คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : มือที่เอื้อมไขว่คว้า
บทที่ 9 : มือที่เอื้อมไขว่คว้า
ตาทั้งสองข้างของฉันก้มลงมองมือของตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ ฉันกำลังปกป้องทุกคน ปกป้องด้วยมือ...ด้วยพลังที่ฉันได้มา
สองมือของฉันจะเอื้อมไปไขว่คว้าทุกคนเอาไว้...เราจะไม่เสียสละอีกต่อไป ใครที่ทำอะไรไว้กับฉัน...ฉันจะสนองคืนให้หมด
...........................
ก้อนพลังสีขาวนวลถูกยิงออกมาจากตึกอันเป็นที่ตั้งของเตาพลังตรงเข้าคลุมร่างของสองสาวนักฆ่าที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยบาดแผล ทำเอาเหล่านักฆ่าเงาทั้งหลายต่างแหวกตัวออกเป็นทางยามก้อนพลังเหล่านั้นผ่านไป เพราะเงา...ล้วนไม่ถูกกับแสง
โพธิ์ดำเงยหน้าขึ้นพร้อมกับเงาที่แผ่ขยายออกพุ่งตรงไปยังมาริเอะกับซาเนียย่าที่กำลังถูกก้อนพลังสีขาวห่อหุ้มเอาไว้ แต่ทว่าก่อนที่มันจะถึงตัวของพวกเธอ แสงสีขาวอีกเส้นหนึ่งก็ถูกยิงออกมาจากภายในเตาพลังงานขึ้นกั้นเป็นกำแพงบาเรียเอาไว้อีกชั้น
“หึ! ภูติแสงกับฟินิกซ์สีรุ้งงั้นรึองค์ชายดราฟ ฟา เทอร์ริส”
สิ้นเสียงของหัวหน้าองค์กรนักฆ่าคิงโพธิ์ดำ ดราฟก็ก้าวออกมาจากใต้ตึกเตาพลังงาน ในมือทั้งสองข้างถือไข่สองใบเอาไว้ ใบหนึ่งใสไร้สี ทว่าอีกใบกลับเป็นสีขาวนวลตา ตามมาด้วยซาคานที่ถือไข่ใบใหญ่กว่าทุกใบสีส้มอ่อนที่มีลวดลายของเปลวเพลิงอยู่รอบๆ
“ไม่คิดว่าท่านจะเดินทางมารับตัวพวกนางด้วยตัวเองเช่นนี้” ดราฟเอ่ยด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ เป็นจังหวะเดียวกับที่ก้อนพลังสีขาวห่อหุ้มซาเนียย่าและมาริเอะจนเหมือนเป็นตัวอ่อนในไข่ได้สำเร็จ มันค่อยๆ หดเล็กลงก่อนจะลอยเข้ามาอยู่ในไข่สีขาวนวลในมือของชายหนุ่ม เขาเหลือบตาลงมองมันเล็กน้อยก่อนจะเหยียดยิ้ม
“แต่เสียดายที่ชีวิตของพวกนางเป็นของข้าไปแล้ว”
“โอ้” โพธิ์ดำแสร้งร้องด้วยน้ำเสียงเสียใจพร้อมกับสะบัดมือทีหนึ่งเงาที่พุ่งออกไปเมื่อครู่ก็กลับเข้ามาที่เดิม “ถ้าเช่นนั้น...ข้าก็ขอไข่ในมือเจ้าแทนละกันนะ”
ดราฟขยับรอยยิ้มเหี้ยมมองเงาของโพธิ์ดำที่กำลังพุ่งอ้อมบาเรียเข้ามาอีกครั้งด้วยความเร็วสูงกว่าเดิม ทว่าเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่มันจะมาถึง เขาก็โยนไข่ทั้งสองใบไปบนอากาศพร้อมกับตวัดมือชักดาบคู่ออกมาฟันเป็นรูปกากบาท แม้ว่าจะไม่โดนเงาเหล่านั้นตรงๆ แต่ก็สามารถผ่ามันเป็นสองซีกและเปลี่ยนทิศทางมันให้ไปด้านข้างได้
“เล่นแบบนี้มันไม่ดีนะองค์ชาย” โพธิ์ดำตวัดมือเรียกเงาของตนกับเข้าที่พร้อมกับที่ไข่ทั้งสองใบลอยกลับเข้าไปอยู่ในมือของดราฟดั่งเดิม
