คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ไม่ผิดทาง
บทที่ 15 : ไม่ผิดทาง
แม้บางครั้งโชคจะไม่เข้าข้างเรา
แต่คุณเชื่อเถอะ
ในความโชคร้ายจะมีความโชคดีตามมา
...........................
“ข้าจะต้องเอามันมา”
ซาเนียย่าหันมาเอ่ยกับทุกคนที่ทำหน้าฉงน โยเซฟเลยชะโงกหน้าจากเพดานลงไปดูบ้าง แต่สิ่งที่เห็นอยู่กลางห้องก็ทำเอาเขาตกใจไม่แพ้กัน
“อย่านะ นั่นมันโหงพราย อันตรายร้อยแปดพันอย่าง เจ้าไม่รู้หรอก”
เสียงร้องด้วยความตกใจดังขึ้นก้องไปทั่วทั้งเพดาน แต่ซาเนียย่ากลับยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ และโดยไม่พูดไม่จา เธอก็กรีดปิ่นปักผมลงบนฝ้าเพดานจนเป็นรูใหญ่พอที่ตัวคนจะรอดได้ก่อนจะหย่อนตัวลงไป
วูบ!!
ละอองแสงสีดำสว่างขึ้นเล็กน้อยเมื่อเท้าของเธอแตะพื้นราวกับจะประท้วงว่ามีคนบุกรุกเข้ามา แต่มีหรือที่นักฆ่าอย่างเธอจะกลัว หญิงสาวรีบตรงเข้าไปจะคว้ามันมา แต่แล้วกลับเหมือนมีบาเรียเขตอาคมเวทย์คอยดันอยู่จนไม่สามารถเข้าใกล้มันได้
‘ฟินิกซ์ ข้าใช้พลังเจ้าได้หรือเปล่า’
‘อืม...ได้ แต่ข้าไม่แนะนำ’
แต่ซาเนียย่าไม่ได้ฟังประโยคสุดท้าย เพราะเพียงแค่ได้ยินคำว่า “ได้” จากเจ้านก เธอก็เรียกพลังแห่งไทม์สร้างเป็นบาเรียเคลือบตัวของเธอจนทั่วก่อนจะเดินผ่านเขตอาคมเข้าไป ทว่าทันทีที่มือเธอสัมผัสลงบนลูกแก้ว ควันสีดำที่อยู่ข้างในก็ไหลซึมเข้ามาจนม่านบาเรียส่วนที่สัมผัสกลายเป็นสีดำไปทีละนิดๆ มันลามขึ้นมาจนถึงต้นแขนโดยที่เธอได้แต่ดู มือไม่สามารถขยับไปไหนได้
พรึบ ซ่า!!
เปลวไฟลุกขึ้นที่แขนข้างที่โดนพลังของโหงพรายพร้อมกับควันสีดำที่ค่อยๆ หายไปจากแขนของเธอ เมื่อซาเนียย่าหันไปมองก็พบว่าโยเซฟเป็นคนสร้างมันเพื่อช่วยเธอ ข้างๆ เขามีขุนนางอีกห้าคนยืนอยู่
“ไปกันเถอะ แม่นาง” สมุหกลาโหมปรี่เข้ามาหาเธอ
ปัง!!
