คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : กัด...ไม่ปล่อย
บทที่ 17 : กัด...ไม่ปล่อย
เกมบางเกมเราต้องค่อยๆ เล่นให้เหยื่อตายใจ แล้วค่อยตะปบทีเดียว...
แต่ถ้าต่างฝ่ายต่างเห็นไส้กันละ??
ทีนี้มีอะไรก็คงต้องงัดออกมา
...........................
รถม้าคันใหญ่ที่กำลังแล่นลัดเลาะไปตามป่าที่ป่าละเมาะ ม้าสีดำตัวใหญ่อ้วนพีลากไปด้วยความเร็วคงที่ มีเงาสีดำนับสิบพุ่งตามราวกับเป็นหุ่นยนต์องครักษ์ที่ไม่รู้จักเหนื่อย
“อ๊ากกกก...”
เสียงร้องดังโหยหวนดังออกมาจากภายในรถม้าทำเอาทั้งคนติดตามและม้าสะดุ้งโหยงแต่ก็ไม่มีใครหยุด ทุกอย่างยังคงเดินต่อไป
“ทำไม..พลังของข้า พลังของท่าน ทำไมเจ้าองครักษ์บ้านั่นถึงช่วยนางได้ ทำไม...”
เสียงอะไรบางอย่างดังแว่วเข้ามาในโสตประสาทปลุกให้ซาเนียย่าจำต้องลุกขึ้นจากที่นอนทั้งๆ ที่ยังง่วงอยู่ แต่พอลุกขึ้นมาภายในห้องนอนก็ว่างเปล่า มีเพียงร่างของมาริเอะที่ยังฟุบหลับอยู่บนเก้าอี้ไม้ข้างเตียง นอกหน้าต่างท้องฟ้าก็โปร่งไร้เงาเมฆฝน แถมที่กิ่งไม้ก็ไม่มีนกสักตัว
“หูฝาดหรอ แย่จริง” ซาเนียย่าพึมพำพลางเดินไปปลุกมาริเอะให้ตื่น อันที่จริงเรื่องนี้มันเป็นเรื่องง่ายยิ่งกว่าปลอกกล้วยเข้าปากเสียอีก เพราะการเป็นนักฆ่าทำให้พวกเธอเป็นประเภทนอนง่ายตื่นง่าย
หลังจากสองสาวจัดการกับตัวเองเสร็จก็เดินออกไปสบทบกับคนอื่นๆ ที่ห้องอาหาร ทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียดไม่น้อยเลยทีเดียว แต่พอเห็นพวกเธอเดินเข้ามาก็ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร (ยกเว้นดราฟกับซาคานที่นิ่งเหมือนเดิม)
“แหะๆ ตื่นเช้ากันจัง” ซาเนียย่าเอ่ยแก้เก้อเมื่อเห็นสายตาหลายคู่จ้องมองมายังเธอ
“ใครจะเหมือนเจ้าละ” ดราฟเอ่ยประชดประชันเมื่อพวกเธอนั่งลง “ข้าจับการบอกแผนให้ทุกคนรู้หมดแล้ว”
“อ้าว! อะไรกัน ไม่มีปรึกษาเลยนะ แบบนี้มันคอมมิวนิสชัดๆ” เธอโวย แต่เหมือนจะไม่ได้จะไม่มีใครสนใจเพราะดราฟยังคงเอ่ยต่อไป
“เอาตามที่ข้าบอก ให้ทุกคนกลับไปประจำที่เผ่าก่อน ท่านสมุหนายก ท่านจงไปที่หมู่บ้านภูติแสง” บุคคลตามรายชื่อพยักหน้ารับแล้วรีบออกจากบ้านตนไม้เดินทางทันทีราวกับว่านี่เป็นเรื่องเร่งด่วนมาก “ส่วนท่านตุลาการและท่านหญิง ให้ไปที่หมู่บ้านการ์เดี้ยนแห่งไทม์ และเตรียมคนไว้ให้พร้อม”
“เพคะ/พะยะค่ะ”
ตุลาการหนุ่มกับหญิงชราตอบรับก่อนจะลงรอกสิ่งของไปข้างล่าง ทำให้ตอนนี้ในห้องเหลือเพียง ซาเนียย่า มาริเอะ ดราฟ ซาคาน โยเซฟ สมุหกลาโหม หมอสาวและเจอโรมเท่านั้น
