คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : คิง...รุกฆาต
บทที่ 4 : คิง...รุกฆาต!!!
...ฉันรู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวที่ใบหน้า มันไม่ใช่ความเขินอาย หากแต่เป็นความคั่งแค้นที่คับแน่นอยู่ในอก ความแค้นที่ได้มาจากการถูกหักหลัง...มันช่างเป็นการหักหลังที่เจ็บแสนจริงๆ
‘ฆ่า...ต้องฆ่าเท่านั้นถึงจะหายแค้น’
หากแต่คนที่กำลังจะถูกฆ่ากลับไม่ใช่มัน มันกำลังจะไปเสวยสุขในขณะที่ฉันได้แต่นอนรอความตาย รอให้มีดของฉันปักลงที่หัวใจของฉันเอง...รอให้เลือดไหลรินลงมาจนหมดกายพร้อมกับไฟแค้น
...........................
ทั้งที่คืนนี้จะต้องออกปฏิบัติงานแล้วแท้ๆ แต่เซ็นซังกลับบังคับให้ซาเนียย่าใส่ชุดกระโปรงออกมาเที่ยวอยู่ที่ตลาด แถมยังพามานั่งกินข้าวอยู่ที่ริมน้ำอีกต่างหาก
“เอ้า! กินซะให้อิ่ม”
ซาเนียย่าร้องแหะๆ กับคำพูดของหัวหน้านักฆ่า ก่อนก้มลงมองอาหารที่ตั้งอยู่เต็มโต๊ะด้วยความรู้สึกแปลกๆ แม้จะดีใจอยู่ก็ตามที่จู่ๆ ก็มีคนมาเลี้ยงอาหารดีๆ แบบนี้ แต่นี่มันออกจะไร้เหตุผลไปเสียหน่อย
“หัวหน้ากินยาลืมเขย่าขวดหรือเปล่า”
เซ็นซังเลิกคิ้วขึ้นสูง “ข้าไม่ได้เป็นอะไรทำไมต้องกินยาละ”
“อ่า...” หญิงสาวเบ้ปากก่อนจิ้มไก่อบน้ำผึ้งเข้าปากไปเคี้ยว แล้วชี้ส้อมไปทางคนเลี้ยง “เอะ! หรือว่าหัวหน้าคิดจะจีบข้า... ไม่นะ ข้าไม่ชอบคนแก่ๆ แบบหัวหน้าหรอก”
โป๊ก!!
“หัวหน้าอะ” ซาเนียย่าทำแก้มป่องลูบหัวที่ถูกเขก “ข้าก็แค่ล้อเล่น ก็ใครจะไปรู้เล่า ข้าก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไรสักกะหน่อย มาเดินตลาดทีก็มีแต่หนุ่มๆ มอง”
เซ็นซังหัวเราะเบา ก่อนเอ่ย
“เขามองว่าข้าพาลูกลิงมาทำอะไรต่างหากเล่า... ที่ข้าพาเจ้ามานี่ก็คือจะมาเลี้ยงข้าวไถ่โทษเท่านั้นละ”
“ไถ่โทษ”
คนฟังทวนค้ำด้วยความฉงน ซึ่งเขาก็พยักหน้ารับว่าเธอฟังไม่ผิดแน่นอน
“เรื่องจี้หยกของเจ้าไง เมื่อวานข้าให้ร็อคกี้ไปดูที่ชายป่ามาแล้วแต่ไม่เจอ เฮ้ย! ถ้าไม่ถูกเสือถูกหมาคาบไป พวกองค์ชายก็คงจะเก็บไปแล้ว”
“แหง...” คนฟังถึงกับร้องคร่ำครวญ “สาเหตุข้อหลังนี่ข้าพอจะรับได้ แต่ข้อแรกเนี่ยออกจะโหดไปหน่อย แล้วอย่าให้รู้นะว่าไอ้หมาไอ้เสือตัวไหนมันคาบไป แม่จะจับมาแร่เนื้อทำลูกชิ้นซะนี่หรอก หนอย....ไม่รู้จักเจ้าแม่ซะแล้ว”
เธอตบโต๊ะด้วยท่าทางจริงจัง แต่เหมือนแรงจะมากเกินไป เพราะมีดสั้นที่วางอยู่บนโต๊ะถึงกับหล่นลงไปเลยทีเดียว
“เดี๋ยวข้าเก็บเอง”
ซาเนียย่าเอ่ย พลางก้มลงเก็บมีดสั้น แต่พอเงยหน้าขึ้นก็ดันไปเห็นใครบางคนที่ไม่คิดจะเจอเข้า ทำเอานักฆ่าสาวถึงกับเหงื่อตกรีบหลบหน้าทันที