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้แตะหญิงสาว ประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับเงาสิบกว่าคนในชุดปิดหน้าปิดตาก็พุ่งเขามาก่อนที่ประตูจนปิดลงอีกครั้งเพื่อป้องกันแสงไม่ให้ส่องเข้ามา
เฟี้ยว
ซาเนียย่าปาปิ่นปักผมเป็นแนวขวางออกไป แต่พวกเงากลับกลายเป็นควันพุ่งเข้ามาเร็วกว่าเดิมเสียอีก เงาตัวหนึ่งกระโจนเข้าชนเธอจนล้มลงไปนอนกองอยู่กับพื้น ส่วนเงาตัวอื่นๆ ที่เหลือก็ตั้งเป็นแถวคอยกันไม่ให้คนอื่นๆ เข้ามายุ่งกับเธอ
“ออกไปเดี๋ยวนี้นะ” หญิงสาวร้องเสียงหลง พยายามดันเงาตัวทีคร่อมเธออยู่ออกไป แต่มันกลับรวบมือของเธอไว้ ส่วนขาทั้งสองข้างก็ถูกทับจนขยับไปไหนไม่ได้อีกต่างหาก
“อะไรกัน ไม่เจอกันไม่เท่าไหร่ก็จำกันไม่ได้แล้วหรือไง”
...ซาเนียย่าชะงักไปทันที ใช่แล้ว! น้ำเสียงแบบนี้ ท่าทางแบบนี้ช่างคุ้นสายตาเธอเสียเหลือเกิน เธอต้องเคยเห็นหรือรู้จักคนๆ นี้แน่ แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก เหมือนมันติดอยู่ที่ริมฝีปากนี่เอง ทว่าเพียงแค่เขาล้วงหยิบเอาไพ่ออกมาจากอกเสื้อ เธอก็จำได้ทันที
“ดีว่า หัวหน้ากลุ่มนักฆ่ามังกรดำ”
“บิกโกเลยเด็กน้อย” ดีว่าร้องอย่างดีใจก่อนจะปล่อยให้เธอลุกขึ้นยืน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่ไว้ใจ เตรียมสู้เต็มที่
“นี่เจ้าก็เป็นเงากับเขาด้วยหรือนี่”
“ฮ่าๆๆ นักฆ่ากว่าครึ่งขององค์กรก็เป็นเงาหมดและสาวน้อย มีแต่พวกเจ้าเท่านั้นแหละที่คิงโพธิ์ดำเมตตาให้อยู่ร่วมองค์กรด้วย” ดีว่าค่อยก้าวเข้ามาหาซาเนียย่า ในขณะที่เธอก็ก้าวถอยหลังไปเหมือนกัน “แต่พวกเจ้าก็ทรยศ”
“พวกเจ้าต่างหากที่ทรยศข้า” ซาเนียย่าตะโกนลั่น อารมณ์ที่อยู่ข้างในเหมือนกำลังเดือดปุดๆ และพร้อมที่จะปะทุออกมาทุกเมื่อ “ข้าทำงานอย่างจงรักและซื่อสัตย์ แต่พวกเจ้าก็ทรยศพวกข้า ยมทูตดำตามมาฆ่า แล้วอย่างนี่เจ้ายังจะมาว่าข้าทรยศอีกหรือ”
สิ้นเสียง หญิงสาวก็ชักดาบออกมาจากฝักของโยเซฟก่อนที่เขาจะทันได้ห้ามปราม แล้วจึงพุ่งเข้าใส่ดีว่าด้วยความโมโห แต่เขาก็กลายเป็นควันหนีเธอไปเรื่อยๆ พอเธอฟันตรงนี้ เขาก็หนีไปตรงนู้นจนตามไม่ทัน...ไม่ว่าจะฟันอีกสักกี่ที จะเหวี่ยงดาบอีกกี่หน ผลที่ออกมาก็คือเธอฟันได้แค่อากาศที่ว่างเปล่าเท่านั้น
เสียงร้องอย่างเป็นห่วงทุกครั้งที่เธอฟันพลาดและเสียงบอกให้หยุดดังขึ้นเป็นระยะๆ จากพวกโยเซฟ แต่ถ้อยคำเหล่านั้นก็เหมือนจะผ่านหูเธอไปโดยไม่ใส่ใจ
“ฮ่าๆๆ เด็กโง่เอ๋ย” ดีว่าโผล่มาอยู่ด้านหลังซาเนียย่าและถีบเธอชนเข้ากับขอบโต๊ะ “ข้าคือเงานะ ไม่มีใครจับเงาได้ ไม่มีใครฆ่าเงาได้ ฮ่าๆๆ”
ซาเนียย่าจ้องดีว่าเขม็ง ทุกคำที่เขาพูดราวกับเชื้อไฟที่สุมให้เธอดิ้นรนและพยายามยิ่งขึ้น
“ย้ากกก”
เธอเสือกดาบออกไปอีกครั้ง แต่คราวนี้ดีว่าไม่หนีเหมือนอย่างเคย แต่กลับใช้มือเปล่าๆ ข้างเดียวจับคมดาบของเธอที่ฟันลงมาได้อย่างสบายๆ
