คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : story ..69.. ++ End++
จากนิทานปรัมปราที่แม่ข้าเคยเล่าให้ฟัง เรื่องที่นางเล่าจะบอกให้ข้ารับรู้เสมอว่า ปีศาจคือผู้เปลี่ยนทุกสรรพสิ่งให้เป็นอย่าใจหวัง เป็นกลางวันเป็นกลางคืน เปลี่ยนความสะอาดเป็นสกปรก เปลี่ยนรอยยิ้มเป็นความอาดูร เปลี่ยน หยาดเหงื่อเป็นหยาดโลหิต ทำได้แม้แต่เปลี่ยนชีวิตให้กลายเป็นตุ๊กตาที่ว่างเปล่า แต่เรื่องที่ข้าจะเล่าให้พวกเจ้าฟังในวันนี้เป็นเรื่องของหนึ่งมนุษย์ผู้อำนาจล้นฟ้าดั่งพระเจ้า กับหนึ่งมนุษย์ผู้เสมือนปีศาจบนผืนดิน มันเป็นเรื่องราวที่พระเจ้าเปลี่ยนปีศาจให้เป็นตุ๊กตา
อาทิตย์อัสดงทองแสงสีส้มอาบฟากฟ้าให้แดงฉาน แสงสว่างของมันทอลอดแมกไม้เข้าสู่บานหน้าต่างสีขาวบริสุทธิ์ที่ตัวไม้สลักลวดลายเทพยดาอย่างงดงาม ภายในตัวห้องนี้เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นเป็นสีขาวสะอาดตา ถ้าจะพูดให้ถูกภายใน้องแห่งนี้มีเพียงเครื่องปรับอากาศและเตียงนอนเท่านั้น
บนเตียงคุ่ขนาดใหญ่เจ้าของเส้นผมสีไพรินทอดกายหลับใหลไร้สติ ข้อขาเรียวถูกล่ามด้วยตรึงด้วยโซ่ตรวนเส้นใหญ่ ร่างกายเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยหยาดราคะทั้งร่องรอยสีแดงสดและรอยช้ำสีม่วงคล้ำที่ประดับบนเรือนกายขาวสีงาช้างนั้นบ่งบอกได้ดีกว่าคนๆโดนอะไรมาบ้าง และคงไม่รู้สึกสุขสมกับมันเสียเท่าไหร่
แอ๊ด.... บานประตูสีขาวถูกเปิดออกก่อนจะตามด้วยเสียงรองเท้าของกล้วยไม้ขาวหรือผู้ที่ใครก็เรียกเขาว่าพระเจ้า พระเจ้าที่คละคลุ้งด้วยกลิ่นคาวเลือดกว่าซาตาน ร่างสูงของพระผู้เป็นเจ้านั่งบนริมเตียงนอนขนาดคิงไซต์ ดวงตาสีอเมทิสมองไปยังกายขาวของสายหมอกผู้หลับใหล จากนั้นก็ยกมือขึ้นเกลี่ยหยาดน้ำตาใสที่ยังคงรินไหลแม้ไร้สติ
“.....งดงามจริงๆสายหมอกของฉัน.....” น้ำเสียงของพระเจ้าเอ่ยออกมาราวกับลุ่มหลงในมายาแห่งสายหมอกไปชั่วครู่ หากแต่สุรเสียงของเทพยดาผู้ยิ่งใหญ่คงก้องกังวานจนเกินไป จนทำให้เปลือกตางามที่ทำหน้าที่หลบซ่อนดวงเนตรแสนสวยที่ไม่เข้าคู่ลืมขึ้นช้าๆ
นัยน์เนตร2สีแห่งกรณิกางามช้อนมองกล้วยไม้ขาว ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่าที่ไร้เรี่ยวแรง “มาทำไมครับพระเจ้า” ผู้ถูกเรียกไม่แม้แต่จะใส่ใจ ทางแต่เพียงตอบกลับมาว่า
“มาหาของเล่นไงล่ะ” ดวงแก้วแสงงามเบิกกว้าง อ่า.....ผมเป็นแค่ของเล่นสินะครับเป็นตุ๊กตาที่คุณจะใช้ทำอะไรก็ห้ามมีความรู้สึกสินะครับ.....ถ้างั้นผมขอร้อง.....รีบทำให้ผมพังได้ไหมครับ
“คุณนี่มันไม่เคยพอเลยนะครับ” ละโมบจนน่าหวั่นเกรง.....หวั่นเกรงว่า....คุณจะไม่พอ
“ก็ฉันไม่เคยอิ่มนี่นา” กล่าวจบก็ดึงผ้าห่มที่ปกปิดกายบางออก เมื่อไร้ซึ่งแม้แต่เศษผ้าเรือนร่างทุกสัดส่วนก็เผยออก เปลือกตาบางหลับลงรอรับความอัปยศแสนน่ารังเกียจ....สัมผัสของพระเจ้ามิอาจแทนที่ของนภาที่อบอุ่น.....
