ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Black Rose Killer นักฆ่าแห่งฟรอนดาโก้

    ลำดับตอนที่ #5 : หญิงสาวผู้ไม่ตายไปจากใจ

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ค. 52


    />

    บทที่ 5 : หญิงสาวผู้ไม่ตายไปจากใจ

                ฉันมองเลยออกไปนอกหน้าต่าง ความรู้สึกว้าเหว่เหมือนเมื่อครั้งเพิ่งหัดเป็นนักฆ่าใหม่ๆ กำลังกลับมาอีกครั้ง หนทางข้างหน้ายังคงสับสน...สับสนแม้แต่ตัวฉันเอง

              ไม่รู้ทำไมถึงต้องช่วยฉันเอาไว้ น่าจะปล่อยให้ตายๆ ไปได้หมดเรื่อง ไม่ต้องมาทุกข์ ไม่ต้องมาดิ้นรนหนีตายไปวันๆ....

              ทำไมถึงต้องมาช่วยฉัน

    ...........................

                ในความอ่อนแอ ท้อแท้ และสิ้นหวัง ทุกสิ่งรอบข้างล้วนขาวโพลนและหนาวเย็น แต่จู่ๆ หัวสมองที่ตีบตันก็ค่อยๆ โล่งขึ้น ลมหายใจที่ขาดช่วงกลับมาสม่ำเสมออีกครั้ง ทำให้รับรู้ได้ถึงการมีชีวิตของหญิงสาว

                ซาเนียย่า...เธอยังไม่แต่ แต่นี่เธอกำลังอยู่ที่ไหนกัน

                จะไม่กลับวังก่อนรึ

                เสียงเรียบๆ ดังเข้ามาในโสตประสาท หญิงสาวพยายามลืมตาขึ้นมอง แต่ทว่าเปลือกตากลับหนักอึ้ง ความเมื่อยล้าทำให้ไม่สามารถขยับร่างกายได้อย่างที่ใจต้องการ

                ข้าต้องถามนาง นางอาจจะพาข้าไปหาเลวาได้

                ...เปลือกตาของซาเนียย่าค่อยๆ ลืมขึ้นทีละน้อย สิ่งแรกที่เห็นคือชายสองคนที่กำลังยืนคุยกันอยู่ตรงหน้าเธอภายในกระท่อมมุงหญ้าคา คนแรกสวมชุดกางเกงสีเขียวใบไม้ ปกปิดหน้าตาด้วยหน้ากากรูปนกอินทรีย์ ส่วนอีกคนก็อยู่ในชุดคลุมสีดำทะมึน มองไม่เห็นแม้กระทั่งหน้าตา

                เขาคือดราฟกับซาคานนั่นเอง...

                องค์ชาย ซาเนียย่าร้องขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบาเหมือนคนไม่มีแรง เรียกให้เจ้าของชื่อหันมามอง เขายิ้มเหยียดริมฝีปากขึ้นสูง ก่อนเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มเหมือนตอนเจอกันครั้งแรก

                ฟื้นตัวเร็วดีนี่

                หญิงสาวไม่ตอบ เธอค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นยืนแต่กลับต้องล้มลงไปก้นจ้ำเบ้าอีกครั้ง พอเอามือขึ้นมาลูบหน้าตัวเองก็พบว่าผ้าคลุมหน้าหายไปแล้ว...!!! ถ้าอย่างนั้นเขาก็รู้แล้วสิว่าเธอคือผู้หญิงคนที่เขาช่วยไว้วันนั้น และก็อาจจะรู้ด้วยว่านั่นเป็นแผนที่เธอหลอกเขา

                ...ไม่รอดแน่เรา

                ความรู้สึกช้ากว่าที่คิดนะ นักฆ่า...