ซาเนียย่าไล่มองสมาชิกที่เหลือทีละคน เธอเองก็รู้อยู่ว่าคนที่ยืนอยู่ในห้องนี้ล้วนมีความสำคัญที่ต้องดำเนินแผนการทั้งหมด แต่ดูเหมือนมันจะเยอะเกินไป...ต้องกำจัดทิ้งเสียบ้าง
“ข้าว่าเราต้องเอาคนออก แปดคนมากไป”
“ฮะๆ แม่หนูนี่พูดถูก” เจอโรมตบโต๊ะชอบอกชอบใจ “ตัวอย่างเช่นข้าเป็นต้น ให้ข้าอยู่ที่นี่ละกันนะ สบายดี ฮ่าๆๆ”
“ไม่ได้”
ทุกคนร้องขึ้นพร้อมกันจนคนเป็นราชาถึงกับสะดุ้งโหยง
“คนที่สมควรออกจากคณะเดินทางควรจะเป็นข้าสองคนมากกว่าฝ่าบาท” สมุหกลาโหมชี้มาที่ตนเองและหมอสาว “ข้าจะเตรียมกองกำลังนอกเมืองไว้ให้พร้อมที่สุดและส่งทหารหน่วยลาดตระเวนออกไปหาข่าวในทุกสถานที่”
“ส่วนข้า” หมอสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น “จะระดมหมอหลวงกระจายไปตามทุกๆ หมู่บ้านเพื่อเตรียมพร้อมหากเกิดการเสียเลือด และจะส่งหมอฝีมือดีๆ ไปประจำอยู่ในกองทหารทุกหน่วย องค์ชายทรงวางพระทัยได้เลยเพคะ”
“หมอทุกคนต้องฝีมือดีนะท่าน” ซาเนียย่าเน้น “ถ้าจะให้ดีต้องเป็นคนจากชนเผ่าแสงที่ใช้เวทย์แสงได้ดีด้วย พวกเงานะน่ากลัวจะตาย”
หมอสาวไม่ตอบแต่กลับมองเธอด้วยสายตาหยิ่งยะโสไม่ชอบใจ “ไม่ต้องให้เจ้ามาบอกข้ากับเรื่องแค่นี้หรอก” เอ่ยจบก็รีบลากสมุหกลาโหมลงไปจากบ้านต้นไม้ท่ามกลางสายตาสงสัยของซาเนียย่าว่าทำอะไรผิด
“เอาละๆ ข้าว่าท่านพี่ควรจะออกเดินทางได้แล้วนะ ข้าขออาสาอยู่ที่นี่เอง เพื่อเกิดอะไรขึ้นข้าจะได้สั่งการพวกขุนนางแทนไปก่อน” โยเซฟเสนอซึ่งทุกคนก็ไม่ขัด
หลังจากจัดการเตรียมอาหารแห้งและของที่จำเป็นใส่ในย่ามเรียบร้อยแล้ว ซาเนียย่าและมาริเอะก็เป็นคนเดินนำทุกคนไปโดยอ้างว่าที่นี่พวกเธอเป็นเจ้าถิ่น จะไปไหนมาไหนก็ชำนาญกว่าคนอื่นๆ
มาริเอะเสนอให้ทุกคนเดินทางโดยใช้เรือไปลงที่เกาะแดนใต้แล้วหลังจากนั้นจึงค่อยเข้าไปที่หมู่บ้านและหาซื้อม้าเพื่อไปต่อยังหมู่บ้านหุบเขาไร้ตะวันซึ่งตัดขาดจากโลกภายนอกและอยู่ในป่าดงดิบที่ทั้งลึก มืด และน่ากลัว
เธอเลือกที่ซื้อเรือลำไม่ใหญ่ไม่เล็ก มีหลังคาคลุมลงมาทำเป็นเหมือนบ้านหลังเล็กๆ ภายในมีห้องนอนอยู่สามห้อง ห้องอเนกประสงค์อีกหนึ่ง และคนพายสองคนจากท่าเรือเมืองฟรอนเต้โดยใช้ในนามของกลุ่มการค้าเสรี และจัดการยัดเงินปิดปากพวกนายหน้าขายเรือเป็นที่เรียบร้อย
“อ่า...สบายจังเลยพี่ นานๆ ทีจะได้นั่งเรือดีๆ แบบนี้” ซาเนียย่ายิ้มร่าพลางหย่อนก้นลงบนกราบเรือที่โคลงเคลงไปมายามเมื่อเรือเริ่มลอยลัดเลาะแม่น้ำสายเล็กๆ ที่ผู้คนไม่ค่อยได้ใช้เพื่อไม่ใช่พวกเขาดูสะดุดตาเกินไปนัก