“นี่แผนของหัวหน้าหรือเปล่า” หญิงสาวถาม แต่เซ็นซังส่ายหน้า เธอจึงเอ่ยต่อ “แล้วทำไมองค์ชายถึงมาอยู่ที่นี่กับองค์ชายโยเซฟที่นี่ละ ซาคานก็ไม่อยู่ด้วย”
เซ็นซังขมวดคิ้ว พอลองชะโงกหน้าไปดูบ้าง ก็เจอดราฟกับโยเซฟจริงๆ ไม่ผิดตัวแน่ ใบหน้าของเขาดูจริงจังขึ้นมาทันที
“ข้าว่าเรารีบกลับกันเถอะ ลางไม่ดีแล้ว”
ซาเนียย่าพยักหน้ารับ เซ็นซังจึงวางเงินไว้บนโต๊ะก่อนที่ทั้งสองจะเดินออกไปโดยที่ให้เขาแกล้งเดินโอบเธอเอาไว้ แต่ว่ามันก็ยังไม่พ้นอยู่ดี...
“โทษทีพี่ชาย”
เสียงเรียบๆ ดังขึ้นจากดราฟ ทำเอาทั้งซาเนียย่าและเซ็นซังที่ยืนหันหลังให้อยู่ใจหายทันที
“มีอะไรให้ช่วยหรือไอ้น้อง”
เซ็นซังตอบกลับไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ส่วนซาเนียย่าก็แกล้งตีสีหน้าเข้าโหมดสาวน้อยผู้อ่อนโยนอีกครั้ง
ดราฟถึงกับชะงักไปทันทีที่เห็นเธอ ดวงตาสีมรกตหรี่ลงมองเธออย่างไม่เชื่อสายตา
“แม่นางใช่คนที่ถูกโจรชิงกระเป๋าเมื่อเจ็ดวันก่อนหรือไม่”
หญิงสาวพยักหน้ารับ ก่อนแสร้งทำเป็นสีหน้าตกใจ
“หรือว่าท่านคือ...”
ก่อนที่ซาเนียย่าจะทันได้พูดอะไร มือของดราฟก็พุ่งขึ้นมาปิดปากเธอไว้เสียก่อน พลางกระซิบเบาๆ
“ข้าไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าข้าคือใคร”
หญิงสาวพยักหน้างึกๆ ดราฟจึงค่อยปล่อยมือออก
“ว่าแต่ทำไมเจ้าถึงได้มาอยู่ที่นี่”
ซาเนียย่าเหลือบมองเซ็นซังแวบหนึ่ง ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
“พวกมันปล่อยข้ามาเพคะ หลังจากนั้นข้าก็เจอกับพี่ชาย เลยได้ปลอดภัยกับบ้าน”
เซ็นซังส่งสายตาไม่พอใจไปยังคนมีศักดิ์เป็นองค์ชายทันทีเหมือนกับพี่ชายจอมหวงน้องสาว ก่อนเอ่ยเสียงแข็ง
“ท่านเรียกข้ามามีอะไร”
“อ้อ!” โยเซฟร้องขึ้นเหมือนเพิ่งนึกได้ เขาชำเลืองสายตามองซาเนียย่าทีหนึ่งก่อนเอ่ยต่อ “พวกข้าแค่อยากจะรู้ว่าแถวนี้พอจะมีโรงแรมเล็กๆ เป็นส่วนตัวที่พอจะพักได้บ้างหรือเปล่า”
“เรื่องนั้นข้าไม่รู้หรอก ขอตัวก่อน”
เซ็นซังเอ่ยปฏิเสธอย่างไม่กลัวอาญา ก่อนจะดันหลังซาเนียย่าให้รีบเดินต่อไป ทันทีที่ออกมาพ้นจากสายตาของดราฟและโยเซฟ พวกเขาก็ถึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกทันที
“เกือบไปแล้วไหมละ หัวหน้านี่กล้าจริงๆ ดันไปทำหน้าแบบนั้นกับองค์ชายได้” ซาเนียย่าบ่นอุบ
“แล้วเจ้าจะให้ข้าทำท่าเห็นดีเห็นงามที่เขามาล่วงเกินเจ้าหรือไร แบบนั้นยิ่งผิดสังเกตเข้าไปใหญ่นะสิ”
ซาเนียย่าไม่ตอบ มือบางยกขึ้นลูบริมฝีปากที่เคยถูกมือของดราฟปิดเอาไว้อย่างเบามือ สัมผัสที่เคยได้รับช่างแผ่วเบาแต่ล้ำลึกในความทรงจำ
“พร้อม!!”