......ร่างกายที่น่าสังเวชแปดเปื้อนราคีแสนโสมม.....
หลังจากเสร็จสิ้นกล้วยไม้หนุ่มก็ออกไป โดยไม่สนว่าคนที่ตนได้ร่วมกิจเมื่อครู่นั้นจะเป็นอย่างไร สิ้นเสียงฝีเท้าหนักตามด้วยเสียงปิดประตู ซึ่งเป็นสัญญาณที่บอกเหตุว่าซาตานสีขาวผู้นั้นได้ออกไปแล้ว นัยเนตร2สีลืมขึ้น พร้อมหลั่งรินธารน้ำอุ่นด้วยความโทมนัสสาไม่มีหยุดหากแต่ไม่มีแม้เสียงสะอื้น ดวงใจมี่แสนเจ็บปวดกระตุ้นให้เห็นภาพอดีต เห็นสิ่งที่ทำให้ตนต้องเจอเรื่องราวอย่างตอนนี้
....คำสั่งของฟากฟ้าที่รักแสนรัก....
.
“ผมทรงนี้น่ารักดีเหมือนกันน๊า!!~” เสียงนุ่มผู้ที่ย้ายตำแหน่งตัวเองจากบอสของวองเล่ไปเป็นช่างตัดผมจำเป็น ผู้เปลี่ยนทรงผมสับปะรดสุดจี๊ด!! ให้กลายเป็นทรงเดียวกับ ‘มิคู้จัง แห่งบ้านโว้ขาลอย’ โดยทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้เมื่อเห็นใบหน้าของคนรักที่มองทรงผมตัวเองในกระจกอย่างเคียดแค้น แต่บรรยากาศแสนสุขนี้ก็จางหายไปเมื่อร่างสูงเอ่ยเรื่องนั้นออกมา
“มุคุโร่!! ช่วยไปเป็นสปายให้ฉันหน่อยได้ไหม” พูดจบดวงเนตรสีเดียวกับตะวันยามลับฟ้ามองเข้าไปในกระจกสบตากับนัยเนตร2สีที่ดูเศร้าสร้อยได้อย่างน่าใจหาย ก่อนจะเริ่มพูดต่อ
“งานนี้มีแค่ผู้ใช้มายาที่เก่งมากเท่านั้นที่จะสามารถตบตาเบียคุรันได้....” น้ำเสียงที่เจือไปด้วยความเศร้าเอ่ยขึ้น แต่ยังไม่ทันจบก็โดนอีกฝ่ายแทรกขึ้นอย่ารู้ดี
“งานนี้มีแค่ผมสินะครับ”เสียงหวานเอ่ยอย่างแผ่วเบา จนแทบไม่ได้ยิน
“อืม....” สิ้นเสียงมือแกร่งทั้ง2ข้างได้ปล่อยลงจากเส้นไหมสีน้ำเงิน ก่อนจะโอบกอดคนที่รักแสนรักไว้อย่างอ่อนโยนก่อนจะเอ่ยคำพูดหนึ่งออกมา
“ฉันน่ะ....รักเธอมาก....ไม่อยากเสียเธอไป....เธอต้องกลับมาหาฉันนะ....” กลับมานะ กลับมาฉันนะคนดี ห้ามหายไป สายหมอกแสนสวยของฉันเธอเป็นของฉันคนเดียว คำพูในใจของแผ่นฟ้านี้ไม่ออาจเอื้อนเอ่ย เพียงเพราะกลัวว่าคำพูดนั้นจะทำให้ดวงตาสองสีคุ่นั้นหวั่นไหวจนต้องฉุดรั้งร่างบางตรงหน้าไว้ จนทำให้ทุกอย่างแย่ลง
“แล้วถ้าผมไม่กลับมาล่ะครับ” เสียงหวานเอ่ยเย้าแหย่ไม่ดูสถานการณ์ พร้อมส่งสายตาที่ยั่วยวนผ่านกระจกเงา ตอนนี้ฟากฟ้าได้รับรู้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปเมื่อสบกับดวงตาที่แสนยั่วยวนนั้น มองอย่างแปลกใจชั่วครู่จึงได้ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ร่างสูงโน้มตัวลงคลอเคลียแก้มนวลขาวที่ตอนนี้ซับจางด้วยสีแดง จากนั้นเปลวไฟในร่างกายที่เริ่มรุกโชนโหมกระหน่ำใส่ร่างที่กอดรัดกันอย่างสุขสม บดเบียดแนบแน่นกันทุกสัดส่วน ส่งเสียง พิศวาสอย่างเสน่หา ท่ามกลางเสียงครวญครางนั้นร่างผู้ที่สอดใส่ได้พูดคำๆหนึ่งออกมา ทำให้ร่างบางที่ครางอย่างสุขสมยิ้มด้วยรอยยิ้มที่สดใส
......ฉันจะไปรับเธอเอง.....
