คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : เศษเสี้ยวของจิตใจ
บทที่16 : เศษเสี้ยวของจิตใจ
เคยคิดไหมว่าทำไมเราถึงจำเหตุการณ์เหล่านี้ได้แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนแล้วก็ตาม
แต่ทว่ากลับบางเหตุการณ์ แม้เราจะอยากจดจำขนาดไหนเรากลับไม่สามารถจำมันได้แม้แต่นิดเดียว
แต่คุณเชื่อเถอะ ว่าสิ่งนั้นยังอยู่ในใจคุณเสมอ ไม่ว่าใครจะพยายามลบมันแค่ไหนก็ตาม
...........................
ดึกมากแล้วเมื่อมาริเอะกลับเข้ามาให้บ้านอีกครั้งหลังจากออกไปเอาอะไรบางอย่างข้างนอก สิ่งแรกที่เห็นหลังจากเข้ามาคือบรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่นั่งหลับอยู่ตามมุมต่างๆ ของห้องอาหาร ส่วนพวกผู้หญิงก็คงจะอยู่ในห้องนอน
รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นที่มุมปากก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปในห้องนอนของเธอที่มีร่างของซาเนียย่านอนอยู่บนเตียงไม้เล็กๆ เธอนั่งลงข้างๆ รุ่นน้องสาว และล้วงหยิบบางอย่างออกมาวางไว้หัวเตียง
“พี่ให้เจ้านะ”
เธอลูบของสิ่งนั้นอย่างเบามือ มันคือกุหลาบดอกโตสีดำสนิทราวกับรัตติกาลกำลังบานสะพรั่งยามค่ำคืน
ควับ!!
อะไรบางอย่างพุ่งผ่านหน้าต่างไปอย่างรวดเร็ว ถ้าเป็นคนธรรมดาคงจะมองไม่ทัน แต่นั่นไม่ใช่สำหรับเธอ
“ถ้าจะเข้ามาก็เข้ามาทางประตูดีๆ สิท่าน นั่นมันน่าต่างนะไม่ใช่ทางเข้าทางออก”
“หึๆๆ”
เสียงหัวเราะดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับร่างของดราฟลอยเข้ามาทางหน้าต่างอย่างนุ่มนวล เขาชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าของซาเนียย่าที่ยังไม่หลับ แต่นัยน์ตาก็ว่างเปล่าเหมือนเดิม
“ไม่คิดว่าท่านจะมีเมตตาขนาดมาดูอาการนาง” มาริเอะเอ่ยพร้อมกับใช้มือลูบเปลือกตาของซาเนียย่าให้ปิดลง “นอนซะนะ”
“ใครบอกเล่า” ดราฟยืดตัวขึ้นสูง “ข้าแค่มาดูว่านางตายหรือยัง ถ้าไม่รอดจะได้ไม่ต้องใช้ซาคานช่วย เปลืองเวลา”
มาริเอะมองตาขวางทันที แต่จังหวะนั้นเองที่ซาคานและโยเซฟเดินเข้ามาในห้อง ทำเอาเธอกลืนคำด่าลงคอแทบไม่ทัน
โยเซฟมองเลิกลักเหมือนจะถามว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ไม่ถาม เขากระดิกนิ้วทีเดียว เก้าอี้สี่ตัวที่อยู่หลังห้องก็พุ่งหวือเข้ามาตั้งเรียงอยู่หน้าเตียงอย่างเป็นระเบียบราวกับเขาเป็นเจ้าของห้องก็ไม่ปาน
“เชิญนั่งเถอะทุกคน”
มาริเอะพยักหน้ารับพร้อมกับที่ทุกคนทยอยนั่นลงเป็นเชิงว่าเริ่มพิธีรักษาได้
พรึบ!!