“พร้อม!!”
“พร้อม!!”
เสียงของบรรดาสมาชิกนักฆ่ากลุ่มกุหลาบดังส่งเสียงร้องด้วยความฮึกเหิมขณะเก็บอาวุธที่จำเป็นต้องใช้เข้าที่ ตอนนี้ทุกคนอยู่ในชุดเสื้อหนังกับกางเกงรัดรูปสีดำสนิท กับผ้าคลุมหน้าสีเดียวกัน
ซาเนียย่ามองเพื่อนร่วมทีมทุกคนด้วยหัวใจที่พวงโต มือบางคลำอยู่ที่มีดสั้นเล่มโปรดที่เหน็บอยู่ที่เอวเหมือนกับต้องการจะให้มันให้กำลังใจเธอด้วยอีกคน เพราะงานวันนี้จะเป็นงานชิ้นแรกที่เธอรับฆ่าคนโดยเฉพาะ แถมคนๆ นั้นยังเป็นคนสำคัญเสียด้วยสิ
ก่อนออกจากโกดัง เซ็นซังกำชับ (ขู่เข็ญเล็กน้อย) ให้พ่อบ้านจัดการเผาเอกสารทุกอย่างทิ้งหากว่าพวกเขาไม่กลับมาภายในรุ่งสาง เพราะไม่งั้นเอกสารพวกนี้อาจจะเป็นหลักฐานมัดตัวพวกเขาในภายหลังก็เป็นได้
ทุกคนขึ้นม้าประจำตัวก่อนที่จะแยกย้ายเข้าป่าด้านหลังโกดังกันไปคนละทิศละทาง และไปผูกม้าไว้ที่ชายป่าด้านหลังวัง แล้วจึงกลับมารวมตัวกันใหม่อีกครั้ง
“ย้ำอีกครั้งนะ งานนี้ถ้าไม่ฉุกเฉินจริงๆ ห้ามไม่ให้ล้ำหน้าที่กันเด็กขาด ร็อคกี้ พริมซ์จะเป็นคนดูต้นทาง ส่วนซาเนียกับมารี่จะมากับฉัน ถ้าเกิดซาคานมาขัดขวางให้มารี่กันออกไปให้ได้ และฉันกับซาเนียจะเป็นคนลงมือเอง”
เซ็นซังสั่งกำชับทุกคนด้วยน้ำเสียงเข้ม แม้จะรู้ดีพวกเขาเป็นมืออาชีพกันอยู่แล้วก็ตาม หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกลับไปประจำหน้าที่ทันที
ร็อคกี้และพริมซ์เดินนำทุกคนเข้าไปเป็นกลุ่มแรก โดยมีซาเนียย่าและมาริเอะเดินตามหลังเซ็นซังมาด้วยฝีเท้าที่เบากริบ ทั้งหมดเดินลัดเลาะไปตามแนวเสาหิน บางทีก็ต้องหลบเข้าไปในเงาของอาคารเมื่อมีทหารยามเดินผ่าน จนกระทั่งในที่สุดก็เดินมาถึงตำหนักสามฤดูขององค์ชายรัชทายาทจนได้
“หน้าทางเดินสองคน”
พริมซ์กระซิบ แต่ก็ดังพอให้ทุกคนได้ยิน ก่อนที่เธอแล้วร็อคกี้จะกระโดดเข้าไปด้านหลังทหารยามเฝ้าทางเดินทั้งสองนายแล้วหักคอทิ้ง ปล่อยให้อีกสามคนเดินต่อไปอย่างสบายใจเพราะว่าวันนี้องค์ราชาเสด็จประพาสป่า ทหารยามจึงลดน้อยลงไปตั้งครึ่งหนึ่ง
“ทีนี้ก็เหลือแค่หน้าประตู”
พริมซ์พึมพำด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันเหมือนกับทุกทีเวลาปฏิบัติงาน และก่อนที่ร็อคกี้จะทันได้ทำอะไร ดาวกระจายก็ถูกส่งจากนักฆ่าสาวไปปักคอทหารยามหน้าประตูจนทรุดลงไปกับพื้นทันที
“จุ๊ๆๆ เก็บงานให้ดีๆ หน่อย” ร็อคกี้ส่ายหน้ามองเลือดที่ไหลนองออกมาจากบาดแผลที่ต้นคอ ก่อนหันไปเปิดประตูห้องทรงงานให้พวกเซ็นซัง
....
