คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : หญิงสาวผู้ไม่ตายไปจากใจ
บทที่ 5 : หญิงสาวผู้ไม่ตายไปจากใจ
ฉันมองเลยออกไปนอกหน้าต่าง ความรู้สึกว้าเหว่เหมือนเมื่อครั้งเพิ่งหัดเป็นนักฆ่าใหม่ๆ กำลังกลับมาอีกครั้ง หนทางข้างหน้ายังคงสับสน...สับสนแม้แต่ตัวฉันเอง
ไม่รู้ทำไมถึงต้องช่วยฉันเอาไว้ น่าจะปล่อยให้ตายๆ ไปได้หมดเรื่อง ไม่ต้องมาทุกข์ ไม่ต้องมาดิ้นรนหนีตายไปวันๆ....
ทำไมถึงต้องมาช่วยฉัน
...........................
ในความอ่อนแอ ท้อแท้ และสิ้นหวัง ทุกสิ่งรอบข้างล้วนขาวโพลนและหนาวเย็น แต่จู่ๆ หัวสมองที่ตีบตันก็ค่อยๆ โล่งขึ้น ลมหายใจที่ขาดช่วงกลับมาสม่ำเสมออีกครั้ง ทำให้รับรู้ได้ถึงการมีชีวิตของหญิงสาว
ซาเนียย่า...เธอยังไม่แต่ แต่นี่เธอกำลังอยู่ที่ไหนกัน
“จะไม่กลับวังก่อนรึ”
เสียงเรียบๆ ดังเข้ามาในโสตประสาท หญิงสาวพยายามลืมตาขึ้นมอง แต่ทว่าเปลือกตากลับหนักอึ้ง ความเมื่อยล้าทำให้ไม่สามารถขยับร่างกายได้อย่างที่ใจต้องการ
“ข้าต้องถามนาง นางอาจจะพาข้าไปหาเลวาได้”
...เปลือกตาของซาเนียย่าค่อยๆ ลืมขึ้นทีละน้อย สิ่งแรกที่เห็นคือชายสองคนที่กำลังยืนคุยกันอยู่ตรงหน้าเธอภายในกระท่อมมุงหญ้าคา คนแรกสวมชุดกางเกงสีเขียวใบไม้ ปกปิดหน้าตาด้วยหน้ากากรูปนกอินทรีย์ ส่วนอีกคนก็อยู่ในชุดคลุมสีดำทะมึน มองไม่เห็นแม้กระทั่งหน้าตา
เขาคือดราฟกับซาคานนั่นเอง...
“องค์ชาย” ซาเนียย่าร้องขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบาเหมือนคนไม่มีแรง เรียกให้เจ้าของชื่อหันมามอง เขายิ้มเหยียดริมฝีปากขึ้นสูง ก่อนเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มเหมือนตอนเจอกันครั้งแรก
“ฟื้นตัวเร็วดีนี่”
หญิงสาวไม่ตอบ เธอค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นยืนแต่กลับต้องล้มลงไปก้นจ้ำเบ้าอีกครั้ง พอเอามือขึ้นมาลูบหน้าตัวเองก็พบว่าผ้าคลุมหน้าหายไปแล้ว...!!! ถ้าอย่างนั้นเขาก็รู้แล้วสิว่าเธอคือผู้หญิงคนที่เขาช่วยไว้วันนั้น และก็อาจจะรู้ด้วยว่านั่นเป็นแผนที่เธอหลอกเขา
...ไม่รอดแน่เรา
“ความรู้สึกช้ากว่าที่คิดนะ นักฆ่า...”
