกต่างจังหวัดหลายอาทิตย์ อาจจนถึงปิดเทอม ตอนเย็น สาวน้อยที่เคยถือผ้าซับเหงื่อ คอยส่งน้ำไม่โพล่หน้ามาให้เห็น มาโกรธอะไรกัน เขาทำอะไรให้เจ้าตัวไม่พอใจหรือไง ช็อกโกแลตของโปรดได้มากี่อันยกให้หมด ยังมาโกรธเรื่องอะไรอีก
    เด็กหนุ่มวางมือนิ่งลงบนรายงานราวกับจะส่งความในใจแฝงไป เสียงเด็กเจี้ยวจ้าวดังมา โรมถอนหายใจรีบหลบออกจากห้อง เดี๋ยวมาส่งเสียงกรี๊ดอีก แล้วที่สำคัญเขาไม่อยากให้รสาต้องกลายมาเป็นจุดสนใจ
    J
    อัปสรเดินผ่านตามแถวโต๊ะไปวางกระเป๋าหนังสือ หันกลับมาสะดุดตาที่กระดาษสั่งพิมพ์คอมพิวเตอร์ที่วางอยู่บนโต๊ะตัวข้างหน้า
    เอ๊ะ โต๊ะของรสานี่ รายงานอะไร อัปสรแอบอ่าน จนไปเจอใบสุดท้าย กระดาษที่พิมพ์ออกมาจากเครื่องพิมพ์เช่นกัน
    องค์หญิง ทำตามใบสั่งเรียบร้อยแล้วขอรับ เลิกงอนหรือยัง
    ไม่มีส่งถึงใคร ไม่มีคำลงท้าย อัปสรยิ้ม ไม่ลังเลที่จะคว้าปากกาของเธอมาเขียนคำว่า ฟ้า ก่อนหน้า องค์หญิง
    รู้กันทั้งห้องว่าพี่โรมเป็นพี่ข้างๆ บ้านของรสา ถึงไม่ควงกันจี๋จ๋า แต่เธอรู้สึกเสมอว่าสำหรับพี่โรมแล้ว รสาเป็นที่หนึ่งในดวงใจ เขาเคยให้ใครถือผ้าซับเหงื่อ ถือน้ำให้บ้างล่ะ จะให้ยายหน้าจืดมาเด่นเกินหน้า สาวสวยประจำโรงเรียนอย่างเธอได้ยังไง อัปสรเดินกลับมานั่งที่นั่ง ทิ้งกระดาษรายงานไว้ที่โต๊ะของรสาอย่างเดิม
    เสียงคุยแจ๋วๆ เสียงหัวเราะดังมาก่อนที่นักเรียนอีกกลุ่มจะเดินเข้ามา
    “สวัสดีจ้า” อัปสรส่งเสียงทักทายพร้อมรอยยิ้มหวาน เพื่อนๆ ที่เข้ามาใหม่ ทักตอบ พร้อมรอยยิ้มเช่นกัน
    “วันนี้มาเช้านี่ ฟ้า” รสาทัก วางกระเป๋าลงที่โต๊ะ ตาใส ปากแย้มออกเป็นรอยยิ้มดีใจเมื่อเห็นกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะ
    “ไปดูพี่โรมซ้อมน่ะจ้ะ”
    “เหรอ” เด็กสาวงึมงำ เนื้อความในประโยคของเพื่อนเข้าหูมานิดเดียว ใส่ใจกับเนื้อหาในกระดาษพี่โรมนี่น่ารักจังเลย เดี๋ยวบอกแม่ซื้อเค้กช็อกมาให้ ทำให้รสาได้ขนาดนี้ เอาเค้กไวท์ช็อกไปเลย
    “เนี๊ย รายงานของฟ้าให้พี่โรมช่วยทำให้ไม่รู้จะเอามาให้เมื่อไร”
    ประโยคนี่แค่สะกิดใจรสาเล็กๆ
    อัปสรลอบยิ้มมองดูปึกกระดาษในมือเพื่อนสาวที่เข้าใกล้แผ่นสุดท้ายไปทุกที รสา ยายหน้าจืดจะมาเด่นอะไรเกินหน้าฉันย่ะ ดีเลย ยิ่งลืมค้นรายงานอยู่ด้วย ฉันขอก่อนล่ะ ส่วนเธอ ก็ไปค้นเอาเองแล้วกัน ได้ผลสองต่อ ฉันไม่ต้องทำรายงานเอง แล้วเขี่ยเธอให้ออกห่างจากพี่โรม
    ฟ้า...องค์หญิง
    หน้ามืดวูบ รสาหลับตาแล้วลืมมามองใหม่ ข้อความยังไม่เปลี่ยนไป
    ฟ้า...องค์หญิง
    เสียงเก้าอี้เลื่อนครูดเสียงดังสนั่น รสาผุดยืน กำปึกกระดาษในมือแน่น หันขวับไปมองห้องตรงกันในตึกตรงข้าม สายตาของเธอเหมือนลูกธนูวิถีโค้งที่ยิงใส่แผ่นหลังใครบางคนเข้าอย่างจัง ไม่มีพลาดเป้า เมื่อเหยื่อที่ถูกยิงด้วยสายตา หันขวับมามอง รอยยิ้มสว่างส่งมาให้ ก่อนจะจางลงเมื่อไม่ได้รับรอยยิ้มตอบ แถมสายตายังเหมือนระเบิดเวลาสองลูกที่พร้อมจะระเบิดอีกต่างหาก รสาสะบัดหน้า กลับ
    “ของเธอ”
    เด็กสาววางรายงานลงบนโต๊ะเพื่อน ก่อนหันกลับมานั่งที่เก้าอี้ตัวเองโดยเร็ว ฮึ่มฮั่มในใจอย่างโมโห หน๋อย ทำให้ยายฟ้า แล้วของรสาล่ะ แล้วยิ่งโมโหเป็นสองเท่า เมื่อเสียงหวานๆ ดังต่อมา
    “อ้าว ทำไมไปอยู่บนโต๊ะรสาละจ้ะ สงสัยวางผิด”
    ฮึ่มวางผิด เจตนาละซิ แก้แค้นที่เค้าไม่ไปเป็นราวตากผ้าซับเหงื่อ ที่เค้าไม่ไปเป็นโต๊ะวางแก้วกินน้ำหรือไง
    โรมยิ่งไม่เข้าใจเมื่อสาวน้อยขว้างค้อนมาอีกที ทำอะไรผิดหรือ รายงานก็ค้นให้แล้ว จัดเรียงหน้าให้แล้วด้วย ไม่ถูกเรื่องหรือยังไง เมื่อวานกว่าจะพิมพ์ให้เรียบร้อยตั้งเกือบตีสองนะ
     “อุ๊ย ฟ้า...องค์หญิง อุ้ย พี่เขาปากหวานเนอะ รสา”
    เสียงเก้าอี้เลื่อนครูดเสียงดังสนั่นอีกครั้ง
    “ไปไหนอ่ะ รสา” เสียงหวานถามอย่างเป็นห่วง
    “ห้องน้ำ” รสาตอบเสียงเย็นเจี๊ยบ อย่าตามมานะยายฟ้า ตามมา ฉันไม่รับรองว่าจะไม่จับเธอหมกห้องส้วม
    สาวสวยประจำโรงเรียนยิ้มหวานโบกมือให้ สนใจรายงานที่หวานใจค้นมาให้ต่อ รสามองตาขุ่น กระแทกเท้าออกจากห้อง ฮึ่ม ฮึ่ม ฮึ่ม โว้ยยยย
    J
    เย็นนั้น รสาไปยืนยิ้มหวาน ส่งผ้าให้นักกีฬาที่ลงซ้อมทุกคน โดยเฉพาะของพี่โรมยิ่งพิเศษสุด เด็กหนุ่มยิ้มรับผ้ามา สงสัยเมื่อเช้าเข้าใจผิด
    “ขอบคุณครับ องค์หญิง”
    โรมพึมพำเสียงเบาให้ได้ยินกันสองคน ไม่ได้เห็นแววตาขุ่นกับกริยาย่องของสาวน้อยที่หอบกระเป๋าถอยห่าง
    โรมสะบัดผ้าที่พับเรียบร้อยขึ้นเตรียมจะเช็ดหน้า ก่อนจามสนั่น ตามด้วยเสียงจามของอีกหลายๆ คนใกล้ตัว กับระเบิดพริกไทที่เจตนาวางสำหรับเขาโดนตรงทีเดียว เสียงหัวเราะของผู้ชมระเบิดสนั่นตามมา
    ไม่เข้าใจผิดแล้ว โรมมองตามหลังเด็กสาวที่หิ้วกระเป๋านักเรียนวิ่งกระโปรงปลิวหนีไปทั้งที่ยังจามลั่น น้ำตาเล็ด
    “เฮ้ย แกไปทำอะไรน้องบุ๋มเขาโกรธว่ะ”
    โกมินทร์ทั้งจามทั้งหัวเราะ ส่งน้ำให้เพื่อนล้างหน้า ตามด้วยผ้าสะอาดให้ซับหน้า
    “จะไปรู้เรอะ” โรมสะบัดเสียง ทั้งโกรธทั้งอายเมื่อเสียงหัวเราะของคนที่ตามมาดูการซ้อมยังลอยลมตามมาถึงนี่ ยายรสาเพี้ยนอะไรขึ้นมา ถ้านี่ตอบแทนรายงานนะ ชาตินี้อย่าหวังเลยว่าจะค้นรายงานอะไรให้อีก
    อัปสรปิดปากพยายามไม่หัวเราะ หลังเหตุการณ์วุ่นวายที่รสาก่อขึ้น โธ่ โถ พี่โรมขา หันจากยายรสาหน้าจืดมาทางนี้ซิคะ ฟ้าไม่ทำอะไรอีเดียดอย่างนั้นหรอกค่ะ
    J
    รสาแวะร้านสะดวกซื้อ six to six พี่โรมไม่ทำรายงานให้ วันนี้เธอคงต้องค้นรายงานจากหนังสือหอบโตในมือนี่ด้วยตัวเอง ยิ่งคิดยิ่งแค้น
    ดังนั้นวันนี้คงต้องขอลาหยุดงาน เด็กสาวเงยหน้ามองร้านที่วันนี้เปลี่ยนเป็นสีเหลืองแกมชมพูนิดๆ ที่สีชมพูเริ่มเข้มขึ้นตามการคล้อยห่างของตะวัน ใช่หรือเปล่านะ เด็กสาวถอนห่างออกไปหน่อย ดูให้แน่ใจ จริงๆ ด้วย
    เด็กสาวสั่นศีรษะอย่างไม่อยากจะเชื่อ ร้านนี้เปลี่ยนสีได้ตามวัน พรุ่งนี้ต้องเป็นสีชมพูหวานทั้งร้านแน่เลย แหวะสีชมพู ไม่เข้ากับอารมณ์เธอตอนนี้เลย
    เด็กสาวเดินวนไปมาเลือกบริเวณที่ไม่มีคนที่สุด “หนูขอลาหยุดงาน”
    เสาข้างกายเธอปรากฏสีรุ้งก่อนปรากฏตัวอักษร
    “ทำไมล่ะ”
    “มีรายงานต้องทำค่ะ” รสาบอก เด็กสาวถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ “ส่งวันศุกร์นี้ ต้องพิมพ์ด้วย ยังไม่ได้ทำอะไรเลย”
    เสาข้างตัวไม่มีปฏิกิริยาอะไร เด็กสาวบ่นต่อ “หนูวานพี่ข้างบ้านเขาค้นให้แล้วเขาไม่ว่างทำให้ค่ะ หนูเพิ่งรู้ว่าเขาไม่ว่าง”
    รู้เมื่อเช้าเอง รู้แบบน่าโมโหมากด้วย ไม่ทำให้ก็บอกกันก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องมาทำเหมือนตบหน้าโดยทำให้ยายฟ้าเลย ถ้าบอกว่าไม่ทำให้ เธอค้นข้อมูลเองก็ได้เสียเวลาหน่อย เวลาพิมพ์ไม่ง้อเครื่องของพี่โรมแล้ว เธอเอามาพิมพ์เองที่ร้านเวลามาทำงานพิเศษก็ได้
    “ทำเรื่องอะไร”
    “ยุคกลางค่ะ”
    เหมือนเธอจะเห็นใบหน้ามาดามเลือนรางที่แผ่นกระจกเสา
    “มาทำงานเถอะ ฉันจะช่วยเธอเอง”
    ประกายสีรุ้งวิบวับปรากฏขึ้นเหมือนคีย์บอร์ดอีกด้านหนึ่งกำลังถูกสัมผัสด้วยปลายนิ้วเรียวสวยของมาดาม
    “อยากไปเห็นด้วยตาเธอไหมล่ะ”
    “หนูไปได้เหรอ” เด็กสาวตาโต
    “ฉันจะพาเธอไปเอง แต่ว่า...”