                ซาคานเอ่ยพร้อมกับนั่งยองๆ ลงตรงหน้าเธอ ซาเนียย่าจ้องหน้าเขาเขม็งแม้จะไม่เห็นหน้าจริงๆ เขาตาม

                จงพาพวกข้าไปหาท่านหญิงเลวาซะ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว

                ข้าไม่รู้จักท่านหญิงอะไรของท่าน

                องครักษ์ลึกลับหัวเราะหึๆ ในลำคอก่อนชูของสิ่งหนึ่งขึ้นตรงหน้าหญิงสาว มันคือหยกสีขาวที่สลักเป็นรูปหงส์นั่นเอง เขาแกว่งมันไปมากลางอากาศเหมือนกับผู้ใหญ่ที่เอาของเล่นมาล่อเด็ก

                งั้นขอถามเจ้าใหม่ นี่คือของๆ เจ้าใช่ไหม

                ซาเนียย่ารีบคว้ามันกลับมาทันที นัยน์ตาสีน้ำตาลมองคนตรงหน้าด้วยสายตาไม่ไว้ใจ ใช่! มันคือของๆ ข้า และเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์มาซอกแซกถามอะไรข้า

                ทำไมจะไม่มี คราวนี้เป็นดราฟ นัยน์ตาสีมรกตหรี่ลงต่ำมองเธอก่อนเลื่อนลงไปยังหยกชิ้นนั้น ข้าเป็นคนให้ชีวิตใหม่แก่เจ้า และนับตั้งแต่นี้ไป ชีวิตของเจ้าเป็นของข้า

                แล้วช่วยทำไมละ!!!”

                หญิงสาวตวาดเสียงดังลั่น รู้สึกอารมณ์ที่อดกลั้นเอาไว้กำลังพุ่งพล่าน หยาดน้ำใสๆ เริ่มไหลคลอเต็มสองดวงตาจนพร่ามัว แต่มือก็ยังคงกำหยกชิ้นสำคัญเอาไว้แน่น...จะไม่ให้มันหายไปอีกแล้ว

                พวกเจ้าช่วยข้าไว้ทำไม ให้ตายๆ ไปเสียยังดีกว่าต้องมารับใช้พวกเจ้า คงคิดจะแก้แค้นที่ข้าทำให้พวกเจ้าเดือดร้อนละสิ แต่ขอโทษด้วยที่ต้องบอกว่าเสียใจ เจ้าไม่มีทางทำให้ข้าต้องทรมานไปมากกว่านี้อีกแล้วละ ข้าไม่เหลืออะไรอีกแล้ว...ทั้งหัวหน้า ทั้งพี่มารี่ พริมซ์ ข้าไม่เหลืออะไรอีกแล้ว เจ้าได้ยินไหม~!!”

                เธอเอ่ยปลดปล่อยทุกสิ่งที่อยู่ในใจออกมาจนหมด... ทั้งที่เมื่อก่อนเคยดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตอยู่ เก็บเงินเพื่อสร้างให้ชีวิตดีขึ้น แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้รู้สึกว่าชีวิตนี้มันช่างไร้ค่านัก รู้สึกเกลียด...เกลียดตัวเอง เกลียดการมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้

     

                ดราฟยืนหันหลังกำมือแน่น กัดฟันกรอดอย่างไม่สบอารมณ์ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้าทำกับเขาถึงขนาดนี้ ไม่เคยมีใครมาตะโกนใส่เขา เถียงเขาแบบนี้ แต่นี่อะไร เธอเป็นใครถึงได้มีสิทธิ์ถึงเพียงนี้

                ....เงียบ จู่ๆ เสียงตะโกนของซาเนียย่าก็หายไป ด้วยความแปลกใจเขาจึงหันกลับมามอง ก็พบว่าเธอสลบไปแล้ว ส่วนซาคานก็กำลังแกะหยกรูปหงส์ออกจากมือของหญิงสาว ทว่าเธอกำไว้แน่นเสียเหลือเกิน

                ไม่ต้องหรอก ดราฟเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนลงกว่าเมื่อครู่ แม้หน้าตาจะยังคงบึ้งตึงอยู่ก็ตาม ถ้านางอยากเก็บไว้ก็ปล่อยนางไป

                เอ่ยจบก็เดินออกไปจากกระท่อมทันที ทำให้คนเป็นองครักษ์ต้องเดินตามออกมาด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้