“เจ้านี่จริงๆ เลย เรามาทำงานนะ ไม่ใช่มาเที่ยว” มาริเอะดุรุ่นน้องสาวพร้อมกับนั่งลงข้างๆ ส่วนดราฟ ซาคาน และเจอโรมนั้นเข้าไปพักอยู่ในห้องนอนเป็นที่เรียบร้อย โดยแบ่งห้องให้ห้องหนึ่งเป็นขององค์ราชา อีกห้องเป็นขององค์ชายและองครักษ์ ส่วนห้องสุดท้ายก็ต้องเป็นของสองนักฆ่าสาว
ซาเนียย่ายิ้มน้อยๆ มองสองข้างทางที่บ้านเรือนเริ่มน้อยลงและถูกแทนที่ด้วยต้นไม้สูงใหญ่จนเหมือนพวกเธอกำลังล่องเรือเข้ามาในป่าก็ไม่ปาน มีกิ่งไม้โค้งลงมาชนกันทั้งสองฝากฝั่งจนดูเหมือนซุ้มต้นไม้จนแสงแทบจะผ่านมาไม่ได้ แถมยังมีหมอกขุ่นๆ มาขวางทัศนวิสัยอีกต่างหาก
“พี่! ข้ารู้สึกแปลกๆ” หญิงสาวเอ่ยเบาๆ ให้ได้ยินเพียงแค่สองคน ซึ่งดูเหมือนมาริเอะก็จะรู้สึกแบบเดียวกัน พวกเธอต่างหันไปมองรอบตัวอย่างระแวดระวังภัย คิดอยากจะส่งสัญญาณบางอย่างให้พวกดราฟที่อยู่ในเรือแต่ก็กลัวว่าคนที่อาจจะแอบอยู่มุมไหนของเรืออาจจะรู้ตัวเข้า
“เรือออกนอกเส้นทาง” มาริเอะพึมพำเบาๆ พร้อมกับที่ทั้งสองกระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนหลังคาเรือ ซาเนียย่ามองไปยังที่หัวเรือ ฝีพายทั้งสองคนยังคงทำหน้าที่ตามปกติ
ฟิ้ว!!
ซาเนียย่าปามีดสั้นสองเล่มออกไป ฝีพายทั้งสองหันควับมาทางมีดพร้อมกับใช้ไม้พายยันเรือและกระโดดหมุนตัวหลบก่อนจะพุ่งกระโจนมาหาสองสาว ระหว่างนั้นพวกมันก็กลายร่างกลายเป็นลูกอะไรสีดำๆ ก่อนจะมีผ้าคลุมสีดำออกมาห่อหุ้มตัวเองจนมองไม่เห็นหน้า
“ยมทูตดำ”
สองสาวร้องลั่นจนพวกหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่อยู่ในเรือรีบออกมาดูกันใหญ่ พอเห็นว่ามีศัตรูมาเยือนทุกที่ก็รีบชักดาบออกมาเตรียมสู้
“คุ้มครององค์ราชา” ซาคานตะโกนก้อง ซาเนียย่าก็รู้หน้าที่ตัวเองดีรีบผละจากการต่อสู้กระโจนเข้าไปคว้าตัวเจอโรมเข้าไปในตัวเรือและปิดประตูลงกลอนทันที
“นี่มันอะไรกันแม่หนู” เจอโรมร้องถามระหว่างที่เธอพาเขาเข้ามาหลบอยู่ในห้องนอนห้องหนึ่ง แถมยังปิดประตูทุกบานอีกต่างหาก “พวกมันมาได้ไง”
“พวกเราถูกหลอก เรือลำนี้เป็นของเงา พวกมันแฝงตัวมา” ซาเนียย่าตอบพลางกดหัวคนเป็นราชาให้ไปหลบอยู่ใต้เตียง แต่กลับต้องรีบดึงเขาออกมาเมื่อได้ยินเสียงร้องกรี๊ซๆ ของสัตว์ร้าย
หญิงสาวสบถทันทีเมื่อเห็นเจ้าสัตว์ร้ายที่รูปร่างเหมือนแมวน้ำตายซากคลานออกมาจากใต้เตียง เธอผลักให้เจอโรมให้ไปอยู่ด้านหลังก่อนจะปักดาบลงที่กลางลำตัวของมัน
กรี๊ซซซ!!