ไฟทุกดวงในบ้านดับลงด้วยฝีมือของซาคาน องครักษ์หนุ่มก้าวไปยืนอยู่ข้างร่างของซาเนียย่า ไม่มีเสียงพูด...ไม่มีการบริกรรมคาถา มีเพียงลมแรงๆ ที่พัดเข้ามาในห้องเท่านั้น ร่างของเขาค่อยๆ หายเข้าไปในความมืดและกลายเป็นเงาทาบลงบนตัวของซาเนียย่า
ร่างซาเนียย่ากระตุกเล็กน้อยยามเงาของซาคานทาบทับลงทำเอาทุกคนใจหายวาบ แต่ต้องสะดุ้งอีกทีเมื่อนัยน์ตาสีน้ำตาลเบิกโพลงขึ้นอย่างน่ากลัว ท่าทางเธอเหมือนกำลังต่อสู้กับอะไรบางอย่างที่อยู่ในตัวเอง
มืด...นั่นคือนิยามบทเดียวที่ซาคานสามารถให้ได้ในตอนนี้ รอบตัวของเขามีแต่ความว่างเปล่าอันหนาวเย็นที่มืดสนิท เสียงร้องไห้ เสียงกรีดร้อง เสียงดาบ เสียงพูดถากถาง เสียงหัวเราะ ทุกๆ เสียงดังก้องอยู่ในโสตประสาทปนเปกันไปมาจนแทบแยกไม่ออกว่าเสียงไหนเป็นเสียงไหน แต่ถึงกระนั้น สิ่งที่เขาต้องทำคือหาจิตวิญญาณบางอย่างของซาเนียย่าที่ถูกพลังของโหงพรายซุกซ่อนไว้อยู่ในที่แห่งไหนแห่งหนึ่งก่อนที่พลังของโหงพรายดำจะผลักเขาออกไปเสียก่อน
สิ่งที่เขาทำไม่ใช่พลังหรือพรสวรรค์ส่วนตัวเลยสักนิด แต่การแทรกแซงเข้าไปในจิตใจส่วนที่ดำมืดของคนอื่นคือสิ่งที่เงาที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีทำได้ทุกคน แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่เคยเข้ามาในจิตใจของหญิงสาวมนุษย์ธรรมดาที่ถูกโหงพรายกักจิตวิญญาณไว้แบบนี้
วูบ...
สีสันต่างๆ มากมายพลันเกิดขึ้นรอบกายชวนเวียนหัวก่อนจะเปลี่ยนเป็นภาพสถานที่ที่เต็มไปด้วยสีขาวของบ้านเรือนและสีทองของต้นไม้ราวกับเขาหลุดเขาไปในรูปภาพในเทพนิยาย แต่เขารู้ดีว่ามันคือหมู่บ้านของชนเผ่าไทม์นั่นเอง
เบื้องหน้าเขา เด็กหญิงตัวเล็กๆ สองคนวิ่งไล่กันไปมาอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่สีทองบนลานกว้าง พวกเธอมีหน้าตาที่คล้ายกันมาก เรือนผมสีน้ำตาลคลออยู่บนชุดกระโปรงแขนตุ๊กตา เด็กน้อยหันมามองผู้มาเยือนแวบหนึ่งก่อนจะวิ่งเข้ามาหาอย่างเป็นมิตร
“พี่ชายๆ มาเล่นกับเราไหม” เด็กหญิงตัวเล็กสุดส่งเสียงถาม มือเล็กป้อมเอื้อมมากระตุกแขนเสื้อคลุมสีดำของเขา ทันใดนั้นมันก็กลายเป็นชุดหนังสีขาวในแบบที่เขาไม่เคยคิดจะใส่ แถมผ้าคลุมหน้ายังหายไปอีกต่างหาก
วูบ!!
ภาพเปลี่ยนไปอีกที คราวนี้มาที่หน้าวังหลวงท่ามกลางสายฝน เด็กหญิงตัวเล็กๆ เมื่อครู่โตขึ้นมาหน่อยแล้ว เธอมองเด็กหญิงอีกคนที่หน้าตาคล้ายๆ กันกำลังถูกจูงเข้าไปในวัง...น้ำตาไหลอาบทั้งสองแก้ม ก่อนทีคนกลุ่มหนึ่งจะพุ่งออกมาทางด้านหลังเข้าจับตัวเธอไป ซาคานทำท่าจะวิ่งเข้าไปช่วย แต่ทว่าก่อนที่เขาจะทันได้ทำแบบนั้น ทุกสิ่งรอบข้างก็เริ่มเปลี่ยนไป
วูบ!!