                ที่ข้างนอกกระท่อมเป็นป่าโปร่งที่เต็มไปด้วยต้นโอ๊คสูงจนต้องมองคอตั้งบ่า ข้างๆ มีลำธารเล็กๆ ไหลผ่าน ทิวทัศน์รอบด้านเต็มไปด้วยธรรมชาติที่ร่มรื่นไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด แต่ทว่าคนมองกลับไม่มีอารมณ์ร่วมกับมันด้วย

                ซาคานเฝ้ามองดูเจ้านายน้อยของตนด้วยความเป็นห่วง เพราะดราฟถึงกับทิ้งวังออกมาเพียงเพราะต้องการรู้เรื่องของ เลวา จึงต้องช่วยชีวิตของซาเนียย่าเอาไว้

                แต่ดูเหมือนตอนนี้มันชักจะเลยเถิดเข้าไปทุกที เพราะพวกเขาอยู่ที่นี่มาวันหนึ่งเต็มๆ แล้ว แต่นักฆ่าสาวที่เพิ่งช่วยชีวิตมาก็ไม่รู้เรื่องที่ดราฟต้องการรู้สักนิด ทำให้เขายิ่งเป็นกังวล

                จะไม่กลับวังก่อนรึองค์ชาย เดี๋ยววังจะวุ่นเอาได้ อีก...

                เอ่ยยังไม่ทันจบดราฟก็ยกมือขึ้นห้ามเสียก่อน

                เจ้ากลับวังไปก่อน ข้าอยากอยู่ที่นี่ตามลำพัง

                ซาคานส่งเสียงไม่พอใจ แต่เพราะอยู่กันมานานพวกเขาจึงรู้นิสัยดีกว่าสำหรับดราฟแล้ว สั่งอย่างไหนคือต้องได้อย่างนั้น ไม่มีข้อแม้

                เช่นนั้นข้าจะกลับมาในเมื่ออาทิตย์ตก

                สิ้นเสียง ร่างของเขาก็ค่อยๆ หายลับเข้าไปในเงาไม้ใกล้ๆ ไม่มีแม้แต่เสียงหรือลมที่ไหวติง ทุกอย่างหยุดนิ่งและเงียบสงบ มีเพียงแต่ดราฟเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่เพียงลำพัง

     

                ผ่านไปหลายชั่วโมงเลยทีเดียวกว่าที่ซาเนียย่าจะฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้เธอเริ่มมีแรงขึ้นมามากแล้ว แต่ก็ยังไม่เต็มร้อยเหมือนเมื่อก่อน อาจเป็นเพราะบาดแผลภายในยากที่จะรักษาให้หายในทีเดียวได้

                เมื่อเธอตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่เพียงคนเดียวในกระท่อมร้างที่ว่างเปล่า หยกรูปหงส์ยังคงอยู่ที่มือ เธอจึงเก็บมันไว้ที่อกเสื้อ และด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงตัดสินใจเดินออกไปนอกกระท่อม

                ดราฟที่นั่งห้อยขาอยู่ที่ริมลำธาร ไม่เหลือมาดขององค์ชายรัชทายาทที่นิ่งเรียบเหมือนแต่ก่อน เขาช่างดูเหงาและว้าเหว่จนไม่อาจจะเชื่อได้ว่านี่คือดราฟ...

                เป็นอะไรของเขานะ

                ซาเนียย่าพึมพำ พร้อมกับเดินลงไปนั่งอยู่ข้างๆ เขาอย่างถือวิสาสะ อันที่จริงก็รู้สึกอายบ้างเล็กน้อยที่เมื่อครู่ยังอาละวาดกระท่อมแทบแตก แต่ตอนนี้กลับมาดีอีกครั้ง...เหมือนคนบ้า