ว่างเปล่า!! ห้องทรงงานอันมืดสลัวว่างเปล่าไร้วี่แววของดราฟแม้แต่น้อย ทั้งที่บนโต๊ะยังมีกองเอกสารตั้งไว้เป็นกองๆ กับรอยหมึกที่ยังไม่แห้งดี แสดงว่าเขาเพิ่งจะออกไปได้ไม่นาน...แล้วเขาจะออกไปทางไหนได้ ในเมื่อทางเข้าก็มีเพียงแค่ทางเดียวเท่านั้น
“มองหาข้าอยู่หรือเปล่า”
ทุกคนรีบหันกลับไปมองด้านหลังทันที
ประตูห้องทรงงานค่อยๆ ปิดลงพร้อมกับชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ที่ก้าวออกมาจากหลังบานประตู ใบหน้าที่รอยรอบด้วยเรือนผมสีดำสนิทยามนี้เรียบไม่แสดงอารมณ์ หากแต่นัยน์ตาสีมรกตกลับฉายประกายกล้า เขาค่อยๆ ชูหยกรูปหงส์สีขาวขึ้นสูงก่อนจะเก็บมันกลับไปไว้ในอกเสื้อเช่นเดิม
“หยกชิ้นนี้คงเป็นของพวกเจ้าสินะ”
...เงียบ ไม่มีใครตอบรับ ซาเนียย่าได้แต่เม้มริมฝีปากแน่นพลางชำเลืองมองมือของเซ็นซังที่ค่อยๆ เลื่อนไปกุมอยู่ที่มีดสั้นข้างเอวเป็นสัญญาณให้เตรียมตัว
“ที่ให้เจ้าหัวขโมยนั่นมาขโมยของต่อหน้าข้าก็เพื่อจะประเมินฝีมือของฝ่ายข้า แม่นางวันนั้นก็คงจะเป็นคนของพวกเจ้าด้วยละสินะ แต่คิดว่าการที่หยกชิ้นนี้มาอยู่กับข้า...คงจะอยู่นอกเหนือจากความคาดหมายของพวกเจ้ากระมัง”
“พอเถอะองค์ชาย...ชะตาจะขาดยังไม่รู้ตัว”
เซ็นซังเอ่ยเบาๆ ก่อนจะพุ่งทะยานเข้าหาดราฟที่ใช้สันมือฟาดเข้าที่ข้อมือของนักฆ่าหนุ่มเพื่อเปลี่ยนทิศทางของมีด ทั้งสองพลัดกันรุกพลัดกันรับสลับไปสลับมาโดยไม่มีใครยอมอ่อนให้ใคร
แม้ว่าการพุ่งเข้าห้ำหั่นซึ่งๆ หน้าแบบนี้จะไม่ใช่วิธีที่ดีนักสำหรับนักฆ่า แต่ในเมื่ออีกฝ่ายรู้ตัวแล้วก็คงจะไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้อีกแล้ว เพราะรังแต่จะทำให้เสียเวลาไปเสียเปล่าๆ
ฝ่ายซาเนียย่าและมาริเอะที่ถอยออกมายืนดูห่างก็ตั้งท่าเตรียมพร้อมเข้ารุมองค์ชายทุกเมื่อหากมีโอกาส หากแต่ก็ต้องคอยระแวงระวังภัยให้กับเซ็นซังด้วย เพราะตั้งแต่เข้ามาที่นี่พวกเธอยังไม่เห็นเงาของซาคานเลย และนั่นก็ทำให้ฝ่ายเธอเสียเปรียบด้วยเช่นกัน
ตึก ตึก ตึก อั๊ก!!!