“โธ่...เด็กน้อย” ดีว่าเอ่ยแสร้งสงสาร เขาออกแรงกระชากเพียงเล็กน้อย เธอก็ปลิวตัวลอยออกมาหาเขาเสียแล้ว “รู้ไหมว่าดาบนะมันจะคมได้ก็ต่อเมื่อใจของผู้ใช้มั่นคงและแน่วแน่เท่านั้นแหละ”
“หึ” ซาเนียย่ากระชากดาบออกยกขึ้นจ่อคอเขา “แล้วเจ้าจะได้เห็นว่าดาบของเขาคมพอจะหยุดเจ้าได้หรือเปล่า”
พลันคลื่นพลังสีขาวนวลของฟินิกซ์สีรุ้งก็ไหลมาตามแขนเข้าสู่ดาบอย่างรวดเร็วก่อนจะพุ่งออกจากดาบกระแทกเข้าที่ร่างของดีว่าจนลอยไปติดกับผนัง ส่วนพลังที่เหลืออยู่ก็กลายร่างตัวเองเป็นตาข่ายขึงร่างเขาเอาไว้จนกระดิกไปไหนไม่ได้
“ฮ่าๆๆ ข้าเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าพลังของไทม์นอกจากจะใช้สร้างเกราะป้องกันจากศัตรูแล้วยังสร้างเกราะไม่ให้ศัตรูหนีได้อีก”
นักฆ่าสาวยิ้มร่าแล้วหันไปทำแบบเดียวกันกับพวกเงาที่เหลือ เสร็จแล้วจึงเดินไปหยิบลูกแก้วของโหงพรายดำออกมาอย่างง่ายดาย
“ไปกันเถอะ” โยเซฟเอ่ยพร้อมกับสร้างไฟของตนเองไปเผาประตูจนเป็นรู เขาเดินออกไปเป็นคนแรก โดยที่ซาเนียย่าเดินออกไปเป็นคนสุดท้าย แต่หลังจากที่พวกเขาเดินออกมาได้ไม่นานก็เกิดเสียงระเบิดขึ้นที่ห้องที่เพิ่งจะออกมา
วูบบบ!!
ร่างควันของดีว่าลอยมาดักหน้าทุกคนเอาไว้พร้อมกับปาไพ่ออกมาเล่นงานทุกคน ซาเนียย่าเห็นท่าไม่ดีจึงกระโดดออกไปใช้ดาบปัดไพ่ แต่กลับเป็นตัวเธอเองที่พลาดโดนลูกหลงเข้าจนเกิดเป็นแผลยาวที่ต้นแขนซ้าย
ทุกคนดูจะมีท่าทีตกใจที่เห็นดีว่าที่เป็นเงาสามารถยืนอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์จ้าๆ แบบนี้ได้ทั้งที่ปกติแล้วเงาจะไม่ถูกกับแสง แต่สำหรับซาเนียย่าแล้วเธอรู้คำตอบของเหตุผลข้อนี้ดี ว่าเป็นเพราะดีว่าเป็นเงาที่กลายพันธุ์แล้วนั่นเอง
“ข้าบอกเจ้าแล้วนะซาเนีย” เสียงของดีว่าคราวนี้แสดงความโมโหอย่างเห็นได้ชัด “ข้าคือเงา และไม่มีใครทำฆ่าเงาได้ ฮ่าๆๆ น่าแปลกใช่ไหมละที่ข้ามายืนอยู่ตรงนี้ได้ ข้าโดนแดดได้ แต่เจ้าไม่รู้หรอกว่าในขณะที่พวกเจ้าสี่ชนเผ่าได้แต่เสพสุข ข้าต้องทนทุกทรมานกับความอัปยศต่อเผ่าพันธุ์ขนาดไหน แต่ทุกอย่างเป็นแบบนี้ก็เพราะเจ้าบ้านั่น เจ้าองค์ชายกับองครักษ์บ้าแท้ๆ”
เขาล้วงไพ่ออกมาโชว์เจ็ดใบเป็นเชิงข่มขู่ว่าถ้าพวกเธอยังไม่เลิกหนีเขาจะฆ่าพวกเธอทิ้งทั้งหมด และซาเนียย่าก็รู้ดีว่าเขาพูดจริง ทำจริงแน่นอน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังมีลูกแก้วพลังของโหงพรายดำอยู่ในมือละน้า...น่าจะพอต่อรองกันได้
“เจ้าดูนี่” ซาเนียย่าตะโกนเสียงดัง ยกลูกแก้วขึ้นสูงเพื่อให้ทุกคนเห็น “ข้าสามารถใช้พลังของฟินิกซ์สีรุ้งได้ และข้าก็จะใช้พลังของโหงพรายดำฆ่าพวกเจ้า”
“ฮ่าๆๆ” ดีว่าส่ายหน้าไปมา “เจ้ายังไม่รู้จักคำว่า ‘เงา’ ดีพอด้วยซ้ำเด็กน้อย”
“หึ” เธอยิ้มอย่างมั่นใจ “ข้ารู้ดีกว่าที่เจ้านึกเสียอีกดีว่า”
“งั้นหรือ” ดีว่าถามเสียงสูงก่อนจะพุ่งตรงเข้ามากระชากหญิงสาวล้มลงนอนกองกับพื้น มือภายใต้ผ้าคลุมยื่นออกมาบีบคอหญิงสาวเต็มแรง
ปัก ตุบ!!