                ทำไมมานั่งอยู่คนเดียวละเพคะองค์ชาย

                ดราฟหันมามองหน้าเธอเมื่อครู่ก่อนหันกลับไป เขาไม่ตอบ แต่กลับเอ่ยไปอีกเรื่อง

                ถ้าเจ้าจะไปข้าก็ไม่ว่าหรอกนะ

                หึๆๆ ซาเนียย่าเหยียดริมฝีปากขึ้นสูง ก่อนจะนอนแผ่ลงไปบนพื้นหญ้า ขาก็แช่น้ำเย็นสบาย ไม่นึกว่าท่านจะพูดแบบนี้ แต่คิดว่าข้าไม่อยากจะไปหรือไง ถ้าไปได้ข้าไปตั้งนานแล้ว แต่อย่าลืมสิว่าข้าไม่มีที่อยู่ แถมตอนนี้โพธิ์ดำต้องกำลังตามล่าตัวข้าอยู่แน่ๆ และก็อาจจะมีโพธิ์แดงพ่วงมาด้วยอีกคน แบบนี้สู้เกาะท่านอยู่ที่นี่สักพักก็คงไม่เสียหายอะไร แถมข้าจะได้ชดใช้นี่ชีวิตให้หมดๆ ไปเสียด้วย

                ดราฟเลิกคิ้วขึ้นสูง แต่ก็ไม่ได้เอ่ยโต้ตอบอะไร ทำเอาคนพูดหน้าจ๋อยลงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ละความพยายามในการสรรค์หาเรื่องมาพูดต่อ

                นี่! เลวาคือใครหรอ

                ...เงียบ...ไม่มีสัญญาณตอบรับจากคนฟัง แต่ด้วยสัญชาตญาณของเธอมันบอกให้รู้ว่าเขากำลังฟังอยู่

                ถ้าไม่ตอบอย่างนั้นข้าจะเดาละน้า... ซาเนียย่ายกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากด้วยท่าทางครุ่นคิด ข้าว่าต้องเป็นพระสนมหรือไม่ก็หญิงงามเมืองสวยๆ สักคนละสิท่า ข้าเดาถูกไหมละ ท่านคงจะหลงนางเสียจนหัวปักหัวปำ แล้วจู่ๆ นางก็หายไปราวกับความฝัน โอ้! คงจะเจ็บช้ำมากละสินะ ถูกนางปอกลอกไปเท่าไหร่ละ แต่อันที่จริงก็ไม่เห็นต้องโหยหานางขนาดนี้เลยนี่นา ท่านเป็นถึงองค์ชาย เดินไปทางไหนก็มีแต่หญิงงามพร้อมจะถวายตัวทุกเมื่อละ แต่ถ้าไม่รู้ที่ละก็ข้าแนะนำให้ได้นะ ข้านะเคยไปเที่ยวซ่องบ่อยๆ รับรองว่างามไม่แท้เลวาของ...ท่านแน่

                น้ำเสียงท่อนสุดท้ายเบาและขาดห้วงเมื่อคนเป็นองค์ชายหันมามองเธอด้วยประกายตาลุกวาว ใบหน้าที่ดูว่าเหงาๆ เมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นบึงตึงและไม่สบอารมณ์

                อย่าเอาเรื่องของนางมาเปรียบเทียบหญิงโสมมแบบนั้น

                ซาเนียย่าขมวดคิ้วหมุน พยายามไม่ใส่ใจกับน้ำเสียงใส่อารมณ์ของอีกฝ่ายด้วยการพยายามทำน้ำเสียงให้ปกติคงเดิม

                แล้วท่างั้น...คนไร้ฆ่าอย่างข้าจะมีเกียรติพอจะได้รับฟังเรื่องราวของนางบ้างไหม

                ดราฟนิ่ง ท่าทางเหมือนไม่ไว้ใจในสิ่งที่หญิงสาวพูด เธอจึงลุกขึ้นมาเอ่ยต่อด้วยท่าทางจริงจัง

                ทีแรกท่านว่าต้องการให้ข้าพาไปหานางไม่ใช่หรอ และหยกของข้าก็เหมือนจะเกี่ยวกับนางด้วย บางทีถ้าข้ารู้เรื่องของนางมากกว่านี้อีกหน่อย ข้าอาจจะรู้อะไรดีๆ ที่ท่านไม่รู้ก็ได้นะ

                นัยน์ตาสีมรกตของชายหนุ่มหันมาจ้องมองเธอเหมือนชั่งใจ เจ้าไม่มีทางทำได้หรอก

                ซาเนียย่ายักไหล่

                ท่านจะไปรู้ได้อย่างไรว่าข้าทำได้หรือไม่ได้... แต่ถ้าท่านเล่าเรื่องของนางให้ฟัง ข้าก็จะเล่าเรื่องของหยกชิ้นนี้ให้ท่านฟังเป็นการแลกเปลี่ยน เห็นไหมว่าคุ้มนะตาย