มันกรีดร้องลั่นก่อนแน่นิ่งสลายกลายเป็นควันสีดำๆ หายออกไปทางช่องระบายอากาศ
ปังๆ
เสียงทุบประตูหน้าห้องที่เธอล๊อคเอาไว้ทำให้ทั้งสองหันกลับไปมองด้วยสายตาหวาดหวั่น แต่จู่ๆมันก็เสียงก็เงียบไป ทว่าซาเนียย่าไม่มั่นใจ เธอหันไปมองเจอโรมที่ในมือถือดาบยาวเป็นเชิงว่าให้เตรียมพร้อม
ฟู่...
ควันสีดำพวยพุ่งเข้ามาจากช่องว่างใต้ประตูก่อนจะมาประกอบกันรวมเป็นร่างในชุดคลุมสีดำที่ซาเนียย่ารู้จักเป็นอย่างดี
“ดีว่า”
นักฆ่าหนุ่มยิ้มน้อยๆ ให้กับซาเนียย่า ก่อนจะโค้งศีรษะแสร้งแสดงความเคารพต่อเจอโรมที่ยืนอยู่หลังเธอ
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ข้าได้เป็นคนเชิญตัวพระองค์ไป” ดีว่าเอียงคอเล็กน้อยเมื่อเห็นซาเนียย่ายกดาบขึ้นชี้มาทางเขา “เป็นไงบ้างเด็กน้อย คราวที่แล้วโดนพลังของท่านโหงพรายเข้าไปยังไม่เข็ดอีกหรือ”
ซาเนียย่าถอยไปจนชนกำแพงทันที ความกลัวจากการที่เคยเผชิญหน้ากับคนตรงหน้ากำลังทำให้เธอขลาด แต่ทว่าพอได้ยินเสียงหัวเราะเยาะเย้ยก็ต้องกัดฟันวิ่งเข้าใส่ทั้งที่มือนั้นสั่นจนแทบจะจับได้ไม่อยู่แล้ว
ดีว่าใช้มือเพียงข้างเดียวบิดข้อมือหญิงสาวข้างที่ถือดาบจนต้องยอมปล่อยดาบก่อนจะกระแทกเธอเข้ากับประตูเต็มแรง ส่วนมืออีกข้างก็ยกขึ้นสูง ทันใดนั้นร่างของเจอโรมก็ลอยหวือมาติดมือเขาทันที
“ไม่นะ” ซาเนียย่ากรีดร้อง พยายามเหลือบมองเจอโรมที่ดิ้นไปมาเมื่อถูกนักฆ่าหนุ่มบีบคอ ใบหน้าของเขาเริ่มเขียวขึ้นเรื่อยๆ เพราะขาดอากาศหายใจ
“เป็นอย่างไรเล่าเด็กน้อย” ดีว่ายิ้มกว้างจนเห็นฟันเรียงเป็นแถวโผล่ออกมาจากใต้ผ้าคลุม “เจ้าจะทำอะไรข้าได้”
“ไม่” ซาเนียย่าพึมพำทั้งน้ำตา มองเจอโรมที่ดิ้นพล่านอยู่กลางอากาศพยายามหาออกซิเจนหายใจ “อย่าทามมม....”
วาบ!!
ลำแสงสีขาวพุ่งออกมาจากปากที่กรีดร้องของหญิงสาว มันพุ่งเข้ากระแทกร่างของดีว่าจนลอยทะลุเรือจนเป็นรูปโผล่รูปตัวคนในขณะที่เธอได้แต่ยืนมองและอึ่งกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งทำไป
ลำแสงสีขาวนั่น...ช่างดูอบอุ่นและให้ความรู้สึกที่แปลกออกไปจากเวลาที่ใช้พลังของฟินิกซ์สีรุ้ง เธอสามารถบังคับมันได้ราวกับเป็นพลังของตัวเอง??
“เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เจอโรมถามหน้าเครียด ก่อนจะไอคอกแคกออกมา มือนวดลำคอที่เป็นรอยแดงของตนเอง
“มะ ไม่เพคะ” ซาเนียย่าตอบเหมือนไม่มั่นใจในคำตอบของตัวเองเช่นกัน นัยน์ตาสีน้ำตาลมองออกไปยังรูที่เธอเพิ่งสร้างก็เห็นเงาดำจำนวนมากมายกำลังคืบคลานขึ้นมาจากใต้ท้องเรือ
“งานหินเลยละคราวนี้” เจอโรมพึมพำก่อนจะเก็บดาบของตนเองที่อยู่บนพื้นขึ้นมา ทันใดนั้นมันก็เรืองแสงอ่อนๆ เหมือนไฟนีออนที่กำลังไฟน้อย แต่เมื่อเห็นซาเนียย่าส่งสายตามาทำนองว่าไปหลบซะเถอะ ก็รีบเอ่ยต่อทันที “ข้าก็เป็นไทม์คนหนึ่งนะแม่หนู อีกอย่าง...ข้ายังฟึดปึ๋งปั๋งอยู่เลยนะ”
“อะฮ่า ข้าก็ไม่ยอมแพ้พระองค์หรอก” ซาเนียย่าร้อง เริ่มนึกสนุกขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน มือกระชับดาบมั่นก่อนที่ทั้งสองจะพุ่งออกไปด้วยกัน
ดาบเรืองแสงของเจอโรมฟันเข้าใส่หมู่เงาที่เคลื่อนเข้ามาเหมือนไม่ได้ตั้งใจจะฟัน แต่กลับมีเสียงร้องดังโหยหวนออกมาจากหมู่เงาก่อนจะปรากฏร่างในชุดดำที่กำลังไหม้เกรียมจนดำเป็นตอตะโก ทำเอาซาเนียย่าที่มองอยู่ถึงกับเสียวสันหลังวาบ
“โอ้! ไม่ใช่เงากลายพันธุ์หรอกหรือนี่” เจอโรมอุทานก่อนจะดึงดาบออกมาจากร่างของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายและใช้ฟันเงาตัวต่อๆ ไปโดยใช้วิธีเดาสุ่มเหมือนอย่างเคย
ฝ่ายซาเนียย่าเองก็ใช้ดาบธรรมดานี่แหละฟัน แต่ผลที่ออกมากลับตรงข้ามกับเจอโรมโดยสิ้นเชิง เพราะนอกจากจะฆ่าเงาไม่ได้แล้ว พวกมันยังเข้ามารุมล้อมเธอเหมือนแมลงวันตอมอุนจิอีกต่างหาก จนเธอต้องใช้ม่านบาเรียของฟินิกซ์สีรุ้งเข้าคลุมตัวเองเอาไว้เพื่อไม่ให้พวกมันทำอะไรได้
“ทำไมนะ ทำไมเราถึงฟันมันไม่ได้” ซาเนียย่าพึมพำ มองมือทั้งสองข้างของตัวเองที่มีม่านบาเรียคลุมเอาไว้ “ใช่แล้ว! พลังของไทม์”
หญิงสาวร้องม่านบาเรียขึ้นมาอีกอัน คราวนี้เธอบังคับให้มันคลุมดาบเอาไว้ก่อนจะใช้มันลองฟันเงาตัวที่อยู่ใกล้ๆ ดู
อ๊ากกก!! เงาร้องลั่นแล้วรีบถอยร่นไปทันที ซาเนียย่ายิ้มอย่างพอใจ ถึงแม้ผลถึงออกมาจะไม่ดีเท่าเจอโรม แต่ก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว
ด้านนอกของเรือ มาริเอะกำลังสู้อยู่กับพวกเงาที่ขึ้นมาจากใต้ท้องเรือเรื่อยๆ ก็เริ่มรู้สึกตึงมือ เพราะพวกมันขึ้นมาไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ในขณะที่เธอกลับไม่ได้พักเลยสักนิด ผิดกับดราฟและซาคานที่ดูจะสามารถจัดการกับพวกมันได้ง่ายเหลือเกิน
“แฮกๆ” มาริเอะใช้ดาบยันพื้นเอาไว้ไม่ให้ตัวเองล้ม เงาตัวหนึ่งพุ่งเข้ามาทางด้านหลังและใช้อาวุธปาดเข้าที่ไหล่ของเธอ แต่หญิงสาวก็เร็วพอจะหมุนตัวกลับไปใช้ดาบฟันมันจนต้องหลบลงน้ำไป แต่ตัวเองก็ล้มเซลงไปพิงกราบเรือเอาไว้
“ข้าไม่ยอม...แฮก...แพ้แกหรอก” นักฆ่าสาวมองเงาที่กำลังคลานขึ้นมาด้วยแววตาวาวโรจน์ เธอใช้มือลูบใบดาบอย่างช้าๆ ราวกับต้องการจะถ่ายทอดเจตจำนงทุกอย่างไปให้ที่มัน “ให้พลังแก่ข้าด้วยเถอะท่านภูติแห่งแสง”
เธอปักดาบเข้าที่กราบเรือ ทันใดนั้นแสงสีขาวก็พุ่งออกจากใบดาบและเคลือบลำเรือจนเรืองแสงอ่อนๆ อย่างรวดเร็ว เสียงกรีดร้องของเงาดังก้องไปทั่วเมื่อแสงสีขาวโดนตัวจนตกลงน้ำกันเป็นแถวๆ
กรี๊ดดดด!!