“มุคุโร่คุง...”เสียงเรียกที่แผ่วเบาราวกับกระซิบของเทวดาหนุ่มกล่าวเรียกขานถึงซาตานแสนรักที่
หลับใหล มือแกร่งยกขึ้นปาดหยดน้ำใสจากหางตาร่างที่นอนหลับ มือที่แปดเปื้อนซึ่งหยาดโลหิตมากมายลูบไล้ไปทั่วกายขาวเนียนของอีกฝ่าย
แม้ภายในห้องจะมืดมิดหากแต่แสงของพระจันทร์และดวงดาวยังคงส่องผ่านห้าต่างบานใหญ่เช่นทุกครั้ง ความสว่างของมันสะท้อนให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาและเย็นเยียบ แต่บัดนี้มันกลับเศร้าหมองและสั่นไหว
“ขอโทษนะที่รักของฉัน....แต่นี่เป็นวิธีเดียว....ที่จะทำให้เธอ....อยู่กับฉัน” ร่างสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกับกลัวว่าร่างที่หลับอยู่ตรงหน้าจะตื่นจากนิทราแสนหวาน
“สึนะ...โยชิ....” เสียงละเมอดังออกจากริมฝีปากบาง แม้จะดังเพียงเสียงกระซิบ แต่มันก็ทำให้ดวงตาที่สั่นไหวกลับมาเย็นเยียบดังเดิม
“มุคุโร่ของฉัน....รู้ไหม....ที่ฉันล่ามเธอไว้....เพราะไม่อยากหาเธอไปไหน ไม่อยากให้กลับไปหาฟากฟ้าที่เธอรัก” ล่ามเธอไว้ ขังเธอไว้ มันก็ทีให้ฉันได้แค่ร่างกายเธอ ฉันต้องทำยังไงจึงจะได้ใจเธอมากันนะ
ร่างสูงหันหลังเดินกลับ โดยมือ2คู่นั้นไม่ลืมล็อคปราการทุกชั้นที่สามารถกกักขัง
‘....ร่างกาย....’ ของสายหมอกผู้นี้ได้
“ อือ...” เสียงแผ่วเบาจากกายบางที่เพิ่งตื่นดังขึ้น ดวงตาสองสีปรือขึ้นอย่างสะลึมสะลือ มือเรียวยกขึ้นป้องกันแสงแดเจ้าที่ลอดผ่านบานหน้าต่างส่องมากระทบดวงตา ตาคู่ใสเหลือบมองนาฬิกาเรือนสวยบนผนัง คิ้วงามขมวดเข้าเมื่อเห็นเวลา
‘ถึงเวลาแล้วสินะ’ มุคุโร่คิด เพราะเข็มนาฬิกาชี้เวลา เจ็ดโมงตรง เป็นเวลาปกติที่เบียคุรันคนนั้นจะเป็นคนยกอาหารมาให้ตน โดยไม่สนว่าตนจะเกลียดคนยกอาหารจนพาลกินอะไรไม่ลง
‘แอ๊ด...’ เสียงเปิดประตูดังขึ้นขัดความคิดพาลๆ ดวงหน้างามหันไปมองตามทิศทางของเสียง ก่อนจะหันกลับอย่างเร็วเมื่อเห็นคนที่ตนนั้นแสนเกลียด
“ตื่นแล้วเหรอมุคุโร่คุง” เสียงทักทายจากร่างสูงที่เอ่ยเหมือนทุกครั้ง มือใหญ่ถือถาดที่วางอาหารมากมายไว้ด้านบน เดินเข้ามาใกล้ สองมือบรรจงวางถาดไว้ข้างเตียงทำเป็นไม่สนใจสายตาหวาดระแวงที่มองมา
“กินซะนะมุคุโร่คุง
แล้วเราจะได้มีแรงทำลูกกันต่อไง” เบียคุรันเอ่ยหยอกเย้า จนทำให้สายตาหวาดระแวงเปลี่ยนเป็นสายตาที่มีน้ำโห ดวงหน้าขาวแดงจัดด้วยความโกรธปนอาย มือเรียวหยิบของรอบตัวขว้างปาใส่ต้นเหตุอย่างเอาเป็นเอาตาย
ร่างแกร่งที่หลบเอาเป็นเอาตายไม่แพ้คนปาก็เอาแต่หลบไม่ดูตาม้าตาเรือ ทุกกระบวนท่าการหลบถูกงัดออกมาใช้ ทั้งเองซ้ายเองขวา เดินถอยหลัง ต่อด้วยท่าหลบกระสุนยอดนิยมอย่าง เด๋อแมนถึก เมื่อเห็นร่างบางเริ่มหยุด เด๋อแมนถึกตัวปลอมจึงยกตัวขึ้นมา แต่อนิจจา ศีรษะที่ประดับด้วยเส้นผมสีขาวชนเข้ากับด้านใต้สุดของตู้ยาสามัญประจำบ้านอย่างจัง
“คึหึ...หึหึ...ฮ่าๆๆ..... ” เสียงหัวเราะดังขึ้นจากปากนุ่มที่ร่างบางมักใช้ต่อว่าหรือด่าทอเสมอ ดวงหน้าที่เคยมู่ทู่ประดับไปด้วยรอยยิ้มกว้างที่แสนสดใส
“หึ
” เสียงหัวเราะแผ่วเบาดังมาจากกล้วยไม้หนุ่ม ดวงตาสีอเมทิส ฉายประกายแห่งความสุข
‘เธอหัวเราะเพราะฉันใช่ไหมที่รัก’ เสียงความคิดของเบียคุรันที่ไม่ได้ถ่ายทอดออกไป ร่างสูงจมอยุ่กับความสุขของตัวเองในมโนภาพแห่งจินตนาการ แต่สิ่งนั้นกลับพังทลายเพราะคำพูดนั้น...