    “คะ”
    “เธอต้องมาทำงานเพิ่มให้ฉันนะ”
    เด็กสาวหัวเราะคิก ก่อนรีบปิดปาก มองไปรอบๆ อย่างระแวงว่าจะมีใครมาได้ยิน
    “ได้เลยค่ะ” เธอก้มลงมองถุงหนังสือค้นคว้า “อย่างนั้นหนูฝากหนังสือไว้ที่ร้านได้ไหมค่ะ
    “ไม่ได้”
    “โธ่ มันหน้กน๊า”
    ไร้การตอบสนอง รสาย่นจมูก
    ว๊าว ไปอังกฤษยุคกลางเหรอ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงนึกถึงภาพยนตร์เก่าๆ แต่หลังจากที่ทำงานมาหลายวัน เธอหวังมากกว่านั้น
    ว๊าว ยุคกลาง
                    J
    หลังกินข้าวเสร็จ รสารีบหอบกระเป๋าพร้อมหนังสือที่ยืมมาจากห้องสมุดหอบโตวิ่งขึ้นห้อง ให้พ่อแม่มองตามอย่างประหลาดใจ ถึงเดี๋ยวนี้ลูกสาวจะดีขึ้น ขยันทำการบ้าน ไม่ต้องมีพี่เลี้ยง แต่อะไรล่ะที่ผิดปกติไป เก็บตัวอยู่แต่ในห้องอย่างนั้นหรือ
    วัจนาชะเง้อมองข้างบ้าน เมื่อได้ยินเสียงเลื่อนของประตู ตาโรมกลับมาแล้ว เธอมองสามีก็เห็นยังทำเฉย หยิบหนังสือมาอ่านเสีย คุณแม่ยังสาวทำเสียงขึ้นจมูก ก่อนหยิบงานที่คั่งค้างมาลงมือทำเช่นกัน
                    อาบน้ำ จำได้ถ้าไปยุคโบราณไม่มีที่อาบน้ำ เข้าห้องน้ำ เอาแปรงสีฟันยาสีฟันมาด้วย วางไว้คู่กันบนโต๊ะ สมุดปากกาเอาไว้โน้ตสิ่งที่น่าสนใจ เด็กสาวจ้องนาฬิกาเป๋ง ครั้งนี้เป้นครั้งแรกจริงๆ ที่เธอตั้งอกตั้งใจรอการเดินทางไปสู่ยุคกลางมันต้องน่าสนใจมากๆ แน่เลย
                    J
                    “ของมหัศจรรย์ในยุคกลาง” รสาร้องเสียงดัง “รสาไม่เอานะคะมาดาม ก็ เรื่องนี้ไงที่พี่โรมทำให้ยายฟ้าอ่ะ นะคะ นะคะพารสาไปอังกฤษยุคที่เขาขี่ม้ารบแย่งชิงผ้าผูกผมเลดี้หน่อยนะคะ”
                    มาดามส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ “ฉันไม่ได้เตรียมตัว ถ้าไม่ไป ก็ อยู่ทำการบ้าน เฝ้าร้านนี่ล่ะ ฉันจะได้ไปพักผ่อนบ้าง”
                    มองหน้าเด็กสาวที่งอง้ำ ก่อนยื่นมือออกไป แอบยิ้มในใจเมื่อเด็กหัดค้อน ทำค้อนหล่นใส่หัวแม่เท้าตัวเองอีกครั้งด้วยความที่ยังไม่ชำนาญพอ ก่อนวางมือลงบนมือเรียวยาวของเธอ
                    รสารู้สึกถึงความร้อน ร้อนมากๆ เหมือนกำถ่าน หรือจะกำน้ำแข็งไว้ในมือก็ได้ เมื่อเธอวางมือลงในมือของมาดาม จะกระชากออกก็ถูกกุมไว้แน่น พร้อมหัวหมุนติ้ว อันนี้เริ่มคุ้นการเดินทางผ่านเส้นทางพิเศษเริ่มแล้ว เมื่อเริ่มรู้สึกพื้นดินมั่นคงดีแล้ว เด็กสาวรีบยกมือขึ้นมาดู กลางฝ่ามือของเธอเหมือนจะมีเงาอะไรบางๆ สะท้อนออกมาเหมือนกระจก มาดามยื่นมือมาจับข้อมือเอาไว้
    “กันเอาไว้เพื่อจะหลง ฉันจะได้หาเธอพบ”
    มาดามชี้ไปข้างหน้า “นี่ที่ไหนเธอรู้จักไหม”
    รสามองสนามหญ้าเขียวๆ ตึกสูงๆ แล้ว เอ๋ทำไมมันเอียง
    “หอเอนเมืองปิซ่า” เด็กสาวคราง เข่าอ่อนแทบทรุดลง
    “สร้างเมื่อไรจ้ะ”
    “ปี 1174 ค่ะ เสร็จปี 1350 ใช้เวลาสร้างนานมาก 176 ปี รสาว่าเพราะสร้างนานแน่เลย มันเลยแก่ง่อม งอลงมา” ระหว่างตอบ ภาพตรงหน้าเหมือนเธอจะเห็นการก่อสร้างตั้งแต่เริ่มวางรากฐาน เวลา 176 ปี ผ่านไปในชั่วกระพริบตา
    มาดามอดหัวเราะกับความคิดแปลกๆ ของเด็กสาวไม่ได้ “รสารู้อะไรอีกคะ เกี่ยวกับหอเอนนี้”
    “มันยังเอนอยู่ค่ะ และยังไม่ล้ม” เด็กสาวตอบพร้อมยิ้มยิงฟัน “ฮือม์ กาลิเลโอมาโยนก้อนหิน กับขนนกลงที่หอนี้ ทำให้หนูต้องเรียนเรื่องแรงดึงดูดของโลก”
    “ไม่ใช่ก้อนหินกับขนนกจ้ะ เป็นตะกั่วที่น้ำหนักไม่เท่ากัน กาลิเลโอเชื่อว่าการที่ขนนกตกถึงพื้นช้ากว่า เพราะมีแรงมาต้านให้มันตกช้าลงไม่ใช่เพราะมันเบากว่า ดังนั้นเขาจึงเลือกวัสดุที่เหมือนกัน แต่น้ำหนักไม่เท่ากันมาใช้แทน และ มันตกลงมาถึงพร้อมกัน เขาพบว่าสิ่งของจะมีความเร็วเพิ่มมากขึ้นทุกวินาทีเมื่อใกล้ถึงพื้น นั่นคือความเร่ง แล้วเขาเป็นคนค้นพบการยิงวิถีโค้งด้วยนะ”
    รสาทำหน้ามุ่ย “และเขาทำให้การบ้านหนูเยอะ”
    มาดามส่ายหน้าอย่างเอ็นดู “ขึ้นไปข้างบนไหม”
    เด็กสาวส่ายหน้าหวือ “อยากขึ้นนะคะ แต่ว่า 8 ชั้น หนูไม่สู้ กว่าจะขึ้นไปถึง ไม่ต้องไปไหนต่อ”
    “งั้นเราไปกันเถอะ” มาดามบอกพร้อมเอื้อมมือมาจับข้อมือเด็กสาวเอาไว้ รสาหลับตาบี๋ รู้ถึงความสั่นความแรงของลม มาดามจะพาไปที่ไหนต่อ ไปที่ไหน
     
    “ลืมตาได้แล้ว” เสียงหวานใสของมาดามดังขึ้น รสาค่อยๆ หยีตา ที่จริงเธอรู้สึกพื้นมั่นคงดีแล้ว แต่ อาการสะท้านหนาวๆ ลมแรงๆ ทำให้ไม่แน่ใจ เมื่อลืมตาขึ้น
    กำแพง เธอยืนอยู่บนเชิงเทินกำแพงเหมือนในหนังสงครามเลย เด็กสาววิ่งไปชิดเชิงเทินชะโงกมอง หัวเราะเสียงดัง “กำแพงเมืองจีน”
    มาดามพยักหน้าหน้ารับ “สิ่งที่มองเห็นได้จากนอกโลก มันมหัศจรรย์มากเลยใช่ไหมล่ะ”
    รสามองความกว้างของเชิงเทิน กว้างขนาดเอารถขึ้นมาวิ่งได้สบายๆ “สร้างเป็น 10 ปี เอาไว้เพื่อป้องกันบ้านเมืองจากศัตรู หนูเคยดูเรื่องจิ๋นซี ที่หลงรักผู้หญิงที่มาหาสามี ที่ถูกเกณฑ์มาสร้างกำแพง มันจริงไหมคะ”
    มาดามเพียงยิ้มตอบดวงหน้าอ่อนวัยที่แหงนเงยถาม
    “เราต้องไปกันต่อแล้ว”
    รสาเดินกลับไปให้มาดามจับมือเธอ หัวหมุนติ้ว รสายกสองมือกุมหัวเอาไว้ หลังจากหายโคลงเคลง เด็กสาวค่อยๆ ลืมตาเองเมื่อรอเท่าไร มาดามก็ไม่เรียกเสียที ก่อนอ้าปากค้าง
    ข้างหน้า นั่งร้านขนาดใหญ่ และ เก๋งจีนมหึมาที่กำลังก่อสร้าง เสื้อผ้า มันต้องไม่ใช่แค่หนังแน่ๆ แสงเรืองๆ ที่ในมือทำให้ต้องก้มมอง ใบหน้ามาดามปรากฏที่กลางฝ่ามือ “เธออยู่ไหนรสา”
    “ไม่ทราบค่ะ” รสาตัดสินใจหันฝ่ามือไปทางเก๋งจีนใหญ่ที่กำลังสร้าง แสงวาบจากฝ่ามือเธอทำให้คนงานที่ปีนอยู่บนนั่งร้านหันมามอง ก่อนพากันชี้มือส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว รสา รีบหันมือแนบกับอก วิ่งหาที่หลบ ก่อนชนปัง เด็กสาวสะดุ้งเฮือก ก่อนถอนหายใจอย่างโล่งอก มาดามนั่นเอง
    “ไป” พูดเท่านั้น มาดามไม่แค่จูงมือแต่กอดเอาไว้ทั้งตัว นี่ดีนะที่ติดเครื่องติดตามไว้ เกิดทำลูกสาวเขาหายระหว่างทาง จะเอาที่ไหนไปคืน
    รสามานั่งหอบหายใจอย่างไม่หายตื่นเต้นที่โต๊ะทำงานของเธอในบริเวณด้านหลังร้านสะดวกซื้อ ใกล้จะถึงเวลาที่เธอต้องกลับบ้านแล้ว
                    J
    “รสา รสา”
                    เสียงใครนะมาเรียก ไม่อยากตื่นเลย ง่วงๆๆ อยากนอน เด็กสาวซุกตัวลึกเข้าไปในที่นอนนุ่ม
                    “รสา” วัจนา เปิดประตูเข้าไปเมื่อเรียกแล้ว ไม่มีเสียงขานตอบ ลูกสาวยังนอนอยู่ในโปงผ้าห่ม สายแล้วนะลูกจ๋า วันนี้ไม่ใช่วันหยุดนะลูก คุณแม่ส่ายหน้าก้มลงดึงผ้าห่มออก “ลูกหนู ต้องไปเรียนนะคะ นี่ไม่ใช่วันหยุดนะลูก”
    ลูกสาวตัวน้อย ซุกหัวเข้าไปในหมอนเหมือนตอนไม่สบายตอนเด็กๆ วัจนาแตะมือตามซอกคอ ร้อน เพราะนอนในผ้าห่มหรือเปล่า
    “ไม่ไปโรงเรียนหรือคะ” วัจนาถามเสียงเบา ดึงหมอนใบที่ปิดหน้าออก เจ้าตัวน้อยหันไปซุกหาผ้าห่มที่เธอเลิกขึ้นไว้อีกฝั่งแทน เหงื่อออก ผมเปียก ตัวชื้นเชียว หญิงสาวหยิบรีโมทเครื่องปรับอากาศมาดู อุณหภูมิก็ไม่ได้ตั้งเย็นเกินไปนี่น่า
                    “รสา” วัจนาลองปลุกอีกครั้งแตะมือที่หน้าผากซอกคอ ยังร้อน ดูเหมือนจะร้อนกว่าเดิมด้วยซ้ำ “ปวดหัวไหมลูก”
                    ศีรษะเล็กๆ ส่ายไปมา
                    “หนาวไหมคะ”
                    อาการขยับไหวของศีรษะเป็นคำตอบอีกครั้ง วัจนามองลูกสาวนิ่ง คงต้องให้หยุดเรียน อาจจะเริ่มไม่สบาย รสาเป็นเด็กแข็งแรงให้นอนสักวันก็หาย แต่นี่เป็นวันธรรมดา เธอต้องไปทำงาน แล้วคุณพ่อล่ะ พอจะไปทำงานสายดูลูกหน่อยได้ไหม
                    “ยายหนูป่วยค่ะ” วัจนาบอกคุณพ่อเบาๆ นิวัตน์ เลิกคิ้ววางถ้วยกาแฟลง
                    “ตัวร้อนนิดหน่อย ไม่ได้ปวดหัว นาว่าให้นอนสักวันน่าจะดีขึ้น แต่ว่า...”