เสียงการต่อสู้ที่ดังมาจากด้านนอก ทำให้รู้ว่าตอนนี้พวกทหารองครักษ์กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ ซาเนียย่าหันรีหันขวางไม่รู้ว่าจะอยู่ดูสถานการณ์ที่นี่ต่อไปหรือออกไปช่วยพริมซ์กับร็อคกี้ที่ด้านนอกดี
“เจ้าอยู่นี่แหละ ข้าออกไปเอง”
มาริเอะเอ่ยขึ้นในที่สุด หญิงสาวผลักบานประตูห้องให้เปิดออกก่อนจะทะยานออกไป แต่ไม่นานก็ถูกถีบกลับเข้ามาอีกครั้ง
“พี่มารี่”
ซาเนียย่าร้องเสียงหลง รีบวิ่งเข้าไปพยุงรุ่นพี่สาวนักฆ่าให้ลุกขึ้น ทว่าเงาของใครบางคนที่ทาบทับลงมาบนตัวของพวกเธอทำให้หญิงสาวต้องเงยหน้าขึ้นมอง...มันเป็นใบหน้าของใครบางคนที่แสนจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี
“ร็อคกี้”
เธอร้องเสียงหลง มองใบหน้าของเพื่อนร่วมทีมด้วยความฉงน ในมือของเขาข้างหนึ่งมือขวานเอาไว้ แต่อีกข้างกลับลากร่างของพริมซ์ที่เต็มไปด้วยบาดแผลเข้ามาในห้องทรงงาน
“ว่าไงแม่ตัวดี”
ร็อคกี้เอ่ยทักซาเนียย่าที่กำลังตกตะลึงด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน กวาดสายตามองรอบห้องเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่างก่อนหยุดลงที่ดราฟ เขาทิ้งร่างของพริมซ์ลงบนพื้นอย่างไม่แยแสแล้วจึงเดินตรงไปใช้ด้ามขวานตบเซ็นซังจนเขากระเด็นไปชนผนังห้องเลยทีเดียว
มาริเอะที่พยายามห้ามเลือดบนบาดแผลของพริมซ์ได้แต่กัดฟันกรอด แต่ตอนนี้แค่จะลุกขึ้นยืนยังลำบากเสียด้วยซ้ำ
“หยุดนะไอ้สวะ”
ซาเนียย่าร้องเสียงดังลั่นห้องพร้อมกับวิ่งเข้าไปกั้นระหว่างดราฟและร็อคกี้เอาไว้ ทั้งๆ ที่เป็นห่วงทุกๆ คน แต่ว่าตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องหยุดร็อคกี้ไว้ให้ได้
“โอ้! อะไรกันนี่” ดราฟเอ่ยเบาๆ แต่แฝงไว้ด้วยความสมเพชยามมองเหล่านักฆ่าที่ตอนนี้ค่อยๆ ทรุดลงไปนอนกับพื้นทีละคน
“หักหลังกันเองรึไง”
ซาเนียย่าชะงักกึก เธอไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ดราฟพูดนักหรอก แต่ก็ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันตอนนี้มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
...ร็อคกี้หักหลังพวกเธอ เขาทำร้ายพริมซ์ มาริเอะ กับเซ็นซัง และตอนนี้เขาก็อาจจะทำร้ายเธออีกคนเพื่อจะได้ตัวของดราฟไป
“คิดว่าทำแบบนี้แล้วฉันจะหยุดหรือไง ยัยซาเนีย”
ร็อคกี้ตวาดดังลั่น เขาทิ้งขวานลงพื้น กระชากผ้าคลุมหน้าทิ้งจนเห็นใบหน้าที่แท้จริง ก่อนชักมีดยาวออกมาจากเอว
ซาเนียย่าก็ไม่ยอมเช่นกัน เธอดึงกริชยาวออกมาจากต้นขาและยกขึ้นขู่ชายตรงหน้า
“แกมันไอ้สวะ”
“แล้วนึกว่าจะหยุดไอ้สวะอย่างข้าได้รึไง ข้าไม่โง่เหมือนพวกเจ้าที่รับใช้แต่โพธิ์ดำยอมให้มันใช้งานไปจนตายหรอกโว้ย เพราะถ้าฆ่าไอ้องค์ชายนี่แล้วเอาไปให้โพธิ์แดง ข้าก็จะได้เงินได้ทอง แล้วออกไปจากไว้วงการนรก นี่เสียที...ไม่มีใครหยุดข้าได้หรอกโว้ยยย!!!”