“คุณน่ะ...ซุ่มซ่ามเหมือนวองโกเล่เลยนะครับ ” รอยยิ้มของเทวดาหยุดลง ดวงตาสีม่วงคู่นั้นฉายแววความโกรธและริษยา
‘เพียงคำพูดเดียวก็เปลี่ยนเทวดาให้กลายเป็นซาตาน’
“อย่าพูดถึงคนคนนั้น!!!” น้ำเสียงตวาดดังก้องไปทั่วห้อง ทำให้ดวงหน้าสวยบึ้งตึงเพราะรอยยิ้มได้เลือนหาย ความเกลียดชังเข้ามาแทนที่เสียงหัวเราะสดใส ร่างบางจึงตวาดกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้
“ทำไมจะพูดไม่ได้เมื่อเขาเป็น....ของผม!! ” เสียงหวานเว้นช่วงแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ก่อนจะลงท้ายด้วยเสียงที่ชัดเจน
“ฉันต่างหากที่เป็นคนรักของเธอ!!!” ร่างสูงตะคอกกลับ แม้จะไม่ได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด แต่ความโกรธที่ทำลายสติ ส่งผลให้นึกคิดว่าอีกคนจะพูดว่าคนรัก
‘ความรักความหวงหาเป็นเทวดาให้เป็นผู้วิปลาส’
“คุณเข้าใจ....โอ๊ย..!!” มือใหญ่บีบลำคอขาวแน่นเต็มแรง เมื่อได้ยินคำกล่าวปฏิเสธ แม้ร่างกายบางด้านใต้จะดิ้นทุรนทุราย แต่กลับจ้องมองอีกคนแทนที่จะร้องขอความเมตตา แต่เป็นดวงตาที่เศร้าสร้อย
‘เศร้าเพราะคิดถึงอดีตคนรักที่เป็นเจ้านาย....’
หรือ
‘เศร้าเพราะจะต้องตายด้วยน้ำมือของชายที่รัก....’
แรงบีบที่เพิ่มขึ้น ทำให้อากาศเริ่มหมดลง ร่างกายที่เคยดิ้นหนีเริ่มหยุดเคลื่อนไหว และดวงตาสองสีที่ได้ปิดลงช้าๆราวกับไม่มีวันตื่นฟื้นคืน ชายผมขาวเริ่มมีสติเมื่อเห็นร่างที่แสนรักหลับใหลไป เสียงตะโกนของเขาดังขึ้น
“โชจัง!!....หมอ!!....โชจัง!!....โช..” เสียงเรียกดังได้หยุดลงเมื่อหนุ่มใส่แว่นได้เข้ามาพร้อมคณะหมอ เหล่าคณะแพทย์พากันวุ่นวายไปหมดในการต่อ ลมหายใจที่ขาดห้วง ทั้งยังต้องเร่งอัตราการเต้นของหัวใจที่แผ่วเบา
‘....เมื่อไหร่กันนะ....ที่สายหมอกผู้นี้หลอกตัวเองว่าเกลียดชังฟากฟ้าสีเลือด....’
.....เรื่องราวความจริงทุกอย่างที่เกิดจากวันที่สายหมอกแห่งวองโกเล่ถูกส่งมา....
วิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีของมิลฟีโอที่ส่งมาพร้อมกับสปายของแก๊ง เป็นนาโนเทคโนโลยีชั้นสูงที่สามารถพกพาได้อย่างสะดวก และไม่เป็นที่น่าสงสัย นวัตกรรมล้ำสมัยชนิดนี้สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ ‘...อ่านใจ...’
ฉากละครแสนหวาน ทั้งฉากร่วมรักที่ร้อนแรงสามารถใช้ภาพมายาตบตาได้ หากแต่ความในใจ ความคิด นั้นไม่ใช่สิ่งที่จะปิดบังกันอย่างง่ายดาย
..... มันคงจะเป็นแบบนั้นหากไม่รู่ล่วงหน้า....