                    สามียิ้มอย่างรู้ใจ “ได้ เดี๋ยวผมดูยายหนูให้ช่วงเช้าเอง ถ้าสายๆ ค่อยยังชั่ว จะเอาไปที่ทำงานด้วย หรือยังไงดี”
                    “ค่ะ นามีประชุมด้วยทั้งวัน ถ้าบ่ายยังไงฝากคุณพี่ข้างบ้านก็ได้นะคะ”
                    “ครับผมคุณแม่” นิวัติรอจนรถภรรยาลับสายตาไปแล้ว จึงเดินถือกาแฟกับนมอย่างละครึ่งขึ้นไปที่ห้องบุตรสาว เจ้าตัวนอนขดซ่อนศีรษะไว้ใต้ผ้าห่ม
                    “ตื่นได้แล้ว คุณแม่ไปทำงานแล้ว”
                    อาการเงียบของบุตรสาวทำให้วิวัฒน์ลองแตะตัวดู ตัวร้อนนิดๆ คงไม่ใช่จะเกเรไม่ไปโรงเรียนหรอกน่า
                    “ไปหาหมอไหมลูก”
                    เจ้าตัวน้อยถอนหายใจเหมือนรำคาญพลิกตัวกลับมา ปรือตาขึ้นมา “หนูง่วง ขอนอนอีกหน่อยนะคะ”
                    “จ้า แต่หนูลุกมากินนมกับยาก่อนดีไหมลูก”
                    เด็กสาวยื่นมือให้คุณพ่อฉุดให้ลุกนั่ง ดื่มนมผสมกาแฟกับยาที่คุณพ่อเตรียมมาอย่างว่าง่าย ก่อนทิ้งตัวหลับต่อได้ทันที คุณพ่อส่ายหน้า จัดผ้าห่มให้เรียบร้อย ก่อนออกมาโทรไปที่ทำงาน เขาต้องเข้าประชุมบ่ายนี้ เลี่ยงไม่ได้เสียด้วย        นิวัติเลยต้องเดินไปขอความช่วยเหลือจากคุณพี่ข้างบ้าน
                    โรมอดมองไปยังห้องตรงกันของตึกตรงข้ามไม่ได้ มีเพียงสาวน้อยส่งยิ้มหวานมาให้ เก้าอี้ข้างหน้าตัวนั้น ว่างเปล่า ทำไม รสาไม่มาโรงเรียน ไม่สบายหรือยังไง เด็กหนุ่มเมินหลบรอยยิ้มหวานที่ส่งมา เสียงเพื่อนๆ เป่าปากล้อกันสนุก
                    “รสาไม่สบายหรือครับ” โรมถือโอกาสตอนพักเที่ยงโทรศัพท์กลับบ้าน ถึงได้รู้ว่า เด็กสาวข้างบ้านยังหลับอยู่
                    “ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนี่ ตัวไม่ร้อนเท่าไร บ่นแต่ง่วงๆๆๆ” เสียงคุณแม่เขาตอบมาอย่างอารมณ์ดี “นี่มีอะไรโทรเข้าบ้านโน้นซิ เดี๋ยวแม่ไปเฝ้ายายรสาก่อน ได้ยินโทรศัพท์รีบวิ่งกลับมารับ แค่นี้นะ”
                    โรมได้แต่ยืนถือโทรศัพท์ค้าง หลับ แต่สบายดี เป็นอะไรไปล่ะนี่
                    โรมแวะบ้านรสาก่อนบ้านตัวเอง ยกมือทำความเคารพคุณแม่ทั้งสองคน มองเด็กสาวที่ยังใส่ชุดนอนลายการ์ตูน ตักเค้กใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย
                    “มามา โรม อาซื้อเค้กมาเยอะเชียว เอาอะไร โอวันตินไหม”
                    “ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมจัดการเองครับ” โรมเลี่ยงเข้าครัว จัดการต้มน้ำเอง
                    “พี่กลับบ้านก่อนนะคะ เตรียมไปทำกับข้าวรอพ่อตาโรม” สุรีย์บอก ขอตัว
    “ค่า ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยดูแลน้องหนู เดี๋ยวนาให้โรมยกขนมตามไปค่ะ” 
                    รสายกจานเค้กตามไปส่งคุณป้าถึงหน้าบ้าน ปิดประตูกลับมา เด็กสาวก็ ตักเค้กอีกชิ้น
                    “นี่การบ้าน นี่สมุดงาน” โรมส่งสมุดสองสามเล็มกับกระดาษโน้ต 1 แผ่นให้
                    “ไปเอาจากใครละ ยายฟ้า” รสาถามงอนๆ
                    “ฟ้ามาเกี่ยวอะไรน้องหนู ส้มเพื่อนเราเอามาฝากให้ที่สนาม” โรมบอก กินขนมเสร็จ ล้างเก็บเรียบร้อยก็ยกจานขนมกลับบ้าน รสาแลบลิ้มตามหลัง วัจนาได้แต่ส่ายหน้า
                    “หนูงอนอะไรพี่โรมจ๊ะ แม่เห็นงอนมาหลายวันแล้วนะ” คุณแม่อดเข้าไปยุ่งไม่ได้
                    “หนูไม่ได้งอน” ลูกสาวประกาศเสียงดัง ปากเชิดขึ้นไปเกือบๆ จะจรดจมูกอยู่แล้ว ยังว่าไม่ได้งอน
                    “คุณแม่คิดดูซิ เขารับปากหาข้อมูลให้หนูแล้วไงรู้ไหมค่ะ โน่น เขาเอาไปให้หวานใจเขา” เด็กสาวยังค้อนลมค้อนแล้งตามหลังอย่างไม่หายอารมณ์ค้าง “แล้วหนูจะเอาอะไรไปส่งล่ะคุณแม่ คิดดูซิคะ พี่โรมทำไม่ถูกน้า”
    “จ้า แม่เห็นด้วยว่าทำไม่ถูก” วัจนาเอาใจลูกสาวไว้ก่อน แต่ท่าทางโรมไม่ใช่เด็กอย่างนั้น มันคงมีอะไรผิดพลาดระหว่างทางแน่ๆ “แล้วหนูจะทำเรื่องอะไรจ๊ะ แม่ช่วยไหม รายงานเรื่องอะไรคะ”
    “ยุคกลางค่ะ” ลูกสาวถอนหายใจเสียงดังเหมือนเป็นเรื่องใหญ่โต “ส่งพรุ่งนี้ด้วย รสาจะทำเรื่องกาลิเลโอแล้วกัน เขามีส่วนเกี่ยวข้องกับยุคกลางเหมือนกันนี่”
    “เกี่ยวยังไงคะ”
    “เขาไปโยนลูกตะกั่วลงจากหอเอนเมืองปิซ่า” รสายิ้มกว้าง หนูเขียนไปได้หน่อยแล้ว แต่อาจารย์ให้พิมพ์ส่ง”
    “ไปขอใช้เครื่องพี่เขาซิ” วัจนาแอบยิ้ม มองลูกสาวทำปากเชิดๆ อีก
                    ลูกสาวเก็บล้างเรียบร้อย ก่อนขอตัวกลับห้องไปทำรายงาน และการบ้าน
                    มาดามมองผ่านทางประตูติดต่ออย่างกังวล เธอลืมคิดเรื่องการผ่านมิติเวลาในเวลาใกล้ๆ กันของคนที่ไม่เคย ยังดีที่ยังเด็ก นอนพักนิดหน่อยก็สบายดี แต่การดึงเด็กสาวมาที่ร้านเย็นนี้จะปลอดภัยพอหรือ
                    รสาชำเลืองมองประตุห้องน้ำที่มีแสงแวบๆ เด็กสาวเอียงคอมองอย่างสงสัย ก่อน ก้าวไปยืนตรงหน้าประตูห้องน้ำ ยังไม่ถึงเวลาไปทำงานนี่น่า เธอกะว่าจะหอบรายงานไปพิมพ์ อิอิ จะเรียกว่าพิมพ์คงไม่ได้ เอากระดาษเข้าเครื่องสแกนแล้วเข้าไปอยู่ในรูป words เลย สั่งพิมพ์ได้ไม่ต้องรอ
                    “มีอะไรคะมาดาม” เด็กสาวส่งเสียงถามเบาๆ เธอเห็นใบหน้ามาดามเลือนรางตรงประตู
                    “ขอโทษนะรสา ฉันไม่น่าพาเธอไปเที่ยวเมื่อวานเลย”
    “ไม่เป็นไรคะ หนูสนุกออก” เด็กสาวตอบ พร้อมรอยยิ้มกว้าง
    “วันนี้ฉันจะให้เธอหยุดงานแล้วกัน”
    “ว้า” เด็กสาวร้องทันที “อย่างนี้หนูก็ต้องไปง้อขอเครื่องคอมฯ พี่โรมอ่ะซิ”
    มาดามยิ้มให้ “บางครั้งเรื่องที่เราคิดว่าใช่ อาจจะไม่ใช่อย่างที่คิดก็ได้”
    เด็กสาวทำหน้ายู่ยี่ ไม่เป็นไร ง้อพี่โรมหน่อยก็ได้ ใช้พี่โรมพิมพ์ให้ก็ดีนะ คิดได้อย่างนั้น เด็กสาวก็พยักหน้ารับ แต่โดยดี
     
                    “อานาครับ คุณแม่ให้มาขอกระเพราครับ” โรมส่งเสียงบอก
    วัจนาโพล่ไปมองทางหน้าต่างห้องครัว สามีโทรไปบอกแล้วว่าเขามีประชุมบ่าย แล้วเย็นอาจจะต้องไปกินข้าวเย็นต่อ ดังนั้นเธอเลยซื้ออาหารทำง่าย หมูอบ ผักสลัดมาทำเป็นอาหารเย็นกินกับลูกสาว
                    “จ้า ดีเลย เก็บมะเขือเทศมาให้อาหน่อยนะโรม”
    วัจนายิ้มขอบใจเด็กหนุ่มที่เก็บมะเขือมาให้ตามที่ขอ เห็นสายตาเด็กหนุ่มกวาดมองไปรอบๆ ครัวเล็กๆ ก็รู้แล้วว่าหาใคร “น้องหนูขึ้นไปทำรายงานจ้ะ ฟ้องว่าพี่โรมเอารายงานหัวข้อของเขาไปให้แฟน”
    “ไม่ใช่นะครับ” เด็กหนุ่มร้องเสียงหลง “รสาให้ช่วยค้นรายงาน สิ่งมหัศจรรย์ยุคกลาง ผมก็ค้นให้ จัดหน้าพิมพ์ให้เรียบร้อย แวะเอาไว้ที่ห้องเรียนให้ด้วย ก็...”
    วัจนาพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ใส่ชื่อน้องในรายงานหรือเปล่าจ้ะ”
    “เปล่าครับ” หน้าแดงๆ ของเด็กหนุ่ม ทำให้นึกสงสัยว่าเขาเขียนถึงรสาโดยใช้คำแทนว่าอะไร แต่ความเป็นแม่บอกให้เธออย่างถาม
    “นั่นซิ ไม่ได้เขียนชื่อ ใครๆ ก็ หยิบไปได้ ไม่ได้ส่งถึงมือน้องใช่ไหม”
    “ครับ” โรมหน้าแดงถึงใบหู เจ็บใจตัวเองที่เสียรู้เด็ก โทษอะไรไม่ได้เลย นอกจากความไม่รอบคอบของเขาเอง ฮึ่ม รสา ถ้าไม่หลบหน้าก็ไม่เกิดเรื่องหรอก
                    “แล้ว...” ยังไงก็อดห่วงไม่ได้ โรมชะเง้อมอง
                    “กำลังเขียนร่างอยู่จ้า ยังไงคงต้องรบกวนให้ไปใช้คอมฯของโรมนะ อาวิติอยากซื้อให้เจ้าตัวดีจะแย่ แต่อาว่าให้ขึ้น ม.ปลาย เสียก่อน เอามาตอนนี้จะเล่นเกมมากกว่าละซิ”
                    “ไปใช้ของผมก็ได้ครับ ไม่ต้องรีบซื้อให้หรอกครับ” โรมรีบบอก
                    “งั้น เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้ว อาจะให้วิ่งไปพิมพ์ที่บ้านโน้นแล้วกันนะ เห็นว่าส่งพรุ่งนี้ด้วย”
                    “ครับ”
                    แค่นั้นเด็กหนุ่มก็ หน้าบานยิ้มกว้างได้ ตาโรมเอ๊ย ไว้เข้ามหาวิทยาลัย เจอสาวๆ สวยๆ จะลืมเด็กงอแงข้างบ้านนะซิ แล้วยายหนูของเธอ หนุ่มปีหน้า หล่อกว่าหนุ่มปีนี้นะลูก
                    ได้เวลาลูกสาวเดินหัวยุ่งลงมาโดยไม่ต้องขึ้นไปตาม ก้มหน้าก้มตากินๆๆๆ ก่อนช่วยเก็บล้างเรียบร้อย
                    J
                    “แม่บอกโรมให้แล้วนะคะ ว่าหนูจะขอพิมพ์รายงาน” คุณแม่ส่งแย็บหมัดแรก เห็นหน้ามุ่ยๆ ปากเชิดๆ
                    “พรุ่งนี้ต้องส่งไม่ใช่หรือจ้ะ” คุณแม่ถามยิ้มๆ มองลูกสาวเดินหน้ามุ่ยไปเอารายงาน เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยเพื่อข้ามไปบ้านข้างๆ สาวน้อยชะงักเมื่อเห็นคุณแม่ดูโทรทัศน์เฉยอยู่
    “คุณแม่ไม่ไปคุยกับคุณป้าเหรอคะ”
    “ไม่ล่ะ”
    “ไปหน่อยนะคะ วันนี้คุณป้าเล่าเรื่องห้างลดราคาด้วย” เด็กสาวพยามยามหาของมาล่อใจให้แม่เดินไปด้วย เกิดพี่โรมจะเอาคืนเรื่องระเบิดพริกไทยจะได้มีคนช่วย
    วัจนา หันมาเลิกคิ้ว ฮือม์ มีอะไรนอกเหนือจากรายงานถูกขโมยหรือเปล่านี่ ถ้าลูกสาวของเธอไม่ได้ไปทำผิดอะไร คงไม่อ้อนอย่างนี้
    “ลูกหนูไปทำอะไรพี่เขาล่ะ” วัจนาถามอย่างรู้จักลูกสาวตัวเองดี เจ้าคิดเจ้าแค้นนี่นิสัยคุณพ่อเลย ต้องเอาคืน
    “ก็” เด็กสาวยืนบิดไปมา “ก็แค่...เอาพริกไทยไปใส่ผ้าเช็ดหน้าพี่โรมเอง...ค่ะ”
    วัจนาเกือบเผลอหัวเราะออกมา พอกันทั้งคู่ “ไป แม่ไปส่ง ขี้เกียจปิดบ้าน”
    วัจนาจูงมือเด็กดื้อไปส่ง อยู่คุยกับคุณพี่ข้างบ้านสักพัก ไม่ได้ยินเสียงทะเลาะกัน ก็ขอตัวกลับบ้านก่อน เพราะที่บ้านไม่มีใคร
    โรมมองเด็กสาวที่นั่งรัวนิ้วบนคีย์บอร์ดโดยไม่สนใจเขา ชำเลืองมองไปทางเก้าอี้ชุดรับแขกที่พ่อแม่เขาคุยกับอานา แม่ของรสาแล้ว หันมามองทางสาวน้อยที่ไม่สนใจเขาอีก เด็กหนุ่มเลยไม่รู้จะทำอะไรต้องหยิบหนังสือมาอ่าน รอให้รสามีปัญหาการใช้เครื่องถาม เจ้าตัวก็ใช้คล่องแคล่ว ออกจะคล่องกว่าเขาด้วยซ้ำไป
    รสากดเซฟไฟล์ หันซ้ายแลขวา อยากได้กระดาษใช้แล้วมาพิมพ์ออกมาอ่านก่อน
    “หาอะไร” เสียงห้าว เหมือนเสียงแตกหนุ่มถาม เด็กสาวเอียงคอ ฟังตลกๆ ดี เสียงพี่โรมเหมือนๆ เสียงอึ่งอ่าง
    “กระดาษใช้แล้ว หนูจะพิมพ์ออกมาอ่านก่อน”
    โรมหากระดาษให้น้องแต่โดยดี แต่ไม่วายบ่น “เอากระดาษใหม่ก็ได้ เผื่อไม่ผิดจะได้ไม่ต้องพิมพ์ใหม่”
    “อ้าว ถ้าผิดล่ะ ไม่เปลืองกระดาษเหรอ เค้าเสียดายอ่ะ”
    ผู้ใหญ่เงยหน้ามามองเมื่อความเงียบชวนอึดอัดเริ่มมีเสียงโต้เถียงเหมือนปกติ ยิ้มให้กัน แล้วหันไปสนใจกิจกรรมที่กำลังทำอยู่ต่อ
    “พี่เอารายงานไปไว้บนโต๊ะน้องหนูนะ ใครมาอ้างเอาไปเหรอ”
    รสามองหน้าหนุ่มข้างบ้าน พี่โรมไม่เคยโกหก ตั้งแต่เด็กจนโตมาด้วยกัน แต่ยายฟ้า...คิดแล้วน่าเจ็บใจตัวเอง เสียรู้ยายฟ้าไปได้ ฮึ่ม ฮึ่ม
    “ทำไมไม่ทำหน้าปกรายงานให้ด้วยเย็บให้ด้วยละ ชื่อเค้าตัวเองก็รู้” เด็กสาวตวัดเสียงงอนๆ
    “ทำไมต้องเอาไปให้ที่โรงเรียนด้วย บ้านอยู่แค่นี้เอง” เด็กสาวเงยหน้าจากรายงานที่สั่งพิมพ์ออกมาอ่าน
    “ก็พี่เจอน้องหนูที่ไหนล่ะ” โรมงอนบ้าง เคยให้สอนการบ้านก็ไม่ให้สอน เคยให้ตรวจการบ้านก็ไม่ต้องตรวจ
    “อ้าว แล้วไปวางไว้บนโต๊ะที่โรงเรียน กับไปไว้ที่บ้านหนูมันต่างกันนะ” เด็กสาวย่นจมูกใส่ “ที่บ้านหนูไม่มีใครมาขมายของหนูแน่ๆ”
    “ก็...” โรมได้แต่อ้าปากค้างมองเด็กสาวแก้รายงาน แล้วสั่งพิมพ์ใหม่อีกครั้ง “ไม่โกรธกันแล้วใช่ไหม”
    “เย็บเล่มสวยๆ ให้เค้า แล้วจะเลิกโกรธก็ได้” รสาส่งรายงานรวมทั้งปกให้โรมไปเย็บ ติดเทปข้างให้เรียบร้อย
    “ดีกันแล้วนะ” โรมยื่นรายงานคืน พร้อมยื่นนิ้วก้อย เด็กสาวรับมาแต่รายงาน ย่นจมูกใส่ เดินไปลาคุณลุงคุณป้ากลับบ้าน
    เหอะ ไม่โกรธแล้ว แต่ดีเหมือนเดิมไหม ขอคิดดูก่อนนะพี่โรม เด็กสาวแอบยิ้มกว้าง
    แล้วสาวน้อยแก้มบุ๋ม ก็กลับมาถือผ้าเช็ดหน้า ยกน้ำให้บรรดานักกีฬาเหมือนเดิม รสามองไปทางที่นั่งคนดู เด็กสาวแสนสวยส่งยิ้มหยาดเยิ้มมาให้ เด็กสาวแยกเขี้ยวยิ้มตอบ เหอะยายฟ้า รายงานฉันเธอมาโมเมเอาไปได้ แต่หน้าที่ถือผ้าของพี่โรม ไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกนะจ้ะ
    J
    ต้นไม้สูงเพียงคืบ ลำต้นขาวใสจนเห็นท่อลำเรียงเล็กๆ ภายในลำต้นได้ เหมือนเวลาเอาต้นกระสังมาแช่หมึกสีแดง แต่นี่ในลำท่อส่งอาหารนั้น จะมีสีสันแปลกๆ เขียวเหลือม่วง ตามแต่สารอาหารที่ได้รับ
    ใบสีเขียวเล็กจิ๋วเหมือนใบมะขาม ยิ่งเลี้ยงเขายิ่งคิดว่านี่คือต้นมะขามย่อส่วนเสียอีก พ่อแม่เคยเข้ามาเห็นมองผ่านๆ คิดว่าเป็นต้นไม้ประดิษฐ์ไปได้ โรมเอาช้อนกาแฟตักน้ำรดลงที่โคนต้น
    ในคู่มือการเลี้ยงบอกเพียงให้เลี้ยงด้วยความรักและความใส่ใจ ให้คิดว่า นี่คือคนที่คุณรัก เมื่อใดที่ต้นไม้นี้ออกดอก...ความรักของคุณจะสมหวัง
    ตั้งแต่ซื้อมาโดยแลกเปลี่ยนกับหัวใจรักของตัวเอง เขาเลี้ยงมันอย่างทะนุถนอมราวคนรัก ต้นไม้เติบโตงดงาม หากความรักของเขา ดีบ้างร้ายบ้าง จนบัดนี้ยังไม่รู้เลยว่าเธอจะตอบรับรักเขาไหม
                    เครื่องบินกระดาษร่อนผ่านหน้าต่างเข้ามา ชายหนุ่มโยกเก้าอี้เอนเพื่อจะได้มองผ่านหน้าต่างออกไปได้
                    หน้าผ่องที่ชะโงกมาแทบจะค่อนตัวยิ้มกว้างจนเห็นรอบบุ๋มบนแก้มอิ่ม แต่งตัวเรียบร้อยแล้วด้วยเครื่องแบบของนักเรียน ม.ปลาย “พี่โรม วันนี้หนูจะแวะไปที่มหาวิทยาลัยพี่ด้วย กลับด้วยกันไหม”
    โรมสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้คณะตามที่ต้องการ ตอนนี้เป็นนักศึกษาปีหนึ่งแล้ว ขณะที่สาวน้อยข้างบ้านเป็นสาวแรกแย้มในชั้น ม.4
                    “ไปทำไมน้องหนู จะให้ค้นอะไรบอกพี่ก็ได้นี่” โรมบอกด้วยอารมณ์หวงกึ่งเป็นห่วง
    หวง ปีนี้ รสาเริ่มเป็นสาว ดอกไม้แรกแย้มสะดุดตาใครหลายๆ คน ยิ่งปีนี้ ฟ้า ดาวโรงเรียน ย้ายไปศึกษาต่อต่างประเทศ กลางเทอม โรมเข้ามหาวิทยาลัย ไม่ได้เรียนโรงเรียนเดียวกัน ยังพอจะโล่งใจได้บ้างที่สาวน้อยไม่ได้ไปถือผ้าเช็ดหน้า ส่งน้ำดื่มให้ใครอีก แต่เธอเข้าไปเป็นผู้ช่วยอาจารย์คุมซ้อมนี่ซิที่ร้ายกว่า
    สาวน้อยประกาศก้องว่าคราวนี้ล่ะโรงเรียนของเราจะเป็นเลิศทางกีฬาบาสเก็ตบอลเมื่อมีเธอมาคุมซ้อม ...ทำไมไม่มาเป็นผู้จัดการทีมตอนพี่อยู่ล่ะ น้องหนู
    ห่วง รสา ลูกสาวคนเดียว เคยไปไหนมาไหนเองบ้าง ไม่พ่อก็แม่ พาไปตลอด
    รสายิ้มกว้าง อย่างอารมณ์ดี “ไปดูนิทรรศการทำรายงานน่ะพี่โรม จะกลับพร้อมกันไหม”
    “กลับซิ” โรมรีบบอก ถึงจะรู้ว่าคงโดนเพื่อนๆ ทั้งเก่าทั้งใหม่ล้อเรื่องเฝ้าสาวน้อยวัยกระเตอะ แต่เฝ้ามาตั้งนานแล้ว ก็คงต้องเฝ้าต่อไป
                    “งั้นรสาไปโรงเรียนก่อนนะ” สาวน้อยย่นจมูก “น่าอิจฉาจริงๆ ไม่ต้องไปก่อนแปดโมง”
                    “เฮ้ยเวลาเรียนเช้าก็ต้องไปเหมือนกัน” โรมร้องบอก แต่สายไปเสียแล้ว ร่างปราดเปรียวหายไปจากหน้าต่างบ้านใกล้กันเสียแล้ว จะวิ่งตามไปก็ยังไม่ได้อาบน้ำแต่งตัวเลย วันนี้เขามีเรียนบ่ายวิชาเดียวเอง     โรมหันมาสนใจกับต้นไม้แห่งความรัก ค่อยๆ พรวนดิน ใส่ปุ๋ยเม็ดเล็กๆ ลงไป ตาคมหรี่มองต้นไม้ ไม่อยากจะเชื่อว่าต้นไม้ที่เหมือนทำมาจากอัญมณีนี้มาจากเมล็ดพันธุ์เล็กๆ เห็นต้นเห็นใบแล้วอยากจะเห็นดอกผล คราวนี้ได้แต่ถอนหายใจ ดอกไม้จากต้นนี้ต้องรออีกนานมากไหมนะ ดอกไม้ตอบแทนความรักความใส่ใจที่เขาทุ่มเทให้
                    แล้วก็นึกได้ รสาจะไปที่มหาวิทยาลัย ไปตอนไหนล่ะ เช้าสายบ่ายเย็น น้องหนูไม่ได้บอกเวลาเอาไว้เสียด้วย เด็กหนุ่มรีบไปอาบน้ำเตรียมตัว เดี๋ยวไปสายหาเขาไม่เจอ ได้งอนอีก แล้วเวลารสางอน กว่าจะรู้ว่างอนเรื่องอะไร กว่าจะง้อได้แทบตายทุกที น้องหนูเวลางอนไม่ชอบบอกเสียด้วยซิ
    J