“แล้วถ้าเป็นข้าละ”
น้ำเสียงที่เยือกเย็นราวพญามัจจุราชดังสะท้อนก้องไปทั้งห้อง เสียงฝีเท้าหนักๆ ที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ทุกคนต้องรีบหันหลังกับไปทางประตู ก็พบกับบุคคลที่เหล่านักฆ่าอย่างพวกเขาหวั่นเกรงมากที่สุด
....คนในชุดคลุมสีดำสนิทขลิบทองก้าวเดินเข้ามาด้วยท่าทางองอาจ เบื้องหลังของเขามีชายร่างสูงสีคนในชุดคลุมแบบเดียวกันทว่าถือเคียวด้ามยาว พวกมันคือยมทูตแห่งนรก....
“โพธิ์...โพธิ์ดำ”
ร็อคกี้ร้องเสียงหลงราวกับเป็นคนละคนกับเมื่อครู่ เรียกเสียงหัวเราะจากจากเจ้าของชื่อได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
“จัดการ”
สิ้นเสียงอันเยือกเย็นของโพธิ์ดำ เหล่ายมทูตดำทั้งสี่ตนต่างก็ดาหน้าเข้ามาทันที ทิ้งให้นายใหญ่ยืนรอดูผลงานอยู่ที่หน้าประตู หากแต่พวกมันไม่ได้จัดการกลับดราฟ แต่กลับเป็นพวกเธอต่างหาก
เคียวเล่มใหญ่ของยมทูตตนแรกปักลงที่กลางหน้าหกของร็อคกี้อย่างไม่ปรานี มาริเอะกับพริมซ์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ รีบถอยหนี แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นเงื้อมมือมัจจุราชไปได้
ยมทูตตนหนึ่ง คว้าคอเสื้อของพริมซ์ที่พยายามคลานหนีเหวี่ยงไปชนโครมกับโต๊ะทำงานจนล้มระเนระนาด แต่ก่อนที่จะมีใครเป็นรายต่อไป เสียงอันทรงอำนาจก็ดังก้องทั่วห้อง
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
เป็นซาคานนั่นเอง องครักษ์ลึกลับที่หาดหน้าไปนานโผล่ออกมายืนอยู่ที่ด้านหลังของโพธิ์ดำ มือภายใต้ผ้าคลุมตวัดขึ้นตบหัวหน้าองค์กรนักฆ่าจนล้มลงไป
“แก...”
โพธิ์ดำส่งเสียงกราดเกรียว หากแต่ซาคานกลับไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว องครักษ์หนุ่มตรงไปตวัดดาบเข้าที่คอของยมทูตดำจนล้มลงไปหนึ่ง
“ฮะฮ่าๆๆ” เซ็นซังหัวเราะเบาๆ เหมือนคนเสียสติ พลางมือพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นด้วยความยากลำบาก
...นี่มันอะไรกันนี่...ร็อคกี้ทรยศไปเข้าข้างโพธิ์แดง โพธิ์ดำโผล่ขึ้นมาพร้อมกับยมทูตดำก็จะฆ่าพวกเขาทุกคน แล้วจู่ๆ ซาคานก็เข้ามาช่วยไว้ทันเวลาพอดี...นี่มันอะไรกัน???