ซาคานเอ่ยพร้อมกับนั่งยองๆ ลงตรงหน้าเธอ ซาเนียย่าจ้องหน้าเขาเขม็งแม้จะไม่เห็นหน้าจริงๆ เขาตาม
“จงพาพวกข้าไปหาท่านหญิงเลวาซะ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”
“ข้าไม่รู้จักท่านหญิงอะไรของท่าน”
องครักษ์ลึกลับหัวเราะหึๆ ในลำคอก่อนชูของสิ่งหนึ่งขึ้นตรงหน้าหญิงสาว มันคือหยกสีขาวที่สลักเป็นรูปหงส์นั่นเอง เขาแกว่งมันไปมากลางอากาศเหมือนกับผู้ใหญ่ที่เอาของเล่นมาล่อเด็ก
“งั้นขอถามเจ้าใหม่ นี่คือของๆ เจ้าใช่ไหม”
ซาเนียย่ารีบคว้ามันกลับมาทันที นัยน์ตาสีน้ำตาลมองคนตรงหน้าด้วยสายตาไม่ไว้ใจ “ใช่! มันคือของๆ ข้า และเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์มาซอกแซกถามอะไรข้า”
“ทำไมจะไม่มี” คราวนี้เป็นดราฟ นัยน์ตาสีมรกตหรี่ลงต่ำมองเธอก่อนเลื่อนลงไปยังหยกชิ้นนั้น “ข้าเป็นคนให้ชีวิตใหม่แก่เจ้า และนับตั้งแต่นี้ไป ชีวิตของเจ้าเป็นของข้า”
“แล้วช่วยทำไมละ!!!”
หญิงสาวตวาดเสียงดังลั่น รู้สึกอารมณ์ที่อดกลั้นเอาไว้กำลังพุ่งพล่าน หยาดน้ำใสๆ เริ่มไหลคลอเต็มสองดวงตาจนพร่ามัว แต่มือก็ยังคงกำหยกชิ้นสำคัญเอาไว้แน่น...จะไม่ให้มันหายไปอีกแล้ว
“พวกเจ้าช่วยข้าไว้ทำไม ให้ตายๆ ไปเสียยังดีกว่าต้องมารับใช้พวกเจ้า คงคิดจะแก้แค้นที่ข้าทำให้พวกเจ้าเดือดร้อนละสิ แต่ขอโทษด้วยที่ต้องบอกว่าเสียใจ เจ้าไม่มีทางทำให้ข้าต้องทรมานไปมากกว่านี้อีกแล้วละ ข้าไม่เหลืออะไรอีกแล้ว...ทั้งหัวหน้า ทั้งพี่มารี่ พริมซ์ ข้าไม่เหลืออะไรอีกแล้ว เจ้าได้ยินไหม~!!”
เธอเอ่ยปลดปล่อยทุกสิ่งที่อยู่ในใจออกมาจนหมด... ทั้งที่เมื่อก่อนเคยดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตอยู่ เก็บเงินเพื่อสร้างให้ชีวิตดีขึ้น แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้รู้สึกว่าชีวิตนี้มันช่างไร้ค่านัก รู้สึกเกลียด...เกลียดตัวเอง เกลียดการมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้
ดราฟยืนหันหลังกำมือแน่น กัดฟันกรอดอย่างไม่สบอารมณ์ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้าทำกับเขาถึงขนาดนี้ ไม่เคยมีใครมาตะโกนใส่เขา เถียงเขาแบบนี้ แต่นี่อะไร เธอเป็นใครถึงได้มีสิทธิ์ถึงเพียงนี้
....เงียบ จู่ๆ เสียงตะโกนของซาเนียย่าก็หายไป ด้วยความแปลกใจเขาจึงหันกลับมามอง ก็พบว่าเธอสลบไปแล้ว ส่วนซาคานก็กำลังแกะหยกรูปหงส์ออกจากมือของหญิงสาว ทว่าเธอกำไว้แน่นเสียเหลือเกิน
“ไม่ต้องหรอก” ดราฟเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนลงกว่าเมื่อครู่ แม้หน้าตาจะยังคงบึ้งตึงอยู่ก็ตาม “ถ้านางอยากเก็บไว้ก็ปล่อยนางไป”
เอ่ยจบก็เดินออกไปจากกระท่อมทันที ทำให้คนเป็นองครักษ์ต้องเดินตามออกมาด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้
ที่ข้างนอกกระท่อมเป็นป่าโปร่งที่เต็มไปด้วยต้นโอ๊คสูงจนต้องมองคอตั้งบ่า ข้างๆ มีลำธารเล็กๆ ไหลผ่าน ทิวทัศน์รอบด้านเต็มไปด้วยธรรมชาติที่ร่มรื่นไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด แต่ทว่าคนมองกลับไม่มีอารมณ์ร่วมกับมันด้วย
ซาคานเฝ้ามองดูเจ้านายน้อยของตนด้วยความเป็นห่วง เพราะดราฟถึงกับทิ้งวังออกมาเพียงเพราะต้องการรู้เรื่องของ ‘เลวา’ จึงต้องช่วยชีวิตของซาเนียย่าเอาไว้
แต่ดูเหมือนตอนนี้มันชักจะเลยเถิดเข้าไปทุกที เพราะพวกเขาอยู่ที่นี่มาวันหนึ่งเต็มๆ แล้ว แต่นักฆ่าสาวที่เพิ่งช่วยชีวิตมาก็ไม่รู้เรื่องที่ดราฟต้องการรู้สักนิด ทำให้เขายิ่งเป็นกังวล
“จะไม่กลับวังก่อนรึองค์ชาย เดี๋ยววังจะวุ่นเอาได้ อีก...”