                    รสายิ้มกว้างโบกมือให้หนุ่มในชุดนักศึกษาที่โบกมือให้ เพื่อนๆ หันตาม ต่างร้องทักเจี๊ยวจ๊าว
                    “พี่โรม พี่โรม”
                    โรมหัวเราะ รับไหว้น้องๆ ทั้งหญิงทั้งชาย ที่เข้ามารุมล้อม ก่อนจะรับปากเลี้ยงลูกชิ้นทอด เด็กๆ ถึงได้เฮไปรุมเจ้าลูกชิ้นทอดแทน
                    “เงินพิเศษเพิ่งออกเหรอพี่โรม เลี้ยงเพื่อนหนูทั้งห้องนี่น่ะ” เด็กสาวถาม รับถุงน้ำหวานที่โรมยื่นมาให้
                    “นานๆ ทีน่า ไม่พอยังไงน้องหนูก็ช่วยหน่อยซิ”
                    “เชอะ ไปรับปากทำไมล่ะ” สาวน้อยเชิดปากแทนจะชนจมูก
    “เอาน่า นะน้องหนูถ้าไม่พอพี่ยืมหน่อย ให้ดอกด้วย” โรมกระดิกนิ้ว
    “เท่าไรล่ะ” นิ้วเล็กๆ ยื่นกระเป๋าสตางค์ใบน้อยให้ แต่ไม่วายจะถาม
    “สอง” โรมบอกสั้นๆ สองอะไรให้ไปตีความเอาเอง
    รับกระเป๋าใบน้อยมาเปิด หยิบธนบัตรไปสำรองเอาไว้ก่อน ก่อนส่งกระเป๋าคืน
                    “ร้อยละสองร้อยเหรอ” ตาใสๆ พราวยิ้ม
                    “ตีสองร้อยทีละก็ได้” โรมตอบ ไม่สนใจเสียงหวีดของเด็กสาวข้างบ้าน
    รสาค้อนตามหลัง ลองมาตีซิ จะร้องให้ลั่นบ้าน ลั่นหมู่บ้านเลยดีกว่า
     
                    “นั่นเหรอแฟนเธอ” เสียงห้าวๆ ของเด็กเข้าใหม่ดังขึ้น ก่อนเจ้าตัวจะนั่งลงข้างๆ
                    “ใช่” รสาตอบ
    หนุ่มหล่อที่เพิ่งย้ายมาเข้า ม.4 ห้องเดียวกับเธอ เด็กใหม่ชมรมบาสที่ฝีมือจัดจ้าน เธอรู้จักเขามานานกว่านั้น เจทหลานชายของมาดาม หนุ่มลูกครึ่งหน้าออกแขกหากผมสีน้ำตาลทองสวยยาวปะบ่า ที่เจ้าตัวจำต้องตัดสั้น บ่นอุบอิบ
                    เจทจะมาเรียนที่นี่แค่ปีเดียวระหว่างที่พ่อแม่จำศีล เขาบอกอย่างนี้จริงๆ เธอยังหัวเราะคิดว่าเขาเล่นคำว่าพ่อแม่มีงานที่ต้องไปทำมากกว่า มากกว่าจะหมายถึงการจำศีลจริงๆ
                    แรกๆ เรารู้จักกันผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์ เจททำงานพิเศษในร้านแบบ Six to six อีกมุมโลก เราคุยกันได้เมามันมาก เขายังแนะนำให้เธอรู้จักพนักงานพิเศษอีกหลายคนที่ทำงานอยู่ในร้าน Six to six สาขาต่างๆ ที่อยู่ในวัยใกล้เคียงกัน แต่มีเธอกับเจทนี่ล่ะที่อายุเท่ากัน เราเลยรู้สึกพิเศษต่อกันมากกว่าคนอื่น ตอนแรกที่เจทติดต่อมา ภาษาอังกฤษเร็วปรื๋อที่ดังลั่น ทำเธอตกใจ เผลออุทาน “เฮ้ย อะไร”
                    เงียบไปอึดใจก่อนจะมีเสียงถามเป็นภาษาไทยชัดเจน ถามถึงมาดาม เจทบอกว่าเขาพูดภาษาไทยได้ เพราะมีเสี้ยวคนไทยและมาดามเป็นป้าของเขาเอง ลองไม่พูดไทยซิ แต่ไม่มีปัญหาถ้าจะคุยกับพนักงานที่พูดไทยไม่ได้ เพราะคอมพิวเตอร์มีระบบแปลงภาษาชั้นเลิศ ต่อให้เป็นศัพท์แสลงล่าสุดก็จะมีคำแปลเป็นภาษาต่างๆ เท่าจำนวนประเทศที่ร้านไปตั้งอยู่
                    ตั้งแต่รู้จักกับเจท ชีวิตพนักงานพิเศษของร้าน Six to six มีสีสัน สนุกสนานขึ้นมาก จนมาดามต้องขู่ว่าอย่าคุยกันมากนัก คนที่โดนดุบ่อย โน้น เจท
                    จนเดี๋ยวนี้เขาก็ยังทำงานพิเศษควบคุมร้านที่โน่นผ่านทางคอมพิวเตอร์อีกเครื่องที่หลังร้าน ต่างจากเดิมนิดหน่อยที่เราดูแลร้านไปด้วย ทำการบ้านกันไปด้วย
    หลังจากที่เคยถูกมาดามพาไปเที่ยวแล้ว เธอเลิกสงสัยแล้วว่าเจททำได้ยังไง อะไรอะไรในร้าน Six to six นี่เหมือนโลกแฟนตาซีจริงๆ อะไรก็เป็นไปได้ตามที่เราปรารถนา
                    โรมไปจ่ายเงินค่าลูกชิ้นของน้องๆ ที่เขารับปากจะเลี้ยงแล้วหิ้วถุงลูกชิ้นกลับมาให้รสา ไอ้หนุ่มไหนมานั่งข้าง ท่าทางสนิทสนม แถมยังคุยกับเพื่อนๆ คนอื่นอย่างคุ้นเคย ใครกันนั่น เครื่องแบบมันก็โรงเรียนเก่าเขานี่ แต่หน้าตาก่ำกึ่งไม่ใช่คนไทย หรือจะนักเรียนแลกเปลี่ยน
                    หนุ่มลูกเสี้ยวไทยส่งยิ้มทักทายกว้างขวางหากที่ได้รับกลับคืนมา แค่กระตุกมุมปากยิ้มนิดเดียว
                    “พี่โรม อดีตดาราทีมบาสไง” รสาแนะ
    “แฟนรสาด้วย” เสียงเพื่อนๆ บอกเสริมมา เด็กสาวหน้าแดงหันไปวิ่งไล่เพื่อนๆที่หลังจากแซวแล้วก็รีบกระจายตัวหนี
                    “เจทครับ พ่อแม่ผมจำศีล เลยต้องมาอยู่กับญาติที่เมืองไทยหนึ่งปี” เจทแนะนำตัวเอง อย่างน้อย ชายหนุ่มคนนี้ก็ติดป้ายลูกค้า Six to six การค้าที่ยังซื้อขายไม่เสร็จสิ้น เอ เขาซื้ออะไรที่เรายังส่งสินค้าไม่สำเร็จกันนะ เด็กหนุ่ม ซ่อมมือไว้ข้างหลัง วาดลวดลายประหลาด อีกมือยื่นไปรับถุงลูกชิ้นที่โรมส่งให้ ก่อนนั่งลงแทนที่รสา
    “ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มจิ้มลูกชิ้นกิน ฮือม์ อร่อยดี เหมือนกันนะ
    จิ๊บ จิ๊บ เสียงนกอยู่เหนือศีรษะ สองหนุ่มเงยหน้าพร้อมๆ กัน เจท ยิ้มเมื่อเห็นนกแก้ว พื้นสีฟ้า ตัดด้วยขนปีกสีแดงแซมสีเหลือง พอเห็นรอยยิ้ม เหมือนกวักมือเรียก เจ้านกแก้วสีประหลาดร่อนลงเกาะที่ไหล่ อ้าปากขอลูกชิ้น
    โรมดูนกแก้วขยอกลูกชิ้นลงทั้งลูกติดๆ กัน ห้าลูกอย่างสยอง มันเอาไปเก็บไว้ตรงไหน จะบินขึ้นไหวไหม
    พอกินลูกชิ้นอิ่ม เจ้านกตะกละก็ ไซร้ปากกับข้างๆ หูเด็กหนุ่มที่ทำให้โรมมองตามอย่างเสียวๆ เหมือนมันจะบอกขอบคุณก่อนกางปีกบินไป นกสีฟ้าที่พอบินสูงทาบกับพื้นท้องฟ้าแล้ว กลืนหายไป
    “พี่โรม” เสียงเด็กหนุ่มเรียก ดึงสายตาโรมกลับมา “ปกติมันตะกละกว่านั้นเยอะพี่ กินช้างทั้งตัวมันยังบินไหว”
    โรมไม่แน่ใจว่าควรจะหัวเราะดีไหม รสาวิ่งกลับมาแก้มแดง “กลับเถอะพี่โรม เดี๋ยวรถติด ไปก่อนนะเจท แล้วเจอกัน”
    เจทโบกมือ “แล้วเจอกันครับ”
    ต้นไม้แห่งความรักอย่างนั้นหรือ แล้ว พี่โรมคิดจะปลูกต้นรักกับใครล่ะ เขารู้แต่สินค้า...แต่คำอธิษฐานนี่คนที่จะรู้คือคนที่ขายของให้ แอบเข้าไปดูเกิดในแฟ้มของมาดาม เกิดถูกจับได้ ป้าไม่จับเขาเอาไปทำปุ๋ยต้นไม้หรือยังไง แค่คิดก็หนาวแล้ว
    J
     “เจท นายทำการบ้านเสร็จยัง” เสียงแจ๋วๆ ของพนักงานชั่วคราวของร้าน Six to six สาขา169 ดังมาทันที่ที่เครื่องดึงเธอมาถึงร้าน มาดามกระแอมเบาๆ หากเด็กสาวยิ้มกว้าง
    “รสาทำเสร็จแล้วค่ะ อยากตรวจดูคำตอบ” เด็กสาวผลักการบ้านตั้งโตตรงหน้า ผ่านไปให้เจ้าหน้าที่ประจำกะดึกของร้านสาขา79 ก่อนนั่งลงประจำที่ มาดามกระแอมอีกครั้งก่อนกำชับ
    “เด็กๆ ทำตัวดีๆ นะ ไม่เช่นนั้นฉันจะจับแยกห้อง”
    “ครับ-ค่ะ” สองเสียงประสานกันไม่ได้ทำให้มาดามไว้วางใจได้เลย เจ้าเด็กสองคนนี้ชอบทำอะไรแผลงๆ แถมเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย สำหรับเจ้าเจทพ่อหลานชายสุดที่รัก เพราะรสาไม่ได้มองว่าเขาหล่อ ไม่ได้ให้ท่า พ่อนี่เบื่อสาวๆให้ท่า จะแย่อยู่แล้ว สำหรับ รสา เจทเหมือนเพื่อนที่พากันซนได้อีกคนหนึ่ง ก็เท่านั้น เธอมีตัวจริงในดวงใจอยู่แล้ว
    เจทตรวจการบ้านให้เพื่อนสาวอย่างรวดเร็ว พร้อมแนบกระดาษคำตอบที่ถูกต้องมาให้ด้วย เขาได้พึ่งพารสาในการปรับตัวให้เข้ากับการไปโรงเรียน ดังนั้นเขาเลยตอบแทนด้วยการช่วยดูการบ้านให้เพื่อนสาว
    “ชิ ชิ” เด็กสาวทำเสียงสะใจก่อนตัดสินใจสั่งสอนเด็กที่ริเข้ามาขโมยขนม เตะก้นสักป้าบน่าจะพอ เอาแรงสักขนาดห้า
    “ว้า…” เด็กสาวร้องอย่างขัดใจ เมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ตีราคาของเท่ากับแรงเตะแค่สอง แหมๆๆๆ ไม่คิดดอกเบี้ยเลยหรือยังไง
    “มีอะไรเหรอ” เจทชะโงกหน้ามามอง
    “เด็กขโมยของน่ะ จะให้เตะสักห้าแรง เครื่องให้เครดิตแค่สอง” เด็กสาวยักไหล่ เจทเดินมากดดูข้อมูลย้อนหลังก่อนหัวเราะ
    “ทำไมไม่ยึดเงินเอาไว้” เขาชี้ให้ดูทรัพย์สินของลูกค้า “อย่าทำให้ผิดสังเกตซิ ยังไงเอาเงินไว้ก่อน”
    “งก” เด็กสาวแลบลิ้นตามหลังเพื่อน ก่อนรับตั้งการบ้านกลับมา แก้การบ้านที่ผิด
    “เช้า อย่าลืมไปซ้อมแต่เช้าล่ะ” ทำไปก็ชวนคุยไปด้วย ถ้ามีอะไรผิดปกติในร้าน จะมีเสียงร้องปี๊บๆๆๆ เอง
    “ให้ไปรับไหมล่ะ” เจทถาม
    เด็กสาวรีบส่ายหน้า เด็กหนุ่ม...คุณพ่อยังออกมากันท่า นี่ยิ่งหนุ่มหัวแดง...อย่าดีกว่า  “ไม่ต้อง ม่ายยย เราไปโรงเรียนเองแล้ว รีบๆ ตื่นได้”
    เสียงปี๊บๆๆๆ ดังขึ้น เด็กทั้งคู่ต่างดูหน้าจอของตนเอง หน้าจอของรสาเอง หญิงสาวที่เข้ามาในร้านหน้าตาดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่เสียงปี๊บๆๆนี่ คงมีอะไรซ่อนอยู่ในใจ เด็กสาวอ้าปากจะตะโกนเรียกมาดาม เพราะเคยเกิดเหตุอย่างนี้ขึ้นครั้งหนึ่ง เป็นความต้องการของจิตใจที่พนักงานชั่วคราวอย่างเธอไม่สามารถจัดการได้ หากแต่มือเรียวยาวแตะห้ามเสียก่อน เด็กหนุ่มผมทองโบกมือให้เธอลุกก่อนนั่งลงประจำที่แทน
    “จะดีเหรอเจท” ถึงจะแสบเล็กๆ แต่เรื่องอย่างนี้รสายังไม่กล้าทำ “จะดีเหรอ เรียกมาดามดีกว่านะ ถ้าเจทจะทำก็ให้มาดามดูด้วยดีกว่า”
    “โธ่เรื่องแค่นี้ไปเรียกป้าออกมาทำไม” คำคุยโวของเด็กหนุ่มเรียกรอยยิ้มเหี้ยมของหญิงสาวเจ้าของร้าน “มาดาม” รีบออกมาตั้งแต่ได้ยินเสียสัญญาณแล้ว หากแต่ยังกอดอกรอดูเจ้าหลานตัวแสบว่าจะทำอะไรต่อไป เดี๋ยวจะต้องส่งใบเตือน เวลาทำงาน ต้อง ...มาดาม... ไม่ใช่ ...ป้า...