ต่อให้มิลฟีโอเล่มีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย นักประดิษฐ์ นักวิทยาศาสตร์ที่ล้ำเลิศ แต่ทางวองเก่ก็มีหน่วยงานสังเกตการณ์ที่ดีเยี่ยมกว่าโดนผู้ที่รับหน้าที่นี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นผู้พิทักษ์เมฆาคนสำคัญ
เรื่องราวของสปายที่มิลฟีโอเล่ส่งเข้ามา ได้รับรู้ถึงหัวหน้าแฟมิลี่อย่างสึนะโยชิและผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆโดยที่ตัวสปายไม่ได้รับรู้เลย ทั้งที่มีของดีอยู่กับตัวแต่ไม่รู้จักใช้ กว่าตัวสปายที่โง่แสนโง่จะฉลาดใช่สิ่งที่ตนมีก็ทำเอาชาวบ้านเขาวางแผนแก้ไว้เสร็จสิ้น
สปายโง่เง่าของมิลฟิโอที่เพิ่งจะทำการสืบเสาะหาข้อมูลโดยไม่ได้รับรู้เรื่องราวการแก้เกมของวองโกเล่ก่อนหน้า วิธีแก้ที่ คนในแฟมิลี่ได้รับคำสั่งอย่างเงียบๆว่าให้นึกถึงสิ่งอื่นเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ทำให้แต่ละวันสิ่งที่สปายไม่ค่อยหนุ่มผู้นี้ได้แต่เรื่องไร้สาระกลับไปรายงาน ไม่ว่าจะเรื่องที่อ่านใจผู้บริหารระดับสูงแล้วแทนที่จะได้ข้อมูลลับในที่ประชุม กลับเป็นข้อมูลอาหารเย็นที่ผู้บริหารคนนั้นจะทาน ไม่ก็เป็นข้อมูลสัตว์เลี้ยงที่จะซื้อไปฝากลูกสาวที่บ้าน
แม้กระทั่งการที่ทำให้สปายหนุ่มเดินมาเจอฉากหวานชื่นของวองโกเล่รุ่นที่สิบกับผู้พิทักษ์สายหมอกนั่นก็เป็นแผน ทั้งฉากที่ร่วมรักแสนเผ็ดร้อนนั่นก็ภาพมายา แต่ว่าอย่างว่าคนเราคงไม่โง่ซ้ำซ้อน สปายไม่ค่อยหนุ่มที่ฉลาดขึ้นใช้เทคโนโลยีสุดล้ำอ่านใจ แต่ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกันที่ฝ่ายวองโกเล่จะไม่เตรียมรับมือมาก่อนหน้า
.....ทุกถ้อยคำที่มันรับรู้....ทุกเรื่องที่รายงานไป....ล้วนแต่เป็นเรื่องราวที่ปั้นแต่งขึ้น.....
สปายไม่ค่อยหนุ่มรีบย้ายตัวเองกลับไปมิลฟีโอเล่ เพื่อรายงานสถานการณ์ทั้งหมด แต่เสียดายเขากลับต้องจบชีวิตด้วยน้ำมือของบอสตนเองทันทีเมื่อเล่าถึงเรื่องราวของวองโกเล่รุ่นที่สิบกับผู้พิทักษ์สายหมอก เพราะพระเจ้าเกิดอาการ ‘หึง’ สปายไม่ค่อยหนุ่มที่หน้าสงสารจึงตายไปพร้อมกับนาโนเทคโนโลยีสุดล้ำ เพราะดันโดนบอสตนฆ่าด้วยวิธีการเผาทิ้งไม่ใช้เหลือซาก
ร่างของมุคุโร่นอนหลับอยู่บนเตียงมาสองวันแล้ว ร่างกายบอบบางได้รับการรักษาอย่างดีทั้งแผลเก่าแผลใหม่ในทุกๆจุด
ระหว่างที่สายหมอกแสนสวยได้หลับใหล กล้วยไม้หนุ่มกลับไม่ได้แม้แต่หลับตา ทุกวินาทีเฝ้ารอที่จะสบมองดวงตาสองสีที่แสนสวย มือแกร่งจับกุ่มมือของอีกฝ่ายไว้ไม่ยอมปล่อย เบียคุรันอยากเฝ้ามุคุโร่ตลอด24ชั่วโมง แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ เพราะตอนนี้วองโกเล่เริ่มบุกเข้ามาแล้ว หากแต่เมื่อพระเจ้าต้องการไม่ว่าอะไรก็ต้องเป็นดั่งใจ เขาจึงนั่งดูแลสายหมอกที่ตนแสนรักไม่สนใจการต่อสู้ภายนอก
.....ฉันไม่สนอะไรทั้งนั้น....ฉันกลัวถ้าฉันไปเมื่อกลับมา....เธอจะไม่อยู่อีกแล้ว.....