เสียงกรีดร้องโหยหวนทำเอาซาเนียย่าและเจอโรมสะดุ้งโหยง ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความตกใจและรีบพุ่งตัวออกไปจากในห้องทันที ทว่าสิ่งที่หญิงสาวเห็นคือดีว่าที่ถูกพลังของเธอซัดจนไปตกอยู่ในป่ากำลังค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้น ผ้าคลุมสีดำของมันขาดวิ่น
“ไม่นะ!!”
ซาเนียย่าร้อง พยายามพุ่งตัวออกไปขวาง แต่สายไปเสียแล้ว ร่างของดีว่าพุ่งตัวกลายเป็นควันมาหามาริเอะที่ยืนหมดแรงอยู่บนกราบเรือ ทุกอย่างราวกับภาพสโลโมชั่นตั้งแต่เขากำลังพุ่งเข้ามา ความรู้สึกต่างๆ ปนเปกันไปก็ถาโถมเข้าหา...รวมไปถึงภาพของเพื่อนกลุ่มนักฆ่าที่ล้มตายไปทีละคน
“มาริเอะ...”
หญิงสาวกรีดร้องลั่นพร้อมกับทรุดลงกับพื้น เลยไม่ได้เห็นว่าพลังสีนวลได้พุ่งออกจากตัวเธอและก่อรูปกลายเป็นกำแพงขนาดใหญ่สูงท่วมหัว มันลอยผ่านร่างของเจอโรม ดราฟ ซาคานและมาริเอะไป แต่ทว่ากลับกวาดพวกเงาที่อยู่ตามจุดต่างๆ รวมไปถึงดีว่าจนต้องล่าถอยและสลายกลายเป็นควันหนีไปในที่สุด
“พี่มารี่ ฮือๆ ทำไมต้องจากข้าไปด้วย” ซาเนียย่าคร่ำครวญร้องไห้โดยไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมา “ข้าเหลือพี่อยู่คนเดียวแล้วแท้ๆ”
ดราฟขมวดคิ้วมองซาเนียย่าแล้วหันไปมองมาริเอะที่ยืนอึ้งฟังรุ่นน้องพร่ำเพ้อ ก่อนจะเดินไปสะกิด “ซาเนีย”
“อย่ามายุ่งกับข้านะ! ข้าอยากอยู่คนเดียว ฮือๆ พี่มารี่”
“เฮ้ย...” องค์ชายหนุ่มถอนใจเฮือกใหญ่พลางใช้มือบีบหน้าหญิงสาวให้เงยขึ้นมา “ไม่เงยหน้าขึ้นมาแล้วจะรู้ไหมนั่น”
ซาเนียย่าอ้าปากค้าง มองมาริเอะที่ยืนอยู่หลังซาคานแล้วต้องกระพริบตาปริบๆ เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นเป็นเรื่องจริง “พี่มารี่ พี่ยังไม่ตายจริงๆ ด้วย เย้!!”