ซาคานที่ยืนอยู่ด้านหลังแตะมือข้างที่ไม่ได้ถือไข่ลงบนไหล่ของดราฟเบาๆ เป็นเชิงปราม เขาไม่อยากให้มาเสียเวลาอยู่กับการเล่นประลองยุทธ์กับโพธิ์ดำที่นี่ ซึ่งดูเหมือนว่าอีกฝ่ายก็จะเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการสื่อเป็นอย่างดี
“หมดเวลาสนุกแล้วสิ ลากันชั่วคราวนะโพธิ์ดำ” ดราฟเอ่ยเสียงเรียบพร้อมกับโค้งศีรษะลงอย่างให้เกียรติก่อนจะเดินอ้อมไปทางด้านหลังตึก แม้ว่าจะมีพวกนักฆ่าวิ่งเข้ามาขวางแต่ซาคานก็จัดการเปิดทางทุกอย่างให้เรียบร้อยจนเขาเดินต่อไปได้โดยไม่ต้องกลัวอะไร
“มันไม่ง่ายอย่างที่ท่านคิดหรอก”
เสียงของโพธิ์ดำร้องดังขึ้นอย่างกราดเกรี้ยว ซาคานก็รู้ได้ทันทีเลยว่าอะไรกำลังตามพวกเขามาอยู่จึงรีบสร้างเงาของตัวเองดักหน้าดราฟให้เขาเดินเข้าไปในนั้นก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับเงาของโพธิ์ดำ
แต่ทว่าคราวนี้กลับผิดคาด เงาที่พุ่งมาไม่ได้เข้ามาทำร้าย แต่มันกลับหายเข้าไปในเงาของเขาแทน ซาคานผงะด้วยความตกใจ แต่ทว่าช้าไปเสียแล้ว ตอนนี้เงาของเขากำลังถูกกลืนกิน และมันกำลังหันมาเล่นงานตัวเขาเอง
ไม่ใช่แค่ซาคานที่ตกใจ เพราะแม้แต่พวกเงาที่ยืนล้อมเขาอยู่กับรีบถอยห่างออกไปด้วยเช่นกัน บ้างก็หายเข้าไปหลบในเงาของตนเอง บ้างก็ส่งเสียงซุบซิบพูดคุย
“เจ้า!!” ซาคานกัดฟันกรอดมองเงาที่จับตัวกันจนเหมือนกับเป็นไอดำที่กำลังม้วนเป็นเกลียวขึ้นพันที่ขาของเขาจนถึงเอวแล้วตอนนี้
“อ้า...” โพธิ์ดำร้องครางอย่างพอใจ “อะไรกันซาคาน ตกใจมากนักหรือ นี่ไงละ พลังของเงาที่เจ้าไม่ยอมรับ ฮะฮ่าๆๆ”
เขาหัวเราะลั่นอย่างสะใจจนตัวโยนก่อนพุ่งตรงเข้ามาหาซาคานจนหน้าแทบติดกัน มือขาวๆ ภายใต้ผ้าคลุมสีดำเอื้อมออกลูกไล้ใบหน้าขององครักษ์หนุ่มราวกับว่าเขาเป็นสัตว์เลี้ยงที่แสนเชื่อง...สัตว์เลี้ยงที่ไม่ว่าดิ้นรนเท่าไหร่ก็ไม่อาจพ้นเงื้อมมือนั้นไปได้
“ดิ้นรนเข้าสิซาคาน...ดิ้นรนเข้า เอื้อมมือของเจ้าออกมาไขว่คว้าแสงสว่างเสียให้เพียงพอ แล้วจงเบิกตาดูให้ชัดๆ ซะ ว่าเจ้านะมันตัวคนเดียว ทุ่มเทตนเองแทบตายแต่ผลสุดท้ายก็สูญเปล่า ข้าถามหน่อยเถอะ ไหนละแสงสว่างที่เจ้ายอมทิ้งเผ่าออกมาจนถึงที่นี่ องค์ชายนะเขาทิ้งเจ้าไปแล้ว”
“หึ” ซาคานส่งเสียงอย่างสมเพชพร้อมกับสะบัดหน้าตนเองให้พ้นมือที่ลูบอยู่ “แสงสว่างของข้าคนที่อยู่แต่ในเงามืออย่างเจ้าไม่มีวันรู้หรอก พวกสวะ”
“หยาบคาย” โพธิ์ดำเอ่ยขึ้นเบาๆ ทว่าแรงที่ตบลงบนใบหน้านั้นไม่เบาเหมือนคำพูดเลย เขาลอยตัวขึ้นสูงก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงท้าทายที่กึงก้องไปทั่วทั่วเขตพระราชวัง
“งั้นก็จงดิ้นรนให้เพียงพอ แล้วตายไปพร้อมกับความหวาดกลัวและหัวใจที่สิ้นหวัง”
นัยน์ตาสีน้ำตาลค่อยๆ ปรือขึ้นมองสิ่งรอบข้างที่มีแต่เพียงความว่างเปล่าสีขาวโพลน แต่พอสติรู้สึกตัวเต็มที่ซาเนียย่าก็รีบกระโดดลุกขึ้นมาตั้งการ์ดเตรียมสู้ทันที
“มีใครอยู่ม้ายย...”
...เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับ แต่ทันใดนั้นก็เหมือนกับพื้นที่รอบแตกออกไปเหมือนกับกระจกแตกก่อนจะมารวมตัวกันใหม่อีกครั้งเป็นภาพเคลื่อนไหวที่ลอยอยู่รายล้อมเธอเต็มไปหมด
หญิงสาวขมวดคิ้วหมุนพลางหันมองรอบตัวก็พบภาพของมาริเอะที่กำลังนอนสลบอยู่ในที่ๆ ว่างเปล่าและเป็นสีขาวเหมือนกับที่ๆ เธอยืนอยู่ แต่ผ่านไปไม่กี่วิมันก็กลายไปเป็นภาพของดราฟที่ยืนถือไข่สองใบสีสันแปลกตา สภาพรอบตัวเขาดำมืดมิดไปหมด แต่ทว่าตัวเขาเองกลับทอแสงสีส้มอ่อนๆ ออกมาเหมือนหลอดไฟนีออน
“อะไรเนี่ย” นักฆ่าสาวพึมพำอย่างงงๆ เธอไม่รู้ว่านี่มันคือภาพอะไร บางทีอาจจะเป็นภาพในปัจจุบันตอนนี้ก็เป็นได้ แต่ที่แน่ๆ คือเธอไม่รู้ว่าเห็นมันได้อย่างไร
ภาพที่ฉายอยู่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มาถึงภาพของซาคาน เขากำลังถูกอะไรบางอย่างที่เป็นสีดำพันเป็นเกลียวจนถึงหน้าอก ในมือถือไข่ใบสีส้มอ่อนซึ่งใหญ่กว่าที่เธอเห็นดราฟถือ ข้างเขามีโพธิ์ดำยืนหัวเราะอยู่ ล้อมรอบด้วยพวกนักฆ่าที่เป็นเงา
“ซ...ซาคาน” ซาเนียย่าเอ่ยเบาๆ ทันใดนั้นภาพนั้นก็หมุนวนรอบตัวเธออย่างรวดเร็วและสว่างขึ้นเรื่อยๆ จนต้องยกมือขึ้นปิดตา แต่พอทุกอย่างกลับมาเข้าที่อีกครั้ง เธอก็เข้ามายืนอยู่ในภาพเหตุการณ์นั้นไปด้วยแล้ว และที่สำคัญ...ไม่มีใครเห็นเธอ
ในความมืดของเงาที่ดราฟแอบหลบซ่อนตัวอยู่จู่ๆ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ความมืดของเงาที่ซาคานสร้างไว้กำลังถูกแสงของไข่ใบสีขาวนวลกลืนกินจนมิติบิดเบี้ยวไปหมด แต่ก่อนที่เงาทั้งหมดจะหายไป อะไรบางอย่างที่เป็นก้อนขุ่นๆ ก็ค่อยๆ ลอยออกมาจากไข่ใบนั้นและหายเข้าไปยังไข่ใบสีใสแทน
“การแปลกเปลี่ยน” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเบาๆ ด้วยความฉงน และในจังหวะเดียวกันนั้นจู่ๆ เงาที่กำลังจะถูกแสงกลืนกินก็หยุดลงพร้อมกับไข่ใบสีใสที่จมหายเข้าไปในเงาอย่างรวดเร็วโดยที่เขายังไม่ทันได้ทำอะไรเลย
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนอยู่ภายใต้สายตาของดราฟ ชายหนุ่มถอนใจออกมาอย่างหนักหน่วง เขารู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันหมายถึงอะไร เพียงแต่ไม่รู้ว่าผลของมันจะเป็นเช่นไรต่างหาก
“มีผู้ที่ใช้ฟินิกซ์สีรุ้งขุมพลังของไทม์”