ภาพเปลี่ยนมาเป็นที่โรงเลี้ยงเด็กกำพร้า เด็กตัวเล็กๆ มากมายวิ่งผ่านไปมา บางคนก็นั่งเล่นตุ๊กตาขาดๆ อยู่บนพื้น บางคนก็ร้องไห้เพราะถูกแกล้ง แต่ซาคานกลับไม่สน อะไรบางอย่างดึงให้เขาเดินไปยังชั้นในสุดที่ซึ่งหญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งกอดเข่าพิงผนัง เนื้อตัวของเธอเต็มไปด้วยบาดแผลและรอยเลือดที่เปียกชุ่มเสื้อผ้าสีดำขาดรุ่งริ่งของเธอ
ซาเนียย่า...ซาคานคิด เขาต้องการจะเอ่ยคำนี้แต่ก็ไม่สามารถเอ่ยออกมาได้ พอเอื้อมมือจะแตะตัวเธอ เถาวัลย์สีดำก็เลื้อยขึ้นมาพันตัวนักฆ่าสาวราวกับจะปกป้อง แต่เขาไม่คิดแบบนั้น...มันคือการกักกันต่างหาก
“ตายหมดแล้ว” จู่ๆ ซาเนียย่าก็เอ่ยออกมาพร้อมกับเงยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาแห้งกรัง ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนก็ดังขึ้นไปทั่ว แต่ซาคานไม่สนใจ เขารู้ว่านี่เป็นเพียงจิตเท่านั้น จิตที่ไม่ใช่ความจริง
‘ดึงตัวนางออกมา จับตัวนางให้ได้’
เสียงดราฟดังขึ้นในหัวของซาคาน ทำเอาองครักษ์หนุ่มถึงกับเผลอรอยยิ้มอย่างที่ไม่เคยเป็น...เขารู้ดีว่าเจ้านายปากแข็งของเขารู้สึกอย่างไร ห่วงใยหญิงสาวตรงหน้ามากแค่ไหน รู้สึกผิดมากเท่าไร่ ไม่อย่างนั้นไม่เสียเวลารักษานางหรอก...มันไม่ใช่ในแบบฉบับของพวกเขา
เจ้านี่ตัวปัญหาจริงๆ...ซาคานคิดในใจ สองมือแหวกม่านเถาวัลย์จนขาดออกจากกัน แต่แล้วส่วนที่ขาดกลับงอกออกมาพันแขนเขาพร้อมกับเปลี่ยนเสื้อสีขาว (ที่เด็กเปลี่ยนให้) กลายเป็นสีดำอีกครั้ง เขาขมวดคิ้วอย่างนึกรำคาญก่อนจะแผ่ไอสีดำที่เป็นเหมือน้ำกรดออกมากัดเถาวัลย์จนเหลือเพียงซากเหี่ยวๆ กับซาเนียย่าที่นั่งกอดเข่าเท่านั้น
“ไม่เหลือใครแล้ว”
ซาคานมองซาเนียย่าอย่างฉงน ดูท่าสิ่งที่เขาต้องจัดการคงไม่ใช่แค่พลังของโหงพรายดำเสียแล้ว เพราะปัญหาที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือจิตใจของเธอเองที่จมปลักอยู่กับอดีตต่างหาก
ใครบอกละ เจ้ายังเหลือมาริเอะแล้วก็พวกข้าอีกนะ... ซาคานร้องขึ้นในใจเหมือนอย่างเคย แต่คราวนี้ดูเหมือนมันจะสามารถสื่อสารกับซาเนียย่าได้แล้ว เพราะเธอเงยหน้าขึ้นเหมือนกับรู้ในสิ่งที่เขาคิด และเพื่อให้แน่ใจเขาจึงลองอีกที
เจ้าจำข้าได้ไหม??