เอ่ยยังไม่ทันจบดราฟก็ยกมือขึ้นห้ามเสียก่อน
“เจ้ากลับวังไปก่อน ข้าอยากอยู่ที่นี่ตามลำพัง”
ซาคานส่งเสียงไม่พอใจ แต่เพราะอยู่กันมานานพวกเขาจึงรู้นิสัยดีกว่าสำหรับดราฟแล้ว สั่งอย่างไหนคือต้องได้อย่างนั้น ไม่มีข้อแม้
“เช่นนั้นข้าจะกลับมาในเมื่ออาทิตย์ตก”
สิ้นเสียง ร่างของเขาก็ค่อยๆ หายลับเข้าไปในเงาไม้ใกล้ๆ ไม่มีแม้แต่เสียงหรือลมที่ไหวติง ทุกอย่างหยุดนิ่งและเงียบสงบ มีเพียงแต่ดราฟเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่เพียงลำพัง
ผ่านไปหลายชั่วโมงเลยทีเดียวกว่าที่ซาเนียย่าจะฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้เธอเริ่มมีแรงขึ้นมามากแล้ว แต่ก็ยังไม่เต็มร้อยเหมือนเมื่อก่อน อาจเป็นเพราะบาดแผลภายในยากที่จะรักษาให้หายในทีเดียวได้
เมื่อเธอตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่เพียงคนเดียวในกระท่อมร้างที่ว่างเปล่า หยกรูปหงส์ยังคงอยู่ที่มือ เธอจึงเก็บมันไว้ที่อกเสื้อ และด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงตัดสินใจเดินออกไปนอกกระท่อม
ดราฟที่นั่งห้อยขาอยู่ที่ริมลำธาร ไม่เหลือมาดขององค์ชายรัชทายาทที่นิ่งเรียบเหมือนแต่ก่อน เขาช่างดูเหงาและว้าเหว่จนไม่อาจจะเชื่อได้ว่านี่คือดราฟ...