ในความมืดรอบด้าน ซาเนียย่ากัดริมฝีปากแน่นยามก้มมองไข่ใบสีใสในมือก่อนจะเงยขึ้นมองสิ่งรอบๆ ตัว... มองซาคานกำลังพยายามปกป้องไข่ใบสีส้มไว้จนถึงที่สุดแม้ว่าตัวเองกำลังจะถูกเงากลืนกินไปก็ตาม มองโพธิ์ดำที่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง...มองเหล่านักฆ่าที่ยืนยิ้มอย่างสมเพชโดยไร้ความปรานี
วูบ...ลมเย็นๆ พัดมาปะทะหน้าหญิงสาวซึ่งมีแต่เธอคนเดียวเท่านั้นที่โดยมัน เหมือนกับที่ไม่มีใครมองเห็นเธอ ไม่มีใครรู้ว่าเธอยืนอยู่ตรงนี้ ราวกับว่ามิติที่เธอยืนอยู่ได้ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง
“จงดิ้นรนจนตายไปซะซาคาน”
เสียงของโพธิ์ดำดังกระหึ่มอยู่รอบด้านจนแม้กระทั่งซาเนียย่าก็ยังอดที่จะสะดุ้งด้วยไม่ได้ แต่ทว่าซาคานกลับหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงกลัว
“ข้ามีทางเลือก...โพธิ์ดำ”
“ทางเลือกรึ” โพธิ์ดำเอ่ยเสียงสูง “ทางเลือกของเจ้ามีสองทางคือตายไปซะกับมาเป็นทาสของข้า”
“แค่นั้นเองรึ” ซาคานร้องพร้อมกับหมุนไข่ในมือไปมา มันเป็นการเปลี่ยนท่าทีที่สร้างความกดดันให้แก่อีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว “ข้ามีทางเลือกที่สาม”
....!! โพธิ์ดำถึงกับผงะออกไปทันที แต่ครู่ต่อมาก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา เขารู้ดีว่าหมาที่จนตรอกมักจะหาทางให้ตัวเองรอดเสมอ...และเขาก็จะไม่หลงกลมัน
แต่ทว่าซาคานเองก็ยังคงไม่มีท่าทีเปลี่ยนแปลงแม้จะรู้ดีว่าโพธิ์ดำเดาทางเขาออกแล้ว เพราะมีสิ่งที่อีกฝ่ายคาดไม่ถึง นั่นคือ...เขาเอาจริง
“ไหนละ ทางเลือกที่สามของเจ้า ข้าละอยากจะรู้จริง ฮ่าๆๆ” โพธิ์ดำลอยลงมาหาองครักษ์หนุ่มก่อนจะลอยลงไปยืนกับพื้นเหมือนจะรอดูว่าเขาจะมีลูกเล่นอะไร
“ฮะฮ่าๆๆ”
คราวนี้เป็นซาคานที่หัวเราะออกมาพร้อมกับยกไข่ใบสีส้มขึ้นสูง ก่อนกระแทกมันลงไปที่หน้าอกอย่างแรกจนมันแตกกระจายออกเป็นวุ้นเละๆ สีแดงสดเหมือนเลือด
“เจ้าคงไม่เคยคิดถึงการรวมร่างสินะ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบลอๆ เหมือนกับสติไม่อยู่กับตัวเมื่อวุ้นสีแดงกำลังจมลงไปในร่างของเขาอย่างช้าๆ แม้กระทั่งเงาที่รัดร่างของเขาอยู่ยังไม่สามารถต้านทานพลังได้จนต้องสลายหายไปในที่สุด
“ไม่นะ” โพธิ์ดำกรีดร้อง แม้จะไม่เห็นใบหน้าแต่น้ำเสียงของเขาก็เต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยวและหวั่นวิตกพร้อมกับกลุ่มนักฆ่าเงาห้าหกคนกระโจนเข้าใส่ซาคานแต่เพียงเขาตวัดมือทีเดียว เปลวไฟก็พุ่งออกมาเผาร่างของคนเหล่านั้นจนเหลือเพียงเถ้าถ่านก่อนที่จะทันได้กรีดร้องเสียด้วยซ้ำ
....