ซาเนียย่าพงักหน้างึกๆ “ทุกคนกำลังจะตาย”
ยื่นมือมาหาข้าสิ... ซาคานร้องสั่ง แต่เธอกลับส่ายหน้าพร้อมกับพยายามคลานถอยหลังไปทั้งที่เธอก็ติดกำแพงอยู่แล้ว
“เจ้าตัวปลอม คนของโพธิ์ดำจอมทรยศ เขาจะฆ่าทุกคน”
ซาคานกัดฟันกรอดในแบบฉบับของคนความอดทนต่ำ เขาไม่ใช่คนที่ปลอบคนเก่ง แต่ไอ้ครั้นจะใช้กำลังก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผล วิธีเดียวคือต้องทำตัวเป็นพ่อพระต่อไป
“แต่เจ้าช่วยทุกคนได้ ถ้าเจ้ายื่นมือมาหาข้า เราจะร่วมมือกัน เจ้ายังมีมาริเอะ มีดราฟ และข้าอีกนะ เจ้าช่วยทุกคนได้ คิดให้ดีๆ สิ”
“ไม่...เขาจะฆ่าทุกคน พวกเราจะตายหมด” ซาเนียย่ายังคงคร่ำครวญต่อไป
“แต่เจ้าเปลี่ยนมันได้ เปลี่ยนทุกอย่างได้เพียงแค่มือของเจ้าเอง ยื่นมือมาหาข้าสิ จำไม่ได้หรอ ข้าเคยช่วยเจ้าไว้แล้วนะ”
ได้ผลเกินคาด ซาเนียย่าจ้องมองเขากลับมาด้วยนัยน์ตาสีน้ำตาลคู่โตที่ใสแจ๋ว มือที่แประเลือดยื่นออกมาข้างหน้า ซาคานรีบจับมือข้างนั้นไว้แล้วกลายเป็นควันพุ่งเข้าหาเธอทันที
กรี๊ดดด!!
มาริเอะสะดุ้งโหยง ทำไมเสียงลมพัดมันถึงได้โหยหวนเหมือนเสียงคนร้องแบบนั้นนะ เธอยกมือขึ้นปิดหูอย่างไม่ชอบใจ แต่จังหวะนั้นเอง ร่างเงาของซาคานก็ลอยออกมาจากร่างของซาเนียย่าที่กระตุกแรงอย่างน่ากลัว
“สำเร็จไหม”
ซาคานพยักหน้ารับช้าๆ ทีหนึ่ง แต่มาริเอะกลับกระโดดเข้าไปกอดเขาด้วยความดีใจ ทำเอาองครักษ์หนุ่มถึงกับอ้าปากหวอท่ามกลางความตกใจของดราฟกับโยเซฟที่ต้องช่วยกันจับเธอออก
“พี่...”
เสียงเรียกเบาจากร่างของซาเนียย่าเรียกความสนใจจากทุกคนทันที มาริเอะรีบปรี่เข้าไปนั่งอยู่ข้างๆ เตียงพร้อมกับกุมมือเธอด้วยความห่วงใย ตอนนี้นัยน์ตาสีน้ำตาลเริ่มมีประกายขึ้นมาบ้างแล้ว
ซาเนียย่าอ้าปากทำท่าจะพูดอะไรต่อ แต่มาริเอะกลับยกมือห้าม
“นอนก่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”
รุ่นน้องสาวพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายพร้อมกับหลับตาลง ปล่อยให้ความเหนื่อยล้าเข้าครอบงำในที่สุด
เมื่อซาเนียย่าหลับไปแล้ว โยเซฟก็ขอตัวออกไปนอน ทำให้ภายในห้องเหลือเพียงมาริเอะ ดราฟและซาคานเท่านั้น พวกเธอมองหน้ากันแต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร ทว่ามาริเอะกลับสังเกตเห็นแววตาสงสัยที่ปรากฏอยู่ในนัยน์ตาขององครักษ์หนุ่มตั้งแต่เมื่อครู่แล้วจึงถามขึ้นเพราะเกรงว่าอาจจะเกี่ยวกับอาการของซาเนียย่า
“ท่านอีกอะไรหรือเปล่า”
“มี” ซาคานเอ่ยเสียงห้วน “พวกเจ้าเป็นใครกันแน่”
เธอถอนใจเฮือกใหญ่พลางหย่อนตัวลงบนเก้าอี้ข้างเตียง “ข้าเข้าใจว่าเราคุยเรื่องนี้กันรู้เรื่องเสียแล้ว พวกข้าก็คือนักฆ่า พวกท่านก็เห็นอยู่ อ้อ! หรือจะพูดให้ถูกตอนนี้กลายเป็นผู้ถูกล่าไปเสียแล้ว”
“ข้าหมายถึง...” ซาคานลากเสียงยาว ก้มตัวลงหานักฆ่าสาวจนหน้าแทบติดกัน “ก่อนที่เจ้าจะมาเป็นนักฆ่าต่างหาก”
มาริเอะตัวสั่นทันที อะไรบางอย่างในตัวเขาเหมือนกำลังพยายามแทรกแซงเข้ามาในหัวของเธอ และตอนนั้นเองที่เธอรู้ว่า...