“เป็นอะไรของเขานะ”
ซาเนียย่าพึมพำ พร้อมกับเดินลงไปนั่งอยู่ข้างๆ เขาอย่างถือวิสาสะ อันที่จริงก็รู้สึกอายบ้างเล็กน้อยที่เมื่อครู่ยังอาละวาดกระท่อมแทบแตก แต่ตอนนี้กลับมาดีอีกครั้ง...เหมือนคนบ้า
“ทำไมมานั่งอยู่คนเดียวละเพคะองค์ชาย”
ดราฟหันมามองหน้าเธอเมื่อครู่ก่อนหันกลับไป เขาไม่ตอบ แต่กลับเอ่ยไปอีกเรื่อง
“ถ้าเจ้าจะไปข้าก็ไม่ว่าหรอกนะ”
“หึๆๆ” ซาเนียย่าเหยียดริมฝีปากขึ้นสูง ก่อนจะนอนแผ่ลงไปบนพื้นหญ้า ขาก็แช่น้ำเย็นสบาย “ไม่นึกว่าท่านจะพูดแบบนี้ แต่คิดว่าข้าไม่อยากจะไปหรือไง ถ้าไปได้ข้าไปตั้งนานแล้ว แต่อย่าลืมสิว่าข้าไม่มีที่อยู่ แถมตอนนี้โพธิ์ดำต้องกำลังตามล่าตัวข้าอยู่แน่ๆ และก็อาจจะมีโพธิ์แดงพ่วงมาด้วยอีกคน แบบนี้สู้เกาะท่านอยู่ที่นี่สักพักก็คงไม่เสียหายอะไร แถมข้าจะได้ชดใช้นี่ชีวิตให้หมดๆ ไปเสียด้วย”
ดราฟเลิกคิ้วขึ้นสูง แต่ก็ไม่ได้เอ่ยโต้ตอบอะไร ทำเอาคนพูดหน้าจ๋อยลงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ละความพยายามในการสรรค์หาเรื่องมาพูดต่อ
“นี่! เลวาคือใครหรอ”
...เงียบ...ไม่มีสัญญาณตอบรับจากคนฟัง แต่ด้วยสัญชาตญาณของเธอมันบอกให้รู้ว่าเขากำลังฟังอยู่
“ถ้าไม่ตอบอย่างนั้นข้าจะเดาละน้า...” ซาเนียย่ายกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากด้วยท่าทางครุ่นคิด “ข้าว่าต้องเป็นพระสนมหรือไม่ก็หญิงงามเมืองสวยๆ สักคนละสิท่า ข้าเดาถูกไหมละ ท่านคงจะหลงนางเสียจนหัวปักหัวปำ แล้วจู่ๆ นางก็หายไปราวกับความฝัน โอ้! คงจะเจ็บช้ำมากละสินะ ถูกนางปอกลอกไปเท่าไหร่ละ แต่อันที่จริงก็ไม่เห็นต้องโหยหานางขนาดนี้เลยนี่นา ท่านเป็นถึงองค์ชาย เดินไปทางไหนก็มีแต่หญิงงามพร้อมจะถวายตัวทุกเมื่อละ แต่ถ้าไม่รู้ที่ละก็ข้าแนะนำให้ได้นะ ข้านะเคยไปเที่ยวซ่องบ่อยๆ รับรองว่างามไม่แท้เลวาของ...ท่านแน่”
น้ำเสียงท่อนสุดท้ายเบาและขาดห้วงเมื่อคนเป็นองค์ชายหันมามองเธอด้วยประกายตาลุกวาว ใบหน้าที่ดูว่าเหงาๆ เมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นบึงตึงและไม่สบอารมณ์
“อย่าเอาเรื่องของนางมาเปรียบเทียบหญิงโสมมแบบนั้น”
ซาเนียย่าขมวดคิ้วหมุน พยายามไม่ใส่ใจกับน้ำเสียงใส่อารมณ์ของอีกฝ่ายด้วยการพยายามทำน้ำเสียงให้ปกติคงเดิม
“แล้วท่างั้น...คนไร้ฆ่าอย่างข้าจะมีเกียรติพอจะได้รับฟังเรื่องราวของนางบ้างไหม”
ดราฟนิ่ง ท่าทางเหมือนไม่ไว้ใจในสิ่งที่หญิงสาวพูด เธอจึงลุกขึ้นมาเอ่ยต่อด้วยท่าทางจริงจัง
“ทีแรกท่านว่าต้องการให้ข้าพาไปหานางไม่ใช่หรอ และหยกของข้าก็เหมือนจะเกี่ยวกับนางด้วย บางทีถ้าข้ารู้เรื่องของนางมากกว่านี้อีกหน่อย ข้าอาจจะรู้อะไรดีๆ ที่ท่านไม่รู้ก็ได้นะ”