การต่อสู้เริ่มอย่างรุนแรงและยาวนาน แต่เมื่อไม่มีบอสคอยให้กำลังใจกองกำลังของมิลฟีโอเล่จึงเริ่มต้านไม่อยู่ ทำให้บอสของวองโกเล่บุกเข้ามาหาเบียคุรันได้อย่างง่ายดาย แม้จะมีแผลอยู่เต็มตัวก็ตาม
สึนะตามหาเบียคุรันไปทั่วทุกห้อง จนมาเจอชายผมขาวนั่งกุมมือผู้พิทักษ์ของเขาอย่างหวงแหน ดวงตาสีตะวันยามลับฟ้ามองไปยังร่างบางที่นอนอยู่ เขาเห็นผ้าพันแผลที่ลำคอขาว ทั้งยังเห็นรอยช้ำรอยแผลอีกหลายแห่งบนร่างนั้น
“มุคุโร่....” เสียงของสึนะโยชิเอ่ยอย่างสั่นเทาด้วยความตกใจในสิ่งที่เห็น
ความรักที่มีต่อพวกพ้องทำให้บอสอย่างสึนะพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างไร้สติ บอสของมิลฟีโอเล่ที่บัดนี้กลายเป็นเทวดาแสนวิปลาส นึกว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาแย่งสายหมอกของตน ความไร้สติกับความวิปลาสกำลังเข้าห้ำหั่นกัน หากแต่บาดแผลที่สึนะได้รับก่อนหน้ากับบาดแผลที่เพิ่มขึ้นจากการต่อสู้กับเบียคุรันในตอนนี้ มันทำเขาเสียเปรียบ
เบียคุรันที่เห็นอีกฝ่ายเริ่มหมดกำลังได้จัดการโจมตีเข้าไปที่ขาของอีกฝ่าย ทำให้สึนะลุกขึ้นไม่ได้ ขณะที่กล้วยไม้ขาวหนุ่มกำลังจะทำการสังหารศัตรู ร่างบอบบางที่หลับใหลก็ลืมตาขึ้นมา
มุคุโร่ที่เพิ่งตื่นปรับตาให้ชินกับแสงแดด แล้วเขาค่อยๆหันหน้ามองมองซ้ายขวา จนเหลือบไปมองเห้นงบอสของวองโกเล่ที่กำลังจะเสียที จึง ลุกจากเตียงที่นอนอยู่พุ่งตัวเข้าไปขวางเบียคุรันเพื่อทำการปกป้อง ‘...เพื่อน...’
ชายผมขาวที่ไม่ได้รับรู้ความจริงเห็นดังนั้น จึงนึกไปต่างๆนานา จนทำให้ไฟโทสะและไฟริษยาลุกโชน มือแกร่งฉุดแขนสายหมอกสีน้ำเงินขึ้นโดยมีอีกฝ่ายที่พยายามขัดขืนเต็มที่ วองโกเล่รุ่นที่สิบพยายามที่จะฉุดรั้งเพื่อนของตนได้แต่ร่างกายกลับไร้เรี่ยวแรง
“ทำไมกัน....ทำไมกัน....สายหมอกของฉัน....มุคุโร่ของฉัน....เขาคนนั้นดีกว่าฉันตรงไหน....”
น้ำเสียงที่ฟังแลดูเจ็บปวดของคนที่ตน‘รัก’ทำให้ร่างบางหยุดขัดขืน ริมฝีปากนุ่มพยายามที่เอ่ยเสียงหวานแก้ไขความเข้าใจผิดของอีกฝ่ายหากแต่...
“ถ้ารักกันมากฉันจะให้ผู้ชายคนนี้ดูฉากร่วมรักของเราต่อหน้าตาเขาเอง!!” น้ำเสียงของบอสมิลฟีโอเล่เอ่ยอย่างดุดันและเอาจริง ทำให้มุคุโร่เริ่มดิ้นอีกครั้งเสียงหวานเอ่ยคำปฏิเสธอย่างหวาดกลัว
“ไม่!!...ไม่เอา!!....” ร่างบางพยายามขัดขืนพยามยามเปล่งเสียงอ้อนวอนร้องขอ แต่กลับไม่เป็นผล
(ctrl+a)
มือแกร่งฉีกกระชากเสื้อผ้าของอีกฝ่ายออกเผยให้เห็นเรือนร่างที่เปลือยเปล่า ชายหนุ่มพยายามเล้าโลมร่างบางให้เกิดอารมณ์จนกลางกายแข็งขืน สองมือจับเรียวขาขาวอ้าออกพร้อมหันไปยังบอสของวองโกเล่
“ไม่...ฮึก...ไม่เอา....คุณเบียคุรัน....ปล่อยผม....” น้ำเสียงหวานเอ่ยอย่างอ้อนวอน ทั้งอับอาย ทั้งเจ็บปวด
“ไม่!! ฉันจะไม่ปล่อยเธอไป...เธอเป็นของฉัน...ฉันรักเธอนะสายหมอกแสนสวยของฉัน...”เบียคุรันเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ทั้งดุดันทั้งเว้าวอน
“อ๊าาาาา
” เสียงของมุคุโร่ดังขึ้นด้วยความเจ็บปวดและเสียวซ่าน เมื่ออีกฝ่ายสอดใส่เข้ามาอย่างไม่ตั้งตัว ดวงตาสองสีทอดมองไปยังวองโกเล่รุ่นที่สิบที่จับตามองอยู่ตลอด ดวงตาที่สีสันไม่เข้าคู่ส่งสายตาให้อีกฝ่ายหันหน้าหนีซะ แต่มันกลับทำให้เบียคุรันเข้าใจเป็นอย่างอื่น
“อะ...อ๊า..อื้อ...” เสียงหวานดังตามแรงกระแทกที่ได้รับจากช่วงล่าง เบียคุรันค่อยๆหันให้อีกฝ่ายมากอดตนไว้ไม่ให้ร่างบางสบตากับใครนอกจากเขาอีก
การกระทำของเบียคุรันแม้จะเกิดขึ้นจากความรักความหึงหวงที่น่ายินดี แต่มันกลับเป็นความอับอายและความเจ็บปวดของมุคุโร่
“ฉันรักเธอนะ...สายหมอกของฉัน”
คำพูดว่ารักของเบียคุรัน ทำให้มุคุโร่นึกถึงเรื่องราวที่เจอกับคนคนนี้ นึกถึงความโหดร้ายยามเขาตื่น ความอ่อนโยนอ่อนโยนยามเขาหลับ แต่ความเสียใจที่รุมเร้าร่างบาง ความเสียวซ่านจากกายท่อนร่างที่ยังได้รับการสอดใส่อย่างรุนแรงทำให้ร่างที่กำลังครางเสียงหวาน นึกได้เพียง....