                คราวนี้นัยน์ตาสีมรกตมองมาด้วยความว่างเปล่า เธออยากจะรู้จริงๆ ว่าตอนนี้ใบหน้าภายใต้หน้ากากของเขาตอนนี้เป็นเช่นไร

                แต่เมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมเล่าเรื่องเสียที เธอจึงต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อนเพื่อไม่ให้บทสนทนานี้เงียบเหงาจนเกินไป

                งั้นเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ข้าก็จะขอเล่าเรื่องหยกของเข้าก่อนละกัน ซาเนียย่ากระแอมในลำคอเล็กน้อยพร้อมกับล้วงหยกออกมาจากอกเสื้อ เธอหมุนมันไปมาราวกับกำลังรำลึกถึงบางสิ่งบางอย่างผ่านมัน

                หยกชิ้นนี้ข้าไม่รู้หรอกนะว่ามันเป็นของใคร อาจจะไม่ใช่ของข้าซะทีเดียว แต่อย่างน้อย...มันก็อยู่กับข้าตั้งแต่จำความได้ ข้าเคยถามแม่...เอ่ย ข้าหมายถึงผู้พระคุณที่โรงเลี้ยงเด็กกำพร้านะ นางบอกว่ามีคนนำข้ามาฝากเอาไว้กับนาง โดยให้หยกชิ้นนี้เป็นค่าจ้าง แต่ว่านางสงสารก็เลยมองมันคืนให้กับข้า และมันก็อยู่กับข้ามาตลอดเลย

                บางทีข้าก็เคยคิดนะว่าอาจจะใช้มันตามหาแม่หรือไม่ก็ญาติของข้าสักคนหนึ่ง แต่ตอนนี้คงไม่แล้วละ แต่ถ้าหากท่านอยากได้ไว้ตามเลวาของท่าน ข้าก็ยินดีจะมอบให้

                เธอเอ่ยพร้อมกับยื่นหยกให้คนข้างๆ แต่เขากลับปัดมือออก

                ไม่มีประโยชน์หรอก นางตายไปแล้ว

                ...นิ่ง...ทั้งคู่นิ่งลงไปทันที ซาเนียย่ารู้สึกผิดขึ้นมาทันที จากที่หวังจะทำให้ดราฟร่าเริงขึ้น กลับเป็นการทำให้เขาแย่ลงไปกว่าเดิม

                นางจากข้าไปเมื่อสิบสามปีที่แล้ว ตายไป...พร้อมกับท่านแม่ในกองเพลิงตอนที่ไฟไหม้เรือนรับรอง

                ซาเนียย่าเงยหน้าขึ้นมองดราฟ เธอไม่รู้ว่าควรจะถามอะไรออกไปดีไหม แต่ด้วยความอยากรู้มันก็อดไม่ได้

                นางเป็นน้องกับท่านหรอ

                นาง... ดราฟลากเสียงยาว เป็นคู่หมั้นของข้า และหยกชิ้นนั้นก็คือของหมั้นที่ข้าให้นางไว้

                คนฟังพยักหน้ารับแม้จะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้างว่าคนนิ่งๆ อย่างเขาจะมีคนมาชอบด้วยหรอ  ก่อนฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

                เดี๋ยว! เมื่อสิบสามปีที่แล้วหรอ นี่ท่านอายุเท่าไหร่กันแล้วนี่ ข้านะเพิ่งจะอายุสิบแปดเองนะ เมื่อสอบสามปีที่แล้วห้าก็เพิ่งจะห้าขวบเอง

                ดราฟเลิกคิ้วสูง ก่อนส่งเสียงหึๆ ในลำคอ ข้าก็อายุแค่ยี่สิบ เป็นพี่เจ้าแค่สองปี

                หัวเราะอะไรเนี่ย

                ดราฟยิ้ม....หรืออย่างน้อยซาเนียย่าก็คิดอย่างนั้น (มันยากนะที่ต้องดูหน้าคนผ่านหน้ากากนะ) นัยน์ตาสีมรกตก้มมองเธอเหมือนเอ็นดู