แต่ทันใดนั้นอะไรบางอย่างก็พุ่งเข้าชนนักฆ่าหนุ่มจนกระเด็นไปไกล ทุกคนรีบหันไปมองทันที แต่ยังไม่ทันเห็นหน้าคนทำ ม่านบาเรียไฟทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสก็พุ่งหวือเข้ามาครอบร่างของดีว่าเอาไว้
ซาเนียย่าอ้าปากค้างมองผู้มาช่วยด้วยสายตาเหลือเชื่อ เขาคือชายหนุ่มร่างสูงสมส่วนในชุดผ้าลินินสีแดงขลิบทองยาวจนคลุมกางเกงเกือบมิด ผมยาวระต้นคอและนัยน์ตาสีโกเมนดูแปลกตา แต่ทว่าเค้าโครงหน้าและหน้ากากรูปนกอินทรีย์กลับการันตรีถึงตัวตนของเขาได้เป็นอย่างดี
“ดราฟ”
“โอ้องค์ชาย” เหล่าขุนนางทำท่าจะวิ่งเข้าไปหาเขา แต่โยเซฟกลับปรามด้วยสายตาไม่ให้ทำ
ดราฟเดินเข้าไปพยุงซาเนียย่าให้ลุกขึ้นก่อนที่ทั้งสองจะหันไปเผชิญหน้ากับดีว่าอีกครั้ง แต่ตอนนี้ผมและนัยน์ตาของเขากลับมาเป็นสีเหมือนเดิมแล้วนั่นคือผมสีดำและนัยน์ตาสีมรกตนั่นเอง
“เจ้ารู้ได้ไงว่าพวกข้าอยู่ตรงไหน” ซาเนียย่าถามเบาๆ
“หึๆ” ดราฟหัวเราะอย่างแฝงเลศนัย “ก็กิ๊ฟของเจ้าไง ตราบใดที่มันยังอยู่กับเจ้า ข้าก็หาเจ้าเจอตลอดแหละ แต่เอาเถอะ จัดการจับเจ้านายเก่าเจ้าก่อนดีกว่าไหม”
“กลัวอะไรข้ามีไอ้นี่อยู่ในมือนะ”
ซาเนียย่าชูลูกแก้วขึ้นให้ดู แต่ดราฟกลับขมวดคิ้วด้วยความตกใจ ทว่าก่อนที่เขาจะทันได้เอ่ยอะไร กรงขังไฟที่สร้างขึ้นก็ถูกดีว่าพังออกมาจนได้
“โยเซฟพาทุกคนไปที่ท่าเรือฟรอนเต้” ดราฟร้องสั่ง ซึ่งโยเซฟก็รีบทำตามทันที จนในที่สุดก็เหลือเพียงแค่พวกเธอสองคนเท่านั้น
“ข้าบอกไม่รู้จักจำหรือไงหะ” ดีว่าร้องพร้อมกับเส้นเงาทะมึนที่พุ่งมาทางพวกเธอ แต่ซาเนียย่าก็รีบสร้างม่านพลังป้องกันเอาไว้อย่างทันท่วงที ก่อนที่พลังทั้งสองจะสลายไป
“เจ้ากำลังรนหาที่ตาย” ดราฟเอ่ยเสียงเรียบ นัยน์ตาสีมรกตดูว่างเปล่ายากจะอ่านออกว่าเขารู้สึกหรือมีแผนการอะไรอยู่ในหัว ซาเนียย่าได้แต่มองตามพร้อมกับประเมินสถานการณ์ไปในตัว
“เหอะ ข้าตายตั้งแต่วันนั้นแล้ว” ดีว่าเอ่ยเสียงสูง “ตั้งแต่วันที่เจ้าทำให้พวกข้าต้องกลายเป็นพวกกลายพันธุ์เหมือนองครักษ์ของเจ้าอย่างไรละ”
วูบบบ!!