“ซาคาน” ซาเนียย่าพึมพำเบาๆ พร้อมกับร่างที่ทรุดลงไปนั่งกับพื้น นัยน์ตาสีน้ำตาลสะท้อนภาพขององครักษ์หนุ่มที่กำลังกระตุกอย่างรุนแรง เธอรู้ดีว่าเขากำลังเจ็บปวด ร่างกายของเขาไม่ยอมรับมัน...ไม่ยอมรับพลังที่กำลังทะลักเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง
“อยากปกป้องไหม”
“ข้า...อยาก” นักฆ่าสาวตอบด้วยเสียงสั่น แต่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้ตัวว่าเพิ่งตอบอะไรออกไปกับเสียงปริศนาที่ไม่รู้จัก
“ไม่ต้องกลัว” เสียงปริศนาเอ่ยขึ้นอีกครั้งเหมือนรู้ว่าเธอคิดอะไร สายลมที่พัดมาแตะแก้มให้ความรู้สึกเหมือนมีมือข้างหนึ่งกำลังลูบอย่างแผ่วเบา “พลังที่อยากปกป้องไม่เคยทำร้ายใคร”
นัยน์ตาสีน้ำตาลของซาเนียย่าสั่นวูบเมื่อฟังคำของเสียงปริศนา ภาพที่เพื่อนนักฆ่ากลุ่มกุหลาบดำถูกฆ่าตายทีละคนกลับเข้ามาในห้วงความคิดอีกครั้ง....นี่จะให้คนที่เคยแต่ฆ่าคนอย่างเธอมาปกป้องคนอื่นงั้นหรือ
“ข้า...ข้าทำไม่ได้ ข้าปกป้องใครไม่ได้”
“ทำไมจะไม่ได้ เจ้ามีหัวใจที่อยากจะปกป้อง แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว” เสียงกระซิบเบาๆ ดังขึ้นที่ข้างหู
“ฮะฮ่าๆๆ” ซาเนียย่าหัวเราะออกมาเบาๆ เหมือนสมเพชในตัวเองมากกว่า “เจ้ากำลังเรียกหาหัวใจแห่งการปกป้องกับนักฆ่าอย่างข้านี่นะ”
“หือ...” เสียงปริศนาฉายแววฉงน สายลมพัดปัดปอยผมบนใบหน้าหญิงสาวอีกครั้ง “แต่หากเจ้าไม่ทำทุกคนก็จะตาย ทั้งซาคาน ดราฟ หรือมาริเอะ แต่ข้าช่วยเจ้าได้ ข้าให้ได้ในสิ่งที่เจ้าขาด”
ซาเนียย่านิ่งอึ้งไปชั่วครู่ สิ่งที่เธอขาดงั้นหรอ...อะไรกันคือสิ่งที่เธอขาด สิ่งที่จะสามารถปกป้องทุกคนได้
“พ...พลัง”
“พลัง” เสียงปริศนาเอ่ยทวนอย่างพึงพอใจ “ใช่! ข้าจะเป็นพลังให้แก่เจ้า ส่วนเจ้าก็จะเป็นผู้ใช้มัน เราทั้งสองจะปกป้องทุกคนไว้ด้วยกัน...ยื่นมือของเจ้าออกมาสิ เอื้อมออกมาไขว่คว้าพลังของข้าเอาไว้”
“พลัง...ข้าอยากปกป้อง”
ซาเนียย่าพึมพำเสียงเบาๆ ก่อนจะหลับตาลงและยื่นมือทั้งสองข้างออกไปด้านหน้าที่โอบอุ้มไข่ใบสีใสออกไปข้างหน้า