                อายุของเจ้าเท่ากับเลวาเลยนะ เสียแต่นิสัยของเจ้านี่ช่างห่างไกลกันนัก

                ชิ!!” ซาเนียย่าสะบัดหน้าหนี ก็จะให้ข้าไปเปรียบเทียบกับหญิงชาววังแบบนั้นได้ไงเล่า ข้านะมันนักฆ่าไม่มีหัวนอนปลายเท้า พูดกับท่านได้ดีแค่นี้ก็ถือว่าบุญโขแล้ว จะให้มาเพคงเพคะนะ...อี๋ ขนลุก

                เจ้านี่มันน่านัก

                ดราฟร้องว่าอย่างถูกใจ พลางตบหลังซาเนียย่าดังอั๊กจนเธอตกลงไปในลำธารทันที หญิงสาวโผล่หน้าพรวดขึ้นมาบนผิวน้ำด้วยสภาพเปียกปอน ผมลู่ติดหัว หน้าเบ้อย่างไม่ถูกใจ

                ท่านนี่มือหนักชะมัด หญิงสาวร้องว่าขณะกำลังพยายามปีนขึ้นฝั่งมานั่งที่เดิม

                โทษที ข้านึกว่าเจ้าเป็นซาคาน องค์ชายหนุ่มตอบแก้เก้อ เขาพึมพำอะไรสองสามประโยค ทันใดนั้นเสื้อผ้าของเธอก็แห้งทันที

                ขอบใจ แต่องครักษ์ท่านนี่นิสัยเหมือนข้ามากนักหรือไง เธอถาม

                เปล่าหรอก ดราฟตอบ สีหน้ากลับมานิ่งเรียบเหมือนเดิมอีกครั้ง

                ซาเนียย่าเบ้ปากทันที... อีกแล้วไหมละ กลับมามาดองค์ชายเหมือนเดิมอีกละ

                ไม่เอาน่า... อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ข้าชอบตอนท่านยิ้มมากกว่านะ ข้าไม่ชอบอยู่กับคนที่นิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้ง

                ดราฟเปรยสายตามามองคนพูดก่อนประชดด้วยการเหยียดริมฝีปากขึ้นสูงจนเหมือนแสยะยิ้ม หากแต่นัยน์ตาสีมรกตคู่คมกลับฉายประกายระยับแพรวพราว

                ...กี่ปีมาแล้วที่เขาไม่ได้ยิ้มแบบนี้

     

                ตกเย็นซาคานกลับมาตามคำพูดพร้อมกับอาหารชั้นเลิศติดไม้ติดมือมาด้วย ซาเนียย่าเป็นคนแรกที่วิ่งเข้าหา แน่นอนว่าเธอไม่ได้วิ่งไปหาเขา แต่วิ่งไปหาอาหารอันโอชะต่างหาก หญิงสาวจัดแจงแบ่งอาหารเป็นสามส่วนสำหรับคนสามคนทันที

                อาหารที่ซาคานเอามาเป็นไก่งวงโรยงาอบชานอ้อยตัวใหญ่กับสาหร่ายทะเลชั้นเลิศรสสำหรับคนมีเงินเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่านักฆ่าอย่างเธอไม่เคยลิ้มลอง และเธอก็ลงมือจัดการมันทันที

                ซาคานมองอาหารที่ถูกแบ่งเป็นสามส่วนอย่างเท่าๆ กันอย่างไม่พอใจ เขาเลื่อนจานในส่วนของตนออกไปห่างๆ ก่อนเอ่ย

                ส่วนของข้าขอยกให้องค์ชาย

                ซาเนียย่ามองด้วยความฉงน มีปัญหาอะไรนักหนาอีก มีให้กินยังไม่รู้จักกิน รู้ไหมว่าอาหารนะมันสูงค่าขนาดไหน

                องครักษ์ลึกลับหันไปมองทันที แม้จะมีผ้าคลุมหน้าอยู่ แต่หญิงสาวก็รู้ทันทีว่าเขาไม่พอใจ

                องค์ชายคือผู้สูงศักดิ์สมควรที่จะได้รับอาหารมากที่สุด แม้แต่เจ้าเองก็ไม่สมควรกิน...