ดีว่ากลายร่างเป็นควันพุ่งเข้าชนซาเนียย่าอีกครั้ง แต่เด็กสาวมัวแต่ฟังพวกเขาคุยกันจนลืมระวังตัว ทำให้ลูกแก้วหลุดจากมือกระเด็นขึ้นฟ้าไปส่วนตัวเธอก็ล้มลงไปนอนอยู่บนพื้น
“เฮ้ย!!”
ดราฟกับดีว่าจ้องมองลูกแก้วตาลุกวาว ชายหนุ่มทั้งสองสบตากันอย่างท้าทายพร้อมกับพุ่งตัวเข้าคว้าลูกแก้วพร้อมกันเช่นกัน แต่เมื่อต่างฝ่ายต่างอยู่ในระดับเดียวกันก็ต้องมีการแก่งแย่งกันเกิดขึ้น
ดีว่าจับลูกแก้วได้กลางอากาศ แต่ดราฟก็สับมือเข้าที่ข้อพับและแย่งลูกแก้วกลับมาได้ ทว่านักฆ่าหนุ่มก็ไม่ยอมแพ้กลายร่างเป็นควันพุ่งโฉบเอาลูกแก้วเจ้าปัญหากลับคืนมา คนเป็นองค์ชายก็กวาดขาเป็นวงกว้างแต่ดีว่าก็กระโดดหลบได้ เขาจึงตามไปต่อยรัวที่หน้าท้องเป็นชุดจนอีกฝ่ายทำลูกแก้วหลุดมือลงพื้นในที่สุด
แต่ทว่า...มันกลับไม่มีใครรอรับลูกแก้วอยู่
ซาเนียย่าเองก็มัวแต่ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูกตั้งแต่เจอดราฟแล้ว สมองดูเหมือนจะทำงานติดขัดชั่วขณะ ทั้งๆ ที่เห็นลูกแก้วกำลังจะตก แต่ดูเหมือนเธอจะขยับตัวไม่ได้ด้วยซ้ำ หรือพูดให้ถูกก็คือช็อคค้างนั่นเอง
เพล้ง!!!
ลูกแก้วตกพื้นกระจายไปทั่ว เศษแก้วพอโดนพื้นก็กลายเป็นฟองฟูเหมือนสารพิษในห้องทดลอง ไอสีดำข้างในลอยกระจายออกมาเป็นรูปดอกเห็นก่อนจะค่อยๆ ซึมลงไปในพื้นหินของพระราชวัง ทุกที่ๆ มันซึมลงไปค่อยๆ กลายเป็นสีดำและขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ และบริเวณไหนที่เป็นสีดำก็ดูเหมือนแสงสว่างจะถูกดูดหายไปจนเหลือแต่ความมืดมิดของเงาเวลาที่แสงโดนบัง
“....” ซาเนียย่าอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็พูดไม่ออก นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องมองพื้นสีดำที่ขยายมาใกล้เธอ สองเท้าก็ขยับหนีตามสัญชาตญาณอย่างช้าๆ เสียงกรีดร้องของดีว่าที่เอาแต่คร่ำครวญถึงโหงพรายดำดูจะไม่เข้าหูเธอเลยสักนิด ราวกับว่าประสาทรับรู้ต่างๆ กำลังถูกตัดไปช้าๆ เริ่มจากขาที่หยุดเดิน หูที่อื้ออึง และความรู้สึกที่ว่างเปล่า จนในที่สุดก็มีเพียงตาสองคู่เท่านั้นที่ยังมองสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไป
“ถอยออกมา”
ดราฟตะโกนร้องบอกให้ซาเนียย่าถอยออกมาจากพื้นที่ตรงนั้น แต่นักฆ่าสาวก็ยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง พอเขาวิ่งเข้าไปหาและผลักเธอจนล้มลงไปนั่งแหมะกับพื้นถึงได้เห็นว่านัยน์ตาสีน้ำตาลนั้นช่างว่างเปล่าราวกับวิญญาณได้ออกไปจากร่างเสียแล้ว