“ใช่แล้ว เราจะปกป้อง” เสียงปริศนาเอ่ย ทันใดนั้นไข่ใบที่เธอถืออยู่ก็สว่างวาบขึ้น สว่างจนแม้กระทั่งซาเนียย่าที่หลับตาอยู่ยังรับรู้ได้ถึงแสงสีขาวที่ส่องเข้ามาในตัวเธอ
“ข้าจะปกป้อง”
ในขณะที่ซาเนียย่ากำลังถูกเสียงปริศนาหว่านล้อมจนต้องเรียกหาพลัง ทางฝ่ายดราฟเองก็เริ่มกระวนกระวายอยู่ไม่สุขเพราะว่าซาคานหายไปนานเกินไป แล้วยังจะมีผู้ที่เรียกใช้พลังของฟินิกซ์สีรุ้งอีกต่างหาก แต่เขากลับไม่รู้ว่าคนที่ใช้มันเป็นใคร
“โธ่โว้ย” องค์ชายหนุ่มร้องอย่างหงุดหงิด ตอนนี้เพียงแค่เขาคนเดียวไม่อาจตัดสินใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ จึงตัดสินใจทำให้ไข่ของภูติแสงคายร่างของสองสาวนักฆ่าออกมา แต่ทว่ากลับมีเพียงมาริเอะเท่านั้นที่ถูกปล่อยออกมา
“อะไรกัน”
ดราฟพึมพำเบาๆ พร้อมกับหลับตาลงพยายามคุยกับภูติแสงแต่ทว่ามันกลับไม่ยอมรับเขาอีกแล้ว ไม่ว่าเขาจะพยายามอย่างไรมันก็ไม่มีผล
“คนที่จะใช้พลังของภูติแสงได้อย่างเต็มที่มีแต่คนของแสงเองเท่านั้น ลูกครึ่งไฟอาร์กับไทม์อย่างท่านใช้มันไม่ได้หรอก”
เสียงของมาริเอะดังขึ้นทำให้เขาต้องลืมตาขึ้นอย่างเสียไม่ได้ ดราฟปรายตามองนักฆ่าสาวที่กำลังลุกขึ้นยืนเล็กน้อยก่อนเอ่ยถาม
“ซาเนียไปไหน”
มาริเอะเลิกคิ้วเล็กน้อย สองมือเท้าสะเอวอย่างวางมาด “นางออกไปด้านนอกแล้ว ไปพร้อมกับฟินิกซ์สีรุ้ง”
นัยน์ตาสีมรกตของดราฟเบิกขึ้นกว้าง “ที่แท้คนที่ใช้พลังของฟินิกซ์สีรุ้งก็คือซาเนียย่างั้นรึ ทั้งๆ ที่นางก็ไม่ใช่ไทม์”
“เราไม่มีเวลามาพูดพร่ำทำเพลงอะไรหรอกองค์ชาย” มาริเอะดุพร้อมกับเก็บไข่ของภูติแสงมาถือไว้ในมือ “เราไม่รู้ว่าที่ข้างนอกเกิดอะไรขึ้นบ้าง เราต้องออกไปพบกับทุกคน”
“ถึงเจ้าไม่บอกข้าก็ทำอยู่แล้ว” ดราฟเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจที่ถูกสั่ง แต่เขาเดินไปได้แค่ไม่กี่ก้าว มิติเงาของซาคานก็เริ่มบิดเบี้ยงอย่างรุนแรงอีกครั้ง เขารีบกระโดดไปคว้าตัวมาริเอะเอาไว้ก่อนที่มันจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ
บึ้ม!!!