    “แน่ใจนะ” เสียงเด็กสาวพนักงานชั่วคราวถามอย่างไม่แน่ใจนัก เรียกรอยยิ้มเอ็นดูของมาดามขึ้นมาได้นิดหนึ่ง ติดสินใจไม่ผิดที่ยอมรับสาวน้อยคนนี้เข้ามาเป็นพนักงานร้าน
    “แน่ดิ” เจ้าหลานตัวแสบพูดอย่างรำคาญ จะรอดูมันทำงาน ว่าจะได้เรื่องแค่ไหน
    หญิงสาวผู้เป็นจุดสนใจของพนักงานร้านทั้งสามเดินไปตามชั้นต่างๆ เมื่อเธอผ่านจุดเซนเซอร์จิตใจ สัญญาณแปลงค่าออกมาคือความกังวล กังวล ห่วงใย
    มาดามขมวดคิ้ว จากประสบการณ์ของเธอ ลูกค้าคนนี้มีปัญหาระทมทุกข์เกินกว่าเด็กๆ วัยสิบกว่าๆ จะเข้าใจ ก่อนที่เธอจะยื่นมือเข้าไปเกี่ยวข้อง หลายชายก็ร้องขึ้นมาเสียก่อน
    “เธอต้องการยาช่วยชีวิต”
    เด็กหนุ่มเคาะนิ้วระรัว เป็นเรื่องที่เขาจะตัดสินใจได้ไหมหากแต่เด็กหนุ่มก็ตัดสินใจเริ่มเปิดการติดต่อแล้ว เธอต้องการยาซื้อชีวิตของแฟนหนุ่ม
    มาดามถอนหายใจ เสียงถอนหายใจของเธอทำให้เด็กทั้งสองคนเหลียวกลับมามอง ก่อนที่เจทจะถอยออกไป หากมาดามชี้ให้เขาทำหน้าที่ต่อไป
    “สักวันเธอต้องทำหน้าที่นี้ เจท ฉันจะเป็นพี่เลี้ยงให้เธอเอง”
                    “ผมจะสอบไปทำหน้าที่อื่น” เด็กหนุ่มงึมงำ หากแต่นิ้วเรียวเคลื่อนไหวเหนือคีย์บอร์ดเหมือนเต้นรำ ค้นหาบุคคลที่เกี่ยวข้องกับหญิงสาวผู้นี้ ลูกชายของชายผู้อุปถัมภ์เธอ คนที่เธอรักสุดหัวใจ
                    ยาช่วยชีวิต แลกกับชีวิต เธอจะยอมหรือไม่ มิเช่นนั้น เงินจำนวนถึงสิบสองล้าน
    รสาตาโตกับข้อแลกเปลี่ยนนั้น อาจจะเหมือน ใจแลกใจที่เธอต้องจ่าย หากหญิงสาวผู้นี้ เธอยอมจ่ายเป็นเงิน มีเงินขนาดนี้ ทำไมไม่เข้าโรงพยาบาลล่ะ มาดามพยักหน้ากับการแลกเปลี่ยนนั้น ทำมาค้าขาย เงินต้องมาก่อน
    “อ่ะโห๊ะ โห้...” เด็กสาวถอนหายใจเฮือก “ยี่สิบสองล้าน”
    “สิบสอง” เด็กหนุ่ม ปรายตามอง ช่วยแก้
    “นั่นแหล่ะ ศูนย์หกตัว โอ๊ย” เด็กสาวลากเสียงอย่างหมดแรง มาดามส่ายหน้ายิ้มๆ
    “แล้วนี่รสาต้องทำงานอีกนานไหมคะ ค่าคืนของนั่น” เด็กสาวเงยหน้าถามอย่างเพิ่งจะนึกได้ เธอลืมไปเลยว่าได้มาทำงานที่ร้านนี้เข้าปีที่สามแล้ว
    “ยายเฟอะ” เจทที่เดินกลับไปนั่งที่นั่งของตัวเองหันมาว่า “เธอได้ค่าขนมอยู่ไม่ใช่เหรอ”
    เด็กสาวได้แต่ยิ้มกว้าง ไม่ต่อคำ ใช่เธอได้ค่าขนมทุกอาทิตย์ ลืมไปได้ยังไงนะ ถ้าอย่างนั้น ปีนี้เธอก็มีเงินซื้อช็อกโกแลตหรูๆ ให้พี่โรมแล้วซิ
    “เอาล่ะกลับบ้านได้แล้วรสา” มาดามบอกเมื่อเห็นนาฬิกาที่มีรูปหน้าของเด็กสาวกำลังจะครบชั่วโมงทำงาน “ถ้ามีอย่างนี้ ครั้งหน้าเรียกฉันนะรสา อย่าเชื่อเจ้าเด็กมือใหม่อย่างเจ้าเจทนัก” มาดามสั่งตามหลัง เด็กสาวได้แต่ยิ้มเขินๆ
    รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้ามาดามหายไปเมื่อหันไปทางเจ้าหลานชายจอมซ่า “เธอจะรับรองสินค้าครั้งนี้ไหวหรือนายเจท ชีวิตทั้งชีวิตนะ”
    หลานชายยักไหล่ “ผมติดต่อไปที่พ่อหมอเฉพาะทางแล้ว เดี๋ยวคงมาเยือนอย่างกะทันหัน ป้าก็คิดว่าไหวไม่ใช่เหรอ ไม่ค้านผมเลย”
    มาดามค้อนหลานชาย “มาดามย่ะนายเจท เวลาทำงานเธอต้องเรียกฉันมาดาม”
                    “คร้าบ” เด็กหนุ่มแกล้งก้มศีรษะลงต่ำกว่าเคย เลยได้มะเหงกเป็นรางวัล ที่เขาลองเจรจาต่อรอง เขาแค่อยากรู้เท่านั้นว่าป้า..มาดามเอาสัญญาการขายของสาขาไปเก็บไว้ที่ไหน เขาอยากรู้ว่าพี่โรมเจรจาซื้อ-ขายอะไรกับทางร้าน
                    “ไหนๆ เธอก็ว่างๆ ดูสองสาขาเลยเป็นไง ฉันให้สองแรง”
                    “คร้าบ” ป้าเปิดช่องให้เองนะ
    แทบจะทันที่ที่มาดามลับกายไปหลังร้าน เด็กหนุ่มก็เผ่นเข้ามาค้นสัญญาทันที ไม่ทันได้เห็นสายตามีลับลมคมนัยของมาดามก่อนที่จะปิดประตูเบาๆ นายเจท ถ้าฉันไม่รู้ล่วงหน้าว่าจะมีนายมาช่วยให้การค้าของฉันง่ายขึ้น ฉันหรือจะขายต้นไม้แห่งความรักออกไปได้
                    J
                    หลังเลิกเรียนรสารีบแวบไปร้านสะดวกซื้อ Six to six ก่อนที่จะไปที่ชมรม หากรอเลิกชมรมแล้วเธอมาซื้อของ เจทต้องรู้แน่เลยว่าเธอมาซื้ออะไร ไม่ได้หรอกไม่ได้ เย็นวันจันทร์ ร้านสีเหลืองแกมชมพู พรุ่งนี้ต้องเป็นสีชมพูหวานแน่เลยเชียว
                    “ช็อกโกแลตจากหัวใจค่ะ” รสายิ้มหวานผ่านไปให้ผู้คุมร้าน เธอมีเงินจากการทำงานพิเศษเพื่อจ่ายเป็นค่าช็อกโกแลตก้อนสวยให้ห่อหรู หญิงสาวเก็บซ่อนไว้ในกระเป๋าหนังสืออย่างระมัดระวัง
                    “รสา ไปไหนมา” เจ้าหนุ่มผมทองเท้าเอวถาม มองเพื่อนสาวที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดกางเกงวอร์มพร้อมแล้ว พรุ่งนี้วันวาเลนไทน์ เขาอยากรู้ว่าเพื่อนสาวมีแผนจะทำอะไรหรือเปล่า เขากำลังวางแผนสำหรับวันแห่งความรักระหว่างรสากับโรม การค้าที่ยืดเวลาไปนานๆ ไม่ดี ไม่เข้าใจเลยว่าคุณป้าใจเย็นมาได้ยังไง หลายๆ ปี
                    “ธุระของผู้หญิง มีอะไรเจท” รสาเชิดหน้าถามบ้าง เพื่อนๆ ร่วมชมรม พร้อมกองเชียร์ ต่างเงียบราวกับนัดกันไว้ เพื่อรอชมการปะทะกันของคู่นี้ รสา...ผู้จัดการจอมเหี้ยม กับ เจท...ดาวรุ่งพุ่งแรง
                    เด็กหนุ่มไหวไหล่ “ถ้าไปข้างนอกจะฝากซื้อขนมหน่อย”
                    “ผลไม้ก็ซื้อให้แล้ว จะกินอะไรขนม” เด็กสาวขึ้นเสียงดังไม่แพ้กัน เถียงไปรสาก็ดึงตารางการซ้อมมาจากผู้ช่วย ก่อนร้องว๊าก “นายเจท นายยังวิ่งไม่ครบ”
                    นั่นเท่ากับเป็นสัญญาณนกหวีด นักกีฬาบาสทั้งหลายต่างกระเจิงออกจากโรงยิมในทันที มีผู้จักการสาววิ่งไล่
                    รสาเก็บลูกบอลที่ออกนอกสนามเหวี่ยงคืนให้นักกีฬาซ้อมลอยบอล ปาดเหงื่อที่ออกจนเปียกเหมือนอาบน้ำ ขว้างค้อนใส่เพื่อนหนุ่มเป็นระยะ มันเรื่องอะไรของนายฟ่ะ ที่ต้องยั่วโมโหฉันทุกวัน แล้วทุกวันที่ฉันต้องวิ่งไล่นายด้วย นักกีฬากับผู้จัดการสาวเลยได้วิ่งรอบสนามในจำนวนรอบที่เท่าๆ กัน
                    “เอาน้ำ” เจทส่งขวดน้ำแร่ให้เพื่อนสาวที่ตามเก็บอุปกรณ์ใส่ลัง
    “ขอบใจ” รสารับขวดมายกดื่ม มองเพื่อนที่ก้มลงไปหยิบบอลโยนใส่ลังอย่างแม่นยำ “เดี๋ยวเราเก็บเองก็ได้”
                    “ไม่เป็นไร ช่วยๆ กัน” นายนักกีฬาดังบอกอย่างไม่ใส่ใจ รอเพื่อนสาวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย รอจนเพื่อนขึ้นรถโดยสารไปแล้วนั่นล่ะ ถึงได้เดินหายไปหลังร้านสะดวกซื้อ
                    “กลิ่นหอมจัง” เด็กหนุ่ม ทำจมูกฟุดฟิด ก่อนตะโกนบอกป้าที่ยืนเคี่ยวของในหม้อใบใหญ่
                    “พรุ่งนี้วาเลนไทน์แล้ว นายไม่เตรียมช็อกโกแลตสำหรับขายหรือ”
                    หลานชายตัวแสบยักไหล่ แค่ดีดนิ้ว เสื้อชุดนักเรียนที่สวมอยู่ก็ หายไปอยู่ในตะกร้าผ้า กลายมาเป็นชุดลำลองเนื้อตัวสะอาดเอี่ยม
                    “ปีที่แล้ว แม่ผสมผิดสูตร คนคลั่งรักกันเป็นแถว” เขา ขยิบตาให้ป้า “มาคลั่งรักแม่นะครับ พ่อเลยถอดออกจากเมนูร้าน”
                    “เอาของป้าไหมล่ะ ไม่มีผิดสูตรอย่างแม่เธอหรอก”
                    เจทยักไหล่ นั่งลงหน้าโต๊ะที่ทำงานของเขา โดนต่อว่าเล็กน้อย เมื่อพนักงานกะก่อน ต้องอยู่รอเขา