“เจ้าอ่านความคิดได้”
ซาคานไม่ตอบแต่กลับหัวเราะหึๆ อย่างน่ากลัว อะไรบางอย่างในสายตาของเขาทำให้หญิงสาวรู้ว่าเขารู้แล้ว... รู้ในสิ่งที่เขาต้องการรู้หมดแล้ว
“ข้าทำได้มากกว่านี้อีก”
เอ่ยจบ ทั้งดราฟและซาคานก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งให้มาริเอะนั่งสั่นอยู่คนเดียว มันคือความกลัวที่เริ่มเกาะกุมหัวใจ...ความกลัวที่ไม่ได้เห็นมานานปี
ฝ่ายดราฟและซาคานหลังออกจากห้องก็ไม่ได้ไปนอนอย่างที่ควรจะเป็น แต่พวกเขากลับออกมาเดินอยู่ในป่าลึก สายตามองไปรอบด้านอย่างระแวดระวังภัย จนกระทั่งถึงจุดที่คิดว่าลึกพอ พวกเขาจึงหยุดเดินและนั่งลงบนก้อนหินใต้ต้นไม้
ดราฟมองซาคานเป็นเชิงถาม ไม่บ่อยครั้งนักที่เจ้าองครักษ์ของเขาจะแสดงท่าทีอยากรู้อยากเห็นแจ่มชัดเหมือนเมื่อครู่ มันคงจะต้องเป็นอะไรที่น่าสนใจพอดู
“พวกนางเป็นหนึ่งในหมากของคิงโพธิ์ดำ เราควรกำจัดนางทิ้ง”
ซาคานเริ่มบทสนทนาที่ทำเอาดราฟถึงกับหายใจกระตุก นี่หมายความว่าพวกเขาก็ต้องเป็นหนึ่งในตัวหมากของคิงโพธิ์ดำด้วยงั้นสิ แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...หรือว่าตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“หรือบางที เราต้องมองนางไม่ให้คลาดสายตา”
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากต้นไม้ด้านหลัง ดราฟรีบสร้างลูกไฟพุ่งไปยังต้นเสียงทันที แต่ชายหนุ่มที่เดินออกมากลับสามารถหยุดมันได้ด้วยมือเปล่า
“เจ้าพี่จะฆ่าแม้กระทั่งน้องเลยหรือพะยะค่ะ”
“โยเซฟ” ดราฟร้องเบาๆ นัยน์ตาสีมรกตหรี่มองด้วยความแปลกใจก่อนจะกลับมาอยู่ในท่านิ่งๆ แบบปกติ “ข้านึกว่าเจ้านอนแล้วเสียอีก”
โยเซฟหัวเราะเบาๆ ยกมือขึ้นเกาหัวแก้เก้อ “ข้าก็นอนนั่นแหละท่านพี่ แค่นอนบนหัวพวกท่านเท่านั้นเอง แหะๆ”
ดราฟกับซาคานถึงกับขมวดคิ้วมองขึ้นไปบนกิ่งไม้บนหัวทันที อะไรมันจะมาประจวบเหมาะกันขนาดนี้นะ???