ทั้งดราฟและมาริเอะกระเด็นออกมาข้างนอกทันทีเรียกให้ทั้งซาคาน โพธิ์ดำและเหล่านักฆ่าหันมามองด้วยความแปลกใจ แต่ทว่าในจังหวะเดียวกันนั้นเอง ซาเนียย่าก็เดินออกมาจากในอีกมิติหนึ่ง ในมือถือไข่ของฟินิกซ์สีรุ้งเอาไว้
“ข้าจะปกป้อง”
หญิงสาวพึมพำเหมือนเสียสติ ตาจ้องมองตรงไปยังซาคานที่กำลังดิ้นเร้าๆ อย่างทุรนทุรายอยู่ห่างออกไปโดยไม่สนใจดราฟกับมาริเอะที่วิ่งเข้ามาหา แต่พอโดนพวกเขาเขย่าเข้าก็ค่อยหันไปมองเหมือนเพิ่งรู้สึกตัว
“พวกเจ้าอยู่นี่ได้ไง”
“ข้าสมควรจะถามเจ้ามากกว่า” มาริเอะเอ่ย “เจ้าใช้พลังของฟินิกซ์สีรุ้งแห่งไทม์ได้อย่างไร”
“ฟินิกซ์สีรุ้งรึ” ซาเนียย่าเอ่ยทวนพลางก้มลงมองไข่ในมือแล้วก็พอเริ่มจะเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาบ้าง เสียงที่เธอได้ยินคงจะเป็นเสียงของเจ้าฟินิกซ์นี่แน่ และตอนนี้มันกำลังมอบพลังให้กับเธอ
“ข้าไม่รู้หรอก แต่เขาจะให้ข้า...ปกป้องทุกคน”
เอ่ยจบเธอก็เดินมุ่งเข้าไปหาซาคาน ส่วนโพธิ์ดำพอเห็นว่าซาเนียย่ากำลังจะเข้ามาทำให้เรื่องยุ่งขึ้นก็รีบสั่งให้เหล่านักฆ่าตรงเข้ามาทำร้ายเธอทันที แต่ทว่าเพียงแค่เธอสะบัดมือทีเดียวก็เกิดม่านบาเรียกั้นระหว่างเธอและทุกคนเอาไว้
“ข้าไม่เข้าใจ” มาริเอะบ่น ตั้งท่าจะวิ่งเข้าไปหยุดนักฆ่าสาวรุ่นน้อง แต่ดราฟกลับรั้งตัวไว้เสียก่อนพร้อมกับชี้ให้เห็นถึงบางอย่าง
“นางคือมนุษย์ที่ฟินิกซ์สีรุ้งเลือก...ไม่น่าเป็นห่วงหรอก เราควรจะห่วงซาคานเสียมากกว่า”
และก็จริงดังว่าเพราะดูเหมือนว่ายิ่งวุ้นสีแดงที่ไหลออกมาจากไข่ใบสีส้มจมหายเข้าไปในร่างของซาคานมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น
“ไข่ของมังกรเพลิงแห่งไฟอาร์ไม่เคยเลือกเจ้านาย มันพร้อมจะกลืนกินทุกคนที่สัมผัสมัน” ดราฟอธิบายพร้อมกับลากมาริเอะวิ่งเข้าไปหาซาคาน โดยที่ไม่มีนักฆ่าคนไหนเฉียดกรายเข้าใกล้พวกเขาได้เลยเพราะมีซาเนียย่าคอยปกป้องอยู่ห่างๆ
ซาเนียย่าเหลียวมามองดราฟและมาริเอะที่ตรงเข้าไปพยุงร่างของซาคานเอาไว้ก่อนที่เขาจะล้มลงไปกองกับพื้นด้วยรอยยิ้ม ก่อนหันกลับมาชูไข่ของฟินิกซ์สีรุ้งขึ้นสูง ทันใดนั้นก็เกิดเป็นป้อมปราการที่มองไม่เห็นขึ้นล้อมรอบตัวพวกเขาจนพวกนักฆ่าที่วิ่งเข้ามากระเด็นออกไปเลยทีเดียว
“เจ้า!!” โพธิ์ดำร้องอย่างกราดเกรี้ยวที่ไม่สามารถทำอันตรายอะไรพวกเธอได้ ผิดกับซาเนียย่าที่ยิ้มจนแก้มปริมองอีกฝ่ายด้วยสายตาท้าทายทำนองว่าถ้าแน่จริงก็เข้ามาให้ได้สิ
“ซาคาน”
ทว่าเสียงของมาริเอะที่ร้องอยู่ด้านหลังทำเอายิ้มของซาเนียย่าหุบลงทันที เธอรีบวิ่งเข้าไปดูและก็ทำให้เธอเห็นใบหน้าที่แท้จริงภายใต้ผ้าคลุมของเขาเป็นครั้งแรก