เธอรีบสลัดคราบนักฆ่าสาวพุ่งเข้าสวมกอดหญิงสาวผู้เป็นเหมือนพี่สาวด้วยความดีใจ ใบหน้ารูปไข่เต็มประดับด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ที่ทำให้เรือที่เพิ่งผ่านศึกการต่อสู้มาดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันตาเห็น
“อะแฮมๆ” เจอโรมกระแอมเสียงดังเรียกให้ทุกคนหันไปมองก่อนชี้ไปที่ไม้พายที่วาบพาดอยู่บนกราบเรือ “ทีนี้ก็หน้าที่พวกเจ้าต้องหาคนมาพายเรือแล้วละ”
“พวกข้าเอง” ซาเนียย่าเสนอตัวทันที เธอหันไปมองมาริเอะแล้วจึงเอ่ยต่อ “ข้ากับพี่มาริเอะเคยมาทางนี้ เราจะอ้อมป่าไปโผล่ที่แม่น้ำการค้า ที่นั่นมีผู้คนพลุกพล่าน พวกเงาคงไม่กล้าลงมือแน่ แล้วหลังจากนั้นเราจะล่องไปตามแม่น้ำสายหลักมุ่งไปทางภาคใต้ เทียบท่าที่หมู่บ้านแวมไพร์ตอนเช้าแล้วค่อยหาม้าเข้าหมู่บ้านไร้ตะวัน”
“พอๆ” ซาคานยกมือขึ้นห้ามเหมือนกับเอือมที่ต้องฟังแผนของเธอ “ถ้าเจ้าไม่ออกจากที่นี่ก่อนค่ำ ได้เป็นอาหารเงาก่อนเจอแวมไพร์แน่”
“แหะๆ นั่นสินะ”
สองนักฆ่าสาวเอ่ยพร้อมกันแล้วจึงเดินไปไปหยิบไม้พายขึ้นมาพายเรือต่อไป ส่วนพวกหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ก็พากันเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายและจัดการซ่อมผนังเรือที่เป็นรูปโหว่จากฝีมือของซาเนียย่า
...เรือค่อยๆ แล่นออกจากซุ้มต้นไม้ที่ไร้แสงสว่างออกสู่แม่น้ำสายใหญ่ที่เต็มไปด้วยเรือสำเภาและเรือลำใหญ่ๆ จนเรือของพวกเธอเล็กลงถนัดตา จากเสียงที่เงียบสงัดก็กลายเป็นเสียงอึกทึกครึกโครมของเหล่าพ่อค้าที่พากันตะโกนโหวกเหวกขายของและเสียงของเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ่มไปทั่วทั้งน่านน้ำ
ห่างออกไปไม่ไกลนัก บนชายฝั่งที่เต็มไปด้วยพุ่มไม้ขึ้นรกหนาตา นัยน์ตาสีดำคู่หนึ่งกำลังเฝ้ามองเรือลำไม่ใหญ่ไม่เล็กที่กำลังล่องอยู่ท่ามกลางเรือลำใหญ่ สายตาของเขาจ้องไปยังหญิงสาวผมสีน้ำตาลผู้มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า
“มันน่านัก” มันเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยไฟแห่งความแค้น พุ่มไม้รอบๆ ตัวสั่นไหวราวกับจะตอบรับอารมณ์ของเขา
“ใจเย็นๆ เถอะดีว่า”
เสียงเบาๆ ลอยมากับสายลมเข้าคลอเคลียกับใบหน้าของนักฆ่าหนุ่มอย่างอ่อนโยนราวกับจะปลอบประโลมบาดแผลในใจของเขา
“อย่างไรแม่หนูนั่นก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งเท่านั้น ฮ่าๆๆ ตุ๊กตาตัวน้อยๆ ของเจ้าเหมือนกับเลวาอย่างไรละ”
ใบหน้าในพุ่มไม้ส่งเสียงพึมพำอย่างพอใจในลำคอ ก่อนเอ่ย
“หึๆ คอยดูเถอะ ข้าจะทำให้เจ้ากลับมาเป็นตุ๊กตาตัวน้อยๆ ของข้าดังเดิม หึๆๆ”
สิ้นเสียง ร่างๆ นั้นก็ค่อยๆ หายลับเข้าไปในเงามืด ทิ้งไว้เพียงพุ่มไม้ที่ค่อยๆ กลายเป็นสีน้ำตาลไร้ชีวิตชีวาเหมือนต้นไม้ยืนต้นตายอย่างไรอย่างนั้น
แล้วเจอกันใหม่ นังตัวดี!!
ความคิดเห็น