นัยน์ตาสีมรกตของชายหนุ่มหันมาจ้องมองเธอเหมือนชั่งใจ “เจ้าไม่มีทางทำได้หรอก”
ซาเนียย่ายักไหล่
“ท่านจะไปรู้ได้อย่างไรว่าข้าทำได้หรือไม่ได้... แต่ถ้าท่านเล่าเรื่องของนางให้ฟัง ข้าก็จะเล่าเรื่องของหยกชิ้นนี้ให้ท่านฟังเป็นการแลกเปลี่ยน เห็นไหมว่าคุ้มนะตาย”
คราวนี้นัยน์ตาสีมรกตมองมาด้วยความว่างเปล่า เธออยากจะรู้จริงๆ ว่าตอนนี้ใบหน้าภายใต้หน้ากากของเขาตอนนี้เป็นเช่นไร
แต่เมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมเล่าเรื่องเสียที เธอจึงต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อนเพื่อไม่ให้บทสนทนานี้เงียบเหงาจนเกินไป
“งั้นเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ข้าก็จะขอเล่าเรื่องหยกของเข้าก่อนละกัน” ซาเนียย่ากระแอมในลำคอเล็กน้อยพร้อมกับล้วงหยกออกมาจากอกเสื้อ เธอหมุนมันไปมาราวกับกำลังรำลึกถึงบางสิ่งบางอย่างผ่านมัน
“หยกชิ้นนี้ข้าไม่รู้หรอกนะว่ามันเป็นของใคร อาจจะไม่ใช่ของข้าซะทีเดียว แต่อย่างน้อย...มันก็อยู่กับข้าตั้งแต่จำความได้ ข้าเคยถามแม่...เอ่ย ข้าหมายถึงผู้พระคุณที่โรงเลี้ยงเด็กกำพร้านะ นางบอกว่ามีคนนำข้ามาฝากเอาไว้กับนาง โดยให้หยกชิ้นนี้เป็นค่าจ้าง แต่ว่านางสงสารก็เลยมองมันคืนให้กับข้า และมันก็อยู่กับข้ามาตลอดเลย
“บางทีข้าก็เคยคิดนะว่าอาจจะใช้มันตามหาแม่หรือไม่ก็ญาติของข้าสักคนหนึ่ง แต่ตอนนี้คงไม่แล้วละ แต่ถ้าหากท่านอยากได้ไว้ตามเลวาของท่าน ข้าก็ยินดีจะมอบให้”
เธอเอ่ยพร้อมกับยื่นหยกให้คนข้างๆ แต่เขากลับปัดมือออก
“ไม่มีประโยชน์หรอก นางตายไปแล้ว”
...นิ่ง...ทั้งคู่นิ่งลงไปทันที ซาเนียย่ารู้สึกผิดขึ้นมาทันที จากที่หวังจะทำให้ดราฟร่าเริงขึ้น กลับเป็นการทำให้เขาแย่ลงไปกว่าเดิม
“นางจากข้าไปเมื่อสิบสามปีที่แล้ว ตายไป...พร้อมกับท่านแม่ในกองเพลิงตอนที่ไฟไหม้เรือนรับรอง”
ซาเนียย่าเงยหน้าขึ้นมองดราฟ เธอไม่รู้ว่าควรจะถามอะไรออกไปดีไหม แต่ด้วยความอยากรู้มันก็อดไม่ได้
“นางเป็นน้องกับท่านหรอ”
“นาง...” ดราฟลากเสียงยาว “เป็นคู่หมั้นของข้า และหยกชิ้นนั้นก็คือของหมั้นที่ข้าให้นางไว้”
คนฟังพยักหน้ารับแม้จะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้างว่าคนนิ่งๆ อย่างเขาจะมีคนมาชอบด้วยหรอ ก่อนฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“เดี๋ยว! เมื่อสิบสามปีที่แล้วหรอ นี่ท่านอายุเท่าไหร่กันแล้วนี่ ข้านะเพิ่งจะอายุสิบแปดเองนะ เมื่อสอบสามปีที่แล้วห้าก็เพิ่งจะห้าขวบเอง”
ดราฟเลิกคิ้วสูง ก่อนส่งเสียงหึๆ ในลำคอ “ข้าก็อายุแค่ยี่สิบ เป็นพี่เจ้าแค่สองปี”