                เอ่ยยังไม่ทันจบก็ต้องหยุดเสียก่อนเพราะถูกสายตาของดราฟปรามเข้าให้

                เอาน่าๆ ไม่เป็นไรหรอก ซาเนียย่าร้องขึ้น ตอนนี้นะใครจะเป็นใครก็ไม่สำคัญหรอก อย่างไรก็เป็นคนเหมือนกัน ตายก็ตายเหมือนกันแล้วจะมัวไปนับยศศักดิ์ทำไม

                ...คราวนี้ซาคานนิ่งเงียบ ไม่แสดงท่าทีอะไรทั้งสิ้น ได้แต่หยิบจานอาหารของตนขึ้นมากิน เพราะถูกสายตายของคนมีศักดิ์เป็นองค์ชายจับจ้องอยู่ ส่วนซาเนียย่าก็ไม่อยากจะพูดอะไรเพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ

                ตลอดเวลาที่กินอาหาร เธอมักจะจ้องมองดราฟอยู่เป็นระยะ วันทั้งวันที่ได้อยู่กับเขาทำให้มุมมองของเขาสำหรับเธอเริ่มเปลี่ยนไป ไม่ใช่องค์ชายผู้ลึกลับและเอาแต่ใจ แต่กลับเป็นเพียงชายหนุ่มธรรมดาที่เต็มไปด้วยความเหงาและว้าเหว่ แต่เหมือนการที่เขาได้มาอยู่กับซาคานจะช่วยให้เขาปกปิดจุดอ่อนของตัวเองได้ แต่ทว่า...มันกลับเป็นการแย่สำหรับเขา

                หลังจากกินเสร็จเธอก็ออกมานั่งตากลมอยู่ข้างนอก นั่งอยู่บนโขดหินให้ลมโกรกเย็นสบาย หัวสมองปรอดโปร่ง และช่วยให้เธอได้คิดทบทวนอะไรหลายๆ อย่างมากขึ้น

                ...ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในองค์การนักฆ่าคิงโพธิ์ดำ ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปจากที่เคยอยู่ที่โรงเลี้ยงเด็กกำพร้า ทุกวันที่อยู่คือการดิ้นรนเพื่ออยู่รอด เพื่ออาหารที่มีให้กินไปมื้อ... ความฝันที่จะตามหาแม่ มีบ้าน มีชีวิตที่ดีถูกลบหายไปจากหัวสมอง

                แต่แล้วก็อาจจะเรียกได้ว่าฟ้ายังไม่โหดร้ายกับเธอนัก เพราะเธอได้ย้ายจากองค์กรใหญ่ไปอยู่ที่กลุ่มนักฆ่ากุหลาบดำ ที่นั่นเธอได้พบกับเซ็นซัง มาริเอะ พริมซ์ และร็อคกี้ ทุกคนดีต่อเธอ เป็นเพื่อนเธอ และดูแลเธอเป็นอย่างดีในฐานะเพื่อรุ่นน้องนักฆ่าคนหนึ่ง... เซ็นซังไม่เคยใช้ให้เธอไปฆ่าใครจริงๆ เพราะรู้ว่าเธอไม่ชอบหน้าที่นี้ มาริเอะคอยสอนทุกอย่างให้กับเธอ ทั้งการต่อสู้ กิริยามารยาท พริมซ์คอยเป็นเพื่อนคุยและปรับทุกข์ยามเหงา และมีร็อคกี้...ที่คอยสอนการใช้ชีวิตบนเส้นทางที่แสนจะโหดร้ายนี้

                แต่ในที่สุด...เธอก็ต้องทำหน้าที่ นักฆ่า อย่างเต็มตัว นั่นคือการสังหารองค์ชายดราฟ ฟา เทอร์ริส แต่แล้วร็อคกี้ทรยศต่อทุกคนไปเข้าข้างโพธิ์แดง ทว่าเธอไม่ได้โกรธเขาสักนิด เพราะรู้ดีว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกเส้นทางที่ดีที่สุดให้กับตนเอง

                ในการปฏิบัติงานครั้งนี้ เธอต้องเสียทุกคนไปเพราะโพธิ์ดำ มันฆ่าทุกคนที่เธอรักไปต่อหน้า ทั้งมาริเอะ พริมซ์ และเซ็นซัง รวมถึงร็อคกี้ เธอไม่เหลือใครอีกแล้ว...