“....หากผมหลับใหลไปคุณจะอ่อนโยนกับผมสินะครับ.....เจ้าแห่งซาตานได้โปรดเปลี่ยนผมให้อยู่ในห้วงแห่งนิทรา....หลับไหลทั้งที่ดวงตายังลืมหลับ....ได้โปรดเปลี่ยนผมให้เป็นตุ๊กตา....เพื่อดอนที่ผมรัก....”
“ผมรักคุณนะครับ...พ่อเทวดาที่แสนโง่เง่าของผม...อ๊า~!!” ถ้อยคำที่เหมือนเสียงกระซิบ พร้อมเสียงดังยามปลดปล่อยของร่างบาง มันกลับตราตรึงลงไปในใจผู้รับฟัง ความสุขที่ล้นปรี่ทำให้เบียคุรันปลดปล่อยน้ำรักเต็มช่องทางนุ่ม
อ้อมแขนแข้งแกร่งโอบร่างที่แสนรักไว้ด้วยความสุขที่เปลี่ยมล้น หากแต่แขนเรียวที่โอบกอดชายหนุ่มเมื่อครู่ที่ร่วมรักได้ทอดตัวทิ้งลงมา ชายผมขาวนึกว่าอีกฝ่ายได้สลบไป แต่เมื่อมองไปยังดวงหน้างามกลับเห็นดวงตาสองสีไม่เข้าคู่ลืมอยู่
บอสวองโกเล่ที่พยายามฝืนกายลุกขึ้นเดินเข้ามาหาศัตรู มือแกร่งที่เต็มไปด้วยหยาดโลหิต
กำแน่นพร้อมต่อยเข้าไปยังแก้มของเบียคุรันอย่างจัง!! พร้อมกับพูดเรื่องราวความจริงทั้งหมด จนคนที่รับฟังอยากจะย้อนเวลากลับไปแก้ไข
“มุคุโร่กับฉันไม่ได้เป็นแฟนกัน!!”
...โกหก...
“ทั้งหมดมันเป็นแผนของฉัน”
.....ไม่จริง....
“มุคุโร่รักนายต่างหากล่ะ”
........
แม้จะโดนกำปั้นหนักเข้าซัด แต่เรื่องราวที่ได้รับฟังทำให้เทวดาสีขาวกลับไม่แม้แต่ขยับกายโต้ตอบ ดวงตาสีอเมทิสต์เอาแต่มองไปยังร่างงามในอ้อมกอด
‘......ร่างกายที่แสนงดงามที่เคยขยับ.....ไม่แม้แต่เคลื่อนไหว.....ดวงตาที่เคยสะท้อนสิ่งใด.....กลับว่างเปล่า......’
นัยน์ตาสีม่วงตะลึงค้าง ดวงตาร้อนผ่าว หยาดน้ำใสไหลลงมาตามแรงโน้มถ่วงโลก จนทำให้บอสแห่งวองโกเล่นิ่งสนิท ดวงตาสีตะวันลับมองศัตรูตนอย่างสงสาร เขาได้แต่คิดอยู่ในใจอย่างเงียบงัน
‘.....ผลของความเข้าใจผิดคือความเจ็บปวดไร้ที่สิ้นสุด....ถึงฉันจะโกรธเบียคุรันแต่เพื่อเธอเพื่อนที่รักของฉัน.....ฉันจะปล่อยเขาไป....’