“หัวเราะอะไรเนี่ย”
ดราฟยิ้ม....หรืออย่างน้อยซาเนียย่าก็คิดอย่างนั้น (มันยากนะที่ต้องดูหน้าคนผ่านหน้ากากนะ) นัยน์ตาสีมรกตก้มมองเธอเหมือนเอ็นดู
“อายุของเจ้าเท่ากับเลวาเลยนะ เสียแต่นิสัยของเจ้านี่ช่างห่างไกลกันนัก”
“ชิ!!” ซาเนียย่าสะบัดหน้าหนี “ก็จะให้ข้าไปเปรียบเทียบกับหญิงชาววังแบบนั้นได้ไงเล่า ข้านะมันนักฆ่าไม่มีหัวนอนปลายเท้า พูดกับท่านได้ดีแค่นี้ก็ถือว่าบุญโขแล้ว จะให้มาเพคงเพคะนะ...อี๋ ขนลุก”
“เจ้านี่มันน่านัก”
ดราฟร้องว่าอย่างถูกใจ พลางตบหลังซาเนียย่าดังอั๊กจนเธอตกลงไปในลำธารทันที หญิงสาวโผล่หน้าพรวดขึ้นมาบนผิวน้ำด้วยสภาพเปียกปอน ผมลู่ติดหัว หน้าเบ้อย่างไม่ถูกใจ
“ท่านนี่มือหนักชะมัด” หญิงสาวร้องว่าขณะกำลังพยายามปีนขึ้นฝั่งมานั่งที่เดิม
“โทษที ข้านึกว่าเจ้าเป็นซาคาน” องค์ชายหนุ่มตอบแก้เก้อ เขาพึมพำอะไรสองสามประโยค ทันใดนั้นเสื้อผ้าของเธอก็แห้งทันที
“ขอบใจ แต่องครักษ์ท่านนี่นิสัยเหมือนข้ามากนักหรือไง” เธอถาม
“เปล่าหรอก” ดราฟตอบ สีหน้ากลับมานิ่งเรียบเหมือนเดิมอีกครั้ง
ซาเนียย่าเบ้ปากทันที... อีกแล้วไหมละ กลับมามาดองค์ชายเหมือนเดิมอีกละ
“ไม่เอาน่า... อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ข้าชอบตอนท่านยิ้มมากกว่านะ ข้าไม่ชอบอยู่กับคนที่นิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้ง”
ดราฟเปรยสายตามามองคนพูดก่อนประชดด้วยการเหยียดริมฝีปากขึ้นสูงจนเหมือนแสยะยิ้ม หากแต่นัยน์ตาสีมรกตคู่คมกลับฉายประกายระยับแพรวพราว
...กี่ปีมาแล้วที่เขาไม่ได้ยิ้มแบบนี้
ตกเย็นซาคานกลับมาตามคำพูดพร้อมกับอาหารชั้นเลิศติดไม้ติดมือมาด้วย ซาเนียย่าเป็นคนแรกที่วิ่งเข้าหา แน่นอนว่าเธอไม่ได้วิ่งไปหาเขา แต่วิ่งไปหาอาหารอันโอชะต่างหาก หญิงสาวจัดแจงแบ่งอาหารเป็นสามส่วนสำหรับคนสามคนทันที
อาหารที่ซาคานเอามาเป็นไก่งวงโรยงาอบชานอ้อยตัวใหญ่กับสาหร่ายทะเลชั้นเลิศรสสำหรับคนมีเงินเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่านักฆ่าอย่างเธอไม่เคยลิ้มลอง และเธอก็ลงมือจัดการมันทันที
ซาคานมองอาหารที่ถูกแบ่งเป็นสามส่วนอย่างเท่าๆ กันอย่างไม่พอใจ เขาเลื่อนจานในส่วนของตนออกไปห่างๆ ก่อนเอ่ย
“ส่วนของข้าขอยกให้องค์ชาย”
ซาเนียย่ามองด้วยความฉงน “มีปัญหาอะไรนักหนาอีก มีให้กินยังไม่รู้จักกิน รู้ไหมว่าอาหารนะมันสูงค่าขนาดไหน”
องครักษ์ลึกลับหันไปมองทันที แม้จะมีผ้าคลุมหน้าอยู่ แต่หญิงสาวก็รู้ทันทีว่าเขาไม่พอใจ
“องค์ชายคือผู้สูงศักดิ์สมควรที่จะได้รับอาหารมากที่สุด แม้แต่เจ้าเองก็ไม่สมควรกิน...”