“แต่ข้าไม่เชื่อที่ท่านองครักษ์พูดหรอกนะ” โยเซฟเอ่ยเข้าเรื่องอีกครั้ง เขานั่งลงข้างๆ ดราฟ “ถึงพวกนางจะเป็นหมากตัวหนึ่งของโพธิ์ดำจริง แต่ข้าเชื่อว่านางต้องไม่รู้เรื่องนี้”
“หึ ร้อยเล่ห์แบบพวกนางมีหรือจะไม่รู้” ดราฟเอ่ยด้วยท่าทางจริงจัง ทำเอาคนเป็นน้องมองตามด้วยสายตากลัวๆ
“แต่ข้าขอเถอะท่านพี่ อย่างน้อยก็อย่าให้ฆ่าแกงกันเลย นางก็ช่วยพวกเราตั้งหลายครั้ง ให้ข้าจับตาดูพวกนางก็ได้นะ ข้ายินดีรับหน้าที่นี้เอง”
“ไม่ได้หรอกองค์ชาย” ซาคานค้านขึ้น “คนอย่างท่านตามนางไม่ทันหรอก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้ากับดราฟเอง”
แต่ทว่าถึงแม้เขาจะเอ่ยอย่างนั้น แต่โยเซฟก็กลับยังทำหน้าเหมือนไม่แน่ใจ เขาจึงต้องเอ่ยเสริม “ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำอันตรายพวกนาง”
“อ่า...จริงหรือท่านองครักษ์” โยเซฟยิ้มกว้างทันที เขาหันไปกอดดราฟทีหนึ่งแล้วเดินกลับบ้านต้นไม้ “ข้าขึ้นบ้านก่อนนะ”
ดราฟกับซาคานถึงกับถอนใจเฮือกใหญ่ทีเดียวหลังจากมององค์ชายองค์เล็กเดินหายลับตาไปแล้ว พวกเขาหันมามองหน้ากันทีหนึ่งอย่างแฝงเลศนัย แววตาเต็มไปด้วยความกังวล
“ข้าเห็นซาเนียตอนเป็นเด็ก” ซาคานเอ่ยเสียงเบา ทว่ากลับเรียกความสนใจจากดราฟได้เป็นอย่างดี “นางอยู่ที่หมู่บ้านของไทม์”
....!! ดราฟคิ้วกระตุกทันที เพียงแค่คำพูดไม่กี่ประโยคของคนสนิทตรงหน้าก็ไม่ต้องพูดอะไรอีกต่อไปแล้ว... ซาเนียย่าเป็นไทม์ เธอไม่ใช่แค่มนุษย์ธรรมดาเหมือนที่พูด เธอโกหกเขา โกหกทุกคน
“แต่...บางทีนางอาจไม่รู้”
ทว่าประโยคต่อมากลับทำเอาเขาสับสน เธอเป็นไทม์ แต่เธอไม่รู้ตัวอย่างนั้นหรือ จะเป็นไปได้ไง แต่เหมือนซาคานจะรู้ดีว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร จึงรีบพูดสิ่งที่ตัวเองรู้ต่อมา
“ทั้งๆ ที่ข้าควรจะเห็นแต่จิตด้านมืดเท่านั้น แต่กลับมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ข้าเห็นนางตอนเด็กกับเด็กอีกคนที่หน้าตาเหมือนกันมาก ทว่าต่อมาข้ากลับเห็นเด็กคนนั้นเข้าไปอยู่ในวังส่วนนางก็ถูกคนกลุ่มหนึ่งจับไป”
“จับไปอยู่องค์กรนักฆ่าโพธิ์ดำงั้นหรือ...ทำไมกัน” ดราฟพึมพำเหมือนพูดกับตนเอง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องจับเด็กที่เป็นไทม์ไปด้วย ในเมื่อองค์กรแห่งนั้นล้วนมีแต่เงาทั้งนั้น แต่ที่กลุ่มกุหลาบดำกลับไม่มีเงาเลยสักคน
“ข้าว่า...” ซาคานลากเสียงยาว เรียกสติของดราฟกลับมาอีกครั้ง “เราควรจะจับตาดูนางตามที่โยเซฟเสนอ ข้าได้กลิ่นไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
ดราฟพยักหน้ารับ เสียดายที่ซาคานทำได้เพียงส่งผ่านความคิดเท่านั้น การจะส่งสิ่งที่ตัวเองเคยเห็นเป็นไปไม่ได้ ทำให้เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่เขาก็มั่นใจว่าตอนนี้ซาคานเองก็ไม่มีคำอธิบายในสิ่งที่เขาเห็นเช่นกัน
“แล้ว...” ดราฟลากเสียงยาว “มาริเอะละ เจ้ารู้แล้วใช่ไหม”
ซาคานพยักหน้ารับ
“โชคดีที่นางตกใจจนเผลอนึกถึงอดีตของตัวเอง ข้าเลยได้รู้ว่านางเป็นแสง แถมไม่ใช่แค่แสงธรรมดาเสียด้วยสิ”
เขาหยุดเล็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ที่คืนนี้แม้จะไม่เต็มดวงแต่ก็สวยไม่น้อย ก่อนเอ่ยต่อ
“นางเป็นลูกสาวของหัวหน้าชนเผ่าแสงผู้ที่ถูกสังหารตายเมื่อสิบปีที่แล้ว”
ความคิดเห็น