ร่างสุงของบอสแห่งวองโกเล่หันกายเดินกลับไปพร้อมกับชัยชนะ ‘ในสงคราม’ แต่กลับมีสิ่งที่เรียกว่าความพ่ายแพ้ ‘ในหัวใจ’
2 ปีต่อมา
นับจากวันที่มิฟีโอเล่เป็นฝ่ายปราชัย ทุกอย่างก็เริ่มต้นขึ้นใหม่ ทั้งสองฝ่ายสร้างไมตรีความเป็นสัมพันธมิตรที่ดีต่อกันโดยฝ่ายมิลฟีโอเล่ส่ง อิริเอะ โชอิจิ เป็นตัวส่งข่าวเรื่องราวต่างๆเทคโนโลยีใหม่ ส่วนฝ่ายวองโกเล่ส่งตัว โรคุโด มุคุโร่ แต่เพราะมุคุโร่ไม่อาจเคลื่อนไหวได้ อิริเอะ โชอิจิ จึงต้องเหนื่อยเป็นเท่าตัว
จากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ร่างของปีศาจแสนสวยก็ถูกจัดท่าทางให้นอนทอดตัวอย่างดีบนเตียงที่หอมตละคลุ้งด้วยกลิ่นกุหลาบป่า โดยมีเทพยดาผู้หล่อเหลานำดอกไม้มาเปลื่ยนให้ ‘เธอ’ ทุกวันมือใหญ่มักกุมมือเล็กๆไว้เสมอ เขาทำซ้ำไปซ้ำมาทุกวัน
วันนี้เบียคุรันนำดอกสวีท พี (Sweet Pea) ช่อใหญ่มา มือแกร่งกุมมือสายหมอกแสนรักไว้แน่น ดวงตาสีอเมทิสต์สบมองนัยน์ตาสองสีที่ไม่เข้าคู่
.แม้ดวงตาของเธอจะไม่เคยหลับใหล....แต่มันก็ไม่สะท้อนสิ่งใด.....ไม่มีแม้แต่เงาของฉัน....
“มุคุโร่คุงรู้ไหม? ความหมายของดอกสวีทพีน่ะ หมายถึงการรอคอย เหมือนที่ฉันกำลังทำอยู่ตอนนี้ไงล่ะ !! ”
น้ำเสียงนุ่มเอ่ยช้าๆราวกับต้องการให้ร่างงามตรงหน้าซึมซับคำพูดนั้นทั้งที่น่าจะรู้ดีว่า....ไม่มีประโยชน์.....
“ฉันกำลังรอเธออยู่นะคนดี...ได้โปรดเถอะ!!...ขอแค่เพียงครั้งเดียวก็ได้...เพียงครั้งเดียวก็ได้...ขอให้ดวงตาของเธอสะท้อนภาพของฉันอีกครั้ง....” พูดจบก็ซบหน้าลงไปบนมือนุ่มที่กุมไว้
ความเสียใจอันยาวนานของทวยเทพผู้หลงผิด โทษทันที่ได้รับหนักหนาเกินกว่าบาปที่กระทำไว้ หากผู้ที่สายหมอกสีน้ำเงินกล่าวขอคือซาตานผู้ที่ใครก็กล่าวว่าชั่วร้าย ไร้หัวใจ เรื่องราวทั้งหมดคงต้องจบลงด้วยหยาดน้ำตา ความผิดของเทวดาผู้โง่งมตอนนี้จึงหนักหนานัก เพราะต้องแบกความชอกช้ำพันทวีไว้ตราบจนชีวิตสูญสิ้น
นัยน์ตาสองที่เคยนิ่งสนิท สะท้อนเงาของโคมระย้าลายสวยแม้ภาพที่ได้จะเลือนลาง เปลือกตาบางประพริบช้าๆเพราะต้องการปรับสายตาให้ชินกับแสง เมื่อดวงตาสวยสามารถมองได้ชัดเจนก็เป็นเวลาเดียวกับที่ร่างสูงของคนที่กุมมือสบมองมา ดวงตาสองคู่มองกันราวกับตกอยู่ในภวังค์ ริมฝีปากของเทวดาและปีศาจฉีกยิ้มงดงาม.....
นิทานที่ปรัมปราที่แม่(ที่เป็นผู้ชาย)ของข้าเล่าให้ฟังนี้ นางนำมาจากเรื่องที่นางได้พบเจอ ข้าเล่าให้เจ้าฟังแบบนี้ ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่รักหวานชื่อนของเจ้าสองตัวไร้สาระนั่นหรอกนะ แต่ประเด็นมันอยู่ที่
‘ปีศาจน่ะไม่ได้เลวร้ายทุกตนเสียหน่อย’
++++++++++++++++++++++++++++++
จบเเล้วโอ้เย~
Mentซะดีๆนะตัวเธอ คราวนี้เเถมมินิเอ็นซีให้เน้
เเล้วก็ขออภัยที่เเต่งได้มึนมาก
ไว้เจอกันเรื่องหน้า(อีกนาน) กะจะให้เป็นเรื่อง 1869 เวอร์ชั่น นักเรียนสไตล์คุณหนู
เเต่อย่าไว้ใจมากเพราะพล็อตเปลี่ยนตามอารมณ์
เเล้วเจอกันนะจ๊ะBaBy~
ความคิดเห็น