เอ่ยยังไม่ทันจบก็ต้องหยุดเสียก่อนเพราะถูกสายตาของดราฟปรามเข้าให้
“เอาน่าๆ ไม่เป็นไรหรอก” ซาเนียย่าร้องขึ้น “ตอนนี้นะใครจะเป็นใครก็ไม่สำคัญหรอก อย่างไรก็เป็นคนเหมือนกัน ตายก็ตายเหมือนกันแล้วจะมัวไปนับยศศักดิ์ทำไม”
...คราวนี้ซาคานนิ่งเงียบ ไม่แสดงท่าทีอะไรทั้งสิ้น ได้แต่หยิบจานอาหารของตนขึ้นมากิน เพราะถูกสายตายของคนมีศักดิ์เป็นองค์ชายจับจ้องอยู่ ส่วนซาเนียย่าก็ไม่อยากจะพูดอะไรเพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ
ตลอดเวลาที่กินอาหาร เธอมักจะจ้องมองดราฟอยู่เป็นระยะ วันทั้งวันที่ได้อยู่กับเขาทำให้มุมมองของเขาสำหรับเธอเริ่มเปลี่ยนไป ไม่ใช่องค์ชายผู้ลึกลับและเอาแต่ใจ แต่กลับเป็นเพียงชายหนุ่มธรรมดาที่เต็มไปด้วยความเหงาและว้าเหว่ แต่เหมือนการที่เขาได้มาอยู่กับซาคานจะช่วยให้เขาปกปิดจุดอ่อนของตัวเองได้ แต่ทว่า...มันกลับเป็นการแย่สำหรับเขา
หลังจากกินเสร็จเธอก็ออกมานั่งตากลมอยู่ข้างนอก นั่งอยู่บนโขดหินให้ลมโกรกเย็นสบาย หัวสมองปรอดโปร่ง และช่วยให้เธอได้คิดทบทวนอะไรหลายๆ อย่างมากขึ้น
...ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในองค์การนักฆ่าคิงโพธิ์ดำ ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปจากที่เคยอยู่ที่โรงเลี้ยงเด็กกำพร้า ทุกวันที่อยู่คือการดิ้นรนเพื่ออยู่รอด เพื่ออาหารที่มีให้กินไปมื้อ... ความฝันที่จะตามหาแม่ มีบ้าน มีชีวิตที่ดีถูกลบหายไปจากหัวสมอง
แต่แล้วก็อาจจะเรียกได้ว่าฟ้ายังไม่โหดร้ายกับเธอนัก เพราะเธอได้ย้ายจากองค์กรใหญ่ไปอยู่ที่กลุ่มนักฆ่ากุหลาบดำ ที่นั่นเธอได้พบกับเซ็นซัง มาริเอะ พริมซ์ และร็อคกี้ ทุกคนดีต่อเธอ เป็นเพื่อนเธอ และดูแลเธอเป็นอย่างดีในฐานะเพื่อรุ่นน้องนักฆ่าคนหนึ่ง... เซ็นซังไม่เคยใช้ให้เธอไปฆ่าใครจริงๆ เพราะรู้ว่าเธอไม่ชอบหน้าที่นี้ มาริเอะคอยสอนทุกอย่างให้กับเธอ ทั้งการต่อสู้ กิริยามารยาท พริมซ์คอยเป็นเพื่อนคุยและปรับทุกข์ยามเหงา และมีร็อคกี้...ที่คอยสอนการใช้ชีวิตบนเส้นทางที่แสนจะโหดร้ายนี้
แต่ในที่สุด...เธอก็ต้องทำหน้าที่ ‘นักฆ่า’ อย่างเต็มตัว นั่นคือการสังหารองค์ชายดราฟ ฟา เทอร์ริส แต่แล้วร็อคกี้ทรยศต่อทุกคนไปเข้าข้างโพธิ์แดง ทว่าเธอไม่ได้โกรธเขาสักนิด เพราะรู้ดีว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกเส้นทางที่ดีที่สุดให้กับตนเอง
ในการปฏิบัติงานครั้งนี้ เธอต้องเสียทุกคนไปเพราะโพธิ์ดำ มันฆ่าทุกคนที่เธอรักไปต่อหน้า ทั้งมาริเอะ พริมซ์ และเซ็นซัง รวมถึงร็อคกี้ เธอไม่เหลือใครอีกแล้ว...