                    “จะเพิ่มเงินให้” เด็กหนุ่มบอกง่ายๆ
                    พ่อแม่ไปจำศีล มอบอำนาจทางการเงินให้ หากแต่การเปลี่ยนเมนูร้านนั้น พ่อไม่ได้ให้อำนาจไว้ด้วย อาจกลัวเขาจะขายยาเสริมรักให้สาวๆ หรือยังไง
                    “ว่าไง” มาดามถามมาอีกครั้ง ขณะถามก็ยกถาดมาเหนือหม้อ แค่ขยับถาด ช็อกโกแลตร้อนๆ ในหม้อก็ลอยตัวมาบิดเป็นเกลียวสวย วางบนกระดาษห่อ
                    “พ่อไม่ให้ผมแก้ไขเมนู” หลานชายบอกมาอย่างนั้น
                    “งั้นเดี๋ยวดูของร้านป้าด้วยนะเจท วันนี้รสาลา” มาดามสั่ง หารู้ไม่ว่าเป็นความต้องการอย่างยิ่งของพ่อหนุ่มเจทเขาล่ะ เด็กหนุ่มกระวีกระวาด ตั้งจอ สองหน้าจออยู่เคียงข้างกันทันที
                    “ค่าแรงจ่ายด้วยนะครับ”
                    มาดามได้แต่ส่ายหน้าในความงกของหลานชาย
                    J
                    โรมเดินผ่านห้องรับแขกจะเลี้ยวขึ้นบันไดไปที่ก่อนอะไรแวบๆ สะดุดตาทำให้ต้องเดินถอยหลังกลับมามองใหม่ สาวน้อยในเสื้อยืดกางเกงขาสั้นที่เลี้ยงบอลอยู่นั่นเอง
                    “จะไปเป็นนักกีฬาหญิงเหรอ” โรมวางกระเป๋าเดินออกไปเกาะรั้วถาม
                    “ซ้อมเอาไว้ก่อน นักกีฬาปีนี้เกเรไม่เหมือนตอนที่พี่อยู่หรอก” เจ้าหล่อน ส่งลูกข้ามรั้วมาให้ สองหนุ่มสาวส่งลูกข้ามรั้วบ้านกันไปมา
                    “ใครเกเรล่ะ”
                    สาวน้อยย่นจมูก “ทั้งนั้นล่ะ ติดเชื้อนายเจทมา ถ้าหนูไปช้าวันไหนอู้ไม่วิ่งมั่ง วิ่งไม่ครบมั่ง”
                    โรมอยากจะยิ้มแต่ยิ้มไม่ออก นายเจทหรือ เด็กหนุ่มผมทอง ตาสีฟ้าสวยนั่นนะหรือ
                    “เก่งมากหรือนายคนนั้นเด็กใหม่เพิ่งเข้าไม่ใช่หรือ”
                    “ใช่ เก่งมาก เขาเคยเล่นบาสมาก่อน นิสัยดีขี้เล่น เข้าได้กะทุกคนเลย แต่มันขี้เล่นมากไป”
                    เสียงสาวน้อยขบเขี้ยวเคี้ยวฟันได้ยินถนัดแสดงถึงความสนิทสนมที่โรมไม่สบายใจเลย
                    “ไปเล่นที่สนามกันไหม” โรมชวน หากเสียงหวานๆ เรียกออกมาจากข้างในบ้านเสียก่อน
                    “ยายหนูมากินข้าวลูก เร็วๆ เข้า คุณพ่อลงมาแล้วน้า”
                    โรมส่งลูกบอลคืน แตะหางคิ้วให้ ก่อนเข้าบ้านเขา รสากอดลูกบาสนิ่วหน้า ว้า...แล้วจะเอาช็อกโกแลตให้พี่โรมได้ไงล่ะ เธอจะให้เป็นคิวที่หนึ่งเลยนะนี่ มัวแต่เล่นบอลเพลินเลยลืมถามไปเลยว่าพรุ่งนี้เรียนเช้าสายบ่ายเย็นกัน ว้า
                    “รสา” เสียงคุณแม่เข้มงวดขึ้นนิดๆ
                    “ค่า ค่า” เด็กสาวโยนบอลลงตะกร้ารีบเปิดประตูเข้าบ้าน
                    J
                    โรมกำลังหยดน้ำรดต้นไม้แห่งความรักอยู่ตอนที่ได้ยินเสียงเพลงนาฬิกาปลุกของสาวข้างบ้านดังขึ้น ชายหนุ่มอดเหลือบมองนาฬิกาซ้ำอีกครั้งไม่ได้ ทั้งๆที่เขาเพิ่งจะดูนาฬิกาเมื่อไม่ถึงนาทีที่ผ่านมา
                    น้องหนูตั้งนาฬิกาปลุกอะไรตอนเที่ยงคืน ชายหนุ่มชะเง้อมองเมื่อไฟในห้องนอนบ้านติดกันที่เยื้องกับห้องเขาเปิดไฟสว่างก่อนมีเสียงใสๆ เรียกเบาๆ “เฮียๆ”
                    “เรียกพี่ก็เรียกพี่ซิ อย่าเรียกเฮีย เวลาเสียงมันเพี้ยนน่ะมันเป็นอะไรรู้ไหม”
                    เด็กสาวหัวเราะเสียงใส ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่ส่งเสียงดังแล้วเชียวนะ ดูพี่โรมซิ คิดไปถึงไหน “เปิดหน้าต่างหน่อย หนูจะส่งยุงยักษ์ไปให้”
                    โรมเปิดหน้าต่างมุ้งลวดออกยังไม่ทันสุดบาน สาวน้อยฝั่งตรงข้ามก็เปิดหน้าต่างแง้มๆ ปาของเข้ามาอย่างเม่นยำปะทะอกก่อนตกลงตรงหน้า ดีนะที่ไม่หล่นออกไปนอกหน้าต่าง คนปาหัวเราะกิ๊ก ก่อนรีบปิดหน้าต่างปิดไฟกระโจนขึ้นเตียง
                    ยังไม่ทันที่โรมจะขยับตัว ประตูห้องของสาวน้อยก็เปิดแง้ม ไฟในห้องเปิดสว่าง โรมได้แต่ยิ้มแหยๆ ส่งผ่านไปให้คุณพ่อของน้องในดวงใจ มองอาวัติเดินมาตรวจเช็คกลอนหน้าต่าง
                    “ยังไม่นอนหรือโรม” นิวัติถามหนุ่มบ้านตรงข้าม ท่าจะต้องย้ายน้องหนูไปนอนห้องอื่นเสียแล้วมั้ง หรือไม่อย่างนั้นคงต้องติดเหล็กดัด
                    “อ่านหนังสืออยู่ครับ” โรมตอบ ปิดมุ้งลวดลงกลอนให้เรียบร้อยย่องๆ กลับมานั่งที่โต๊ะอ่านหนังสือของเขาเมื่อผู้อาวุโสกว่ายังยืนนิ่งอยู่ข้างหน้าต่าง ก่อนคลานวกกลับไปเอาของห่อน้อยที่ถูกปามาให้
    รสาแอบหัวเราะอยู่ในโปงผ้า คุณพ่ออ่ะ นึกยังไงมาดูลูกสาวเอาวันนี้ หรือนาฬิกาปลุกเธอดังเกินไป
    “ไม่เปิดแอร์แล้วคลุมโปงไม่ร้อนหรือไง ยายหนู” นิวัติดึงผ้าลงเปิดหน้าลูกสาว เห็นหลับตาปี๋อย่างมีพิรุธ “นี่...” นิวัติอดไม่ได้ บีบจมูกเล็กๆ นั่น! ลูกสาวตัวน้อยดิ้นหนีก่อนหัวเราะเสียงดัง แหมพ่อ วันนี้หนูลงทุนไม่เปิดแอร์นอนเชียวนะ เวลานาฬิกาปลุกดังหนูจะได้ตื่นไง นี่ดังไปถึงห้องพ่อด้วยหรือไงน้า
    “ทำอะไรกัน”
    “ไม่ได้ทำอะไรค่ะ” ลูกสาวบอกตาใสแจ๋ว
    “จริงนะ”
    “จริงๆ ค่า” ลูกสาวพยักหน้ายืนยันหนักแน่น เตือนตัวเองว่าต้องอย่าลืมซื้อช็อกโกแลตให้พ่อด้วย ถ้าบอกว่าหนูตั้งใจจะให้ช็อกโกแลตพี่โรมเป็นคนแรกของวันที่สิบสี่ล่ะก็นะ พ่อต้องงอนแน่ๆ เลย
    “เหงื่อออกเปียกหมดแล้วจะเปิดแอร์ไหม” ถามไปอย่างนั้นล่ะ ร่างสูงเดินไปปิดหน้าต่างเปิดแอร์ให้เสียแล้ว
    “หนูรักพ่อค่ะ”
    “พ่อรักหนูมากกว่าอะไรเลยลูก”
                   
                    โรมค่อยๆ แกะขนมวานใส่ปาก อือม์ ถึงเขาจะไม่กินช็อกโกแลตมาหลายปีแล้ว แต่ก้อนนี้ไม่ยอมให้ใครกินแทนแน่ๆ และปกติช็อกโกแลตที่เขาได้มา เขาก็เอาไปใส่ตู้เย็นไว้ให้รสาหมด ถ้าเจ้าตัวเห็นเจ้าห่อคุ้นตานี้กลับไปปรากฏในตู้ละก็ ไม่รู้เขาจะต้องง้อสาวน้อยแสนงอนนั่นอีกนานเท่าไร ยิ่งตอนนี้เริ่มมีศัตรูหัวใจมาให้เห็นชัดๆ อย่างนี้ด้วยแล้ว
                    คืนนั้นโรมนอนหลับฝันดี ไม่ได้สังเกตถึงดอกตูมสีเขียวอ่อนๆ ที่เริ่มปรากฏตามกิ่งสวยใส
                    เจทที่ได้ดูแลเครื่องของร้าน Six to six สาขาที่เขาต้องการรู้ข้อมูลตอนนี้มากที่สุด การขายต้นไม้แห่งความรัก หลังจากพยายามค้นไปพลาง คอยระวังคุณป้า มาดามจอมโหดมาเห็นไปด้วยและในที่สุดเขาก็พบสัญญาการขาย แต่ว่า...ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเลย สัญญากำลังจะบรรลุผลแล้ว หากแต่เขานี่ซิน่าเป็นห่วงเมื่อเงยหน้าขึ้นเจอแววตาเข้มงวดของมาดามจ้องมองมาอยู่แล้ว
                    J
                    “น้องหนู วันนี้กลับเร็วไหม” โรมถามสาวน้อย เขาลงทุนตื่นแต่เช้าทั้งที่ไม่ใช่วันมีเรียนเช้า แถมเมื่อคืนยังนอนดึก ปั่นจักรยานมาส่งที่ป้ายรถเมล์เพื่อถามประโยคนี้ เดี๋ยวนี้รสาไปโรงเรียนเองแล้วเพราะต้องไปแต่เช้า ดูแลการซ้อมบาสรอบเช้า สมกับเป็นผู้จัดการจอมโหด
                    “เหอะ ไม่เร็วก็ต้องเร็วล่ะ นักบาสของหนูคงต้องโดดหมดแน่ ไม่มีใครอยู่ซ้อมเหมือนรุ่นพี่โรมหรอก” เจ้าตัวขว้างค้อนใส่ ให้ชายหนุ่มได้หัวเราะอารมณ์ดีแต่เช้า อ้าว มาค้อนอะไรพี่เล่าน้องหนู ก็ บอกอยู่ว่าพี่ขยันซ้อม