“โธ่เว้ย!! เจ้านี่ชอบสร้างปัญหาจริง”
เขาตัดสินใจช้อนร่างของหญิงสาวขึ้นมาแล้วเดินออกไปทางประตูหลังวังพร้อมกับม่านไฟที่คอยป้องกันเขาจากพวกเงาที่พุ่งเข้ามาทำร้าย และทิ้งให้ดีว่านั่งร้องคร่ำครวญถึงโหงพรายต่อไปราวกับคนไร้สติ
“ผู้ที่ทำให้ท่านโหงพรายพิโรธ มันจะต้องพินาศ มันจะต้องตายทั้งเป็นในโลกที่ไร้แสงสว่าง...ไร้แสงสว่าง ฮ่าๆๆๆ”
ทางอีกด้านหนึ่งของวัง คนสามคนกำลังลอบออกจากวังอย่างช้าๆ พยายามให้แนบเนียนและไร้ร่องรอยที่สุดเท่าที่จะทำได้
“เราควรจะไปช่วยยาติสออกมาด้วย อย่างน้อยนางก็เป็นสนม” เสียงเครียดๆ ดังรอดออกมาจากผ้าคลุมสีดำสนิทที่ใช้ปิดหน้าเพื่อพรางตา แต่นัยน์ตาสีมรกตเช่นเดียวกับใครอีกคนกลับบ่งบอกว่าเขาคือองค์ราชาเจอร์โรมได้เป็นอย่างดี
มาริเอะกับซาคานในชุดคลุมปิดหน้าตาสีดำเหมือนพวกเงาหันไปสบตากันเล็กน้อยก่อนส่ายหน้าปฏิเสธว่าไม่ได้ เพราะพวกเธอไม่มีเวลามาช่วยใครต่อใครแบบแม่พระใจบุญหรอกนะ แค่เข้ามาแล้วออกไปได้นี่ก็ถือว่าฝีมือสุดๆ แล้ว
ควับ ควับ
เสียงผ้าคลุมเสียดสีและสะบัดไปมาดังแว่วมาจากทางแยกตึกด้านหน้า และด้วยประสาทหูชั้นเลิศระดับซาคานแล้วก็รีบสร้างมิติเงาของตัวเองให้มาริเอะและเจอร์โรมเข้าไปแอบทันที
“ถ้าพวกมันเพ่นพ่านขนาดนี้เราออกลำบากแน่” มาริเอะกระซิบเสียงเบาพลางส่องตาเข้ากับรูมิติที่ซาคานเปิดเอาไว้เพื่อดูว่าพวกมันไปหรือยัง แต่พอเห็นเงาสองคนกำลังเดินมาทางนี้ก็รีบหลบเข้ามาทันที
“เอาน่าๆ อุตส่าห์ลอบเข้าห้องพระราชาได้ ออกจากวังก็ไม่ใช่เรื่องยากหรอก” เจอร์โรมเอ่ยทีเล่นทีจริงราวกับว่านี่เป็นเพียงเกมผจญภัยสนุกๆ ผิดก็ตรงที่เกมนี้ต้องชนะเท่านั้น
“มันไปแล้วละ”
ซาคานเอ่ยตัดบทพร้อมกับที่ทุกคนค่อยๆ เดินออกไปอย่างช้าๆ ข้างหน้าคือกำแพงวังตรงส่วนที่เตี้ยที่สุดและกระโดดออกง่ายที่สุด ทว่ามันก็มีเงาอยู่เยอะที่สุดด้วยเช่นกัน
เพราะทันทีที่ทั้งหมดกระโดดขึ้นไปอยู่บนกำแพง เงานับสิบก็พุ่งเข้ามาทันที มาริเอะรีบจับตัวเจอร์โรมแล้วกระโดดหนีอย่างรู้งาน ปล่อยให้ซาคานจัดการกับพวกเงาเอง
ผ้าสีดำยืดยาวออกมาจากแขนเสื้อของซาคาน เขาจับมันตะวัดเข้ากระแทกเงาที่พุ่งเข้ามาจนกระเด็นกลับไปนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น องครักษ์หนุ่มยืนรอดูปฏิกิริยาจนแน่ใจแล้วจึงค่อยตามมาริเอะไปโดยไม่ปล่อยให้เธอคลาดสายตาแม้แต่น้อย