ทว่าระหว่างความเป็นความตาย ดราฟกับช่วยเธอไว้ เพียงเพราะเธอมีหยกรูปหงส์เหมือนเลวา คู่หมั้นของเขาเท่านั้น...
“มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้” เสียงเรียบที่วันนี้ได้ยินมาหลายทีจนชักจำขึ้นหูดังขึ้น พร้อมกับร่างของดราฟที่หย่อนตัวลงนั่งข้างๆ เธอ
ซาเนียย่าสะดุ้งน้อยๆ หลุดออกจากภวังค์แห่งความคิดทันที หญิงสาวหันไปมองเขาด้วยสีหน้าฉงน... ทีนี้จะมีไม้ไหนอีกละ
“แล้วท่านละ นึกครึ้มอารมณ์อะไรขึ้นมา ด้วยเกิดตากลมจนเป็นไข้เข้า พ่อองครักษ์คนสนิทของท่านจะมาหาว่าข้าคิดปองร้ายรัชทายาทเอา”
นัยน์ตาสีมรกตหลังหน้ากากเต็มไปด้วยแววไม่พอใจ หญิงสาวจึงเอ่ยใหม่
“ข้าแค่กำลังคิดว่า...บางทีอาจจะช่วยท่านตามหาเลวายอดดวงใจของท่าน”
ดราฟส่งเสียงหึๆ ลำคอ ก่อนเอ่ย “ข้าบอกแล้วไงว่านางตายไปแล้ว แล้วก็อย่าเอ่ยชื่อของนางให้ข้าได้ยินอีก”
“อารมณ์เปลี่ยนแปลงบ่อยจริงๆ” ซาเนียย่าพึมพำ “งั้นเอาเป็นว่าเล่าให้ข้าฟังได้ไหมว่าท่านช่วยข้ามาจากโพธิ์ดำได้ไง”
คนถูกขอให้เล่าถอนใจเบาๆ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เจ้าถูกโพธิ์ดำทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส แต่เพราะว่าระหว่างที่เจ้าสลบไปผ้าคลุมหน้าของเจ้าก็หลุด ข้าจึงรู้ว่าเจ้าคือแม่นางคนที่ข้าเจอที่ลานหน้าพระราชวัง และก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าบางทีเลวาอาจจะยังไม่ตาย และเจ้าก็อาจจะรู้ที่อยู่ของนาง ข้าจึงให้ซาคานแย่งตัวเจ้าออกมา แล้วก็พามารักษาที่นี่ แต่อย่างไรโพธิ์ดำก็คงไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายๆ หรอก”
ซาเนียย่าพยักหน้ารับงึกๆ ก่อนถามต่อ “แล้วที่นี่มันที่ไหนอะ แล้วเจ้าใช้อะไรช่วยข้าหรอ”
ดราฟเหยียดริมฝีปากขึ้นกับความช่างถามช่างสงสัยของเธอ
“ข้าใช้เวทย์มนต์สำหรับคนในวังรักษาเจ้า ส่วนที่นี่คือบ้านพักส่วนตัวของข้าในป่าแถบชายแดนอาณาจักร ตอนนี้ข้ารับรองได้ว่าไม่มีใครรู้จากคนที่อยู่ที่นี่”
“ตอนนี้...” หญิงสาวทวนคำเป็นเชิงถาม
องค์ชายหนุ่มพยักหน้ารัก “ใช่! ตอนนี้ แต่ต่อไปข้าก็ไม่รับรอง”
“อ่า...” เธอลากเสียงยาว “อย่างนั้นพรุ่งนี้เจ้าสอนเวทย์มนต์การต่อสู้ของคนในวังให้ข้าบ้างสิ”
ความคิดเห็น