“ฮ่าๆๆ อั๊กกก!!!”
เซ็นซังร้องออกมาเบาๆ มองยมทูตดำตรงหน้าแล้วจึงก้มลงมองเคียวปลายแหลมที่ปักอยู่ที่ท้องของตนก่อนที่มันจะถูกดึงออก และยมทูตตนนั้นก็ถูกซาเนียย่าฆ่าตายไป
“หัวหน้า”
มาริเอะและซาเนียย่าต่างถลาเข้ามาหาเซ็นซังที่ทรุดลงไปในกับพื้นอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง
ดราฟที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ในสายตาของเขามีเพียงแต่โพธิ์ดำเท่านั้น ทั้งคู่จ้องหน้ากันไปมา บางครั้งก็เหลือบไปมองการต่อสู้ของซาคานกับยมทูตบ้างเป็นบางที ราวกับว่ากำลังมองเบี้ยของตนอยู่ก็เท่านั้น
เพราะนี่คือศึกศักดิ์ศรีระหว่างโพธิ์ดำและองค์ชายรัชทายาทโดยใช้คนของตนเป็นเครื่องพิสูจน์
ซาเนียย่าพยุงร่างอันไร้เรี่ยวแรงของเซ็นซังให้พิงพนังเอา ในใจนึกแค้นร็อคกี้...แค้นโพธิ์ดำ ทั้งๆ ที่พวกเธอก็ทำงานให้กับเขา แล้วทำไม...แล้วทำไมถึงต้องมาฆ่ามาแกงกันด้วย
ใช่แล้ว!! ในเมื่อเขาฆ่าพวกเธอ ทำร้ายพวกเธอ แล้วทำไมถึงปล่อยพวกมันไปละ....ต้องฆ่าเท่านั้น!!
“พี่มารี่ ข้าฝากหัวหน้าด้วยนะ”
หญิงสาวเอ่ยก่อนจะคว้ากริชแล้วลุกขึ้นยืน ทะยานตรงไปยังโพธิ์ดำที่ยืนอยู่เพียงคนเดียวไร้ยมทูตคอยระวังภัยให้เหมือนทุกที
“ตายซะเถอะแก...”
หากแต่มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด แม้จะไม่มียมทูตอยู่ แต่ฝีมือของโพธิ์ดำก็ไม่ได้ด้อยเลย เขาจับข้อมือของนักฆ่าสาวที่คิดทำร้ายตนแล้วจับล็อคแขนไว้
“ชิ นางตัวแสบ คิดจะกำแหงกับข้ารึ”
“แล้วพวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรถึงได้มาฆ่าพวกข้า” ซาเนียย่าตะโกนถามกลับด้วยใจที่ร้อนรุ่มดังไฟสุม
“สิทธิ์อะไรรึ ก็สิทธิ์เหนือชีวิตของพวกเจ้าไง”
สิ้นเสียงอันเยือกเย็น อะไรมาอย่างที่แหลมคมก็แทงเข้าที่อกของเธอจนมิด ความรู้สึกผิดหวัง ท้อแท้ทำไว้เย็นวาบไปทั้งร่างกาย
เพียงเท่านี้เองหรือ??? นี่เธอมาได้เพียงแค่นี้เองนะหรอ ตลอดชีวิตที่สู้ดิ้นรนมาเพื่อความอยู่รอด ผลสุดท้ายก็มาสิ้นสุดแค่ตรงนี้เองนะหรอ
นัยน์ตาสีน้ำตาลเริ่มพร่ามัวเพราะหยาดน้ำตาแห่งความสิ้นหวัง ลมหายใจเริ่มรวนริน สติเริ่มพร่าเลือน ก่อนการการรับรู้จะสิ้นสุดลงที่เสียงร้องอันโหยหวนของมาริเอะที่ยังดังก้องในใจ
ลาก่อน...พี่มารี่ หัวหน้า พริมซ์
ขอโทษ...ที่ทำได้เพียงเท่านี้
เสียใจ...ที่ต้องมาตายที่นี่
และดีใจ...ที่ได้ตายพร้อมกับทุกคน
ความคิดเห็น