                    “รถหนูมาแล้ว” เจ้าตัวกระโดดขึ้นรถอย่างว่องไว ก่อนหันมาตะโกน “อย่าลืมขนมของหนูนะ”
    โรมได้แต่ส่ายหน้า ...ขนมของหนู... ก็คือช็อกโกแลตที่เขาจะได้วันนี้ไงล่ะ ถ้าลืม เค้กที่อานาซื้อมาฝากมีหวังไม่ได้ข้ามรั้วมาถึงเขาเป็นแน่ แต่ได้กินช็อกโกแลตก้อนเมื่อเช้า เช้าสุดๆ ก้อนนั้นแล้ว ไม่กินอะไรอีกเลยก็ได้ทั้งวัน
                    แวะซื้อโจ๊ก น้ำเต้าหู้ปั่นจักรยามกลับมาถึงบ้าน เจออาวัติแต่งตัวเสร็จแล้ว หากแต่ยังไม่ใส่รองเท้า ชายหนุ่มเสียววาบๆ รู้สึกเหมือนผู้ร้ายเดินผ่านตำรวจ นั่น อาวัติพยักหน้าเรียกทักทาย
    “นอนดึกยังตื่นแต่เช้าอีกนะโรม”
    “แม่อยากกินน้ำเต้าหู้ครับ พอดีออกมาเจอน้องหนู ขึ้นรถไปเรียบร้อยแล้วครับ” โรมนึกขอโทษแม่ในใจ ขออ้างชื่อก่อนแล้วกันนะแม่ ก่อนลูกชายแม่จะไม่มีชีวิต
    “เช้าๆ รถเมล์แน่นมากไหม”
    “ไม่เท่าไรครับ บ้านเราต้นสายได้นั่ง” โรมบอกผู้ใหญ่ตามสิ่งที่เขาเห็น
    “เมื่อคืนคุยความลับอะไรกันกับน้องหนู”
    นั่นประโยคที่เขากลัว ขณะที่ชายหนุ่มหน้าแดง คุณแม่ของน้องหนูอดไม่ได้ชะโงกหน้าออกมาบอกเสียงใส “บอกไปเลยโรมว่ายายน้องหนูอยากชิงเป็นคนให้ช็อกโกแลตพี่โรมคนแรก จนตั้งปลุกนาฬิกาทุกเรือนในบ้าน”
    นิวัติมองหน้าเด็กหนุ่มที่หน้าแดงพูดไม่ออก หัวเราะหึหึ “นี่อาไว้ใจให้โรมดูแลน้องหนูต่อไปดีไหมนี่ หรือจะย้ายยายหนูไปนอนห้องอื่นดีนะ”
    เด็กหนุ่มสูดลมหายใจลึกๆ “ผมชอบน้องหนูครับอาวัติ” เขามองสบดวงตาแสนหวงของคุณพ่อไม่มีหลบ “แต่ผมรู้ว่าผมยังเด็ก ยิ่งน้องหนูยิ่งเด็ก ผมสัญญาครับผมจะให้เกียรติและดูแลน้องหนูตลอดไป”
    “ถ้ายายหนูไม่ชอบเธอล่ะ เข้ามหาวิทยาลัย จบไปทำงาน ไปเจอหนุ่มๆ หล่อๆ “
    “น้องหนู ก็ จะเป็นน้องสาวผมต่อไป” เด็กหนุ่มตอบเสียงเบาลงหากดวงตายังมั่นคง
    “งั้นฝากดูด้วยล่ะ วันนี้อากับอานามีนัดระลึกความหลังกันหน่อย”
    “ครับ” โรมรับคำ ยิ้มกว้าง
    วัจนาส่ายหน้ายิ้มๆ กุมมือสามีบีบเบาๆ “ไปแกล้งตาโรม”
    “ไม่ได้แกล้งเอาจริง วันนี้ลูกสาวเรามีเบเบี้ซิสแล้ว ไปไหนกันดี”
    “ไม่ไปค่ะ คุณพ่อปล่อยแล้ว ...แต่คุณแม่ไม่ปล่อย กลับมาเร็วหน่อยนะคะ นาไปสั่งเค้กช็อกโกแลตเจ้าอร่อยไว้แล้ว มาทานข้าวเช้าเร็วค่ะ จะได้รีบไปทำงาน” วัจนาหันหลังกลับเข้าบ้านแอบยิ้มไม่สนใจเสียงโอดครวญของสามี
    J
    “วันนี้งดซ้อมเย็น”
    เพียงสิ้นเสียงประกาศของผู้จัดการสาว เสียงโห่ร้องของลูกทีมดังลั่นกึกก้องโรงยิม แม้แต่อาจารย์ผู้คุมทีมยังยิ้มกว้าง เหอะ ถ้าไม่มีนัดกับพี่โรมเย็นนี้นะ อย่าหวัง! นานๆ ทีพี่โรมจะใจดีตื่นแต่เช้า ปั่นจักรยานมาส่งไม่ต้องเดินย่ำต็อกออกมาเอง แล้วยัง วันนี้กลับเร็วไหม อิอิ ต้องกลับเร็วอยู่แล้วจ้า
                    “เย็นนี้ก็งดงานพิเศษซิ” เจทถามเมื่อเดินมาด้วยกันเพื่อไปเข้าแถวเคารพธงชาติ
    “ไม่ได้งด” เจ้าตัวตีหน้าขรึมก่อนปล่อยก๊าก เมื่อเห็นสีหน้ามีความหวังของเพื่อนชาย
    “ไม่ได้ทำแล้ว ขอมาดามทำศุกร์กับเสาร์ เพราะต้องตื่นเช้ามาคุมพวกคุณๆ ซ้อมนี่ไงเล่า เย็นกว่าจะกลับถึงบ้านอีก”
    “อ้าวแล้วการบ้านล่ะ เอาไปทำด้วยทุกทีไม่ใช่เหรอ ทำการบ้านไป ทำงานพิเศษไปด้วย ได้เงินด้วยนะ” เจทเกลี้ยกล่อม อย่างนี้เขาก็ต้องรับทำสองสาขาไปอาทิตย์ล่ะ 5 วันนะซิ จะเอาเวลาไหนแวบไปเล่นเกมได้บ้างเล่า แถมนั่งคนเดียวไม่มีเพื่อนคุย นี่ยังไม่นับที่โดนคุณป้าคาดโทษไว้นะ ว่าแล้วก็อดคลำหน้าผากปูดๆ เพราะโดนทัพพีคนช็อกโกแลตไม่ได้ แรงตีนะไม่เท่าไร แต่แรงร้อนของช็อกโกแลตนี่ซิ
    “ทำเวลาเรียนแล้ว เออ ว่าจะถาม ใครตีนายอ่ะ สาวไหน ปูดเป็นรูปหัวใจเชียว” สาวน้อยชะโงกมองให้เห็นชัดๆ แต่คนโดนตีหน้าบูดสะบัดหน้าหนี
    “เอาไว้พ้นช่วงสอบ เค้าก็กลับไปทำเหมือนเดิมล่ะ น้า นะ น้า ดีกันนะเจท อย่างงอนซี”
    “ไม่งอน คนมีแฟนทิ้งเพื่อน”
    แทนที่เพื่อนจะสลดกับหัวเราะซ้ำ “เหอะ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็ นายล่ะที่จะทิ้งก่อนใคร”
    เธอพยักหน้าให้ดูสาวๆ ที่รีๆ ขวางๆ ไม่กล้าเข้ามา เร่งฝีเท้าไปก่อนเพื่อความสบายใจของสาวน้อย และเพื่อนชายของเธอที่จะรับของฝากในวันแห่งความรักวันนี้
    ถึงเจทจะทำงอนยังไง เขาก็ มายืนรอส่งรสาขึ้นรถประจำทางก่อนเหมือนทุกวัน ระหว่างรอก็แกะขนมละเลียดกินอย่างมีความสุขแล้วไม่ส่งให้เพื่อนด้วย ฉันไม่ง้อเธอก็ได้ ไปเอากับพี่โรมก็ได้ รับรอง ต้องได้มากกว่านายแน่ๆ แต่การยืนรอรถเมล์ท้องร้องด้วยความหิวกับการที่เจ้าเพื่อนตัวดีกินขนมล่อตานี่มันทรมานจริงๆ
    J
                    “แม่จ๋า วันนี้พี่โรมจะเลี้ยงบะหมี่ หนูไม่กินข้าวน้า” ลูกสาวที่ไปรดน้ำต้นไม้วิ่งตึงๆ เข้ามารายงาน พลางเอาขนมห่อสีสวยจากถุงใส่ช่องแช่แข็ง
                    “จ้า แล้วรีบกลับมากินเค้กนะ ช้าอด แล้วนั่นอะไรน่ะ”
                    “ขนมของน้องหนูครับ” โรมที่เดินตามมาบอกยิ้มๆ สายตาอิ่มเอมของพ่อหนุ่มน้อย ทำให้วัจนาอดเปิดดูลับหลังเด็กคู่นั้นไม่ได้ เอ! มันก็ช็อกโกแลตธรรมดา ทำไมตาโรมทำหน้าตาเหมือนแมวได้กินปลาย่างนักล่ะ
    คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกสาวที่เริ่มจะเป็นสาวสวย มองลูกสาวกับเด็กหนุ่มข้างบ้านที่เติบโตมาด้วยกัน กลับจากซ้อนท้ายจักรยานไปกินบะหมี่หน้าหมู่บ้าน แข่งกันกินเค้ก ก่อนจะมองหน้ากัน ตาโรมกับน้องหนูก็ยังเหมือนทุกวัน เถียงกันแย่งกันกินแย่งกันพูด ไม่มีอะไรผิดปกติ กินเสร็จ เด็กหนุ่มเก็บจานชามไปล้าง มีสาวน้อยที่ตอนนี้รู้หน้าที่ ตามไปเช็ดจานชาม พอเก็บเสร็จ โรมก็ลากลับเหมือนทุกวัน
                    “เอาไปฝากคุณพ่อคุณแม่ด้วยโรม อันนี้พิเศษของโรมไว้เพิ่มพลังเวลาอ่านหนังสือดึกๆ “
                    แม่ลูกสาวตัวน้อยแย่งกล่องของพี่โรมไปเปิดอย่างที่คิด ก่อนเจ้าตัวจะยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าในกล่องเป็นขนมปังก้อนไม่ใช่ไวท์ช็อกโกแลตอย่างที่เจ้าตัวแสนหวง
                    “อ้าว จะเก็บไว้กินเองหรือ พี่โรมไปโน่นแล้ว”
                    คุณแม่เตือนเท่านั้นเจ้าตัวรีบปิดกล่องวิ่งตามไป ไม่นานลูกสาวน้อยก็ประคองกล่องกระดาษมาวางตรงหน้า ก่อนค่อยๆ เปิด กลิ่นหอมหวานอย่างบอกไม่ถูกกระจายออกมาก่อน สองสามีภรรยาอดชะโงกมองใกล้ๆ ไม่ได้
                    ต้นไม้เล็กๆ สูงเพียงประมาณคืบ ต้นใส เห็นเส้นสีในลำต้นชัดเจน ใบสีเขียวสดใบจิ๋วๆ ตามกิ่งแตกเป็นดอกรูปหัวใจสีชมพูอ่อนบ้างเข้มบ้าง กระจายเต็มต้น
                    “พี่โรมบอกว่า” ลูกสาวบอกเสียงสั่น ตาวาววับ “มันเป็นต้นไม้แห่งความรัก พี่โรมเลี้ยงมาสี่ปี เพื่อให้มันออกดอกเพื่อ...หนู” สาวน้อยน้ำตาปริ่ม “คราวนี้ เป็นคราวที่หนูจะต้องดูแลต้นไม้แห่งความรักของเรา เมื่อไรที่มันออกลูก พี่โรมจะขอหนูแต่งงานค่ะ”
                    พ่อแม่ได้แต่มองตากัน มองต้นไม้แสนมหัศจรรย์ก่อนพยักหน้าพร้อมๆ กัน
     
    จบตอน  วันวาเลนไทน์
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×