                ทว่าระหว่างความเป็นความตาย ดราฟกับช่วยเธอไว้ เพียงเพราะเธอมีหยกรูปหงส์เหมือนเลวา คู่หมั้นของเขาเท่านั้น...

     

                มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ เสียงเรียบที่วันนี้ได้ยินมาหลายทีจนชักจำขึ้นหูดังขึ้น พร้อมกับร่างของดราฟที่หย่อนตัวลงนั่งข้างๆ เธอ

                ซาเนียย่าสะดุ้งน้อยๆ หลุดออกจากภวังค์แห่งความคิดทันที หญิงสาวหันไปมองเขาด้วยสีหน้าฉงน... ทีนี้จะมีไม้ไหนอีกละ

                แล้วท่านละ นึกครึ้มอารมณ์อะไรขึ้นมา ด้วยเกิดตากลมจนเป็นไข้เข้า พ่อองครักษ์คนสนิทของท่านจะมาหาว่าข้าคิดปองร้ายรัชทายาทเอา

                นัยน์ตาสีมรกตหลังหน้ากากเต็มไปด้วยแววไม่พอใจ หญิงสาวจึงเอ่ยใหม่

                ข้าแค่กำลังคิดว่า...บางทีอาจจะช่วยท่านตามหาเลวายอดดวงใจของท่าน

                ดราฟส่งเสียงหึๆ ลำคอ ก่อนเอ่ย ข้าบอกแล้วไงว่านางตายไปแล้ว แล้วก็อย่าเอ่ยชื่อของนางให้ข้าได้ยินอีก

                อารมณ์เปลี่ยนแปลงบ่อยจริงๆ ซาเนียย่าพึมพำ งั้นเอาเป็นว่าเล่าให้ข้าฟังได้ไหมว่าท่านช่วยข้ามาจากโพธิ์ดำได้ไง

                คนถูกขอให้เล่าถอนใจเบาๆ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

                เจ้าถูกโพธิ์ดำทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส แต่เพราะว่าระหว่างที่เจ้าสลบไปผ้าคลุมหน้าของเจ้าก็หลุด ข้าจึงรู้ว่าเจ้าคือแม่นางคนที่ข้าเจอที่ลานหน้าพระราชวัง และก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าบางทีเลวาอาจจะยังไม่ตาย และเจ้าก็อาจจะรู้ที่อยู่ของนาง ข้าจึงให้ซาคานแย่งตัวเจ้าออกมา แล้วก็พามารักษาที่นี่ แต่อย่างไรโพธิ์ดำก็คงไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายๆ หรอก

                ซาเนียย่าพยักหน้ารับงึกๆ ก่อนถามต่อ แล้วที่นี่มันที่ไหนอะ แล้วเจ้าใช้อะไรช่วยข้าหรอ

                ดราฟเหยียดริมฝีปากขึ้นกับความช่างถามช่างสงสัยของเธอ

                ข้าใช้เวทย์มนต์สำหรับคนในวังรักษาเจ้า ส่วนที่นี่คือบ้านพักส่วนตัวของข้าในป่าแถบชายแดนอาณาจักร ตอนนี้ข้ารับรองได้ว่าไม่มีใครรู้จากคนที่อยู่ที่นี่

                ตอนนี้... หญิงสาวทวนคำเป็นเชิงถาม

                องค์ชายหนุ่มพยักหน้ารัก ใช่! ตอนนี้ แต่ต่อไปข้าก็ไม่รับรอง

                อ่า... เธอลากเสียงยาว อย่างนั้นพรุ่งนี้เจ้าสอนเวทย์มนต์การต่อสู้ของคนในวังให้ข้าบ้างสิ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×