ผิวของซาคานนั้นขาวซีดราวกับหิมะ เส้นผมสีดำยาวลงมาปรกใบหน้าที่จัดว่าหล่อเกือบครึ่งเอาไว้ นัยน์ตาสีดำเช่นเดียวกับผมเหลือกขึ้นอย่างทรมาน เหงื่อออกเต็มหน้าไปหมด ที่หน้าอกยังคงมีวุ้นเละๆ ที่เป็นมวลพลังของมังกรเพลิงของเผ่าไฟอาร์เกาะติดอยู่
“เจ้าจะต้องอดทนไว้เพื่อนข้า” ดราฟเอ่ยให้กำลังใช้พร้อมกับกำมือของคนเป็นองครักษ์ไว้แน่น ซาเนียย่าที่ยืนดูอยู่ก็นั่งลงคุกเข่าที่ด้านหลัง มาริเอะหันมาสบตาด้วยพลางส่ายหน้าเป็นทำนองว่าเธอก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไรด้วยเหมือนกัน
“ดราฟ” ซาเนียย่าแตะมือลงบนไหล่ของชายหนุ่มเป็นเชิงปรามให้เขาเย็นลงกว่านี้ แต่ทว่าเขากลับสะบัดมือของเธอทิ้งก่อนจะหันมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงกร้าวแข็ง
“ข้าจะต้องช่วยเขา”
ซาเนียย่าขมวดคิ้ว และตอนนั้นเองที่ดราฟกำลังแสดงสิ่งที่พูดให้เธอเห็น เขาชูมือขึ้นเหนือหน้าอกของซาคานพร้อมกับไอสีแดงที่แผ่ออกมาจากมือของเขา
ซาเนียย่ามองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความฉงน ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้ แต่รู้ดีเลยด้วยซ้ำว่าไอนั้นคือพลังของคนชนเผ่าไฟอาร์ เผ่าแห่งการทำลายร้าง เธอเคยได้ยินมาว่าแม่ของดราฟเป็นคนของชนเผ่านี้ แต่นั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอถูกสังหารตาย
ก้อนมวลพลังงานของมังกรเพลิงที่หายเข้าไปในร่างของซาคานกำลังถูกดูดออกมาทีละน้อย ก่อนจะรวมร่างกันเป็นไข่อีกครั้ง เป็นจังหวะเดียวกับที่แสงแรกของวันใหม่กำลังแผ่ออกมาขับไล่ความมืดมิดพร้อมกับที่พวกเงาและโพธิ์ดำหายเข้าไปในเงามืดก่อนที่แสงแดดจะมาถึง
“เฮ้ย...”
ซาเนียย่าถอนใจเฮือกใหญ่ เวลาอันโหดร้ายของค่ำคืนนี้จบลงแล้ว... ร่างของซาคานสลบอยู่บนพื้น มาริเอะกับช่วยดราฟในการจัดการกับเจ้ามังกรเพลิงให้กลับไปเป็นไข่อีกครั้ง ส่วนตัวเธอเองก็สลายม่านบาเรียออกพร้อมกับที่เหล่าทหารนางกำนัลที่ยังไม่ตายๆ ค่อยๆ ตื่นขึ้นจากภวังค์นิทราด้วยความงงว่าเกิดอะไรขึ้นกับตน
“อ่า...ข้าว่าเราออกจากวังก่อนที่พวกทหารจะแห่กันมาดีกว่าไหม” ซาเนียย่าเสนอขึ้นพร้อมกับช่วยดราฟแบกซาคานขึ้นหลัง
ดราฟขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนเหยียดรอยยิ้มออกมา นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองลงไปในนัยน์ตาสีน้ำตาลของหญิงสาว เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่านักฆ่าคนนี้จะสามารถใช้พลังของฟินิกซ์สีรุ้งได้ แต่ภาพที่เห็นมันก็ยืนยันได้เป็นอย่างดีแล้ว...
“ก็ได้...เอาเลย ใครจะกล้าขัดผู้เป็นดั่งตัวแทนของฟินิกซ์สีรุ้งละ”
ซาเนียย่าเบ้หน้าน้อยๆ “ท่านก็ไม่เคยบอกว่าท่านเป็นไฟอาร์เหมือนกันนั่นแหละน่า”
ความคิดเห็น