เย็นมากแล้วกว่าที่ทุกคนกลับมาอยู่ที่บ้านต้นไม้ที่ท่าเรือฟรอนเต้จนครบหมดทุกคน ทำให้บ้านที่เดิมทีก็เล็กอยู่แล้วยิ่งเล็กลงเข้าไปอีก เก้าอี้ที่มีอยู่น้อยตัวทำให้หนุ่มหรือแก่บางคนต้องเสียสละที่ให้สาวๆ นั่งแล้วระเห็จตัวเองไปอยู่ตามขอบโต๊ะหรือริมหน้าต่างแทน ทว่าแม้ว่าจะสามารถหนีตายออกมาจากวังที่ตอนนี้ดูเหมือนจะถูกพลังของโหงพรายจากลูกแก้วที่หล่นแตกกลืนจนกลายเป็นเมืองที่ไร้แสงตะวันไปเสียแล้ว แต่ทุกคนก็ยังคงทำหน้าเคร่งเครียดเพราะร่างของหญิงสาวนักฆ่าที่นั่งเหม่อลอยเหมือนไร้วิญญาณอยู่กลางห้อง
“ไม่มีทางแก้เลยหรือ” มาริเอะถามด้วยน้ำเสียงเบาหวิวเหมือนคนไม่มีแรง หันไปมองหมอสาวจากราชสำนักก็ส่ายหน้าปฏิเสธ พอหันไปมองซาคานที่เป็นเงาเพียงหนึ่งเดียวในห้องก็มีแต่นัยน์ตาว่างเปล่าที่ไร้คำตอบ
“อย่ากังวลไปเลยแม่นาง” โยเซฟวางมือบนไหล่หญิงสาวราวกับจะปลอบ
“ข้ามันโง่เองที่ปล่อยให้คนชอบสร้างปัญหาอย่างนางถือลูกแก้ว” ดราฟเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งจนดูไม่ออกว่ามันเป็นประโยคตัดพ้อรับผิดเองหรือว่าซาเนียย่ากันแน่
“นี่มันแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น” ซาคานเอ่ยประโยคที่ทุกคนทำหน้าฉงน
“หมายความว่าอย่างไร!!”
ทุกคนแทบจะร้องถามขึ้นพร้อมกัน
ซาคานถอนใจเล็กน้อยก่อนเอ่ย “พลังของโหงพรายถูกแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนที่อยู่ที่วังเป็นเพียงแค่เสี้ยวเดียวเท่านั้น แต่ทว่ามันไม่มีคนคอยควบคุม พอแตกออกจากลูกแก้วก็เลยพุ่งเข้าหาที่สิ่งสถิต”
“หมายถึงนางหรือขอรับ” ท่านตุลาการร้องถามขึ้น ซึ่งเขาก็พยักหน้ารับ
ทุกคนดูเหมือนจะนิ่งเงียบไปอีกครั้ง บางคนก็เฝ้ามองใบหน้าที่แสนว่างเปล่าของนักฆ่าสาวผู้โชคร้ายอย่างเวทนาสงสาร แต่บ้างก็ดูเหมือนจะรำคาญกับปัญหาที่แก้ไม่จบไม่สิ้น
“แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่มีทางแก้ไม่ใช่หรือ ถ้าเจ้า...” เจอร์โรมหยุดประโยคไว้แค่นั้น ตามองไปยังซาคานเหมือนขอความเห็นจากเขา
“ข้าคิดว่าสามารถทำได้ แต่ไม่รับรองผลตามมา”
“ทำ...เจ้าทำอะไร” มาริเอะร้องขึ้นอย่างมีความหวัง แต่แวบหนึ่งที่พอคิดว่าซาคานยังมีพลังไฟอาร์หลงเหลืออยู่ก็หน้าจ๋อยลงทันที
“ข้าสามารถใช้พลังเงาแทรกซึมเข้าไปในจิตวิญญาณของนาง
งั้นหรอ...มาริเอะคิดในใจ นัยน์ตาสีเงินมองชายตรงหน้าอย่างเพ่งพินิจ อยากรู้ว่าเขาทำอะไรได้บ้างกันแน่ เพราะทุกครั้งที่เหมือนจะมีปัญหา เขาก็สามารถหาอะไรดีๆ มาแก้ได้ทุกครั้ง
แต่คราวนี้คือชีวิตของซาเนียย่า...เธอคิดว่ามันคุ้มที่ลองเสี่ยงและฝากชีวิตของคนสำคัญคนสุดท้ายในชีวิตเธอไว้ที่เขางั้นหรือ
ความคิดเห็น